Tag : รีวิวคอนโด

154 ผลลัพธ์
Lutino Condo : รีวิวคอนโด

Lutino Condo : รีวิวคอนโด

โครงการ: Lutino Condo (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 1,090,000 บาท บาท/ตารางเมตร 43,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท วิชัยยุทธ์ดีเวลลอปเม้นท์ จุดเด่น โครงการอยู่ใกล้สถานี Interchange มี Upside gain สูง โครงการอยู่ใกล้แหล่งชุมชน โครงการอยู่ใกล้ กระทรวงสาธารณสุข จุดด้อย สวนหย่อมรอบโครงการ ระบบ CCTV รอบอาคาร Card control เข้าที่จอดรถอาคาร ระบบ MATV ห้องฟิตเนส อุปกรณ์ฟิตเนสจาก อิตาลี Key card เข้าอาคาร โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ ปลายปี 2557 ที่ตั้ง: Lutino Condo (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 0-1-35.3 ไร่ ที่ตั้ง 216/47 ถ.บอนด์สตรีท ต.บางพูด อ,ปากเกร็ด จ.นนทบุรี 11120 พิกัดโครงการ 13.854815,100.516134 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุข   สถานที่สำคัญใกล้เคียง ศาลากลางจังหวัดนนทบุรี Lotus รัตนาธิเบศร์ ESPLANADE แคราย Central รัตนาธิเบศร์ The Mall งามวงศ์วาน โรงพยาบาลโรคทรวงอก   ลักษณะโครงการ: Lutino Condo (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom 25 – 30 ตารางเมตร 2 Bedrooms 42 – 45ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 8 จำนวนห้อง 49 ยูนิต   ส่วนกลาง: Lutino Condo (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 20 คัน รวมจอดซ้อนคัน(40%) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 45 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท   สาธารณูปโภค ห้องออกกำลังกาย สวนหย่อมรอบโครงการ   เพิ่มเติม: Lutino Condo (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 089-781-4111 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.lutinocondo.com/ ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2557
de Zone แจ้งวัฒนะ : รีวิวคอนโด

de Zone แจ้งวัฒนะ : รีวิวคอนโด

โครงการ: de Zone แจ้งวัฒนะ (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 1,290,000 บาท บาท/ตารางเมตร ประมาณ 50,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท ปกาสิต แอนด์ ซัน แอสเสท จำกัด จุดเด่น คอนโดใหม่ บนถนนแจ้งวัฒนะ เดินทางสะดวกใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน พร้อมห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ และอิมแพค เมืองทองธานี จุดด้อย – โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ ปี 2558 ที่ตั้ง: de Zone แจ้งวัฒนะ (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 0 - 3 - 51 ไร่ ที่ตั้ง ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พิกัดโครงการ 13.90721,100.531415 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT เมืองทองธานี สถานที่สำคัญใกล้เคียง เซ็นทรัลแจ้งวัฒนะ แม็คโคร บิ๊กซี โฮมโปร ศูนย์ราชการแห่งใหม่ อิมแพ็ค อารีน่า เมืองทองธานี รพ.มงกุฎวัฒนะ รพ.วิภาราม รพ.ชลประทาน รพ.กรุงไทย ม.สุโขทัยธรรมาธิราช ม.ธุรกิจบัณฑิต ลักษณะโครงการ: de Zone แจ้งวัฒนะ (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 ห้องนอน ขนาดห้องที่มี 1 ห้องนอน 26 – 36 ตารางเมตร จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 147 ยูนิต ส่วนกลาง: de Zone แจ้งวัฒนะ (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด - ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 45 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส Key Card Access สวนหย่อม ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิด   เพิ่มเติม: de Zone แจ้งวัฒนะ (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-789-9993 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.dezonecondo.com/index.html ข้อมูล ณ วันที่ 13 มิถุนายน 2556
Lumpini Ville อ่อนนุช พัฒนาการ : รีวิวคอนโด

Lumpini Ville อ่อนนุช พัฒนาการ : รีวิวคอนโด

ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อโครงการ LPN Ville อ่อนนุช-พัฒนาการ ยังคิดถึงคอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้า BTS แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วต้องบอกว่าทำเลที่ตั้งนั้นห่างไกลจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุชเอาเรื่องเลยทีเดียว เราเลยต้องหันกลับไปตั้งหลักใหม่ สำรวจแล้วก็เห็นว่ายึดเอาแนวรถไฟฟ้า Airport Rail Link สถานีหัวหมาก น่าจะใกล้กว่าเพราะทางโครงการเองก็แว่วว่าจะเตรียมรถรับส่งไปยังสถานีหัวหมาก แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนนะครับ เอาเป็นว่าเราไปแอบดูก่อนดีกว่าว่าโครงการนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง การเดินทาง ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเขตชานเมืองอยู่แล้ว ถ้าจะหวังการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า หรือรถสาธารณะที่สะดวกรวดเร็วจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้อยากซักหน่อย เพราะแค่สถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link สถานีหัวหมาก ที่จัดว่าใกล้ที่สุดแล้ว ยังมีระยะทาง 4.5 กิโลเมตรโดยประมาณ หรือถ้าจะใช้เส้นทางซอยสุขุมวิท 77 ออกไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช ก็ยังมีระยะทางคร่าวๆ มากถึง 6.5 กิโลเมตร และถึงแม้ตัวโครงการจะตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท 77 ไม่ต้องเข้าซอยให้ยุ่งยาก แต่ถ้าต้องนั่งรถสองแถว พึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์ หรือต่อรถอื่นๆ ไปขึ้นรถไฟฟ้าไม่ว่าจะสายไหนก็ต้องใช้เวลาในการเดินทางพอสมควรเหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีปริมาณรถหนาแน่นด้วยแล้ว รับรองว่ารถติดกันจนเพลียแน่ๆ ถึงแม้ว่าทางโครงการจะบอกว่ามีบริการรถ Shutter Bus รับส่งระหว่างสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link และโครงการเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ก็ตาม แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะคิดค่าบริการเท่าไหร่ และจะเพียงพอต่อความต้องการของลูกบ้านแค่ไหน ดังนั้นไม่ว่าจะต้องต่อรถด้วยวิธีใดเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าก็ยังไม่เห็นความสะดวกที่มาก-น้อยกว่าหรือแตกต่างกันเท่าไหร่ นอกเสียจากว่าจะไม่หวังพึ่งพาการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็พอจะเป็นไปได้และจัดว่าสะดวกพอใช้ได้เหมือนกัน เช่น รถเมล์ รถสองแถว มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือรถแท็กซี่ ก็มีให้เลือกตามความเหมาะสม ส่วนคนที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก น่าจะสะดวกที่สุดในเรื่องการเดินทาง เพราะทำเลที่ตั้งที่อยู่ระหว่างถนนศรีนครินทร์ และถนนพัฒนาการ จึงทำให้มีเส้นทางเลี่ยงรถติดได้พอสมควร ทั้งเส้นทางเข้าเมืองอย่างเส้นทางหลักถนนอ่อนนุช ถนนสุขุมวิท หรือจะเลี่ยงไปใช้ถนนศรีนครินทร์ ออกบางนา แล้วค่อยขึ้นทางด่วน หรือออกถนนพัฒนาการไปทางรามคำแหง ขึ้นทางด่วนพระราม 9 หรือต่อไปลาดพร้าว ก็ทำได้เหมือนกัน ส่วนถ้าจะออกนอกเมืองก็ยังมีทั้ง ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก) หรือจะออกไปทางลาดกระบัง หรือเลือกเส้นทางมอเตอร์เวย์ก็ยังได้ รวมถึงการเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิก็ยิ่งไม่ยากเข้าไปใหญ่ เพราะอยู่ห่างออกไปแค่ 11 กิโลเมตรเท่านั้น นอกจากเรื่องปัญหารถติดที่ยังไงก็ต้องเผชิญอยู่แล้ว ที่น่าห่วงอีกเรื่องก็เห็นจะเป็นเรื่องที่จอดรถในโครงการนั่นแหละที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน วิเคราะห์ภาพรวมโครงการ ถึงทำเลที่ตั้งของโครงการจะจัดว่าอยู่ค่อนไปทางแถบชานเมือง แต่ว่ารอบๆ โครงการถือว่าอุดมสมบูรณ์ และพลุกพล่านอยู่มากทีเดียว ทั้งหมู่บ้านเสรีอ่อนนุชที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งมีทั้งตลาดสด ตลาดโต้รุ่ง ร้านขายอาหาร ร้านสะดวกซื้อหลายๆ แบรนด์ แถมตลอดเส้นทางบนถนนอ่อนนุชตั้งแต่ปากซอยฝั่งสุขุมวิทก็มีห้างร้านใหญ่ๆ หลายแห่ง และคึกคักมากเพราะมีชุมชน หมู่บ้าน คอนโดทั้งเก่าและใหม่อีกเพียบ ส่วนห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ในรัศมีรอบๆ ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ทั้ง Seacon Square, Paradise Park, Thanya Park และ MaxValue รวมไปถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อย่างสวนหลวงร.9 ก็อยู่ไม่ไกลเช่นกัน สำหรับตัวโครงการ LPN Ville อ่อนนุช-พัฒนาการนั้นต้องบอกว่าไม่ได้มีการออกแบบ หรือดีไซน์ที่ต่างจากรูปแบบเดิมๆ ของ LPN เท่าไหร่ ถ้าใครที่พอจะคุ้นเคยอยู่แล้วก็น่าจะพอนึกหน้าตาตึกและโทนสีที่เป็นเอกลักษณ์ของ LPN ออก ตัวโครงการประกอบด้วยหมู่ตึกแบบ Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 7 ตึก เรียงตัวกันตามลักษณะที่ดินที่ลึกเข้าไปด้านใน นอกจากอาคาร A ที่เป็นอาคารแรกด้านหน้าโครงการที่ขนานไปตามแนวถนนแล้ว อาคารอื่นๆ ที่เหลือเป็นรูปทรงตัว L ว่าเรียงสลับฝั่งและหันหน้าเข้าหากัน และอาศัยพื้นที่ตรงกลางตกแต่งเป็นสวนหย่อม ด้วยความหนาแน่นของจำนวนยูนิตรวมกว่า 1,600 ยูนิต บนเนื้อที่ขนาด 15 ไร่เศษ ถือว่าเป็นชุมชนขนาดใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว พื้นที่ส่วนกลางถูกจัดแยกไว้ในบริเวณใกล้ๆ กับอาคาร C1 และ D1 ซึ่งจะมีทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนสตามมาตรฐาน แต่ก็อย่าคาดหวังเกินไปนะครับ เพราะขนาดของส่วนกลางนั้นคับแคบเกินกว่าที่จะสามารถรองรับการใช้งานของลูกบ้านทั้งหมดได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริงแน่ๆ รวมถึงเรื่องที่จอดรถด้วย เพราะทั้งโครงการมีที่จอดรถเพียง 560 คันเท่านั้น ซึ่งนับรวมแบบจอดซ้อนคันแล้วด้วย ทำให้ปัญหาเรื่องที่จอดรถเป็นประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว เพราะนอกจากจะต้องเผชิญปัญหารถติดแล้ว ถ้ายังต้องมีปัญหาเรื่องหาที่จอดรถไม่ได้อีกคงไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเอาซะเลย อีกเรื่องที่ไม่น่ามองข้ามก็คือ อัตราความหนาแน่นของลิฟต์โดยสารที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัว ทำให้อัตราเฉลี่ยรวมของทั้งโครงการอยู่ที่ จำนวน 114 ยูนิต ต่อ ลิฟต์โดยสาร 1 ตัว ซึ่งถือว่าหนาแน่นมาก แต่ถ้าเทียบกับราคาห้องที่จ่ายไปในระดับล้านต้นๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอถูไถได้ ถ้ามองในแง่ดีขึ้นมาหน่อยก็ในมุมที่อาคารพักอาศัยเป็น Low Rise สูงแค่ 8 ชั้น ถ้าจะตัดปัญหาโดยเลือกเดินขึ้นลงทางบันไดบ้างก็ยังสามารถทำได้แบบไม่ลำบากจนเกินไป พาชมห้องตัวอย่าง สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการ LPN Ville อ่อนนุช-พัฒนาการ ก็ไม่ได้ต่างไปจากโครงการอื่นๆ ของ LPN ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ขนาดห้องที่มีให้เลือกก็ยังคงเริ่มต้นด้วยขนาดเล็กสุดที่ 22.5 ตร.ม. ตามมาด้วยห้องขนาด 26 ตร.ม. และ 45 ตร.ม. ในแบบห้อง combine และความสูงของฝ้าเพดานที่ 2.4 เมตร ตามมาตรฐาน LPN เลยครับ ห้องทั้งหมดขายมาแบบห้องเปล่า ของที่มีมาพร้อมห้องก็มีแค่ ตู้เสื้อผ้า Built in ในห้องนอน ชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้น การออกแบบ Lay out ห้องก็เป็นไปตามฟอร์มและแพทเทิร์นเดิม ซึ่งน่าจะเป็นเอกลักษณ์ของเค้าอยู่แล้ว จนแทบจะไม่ต้องพูดอะไรมากก็น่าจะนึกภาพกันออกนะครับ ตัวห้องนอนถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ห้องน้ำของห้อง 22.5 ตร.ม. จะไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้ ในขณะที่ห้องขนาด 26 ตร.ม. ขึ้นไปจะติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำมาให้แล้ว พื้นที่ใช้สอยในห้องมีขนาดเล็กและค่อนข้างจำกัด เปิดประตูเข้าห้องมาก็เจอพื้นที่นั่งเล่น และชั้นวางทีวีอยู่หลังประตูเลย ด้วยพื้นที่ห้องที่จำกัดทำให้การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งห้องต้องคำนวนกันให้ดีๆ ไม่งั้นอาจจะขาดๆ เกินๆ ได้ แต่ถ้าอยากตัดปัญหาในการเลือกเฟอร์นิเจอร์เอง ทางโครงการเค้าก็มีแพคเก็จราคาค่าตกแต่งห้องไว้เป็น option เสริมให้ลูกค้าพิจารณาจ่ายเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ข้อด้อยในจุดเดิมที่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้ในที่เหนือประตูระเบียงบริเวณห้องครัวก็ยังเป็นเหมือนเดิม ซึ่งเราเห็นว่าน่าจะเป็นปัญหาตามมาในเรื่องการทำความเย็นได้ไม่ทั่วห้องและทำให้เปลืองค่าไฟครับ ห้องขนาด 22.5 ตร.ม. และ 26 ตร.ม. ยังคงใช้ Lay out เหมือนกันเป๊ะ ต่างกันแค่พื้นที่ใช้สอยภายในห้องเท่านั้น รวมไปถึงห้องขนาด 45 ตร.ม. ที่มาในลักษณะห้อง Combine มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบ 3-4 คนได้แบบพอดีๆ แต่ถ้าใครยังอยากเห็นห้องตัวอย่างเปรียบเทียบกับห้องเปล่าๆ แบบเต็มตา ก็สามารถแวะเข้าไปชมได้ที่สำนักงานขายเลยครับ ทางโครงการเตรียมห้องตัวอย่างที่ตกแต่งเสร็จ และห้องตัวอย่างแบบโล่งๆ โล้นๆ ให้เราได้เห็นพื้นที่จริงชัดๆ ไปเลย ความคุ้มค่าการลงทุน เนื่องจาก LPN Ville อ่อนนุช-พัฒนาการเป็นโครงการใช้ ภายใต้การบริหารงานของบริษัทมหาชน ดังนั้นตัวโครงการจึงมีความน่าเชื่อถือสูงในเรื่องการจัดการด้านต่างๆ ได้ค่อนข้างดี การเลือกที่จะอยู่อาศัยในทำเลแถบนี้ก็จัดได้ว่าเงียบสงบอยู่พอสมควร เนื่องจากบริเวณรอบๆ โครงการยังเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ จะติดขัดอยู่บ้างก็เป็นเรื่องความหนาแน่นของโครงการ และพื้นที่ส่วนกลางทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และที่จอดรถที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริง รวมถึงเรื่องของการเดินทาง เพราะที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้ามากพอสมควร อีกทั้งระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ก็ต้องฝ่าฟันสภาพการจราจรที่ค่อนข้างติดหนัก โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนของทุกวัน ในส่วนของการลงทุนไว้สำหรับปล่อยเช่านั้น อาจจะหากลุ่มคนเช่าได้ยากสักหน่อย เพราะระแวกใกล้เคียงไม่มีสำนักงาน หน่วยงานราชการ หรือสถานศึกษาอยู่เลย ดังนั้นกลุ่มคนทำงานที่น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายในการปล่อยเช่าจึงมีน้อย โครงการนี้จึงน่าจะเหมาะกับคนที่กำลังมองหาห้องไว้อยู่อาศัยเองเสียมากกว่า ยิ่งถ้ามีความคุ้นเคยหรือต้องอาศัยอยู่ในแถบนี้อยู่แล้ว ก็น่าจะรู้สึกสะดวกมากยิ่งขึ้น (คลิกดูบทวิเคราะห์การลงทุน)
Aspire สาทร – ตากสิน (Brick Zone) : รีวิวคอนโด

Aspire สาทร – ตากสิน (Brick Zone) : รีวิวคอนโด

โครงการ: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW)   ราคา 1,690,000 บาท บาท/ตารางเมตร 60,500 บาท เจ้าของโครงการ Asian Property Development (AP) จุดเด่น มีโอกาสทำไรจากราคาห้องที่จะปรับตัวในอนาคตสูงกว่าโครงการใกล้เคียง บริษัทเจ้าของโครงการมีความมั่นคงสูง จุดด้อย โครงการจะอยู่ค่อนข้างห่างจากสถานี BTS เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น ตังโครงการอยู่ค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่ โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ 2558 ที่ตั้ง: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 4-9-94.7 ไร่ ที่ตั้ง ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร พิกัดโครงการ 13.714104,100.464513 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS วุฒากาศ สถานที่สำคัญใกล้เคียง เดอะมอลล์ท่าพระ ตลาดพลู วงเวียนใหญ่ ลักษณะโครงการ: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW) ประเภทห้องที่มี Studio ขนาดห้องที่มี Studio 28 ตร.ม. จำนวนตึก 2 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 364 ยูนิต ส่วนกลาง: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 140 คัน(35%) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 35 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 350 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส รปภ. และ CCTV 24 ชม.   เพิ่มเติม: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-490-3563 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.apthai.com/Aspire/Aspire-Sathorn-Taksin-Brick-Zone-/home/ ข้อมูล ณ วันที่
Equinox พหล-วิภา : รีวิวคอนโด

Equinox พหล-วิภา : รีวิวคอนโด

โครงการ: Equinox พหล-วิภา (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 4,500,000 บาท บาท/ตารางเมตร ประมาณ 113,000 บาท เจ้าของโครงการ Major Development Public Company Limited จุดเด่น คอนโด High Rise สูง 42 ชั้น 2 อาคาร บนถนนพหลโยธิน ใกล้ BTS หมอชิต ตรงข้ามสวนจตุจักร จุดด้อย – โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ พร้อมเข้าอยู่ ที่ตั้ง: Equinox พหล-วิภา (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด ประมาณ 3-0-92 ไร่ ที่ตั้ง ถนนพหลโยธิน แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.809454, 100.558950 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS หมอชิต สถานที่สำคัญใกล้เคียง เซ็นทรัล พลาซ่า ลาดพร้าว ยูเนี่ยน มอลล์ สวนจตุจักร BTS หมอชิต เมเจอร์ รัชโยธิน ลักษณะโครงการ: Equinox พหล-วิภา (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms Duplex Penthouse ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom ขนาด 30 – 40 ตารางเมตร 2 Bedrooms ขนาด 60 – 76 ตารางเมตร Duplex Penthouse ขนาด 106 – 290 ตารางเมตร จำนวนตึก 2 อาคาร จำนวนชั้น 42 ชั้น จำนวนห้อง 490 ยูนิต ส่วนกลาง: Equinox พหล-วิภา (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 440 คัน คิดเป็น 90% ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 30 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส Bar B-Q Area Reading Corner Play Ground Slider Wooden Deck Out Door Terance Planter Box Kid Jacuzzi   เพิ่มเติม: Equinox พหล-วิภา (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-272-2200 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.equinox-bangkok.com/ ข้อมูล ณ วันที่ 1 พฤษภาคม 2557
The Seed แจ้งวัฒนะ : รีวิวคอนโด

The Seed แจ้งวัฒนะ : รีวิวคอนโด

โครงการ: The Seed แจ้งวัฒนะ (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 1,650,000 บาท บาท/ตารางเมตร 73,300 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) จุดเด่น คอนโด Low Rise จากพฤกษาบนถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน และรถไฟฟ้า ส่วนต่อขยายสายสีชมพู สถานีศรีรัช จุดด้อย – โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ - ที่ตั้ง: The Seed แจ้งวัฒนะ (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 2-0-32 ไร่ ที่ตั้ง ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี พิกัดโครงการ 13.898142,100.546619 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT ศรีรัช สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงพยาบาลมงกุฏวัฒนะ โรงพยาบาลกรุงไทย ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ศูนย์ราชการกรุงเทพมหานคร โครงการรถไฟฟ้า(ในอนาคต) สายสีชมพู เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ แมคโคร แจ้งวัฒนะ ลักษณะโครงการ: The Seed แจ้งวัฒนะ (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี Studio 1 ห้องนอน 2 ห้องนอน ขนาดห้องที่มี Studio ขนาด 22.50 ตร.ม. 1 ห้องนอน ขนาด 28.72 – 31.68 ตร.ม. 2 ห้องนอน ขนาด 47.28 – 64.51 ตร.ม. จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 210 ยูนิต ส่วนกลาง: The Seed แจ้งวัฒนะ (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด - ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) - ค่ากองทุน(/ตร.ม) - สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส Key Card Access สวนหย่อม ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้อง   เพิ่มเติม: The Seed แจ้งวัฒนะ (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 1739 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.pruksa.com ข้อมูล ณ วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2556
My Story ลาดพร้าว 71 : รีวิวคอนโด

My Story ลาดพร้าว 71 : รีวิวคอนโด

สำหรับที่ดินของโครงการมีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาด 8 ไร่ ติดกับถนนนาคนิวาสเลย ไม่ต้องเลี้ยวเข้าซอยอีกแล้วครับ พื้นที่ทั้งหมดจัดสรรเป็นอาคารที่พักอาศัยจำนวน 4 อาคาร คือ Tower A, B, C และ D โดยอาคารทั้งหมดนี้โอบล้อมพื้นที่ส่วนกลางไว้มิดชิด ทั้งสระว่ายน้ำ 2 สระ ห้องออกกำลังกาย และสวนหย่อมสำหรับพักผ่อนขนาดใหญ่ที่ยกระดับขึ้นมา และจัดสรรพื้นที่ด้านล่างให้เป็นที่จอดรถ รวมถึงมีถนนรอบโครงการ โดยที่บริเวณรอบๆ นี้ก็มีที่จอดรถกลางแจ้งให้ด้วยเช่นกัน นับรวมแล้วก็พื้นที่ทั้งหมดสามารถรองรับปริมาณการจอดรถได้ถึง 40% (นับรวมจอดซ้อนคัน)  โซนด้านหน้าเป็นอาคาร A และ C เข้าออกได้สะดวกเพราะอยู่ใกล้ทางเข้าออกหลักของโครงการ ส่วนโซนด้านหลังจะเป็นอาคาร B และ D โดย 2 อาคารนี้จะได้เปรียบเรื่องใกล้ที่จอดรถในร่มมากกว่าหน่อยครับ ในขณะที่ทิศทางของห้องพักส่วนใหญ่จะอยู่ทางด้านทิศเหนือและทิศใต้ตามลักษณะของที่ดิน ห้องฝั่งด้านในจะได้วิวพื้นที่ส่วนกลางของโครงการเป็นหลักนะครับ แต่ก็อาจมีเสียงรบกวนจากผู้คนที่มาใช้พื้นที่ส่วนกลาง ส่วนห้องฝั่งด้านนอกก็จะได้เปรียบเรื่องวิวที่กว้างกว่า เพราะปัจจุบันที่ดินรอบโครงการยังเป็นที่ดินว่างและบ้านพักอาศัย 2-3 ชั้นเท่านั้นครับ ในแต่ละอาคารจะมีลิฟท์โดยสารให้ 2 ตัว ซึ่งก็ถือว่าพอใช้งานได้สบายๆ สำหรับคอนโด Low Rise แบบนี้ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ร้านค้าในบริเวณใต้อาคาร A และ C ให้ด้วย ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้ทางโครงการจัดแบ่งขายขาดเช่นเดียวกับการขายห้องพักเลยนะครับ ดังนั้นจึงยังไม่รู้ว่าจะมีร้านค้าอะไรบ้างในอนาคต   เรื่องการออกแบบอาคารถือว่ามีรายละเอียด และลูกเล่นเล็กๆ น้อยๆ แทรกอยู่ในหลายๆ จุด ทำให้รูปลักษณ์ของอาคารดูทันสมัยมากขึ้น ทั้งการใช้กรอบสี่เหลี่ยมมาประดับตัวอาคาร หรือลูกเล่นเรื่องเหลี่ยมมุมที่สอดรับกันเป็นอย่างดีตามคอนเซปต์โครงการ อาคารทั้งหมดจึงดูเหมือนแฝด 4 ที่แอบมีจุดเด่นเล็กๆ เป็นของตัวเองนั่นเอง   แบบจำลองตัวโครงการ Master Plan จะเป็นอาคาร Low Rise สูง 8 ชั้น 4 อาคาร ล้อมรอบสระว่ายน้ำและสวนส่วนกลาง พื้นที่ตรงกลางโครงการจะเป็นสระว่ายน้ำ 2 สระ และสวนสีเขียว ภาพกราฟฟิคสระว่ายน้ำ 2 สระ ที่อยู่หน้าอาคาร A และ อาคาร C ชั้น 1 ที่อาคาร A และ C ส่วนที่ติดกับสระว่ายน้ำจะเป็นห้องพัก ส่วนด้านหลังจะเป็นที่จอดรถ แต่อาคาร B และ D จะเป็นที่จอดรถทั้งหมด ด้านหน้าโครงการ ทางเข้าอาคาร A และอาคาร C จะเป็น Lobby และร้านค้า ส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มจากชั้น 2 ขึ้นไป เฉลี่ยอยู่ประมาณ 22-23 ยูนิตต่อชั้น   พาชมห้องตัวอย่าง   มาถึงห้องตัวอย่างกันบ้าง ทางโครงการจัดเตรียมห้องตัวอย่างเอาไว้ให้ชม 2 แบบครับ โดยเป็นห้องแบบ 1 Bed Room เหมือนกัน แต่ต่างกันที่ขนาดพื้นที่ห้องและ Lay out ของห้อง ซึ่งก็ให้อารมณ์ของการใช้สอยที่ต่างกันออกไป   เริ่มห้องแรกที่ขนาดพื้นที่ 28.56 ตร.ม. Type B เปิดประตูเข้ามาก็เจอมุมห้องครัวก่อนเลยครับ ทั้งเคาน์เตอร์ ตู้เก็บของทุกอย่าง Built-in มาให้เสร็จสรรพ พร้อมทั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจานด้วย ส่วนตู้เย็นนี่หันกลับไปวางไว้ฝั่งตรงข้าม เวลาใช้งานจริงคงต้องหันไปหันมา อาจจะไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ ถัดเข้าไปเป็น Living Area ติดกับระเบียง พื้นที่ตรงนี้ขนาดกำลังพอดี วางโซฟาเข้าไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินเข้าออกระเบียงกว้างอยู่พอสมควรครับ อีกด้านหนึ่งเป็นโซนของห้องนอน ประตูทางเข้าห้องนอนอยู่ด้านเดียวกันกับชั้นวางทีวี พื้นที่ในห้องนอนก็กระทัดรัดดีครับ ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์จนครบแล้วก็เหลือพื้นที่ว่างให้เดินอีกนิดหน่อยเท่านั้น ในห้องมีตู้เสื้อผ้า Built-in มาให้ด้วย วางไว้ตรงหน้าทางเข้าห้องน้ำพอดี พื้นที่ตรงนี้จึงใช้เป็นมุมแต่งตัวได้เลย ภายในห้องน้ำจัดแยกส่วนแห้งส่วนเปียกไว้เรียบร้อยด้วย Shower Box พร้อมสุขภัณฑ์ตามมาตรฐาน ถือว่าจัดมาให้สมน้ำสมเนื้อทีเดียวครับ สำหรับห้อง Type B นี้ขนาดของห้องตัวอย่างเป็นแค่ขนาดเริ่มต้นเท่านั้นนะครับ ยังมีขนาดอื่นแต่เป็น Lay out เดียวกันให้เลือกด้วย แปลนห้อง ขนาด 28.56 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกับส่วนครัว ที่อยู่หน้าห้องก่อนเลยนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว จุดวางเครื่องซักผ้าจะอยู่ใต้เคาน์เตอร์ครัวนี่นะครับ ส่วนด้านบนจะเป็นชั้นลอยเก็บของ ซิ้งค์ล้างจานแบบฝัง เตาไฟฟ้าของ Sierra มาพร้อมฮูดดูดควันของ Sierra เหมือนกัน ส่วนด้านขวามือจะเป็นตู้เก็บของ และจุดวางตู้เย็น จะอยู่ตรงข้ามกับครัว ตู้เมนไฟฟ้าจะอยู่เหนือตู้เย็น เลยเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area ที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ประมาณนะครับ หน้าตาของชั้นวางทีวี ส่วนของระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขอบธรณีประตูเตี้ยๆ บริเวณระเบียง จุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียงนี่นะครับ หันหน้าเข้าหาระเบียงด้วย เวลาออกมายืนรับลมที่ระเบียงก็อาจจะได้ลมร้อนจากคอมฯ แอร์แทน เรากลับเข้ามาดูที่ห้องนอนกันต่อนะครับ ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตกำลังพอดีครับ หน้าต่างในห้องนอนจะเป็นบานเลื่อน และมีโต๊ะเครื่องแป้งอยู่ที่ปลายเตียงให้ด้วยนะครับ โต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ปลายเตียง ที่ข้างหัวเตียงด้านที่ติดกับหน้าต่าง จะมีโต๊ะข้างเล็กๆ พร้อมปลั๊กไฟ ด้านปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้เท่านั้น หากจะวางทีวีในห้องนอน คงต้องใช้แบบแขวนแทนนะครับ ส่วนอีกด้านของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้าแบบ 2 บาน เราไปดูที่ห้องน้ำกันต่อนะครับ การวางสุขภัณฑ์จะวางส่วนอาบน้ำไว้ที่ด้านหน้า เลยเข้าไปข้างในถึงจะเป็นโถสุขภัณฑ์และอ่างล้างหน้า Shower Box จะกั้นด้วยกระจกแทมเปอร์อย่างเป็นสัดส่วน ชุดฝักบัว และเครื่องทำน้ำอุ่น มีก๊อกน้ำแยกไว้ให้ใน Show Box ด้วยนะครับ เผื่อใครอยากซักมือ จะได้เปิดน้ำตรงนี้ได้เลย ที่แขวนผ้าเช็ดตัวจะอยู่ฝั่งตรงข้าม โถสุขภัณฑ์จะอยู่ตรงข้างกับอ่างล้างหน้า โถสุขภัณฑ์ของ Sierra อ่างล้างหน้าของ Sierra เหมือนกันครับ ปลั๊กไฟอยู่ข้างอ่างล้างหน้า สำหรับเสียบไดร์เป่าผม จะมีฝาครอบกันน้ำกระเด็นไปโดนปลั๊กด้วย ต่อมาเป็นห้องขนาด 33.38 ตร.ม. Type C ห้อง Type นี้ยังคงเป็นแบบ 1 Bed Room แต่ถูกปรับขนาดห้องครัวให้กว้างขึ้น และแยกไว้เป็นสัดส่วนที่ชัดเจนขึ้นด้วย เหมาะสำหรับคนที่ชอบทำอาหารเพราะมีประตูกระจกกั้นช่วยป้องกันกลิ่นรบกวน ดังนั้นพอเปิดประตูห้องเข้ามาก็จะเจอส่วนที่เป็น Living Area ก่อน ถัดไปด้านในเป็นห้องครัวติดกับระเบียง ตรงระเบียงวางเครื่องซักผ้าไว้ใต้คอมเพรสเซอร์แอร์ ภายในห้องครัวกว้างพอให้วางโต๊ะกินข้าวได้อีกชุด พื้นที่ใช้สอยของห้องนี้จึงดูเป็นสัดเป็นส่วนเรียบร้อยมากทีเดียว ส่วนภายในห้องนอนอาจจะไม่ค่อยต่างจากห้องก่อนหน้าซักเท่าไหร่ แค่มีพื้นที่ใช้สอยภายในกว้างขึ้นอีกเล็กน้อย และมีการจัดวางโต๊ะเครื่องแป้งไว้หน้าห้องน้ำ ใกล้กับตู้เสื้อผ้าที่ Built-in มาพร้อม บริเวณนี้จึงกลายเป็นมุมแต่งตัวไปเต็มรูปแบบ สำหรับในห้องน้ำก็เหมือนกันครับ มี Shower Box และสุขภัณฑ์ภายในมาครบถ้วน Type C1b แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 33.38 ตารางเมตร เข้ามาในห้องจะเจอกับส่วน Living Area ก่อน ส่วนครัวจะเข้าไปอยู่ด้านในแทน ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวี ชั้นวางทีวี ด้านหลังโซฟาทางโครงการ Built-in เป็นชั้นวางของให้ดูเป็นไอเดีย แอร์ที่ส่วน Living Area จะอยู่เหนือโซฟา เลยเข้ามาด้านในจะเป็นห้องครัว ครัวจะเป็นแบบปิดนะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ด้านในครัวจะเป็นแบบนี้นะครับ มีโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน อยู่ด้านใน อีกฝั่งจะเป็นเคาน์เตอร์ครัว ที่วางตู้เย็นจะอยู่ฝั่งเดียวกับเคาน์เตอร์ครัว ซิ้งค์ล้างจานแบบฝัง ตู้เก็บของ จาน ชาม ช้อน ส้อม ใต้เคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้า 2 หัวของ Sierra ฮูดดูดควันของ Sierra เช่นกันครับ ช่องวางไมโครเวฟ และชั้นลอยเก็บของด้านบน อีกฝั่งจะเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน มุมมองสวยๆ จากโต๊ะทานอาหาร ถัดจากครัวจะเป็นระเบียงห้องนะครับ กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเหมือนกัน เครื่องซักผ้าจะวางไว้ที่ระเบียง ใต้คอมเพรสเซอร์แอร์ ไฟส่องสว่างที่ระเบียง เรากลับเข้ามาด้านใน มาดูที่ห้องนอนกันต่อนะครับ ห้องนอนจะคล้ายๆ กับห้องที่แล้ว วางเตียง 5 ฟุต แล้วจะมาพื้นที่รอบเตียงเหลือพอนิดหน่อย ปลายเตียงมีพื้นที่เหลือพอให้เดินได้สะดวก ข้างเตียงมีที่เหลือให้วางโต๊ะข้างเล็กๆ แบบนี้ได้ หน้าต่างในห้องนอน ส่วนอีกด้านของเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า 3 บาน ที่ตั้งอยู่หน้าห้องน้ำ เดี๋ยวเราไปดูในห้องน้ำกันต่อเลยนะครับ โต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ วางอยู่หน้าห้องน้ำ การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าจะได้แนวยาวแบบนี้นะครับ มีพื้นที่ให้วางของได้เยอะหน่อย อ่างล้างหน้าของ Sierra โถสุขภัณฑ์ของ Sierra เหมือนกันครับ Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ชุดฝักบัว ต้องบอกก่อนว่าห้องทุกห้องขายกันมาให้แบบ Fully Furnished ตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ Built-in มาให้หลายชิ้น ทั้งตู้เก็บของ เตียง ตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง เคาน์เตอร์ในครัว เรียกว่าแทบจะไม่ต้องหาซื้ออะไรเพิ่มก็พร้อมเข้าอยู่ได้ทันที แถมของที่ให้มาก็ได้มาตรฐานมีคุณภาพดีทีเดียวครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน โครงการ My Story ลาดพร้าว 71 ถือว่าเป็นคอนโดมิเนียมที่เหมาะกับคนที่กำลังมองหาที่พักอาศัยในแหล่งชุมชน เพราะพื้นที่บริเวณนี้ยังเป็นโซนที่พักอาศัยเสียเป็นส่วนใหญ่ ไม่น่าจะมีการเปลี่ยนแปลงเป็นแหล่งธุระกิจได้ในอนาคต ถึงแม้ทำเลที่ตั้งจะอยู่ถัดเข้ามาด้านในบนถนนนาคนิวาส แต่ก็สามารถเชื่อมต่อไปยังถนนลาดพร้าว ถนนประดิษฐ์มนูญธรรม และถนนประเสิรฐมนูกิจ รวมถึงใกล้ด่านขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์อีก การเดินทางจึงถือว่าสะดวกมากสำหรับคนที่ใช้รถส่วนตัวอยู่เป็นประจำอยู่แล้ว ส่วนการลงทุนเพื่อการปล่อยเช่า ห้องในโซนนี้อาจจะหาผู้เช่าได้ยากซักหน่อย เพราะอยู่ไกลจากถนนสายหลักที่เป็นแหล่งรวมของสำนักงาน และหน่วยงานราชการอยู่พอสมควร ทำเลของโครงการจึงน่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการซื้อไว้อยู่อาศัยเองเสียมากกว่า เพราะบริเวณโดยรอบใกล้แหล่งช็อปปิ้งและมีสาธารณูปโภคครบครันดีมาก ทั้งโรงพยาบาลและสถานศึกษา นอกจากจะซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเองแล้ว ก็อาจจะซื้อไว้เกร็งกำไรรอขายต่อก็มีความเป็นไปได้เช่นกันครับ
The Urban Attitude แบริ่ง 14 : รีวิวคอนโด

The Urban Attitude แบริ่ง 14 : รีวิวคอนโด

วันนี้เราจะพาไปดูคอนโด Low Rise ในซอยแบริ่ง ที่มีชื่อว่า The Urban Attitude แบริ่ง 14 จาก Urban Property เจ้าของเดียวกับ The Gallery ที่อยู่ตรงต้นซอยแบริ่งนั่นเอง โครงการน้องใหม่นี้อยู่ถัดเข้ามาในซอยแบริ่ง 14 นะครับ ห่างจากรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่งประมาณ 1 กิโลเมตรได้ ซึ่งถือว่าเดินทางกันได้สะดวกสบายไม่น้อยเลย สำหรับคนที่ไม่ต้องการใช้รถส่วนตัว รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,490,000 บาท เจ้าของโครงการ    The Urban Property Co., Ltd. ลักษณะโครงการ    Low Rise สูง 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง     137 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   0 - 3 - 62 ไร่ ที่จอดรถ    ประมาณ 30% (รวมจอดซ้อนคัน) ที่ตั้งโครงการ    ซอยแบริ่ง 14 ถนนสุขุมวิท 107 ต.สำโรงเหนือ อ.เมือง  จ.สมุทรปราการ เริ่มก่อสร้าง    ไตรมาสที่ 4 ปี 2015 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาสที่ 2 ปี 2017 ค่าส่วนกลาง    45 บาท/ตารางเมตร (ชำระล่วงหน้า 1 ปี) ค่ากองทุน    500 บาท/ตารางเมตร (ชำระครั้งเดียว) วิธีการเดินทาง การเดินทางในครั้งนี้ เรานั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีแบริ่ง แล้วต่อรถเข้าไปดูที่ตั้งโครงการในซอยแบริ่ง 14 ก่อน ซึ่งระยะทาง BTS แบริ่ง เข้ามาประมาณ 800 เมตร ก็จะเห็นซอยแบริ่ง 14 อยู่ทางขวามือ เลี้ยวเข้ามาอีกนิดหน่อย ตัวโครงการจะตั้งอยู่ตรงหัวมุมด้านซ้ายมือครับ ส่วนที่ตั้งของ Sale Gallery จะตั้งอยู่ช่วงปากซอยแบริ่ง ตรงข้ามกับโครงการ The Gallery เลย หาไม่ยากครับ จากรถไฟฟ้า BTS เราสามารถเดินมาขึ้นรถสองแถว หรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างได้ที่บริเวณปากซอยแบริ่งเลยนะครับ มีรถวิ่งผ่านตลอดทั้งวัน ถ้าลงรถที่ปากซอยแบริ่ง 14 ก็เดินต่อเข้ามาในซอยอีกแค่ 150 เมตรเท่านั้น กำลังสบายๆ แต่ถ้าเลือกนั่งพี่วินมอเตอร์ไซค์ก็เลี้ยวเข้ามาส่งที่หน้าโครงการได้เลย สะดวกมากๆ ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัว ก็สามารถเลือกเข้าได้ทั้งจากเส้นทางหลักถนนสุขุมวิททางซอยแบริ่ง (สุขุมวิท 107) หรือทางซอยสุขุมวิท 109 ก็ได้ เนื่องจากท้ายซอยแบริ่ง 14 เชื่อมต่อกับซอยสันติคาม 13 ไปออกซอยสุขุมวิท 109 ได้ด้วย หรือจะมาทางถนนศรีนครินทร์ก็ได้อีกเช่นกัน นอกจากนี้เรายังสามารถใช้เส้นทางถนนเทพารักษ์ ถนนปู่เจ้าสมิงพราย และวงแหวนรอบนอก ในการเดินทางเข้า-ออกเมืองได้อีกหลายเส้นทางเลยทีเดียว การเดินทางในย่านนี้ถือว่าสะดวกมากเลยทีเดียวนะครับ เสียแต่ว่าปริมาณรถหนาแน่นมากเกือบตลอดวัน แถมยังอยู่ในเส้นทางที่มีการก่อสร้างส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าอีก ดังนั้นจึงหลีกเลี่ยงปัญหารถติดได้ยาก โดยเฉพาะในช่วงเช้าและเย็นของวันทำงาน สถานที่สำคัญใกล้เคียง BTS สถานีแบริ่ง ไบเทค บางนา เซ็นทรัล บางนา บิ๊กซี โรงเรียนนานาชาติ บางกอกพัฒนา อิมพีเรียล เวิล์ด สำโรง วิเคราะห์รอบโครงการ ถึงแม้ว่าตัวโครงการ The Urban Attitude แบริ่ง 14 จะตั้งอยู่ในเขตจังหวัดสมุทรปราการแล้วก็ตาม แต่ก็ต้องบอกว่าความเจริญโดยรอบยังจัดว่าครบครันเลยทีเดียว ทั้งทางด้านถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ และถนนบางนา-ตราด ก็มีห้างสรรพสินค้า ศูนย์การค้าเล็กใหญ่ เรียงรายเต็มไปหมด รวมถึงแหล่งท่องเที่ยว วัดวา สถานศึกษา และโรงพยาบาล ก็แวดล้อมอยู่ใกล้ๆ อีกหลายแห่ง ที่สำคัญรถไฟฟ้าสายสีเขียวที่กำลังก่อสร้างในส่วนต่อขยายอยู่ ก็ทำให้ความเจริญไล่ตามมาติดๆ จะเห็นได้จากโครงการบ้านและคอนโดใหม่ๆ ผุดขึ้นตามแนวรถไฟฟ้าอีกเพียบเลยครับ ส่วนในซอยแบริ่งนั้น ก็ถือว่าเป็นซอยใหญ่ มีปริมาณรถผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นถนนที่เชื่อมถนนสุขุมวิทกับถนนศรีนครินทร์เข้าด้วยกัน ช่วงต้นซอยมีร้านค้ามากมาย มีของขายหลากหลาย รวมถึงร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารด้วย จึงเป็นที่พึ่งพาเรื่องกินข้าวของเครื่องใช้เล็กๆ น้อยได้สบาย เว้นเสียแต่ว่าต้องจ่ายตลาดซื้อของสดเป็นเรื่องเป็นราว ก็ต้องนั่งรถเลยไปอีกหน่อยที่ตลาดสำโรง ซึ่งมีข้าวของให้เลือกซื้อมากกว่ามากเลยครับ สำหรับตัวโครงการ The Urban Attitude อยู่ถัดจากปากซอยแบริ่ง 14 เข้ามาอีกประมาณ 150 เมตร บริเวณปากซอยแบริ่ง 14 มีร้านอาหารให้พึ่งพาอยู่บ้างนะครับ เลี้ยวเข้ามาในซอยแล้วจะเห็นว่า ถนนในซอยค่อนข้างแคบ ยิ่งมีรถจอดอยู่ข้างทางด้วยก็ยิ่งทำให้รู้สึกแคบเข้าไปอีก โชคดีกว่าตัวโครงการอยู่ไม่ลึกมาก จึงไม่ได้รู้สึกลำบากมากในการขับรถเข้าออก ที่ดินหัวมุมของซอยเล็กที่เชื่อมไปที่ซอยแบริ่ง 16 ได้ คือที่ตั้งของโครงการนะครับ เมื่อสร้างเสร็จแล้วทางเข้าออกหลักจะอยู่ที่ถนนด้านนี้ ดังนั้นลูกบ้านจึงเลือกเข้าได้ทั้งจากทางซอยแบริ่ง 14 และ 16 ใกล้กับโครงการมีอาคารโรงงานสูง 5 ชั้น ช่วงเช้า-เย็น รวมถึงตอนพักกลางวัน จะมีพนักงานเดินเข้าออกเป็นจำนวนมาก อีกทั้งตึกตรงข้ามที่ดินโครงการยังเป็นร้านขายของชำ ขายขนมเล็กๆ น้อยๆ ด้วย และช่วงกลางวันยังมีแผงลอยตั้ง ตลาดนัดขายของอยู่หลายร้าน อาจจะเป็นเพราะตอนนี้โครงการยังไม่ทำการก่อสร้าง คิดว่าถ้าสร้างเสร็จแล้ว พื้นที่หน้าโครงการคงไม่อนุญาตให้ตั้งแผงลอยแบบปัจจุบัน นอกเหนือจากนี้พื้นที่ติดกันโดยรอบก็จะเป็นบ้านพักอาศัย แนวราบ อาจจะมีคอนโดโครงการอื่นขึ้นใกล้ๆ แต่ก็ไม่ถึงกับติดกัน เลยไม่ค่อยน่าเป็นห่วงว่าจะเปิดหน้าต่างมาเจอเพื่อนตึกติดกันนะครับ เพียงแต่บริเวณใกล้ๆ มีอาคารอพาร์ทเม้นท์อยู่บ้าง ผู้คนบริเวณนี้จึงคึกคักหน่อย ไม่ถึงกับเงียบสงบเลยซะทีเดียว โครงการ The Urban Attitude แบริ่ง 14 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น มีจำนวนยูนิตรวม 137 ยูนิตเท่านั้น โดยส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป พื้นที่ชั้นล่างใต้อาคารจะเป็นที่จอดรถ และสวนหย่อมตรงพื้นที่ตรงกลางระหว่างรูปตัว U ของอาคาร ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะมี Lobby และห้องสมุด ร่วมกับห้องพักอาศัยด้วย ส่วน Facility หลักจะอยู่ที่ชั้น 8 รวมกับห้องพักบางส่วน ซึ่ง Facility ที่ทางโครงการจัดไว้ให้ก็มีทั้ง สระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนส ห้องอบไอน้ำ สวนหย่อม และถ้าขึ้นไปที่ชั้นดาดฟ้าก็ยังมีพื้นที่พักผ่อนเป็นพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อีกด้วย สิ่งอำนวยความสะดวก ผู้ช่วยพิเศษสำหรับการบริการ ที่จอดจัรยาน ห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำลอยฟ้า ลานบาบีคิวลอยฟ้า ระบบคีย์การ์ดภายในโครงการ สวนพักผ่อนภายในโครงการ ห้องอบไอน้ำ สวนลอยฟ้า โถงต้อนรับอเนกประสงค์และห้องสมุด Shutter Bus รับส่งสถานี BTS พาชมห้องตัวอย่าง มาดูห้องตัวอย่างกันบ้างครับ ทางโครงการมีห้องให้เลือกชม 2 แบบด้วยกัน เริ่มกันที่ห้องแรกที่ขนาด 26.17 ตร.ม เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ซึ่งเป็นห้องหน้าแคบ แต่ก็จัดวาง Layout ได้ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว เปิดเข้าห้องมาก็จะเจอกันพื้นที่นั่งเล่น หรือห้องรับแขก ส่วนพื้นที่โซนด้านในจะแบ่งเป็นห้องนอน และห้องครัว ซึ่งมีประตูกระจกกั้นพื้นที่ใช้สอยส่วนต่างๆ ไว้เป็นสัดส่วนชัดเจน ไปดูภาพบรรยากาศภายในห้องไปพร้อมกันเลยครับ ส่วนห้องตัวอย่างอีกห้อง จะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนเช่นกัน โดยมีพื้นที่ห้องขนาด 31.67 ตร.ม. แบบห้องเป็นแบบหน้าแคบนะครับ ลักษณะห้องจะลึกกว่าห้องแรก โดยรวมแล้ว Layout ของห้องจะมีลักษณะคล้ายกันมาก แต่พื้นที่ของห้องนี้จะกว้างกว่า จึงได้พื้นที่ว่างเพิ่มบริเวณระหว่างห้องนอนกับห้องน้ำ บริเวณนี้ทางโครงการจึงเพิ่มฟังก์ชั่นการใช้งานด้วยการ Built-in ตู้เก็บของมาให้ เพิ่มการใช้สอยประโยชน์ภายในห้องให้มากขึ้นอีกหน่อยครับ ห้องพักของโครงการ The Urban Attitude แบริ่ง 14 จะขายกันมาแบบ Fully Furnished เลยนะครับ แทบจะพร้อมเข้าอยู่เลยทีเดียว เฟอร์นิเจอร์ที่เห็นในห้องตัวอย่างทั้งตู้ เตียง ชุดครัว รวมถึงเครื่องปรับอากาศก็จะได้ตามที่เห็นเลย เว้นแต่เฟอร์นิเจอร์บางชิ้นที่อาจจะมีหน้าตาไม่เหมือนในห้องตัวอย่างบ้าง อันนี้แนะนำให้เช็คกับทางโครงการให้ดีก่อนนะครับ เพราะบางชิ้นเป็นการตกแต่งเพิ่งเติมเพื่อความสวยงามภายในห้องตัวอย่างเท่านั้น ด้วยความที่ห้องของโครงการขายให้แบบเกือบจะพร้อมเข้าอยู่เมื่อสร้างเสร็จเลย จึงน่าจะเหมาะมากๆ กับคนที่ต้องการหาคอนโดขนาดกระทัดรัดซักห้องในย่านนี้ ยิ่งถ้าต้องทำงานอยู่ใกล้ๆ ในแถบนี้อยู่แล้ว ก็ถือว่าสะดวกมากเลยทั้งเรื่องการเดินทาง และอาหารการกิน นับว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอีกโครงการในพื้นที่แบริ่ง อีกอย่างด้วยราคาขายก็อยู่ในระดับที่จับต้องได้ง่าย สบายกระเป๋า แต่ก็แลกกับที่ตั้งที่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้าออกมาหน่อยก็ถือว่าคุ้มราคาอยู่นะครับ
Vio ติวานนท์ : รีวิวคอนโด

Vio ติวานนท์ : รีวิวคอนโด

มีคอนโดใหม่แนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงในชื่อ Vio  ของบริษัท รื่นฤดี ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด ที่เพิ่งเปิดตัวพร้อมกันทีเดียว 2 โครงการไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมานี่เอง ซึ่ง “Vio ติวานนท์” เรียกได้ว่าเป็นคอนโดมิเนียม High Rise โครงการแรกของบริษัทเลยก็ไม่ผิดนัก ด้วยความที่ตัวโครงการตั้งอยู่บนทำเลหัวมุมแยกติวานนท์ตัดกับถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แถมยังอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าถึง 2 สถานีในระยะเดินถึงได้ไม่ยาก เราเลยรีบไปเยี่ยมชมโครงการนี้และเก็บข้อมูลมาฝากกันครับ   การเดินทาง   การเดินทางไปที่โครงการ Vio ติวานนท์ เราใช้เส้นทางถนนงามวงศ์วานมุ่งหน้าไปทางสะพานพระนั่งเกล้า พอมาถึงแยกแครายแล้วเราก็เลี้ยวซ้ายเข้าถนนติวานนท์ ผ่านหน้ากระทรวงสาธาณะสุขมาถึงห้าแยกติวานนท์ตัดกับถนนประชาราษฏร์ (ไปท่าน้ำนนท์) ถนนนครอินทร์ และถนนกรุงเทพ-นนทบุรี พอขับรถมาถึงตรงนี้จะสังเกตุเห็นโครงการ Vio ติวานนท์ ทางด้านซ้ายมือพอดี หรือถ้าเดินทางมาตามถนนกรุงเทพ-นนทบุรี พอมาถึงแยกนี้แล้วก็ต้องเลี้ยวขวาไปกลับรถที่ถนนติวานนท์นะครับ ทางเข้าออกโครงการปัจจุบันมีอยู่เส้นทางเดียวคือฝั่ง ถนนกรุงเทพ-นนทบุรี แต่ในอนาคตทางโครงการจะเปิดทางเข้าออกฝั่งถนนติวานนท์เพิ่มอีกทางหนึ่งด้วย ดังนั้นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ถือว่าสะดวกดีเหมือนกัน เพราะมีเส้นทางเลี่ยงได้หลายเส้นทาง ถ้าไม่ติดปัญหารถติดหนักในช่วงเวลาเร่งด่วนนะครับ   แผนที่โครงการ เส้นทางการเดินทาง โดยเริ่มจาก The Mall งามวงศ์วาน จาก The Mall งามวงศ์วาน พอขับมาถึงทางแยกแครายให้เลี้ยวซ้ายเลยครับ จะเห็น Showroom Hyundai อยู่ทางขวา วิ่งมาเรื่อยๆจะเห็นเนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงครับ วิ่งเลยมาเรื่อยๆ จะเห็นสถานีรถไฟฟ้า กระทรวงสาธารณสุข วิ่งไปเรื่อยๆ ก็จะเจอทางแยก ทางซ้ายเป็นทางเข้า กระทรวงสาธารณสุข ส่วนด้านบนก็เป็นสถานีกระทรวงสาธารณสุข วิ่งไปตามแนวรถไฟฟ้าเลยครับ จะเจอสะพาน เราไม่ต้องขึ้นสะพาน ให้วิ่งด้านล่าง พอวิ่งไปเรื่อยๆ จะเห็น Big C อยู่ทางขวา วิ่งมาเรื่อยๆ จะเห็นตัวโครงการ Vio ติวานนท์ อยู่ข้างหน้า ถึงแล้ว ทางโครงการจะล้อมรั้ว เริ่มดำเนินการก่อสร้าง เลี้ยวซ้ายเข้าโครงการเลยครับ สำหรับการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า MRT ก็สามารถทำได้เลือกได้ทั้งสถานีกระทรวงสาธารณสุข ที่อยู่ห่างออกไปประมาณ 400 เมตร และสถานีแยกติวานนท์ ซึ่งห่างออกไปประมาณ 350 เมตร ระทางของทั้ง 2 สถานีนี้แทบไม่ต่างกันเลย เพราะตัวโครงการแทบจะตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างสถานีพอดี อันนี้ใครสะดวกสถานีไหนก็เลือกได้ตามสบายเลยครับ นอกจากนี้การเดินทางด้วยบริการรถสาธารณะอื่นๆ ก็ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะบริเวณใกล้ๆ เป็นแหล่งชุมชน รวมถึงเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญทางราชการอย่างกระทรวงสาธารณะสุขด้วย ดังนั้นจึงมีรถเมล์ รถแท็กซี่ และพี่วินมอเตอร์ไซค์อยู่เป็นจำนวนมาก ที่ต้องทำก็แค่เดินออกทางโครงการมาทางกระทรวงฯ ให้พ้นจากบริเวณแยกติวานนท์ซักหน่อย ก็จะช่วยให้เรียกรถได้ง่ายขึ้น เส้นทางการเดินจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีกระทรวงสาธารณสุข มาโครงการ ระยะทางประมาณ 400 เมตร เส้นทางการเดินทางจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีแยกติวานนท์ ระยะทางประมาณ 350 เมตร   วิเคราะห์ภาพรวมโครงการ   ทำเลที่ตั้งของโครงการ Vio ติวานนท์จัดว่าเป็นทำเลที่น่าสนเหมือนกัน เพราะอยู่บริเวณหัวมุมแยกติวานนท์พอดี มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน แถมบริเวณรอบๆ ก็มีทั้งกระทรวงสาธารณะสุข โรงพยาบาล มีห้าง Big C อยู่ฝั่งตรงข้ามด้านถนนติวานนท์ รวมทั้งเป็นแหล่งชุมชนที่ค่อนข้างมีความอุดมสมบูรณ์อยู่มากในเรื่องอาหารการกิน ร้านอาหาร ร้านค้า แผงลอยมีให้เลือกจนละลานตาเลยทีเดียว ด้วยความที่เป็นแหล่งชุมชน และมีกระทรวงใหญ่ตั้งอยู่ในบริเวณนี้ การจราจรโดยรอบจึงติดขัดเอาเรื่องเหมือนกัน ในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการแล้ว รถอาจจะติดน้อยลงกว่านี้ก็ได้ครับ รอบๆ โครงการไม่มีตึกสูงขึ้นในระยะประชิดนะครับ ตึกสูงที่เห็นก็จะมีแค่คอนโดศุภาลัย พาร์ค ที่อยู่อีกมุมของแยกเท่านั้น ซึ่งไม่ได้มีปัญหาเรื่องการบังวิวซักเท่าไหร่ จะมีแค่ห้องบางตำแหน่งทางด้านหน้าโครงการเท่านั้นที่จะถูกบังวิวไปบ้าง ที่เหลือส่วนใหญ่เป็นที่อยู่อาศัยในแนวราบจึงไม่น่ากังวลเช่นกัน แต่ที่เห็นจะเป็นปัญหาหนักๆ เลยก็คือ รางรถไฟฟ้าที่พาดผ่านมาทางด้านหลังโครงการในระยะประชิดนี่แหละครับ ที่จะก่อให้เกิดมลภาวะทางเสียงที่ไม่น่าพิศมัยเอาซะเลย แถมยังหลีกเลี่ยงได้ยากอีก โอกาสที่จะเอาตัวรอดได้บ้างก็ต้องหันไปเลือกห้องที่อยู่สูงขึ้นไปบนๆ เลย ซึ่งอาจจะช่วยได้บ้าง แต่ก็ต้องแลกกับราคาห้องที่สูงขึ้นเป็นเงา ส่วนห้องในชั้นล่างๆ หน่อยก็รับกันไปเต็มๆ ทั้งเสียงดัง ทั้งฝุ่นควันจากถนนด้วย Vio ติวานนท์เป็นคอนโค High Rise อาคารเดี่ยวโดดๆ สูง 36 ชั้น การออกแบบเพิ่มลูกเล่นด้วยการเล่นระดับให้ดูลดหลั่นกันลงมาในบางช่วงของตึก นับรวมทั้งหมดแล้วก็จะมีห้องพักอาศัยจำนวน 623 ยูนิต โดยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 7 เป็นต้นไป บริเวณชั้น 2-6 จะเป็นพื้นที่จอดรถในสัดส่วน 40% ของจำนวนห้องทั้งหมด ถือว่าไม่เยอะเลยสำหรับโครงการขนาดนี้ที่ลูกบ้านน่าจะมีรถยนต์กันอยู่แล้ว ในส่วนของ Facility ถูกรวบรวมไว้ที่ชั้น 7 เป็นหลัก ซึ่งทางโครงการจัดให้มีทั้ง สระว่ายน้ำขนาด 5x26 เมตร จากุชซี่ Fitness พร้อมห้องซาวน่าแยกชาย-หญิง และห้องเอนกประสงค์ รวมถึงบริการสัญญาณ internet wi-fi ในพื้นที่ส่วนกลางด้วย นอกจากที่ Facility ที่บริเวณชั้น 7 แล้ว บนดาดฟ้ายังมีสวน Roof Top และห้อง Sky Lounge ที่สามารถใช้เป็นพื้นที่พักผ่อน เดินเล่น ชมวิวได้เหมือนกัน ดูจากพื้นที่ Facility ส่วนกลางคร่าวๆ แล้ว ถือว่าทางโครงการจัดมาให้เยอะพอสมควรเลย ซึ่งน่าจะเพียงพอต่อการใช้งานในสัดส่วนที่ไม่หนาแน่นจนเกินไปนัก และที่ลืมไม่ได้ก็คือสัดส่วนของลิฟท์โดยสารที่มีมาให้ 4 ตัว บวกลิฟท์ขนของอีก 1 ตัว ต้องบอกว่าค่อนข้างหนาแน่นนะครับสำหรับลิฟท์ 1 ตัวต่อ 156 ยูนิต แต่ยังไม่ถึงขั้นเป็นปัญหาในการใช้งานเท่าไหร่ น่าจะยังพอใช้กันได้สบายๆ อยู่ Facilities ส่วนใหญ่จะอยู่ชั้น 7 ไม่ว่าจะเป็นสระว่ายน้ำ ฟิตเนส หรือห้องนั่งเล่น Roof Top จะอยู่ชั้น 37 เป็นดาดฟ้า สามารถมองเห็นแม่น้ำเจ้าพระยาด้วยครับ พาชมห้องตัวอย่าง   ห้องของโครงการ Vio ติวานนท์ มีด้วยกันทั้งหมด 4 แบบ มีทั้งแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน แต่ที่สำนักงานขายมีแค่ห้องแบบ 1 ห้องนอนให้ชมเท่านั้น โดยมีด้วยกัน 2 Type ซึ่งต่างกันที่ Layout ห้องเล็กๆ น้อยๆ เริ่มกันที่ห้อง Type A ซึ่งจัดสัดส่วนพื้นที่ห้องไว้ค่อนข้างลงตัวดีทีเดียว เปิดเข้ามาจะเจอห้องครัวก่อน ซึ่งเป็นครัวแบบเปิดและมีพื้นที่เชื่อมต่อไปถึงบริเวณห้องนั่งเล่น ในขณะที่ห้องนอนถูกแยกออกไปโดยใช้ประตูบานเลื่อนแบบทึบที่สามารถเลื่อนปิดเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัว หรือเลื่อนเปิดออกเพื่อให้พื้นที่ห้องเชื่อมต่อเนื่องถึงกัน ห้องน้ำของ Layout ห้องแบบนี้ จะเข้าออกได้จากทางห้องนอนเท่านั้น ส่วนห้องแบบ Type A.1 เมื่อเปิดมาจะเจอห้องครัวก่อนเช่นเดียวกัน รวมถึงพื้นที่ของห้องนั่งเล่นก็มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่เหมือนกันกับห้องแบบก่อนหน้านี้ ส่วนที่ต่างกันก็คือ การกั้นห้องด้วยผนังและใช้ประตูบานสวิงเปิดเข้าออกแทนประตูบานเลื่อน ทำให้ห้องนอนของห้อง Type A.1 มีความเป็นส่วนตัวมากกว่า นอกจากนี้ประตูเข้าออกห้องน้ำก็ย้ายมาฝั่งห้องครัวแทน ซึ่งการใช้งานก็จะมีความสะดวกต่างกันไปครับ โดยรวมแล้วห้องทั้ง 2 แบบไม่ได้มีความแตกต่างกันมากนักในเรื่องขนาดห้อง ซึ่งเริ่มต้นที่ 30 ตร.ม. และ 31 ตร.ม. ต่างกันเพียง 1 ตร.ม. เท่านั้น เรียกว่าแทบจะไม่รู้สึกเลยก็ว่าได้ ส่วนเรื่องวัสดุอุปกรณ์ก็จัดไว้ให้เหมือนกันเป๊ะ เลือกคุณภาพมาตรฐานตามราคาห้อง ในห้องน้ำก็กั้นฉากอาบน้ำมาให้ รวมถึงเครื่องครัวที่มีมาให้พร้อมทั้งเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ราคาที่ทางโครงการเปิดมาเป็นราคาขายแบบ Fully Furnished นะครับ เฟอร์นิเจอร์ชิ้นไหนแถมจะมีสติ๊กเกอร์ติดไว้ชัดเจน พื้นห้องนอนปูด้วยลามิเนตในขณะที่พื้นห้องครัวและห้องนั่งเล่นปูด้วยกระเบื้อง หน้าตาเฟอร์นิเจอร์ที่แถมมาให้ก็เหมือนกัน ซึ่งส่วนใหญ่ Built-in มาให้เรียบร้อยแล้ว ทุกอย่างในห้องจึงดูลงตัวมากเลยครับ ถึงแม้การออกแบบจะเรียบๆ ตามมาตรฐานคอนโดทั่วไป จนไม่มีอะไรแปลกใหม่ก็ตาม   เข้าประตูมาจะเจอ Pantry อยู่ทางซ้าย และตู้รองเท้ากับตู้เย็นจะอยู่ทางขวาครับ มุมนี้จะเห็นโต๊ะทานข้าวอยู่ติดกับ Pantry เลย Pantry ที่โครงการ Built มาให้จะมีเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน มาด้วยครับ เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันครับ ซิ้งค์ล้างจานที่โครงการมีให้ จากประตูมองมาทางขวาจะเห็นตู้รองเท้า ที่ทางโครงการ Built ให้เต็มพื้นที่เลยครับ เดินเลยเข้ามาจะเป็นส่วนนั่งเล่น และจะมีห้องนอนอยู่หลัง โซฟา ซึ่งจะประตูแบ่งส่วนนี้จะเป้นประตูบานเลื่อน มุมนี้จะเห็นชัดว่าเตียงจะอยู่หลังโซฟาเลย เตียงที่โครงการมีให้จะเป็นขนาด 5 ฟุต มองมาทางขวาจะเป็นตู้เสื้อผ้าที่โครงการให้ จะอยู่หน้าห้องน้ำเลย หน้าห้องน้ำอีกมุมนึง จะเป็นโต๊ะทำงาน และจะมีชั้นให้ด้วย ห้องน้ำ ทางโครงการมีเป็น Rain Shower ให้ มุมนี้มองจากห้องนอน เมื่อเปิดประตูบานเลื่อนออก จะสามารถดูทีวีได้เลยครับ มุมนี้มองจากที่นั่งเล่น มุมนี้มองทางซ้ายจากห้องนั่งเล่น จะเห็นว่าตู้เย็นจะอยู่ติดกับตู้รองเท้าเลย ส่วนมุมนี้มองทางขวาจากห้องนั่งเล่น ก็จะเจอส่วนครัวกับโต๊ะทานข้าว เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอส่วนที่เป็นครัวอยู่ทางขวา และห้องน้ำอยู่ทางซ้ายครับ มองมาทางขวาจะเห็นส่วนครัวที่โครงการ Built มาให้ และจะเจอโต๊ะทานข้าวที่โครงการก็ให้มาเหมือนกัน Pantry ที่โครงการมีให้จะมีเตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน ซิ้งค์ล้างจานที่ให้ก็เป็นของ Hafele' ตามมาตรฐาน มุมมองจากพื้นที่นั่งเล่น แล้วมองออกไปทางด้านหน้า เลยเข้ามากก็จะเป็นส่วนห้องนั่งเล่น จะอยู่ถัดไปจากโต๊ะทานข้าว เมื่อเดินเข้ามายังพื้นที่ส่วนของนั่งเล่นจะเห็นว่าโต๊ะทานข้าวจะอยู่ติดกับโซฟาเลย จากประตูทางเข้ามองไปทางซ้ายก็จะเห็นห้องน้ำ โครงการใช้สุขภัณฑ์ของ Mogen ครับ ชักโครกก็ใช้ของ Mogen ธรณีประตูระหว่างห้องน้ำกับตัวห้องจะสูงขึ้นมา กันน้ำออกได้ดีทีเดียว โต๊ะหรือชั้นข้างเตียง โครงการก็ Built มาให้ครับ ห้องนอนจะมีเตียง 5 ฟุตมาให้ แต่ถ้าจะทำเป็น 6 ฟุตก็ได้ครับ แต่จะไม่แนะนำเพราะจะดูแน่นไปหมดครับ ตู้เสื้อผ้าที่ Built มาให้เต็มพื้นที่เลย จากเตียงมองออกไปก็จะเห็นส่วนที่เป็นครัว ส่วนขอระเบียงจะอยู่ติดกับส่วนพื้นที่นั่งเล่น ตรงระเบียงจะเป็นที่วางเครื่องคอมเพลสเซอร์แอร์ ความคุ้มค่าการลงทุน พิจารณาในเรื่องการลงทุนกันบ้าง โครงการ Vio ติวานนท์ อาจจะมีจุดเด่นอยู่ที่ทำเลที่ดี ใกล้สถานีรถไฟฟ้า 2 สถานี ใกล้สถานที่ราชการสำคัญ และมีเส้นทางการเดินทางที่หลากหลาย ดูข้อมูลคร่าวๆ แล้ว อาจจะเห็นว่า Vio ติวานนท์น่าจะเป็นอีกหนึ่งโครงการที่มีศักยภาพในการลงทุนนะครับ แต่ถ้าลองพิจารณาด้านอื่นๆ เพิ่มเติมเข้าไป จะเห็นว่าจุดด้อยที่มีรางรถไฟฟ้าผ่านทางด้านหลังโครงการเป็นเรื่องที่ไม่ควรมองข้ามเลย เพราะก่อให้เกิดมลภาวะทางเสียงเป็นอย่างมากจากการที่รถไฟฟ้าวิ่งผ่านในช่วงทางโค้งนี้ ยิ่งถ้าต้องการซื้อห้องไว้เพื่อการปล่อยเช่า หรือขายต่อแล้วล่ะก็ คงปล่อยห้องได้ยากขึ้นแน่ๆ นอกจากนี้เรื่องทำเลที่ตั้งที่ไม่ได้อยู่ใกล้แหล่งธุรกิจชั้นนำที่จะมีกำลังเช่าห้องในราคาที่ค่อนข้างสูง ซึ่งเรื่องที่ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยในการพิจารณาด้วย ข้อสำคัญที่ข้อที่อาจทำให้เกิดอาการลังเลได้ก็คือ ความเชื่อมั่นในตัวบริษัทผู้พัฒนาโครงการ ที่ถือว่าเป็นมือใหม่มากๆ ในการพัฒนาที่อยู่อาศัยแบบคอนโดมิเนียมตึกสูง แถมโครงการ Vio ติวานนท์นี้ก็เป็นตึกแรกที่ทางโครงการสร้างตึกสูงอีก จึงทำให้ความมั่นใจแอบลดลงเล็กๆ ซึ่งเรื่องนี้ต้องรอดูกันไปอีกซักพัก ไม่แน่ว่าบริษัท รื่นฤดี อาจจะเอาอยู่ก็ได้ นะครับ
Grene แจ้งวัฒนะ : รีวิวคอนโด

Grene แจ้งวัฒนะ : รีวิวคอนโด

กรีเน่ แจ้งวัฒนะ คอนโด High Rise สูง 22 ชั้น คอนโดใหม่บนถนนแจ้งวัฒนะ ใกล้จุดขึ้น-ลงทางด่วน  และรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สายสีชมพู สถานีศรีรัช รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น 1,900,000 บาท (ณ วันที่ 05/06/2013) ราคาต่อตารางเมตร ประมาณ 82,600 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท ปรีดา โฮลดิ้ง จำกัด ลักษณะคอนโด High Rise สูง 22 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง 376 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด 2 - 0 - 29.5 ไร่ ที่ตั้งโครงการ ถนนแจ้งวัฒนะ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ปีที่สร้างเสร็จ ประมาณปลายปี 2557 สถานที่สำคัญใกล้เคียง ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ บิ๊กซี เทสโก้ โลตัส เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี ดิ อเวนิว มหาวิทยาลัยธุรกิจบัณฑิตย์ สปอร์ตซิตี้ ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 22 - 23 ตารางเมตร 1 ห้องนอน ขนาด 32 - 35.5 ตารางเมตร 2 ห้องนอน ขนาด 59 - 61 ตารางเมตร 2 ห้องนอน (ดูเพล็กซ์) ขนาด 59 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่สวนหย่อยด้านหน้าอาคารและสวนส่วนกลางรอบโครงการ สระว่ายน้ำแบบ Infinity-edge pool และ Jacuzzi ฟิตเนสและเซาว์น่า ห้องอเนกประสงค์ Lobby Key Card Access Control ระบบป้องกันอัคคีภัย ระบบรักษาความปลอดภัยและกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-980-8811 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.grenecondo.com
Noble Ploenchit : รีวิวคอนโด

Noble Ploenchit : รีวิวคอนโด

กลางสี่แยกเพลินจิตตอนนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักโครงการ Noble เพลินจิต คอนโด High Rise ที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ฮ๊อตสุดๆ ในชั่วโมงนี้ เพราะด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองที่มีความเจริญถึงขีดสุด และแวดล้อมไปด้วยแหล่งช็อปปิ้งสุดหรู อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ โรงแรมระดับ 5 ดาว รวมถึงสถานที่สำคัญต่างๆ อีกมากมาย ยิ่งทางโครงการได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมมาด้วยว่า มีการปรับปรุง ตกแต่งห้องตัวอย่างใหม่ แถมมีโปรโมชั่นใหม่แกะกล่องที่น่าสนใจมากๆ ทางทีมงานเลยรีบเข้าไปเก็บภาพห้องตัวอย่างมาอัพเดทกันครับ การเดินทาง พูดถึงเรื่องการเดินทางมายังโครงการ Noble เพลินจิต คงไม่มีวิธีไหนสะดวกไปกว่าการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS อีกแล้ว เพราะตัวสถานีเพลินจิตมีบันไดจ่ออยู่ถึงหน้าโครงการ แถมเมื่อโครงการแล้วเสร็จ Sky Walk ของตัวสถานีจะเชื่อมต่อเข้าไปยังโครงการด้วย ซึ่งสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิตนี้ต้องบอกว่าเป็นสถานีที่มีเส้นทาง Sky Walk เชื่อมต่อครอบคลุมไปทั้งพื้นที่เลยทีเดียว เรียกว่าไม่ต้องเสียเวลาเดินลงจากสถานีไปเดินริมฟุตบาท หรือข้ามทางม้าลายตรงสี่แยกให้เสียเวลา หลายอาคารที่อยู่รอบๆ สถานีนี้มีสะพานเชื่อมต่อเข้าตัวอาคารเหมือนกันหมดครับ ไม่มีใครยอมน้อยหน้าใครเลย ดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเลยได้คะแนนด้านความสะดวกสบายไปเต็มๆ แถมยังรวดเร็วกำหนดเวลาได้ค่อนข้างแน่นอน ไม่ต้องปวดหัวกับปัญหารถติดด้วย เว้นแต่ช่วงเวลาเร่งด่วนที่ปริมาณคนโดยสารแน่นเกินไปหน่อยเท่านั้นเองครับ สถานีที่ใกล้ที่สุดก็ตามชื่อโครงการเลยครับ คือสถานีเพลินจิต ถ้ามาจากทางหมอชิต ออกจากรถไฟฟ้ามาแล้วก็จะเห็นโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่เลยนะครับ แต่ถ้ามาจากทางอ่อนนุชก็จะเห็นตึกมหาทุนพลาซ่า ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกันโครงการ ลงมาแล้วจะมีป้ายบอกทางเยอะแยะเลยนะครับ เราตามป้ายทางออก 1, 2 ไปเลยนะครับ ทางออก 2 จะเป็นทางเชื่อมเข้าตึก Park Venture ทางที่เราจะขึ้นไปดูห้องตัวอย่างกันครับ ส่วนทางออก 1 จะเป็นบันไดลงไปฝั่งที่ตั้งโครงการ ถ้าโครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางออก 1 นี่แหละครับที่น่าจะเป็นทางเชื่อมเข้าโครงการ หากเดินตรงไปจะเป็น Sky Walk เชื่อไปยังตึก Wave Place และห้าง Central Embassy สำหรับการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็ต้องบอกว่า สะดวกสบายตามสมควร เพราะทางโครงการเตรียมเส้นทางเข้าออกไว้ให้หลายทาง ทั้งทางด้านหน้าจากฝั่งถนนเพลินจิต ทางด้านหลังโครงการซึ่งอยู่ในซอยนายเลิศ และทางฝั่งถนนวิทยุที่ใช้ทางเชื่อมกับพื้นที่จอดรถของอาคาร Wave Place (Home Pro) นั่นเอง แต่ติดปัญหาที่ถนนเพลินจิตมีเกาะกลางกั้นยาวตลอดทั้งเส้น แถมยังไม่มีจุดกลับรถอีก ถ้าขับมาผิดฝั่งก็ต้องเลยตามเลย แล้วค่อยหาทางกลับมาที่โครงการกันอีกรอบ ไหนจะถนนวิทยุที่หาที่กลับรถยากอีก ข้อจำกัดในการขับรถมายังโครงการจึงเพิ่มเงื่อนไขมากขึ้น ถ้าจะให้ดีต้องศึกษาทางหนีทีไล่ของเส้นทางรอบๆ บริเวณนี้ให้ดีครับ เพราะมีซอยเล็กซอยน้อยเป็นตัวช่วยได้เยอะพอสมควร แผนที่แสดงให้เห็นทางเข้า-ออกโครงการที่มีทั้งหมด 3 ทาง ซึ่งทางเข้า-ออกหลักจะเป็นหมายเลข 1 ด้านที่ติดกันถนนเพลินจิต ทางที่ 2 จะเป็นฝั่งซอยนายเลิศ ส่วนทางที่ 3 จะเป็นฝั่งถนนวิทยุ ผ่านตึก Wave Place ก่อนเข้าโครงการ ทีนี้มาดูเส้นทางการเดินทางโดยรถยนต์กันบ้าง จากถนนสาทรสามารถใช้เส้นทางถนนวิทยุมาถึงแยกเพลินจิตได้เลย แล้วค่อยไปเลี้ยวเข้าตึก Wave Place หรือซอยนายเลิศก็ได้ ส่วนถ้ามาจากฝั่งสุขุมวิทก็ตรงมาเข้าถนนเพลินจิตได้เลย แต่จำไว้นิดนึงนะครับว่า ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนเพลินจิตฝั่งเหนือ จึงต้องเบี่ยงรถมาอีกฟากของถนน ถ้าขับเพลินๆ ชิดซ้ายมาทางด้านฝั่งเพลินจิตใต้ก็คงต้องเลยยาวกันไป แล้วค่อยกลับตัวว่าจะเข้าซอยหลังสวนแล้วกลับมาทางถนนวิทยุ หรือจะเลยยาวไปถึงแยกราชประสงค์ดี เช่นเดียวกันกับด้านลงทางด่วนนะครับ ให้ลงฝั่งเพลินจิตเหนือ จะได้เลี้ยวเข้าโครงการได้ง่ายหน่อย ส่วนด้านขาขึ้นทางด่วน ก็มีด่านเก็บเงินอยู่ใกล้ๆ กับทางโครงการเลย จะออกนอกเมืองหรือข้ามไปฝั่งอื่นๆ ของกรุงเทพฯก็สะดวกครับ เลี้ยวออกจากโครงการมาไม่เกิน 300 เมตรเท่านั้น โดยภาพรวมแล้วการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็จัดว่าไม่แย่นะครับ ถนนบริเวณหน้าโครงการวิ่งสวนเลนมาจากทางแยกราชประสงค์ได้หนึ่งเลน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องปัญหารถติดก็ยังคงหนักหน่วงเอาเรื่องสำหรับย่านนี้ ต้องเป็นนอกช่วงเวลาเร่งด่วนเท่านั้นที่การจารจรยังลื่นไหลมากหน่อย แต่ถ้าช่วงเช้า-เย็นนี่สิรถจะติดหนักหนาเอาการเลย ซึ่งปัญหานี้ก็หลีกเลี่ยงกันยากหน่อย ยังไงชีวิตคนเมืองก็หนีไม่พ้นปัญหารถติดอยู่แล้วล่ะครับ เริ่มจากทางลงทางด่วนเลยนะครับ ให้เราชิดซ้ายเพื่อที่จะลงเพลินจิตฝั่งเหนือ ลงทางด่วนมาแล้วให้ชิดขวาไว้นะครับ เพื่อรอที่จะเลี้ยวขวาไปทางถนนวิทยุ ถ้าเลี้ยวซ้ายไปจะเข้าถนนสุขุมวิทไปทางนานา อโศก เลี้ยวขวามานิดเดียวจะเห็นทางขึ้นทางด่วนตรงนี้แหละครับ ที่ลูกบ้านโนเบิล เพลินจิต อาจจะได้ใช้ประจำ เลยจากจุดขึ้นทางด่วนมาจะเจอสถานี BTS เพลินจิต ก็ใกล้ถึงโครงการแล้วครับ จากนั้นก็ถึงโครงการแล้วครับ แต่ตอนนี้ยังเข้าไม่ได้นะครับ เค้ากำลังก่อสร้างอยู่ ^_^ ส่วนการเดินทางไปที่สำนักงานขายที่ตึก Park Venture ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ ต้องมาลงทางด่วนอีกฝั่งนึงคือฝั่งเพลินจิตใต้นะครับ เริ่มจากทางลงทางด่วนเพลินจิตนะครับ ให้ชิดขวาไว้เพื่อที่จะตรงไปลงเพลินจิตฝั่งใต้ เบี่ยงออกทางขวา ตามป้ายเพลินจิตใต้ไปเลยครับ มองไปทางด้านขวามือก็จะเห็นตึกสูงๆ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ นั่นคือโครงการ Noble เพลินจิต นี่แหละครับ ลงสะพานมาแล้วขับชิดซ้ายยาวๆ เลยนะครับ จะเจอทางออกด้านซ้ายมือ ให้เรากลับรถไปทางถนนเพลินจิต กลับรถมาแล้วจะเป็นถนน 2 เลน เลียบทางด่วนย้อนกลับไปทางเพลินจิตครับ ออกมาถึงถนนเพลินจิตแล้วก็เลี้ยวซ้ายเลยครับ เลี้ยวซ้ายมานิดเดียวก็เจอ BTS สถานีเพลินจิตแล้วครับ จะผ่านตึกมหาทุนพลาซ่าที่อยู่ติดกับ BTS จากนั้นก็จะเจอตึก Park Venture แล้วล่ะครับ นอกเหนือจากนี้ การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็เห็นจะมีแต่พี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างนี่แหละครับที่น่าจะเป็นที่พึ่งพาได้ดี ยิ่งถ้ารีบๆ นี่คงต้องใช้บริการกันซักหน่อย ซึ่งหน้าโครงการก็มีวินมอเตอร์ไซค์อยู่แล้วด้วย ออกมาจากโครงการก็โดดขึ้นรถได้เลย แต่ถ้าไม่ถนัดกับรถสองล้อ จากหน้าโครงการก็สามารถหาเรียกรถตุ๊กตุ๊ก สามล้อ หรือรถแท็กซี่ได้ง่ายไม่แพ้กัน รวมถึงรถเมล์ก็เช่นกันครับ เอาไว้เป็นทางเลือกในการเดินทางสำหรับวันที่ไม่อยากขับรถ วิเคราะห์ทำเลรอบโครงการ ปัจจุบันโครงการ Noble  เพลินจิต อยู่ในระหว่างก่อสร้าง ซึ่งคืบหน้าไปได้มากแล้ว ถ้าใครมีโอกาสผ่านไปผ่านมาบริเวณแยกเพลินจิต ก็คงจะได้เห็นภาพตึกที่กำลังก่อสร้างสูงมากกว่า 40 ชั้นแล้วในตอนนี้ แน่นอนว่าโครงการฮ็อตฮิตระดับนี้ก็ย่อมได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก เท่าที่รู้มาก็เห็นว่าห้องส่วนใหญ่ก็ถูกจับจองกันไปเยอะแล้ว ถ้าใครที่สนใจก็ลองแวะเข้าไปชมห้องตัวอย่างกันได้ที่สำนักงานขาย ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 16 ของอาคาร Park Ventures ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นเอง ทีนี้เรามาดูรอบตัวโครงการกันก่อนดีกว่า ซึ่งแน่นอนว่าบริเวณนี้มี Landmark สำคัญๆ อยู่หลายแห่งด้วยกัน ทั้ง Central Embassy, สถานฑูตอังกฤษ, โรงแรมปาร์คนายเลิศ, ตึกมหาทุน, เพลินจิตเซ็นเตอร์, โรงแรม Novotel และ โรงแรม The Okura Prestige อันนี้แค่บริเวณใกล้ๆ ตัวสถานีเพลินจิตแบบคร่าวๆ เท่านั้นนะครับ ยิ่งถ้าเลยไปทางแยกราชประสงค์ ก็ยังมีโรงแรมใหญ่ๆ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารหรูมีชื่อ และโรงเรียนเอกชนชื่อดัง ซึ่งแต่ละสถานที่ก็เป็นที่รู้จักกันดี เลยไม่ต้องสาธยายอะไรให้ยืดยาว เอาเป็นว่าศักยภาพเรื่องการอยู่อาศัยในย่านนี้เรียกว่าเพียบพร้อม ครบถ้วนในทุกๆ ด้าน สาธารณูปโภคต่างๆ ก็ครบครัน โรงเรียน โรงพยาบาล หน่วยงานราชการ เอกชนล้วนแวดล้อมอยู่รอบตัวเลยทีเดียว สำหรับตัวโครงการ Noble เพลินจิต เป็นโครงการใหญ่ ประกอบไปด้วย 3 อาคารหลักซึ่งเป็นส่วนที่พักอาศัย และอีกหนึ่งอาคารทางด้านหน้าติดถนนเพลินจิตที่ทางโครงการจัดไว้เป็นศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหาร และเป็นจุดเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าด้วย ซึ่งในส่วนนี้ทางโครงการจะเป็นผู้ดูแลเอง จากโมเดลที่เราเห็นในสำนักงานขาย จะเห็นได้ว่าแต่ละอาคารก็มีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป เริ่มตั้งแต่อาคาร A ซึ่งอยู่ทางด้านในสุดของโครงการ มีความสูงแค่ 14 ชั้น เป็นตึกที่เตี้ยที่สุดและแน่นอนว่าอยู่ในตำแหน่งที่ถูกอาคารรอบๆ บังวิวซะมิดเลย แต่กลับได้เปรียบในเรื่องอยู่ใกล้กับพื้นที่ส่วนกลางมากที่สุด ถัดมาเป็นอาคาร B ที่อยู่ตรงกลาง สูง 51 ชั้น ตึกนี้จะวางตัวในแนวทิศเหนือใต้ เท่าที่รู้มาห้องพักส่วนใหญ่ในอาคารนี้จึงถูกจับจองไปอย่างรวดเร็ว เพราะไหนจะได้เรื่องวิวที่ดีกว่าอาคาร A และอยู่ในทิศทางที่ไม่ร้อนแดด จึงไม่น่าแปลกใจถ้าห้องฝั่งทิศใต้จะถูกจองเต็มก่อนเพื่อน ในขณะที่อาคาร C ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าโครงการ สูง 45 ชั้น กลับวางตัวในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก แน่นอนว่าอาจจะเสียเปรียบในเรื่องทิศทางห้องที่หันรับแดดแบบเต็มๆ แต่กลับได้เปรียบในเรื่องวิวมากกว่าเพราะถูกบังวิวน้อยกว่า และเดินเข้าจากทางหน้าโครงการใกล้กว่าด้วย ทางเชื่อมจากสถานี BTS เพลินจิต เข้าตัวโครงการที่ตึก D บนพื้นที่กว่า 9 ไร่ของโครงการ เราจะมีเพื่อนบ้านมากกว่า 1,400 ยูนิตเลยทีเดียว ถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะไม่ใช่เล่นเลยนะครับ พื้นที่ส่วนกลางหลักๆ แล้วจะอยู่ระหว่างอาคาร A และอาคาร​ B ซึ่งจะมีทั้ง สระว่ายน้ำ แยกสระเด็กกับจากุชชี่ไว้ต่างหาก ห้องออกกำลังกาย ห้องสตรีม สนามบาสเก็ตบอล และสวนหย่อม โดยพื้นที่สีเขียวนี่จะมีทั้งโซนด้านหน้า และสวนบนดาดฟ้าของอาคารด้วย คิดเป็นพื้นที่รวมก็ราวๆ 4 ไร่เห็นจะได้ ถ้าว่ากันตามตรงแล้วด้วยจำนวนยูนิตรวมมากกว่า 1,400 ยูนิต กับพื้นที่ส่วนกลางแค่นี้ ก็คงไม่น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานจริงซักเท่าไหร่ เช่นเดียวกับพื้นที่จอดรถของโครงการ ถึงแม้จะจัดมาให้มากถึง 70% แล้วก็ตาม แต่โครงการระดับนี้ที่ราคาค่าห้องทะลุ 10 ล้าน เรื่องที่จอดรถน่าจะต้องมีให้มากกว่านี้อีกหน่อย เพราะอย่างไรแล้วลูกบ้านแต่ละยูนิตก็น่าจะต้องมีรถส่วนตัวกันอยู่แล้ว เผลอๆ จะมีมากกว่ายูนิตละ 1 คันด้วยซ้ำไป ทีนี้ปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่เพียงพอก็อาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้เหมือนกันนะครับ จุดเด่นหนึ่งของโครงการ Noble เพลินจิต ก็คือการชูเรื่อง Private Elevator ได้ยินเพียงแค่นี้ ความรู้สึก Elegant และ Exclusive ก็ผุดขึ้นในมโนภาพทันที แน่นอนล่ะครับมีใครไม่ชอบความรู้สึกพิเศษของการมีลิฟท์ส่วนตัวมาจอดถึงหน้าประตูห้องบ้าง ซึ่งทางโครงการออกแบบมาให้ห้องพักทุกห้องมีโถงลิฟท์หน้าห้อง โดยในหนึ่งชั้นจึงมีสองห้องที่ใช้ลิฟท์ร่วมกันนั่นเอง แต่ในทางกลับกัน ด้วยความที่ถูกออกแบบมาให้ลิฟท์มีลักษณะการใช้งานแบบส่วนตัว ดังนั้นเราจึงไม่มีผู้ร่วมโดยสารลิฟท์ตัวเดียวกันแน่นอน ซึ่งถ้าหากขณะนั้นมีลูกบ้านห้องอื่นๆ ใช้งานลิฟท์อยู่ เราก็ต้องรอจนลิฟท์ไปส่งถึงจุดหมายก่อน ค่อยวิ่งกลับมารับลูกบ้านห้องถัดไป นอกจากลิฟท์ส่วนตัวแล้ว ทางโครงการก็จัดลิฟท์โดยสารส่วนกลางไว้สำหรับแต่ละตึกด้วยเช่นกัน อย่างน้อยก็น่าจะเอาไว้ใช้สำหรับโดยสารไปยังชั้นที่เป็นส่วนกลางได้นั่นเอง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นภาพรวมทั้งหมดของตัวโครงการที่เราเก็บข้อมูลมาจากการเยี่ยมชมในครั้งนี้ อาคาร A จะสูง 14 ชั้น เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด ทุกห้องจะหันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำ โมเดลบริเวณสระว่ายน้ำที่อยู่ระหว่างตึก A กับตึก B อาคาร B จะเป็นอาคารที่สูงที่สุดคือ 51 ชั้น ห้องส่วนใหญ่หันไปทางทิศเหนือและใต้ โดยทิศเหนือวิวจะโล่ง ส่วนทิศใต้ส่วนใหญ่วิวจะติด Park Venture อาคาร C สูง 46 ชั้น ห้องส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ทิศตะวันตกจะหันไปทางตึก Wave Place ส่วนทิศตะวันออกจะหันไปด้านทางด่วน ฝั่งนี้ข้อดีคือไม่มีตึกสูงบังวิว แต่ข้อเสียก็คือตอนเช้าก็จะได้รับแดดเต็มๆ พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงในส่วนของห้องตัวอย่างของ Noble เพลินจิตกันบ้าง อย่างที่บอกไปแล้วว่าทางโครงการมีการปรับปรุง ตกแต่งห้องตัวอย่างใหม่ทั้งหมด ซึ่งเราได้มีโอกาสเข้าไปเก็บภาพห้องใหม่มาให้ชมกันด้วย โดยห้องตัวอย่างที่ทางโครงการจัดมาในครั้งนี้จะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ซึ่งคอนเซปต์ยังคงเน้นความโมเดิร์น ดูโอ่โถงอยู่สบาย โดยเราขออธิบายภาพรวมของลักษณะห้องให้เห็นก่อนละกันครับ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อย ค่อยตามไปดูในรูปประกอบอีกครั้งนะครับ เมื่อเราเปิดประตูห้องจากส่วนกลางเข้ามาจะเจอกับโถงลิฟท์ส่วนตัวก่อน ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะจัดแบ่งการใช้งานไว้ร่วมกับ ห้องเก็บคอมเพรสเซอร์แอร์ ตู้เก็บของ และชั้นเก็บรองเท้าที่ทางโครงการ Build-in มาให้เรียบร้อย หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมคอมเพรสเซอร์แอร์จึงเอามาแขวนไว้ด้านใน แทนที่จะเป็นด้านนอกตรงระเบียงเหมือนโครงการอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งเราเองก็อดสงสัยไม่ได้เช่นกัน สอบถามกับพนักงานขายแล้วก็ได้ความว่า ทางโครงการเลือกใช้วิธีการระบายความร้อนด้วยน้ำเหมือนกับที่โรงแรมใหญ่ๆ เค้าใช้กัน ดังนั้นทั้งเรื่องความร้อนและเรื่องเสียงดังรบกวนจึงหมดห่วงกันไปได้ ด้านล่างของห้องเก็บคอมเพรสเซอร์ทางโครงการใช้เป็นที่วางเครื่องซักผ้าฝาหน้า แต่เวลาใช้งานจริงๆ อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ ถัดจากโถงลิฟท์เข้าไป จะมีประตูห้องอีกชั้น เปิดเข้าไปยังพื้นที่ห้องจริงๆ ซักที เข้ามาปุ๊ปก็จะเจอพื้นที่ครัว ซึ่งจัดการ Build-in ไว้ให้แล้วทั้งหมด และเห็นว่าปรับเปลี่ยนตรงส่วนของตู้เย็นให้ Build-in ซ่อนไว้หลังตู้ทั้งหมด ดูแล้วก็เป็นระเบียบเรียบร้อยดีทีเดียว ส่วนเครื่องครัวทั้งหมดจะได้ตามที่เห็นในห้องตัวอย่าง หรือเทียบเท่า ซึ่งก็ให้มาทั้งเตาไฟฟ้า ตัวดูดควัน และเตาไมโครเวฟ พร้อมใช้งานกันเลย ถัดเข้ามาก็จะเป็นส่วนของ Living Area และห้องนอน โดยทางโครงการมีให้เลือกระหว่างห้องแบบที่ใช้บานสไลด์กันห้องนอน กับห้องที่กันห้องนอนแยกไว้เป็นสัดเป็นส่วนชัดเจน ซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครจะถูกใจห้องแบบไหนมากกว่ากัน แต่โดยภาพรวมแล้ว ห้องสองแบบนี้ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เพียงแต่ให้ความรู้สึกในการอยู่อาศัยที่ต่างกันออกไปเท่านั้นเอง ฝ้าเพดานภายในห้องสูงเกือบ 2.7 เมตรนะครับ ทุกห้องเป็นแอร์แบบฝังฝ้าเพดาน อะไรที่เราเห็นในห้องตัวอย่างแบบใหม่นี้ มันจะเป็นสิ่งที่เราจะได้มาพร้อมห้องทั้งหมดนะครับ ทางโครงการมีการปรับโปรโมชั่นใหม่ จัดกันมาอย่างจุใจ โดยจะขายกันมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ตกแต่งเสร็จพร้อมเข้าอยู่ โต๊ะ ตู้ เตียง เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้าเป๊ะทุกชิ้น ขาดแค่ของตกแต่งห้องสวยๆ งาม แล้วก็ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวแค่นั้นเอง เรามาดูแบบแรกกันก่อนนะครับ จะเป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 46.80 ตารางเมตร ลิฟท์ส่วนตัวของแต่ละห้องจะเปิดได้ 2 ด้านนะครับ เท่ากับว่าลิฟท์ 1 ตัวจะใช้ร่วมกัน 2 ห้องในแนวราบ ออกจากลิฟท์มาจะมีโถงเล็กๆ โถงตรงนี้จะเป็นสำหรับวางเครื่องซักผ้า แต่ต้องใช้แบบฝาหน้านะครับ ส่วนด้านบนจะเป็นจุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ ถัดมาจะเป็นตู้ 2 ตอน ด้านล่างจะเป็นตู้เก็บรองเท้า ออกจากลิฟท์มาก็ถอดรองเท้าเก็บใส่ตู้ได้เลย ด้านบนจะเป็นตู้เก็บของทั่วไป คราวนี้เราเข้าไปดูด้านในกันต่อเลยดีกว่า เข้ามาในห้องก็จะเป็นส่วนของครัว และโต๊ะทานอาหารก่อนเลยครับ เคาน์เตอร์ครัวขนาดจะกระทัดรัดประมาณนี้นะครับ ซิงค์ล้างจานแบบฝังของ Mex เตาไฟฟ้า 2 หัวของ smeg มาพร้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน โต๊ะทานอาหารจะมีที่นั่งทั้งแบบยาวติดกับผนังและเก้าอีกแยกอีกต่างหาก ข้างๆ กับเคาน์เตอร์ครัวจะมีตู้เก็บของเล็กๆ Built in ไว้ติดกับผนัง ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นส่วนของห้องนอน ระหว่างห้องนอนกับห้องครัวจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ภายในห้องนอนเหมือนจะรวมห้องนั่งเล่นไว้ด้วยนะครับ เพราะพื้นที่ปลายเตียงจะวางทีวีและโซฟาไว้ด้วย แต่ระยะห่างค่อนข้างจะแคบไปสักหน่อย ถ้าจะวางทีวีจอใหญ่ๆ คงต้องนั่งดูอยู่บนที่นอนถึงจะได้ระยะครับ ถ้านั่งที่โซฟาอาจจะใกล้เกินไป โซฟาที่ได้จะประมาณนี้ครับ เป็นโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง ชั้นวางทีวีเล็กๆ แต่ถ้าใช้ทีวีแบบแขวนผนังจะได้พื้นที่วางของเพิ่มขึ้นอีก ขยับขึ้นมาดูที่เตียงนอน สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ตามใจชอบเลยครับ แต่ถ้าวางเตียง 5 ฟุต จะดูไม่อึดอัดเท่าไหร่ มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้อีก แอร์จะเป็นแบบฝังฝ้านะครับ หันเข้าหาเตียงแบบนี้ ห้องน้ำจะอยู่ข้างๆ เตียงแบบนี้เลย การจัดวางสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำก็ประมาณนี้ครับ กระจกส่องหน้าจะได้บานยาวเต็มพื้นที่คู่กับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ที่กระจกส่องหน้าทั้ง 2 ฝั่งสามารถเปิดได้แบบนี้นะครับ จะเป็นช่องไว้สำหรับเก็บของเล็กๆ อยู่ทั้ง 2 ด้าน อ่างล้างหน้าจะใช้ของ Kohler จะเป็นเคาน์เตอร์ยาว ทำให้มีที่วางของได้เยอะดีครับ ใต้อ่างล้างหน้ามีช่องเก็บของให้อีกต่างหาก โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ข้างเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ใช้สุขภัณฑ์ของ Kohler เหมือนกันครับ อีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in ฝังผนังอยู่ในห้องน้ำให้เลยนะครับ ตู้จะเป็นบานเปิดแบบนี้นะครับ จะได้ 2 ตู้ ด้านในสุดของห้องน้ำจะเป็น Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ชุดฝักบัว จะมี Rain Shower ให้ด้วย ขนาดของ Shower Box อาจจะพอดีตัวอยู่สักหน่อยนะครับ แต่ก็ไม่ถือว่าเล็กจนดูอึดอัด ออกมาดูที่อีกฝั่งของเตียง จะเป็นระเบียงที่ยาวตลอดแนวของห้อง ระเบียงจะใช้ประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน สำหรับเปิดปิด จะเป็นออกจะเป็น 3 บล็อคนะครับ เราออกมาดูด้านนอก ขนาดของระเบียงจะเป็นระเบียงเล็กๆ แบบนี้นะครับ อาจจะใช้งานได้ไม่เต็มที่สักเท่าไหร่ ระเบียงจะถูกกั้นด้วยแผงคอนกรีตแบบนี้นะครับ เพื่อความสวยงามของโครงสร้างด้านนอก ส่วนอีกห้องจะเป็นแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกันครับ แต่ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาหน่อยประมาณ 58 ตารางเมตร หน้าตาภายใน Private Lift ของแต่ล่ะห้อง จะมีประตูเข้าออก 2 ด้าน ใช้ร่วมกัน 2 ห้อง ออกมาจากลิฟท์แล้วก็จะเจอโถงเล็กๆ เหมือนห้องก่อนหน้านี้นะครับ มีตู้เก็บเครื่องซักผ้าและคอมเพรสเซอร์แอร์ เหมือนกัน ข้างๆ กันก็เป็นตู้เก็บของ เก็บรองเท้า เข้ามาดูในห้องกันต่อเลยครับ เข้ามาแล้วจะเจอส่วนของครัวก่อนเลยครับ ข้างๆ เคาน์เตอร์ครัวจะมีตู้เย็น Built in ฝังผนังไว้ให้ด้วยนะครับ ด้านบนเป็นตู้ลอยเก็บของ เตาไฟฟ้าเซรามิค 2 หัว ของ smeg ฮูดดูดควันก็ของ smeg เหมือนกันนะครับ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูด้วย ^_^ ใต้ซิ้งค์ล้างจานจะตู้เก็บของและถังขยะเล็กๆ ถัดมาจะเป็นลิ้นชัก 3 ชั้น สำหรับเก็บจาน ชาม ช้อน ส้อม ช่องวางไมโครเวฟจะอยู่ติดกับลิ้นชัก ฝั่งตรงข้ามกับส่วนครัวจะเป็นมุมโต๊ะทานอาหาร ขนาด 4 ท่าน ที่ผนัง Built in เป็นตู้โชว์ ทำให้ดูโปร่งขึ้นเยอะเลยครับ ต่อจากโต๊ะทานอาหาร เดี๋ยวเราไปดูที่ Living Area กันต่อ ส่วน Living Area ที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่าห้องเมื่อกี้พอสมควร ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาจึงได้ระยะมากขึ้น สามารถวางทีวีจอใหญ่ได้ตามใจเลยครับ สามารถวางโซฟาตัวยาว และเก้าอี้ อาร์มแชร์อีก 2 ตัวได้สบายๆ ส่วนชั้นวางทีวี Built in มาให้พร้อมกับตู้โชว์ ระเบียงเล็กๆ อยู่ติดกับส่วน Living Area ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ที่ระเบียงจะดรอปพื้นลงมาอีกนิดหน่อยนะครับ ขยับเข้ามาดูกันต่อที่ห้องนอน ห้องนอนสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้ตามใจชอบเลยครับ ปลายเตียง Built in เป็นชั้นวางทีวี พร้อมกับตู้บานโปร่งแสง ภายในห้องนอนก็จะมีระเบียงเล็กๆ ให้อีก 2 ช่อง ส่วนอีกด้านของห้องนอนจะเป็นห้องน้ำ ที่หน้าห้องน้ำจะมีตู้เสื้อผ้าให้ก่อน 1 ตู้ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะคล้ายๆ กับห้อง Type แรกเลยนะครับ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าแนวยาว ตัวท็อปเป็นหินแกรนิต ตู้เก็บของใต้อ่างล่างหน้า ที่กระจกส่องหน้ามีตู้เก็บของเล็กๆ ซ่อนอยู่เหมือนกัน ฝั่งตรงข้ามจะมีตู้เสื้อผ้าให้อีก 1 ตู้ Shower Box จะอยู่ติดกับตู้เสื้อผ้า ใน Shower Box จะดรอปพื้นลงมานิดหน่อยนะครับ เพื่อไม่ให้น้ำไหลออกไปส่วนอื่น ชุดฝักบัวและ Rain Shower ส่วนโถสุขภัณฑ์จะหลบเข้ามาอยู่ด้านในต่อจาก Shower Box ว่ากันมาด้วยเรื่องจุดเด่นของห้องแล้วก็ขอเอ่ยถึงข้อด้อยเล็กๆ น้อยๆที่สะดุดความรู้สึกเราซักหน่อยดีกว่า ซึ่งก็คือ “ระเบียง” ในแต่ละห้องทางโครงการมีระเบียงมาให้นะครับ แต่พื้นที่ระเบียงกว้างแค่ 60 เซนติเมตรเท่านั้น แถมยังไม่สามารถเปิดได้เต็มหน้ากว้างห้องอีก เนื่องจากติดที่โครงสร้างของตัวอาคารที่เป็นโครงเหล็กจากด้านนอก ทำให้ระเบียงที่ได้มาทั้งเล็กและแคบ อาจจะใช้งานลำบากหน่อยไม่ว่าจะตากผ้า หรือปลูกต้นไม้ก็มีพื้นที่จำกัดมากครับ แต่ถ้าจะออกไปยืนชมวิว รับลมเย็นๆ ก็พอไหวอยู่นะ ถ้าบ้านไหนต้องซักผ้าทีละเยอะๆ อาจจะมีปัญหาเรื่องพื้นที่ในการตากผ้ากันหน่อย ซึ่งก็พอจะแก้ไขได้ด้วยการซื้อเครื่องอบผ้ามาใช้อีกซักตัว หรือส่งเสื้อผ้าไปร้านซักรีดเลยก็สะดวกดีนะครับ นอกเหนือจากนี้ในส่วนอื่นๆ ก็ถือว่าออกแบบมาได้ดีทีเดียวเลย ส่วนใครจะถูกใจห้องแบบไหนมากกว่ากัน หรืออยากได้ห้องใหญ่ที่เป็นแบบห้อง combine ก็ลองเข้าไปเยี่ยมชมที่สำนักงานขายกันดูครับ ยังไงซะสิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น การได้เห็นห้องด้วยตาตัวเองก็ย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ จริงมั้ยครับ
PE-LA วุฒากาศ : รีวิวคอนโด

PE-LA วุฒากาศ : รีวิวคอนโด

ย่านชุมชนเก่าแถบวุฒากาศ ทำเลที่มีความคึกคักและมีบ้านพักอาศัยเดิมหนาแน่นอยู่แล้ว ยิ่งพอมีสถานีรถไฟฟ้าวุฒากาศซึ่งเป็นส่วนต่อขยายรถไฟฟ้า BTS บริเวณแถบนี้จึงยิ่งเป็นที่จับจ้องของหลายๆ โครงการ แถบๆ นี้จึงมีการแข่งขันกันค่อนข้างมาก ถึงแม้จะเส้นทางเดินรถแถวนี้จะซับซ้อนซักหน่อยสำหรับคนนอกพื้นที่ก็ตาม ห่างจากสถานีรถไฟฟ้าสถานีวุฒากาศ ออกมาประมาณ 100 เมตร มีคอนโด High Rise ชื่อ “PE-LA วุฒากาศ” ตั้งอยู่ติดริมถนนวุฒากาศตรงปากซอยวุฒากาศ 21 บริเวณโดยรอบคึกคักมากๆ มีทั้ง ตลาดเช้าซึ่งห่างออกไปอีกประมาณ 3 ซอย เต็มไปด้วยร้านค้า ร้านอาหาร ร้านสะดวกซื้อ จัดว่าอุดมสมบูรณ์ไม่ต้องกลัวไส้แห้ง ฝั่งตรงข้ามโครงการมีโรงเรียนอำนวยศิลป์ตั้งอยู่ในซอยวุฒากาศ 16 ในรัศมีที่ไกลออกไปอีกหน่อยก็มีทั้งห้าง The Mall โรงพยาบาลพญาไท 3 และมหาวิทยาลัยสยามอีกด้วย เล็งๆ ดูแล้วสาธารณูปโภคโดยรอบก็จัดว่าเพียบพร้อมดี ใครที่ชอบแหล่งชุมชน มีคนพลุกพล่านหน่อยน่าจะถูกใจ การเดินทางมาที่โครงการทำได้ 2 ทาง เส้นแรกมาจากฝั่งถนนเอกชัย-จอมทอง หรือจากฝั่งตลาดพลู ส่วนอีกเส้นทางคือ ข้ามมาจากสะพานตากสิน มุ่งหน้าสู่ถนนราชพฤกษ์ ขึ้นสะพานข้ามแยกรัชดา-ตลาดพลูมาลงที่ทางออกวุฒากาศ แล้วก็เข้าซ้ายไปทางถนนเทอดไทยก็จะเข้าสู่ถนนวุฒากาศ พอเลี้ยวมาปุ๊ปก็จะเห็นพื้นที่โครงการ PE-LA อยู่ทางขวามือทันที สำหรับใครที่เดินทางโดยรถไฟฟ้าออกทางออกที่ 4 พอลงจากสถานีก็เดินเลี้ยวซ้ายมา 100 เมตรเท่านั้นก็ถึงหน้าโครงการเลย ไม่ต้องพึ่งพารถสาธารณะเพิ่มเติมอีก แต่ถ้ายังจำเป็นต้องเดินทางด้วยรถส่วนตัว หรือรถสาธารณะอื่นๆ ทั้งรถเมล์ แท็กซี่ ก็ต้องเผื่อเวลารถติดไว้ด้วย ยิ่งในชั่วโมงเร่งด่วนทั้งเช้าและเย็น เชื่อว่ารถติดแบบไม่ขยับแน่ๆ และเนื่องจากรอบโครงการตอนนี้ยังเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบอยู่ จึงไม่มีตึกสูงขึ้นมาบังวิว แต่ต่อไปในอนาคตก็ยังไม่แน่เหมือนกัน รวมถึงความคึกคักของถนนสายนี้ที่มีรถวิ่งผ่านไปมาตลอดทั้งวัน และโครงการก็ตั้งอยู่ติดริมถนนวุฒากาศเลย อาจได้รับผลกระทบจากมลภาวะทางเสียงบ้าง มาถึงเรื่องห้องกันบ้าง ในโครงการมีห้อง 3 แบบ เริ่มต้นที่ 1 ห้องนอน มีตั้งแต่ขนาด 33 ตร.ม. ไปจนถึง 54.5 ตร.ม. จากนั้นก็เป็นแบบ 2 ห้องนอน มีขนาดพื้นที่ 58-109 ตร.ม. และแบบสุดท้ายคือ ห้องแบบ Duplex มีขนาด 51.5 ตร.ม. และ 75 ตร.ม. ส่วนห้องตัวอย่างที่จะพาไปดูกันก็คือ ห้องแบบ 1 ห้องนอน ด้วย Lay out ห้องที่ออกแบบมาให้มีเหลี่ยม มีมุมหน้าต่างเฉียงๆ ในบางห้อง เพื่อเลี่ยงแดดจากทิศตะวันตก ซึ่งทางโครงการพยายามแก้ปัญหาที่ตัวตึกด้านหน้าหันรับทิศตะวันตกแบบเต็มๆ ดังนั้นถ้าจะต้องเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์สำเร็จรูปมาแต่งห้องเอง ก็อาจจะหายากซักหน่อยที่จะเข้าที่เข้ามุมได้พอดี จึงเหมือนถูกบังคับกลายๆ ให้ต้องใช้เฟอร์นิเจอร์แบบ Built-in แทนถึงจะใช้พื้นที่ได้คุ้มค่าที่สุด ห้องทั้งหมดขายเป็นห้องเปล่า มีแถมเฟอร์นิเจอร์มาแค่บางชิ้น เช่น เคาน์เตอร์ครัว ตู้เสื้อผ้า Built-in ในมุมผนังที่ถูกเว้นที่ไว้อันเนื่องมาจาก Lay out ห้องนั่นแหละ ที่เหลือก็เป็นพวกวัสดุสุขภัณฑ์ที่เลือกมาตามมาตรฐานกลางๆ ไม่ได้หรูหรามาก ในส่วนของ Facility ที่โครงการมีให้ เช่น สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ฟิตเนส สวนบนดาดฟ้า ซึ่งรวมกันอยู่ที่ชั้น 19 จึงมีความเป็นส่วนตัวดีทีเดียว อย่างที่บอกไปว่าตัวโครงการ PA:LA ตั้งอยู่ในแหล่งชุมชนที่ค่อนข้างพลุกพล่าน จึงน่าจะเหมาะกับคนที่คุ้นชินกับบรรยากาศในพื้นที่แบบนี้ มากกว่าคนที่อยากได้ความเงียบสงบในการพักผ่อน ภาพรวมการออกแบบโครงการในบางจุดอาจจะดูสวยงาม แต่ไม่สามารถใช้ประโยชน์ได้จริง หรือใช้ได้ไม่เต็มที่นัก รวมถึงเรื่อง Lay out ห้อง คล้ายจะถูกบังคับให้ต้อง Build in เฟอร์นิเจอร์ จึงต้องคำนวนค่าใช้จ่ายในการตกแต่งห้องเผื่อไว้ด้วย นอกจากนี้ใครที่ต้องใช้รถส่วนตัวเป็นหลักก็ต้องคิดเยอะหน่อย ไหนจะเรื่องถนนแคบ มีการจารจรที่หนาแน่นเกือบทั้งวัน และเรื่องที่จอดรถในโครงการที่มีจำกัด (แค่ 47% ไม่รวมจอดซ้อนคัน) แต่ในแง่ของการเดินทางด้วยบริการขนส่งสาธารณะ ทั้งรถไฟฟ้า BTS รถไฟฟ้า MRT (ส่วนต่อขยายในอนาคต) รวมถึงรถประจำทางก็มีให้เลือกหลายทางเหมือนกัน นอกนั้นก็เหลือแค่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือจะหวังเก็งกำไร ขายต่อดีกว่ากัน ซึ่งเราก็มีกราฟวิเคราะห์ไว้ให้ใช้ประกอบการตัดสินใจด้วย
B-Loft สุขุมวิท 115 : รีวิวคอนโด

B-Loft สุขุมวิท 115 : รีวิวคอนโด

เลยมาดูคอนโดในแนวรถไฟฟ้าในอนาคตกันบ้างกับ B-Loft สุขุมวิท 115 ในเครือ Origin อีกเช่นเคย ซึ่งตัวโครงการมีความเหมือนกับ B-Loft ในซอยสุขุมวิท 109 อยู่มาก ทั้งเรื่องขนาดห้อง และ Lay out ห้อง และยังใช้สำนักงานขายเดียวกันด้วย ตัวตึกเป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น ดังนั้นภาพในห้องตัวอย่างของ 2 โครงการนี้จึงเหมือนกันไม่ผิดเพี้ยน ขนาดห้องของ B-Loft สุขุมวิท 115 จะเริ่มต้นที่ 25 ตร.ม. ปลายๆ ไปจนถึงขนาด 33 ตร.ม. และมีห้องขนาดพิเศษที่ 44 ตร.ม. ซึ่งมีเพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ในส่วนของห้องพักทั้งหมดขายกันมาแบบห้องเปล่าๆ พร้อมสุขภัณฑ์มาตรฐาน Cotto เรื่อง Facility ส่วนกลางก็มีมาให้ครบทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวน แต่มีขนาดเล็กและมีพื้นที่จำกัดจนดูเหมือนจะไม่สามารถใช้งานได้จริงตามสไตล์ Origin เลย เรื่องสาธารณูปโภคอื่นๆ ตามที่คุยคิดว่าพอโครงการสร้างเสร็จน่าจะมี Shutter Bus ให้บริการรับส่งถึงรถไฟฟ้าด้วย ยังไงก็ต้องรอดูกันอีกที และที่ดูแล้วน่าจะติดขัดอีกเรื่องก็คือเรื่องที่จอดรถ ซึ่งทางโครงการจัดไว้เพียง 35% เท่านั้น จนคิดว่าไม่น่าจะเพียงพอต่อจำนวนลูกบ้านที่จะเข้าอาศัยอยู่ เรื่องขนาดและคุณภาพห้องในระดับราคาเริ่มต้นที่หลักครึ่งแสนต่อตารางเมตรของโครงการ B-Loft ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่รับได้ครับ แต่สำหรับการมองเผื่อลงทุนคงต้องวิเคราะห์กันเยอะๆ หน่อย เพราะยังไม่แน่ใจว่าพื้นที่ว่างๆ ในซอยจะมีโครงการอื่นขึ้นอีกมั้ย ในเบื้องต้นเรื่องวิวทิวทัศน์รอบๆ โครงการจึงไม่ใช่เรื่องน่าห่วงนัก เรื่องทำเลที่ตั้งถ้าเป็นปัจจุบันอาจจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้าไม่สะดวกนัก เพราะรถไฟฟ้า BTS หมดระยะที่สถานีแบริ่งเท่านั้น ยังต้องอาศัยการต่อรถมาอีกเกือบ 4 กิโลเมตรกว่าจะถึงปากซอยสุขุมวิท 115 แต่ถ้าในอนาคตที่รถไฟฟ้าเปิดใช้งานถึงสถานีปู่เจ้าแล้ว คนที่ไม่มีรถส่วนตัวคงเดินทางได้สะดวกขึ้นแน่นอน จากปากซอยสุขุมวิท 115 เข้ามาอีก400 เมตรถึงจะถึงตัวโครงการซึ่งตั้งอยู่ในซอยอภิชาติ 3 อีกที ถ้าไม่อยากเดินบริเวณปากซอยมีพี่วินมอเตอร์ไซค์คอยให้บริการอยู่ ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวนั้น มีทั้งเส้นทางในซอยที่ไปออกถนนเทพารักษ์ได้ ถนนสุขุมวิทเส้นทางสายหลักไปออกบางนา หรือจะอาศัยเส้นทางถนนวงแหวน หรือเลี่ยงมาใช้สะพานภูมิพลเข้าเมืองก็สะดวกใช้ได้ พื้นที่โดยรอบโครงการเงียบมากๆ และยังเป็นซอยตัน ตอนกลางคืนจัดว่าเปลี่ยวเอาเรื่องอยู่ ไม่เหมาะกับการเดินเข้าซอยตัวคนเดียวเลย ในระยะเดินถึงไม่มีร้านค้าร้านอาหารให้พึ่งพาได้เลย ต้องออกไปแถวๆ ตลาดสำโรง หรือ อิมพีเรียล ถึงจะอุดมสมบูรณ์หน่อย แต่ถ้าต้องการเดินห้างช๊อปปิ้งก็ต้องเลยไปถึงเซ็นทรัลบางนา หรือเมกะบางนานู่นแน่ะ เรื่องความเจริญของพื้นที่รอบๆ คงต้องรอดูหลังจากรถไฟฟ้าเปิดใช้บริการถึงสถานีปู่เจ้าแล้ว ถึงจะรู้ว่าจะไปได้ไกลแค่ไหน