Tag : ลลิล

3 ผลลัพธ์
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ปักหมุดย่านลำลูกกา-คลองหลวง ผุด ‘ลลิล ทาวน์ ไลโอ ลำลูกกา คลอง 4-5’

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ปักหมุดย่านลำลูกกา-คลองหลวง ผุด ‘ลลิล ทาวน์ ไลโอ ลำลูกกา คลอง 4-5’

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ยกตลาดที่อยู่โซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ รับอานิสงส์ รถไฟฟ้าสายสีเขียว-สีแดง ปักหมุดทำเลลำลูกกา-คลองหลวง ลงทุนแล้วกว่า 2 โครงการ มูลค่ารวม 1,300 ล้านบาท ผุด ‘ลลิล ทาวน์ ไลโอ ลำลูกกา คลอง 4-5’ โครงการที่อยู่มิกซ์ยูส บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ และทาวน์โฮมแห่งใหม่ ดีไซน์ใหม่สไตล์โมเดิร์น ขนาด 2 ชั้น รองรับดีมานด์กรุงเทพฯ ตอนบน นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยว่า เปิดเผยถึงภาพรวมการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ ย่านถนนรังสิต ลำลูกกา ในช่วง 1 - 2 ปี ที่ผ่านมา พบว่า พื้นที่ดังกล่าว มีความเจริญอย่างต่อเนื่องมาจากการขยายตัวเมืองพหลโยธิน ดอนเมือง ปทุมธานี รังสิต และถนนลำลูกกา จนกลายเป็นทำเลขยายของตลาดอยู่อาศัยแห่งใหม่ โดยสาเหตุมาจากศักยภาพของพื้นที่ ที่มีรถไฟฟ้าสายสีเขียว (หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต) และสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต-ม.ธรรมศาสตร์) ที่มีกำหนดสร้างเสร็จในปี 2563 อีกทั้งทำเลยังรายล้อมด้วยทางด่วนหลายเส้นทาง อาทิ ถนนวงแหวนตะวันออก ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ จึงเป็นผลทำให้โซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือ สามารถเชื่อมต่อไปยังพื้นที่ชั้นในของกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกรวดเร็วไม่แพ้ทำเลอื่น ขณะที่สิ่งอำนวยความสะดวก ครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ฟิวเจอร์พาร์ครังสิต, บิ๊กซี, เทสโก้ โลตัส, สนามบินดอนเมือง, โรงเรียน และโรงพยาบาลต่างๆ “บริษัทฯ มองเห็นศักยภาพของทำเลกรุงเทพฯตอนบน จึงมีการเปิดไปแล้วกว่า 2-3 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 1,300 ล้านบาท ซึ่งแต่ละโครงการมีผลตอบรับจากลูกค้าที่ดีมาก สะท้อนศักยภาพของทำเลได้ดี โดยความต้องการของพื้นที่ในย่านนี้ยังคงนิยมอยู่อาศัยแบบครอบครัว ต้องการพื้นที่ใช้สอยในบ้านสูง นับว่าโครงการแนวราบ ทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม ตอบโจทย์สูงสุด จึงเป็นโอกาสของบริษัทฯ ในการลงทุนโครงการใหม่ๆ เพื่อรองรับดีมานด์ในพื้นที่” นายชูรัชฏ์ กล่าว สำหรับโครงการ ‘ลลิล ทาวน์ (LALIN Town) ไลโอ (LIO) ลำลูกกา คลอง 4 – 5’ โครงการที่อยู่มิกซ์ยูส ผสมระหว่างบ้านเดี่ยวหลังใหญ่ และทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ ดีไซน์ใหม่สไตล์โมเดิร์น ขนาด 2 ชั้น ถือเป็นโครงการที่ออกแบบมาเพื่อผู้อยู่ในย่านรังสิต ลำลูกกาโดยเฉพาะ โดยโครงการมีจุดเด่นที่ทำเล ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางถนนเลียบคลอง 5 ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีคลอง 5 (ส่วนต่อขยาย) เพียง 4 นาที การเดินทางยังสะดวกสบาย เพราะเชื่อมต่อชีวิตบนถนนเส้นหลักหลากหลายสาย สะดวกทั้งขาเข้าและขาออกเมือง อาทิ ถนนลำลูกกา, รังสิต-นครนายก สะพานใหม่ อยู่ใกล้ทางด่วนบางนา-บางปะอิน, ใกล้วงแหวนกาญจนาภิเษก, ถนนวิภาวดี – รังสิต และทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์ และฟิวเจอร์พาร์ครังสิต เซียร์ รังสิตไฮเปอร์มาร์เก็ต ทั้ง บิ๊กซี และเทสโก้ โลตัส เป็นต้น ตลอดจนอยู่ใกล้นิคมอุตสาหกรรม และสถานศึกษาชั้นนำหลายแห่ง ลลิล ทาวน์ ไลโอ ลำลูกกา คลอง 4 - 5 มีจำนวน 417 ยูนิต บนพื้นที่โครงการ 44 ไร่ เป็นทาวน์โฮมแนวคิดใหม่ และบ้านเดี่ยว 2 ชั้น เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการบ้านหลังแรกโดยตัวบ้านมีพื้นที่ใช้สอยขนาดใหญ่ตั้งแต่ 105 ตรม. – 155 ตรม. ขนาด 3 – 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และที่จอดรถ 1 – 3 คัน ฟังก์ชันการออกแบบตัวบ้านเป็นแบบ Open plan สามารถออกแบบพื้นที่ใช้สอยได้ตามความต้องการ พร้อมพื้นที่เอนกประสงค์ทั้งภายในและนอกตัวบ้าน เพิ่มทัศนียภาพและคุณภาพการอยู่อาศัยด้วยพื้นที่สีเขียวพร้อมสวนสาธารณะและสโมสรบนพื้นที่กว่า 1 ไร่ อุ่นใจด้วยกล้อง CCTV และระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ทั้งนี้ แบบบ้านมีให้เลือกทั้งหมด 6 แบบ ได้แก่ แบบบ้าน HIVE ทาวน์โฮม สูง 2 ชั้น ขนาด 105 ตรม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และ 1 ที่จอดรถ แบบบ้าน HAUS ทาวน์โฮม สูง 2 ชั้น ขนาด 125 ตรม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ แบบบ้าน CRISP บ้านแฝด สูง 2 ชั้น ขนาด 141 ตรม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และ 1 ที่จอดรถ แบบบ้าน CRISP EX บ้านแฝด สูง 2 ชั้น ขนาด 141 ตรม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และ 3 ที่จอดรถ แบบบ้าน CARA บ้านเดี่ยว สูง 2 ชั้น ขนาด 141 ตรม. ฟังก์ชัน 4 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ และสุดท้ายแบบบ้าน CRAFT บ้านเดี่ยว สูง 2 ชั้น ขนาด 155 ตรม. ฟังก์ชัน 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และ 2 ที่จอดรถ สำหรับผู้สนใจ ลลิล ทาวน์ ไลโอ ลำลูกกา คลอง 4 - 5 ติดต่อเข้าชมโครงการ Call Center โทร 1778 และเว็บไซต์ www.lalinproperty.com, Line @LalinSociety
“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ชู “ลลิล ทาวน์” ตอบโจทย์เรียลดีมานด์ ตอกย้ำแบรนด์ด้วยโครงการใจกลางทำเลยุทธศาสตร์

“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ชู “ลลิล ทาวน์” ตอบโจทย์เรียลดีมานด์ ตอกย้ำแบรนด์ด้วยโครงการใจกลางทำเลยุทธศาสตร์

“ลลิล พร็อพเพอร์ตี้” ชู “ลลิล ทาวน์” ตอบโจทย์เรียลดีมานด์ ตอกย้ำแบรนด์ด้วยโครงการใจกลางทำเลยุทธศาสตร์ ประกาศผลประกอบการไตรมาส 2 เติบโตแข็งแกร่ง พร้อมจ่ายปันผลระหว่างกาลมั่นใจรายได้ทั้งปีโตทะลุเป้า  บริษัท  ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) มองเศรษฐกิจไทยยังเคลื่อนตัวได้ รับแรงกระตุ้นจากแผนการลงทุนของภาครัฐ เดินหน้าขยายธุรกิจต่อเนื่อง หลังรอบ 6 เดือนแรก ปี 2560 ศักยภาพโดดเด่นสวนทางตลาดรวมที่ชะลอตัว โดยประกาศผลประกอบการไตรมาสสอง ปี 2560 เติบโตอย่างแข็งแกร่ง มียอดรับรู้รายได้ที่ 883 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 33% จากไตรมาสก่อนหน้า มีกำไรสุทธิที่171 ล้านบาท เติบโตราว 50% จากไตรมาสก่อนหน้า ชู “ลลิล ทาวน์” โครงการมิกซ์ยูส กว่า 5 โครงการ 5 ทำเลทอง ตอบโจทย์ลูกค้า ดันยอดขายใหม่แตะ 2,100 ล้านบาทในครึ่งปีแรก เตรียมตอกย้ำแบรนด์ “ ลลิล ทาวน์” ด้วยการเปิดเพิ่ม 3-4 โครงการ มูลค่ากว่า 2,000 ล้านบาท ในหลายทำเลยุทธศาสตร์ มั่นใจตลอดปีนี้สามารถทำได้ตามเป้าหมาย ยอดขาย 3,650 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ที่ 3,100 ล้านบาท เติบโตกว่า 15 %   นายชูรัชฏ์ ชาครกุล กรรมการรองผู้จัดการใหญ่ บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปต์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยถึงแนวโน้มภาคอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงที่เหลือ ปี 2560 ว่า เศรษฐกิจไทยจะยังสามารถขับเคลื่อนไปข้างหน้าได้จากแผนงานการลงทุนของภาครัฐ หลังนโยบายการคลังโดยเฉพาะการเร่งเบิกจ่ายโดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่ผ่านการอนุมัติของคณะรัฐมนตรีแล้ว อาทิ โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล และมอเตอร์-เวย์ ซึ่งจะช่วยเรียกความเชื่อมั่นและดึงการลงทุนจากภาคเอกชนได้ อย่างไรก็ตามมีปัจจัยที่ยังน่าเป็นห่วงจากปัญหาหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังคงอยู่ในระดับสูง สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์มองว่าตลาดที่อยู่อาศัยแนวราบ ซึ่งเป็นตลาด Real Demand ตลาดกลาง–ล่าง ยังขยายตัวได้อยู่ โดยภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์น่าจะขยายตัวได้ 3-5% บริษัทฯ ได้ประเมินเศรษฐกิจโดยรวมแล้วตั้งแต่ช่วงต้นปี จึงมีการดำเนินงานตามแผนกลยุทธ์ที่สอดรับกับสถานการณ์ ช่วยให้บริษัทสามารถ Gain Market Share เพิ่มขึ้น และมีผลประกอบการที่เติบโตสวนทางกับตลาดโดยรวมที่ชะลอตัว โดยผลประกอบการในรอบ 6 เดือนแรก ปี 2560 บริษัทมียอดรับรู้รายได้รวม 1,545 ล้านบาท ขยายตัวราว 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2559  และมีผลกำไรสุทธิที่ 285 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนราว 17% ทั้งนี้บริษัทได้ประกาศจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้กับผู้ถือหุ้นในอัตราหุ้นละ 0.135 บาท โดยกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 1 กันยายน 2560 (หรือขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 29 สิงหาคม 2560) และจะจ่ายเงินปันผลให้กับผู้ถือหุ้นทุกท่านในวันที่ 8 กันยายน 2560 นี้ ในแง่ของโครงสร้างเงินทุน แม้จะมีการขยายโครงการอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นไตรมาสสองนี้ บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่ที่ 0.84 เท่า ปรับลดลงเล็กน้อยจาก ณ สิ้นไตรมาสแรก ซึ่งอยู่ที่ 0.86 เท่า  ทั้งนี้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุนดังกล่าว นับว่าต่ำกว่าค่าเฉลี่ยโดยรวมของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ราว 1.4 เท่า สำหรับการขยายธุรกิจในช่วงที่ผ่านมา บริษัทได้เปิดตัวอาณาจักร “ลลิล ทาวน์ (LALIN Town)” ไปแล้วทั้งสิ้น 5 โครงการ 5 ทำเลยุทธศาสตร์ มูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาท อาทิ พุทธสาคร-ถนนเศรษฐกิจ บางนา-สุวรรณภูมิ ลำลูกกาคลอง 4-5 และในต่างจังหวัด อาทิ อมตะนคร-ชลบุรี พัทยา-ชลบุรี เป็นต้น ซึ่ง ลลิล ทาวน์ นับเป็นโครงการใหม่ที่ประสบความสำเร็จ และได้รับความสนใจอย่างมากจากลูกค้า เพราะกลยุทธ์ที่พัฒนาให้เป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วย บ้านเดี่ยวหลังใหญ่ซีรี่ส์ใหม่ บ้านแนวคิดใหม่ ให้บนพื้นที่ใช้สอยกว่า 140-175 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้นเพียง 2 ล้านกว่าบาท – 5 ล้านบาท และทาวน์โฮม หน้ากว้างดีไซน์ใหม่ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 85-105 ตารางเมตร ในราคาสุดคุ้มเพียง 2 - 2.5 ล้านบาท ในพื้นที่เดียวกัน ทำให้ตอบทุกโจทย์ของผู้อยู่อาศัยได้ทุกกลุ่ม ที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยทำเลนั้นๆ อย่างไรก็ดี ในก้าวถัดไปของ ลลิล ทาวน์ เตรียมขยายโครงการใหม่ในทำเลศักยภาพอย่างต่อเนื่อง โดยในช่วงที่เหลือ ปี 2560 มีแผนเปิดโครงการใหม่อีกราว 3-4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้บริษัทมีการขยายตัวที่มั่นคงต่อไป โดยรวมแล้วทั้งปี 2560 บริษัท ตั้งเป้าหมายยอดขาย 3,650 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 3,100 ล้านบาท เติบโตราว 15% และเปิดโครงการใหม่ 8-10 โครงการ มูลค่าประมาณ 5,000 ล้านบาท ในสัดส่วนทำเล กรุงเทพฯ และปริมณฑล 70% และต่างจังหวัดหัวเมืองใหญ่ เมืองท่องเที่ยว และแหล่งงานสำคัญ 30%
ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศผลประกอบการไตรมาสสามเติบโตสูงต่อเนื่อง ยอดรายได้ 9 เดือน ทะลุ 2,587 ล้านบาท กำไรสุทธิ 489 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ ประกาศผลประกอบการไตรมาสสามเติบโตสูงต่อเนื่อง ยอดรายได้ 9 เดือน ทะลุ 2,587 ล้านบาท กำไรสุทธิ 489 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%

ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ เติบโตสวนทางเศรษฐกิจปิดงบปี 59 สูงกว่าเป้า รับรู้รายได้ 2,707.1 ล้านบาท กำไรสุทธิ 500.3 ล้านบาท ขยายตัว 41% บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เติบโตอย่างแข็งแกร่งเหนือตลาด ปิดงบปี 2559 มียอดรับรู้รายได้ที่ 2,707.1 ล้านบาท ขยายตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 30% และยังคงความสามารถบริหารจัดการต้นทุนได้ดี โดยมีอัตรากำไรขั้นต้นที่ 39.5% ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารต่อยอดขายปรับลดลง ส่งผลให้มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 500.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนกว่า 41%  นายไชยยันต์ ชาครกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ลลิล พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) (LALIN) ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ภายใต้คอนเซ็ปท์ “บ้านที่ปลูกบนความตั้งใจที่ดี” เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2559 ที่ผ่านมา ตลาดโดยรวมจะแทบไม่มีการขยายตัว แต่ด้วยการวางแผนกลยุทธ์และดำเนินธุรกิจที่สอดคล้องกับสถานการณ์ของบริษัท ทำให้ในปี 2559 ที่ผ่านมาถือเป็นอีกปีที่บริษัททำผลงานได้เป็นที่น่าพอใจ โดยสามารถมีส่วนแบ่งกำไรตลาด (Gain Market Share) เพิ่มมากขึ้น ขณะที่มียอดรับรู้รายได้ที่ 2,707.1 ล้านบาท เติบโตกว่า 30% จากปี 2558 ซึ่งมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ตอนต้นปีที่ 2,400 ล้านบาท ส่งผลให้มีกำไรสุทธิปรับเพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ 500.3 ล้านบาท เติบโตกว่า 40% จากปี 2558 ในแง่ของโครงสร้างเงินทุน บริษัทยังคงมีความแข็งแกร่งทางด้านการเงิน โดย ณ สิ้นปี 2559 บริษัทมีระดับหนี้ที่สามารถบริหารจัดการได้ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุน (D/E Ratio) อยู่เพียง 0.85 เท่า ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมซึ่งอยู่ที่ประมาณ 1.4 เท่า นอกจากนี้บริษัทมีการบริหารด้านการเงินอย่างรัดกุม โดยใช้แหล่งเงินกู้ที่หลากหลาย และส่วนใหญ่เป็นอัตราดอกเบี้ยคงที่ เพื่อควบคุมต้นทุนทางการเงินรวมทั้งมีการสำรองวงเงินสนับสนุนจากธนาคารพาณิชย์อย่างเพียงพอที่จะชำระหนี้ครบกำหนดชำระในช่วง 1 - 2 ปีข้างหน้า ทั้งนี้เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา บริษัทได้ออกหุ้นกู้ จำนวน 500 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี ที่ 3.4% ซึ่งได้รับความสนใจจากผู้ลงทุนทั้งบุคคลและสถาบันเข้าจองซื้อเต็มทั้งจำนวน นายไชยยันต์ กล่าวปิดท้ายว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติเห็นชอบจัดสรรกำไรสำหรับปี 2559 ให้กับผู้ถือหุ้น โดยจ่ายเป็นหุ้นปันผลในอัตราส่วน 8.25 หุ้นเดิม ต่อ 1 หุ้นปันผล รวมทั้งให้จ่ายปันผลในรูปของเงินสดในอัตราหุ้นละ 0.1385 บาท ทั้งนี้บริษัทได้จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลงวดครึ่งปีแรกไปแล้วที่ 0.125 บาท ดังนั้นจะเหลือจ่ายเพิ่มสำหรับงวดครึ่งปีหลังปี 2559 อีก 0.0135 บาทต่อหุ้น โดยมีมติให้กำหนดวันปิดสมุดทะเบียนในวันที่ 17 มีนาคม 2560 (หรือขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 14 มีนาคม 2560) และกำหนดจ่ายปันผลในวันที่ 12 พฤษภาคม 2560 ทั้งนี้การจ่ายปันผลดังกล่าวต้องนำเสนอขออนุมัติจากที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2560 ในเดือนเมษายนนี้