Tag : วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์

8 ผลลัพธ์
แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด พร้อมเปิดตัวโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ สร้างมูลค่าของการพักอาศัยระดับโลก

แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด พร้อมเปิดตัวโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ สร้างมูลค่าของการพักอาศัยระดับโลก

ในยามที่ความต้องการเรสซิเดนซ์ระดับไฮเอนด์กลางเมืองกรุงเทพฯ มีแต่พุ่งสูงขึ้น แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) โครงการห้องชุดระดับซูเปอร์ลักชัวรี่กลางย่านธุรกิจหลักของเมือง นำเสนอการลงทุนแบบ Leasehold ให้นักลงทุนได้เก็บเกี่ยวผลกำไรยาว ๆ ไปอีก 50 ปี พร้อมประกาศเปิดตัวโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ภายในโครงการ เพื่อเพิ่มมูลค่าของการพักอาศัยและมอบไลฟ์สไตล์สุดหรูด้วยบริการมาตรฐานระดับโลกจากเครือฮิลตัน   สำหรับปี พ.ศ. 2561 นี้ถือเป็นปีแห่งการเติบโตแบบก้าวกระโดดของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในกรุงเทพฯ เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มเชิงบวกเมื่อเปรียบเทียบกับ 3 ปีที่ผ่านมาจากอัตราการส่งออกที่เพิ่มสูงขึ้นซึ่งช่วยชดเชยอัตราการบริโภคในประเทศที่ซบเซา รวมถึงการอัดฉีดเงินลงทุนจากต่างประเทศที่เพิ่มสูงขึ้น บริษัทต่าง ๆ ในเอเชียต่างมองประเทศไทยเป็นฐานภูมิศาสตร์ด้านกลยุทธ์ที่สำคัญเพื่อการดำเนินธุรกิจที่คุ้มค่าต่อการลงทุน ในอีกด้านหนึ่ง ผู้ซื้ออสังหาฯ ต่างกำลังมองหาทรัพย์สินในเมืองไทยที่มีมูลค่าสัมพัทธ์ที่ดีเยี่ยมและมีราคาสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง   ความต้องการของนักลงทุนในเอเชียต่างมุ่งไปที่อสังหาริมทรัพย์ระดับสูง ซึ่งก็คือโครงการเรสซิเดนซ์ใจกลางย่างธุรกิจหลักของกรุงเทพฯ (CBD) นั่นเอง ตลาดอสังหาฯ ระดับนี้นับวันจะมีราคาถีบตัวสูงขึ้นตลอดเวลา เนื่องจากทำเลทองเริ่มหายากขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งสวนทางกับความต้องการจากนักลงทุนต่างชาติที่เพิ่มมากขึ้นทุกวัน โดยเฉพาะนักลงทุนจากฮ่องกงที่เริ่มผละจากฮ่องกงไปมองหาทำเลใหม่ๆ ในต่างประเทศ ขณะที่นักลงทุนจากจีนแผ่นดินใหญ่ยังรู้สึกกังวลในการกลับไปลงทุนในบ้านเกิดและบ่ายหน้าหาทางเลือกอื่นๆ เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะฟองสบู่ในประเทศ และในเมื่อราคาห้องชุดหรูในกรุงเทพฯ มีราคาเพียงครึ่งเดียวเมื่อเปรียบเทียบกับห้องชุดระดับเดียวกันในสิงคโปร์และมีราคาเพียง 1 ใน 5 เมื่อเปรียบเทียบกับฮ่องกง ทำให้กรุงเทพฯ คือเป้าหมายสำคัญของนักลงทุนจากทั่วภูมิภาค   หนึ่งในโครงการที่กำลังเป็นที่จับตามองของนักลงทุนคือแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) ซึ่งมีความพิเศษหลายด้าน ทั้งที่ตั้งโครงการซึ่งเป็นทำเลทองผืนสุดท้ายบนถนนราชดำริ รวมถึงคุณภาพการก่อสร้างและการตกแต่งระดับโลก อีกทั้งในปัจจุบัน ยังขยายสัญญา Leasehold จาก 30 ปีเป็น 50 ปี เพื่อให้นักลงทุนสามารถเก็บเกี่ยวผลประโยชน์กันได้แบบระยะยาว นอกจากนี้ หลังจากมีงานเปิดตัวโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ แบรนด์โรงแรมระดับไฮเอนด์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของวอลดอร์ฟในเครือฮิลตันโฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ไปเมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ทำให้เจ้าของห้องชุดหรูของ MRB ได้รับเอกสิทธิ์ระดับวีไอพีเพิ่มเติมอีกด้วย โดยเจ้าของห้องพักทุกท่านสามารถใช้บริการบาร์ และห้องอาหารชั้นนำจากเครือฮิลตันได้เช่นเดียวกับแขกของโรงแรม นับเป็นการยกระดับไลฟ์สไตล์สู่มาตรฐานสากลอย่างแท้จริง   อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย กล่าวว่า “เศรษฐกิจไทยกำลังกระเตื้องขึ้นจากการเติบโตของภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยในปีที่ผ่านมา ไทยมีอัตราการเติบโตของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่ 3.9% ซึ่งเกิดจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นในตลาดหลักแห่งอย่างมีนัยสำคัญที่ 9.9% ส่วนภาคการท่องเที่ยวมีอัตราส่วนในผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศที่ 20% โดยในปี 2560 มีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยือนประเทศไทยมากถึง 35.4 ล้านคน และคาดว่าจะมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในปี 2561 นี้”   เหล่านี้คือสภาพการณ์ที่ดีเยี่ยมต่อการเลือกทำเลในการลงทุน หรือแม้แต่การใช้ประโยชน์จากความพร้อมของเมืองไทยทั้งในด้านวัฒนธรรม ความบันเทิง และมูลค่าทรัพย์สินสำหรับผู้ซื้อที่ต้องการอยู่อาศัย ซึ่งทำให้การซื้อมีความสมเหตุสมผลอย่างมากหากต้องการหวังผลในช่วงเวลานั้น   ตลาดอสังหาฯ ระดับบนยังคงให้ผลตอบแทนการลงทุนที่ดีมาก และสำหรับประเทศไทย ผลตอบแทนล้วนขึ้นอยู่กับทำเลและมาตรฐานของโครงการ ซึ่งซีบีอาร์อีเห็นพ้องกับเรื่องนี้ “ราคาที่ดินในย่านธุรกิจหลักจะเพิ่มสูงขึ้นต่อไปโดยเฉพาะในกลุ่มทำเลชั้นเยี่ยมที่ใกล้กับสถานีขนส่งมวลชนต่าง ๆ ซึ่งการขาดแคลนโครงการที่ให้กรรมสิทธ์แบบซื้อขาดในย่านธุรกิจหลัก จะยิ่งทำให้ราคาถีบตัวสูงขึ้นไปอีก” อลิวัสสา กล่าว   สำหรับบริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ถือเป็นหนึ่งในบริษัทผู้พัฒนาโครงการระดับคุณภาพที่ได้รับความเชื่อถือมากที่สุดของประเทศไทยและมีผลงานโครงการชั้นเลิศมากมาย โครงการแรกที่สร้างชื่อเสียงคือแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด โดยเป็นอาคารรูปกลีบดอกไม้ที่อ่อนช้อยและสง่างาม ด้วยทุนก่อสร้างถึง 1,100 ล้านบาท โครงการนี้เป็นอาคาร 60 ชั้นความสูง 242 เมตร ทีมสถาปนิกได้แรงบันดาลใจมาจาก “กลีบดอกแมกโนเลีย” ที่หมุนวนจากฐานขึ้นไปสู่ส่วนยอดของอาคาร ทำให้โครงการในภาพรวมแลดูโดดเด่นสมกับเป็นแลนด์มาร์คอีกแห่งของกรุงเทพฯ   เนื่องจาก MRB ตั้งอยู่บนถนนราชดำริ ใกล้แยกราชประสงค์ ซึ่งเป็นย่านธุรกิจสำคัญของเมืองไทยและแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ ช็อปปิ้งมอลล์ โรงแรม 5 ดาว ร้านอาหารชั้นนำ ศูนย์กลางธุรกิจ และสถานบันเทิงที่เหนือระดับและเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ทำให้โครงการแห่งนี้ตอบสนองความต้องการด้านพักอาศัยและไลฟ์สไตล์ระดับลักชัวรี่ได้อย่างลงตัว ซึ่งรวมไปถึงการดำเนินธุรกิจ การสร้างเครือข่าย และการติดต่อพบปะสังสรรค์ ตลอดจนการท่องเที่ยวของนักเดินทางที่หลั่งไหลมาจากประเทศต่าง ๆ ในอาเซียนและทั่วโลก อีกทั้งสามารถเดินทางในกรุงเทพฯ ได้อย่างสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าบีทีเอส และเหนือสิ่งอื่นใด ความหรูหราสะดวกสบายในการใช้ชีวิตจากบริการระดับโลกของเครือฮิลตันจากโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ที่จะทำให้ไลฟ์สไตล์การพักอาศัยใน MRB คือที่สุดของความหรูหราระดับโลก     วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “โครงการแมกโนเลียส์ฯ ปิดการขายห้องชุดไปแล้วกว่า 80% ปัจจัยหลักที่ทำให้เรามียอดขายที่น่าพอใจ เกิดจากทำเลที่ตั้งโครงการซึ่งถือเป็นหนึ่งในทำเลทองชั้นนำของเมืองไทย (ศูนย์กลางธุรกิจย่านราชประสงค์) ทั้งยังเป็นโครงการแบบมิกซ์ยูสที่ตอบสนองความต้องการของผู้พักอาศัยได้ดีเยี่ยมเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สมบูรณ์แบบไว้บริการตลอดเวลา และนอกเหนือจากการได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดสุดหรู คือการได้รับสิทธิพิเศษเมื่อใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากร้านค้าภายในโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ”   “สำหรับปีนี้ เรายังได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เราจึงอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมด้วยการประสานงานกับธนาคารกสิกรไทยและธนาคารกรุงเทพ เพื่อนำเสนอระบบเงินกู้สูงสุดถึง 70% และยังขยายสัญญา Leasehold ไปจนถึง 50 ปี (30+20 ปี) โดยสามารถขายสิทธิ์ Leasehold แก่ผู้อื่นได้ ทำให้กรรมกสิทธิ์การครอบครองและการใช้ประโยชน์จากห้องชุดมีความสมบูรณ์และคล่องตัวมากขึ้น”   นอกเหนือจาก “ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เหนือระดับ” เมื่อมองในแง่การลงทุน MRB ยังให้ผลตอบแทนจากการเช่าที่คุ้มค่าราว 4.5 – 5% ซึ่งสูงกว่าโครงการอื่น ๆ ในย่านเดียวกันมาก ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ที่ดินของแมกโนเลียส์ฯ ยังมีราคาสูงขึ้นทุกปี โดยเริ่มต้นอยู่ที่ 170,000 บาทต่อตารางเมตรในช่วงพรีเซล และขึ้นมาถึง 270,000 บาทต่อตารางเมตร ในปัจจุบัน   หากต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ติดต่อ ซีบีอาร์อี ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด 083-095-5054 หรือ sales@magnolias-ratchadamri.com
ประกาศเปิด‘ไอคอนสยาม’ 9 พฤศจิกายนนี้ พบมหัศจรรย์ที่เป็น ‘ครั้งแรก’ และ ‘ดีที่สุด’ มากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ประกาศเปิด‘ไอคอนสยาม’ 9 พฤศจิกายนนี้ พบมหัศจรรย์ที่เป็น ‘ครั้งแรก’ และ ‘ดีที่สุด’ มากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อน

วันนี้ ไอคอนสยาม อภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต สัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามูลค่า 54,000 ล้านบาท ประกาศยืนยันวันเปิดไอคอนสยามอย่างเป็นทางการ 9 พฤศจิกายน 2561 นี้ โดยจะเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความมหัศจรรย์บนพื้นที่กว่า 750,000 ตารางเมตร ที่พร้อมจะสะกดทั้งโลกให้ต้องหันมองกรุงเทพฯ และประเทศไทย กับมหาปรากฏการณ์งานเปิดสุดยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยความแปลกใหม่ของร้านค้าและองค์ประกอบต่างๆ ภายในไอคอนสยาม นำเสนอเป็นครั้งแรกในประเทศไทยจำนวนมากมายอย่างที่ ไม่เคยมีมาก่อน   นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า “การเปิดเมืองไอคอนสยามจะเป็นการบุกเบิกการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ ที่พลิกโฉมรูปแบบการพัฒนาโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ยิ่งใหญ่ไปอย่างสิ้นเชิง โดยคอนเซ็ปต์ ‘การสร้างประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย’ หรือ Creating Shared Value และ ‘การร่วมกันรังสรรค์’ หรือ Co-Creation เป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดของไอคอนสยาม ที่ได้บุกเบิกและทำคอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่นี้ให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรมและเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้นอย่างเต็มภาคภูมิ และสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจแก่คนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก”   นายสุพจน์ กล่าวว่า “ไอคอนสยาม คือศูนย์รวมของความมหัศจรรย์อันหลากหลาย ทั้งศิลปะและวัฒนธรรม ผสมผสานรวมอยู่กับที่สุดของการช้อปปิ้งและความบันเทิง โดยการผนึกกำลังพันธมิตรองค์กรธุรกิจทั้งใหญ่และเล็กทุกขนาดหลากหลายรูปแบบธุรกิจ รวมไปถึงผู้คนจำนวนมากจากนานาสาขาอาชีพที่มีความปรารถนาจะสร้างสถานที่ๆ บอกเล่าหลากหลายเรื่องราวของความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ผสมกับสิ่งที่ดีในมิติต่างๆ จากทุกมุมโลก ได้มารวมพลังกันสร้างสรรค์สัญลักษณ์ใหม่ซึ่งจะกลายเป็นมหาปรากฏการณ์ การเปิดไอคอนสยามในครั้งนี้จะเป็นการประสานประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย แผ่กระจายความรุ่งเรืองไปทั่ว ทั้งในระดับชุมชน สังคม และประเทศ”   “เหล่าผู้สร้างสรรค์ที่มีส่วนร่วมในการเนรมิตสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ในไอคอนสยาม ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า นักออกแบบในสาขาต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ศิลปินจากทั่วประเทศผู้มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน ชิ้นเอกต่างๆ ในไอคอนสยาม รวมถึงเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบ และบรรดาธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยา คือผู้มีบทบาทสำคัญและเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกำหนดองค์ประกอบต่างๆ ของไอคอนสยามทั้งสิ้น ซึ่งเหล่าผู้ร่วมสร้างสรรค์ที่ร่วมแรงร่วมใจกันกับเรา ถือเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ในโลกอนาคตเพื่อความเจริญที่ยั่งยืนร่วมกันอย่างที่ไอคอนสยามกำลังทำอยู่” นายสุพจน์ กล่าว   นายสุพจน์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ไอคอนสยามจะเปิดประตูอภิมหาโครงการเมืองแห่งนี้ด้วยความมหัศจรรย์ที่เป็น ‘ครั้งแรก’ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทยมากมาย อาทิ ไอคอนนิกสโตร์ สุดอลังการจำนวน 14 แบรนด์ และอีกหลากหลายสโตร์จากแบรนด์ที่พรีเมี่ยมที่สุดของโลกมารวมตัวกันอยู่ในที่เดียวอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยแบรนด์ที่เป็นสุดยอดความหรูหราระดับโลกจำนวนหนึ่งจะอยู่ในอาคาร ‘ไอคอนลักซ์’ (ICONLUXE) ซึ่งมีพื้นที่ 25,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอาคารกระจกโครงสร้างไร้เสาที่ยาวที่สุดในโลก รูปทรงคล้ายกระทงแก้ว สรรค์สร้างอย่างงดงามให้เป็นสัญลักษณ์ใหม่บนแม่น้ำเจ้าพระยา   นายสุพจน์กล่าวว่า “เพื่อให้ไอคอนสยามเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศไทย ที่นำเสนอความแปลกใหม่อย่างมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น เราจึงได้ทำงานลงลึกในรายละเอียดร่วมกับร้านค้าและผู้ประกอบการกว่า 500 ราย ตั้งแต่สุดยอดแบรนด์ของไทยไปจนถึงลักชัวรี่แบรนด์จากต่างประเทศเพื่อขอให้แต่ละร้านนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับแบรนด์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความเป็นมาของแต่ละแบรนด์จนถึงแนวคิดและนวัตกรรมต่างๆ โดยเชื่อมโยงกับแนวการออกแบบร้าน ให้ไอคอนสยามเป็นโครงการแห่งแรกที่ทำ Story Telling ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจได้อย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างแต่มีคุณค่าให้ผู้บริโภคได้ประทับใจ และเนื่องจากไอคอนสยามได้รับความเชื่อมั่น จากหลายๆ แบรนด์ชื่อดังระดับโลก ทำให้เราได้มีโอกาสช่วยกันคิดสร้างสิ่งพิเศษที่จะเกิดขึ้นภายในร้านของเขาเฉพาะที่ไอคอนสยามเท่านั้น”   นายสุพจน์กล่าวว่า “ในไอคอนสยามจะมีมากกว่า 188 แบรนด์ชั้นนำที่เป็นแบรนด์และคอนเซ็ปต์ใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนเซ็ปต์ Icons within Icon ซึ่งเราจัดให้ลักชัวรี่แบรนด์มีคฤหาสน์ของตนเองในรูปแบบ Duplex Mansion อยู่ภายในอาคารไอคอนลักซ์ซึ่งจะทำให้สามารถมีสินค้าที่ครบครันและมีบริการพิเศษอีกด้วย”   นอกจากนั้น ยังมีแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชื่อดังอีกมากมายมาร่วมกันนำเสนอคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น Adidas เปิด Adidas Original Store ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย JD Sports ร้านแฟชั่นกีฬาชื่อดังจากประเทศอังกฤษ เปิดร้านแรกในประเทศไทย และ Nike เปิด Nike Kicks Lounge แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำเสนอสินค้าที่แตกต่างจาก Nike Store อื่นๆ   “ALAND ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์คอนเซ็ปต์สโตร์ และ COS เปิดแฟลกชิฟสโตร์แฟชั่นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับทั้งผู้หญิงผู้ชาย รวมถึง นารายา ต่างเตรียมพร้อมที่จะเปิดร้านดูเพล็กซ์ไอคอนนิกสโตร์ของตัวเองที่ไอคอนสยาม ในขณะที่ H&M เตรียมพร้อมเปิดอาคารของตัวเองในรูปแบบ Triplex Store 3 ชั้นสุดอลังการเป็นครั้งแรก และทาคาชิมายะ ห้างสรรพสินค้าระดับตำนานที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากประเทศญี่ปุ่น ก็จะเปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่ไอคอนสยามขนาด 36,000 ตารางเมตร โดยจะนำ 170 แบรนด์ในทุก category รวมถึงอาหารและขนมจากญี่ปุ่นที่ไม่เคยมีจำหน่ายในประเทศไทยมาก่อนมานำเสนอด้วย” นายสุพจน์ กล่าว   ที่น่าตื่นเต้นอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไอคอนสยามจะนำเสนอสุดยอดประสบการณ์ของการกินดื่มใน 7 บรรยากาศที่แตกต่างกันไปในแต่ละโซน นับตั้งแต่ร้านอาหาร Fine Dining ซึ่งแต่ละร้านมี Terrace ชมวิวแม่น้ำ จนถึงอาหารยอดนิยมของไทยซึ่งหาชิมได้ยาก รวมถึง roof-top bars ที่สามารถดื่มด่ำกับความงดงามของฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งยังมีภัตตาคารชื่อดังจากต่างประเทศ อาทิ Harbour จากไต้หวัน และภัตตาคารอาหารทะเลชื่อดังจากสิงค์โปร์อย่าง Jumbo Seafood ซึ่งเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอีกด้วย   Fitness First คลับเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดของประเทศไทย และมีสาขามากกว่า 29 สาขา ก็จะมาเปิดคลับระดับหรูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ซึ่งจะเป็นแฟล็กชิฟที่ให้บริการพิเศษแตกต่างจากสาขาอื่นๆ   นายสุพจน์อัพเดทเพิ่มเติมว่า ได้เตรียมงบประมาณไว้มากกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับการจัดงานเปิดเมืองไอคอนสยามและเชิญผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชม   “ไอคอนสยามจะเป็นอภิมหาโครงการเมืองที่นำเสนอความภาคภูมิใจในความเป็นไทย และเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยส่งเสริมและผลักดันแบรนด์ไทย สินค้าไทย ศิลปินไทย งานฝีมือไทย และศิลปวัฒนธรรมไทย ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก ด้วยการทุ่มเทลงทุนอย่างเต็มที่เพื่อให้มั่นใจว่าไอคอนสยามจะเป็นที่ชื่นชม และสะกดทุกสายตาโลก ไอคอนสยามได้ร่วมมือกับชุมชนโดยรอบ และกลุ่มธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดที่จะช่วยกันทำให้แม่น้ำสายนี้เป็น The next Global Destination ที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวนับแสนจากทั่วประเทศไทยและทั่วโลก พร้อมกับสร้างมาตรฐานใหม่เหนือความคาดหมายจากพลังของหัวใจไทย” นายสุพจน์กล่าว   ในส่วนอาคารที่พักอาศัยสุดหรู 2 อาคาร ภายในโครงการไอคอนสยาม นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้พัฒนาโครงการกล่าวว่า “โครงการหรู ‘แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์’ ซึ่งมีความสูง 70 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักอาศัยสุดหรู จำนวน 379 ยูนิต ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วกว่า 90% ส่วนโครงการ ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’ ที่สุดแห่งความหรูหราระดับอุลตร้าลักชัวรี่ ความสูง 52 ชั้น จำนวน 146 ยูนิต ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วกว่า 80% ด้วย ทำเลของโครงการซึ่งเป็นหนึ่งในทำเลริมแม่น้ำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นโครงการเรสซิเดนซ์แห่งแรกของแบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงการนี้จึงถือเป็นหนึ่งในโครงการอสังหาฯชั้นนำของเอเชียอย่างแท้จริง ผู้พักอาศัยสามารถมองเห็นทัศนียภาพริมแม่น้ำอันประเมินค่ามิได้และหาไม่ได้จากที่ใดในโลก และได้รับการดูแลโดยทีมบริหารคุณภาพของกลุ่มโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล แบรนด์โรงแรมหรูระดับตำนานของโลก”   “ทั้งสองโครงการได้รับการออกแบบและก่อสร้างเน้นคุณภาพในทุกๆรายละเอียด ห้องชุดภายในสวยงามอลังการ และใช้เทคโนโลยีเพื่อการพักอาศัยที่ล้ำสมัยที่สุดที่มีมาตรฐานทัดเทียมกับโครงการชั้นนำในมหานครต่าง ๆ ของโลก และยังได้รับรางวัลทั้งในระดับภูมิภาคและในประเทศมาแล้วมากมาย ถือเป็นโครงการห้องชุดริมน้ำระดับพรีเมียมของกรุงเทพฯในสุดยอดอภิมหาทำเลริมน้ำของไอคอนสยาม โดยเราเตรียมที่จะเปิดให้ชมห้องตัวอย่างสุดหรูใหม่ให้ชมเร็วๆนี้” นายวิสิษฐ์ย้ำ
แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ผนึกวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ  ยันครองตำแหน่งซูเปอร์ลักชัวรี่มิกซ์ยูสกลางใจเมือง

แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ผนึกวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ ยันครองตำแหน่งซูเปอร์ลักชัวรี่มิกซ์ยูสกลางใจเมือง

หลังเปิดตัว “วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพฯ” แบรนด์โรงแรมระดับไฮเอนด์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ของวอลดอร์ฟในเครือฮิลตัน โฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ไปได้อย่างสวยงาม และได้รับคำชมเต็มๆ วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ หัวเรือใหญ่แห่ง MQDC ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์โครงการคอนโดหรูใจกลางย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ฉลองด้วยการมอบสิทธิพิเศษสุดเอ็กซ์คลูซีฟให้กับผู้พักอาศัย เมื่อใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากร้านค้าภายในโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ นอกเหนือจากการได้ครอบครองกรรมสิทธิ์ห้องชุดสุดหรู ใจดีและให้ความสำคัญกับลูกค้าแบบนี้ นี่เอง โครงการคอนโดถึงขายดิบขายดี แว่วมาว่า…ปัจจุบันปิดการขายไปแล้วกว่า 80%!
แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด  ยันขึ้นแท่นอสังหาฯกลางใจเมือง ดึงดูดนักลงทุนชาวฮ่องกง

แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ยันขึ้นแท่นอสังหาฯกลางใจเมือง ดึงดูดนักลงทุนชาวฮ่องกง

แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด จัดงานโรดโชว์ ณ โรงแรม เดอะ แลนด์มาร์ค แมนดาริน โอเรียนเต็ล ฮ่องกง เมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อนำเสนอโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ของไทย ที่ถือเป็นโครงการหนึ่งที่ดึงดูดนักลงทุนชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในเมืองไทยได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากในปัจจุบัน อสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงมีราคาสูงมาก และมีการขยับราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นักลงทุนชาวต่างชาติจำนวนมากจึงหันไปแสวงหาการลงทุนในประเทศอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวถึงความสำเร็จของการจัดงานโร้ดโชว์ในต่างประเทศครั้งนี้ว่า “งานโร้ดโชว์ครั้งนี้จัดแสดงขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่กลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูในฮ่องกง ต่อโครงการแมกโนเลียส์ฯ ของ MQDC และตลาดอสังหาฯ ระดับหรูของประเทศไทย นับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างมากที่เราได้มีโอกาสครั้งสำคัญในการแสดงให้ผู้ซื้อในฮ่องกงเห็นถึงโอกาสการลงทุนที่มีศักยภาพในตลาดอสังหาฯ ระดับหรูของประเทศอื่นนอกเหนือจากฮ่องกง ซึ่งผลของการเข้าร่วมงานครั้งนี้ พบว่าห้องชุดแบบเพนท์เฮาส์ของโครงการยังเป็นที่นิยมมากสำหรับชาวฮ่องกง รองลงมาคือห้องประเภท 2 ห้องนอน ซึ่งช่วยเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นที่เรามีต่อโครงการของเรามากขึ้นไปอีก” ด้วยทำเลที่ดีที่สุดใจกลางย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์สูง 60 ชั้น นำเสนอเรสซิเดนซ์พร้อมตกแต่งระดับไฮเอนด์รวม 316 ห้อง มีทั้งห้องชุด 2 ห้องนอน ไปจนถึงเพนท์เฮ้าส์ที่กว้างขวาง อีกทั้งโครงการยังเป็นที่ตั้งของโรงแรม 5 ดาวระดับโลกอย่าง วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ แบรนด์โรงแรมระดับไฮเอนด์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของวอลดอร์ฟในเครือฮิลตันโฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งจะเปิดบริการในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้ผู้ที่เป็นเจ้าของห้องชุดสุดหรูของโครงการ ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติม คือการได้รับสิทธิพิเศษเมื่อใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากร้านค้าภายในโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ นอกจากนั้นภายในโครงการยังเพียบพร้อมด้วยส่วนบริการเพื่อการพักอาศัยระดับไฮเอนด์ และบริการระดับวีไอพีตลอด 24 ชั่วโมง “ประเทศไทยถือเป็นจุดหมายด้านการลงทุนที่น่าสนใจมาก เนื่องจากมีมูลค่าสัมพัทธ์ที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาค รวมถึงการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนชื่อดังระดับโลกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมความสะดวกสบายของการใช้ชีวิตในเมืองที่เต็มไปด้วยศูนย์การค้า การเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้า โรงแรมและร้านอาหารชั้นเลิศอีกมากมาย ปัจจุบัน ฐานลูกค้าของเราเป็นลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างละครึ่ง โดยชาวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากฮ่องกง ปัจจัยหลักที่ทำให้เรามียอดขายที่น่าพึงพอใจ เกิดจากทำเลที่ตั้งโครงการซึ่งถือเป็นหนึ่งในทำเลทองชั้นนำของเมืองไทย ทั้งยังเป็นโครงการแบบมิกซ์ยูสที่ตอบสนองความต้องการของผู้พักอาศัยได้ดีเยี่ยมเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สมบูรณ์แบบ สำหรับในปีนี้ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ยังถือเป็นโครงการที่เป็นที่จับตามองของลูกค้าชาวฮ่องกง ที่ยังคงให้ความสนใจโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแมกโนเลียส์ฯ ยังเป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่ชั้นนำในย่านธุรกิจหลักของเมืองไทย ที่คุ้มค่าแก่การลงทุนและเพรียบพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยมากที่สุด” วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ กล่าว ห้องชุดที่เหลืออยู่ของแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ดในปัจจุบัน คือแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ 75 - 108 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาทหรือ 270,000 บาทต่อตารางเมตร และห้องห้องเพนท์เฮ้าส์ พื้นที่ 321 - 384 ตารางเมตร ภายในโครงการเพียบพร้อมด้วยบริการระดับไฮเอนด์ ทั้งล็อบบี้ส่วนตัว ห้องสมุดที่มองเห็นสวนสวยดีไซน์โค้ง สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมจากุชชี่และสระเด็ก รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงตลอด 24 ชั่วโมง และความสะดวกสบายด้านอื่นๆ อีกมากมาย ข้อมูลจาก Rating and Valuation Department ระบุว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัยของฮ่องกงพุ่งสูงขึ้นถึง 10.4% YTD (จากต้นปีถึงปัจจุบัน) หรือคิดเป็น 15.9% YOY (เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา) จากเมื่อปลายปีที่ผ่านมา อพาร์ทเมนท์ขนาด 70-99.9 ตร.ม. มีราคาสูงขึ้นถึง 10% ไปอยู่ที่ 22,311 ดอลลาร์ต่อ ตร.ม. ในขณะที่ อพาร์ทเมนท์ขนาด 100-159.9 ตร.ม. มีราคาสูงขึ้นถึง 6.7% ไปอยู่ที่ 24,428 ดอลลาร์ต่อ ตร.ม. อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด กล่าวว่า “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ได้รับความสนใจอย่างมากในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดที่อสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่มีราคาสูงเกินไปอย่างมาก ในขณะที่ตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทยนำเสนอมูลค่าสัมพัทธ์ที่ดีเยี่ยม และแมกโนเลียส์ฯ ถือเป็นโครงการยอดนิยมและเป็นตัวเลือกด้านการลงทุนที่มีศักยภาพสูงสำหรับนักลงทุนฮ่องกง เนื่องจากตั้งอยู่บนทำเลทอง แวดล้อมด้วยศูนย์การค้าและช้อปปิ้งมอลล์ระดับโลก และใกล้กับรถไฟฟ้าบีทีเอส ด้วยทำเลชั้นเยี่ยมบวกกับคุณภาพการก่อสร้างระดับสูง จึงถือเป็นแพ็คเกจมูลค่าเพิ่มที่ดึงดูดนักลงทุนได้เป็นอย่างดี” นอกจากนั้น รีเบคก้า ชัม กรรมการบริหาร ซีบีอาร์อี ฮ่องกง กล่าวเสริม “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ถือเป็นโครงการที่ได้รับการออกแบบอย่างดี ใส่ใจในทุกรายละเอียด มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการหมุนเวียนทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยังออกแบบเพื่อให้รองรับตามมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานที่เข้มงวดที่สุดของโลก และยังมีการออกแบบให้ระดับความสูงจากพื้นถึงเพดาน ถึง 3 เมตร เพื่อความโปร่งสบาย ในการอยู่อาศัย ตัวโครงการเป็นรูปทรง “กลีบดอกแมกโนเลีย” ที่หมุนวนจากฐานขึ้นไปสู่ส่วนยอดของอาคาร ดีไซน์รูปกลีบดอกไม้นี้ยังตอบโจทย์ในด้านการเปิดมุมมองของห้องชุดให้สามารถชื่นชมทัศนียภาพมุมสูงของกรุงเทพฯ ได้จากทุกยูนิต ทำให้โครงการนี้ดูแฝงความอ่อนช้อยและสง่างามในขณะเดียวกัน สมกับเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ยากจะหาที่ไหนมาเทียบเคียง”
แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด จับมือบัตรเครดิตกรุงศรี  เปิดบ้านดีไซน์ระดับโลกใหม่ล่าสุด กับห้องชุดสุดลักชัวรี่กลางใจกรุงเทพมหานคร

แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด จับมือบัตรเครดิตกรุงศรี เปิดบ้านดีไซน์ระดับโลกใหม่ล่าสุด กับห้องชุดสุดลักชัวรี่กลางใจกรุงเทพมหานคร

วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ถือเป็นหนึ่งในธนาคารลำดับต้นๆ ของประเทศไทย ที่มีความโดดเด่นในด้านการลงทุน และการให้บริการลูกค้าอย่างครบถ้วนทุกด้าน มีฐานลูกค้าชั้นเลิศ ทั้งบุคคลทั่วไปจนถึงกลุ่มนักลงทุน     ซึ่งทางเราได้มีโอกาสร่วมมือกันในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ขึ้น เพื่อมอบอภิสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตกรุงศรีโดยทุกท่านจะได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์ซูเปอร์ลักชัวรี่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนทำเลทองที่เป็นหัวใจย่านเศรษฐกิจ อย่างแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด นับเป็นโอกาสอันดีสำหรับทั้งในแง่การลุงทุนที่มีศักยภาพสูง ให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยม และสำหรับผู้ที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัย ถือเป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่เหนือระดับและคุ้มค่ามากที่สุดด้วยเช่นกัน     ทั้งนี้ ห้องชุดที่เหลืออยู่ของแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ดในปัจจุบัน คือแบบ 2 ห้องนอนพื้นที่ 75-108 ตารางเมตร และห้องห้องเพนท์เฮ้าส์ พื้นที่ 321-384 ตารางเมตร ภายในงานครั้งนี้ นำเสนอข้อเสนอสุดเอ็กซ์คลูซีฟกับห้องชุด 2 ห้องนอนในราคาสุดพิเศษเริ่มต้น 15 ล้านบาท พร้อมสิทธิประโยชน์อีกมากมายเฉพาะแขกในงานเท่านั้น *สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตกรุงศรี* - o% แบ่งจ่ายสำหรับเงินจอง และทำสัญญา นาน 4 เดือน เมื่อทำสัญญาจองและชำระผ่านบัตรเครดิตกรุงศรี   ภายในโครงการยังเพียบพร้อมด้วยส่วนบริการเพื่อการพักอาศัยระดับไฮเอนด์ ทั้งคลับส่วนตัว ล็อบบี้ส่วนตัวสำหรับผู้พักอาศัย และจุดรับ-ส่ง ห้องประชุมสังสรรค์ เลาจน์ พื้นที่สวนสีเขียวดีไซน์ใหม่ ห้องสมุด ศูนย์ไปรษณีย์ ศูนย์ธุรกิจพร้อมระบบสื่อสารและการเชื่อมต่อออนไลน์แบบครบวงจร ตลอดจนศูนย์ฟิตเนส ลู่วิ่งออกกำลังกลางแจ้ง เซาว์น่า สระว่ายน้ำยาว 70 เมตร พร้อมจากุชชี่และสระเด็ก รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงตลอด 24 ชั่วโมง   หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อโทรศัพท์ +66 83 095 5054 อีเมล magnolias@cbre.co.th หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.magnolias-ratchadamri.com
แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด จับมือบัตรเครดิตซิตี้ จัดงาน“The Exclusive Unveiling of the Latest Show Suites” พร้อมรับวงเงินสูงกว่า 1.8 ล้านบาท

แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด จับมือบัตรเครดิตซิตี้ จัดงาน“The Exclusive Unveiling of the Latest Show Suites” พร้อมรับวงเงินสูงกว่า 1.8 ล้านบาท

  แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ร่วมกับ ซิตี้แบงก์ ประเทศไทย จัดงาน “The Exclusive Unveiling of the Latest Show Suites” ตั้งแต่วันที่ 31 มีนาคม – 1 เมษายน 2561 พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับลูกค้าและนักลงทุน   นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า  ซิตี้แบงก์ ประเทศไทย คือธนาคารชั้นนำของโลก ที่มีฐานลูกค้าชั้นเลิศ ทั้งในไทยและทั่วโลก ซึ่งเราได้มีโอกาสร่วมงานกันในการจัดกิจกรรมครั้งนี้ขึ้น เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้แก่ลูกค้าผู้ถือบัตรเครดิตซิตี้ โดยทุกท่านจะได้รับข้อเสนอที่ดีที่สุดสำหรับโครงการอสังหาริมทรัพย์เปอร์ลักชัวรี่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บนทำเลชั้นเยี่ยม อย่างแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีสำหรับทั้งในแง่การลุงทุนที่มีศักยภาพสูง ให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยม และสำหรับผู้ที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัย ถือเป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่เหนือระดับและคุ้มค่ามากที่สุดด้วยเช่นกัน   มร. ซานดีพ บาตระ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายธุรกิจบัตรเครดิตและสินเชื่อบุคคล ธนาคารซิตี้แบงก์ ประเทศไทย  กล่าวว่า แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด นับเป็นหนึ่งในโครงการอสังหาริมทรัพย์ ที่มีความน่าสนใจ และเป็นที่จับตามองในตลาดระดับสากล ทั้งในไทยและต่างประเทศ ด้วยทำเลชั้นเยี่ยมที่เป็นใจกลางย่านเศรษฐกิจของประเทศ ไม่ว่าจะเป็นด้านการลงทุน การค้าขายทำธุรกิจ การท่องเที่ยว นอกจากนั้นตัวโครงการเอง ยังมีเอกลักษณ์ในด้านการออกแบบและให้ควยามสำคัญกับเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย ทำให้ทุกองค์ประกอบที่กล่าวไปนี้ เป็นจุดเด่นที่ทุกคนให้การยอมรับ และอยากจับจองเป็นเจ้าของโครงการคุณภาพนี้ ในโอกาสนี้เอง ทางเรามีความยินดีที่ได้จัดกิจกรรมร่วมกัน เพื่อเป็นการร่วมมอบสิ่งที่ดีที่สุดอย่างโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ด้วยสิทธิประโยชน์ที่ดีที่สุดจากบัตรเครดิตซิตี้ เพื่อลูกค้าของเราทุกๆ คน   ทั้งนี้ ห้องชุดที่เหลืออยู่ของแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ดในปัจจุบัน คือแบบ 2 ห้องนอนพื้นที่ 75-108 ตารางเมตร และห้องห้องเพนท์เฮ้าส์ พื้นที่ 321-384  ตารางเมตร ภายในโครงการยังเพียบพร้อมด้วยส่วนบริการเพื่อการพักอาศัยระดับไฮเอนด์ ทั้งคลับส่วนตัว ล็อบบี้ส่วนตัวสำหรับผู้พักอาศัย และจุดรับ-ส่ง ห้องประชุมสังสรรค์ เลาจน์ พื้นที่สวนสีเขียวดีไซน์ใหม่ ห้องสมุด ศูนย์ไปรษณีย์ ศูนย์ธุรกิจพร้อมระบบสื่อสารและการเชื่อมต่อออนไลน์แบบครบวงจร ตลอดจนศูนย์ฟิตเนส ลู่วิ่งออกกำลังกลางแจ้ง เซาว์น่า สระว่ายน้ำยาว 70 เมตร พร้อมจากุชชี่และสระเด็ก รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงตลอด 24 ชั่วโมง   ภายในงานครั้งนี้ ได้นำเสนอห้องชุด 2 ห้องนอนในราคาสุดพิเศษเริ่มต้น 15 ล้านบาท พร้อมสิทธิประโยชน์อีกมากมายเฉพาะแขกและผู้ถือบัตรเครดิตซิตี้ในงานเท่านั้น *สิทธิประโยชน์สำหรับผู้ถือบัตรเครดิตซิตี้* รับคะแนนสะสมซิตี้ รีวอร์ด สูงสุด 10 เท่า เมื่อทำสัญญาจองและชำระผ่านบัตรเครดิตซิตี้ และ ข้อเสนอวงเงินสูงถึง 1.8 ล้านบาท   หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อโทรศัพท์ +66 83 095 5054 อีเมล magnolias@cbre.co.th หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.magnolias-ratchadamri.com
แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด จับมือ ซีบีอาร์อี จัดงาน “The Exclusive Unveiling of the Latest Show Suites” 10-11 มี.ค.นี้

แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด จับมือ ซีบีอาร์อี จัดงาน “The Exclusive Unveiling of the Latest Show Suites” 10-11 มี.ค.นี้

แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ร่วมกับ ซีบีอาร์อี ประเทศไทยจัดงาน “The Exclusive Unveiling of the Latest Show Suites” ตั้งแต่วันที่ 10-11 มีนาคม 2561  พร้อมมอบสิทธิพิเศษมากมายสำหรับลูกค้าและนักลงทุนภายในงาน นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(MQDC) กล่าวว่า ซีบีอาร์อี คือหนึ่งในบริษัทที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำระดับโลก ที่จะช่วยดูแลลูกค้าชาวไทย ซึ่งปัจจุบันมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นและต้องการโครงการอสังหาริมทรัพย์บนทำเลชั้นเยี่ยม ตลอดจนโอกาสการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่ามากที่สุด ซึ่งแมกโนเลียส์คือหนึ่งในโครงการที่ดีที่สุดในตลาดห้องชุดระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำเสนอโอกาสการลุงทุนที่มีศักยภาพสูงซึ่งให้ผลตอบแทนที่ดีเยี่ยม และสำหรับผู้ที่ซื้อเพื่อการอยู่อาศัย ก็ถือเป็นการลงทุนเพื่อคุณภาพชีวิตที่เหนือระดับและคุ้มค่ามากที่สุดด้วยเช่นกัน นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในโครงการระดับสากลซึ่งเป็นที่ต้องการมากที่สุดในหมู่นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ นับตั้งแต่เปิดตัว เราได้รับเสียงตอบรับที่ดีเยี่ยมอย่างต่อเนื่องจากผู้ซื้ออสังหาริมทรัพย์ระดับสากลจากหลากหลายประเทศ "เรารู้สึกยินดีที่ได้ดูแลโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เชื่อมั่นว่าราคาประเมินของห้องชุดระดับไฮเอนด์ในกรุงเทพฯ ขยับเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 11% ในปีที่แล้ว และยังเป็นที่จับตาของนักลงทุนต่างชาติอย่างต่อเนื่อง และในปัจจุบัน คาดว่าราคาน่าจะขยับสูงขึ้นอีกและเพิ่มโอกาสการซื้อขายในตลาดต่างประเทศมากขึ้น” นางสาวอลิวัสสา กล่าว โดยห้องชุดที่เหลืออยู่ของแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ดในปัจจุบัน คือแบบ 2 ห้องนอนพื้นที่ 75-108 ตารางเมตร และห้องห้องเพนท์เฮ้าส์ พื้นที่ 321-384  ตารางเมตร ภายในโครงการยังเพียบพร้อมด้วยส่วนบริการเพื่อการพักอาศัยระดับไฮเอนด์ ทั้งคลับส่วนตัว ล็อบบี้ส่วนตัวสำหรับผู้พักอาศัย และจุดรับ-ส่ง ห้องประชุมสังสรรค์ เลาจน์ พื้นที่สวนสีเขียวดีไซน์ใหม่ ห้องสมุด ศูนย์ไปรษณีย์ ศูนย์ธุรกิจพร้อมระบบสื่อสารและการเชื่อมต่อออนไลน์แบบครบวงจร ตลอดจนศูนย์ฟิตเนส ลู่วิ่งออกกำลังกลางแจ้ง เซาว์น่า สระว่ายน้ำยาว 70 เมตร พร้อมจากุชชี่และสระเด็ก รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงตลอด 24 ชั่วโมง ภายในงานครั้งนี้ นำเสนอห้องชุด 2 ห้องนอนในราคาสุดพิเศษเริ่มต้น 20 ล้านบาท พร้อมสิทธิประโยชน์อีกมากมายเฉพาะแขกในงานเท่านั้น หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม กรุณาติดต่อโทรศัพท์ +66 83 095 5054 อีเมล magnolias@cbre.co.th หรือเยี่ยมชมเว็บไซต์ www.magnolias-ratchadamri.com
MQDC เปิดตัวกรอบแผนงาน ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี วิวัฒนาการเพื่อยกระดับด้านสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่เป็นมากกว่าแค่ ‘การอยู่อาศัย’

MQDC เปิดตัวกรอบแผนงาน ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี วิวัฒนาการเพื่อยกระดับด้านสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่เป็นมากกว่าแค่ ‘การอยู่อาศัย’

MQDC คาดว่าจะใช้งบระมาณลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาทในระยะ 10 ปีข้างหน้า MQDC ร่วมมือกับพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เพื่อนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับลูกค้าผ่านระบบกลไกโรโบติกส์และนวัตกรรมสมองอัจฉริยะ (Artificial Intelligence – Ai) และบูรณาการการบริการลูกค้าทั้งหมดเข้าด้วยกันในแพลตฟอร์มเดียวกัน ทั้งในด้านการตรวจสอบและการควบคุมระบบต่าง ๆ โครงการ วิสซ์ดอม รัชดา-ท่าพระ ซึ่งจะเปิดตัวในปีหน้านี้ จะเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่จะเปิดตัวระบบการอยู่อาศัยอัจฉริยะเต็มรูปแบบโดยมุ่งเน้นเพื่อการยกระดับในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยรวม รวมไปถึงด้านความปลอดภัย และการประหยัดพลังงาน ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (The Research and Innovation for Sustainability Center หรือ RISC) – เป็นหน่วยงานของ MQDC ที่มุ่งทำงานค้นคว้า วิจัย และออกแบบนวัตกรรมการอยู่อาศัย โดยผ่านการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการใช้ชีวิตจริง และการประยุกต์ใช้กับนวัตกรรมสมองอัจฉริยะ (Artificial Intelligence – Ai) อย่างลงตัว โดยศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน หรือ RISC จะทำงานร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและ Start-ups กรุงเทพ, 18 พฤษภาคม 2560 - แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC), ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูสในระดับสากล และเป็นเจ้าของแบรนด์ แมกโนเลีย และ วิสซ์ดอม ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์เทคโนโลยีความเป็นอยู่ เพื่อนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่เป็นมากกว่าแค่ ‘การอยู่อาศัย’ แต่เป็นวิวัฒนาการเพื่อยกระดับในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยรวม โดยจะมีการลงทุนมากกว่า 6,000 ล้านบาทในช่วง 10 ปีข้างหน้า ทางบริษัทฯ ได้ประกาศว่าจะเปิดตัว โครงการ วิสซ์ดอม รัชดา-ท่าพระ บ้านอัจฉริยะเต็มรูปแบบแห่งแรกในประเทศไทยที่มุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นอยู่และสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ความปลอดภัย และการประหยัดพลังงาน ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3/2561 นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า แผนการลงทุนดังกล่าวนั้น สอดคล้องกับแนวคิดเรื่องนวัตกรรมที่ยั่งยืน (Sustainovation) ของบริษัทแม่กลุ่มบริษัทดีที (DTGO Corporation Limited - DTGO) ที่จะนำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและผู้เช่าในโครงการของ MQDC  “เราเชื่อในการลงทุนในความคิดใหม่ ๆ เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้โครงการของเราพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และจะเป็นผลดีต่อความเป็นอยู่โดยรวมของผู้อยู่อาศัยในโครงการของเรา” นายวิสิษฐ์กล่าว “MQDC นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่เป็นมากกว่าแค่ ‘การอยู่อาศัย’ แต่เป็นวิวัฒนาการเพื่อการยกระดับในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยรวม การหาพาทเนอร์ที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี มาพัฒนาร่วมกัน ถือเป็นหัวใจสำคัญของแผนแม่บทของ MQDC สำหรับการสร้างและบูรณาการ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการในอนาคตของเรา การลงทุนเหล่านี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า MQDC ประยุกต์นวัตกรรมที่ยั่งยืนเข้ากับการใช้งานในชีวิตจริง แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ใส่ใจเพียงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เท่านั้น หากเรายังใส่ใจเรื่องการใช้นวัตกรรมเหล่านั้น ที่ตอบสนองความต้องการที่ลูกค้าเองยังไม่ทราบ และเชื่อมต่อกับบริการอื่น ๆ ในแพลตฟอร์มเดียวกันซึ่งนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ” “ การเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นความเป็นจริงนั้น การยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ว่าจะเกิดจากรายละเอียดเล็กๆ หรือนวัตกรรมที่เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตของเรา และการน้อมรับมุมมองใหม่ๆ ทั้งจากในและต่างประเทศ ทำให้เราสามารถสร้างสังคมที่ยั่งยืน ซึ่งส่งผลให้การดำเนินชีวิตของเรามีความงดงาม มีแรงบัลดาลใจ และปลอดภัยมากขึ้น” นายวิสิษฐ์กล่าวสรุป ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (Research and Innovation for Sustainability Center หรือ RISC) ของ MQDC จะร่วมทำงานร่วมกับบริษัท Obotron ซึ่งเป็น Start-ups เพื่อที่จะออกแบบ และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีความเป็นอยู่ การเก็บรวบรวมข้อมูล และนวัตกรรมสมองอัจฉริยะ (Artificial Intelligence – Ai)  เรามุ่งเน้นที่จะพัฒนานวัตกรรมด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาสุขภาพ และระบบการจัดการชีวิตประจำวัน เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ MQDC โดยจะครอบคลุม 3 ส่วนหลักดังต่อไปนี้ ระบบการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency Awareness): การรายงานสภาพการใช้กระแสไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ ระบบที่ตอบสนองด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (Health System): โดยเซ็นเซอร์ตรวจจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบระบายอากาศแบบประหยัดพลังงานเพื่อทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับอากาศบริสุทธิ์ภายในห้อง และยังประหยัดการใช้ไฟฟ้า ระบบการควบคุมเพื่อตอบสนองวิถีการใช้ชีวิตเพื่อความสะดวกสบาย (Lifestyle Control): โดยนำเสนอระบบควบคุมอัจฉริยะซึ่งจะสามารถทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถควบคุมทุกระบบในบ้านได้จากโทรศัพท์มือถือ เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ระบบแสงสว่างอัตโนมัติ ระบบประตูหน้าต่างล็อคแม่เหล็กระบบดิจิตอลเพื่อเพิ่มความปลอดภัย โครงการยังมีการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดซึ่งเชื่อมต่อระบบความปลอดภัยที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน โดยที่ระบบทั้งหมดสามารถควบคุมได้ผ่านโทรศัพท์มือถือของลูกค้า