Tag : ยูนิเวนเจอร์

4 ผลลัพธ์
“ยูนิเวนเจอร์” เผยผลประกอบการ ประจำปี’61 รายได้รวม 20,994 ล้านบาท

“ยูนิเวนเจอร์” เผยผลประกอบการ ประจำปี’61 รายได้รวม 20,994 ล้านบาท

บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เผยภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ในปี 2561 (ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2560 ถึง 30 กันยายน 2561) โดยมียอดรายได้รวม 20,994 ล้านบาท เติบโต 16% จากช่วงเดียวกันของปี 2560 มีผลกำไรสุทธิส่วนของบริษัทอยู่ที่ 1,006 ล้านบาท ทั้งนี้ บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้หลักในปี 2562 (ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2561 ถึง 30 กันยายน 2562) กว่า 25,800 ล้านบาท และมีแผนเปิดโครงการใหม่ในปีนี้กว่า 31 โครงการ พร้อมรุกเสริมความแข็งแกร่งธุรกิจ เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน   นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาพรวมการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ประจำปี 2561 ว่าบริษัทฯ มีรายได้รวม 20,994 ล้านบาท โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 16,812 ล้านบาท ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่า และโรงแรม 1,688 ล้านบาท ธุรกิจอื่น (รวมธุรกิจสังกะสีออกไซด์) 2,373 ล้านบาท และรายได้อื่น ๆ 121 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิส่วนของบริษัท 1,006 ล้านบาท “ในปีงบประมาณ 2561 รายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายทั้งในแนวราบและแนวสูงซึ่งอยู่ในธุรกิจการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ แบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวราบ 14,053 ล้านบาท โดยมาจากโครงการของกลุ่มแผ่นดินทอง จำนวน 38 โครงการ และรายได้จากโครงการแนวสูง 2,759 ล้านบาท จาก 8 โครงการของ บริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY   นอกจากนี้ ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมทั้งสิ้น 10,200 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 7,000 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 3,200 ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปี 2562 จำนวน 9,700 ล้านบาท (จากโครงการแนวราบ 7,000 และโครงการแนวสูง 2,700) หรือคิดเป็น 45% ของเป้ารายได้อสังหาริมทรัพย์เพื่อขายปี 2562 ที่ 21,400 ล้านบาท ในปี 2562 บริษัทฯ วางแผนเปิดโครงการแนวราบใหม่จำนวนกว่า 25 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 28,600 ล้านบาท และโครงการแนวสูงใหม่ จำนวน 6 โครงการ มูลค่าโครงการไม่น้อยกว่า 9,600 ล้านบาท” นายวรวรรต กล่าว   นายวรวรรต กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีงบประมาณ 2562 บริษัทฯ ตั้งเป้ารายได้หลักอยู่ที่ 25,800 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขายคิดเป็นสัดส่วนประมา ณ 83% ทั้งนี้มาจากโครงการแนวราบประมาณ 70% และมาจากโครงการแนวสูงประมาณ 13% รายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและโรงแรมประมาณ 7% ธุรกิจอื่นๆ (รวมธุรกิจสังกะสีออกไซด์) ประมาณ 10%” ล่าสุด จากการประชุมสามัญผู้ถือหุ้น ประจำปี 2562 ได้มีมติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นของ UV และ GOLD อนุมัติการออกและเสนอขายหุ้นกู้เพิ่มเติม ในวงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท (UV 2,000 ล้านบาท และ GOLD 3,000 ล้านบาท)   ทั้งนี้ ในปี 2562 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นการเสริมสร้างความแข็งแกร่งตลอดทั้งภาพรวม เพื่อประสิทธิภาพและความพร้อมในการขับเคลื่อนองค์กร เพื่อการพัฒนาและเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน (Towards Sustainable Growth) โดยเพิ่มความเข้มข้นในการดำเนินการตามกลยุทธ์หลัก 3 ปี ที่เราให้ความสำคัญ (Core Strategy 2018 - 2020) ทั้ง 5 ส่วน ให้เห็นชัดเจนเป็นรูปธรรม ไม่ว่าจะเป็น การ “Optimization” ความหลากหลายที่เรามี เพื่อสร้างประสิทธิภาพให้ดียิ่งขึ้น ล่าสุด ธุรกิจสังกะสีออกไซด์ มีการเติบโตถึง 30 % จากปีที่ผ่านมาถือว่าเป็นการเติบโตที่ดีที่สุด และขณะนี้มีกำลังการผลิต (capacity) เต็มจำนวน พร้อมกับวางแผนในการเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการที่ยังมีแนวโน้มที่เพิ่มขึ้น “Diversification” ไปที่โครงการรูปแบบใหม่ ๆ นอกเหนือจากบ้านเดี่ยวหรือคอนโดมิเนียม อย่างเช่นล่าสุด บริษัทฯ ได้ลงทุนในการพัฒนาโครงการประเภทโรงแรม ณ จังหวัดบุรีรัมย์ ภายใต้ชื่อ Modena อีกทั้งยัง Diversified ต่อไปอีกในเรื่องของการทำ Service ต่าง ๆ นอกเหนือจากสินค้าเพื่อขายหรือเช่า เช่น การมีบริษัทมืออาชีพในการบริหารจัดการสินทรัพย์ หรือจัดการอสังหาริมทรัพย์ การมี โบรคเกอร์ในการดูแลการปล่อยเช่าหรือการสร้างมูลค่าเพิ่ม รวมถึงการบริการที่ครอบคลุมทั้งในช่วงการเตรียมการ และระหว่างการก่อสร้างเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด บริษัทฯ ยังมุ่งเน้นการมองทั้ง “Supply Chain” เพื่อต่อยอดและสร้างความแข็งแกร่งให้กับองค์กรและการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งวิเคราะห์และมองหาโอกาสที่ใช่ตลอดทั้งระยะทาง บนพื้นฐานสำคัญของ Entry Point และExit Point ที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับ “Synergy” ธุรกิจที่ครอบคลุมในด้านอสังหาริมทรัพย์ เช่น งานที่บริษัท ฟอร์เวิร์ด ซิสเต็ม และ บริษัท อะเฮดออล จำกัด (AHEADALL COMPANY LIMITED) ที่ขายงานระบบเข้าโครงการรวมถึงสิ่งที่สำคัญที่สุด นั่นคือ “Opportunistic Investment” การขับเคลื่อนโอกาส (Opportunity) และพร้อมที่จะรองรับโอกาสใหม่ๆ ที่เห็นเป็นรูปธรรม อาทิ การเข้าลงทุนใน บริษัท สโตนเฮ้นจ์ อินเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ STI ซึ่งเป็นธุรกิจบริหารโครงการ บริหารการก่อสร้าง รวมถึงออกแบบสถาปัตยกรรมโครงสร้าง โดยมีภาพรวมผลการดำเนินงานเป็นที่น่าพอใจ มีการเจริญเติบโตอย่างต่อเนื่องในเชิงของการรับรู้รายได้ ซึ่งเติบโตเพิ่มขึ้นประมาณ 10% ต่อปี   “นอกจากการเติบโตในแง่ตัวเลขผลประกอบการ เรายังมุ่งหวังที่จะเพิ่มการบริหารงานให้แข็งแกร่ง พร้อมกับให้ความสำคัญในการจัดการในทุก ๆ ด้าน รวมถึงการดำเนินธุรกิจบนพื้นฐานของความโปร่งใส หลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี และความรับผิดชอบที่มีต่อผู้มีส่วนได้เสีย สังคม และสิ่งแวดล้อม ซึ่งที่ผ่านมาได้รับการยืนยันในคุณภาพจากหน่วยงานต่าง ๆ อย่างต่อเนื่อง โดยในรอบบัญชีปี 2561 บริษัทปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจอย่าเคร่งครัดรวมถึงได้นำหลักการกำกับกิจการที่ดีสำหรับบริษัทจดทะเบียนปี 2560 (Corporate Governance Code : CG Code) ของสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ มาปรับใช้ให้สอดคล้องกับธุรกิจและบริบทของกลุ่มบริษัทอย่างเหมาะสม โดยบริษัทได้ดำเนินการทบทวนและปรับปรุงกฎบัตร นโยบาย จรรยาบรรณทางธุรกิจ ตลอดจนดำเนินการต่างๆ ให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติของ CG Code และหลักเกณฑ์ตามโครงการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน (Corporate Governance Report of Thai Listed Companies : CGR) ส่งผลให้บริษัทได้รับผลการสำรวจการกำกับดูแลกิจการของบริษัทจดทะเบียน ประจำปี 2561 ในระดับ “ดีเลิศ” ติดต่อกันเป็นปีที่ 3 และได้รับผลการประเมินคุณภาพการจัดประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2561 จำนวน 99 คะแนน   นอกจากนี้ ล่าสุด บริษัทฯ ยังได้ประกาศเจตนารมณ์เข้าร่วมต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นในโครงการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริต โดยมีเป้าหมายยื่นขอการรับรองเป็นสมาชิกแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริตจากคณะกรรมการแนวร่วมปฏิบัติของภาคเอกชนไทยในการต่อต้านการทุจริตให้แล้วเสร็จภายในกรอบเวลาที่กำหนดต่อไป ซึ่งจากภาพรวมในการพัฒนาดังกล่าวทั้งหมด เชื่อมั่นว่าเราจะก้าวสู่ครบรอบ 40 ปีในการดำเนินธุรกิจ ในปี 2563 นี้ ด้วยความแข็งแกร่งและยั่งยืน” นายวรวรรต กล่าวในตอนท้าย          
ยูนิเวนเจอร์ โชว์รายได้ครึ่งปีแรก พร้อมส่ง 20 โครงการ ลุยตลาดอสังหาฯ

ยูนิเวนเจอร์ โชว์รายได้ครึ่งปีแรก พร้อมส่ง 20 โครงการ ลุยตลาดอสังหาฯ

ยูนิเวนเจอร์ เผยผลประกอบการไตรมาส 2/2561 มีรายได้รวม 4,844 ล้านบาท ทำให้ช่วงครึ่งปีแรก มีรายได้รวม 10,532 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 21% เมื่อเทียบกับปีก่อน    นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV กล่าวว่า ผลประกอบการในไตรมาส 2/2561 (1 มกราคม 2561 – 31 มีนาคม 2561) บริษัทมีรายได้รวมอยู่ที่ 4,844 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11%  โดยมีรายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 3,742 ล้านบาท คิดเป็น 77% ของรายได้รวม   โดยแบ่งเป็นโครงการแนวราบมีรายได้รวม 3,116 ล้านบาท มาจากโครงการของกลุ่มแผ่นดินทอง จำนวน 38 โครงการ และจากโครงการแนวสูง รายได้รวม 626 ล้านบาท จำนวน 7 โครงการ จากบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด หรือ GRAND UNITY โดยล่าสุด บริษัทฯ ได้เปิดตัว โครงการ เซียล่า ศรีปทุม (CIELA Sripatum) ที่ตั้งอยู่ติดสถานีรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ตรงข้ามมหาวิทยาลัยศรีปทุม มีการเปิดขายเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ได้รับการตอบรับอย่างดี สามารถทำยอดขายได้กว่า 80%   “ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ ในครึ่งปีหลัง (Backlog) รวม 6,093 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 4,340 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 1,753 ล้านบาท บวกกับยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่รับรู้รายได้ไปแล้วที่ 8,309 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีหลังของปี 2561 คาดว่าจะสามารถรับรู้รายได้จากยอดขายรอรับรู้ของโครงการแนวราบ และโครงการแนวสูงได้ประมาณ 4,764 ล้านบาท ส่วนยอดขายรอรับรู้ที่เหลืออีกจำนวน 1,329 ล้านบาทจะทยอยรับรู้ในปี 2562”   “นอกจากนี้ ยังมีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งหลังปี 2561 อีก 20 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 26,900 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 2 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4,600 ล้านบาท และโครงการแนวราบของกลุ่มบริษัทแผ่นดินทองอีก 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 22,300 ล้านบาท คาดว่าจะทำให้มียอดขายตรงตามเป้าอย่างแน่นอน” นายวรวรรต กล่าว   สำหรับรายได้จากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่าและธุรกิจโรงแรมรวมคิดเป็น 9% ของรายได้รวม หรือ 440 ล้านบาท รายได้จากธุรกิจสังกะสีออกไซด์คิดเป็น 11% ของรายได้รวมหรือ 516 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นการเติบโตสูงที่สุด และรายได้ธุรกิจอื่นประมาณ 3% หรือ 146 ล้านบาท
ยูนิเวนเจอร์ อวดกำไรส่วนของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่า 2.6 เท่า

ยูนิเวนเจอร์ อวดกำไรส่วนของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่า 2.6 เท่า

บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เผยผลประกอบการไตรมาส 1/2560 ผลกำไรสุทธิส่วนของบริษัทเพิ่มขึ้นกว่า 2.6 เท่ามาอยู่ที่ 418.9 ล้านบาท ขณะที่รายได้รวมอยู่ที่ 4,363.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2559 นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV กล่าวว่า ในไตรมาส 1/2560 บริษัทฯ มีรายได้รวมอยู่ที่ 4,363.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน 737.3 ล้านบาท หรือมีการเติบโต 20% โดยมีสัดส่วนรายได้มาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 3,513.6 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 81% ของรายได้รวม แบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวสูง มูลค่ารวม 1,320.1 ล้านบาท และจากโครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,193.5 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) กว่า 4,000 ล้านบาท จาก 33 โครงการ สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อเช่ามีรายได้ 402.5 ล้านบาท คิดเป็น 9% ของรายได้รวม มาจากอาคารสำนักงานเกรดเอ “ปาร์คเวนเชอร์ อีโคเพล็กซ์” จำนวน 61.1 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเช่าเต็ม 100% ของพื้นที่ให้เช่า และอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่ากลุ่มแผ่นดินทอง 341.5 ล้านบาท อีกทั้งกลุ่มธุรกิจสังกะสีออกไซด์มีรายได้ 356.9 ล้านบาท คิดเป็น 8% ของรายได้รวม นอกจากนี้ยังมีรายได้จากธุรกิจอื่นๆ 90.9 ล้านบาท คิดเป็น 2% ของรายได้” นายวรวรรต กล่าว
ยูนิเวนเจอร์ ปลื้มไตรมาสสามโต 62%

ยูนิเวนเจอร์ ปลื้มไตรมาสสามโต 62%

บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV เผยผลประกอบการไตรมาส 3/2559 มีรายได้รวม 5,195.0ล้านบาท เพิ่มขึ้น 61.5% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันในปี 2558 ทำให้ช่วงเก้าเดือนแรกมีรายได้รวม 12,872.8 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 1,309.8 ล้านบาท มียอดขายรอรับรู้รายได้ 4,944.4 ล้านบาท จากทั้งหมด 34 โครงการ นายวรวรรต ศรีสอ้าน กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ยูนิเวนเจอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ UV กล่าวว่า ผลประกอบการไตรมาส 3/2559 มีรายได้รวมอยู่ที่ 5,195.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสเดียวกันในปีก่อน 1,978.8 ล้านบาท หรือมีการเติบโต 61.5% โดยมีรายได้หลักมาจากกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อขาย 4,415.8 ล้านบาท คิดเป็น 85.0% ของรายได้รวม แบ่งเป็นรายได้จากโครงการแนวสูง มูลค่ารวม 1,884.7 ล้านบาท และมาจากโครงการแนวราบ มูลค่ารวม 2,531.1 ล้านบาท “ปัจจุบันบริษัทฯ มียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) รวมทั้งสิ้น 4,944.4 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 2,763.3 ล้านบาท และโครงการแนวสูง 2,181.1 ล้านบาท โดยแบ่งเป็น Backlog ที่จะรับรู้รายได้ในไตรมาสสุดท้าย 2,725.9 ล้านบาท และส่วนที่เหลือ 2,218.5 ล้านบาทจะทยอยรับรู้ในปี 2560 โดยยอด Backlog เป็นผลมาจากมาตรการจัดโปรโมชั่น  ต่างๆ อาทิ มหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 35, ป๊อปไม่หยุด โปรดีไม่มีเท” “สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่ามีรายได้ 385.7 ล้านบาท คิดเป็น 7.0% ของรายได้รวม นอกจากนี้ยังมีกลุ่มธุรกิจผลิตสังกะสีออกไซด์ 356.8 ล้านบาท คิดเป็น 6.9% ของรายได้รวม โดยมียอดขาย 4,949.5 เมตริกตัน” “ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี 2559 บริษัทฯ มีแผนการเปิดตัวโครงการใหม่อีก 2 โครงการ แบ่งเป็นโครงการแนวสูง 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 900 ล้านบาท และโครงการแนวราบของกลุ่มบริษัทแผ่นดินทองอีก 1 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 816 ล้านบาท เพื่อให้การรับรู้รายได้ในอนาคตเป็นไปอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ คาดว่าปี 2559 นี้จะมีรายได้รวมประมาณ 16,000 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ที่ 15,300 ล้านบาท” นายวรวรรต กล่าวในตอนท้าย