Tag : รีวิวสินค้า

2 ผลลัพธ์
บ้านสะอาดไร้ฝุ่นด้วย BOSCH Flexxo Serie 4

บ้านสะอาดไร้ฝุ่นด้วย BOSCH Flexxo Serie 4

บ้านใครมีเครื่องดูดฝุ่นแบบเดิมๆ บ้างคะ? แบบที่เวลาจะใช้งานก็ต้องยกเอาออกมาประกอบกัน เดินดูดฝุ่นทีก็ต้องคอยขยับเครื่องไม่ให้ไปทับสายไฟ กว่าจะดูดฝุ่นเสร็จแต่ละทีก็เล่นเอาเหนื่อยกันน่าดู ยิ่งเป็นงานบ้านที่ต้องทำความสะอาดกันเป็นกิจวัตรประจำด้วยแล้ว บางทีก็เหนื่อยจะแทบจะถอดใจไม่อยากหยิบจับเครื่องดูดฝุ่นตัวใหญ่ๆ หนักๆ ขึ้นมาทำความสะอาดเลย ยิ่งตอนนี้ปัญหาทางมลภาวะฝุ่นPM 2.5 กำลังอยู่ในช่วงวิกฤต และทุกคนกำลังตื่นตัวในการป้องกัน เพราะฝุ่นPM2.5 มีผลกระทบต่อระบบทางเดินทางหายใจ และเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคต่างๆ ตามมาอีกด้วย ดังนั้นการกำจัดฝุ่นละอองต่างๆ ภายในบ้านเลยยิ่งเป็นเรื่องที่ต้องให้ความใส่ใจและทำความสะอาดให้บ่อยครั้งขึ้น เพื่อบ้านของเราสะอาด ปลอดจากฝุ่นPM2.5 และหายใจได้เต็มปอดมากขึ้น       วันนี้เรามีเครื่องดูดฝุ่นใหม่จาก BOSCH ที่น่าใช้เชียวค่ะ หลังจากที่ได้ทดลองใช้ดูแล้วต้องบอกว่าประทับใจเลยทีเดียวจนต้องรีบมาบอกต่อ เครื่องดูดฝุ่นจาก BOSCH ตัวนี้ ชื่อรุ่นว่า "Flexxo Serie 4" เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สาย 2 in 1 ดีไซน์ของตัวเครื่องสวยเพรียวหยิบจับใช้งานง่ายมาก แถมยังช่วยประหยัดพื้นที่ในการจัดเก็บด้วย เพราะอุปกรณ์เสริมต่างๆ ที่มากับตัวเครื่องถูกจัดเก็บรวมไว้ตามส่วนต่างๆ ของเครื่อง ไม่ต้องกลัวว่าหัวดูดแบบต่างๆ จะหายหรือเปลืองที่จัดเก็บเลย บอกเลยว่าสะดวกต่อการกำจัดฝุ่นละอองทุกซอกทุกมุมจริงๆ เกริ่นมาแบบนี้ เริ่มสนใจกันแล้วใช่มั้ย ไปดูกันค่ะว่า BOSCH Flexxo ตัวนี้ใช้งานดียังไงบ้าง   https://youtu.be/CC8wsNyS3w4   BOSCH Flexxo Serie 4 เป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายแบบที่หยิบมาใช้ได้เลย ไม่มีสายไฟให้เกะกะเวลาใช้งาน ซึ่งแบตเตอรี่ที่ชาร์จเต็มแล้วสามารถใช้งานต่อเนื่องได้นานถึง 55 นาที  อุปกรณ์เสริมและหัวดูดฝุ่นก็มีให้เลือกใช้หลายแบบตามความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นข้อต่อแบบ Long Crevice ที่เป็นข้ออ่อนและยืดความยาวออกได้ ทำให้ทำความสะอาดตามซอกลึกได้ทั่วถึงมายิ่งขึ้น หรือหัวดูดแบบอื่นๆ ถูกออกแบบมาสำหรับทำความสะอาดทุกพื้นผิว ส่วนจุดเด่นที่ถูกใจคนรักสัตว์เลยก็คือ ความสามารถในการดูดกำจัดขนน้องหมา น้องแมว ด้วยแรงดูดที่เพิ่มขึ้นจึงทำความสะอาดได้รวดเร็วขึ้นอีก 30% เลยทีเดียว ตัวเครื่องก็สามารถถอดแยกออกมาได้ด้วย เพื่อความคล่องตัวในการใช้งานที่มากขึ้น ไม่ว่าจะทำความสะอาดผ้าม่าน โซฟา หรือบนหลังตู้ อีกเรื่องที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ ไส้กรองอากาศและกล่องเก็บฝุ่น เพราะหลังจากจัดการกับฝุ่นมารอบบ้านแล้ว เราก็ต้องมั่นใจว่าลมจากแรงดูดที่ผ่านออกมาจากไส้กรองจะไม่มีละอองฝุ่นเล็ดลอดออกมากวนใจอีก ซึ่ง BOSCH ก็ออกแบบมาเป็นอย่างดี ประกอบกับกล่องเก็บฝุ่นก็สามารถถอดมาล้างทำความสะอาดได้ด้วย ไม่ต้องกลัวฝุ่นฟุ้งกระจายตอนนำไปทิ้งอีกต่อไป หลังจากได้ลองใช้งานจริงแล้ว ต้องบอกว่าสะดวกจริงๆ ค่ะ เราสามารถทำความสะอาดห้องได้อย่างรวดเร็วขึ้น มีเวลาเหลือให้พักผ่อนมาขึ้นอีกด้วย คุณสมบัติอื่นๆ ที่น่าสนใจของ BOSCH Flexxo Serie 4 แบตเตอรี่ Long-life Litium ชาร์ทแบต 5 ชั่วโมง ใช้งานได้นาน 55 นาที ปรับระดับความแรงได้ 2 ระดับ ด้วยระบบ Robust Air ประสิทธิภาพสูงแม้จะมีฝุ่นเต็มกล่อง ไส้กรองอากาศ และกล่องเก็บฝุ่นถอดล้างทำความสะอาดได้ง่าย มีอุปกรณ์เสริมเปลี่ยนตามการใช้งานได้หลากหลาย เช่น พื้น เพดาน ผ้าม่าน รถยนต์ ฯลฯ ขนาด (สูงxกว้างxลึก) : = 1150 × 265 x 180 มม. น้ำหนัก 3 กิโลกรัม ราคาประมาณ 14,900 บาท   ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ : www.bosch-home.in.th **ขอบคุณสถานที่ถ่ายทำ ISSARA COLLECTION SATHORN    
ไรฝุ่น ผู้ร้ายบนที่นอน

ไรฝุ่น ผู้ร้ายบนที่นอน

เราทุกคนใช้เวลาอยู่บนที่นอนเป็นเวลา 1 ใน 3 ของวันเพื่อการพักผ่อน แต่หลายคนอาจจะคาดไม่ถึงว่า ภัยเงียบที่เราต้องเผชิญตลอดเวลาที่อยู่    บนที่นอนเป็นสาเหตุหลักของโรคภูมิแพ้ เช่น โรคหืด ผื่นผิวหนังอักเสบ หรือโรคแพ้อากาศ ฯลฯ ซึ่งกว่า 70% มี “ไรฝุ่น” เป็นตัวการสำคัญ   ปัญหาไรฝุ่น มักจะหลุดรอดจากการกำจัดเกือบทุกครั้ง ถึงแม้ว่าเราจะตั้งใจทำความสะอาดเช็ดถูทุกซอกอย่างดีที่สุดแล้วก็ตาม เพราะฝุ่นละอองขนาดจิ๋วและไรฝุ่นพวกนี้มีขนาดเพียง 0.1-0.3 มิลลิเมตรเท่านั้น!! แล้วอย่างนี้จะทำอย่างไรบ้างถ้าจะกำจัดไรฝุ่นให้หมดไป?     เคล็ดลับทั่วไปที่เราต่างก็คุ้นเคยกันอยู่แล้วคือ หมั่นเปลี่ยนผ้าปูที่นอนเป็นประจำ ซักผ้าปูที่นอน และปลอกหมอนด้วยน้ำอุณหภูมิไม่ต่ำกว่า 60 องศาเซลเซียส ตากให้แห้งสนิทและเก็บไว้ในถุงที่มิดชิด หมั่นทำความสะอาดห้องนอน ดูดฝุ่น และเช็ดทำความสะอาดให้ทั่วบริเวณ ไม่นำสัตว์เลี้ยงเข้าในห้องนอน   จริงๆ เราก็พยายามทำตามวิธีเหล่านี้เป็นประจำอยู่แล้ว แต่ล่าสุดเราเพิ่งเจอตัวช่วยสุดเจ๋ง ที่ทำให้เจ้าไรฝุ่นตัวจิ๋วพวกนี้แทบจะหายไปในพริบตา    นั่นก็คือ “เครื่อง  ดูดฝุ่น Dyson V8 Carbon Fibre” ซึ่งเป็นนวัตกรรมใหม่ล่าสุดจาก Dyson ที่เพิ่งเปิดตัวไปไม่เมื่อต้นปีที่ผ่านมา จุดเด่นของเครื่องดูดฝุ่นไร้สายตัวนี้คือ พลังการดูดทำความสะอาดที่เพิ่มขึ้นอีก 30% แถมยังพัฒนาเทคโนโลยีไซโคลนการกรองอากาศแบบทั้งเครื่องอีก เลยจัดมาลองด้วยตัวเองซักหน่อยค่ะ     แกะกล่องมาก็เจอกับอุปกรณ์ต่างๆ มากมายชวนให้งง แต่หลังจากอ่านคู่มือแล้วเรารีบหยิบ “หัวดูดฝุ่นที่นอน” มาก่อนเลย และที่ Dyson มีหัวต่อในเซ็ตมากมายแบบนี้ก็เพราะว่าหัวต่อแต่ละชิ้นถูกออกแบบมาเฉพาะการใช้งาน ให้เราสามารถเลือกใช้งานได้ตรงตามวัตถุประสงค์ และเพิ่มประสิทธิภาพในการกำจัดฝุ่นละอองได้มากยิ่งขึ้นด้วย       ต้องบอกก่อนว่า “Dyson V8 Carbon Fibre” ตัวนี้ ทางบริษัทเค้าเคลมไว้ว่าเป็นเครื่องดูดฝุ่นไร้สายที่มีความแรงถึง 155 AW (น่าจะแรงที่สุดในไลน์เครื่องดูดแบบไร้สายละ) ซึ่งมาพร้อมเทคโนโลยีชุดไซโคลน 2 Tier Radial™ (เรเดียล 2 ชั้น) ที่ทำงานคู่ขนานกันในการช่วยเพิ่มกระแสลม และ  การดักจับฝุ่นละออกขนาดเล็กจากแรงเหวี่ยงของกระแสลมเข้าสู่ถังเก็บฝุ่น แถมระบบที่ว่านี้ยังถูกผนึกอย่างแน่นหนาเพื่อป้องกันการเล็ดลอดของละอองฝุ่นต่างๆ ออกจากตัวเครื่องด้วย ดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่าระหว่างที่เรากำลังตั้งใจดูดฝุ่นทำความสะอาดให้หมดจดอยู่นั้น ลมที่ระบายผ่านฟิลเตอร์ออกมาขณะที่เครื่องทำงานก็จะยังสะอาด และไม่มีพวกสารก่อภูมิแพ้ที่เรามองไม่เห็นออกมาปะปนในอากาศอีก     หลังจากที่เราบ้าพลังเลือกโหมด MAX พลังดูดเบอร์แรงสุดจัดการกับที่นอนไป 5 นาที ก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็นในถังเก็บฝุ่น จะไม่ให้ตกใจได้อย่างไงล่ะคะ ทั้งๆ ที่เราเพิ่งทำความสะอาดที่นอนและเปลี่ยนผ้าปูเตียงไปเมื่อ 2-3 วันก่อน เรายังนอนจมอยู่บนกองไรฝุ่นเยอะขนาดนี้เลยหรอ? เห็นแล้วก็รู้สึกสยองหน่อยๆ ....ตอนนี้เชื่อเลยค่ะว่าเครื่องดูดฝุ่น Dyson สามารถจัดการกับไรฝุ่นที่ฝังตัวอยู่บนที่นอนได้เกือบ 100% นั้นไม่ใช่แค่ราคาคุย  แล้วล่ะ   นอกจากหัวดูดฝุ่นที่นอนที่เราได้ทดสอบประสิทธิภาพกันแล้ว Dyson V8 Carbon Fibre ยังมีจุดเด่นที่เป็นเอกลักษณ์เลยคือ หัวแปรงดูด Carbon Fibre ที่มีทั้งแบบหัวลูกกลิ้งขนนุ่ม (Fluffy) ซึ่งหุ้มด้วยผ้าไนลอนทำหน้าที่กักเก็บสิ่งสกปรกขนาดใหญ่ ในขณะที่ขนแปรงคาร์บอนไฟเบอร์ป้องกันไฟฟ้าสถิตย์ จะดูดฝุ่นผงขนาดเล็กสกปรกขนาดใหญ่และฝุ่นละอองขนาดเล็กออกจากพื้นแข็งไปพร้อมๆ กัน ส่วนหัวดูดแบบ Direct Drive จะมี    ขนแปรงยาวพร้อมเส้นคาร์บอนไฟเบอร์สำหรับทำความสะอาดพื้นแข็งและพรม     ความเจ๋งของ Dyson V8 Carbon Fibre นี้ไม่ได้มีดีแค่พลังดูดแบบไซโคลนเท่านั้นนะคะ การดีไซน์ตัวเครื่องก็รู้สึกได้เลยว่าทีมพัฒนาเข้าใจถึงการใช้งาน และใส่ใจในทุกรายละเอียดจริงๆ ทั้งแทนแขวนที่ทำให้จัดเก็บได้ง่ายและเป็นระเบียบไปพร้อมกับการชาร์จแบตเตอรี่, ด้ามจับที่ถนัดมือไม่ว่าจะถือใช้งานในที่สูงหรือถือในลักษณะปกติ, ตำแหน่งของปุ่มเปิดปิดที่อยู่ใกล้นิ้วตรงด้ามจับทำให้สามารถใช้งานได้ง่ายในมือเดียว, วิธีการเปิดถังเก็บฝุ่นที่ทำได้ง่ายในขั้นตอนเดียว แค่ดึงตัวล็อคที่ด้านบนฝาถังด้านล่างก็เปิดออก เศษฝุ่นก็ตกลงถังขยะหรือภาชนะรองรับได้เลย ไม่ต้องยกถุงฝุ่น    ไปเทแบบเดิมๆ และไม่ต้องกลัวเรื่องฝุ่นคลุ้งกระจายอีกด้วยค่ะ และที่สำคัญ Dyson V8 Carbon Fibre เครื่องนี้ ยังพัฒนาความสามารถของแบตเตอรี่ให้สามารถทำงานได้ต่อเนื่องนานถึง 40 นาที (ในโหมดปกติ) ซึ่งก็เพียงพอต่อการทำความสะอาดห้องนอน หรือคอนโดในแต่ละครั้ง    แล้วค่ะ หรือถ้าใครไม่สะใจอยากใช้โหมด MAX ด้วยพลังดูดแบบจัดเต็มก็จะใช้งานต่อเนื่องได้แค่ 5 นาทีนะคะ แต่เอาเข้าจริงโหมดปกติก็มีพลังดูดแรงกว่าเครื่องอื่นๆ และเพียงพอต่อการใช้งานแล้วค่ะ     หลังจากที่เราได้ใช้งานจริงมาเกือบเดือน ต้องบอกว่า Dyson V8 Carbon Fibre  ตัวนี้กลายเป็นผู้ช่วยสำคัญประจำบ้านไปแล้วค่ะ อุปกรณ์แต่ละชิ้นไม่ว่าจะถอดจะต่อก็ทำได้รวดเร็ว การทำความสะอาดบ้านแต่ละครั้งไม่ว่าจะซอกมุมไหนของบ้านก็มั่นใจได้ว่าสะอาดเอี่ยมแน่นอน ถึงแม้แรกๆ       จะแอบงงบ้างว่าจะใช้หัวต่อไหนกับงานประเภทไหนดี แต่ใช้ไปซักพักก็เริ่มชินและจะมีหัวต่อไม่กี่ชิ้นหรอกที่เรามักจะหยิบใช้กันบ่อยๆ ซึ่งหัวที่ใช้บ่อยก็สามารถนำมาเก็บไว้แท่นแขวนได้อีกเช่นกันค่ะ   ถึงแม้ราคาค่างวดของตัวเครื่องจะค่อนข้างสูง ทำให้หลายคนอดตกใจและลังเลในการตัดสินใจซื้ออยู่ไม่น้อย แต่เชื่อเถอะว่านี่คือ เครื่องดูดฝุ่น      ไร้สายที่คุณพ่อบ้านแม่บ้านน่าจะมีไว้ในครอบครองจริงๆ ค่ะ.... แล้วภาระกิจกำจัดผู้ร้ายบนที่นอน รวมถึงฝุ่นละอองตัวจิ๋วตามจุดต่างๆ จะกลายเป็นเรื่องที่ง่ายดาย และไม่มีวายร้ายตัวไหนหลุดลอดสายตาไปอีกแน่นอน   **สามารถหาซื้อได้ที่ห้างสรรพสินค้าและร้านจำหน่ายอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าชั้นนำ