Tag : ศรีพรสวรรค์

5 ผลลัพธ์
Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 : รีวิวคอนโด

Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 : รีวิวคอนโด

โครงการ: Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 1,600,000บาท บาท/ตารางเมตร 70,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) จุดเด่น ใกล้สถานีรถไฟฟ้า 2 สถานี อยู่ในย่านแหล่งความเจริญใหม่ในอนาคต จุดด้อย สำหรับการซื้อลงทุน น่าจะหาผู้เช่าได้ยาก โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ 2558 ที่ตั้ง: Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 9-1-91.7 ไร่ ที่ตั้ง ถ.รัตนาธิเบศร์ ต.บางกระสอ อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี พิกัดโครงการ 13.86031,100.508058 ระบบขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้า MRT ส่วนต่อขยาย (สายสีม่วงสถานีศรีพรสวรรค์ )   สถานที่สำคัญใกล้เคียง แยกนนทบุรี ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล ทาวน์ รัตนาธิเบศร์ ห้างสรรพสินค้าเอสพลานาด รัตนาธิเบศร์ สะพานพระนั่งเกล้า บิ๊กซี ลักษณะโครงการ: Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bed 2 Bed ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom 24.50 – 30 ตร.ม. 2 Bedrooms 45.50 ตร.ม. จำนวนตึก 2 อาคาร จำนวนชั้น 25 ชั้น จำนวนห้อง 1,428 ยูนิต   ส่วนกลาง: Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 503 คัน (35%)ไม่รวมซ้อนคัน (รวมซ้อนคันได้ประมาณ 40%) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 40 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 350 บาท   สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส รปภ. กล้องวงจรปิดโครงการ ประตู Key Card รถรับส่ง สวนหย่อม   เพิ่มเติม: Aspire รัตนาธิเบศร์ 2 (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-950-4744 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.apthai.com/คอนโด/aspire/aspire-rattanathibet-2/ ข้อมูล ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2557
A Plus 2 รัตนาธิเบศร์ : รีวิวคอนโด

A Plus 2 รัตนาธิเบศร์ : รีวิวคอนโด

โครงการ: A Plus 2 รัตนาธิเบศร์ (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 990,000 บาท บาท/ตารางเมตร 34,500 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท เอ พลัส เรียลเอสเตท จำกัด จุดเด่น โครงการอยู่ห่างรถไฟฟ้าเพียง 250 เมตร ราคาขายถือว่าถูกมาก จุดด้อย ผู้ประกอบการเป็นรายใหม่ ไม่เป็นที่รู้จักมากนัก โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ พ.ศ. 2558 ที่ตั้ง: A Plus 2 รัตนาธิเบศร์ (PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 350 ตร.ว. ที่ตั้ง ถนนรัตนาธิเบศร์ ซอยรัตนาธิเบศร์ 11 อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี พิกัดโครงการ 13.8597481,100.50706409999998 ระบบขนส่งสาธารณะ รถไฟฟ้า MRT ส่วนต่อขยาย (สายสีม่วงสถานีศรีพรสวรรค์ และสายสีชมพู สถานีศูนย์ราชการ)   สถานที่สำคัญใกล้เคียง บิ๊กซี เอสพลานาด เทสโก้ โลตัส เซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ โรงพยาบาลบำราศนราดูร ศาลาว่าการจังหวัดนนทบุรี   ลักษณะโครงการ: A Plus 2 รัตนาธิเบศร์ (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedroom ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom 29 – 30 ตร.ม. 2 Bedroom 41 ตร.ม จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 137 ยูนิต   ส่วนกลาง: A Plus 2 รัตนาธิเบศร์ (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 40 คัน (รวมจอดซ้อนคัน) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 39 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 500 บาท   สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส รปภ. กล้องวงจรปิดโครงการ ประตู Key Card   เพิ่มเติม: A Plus 2 รัตนาธิเบศร์ (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 080-080-4882 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.apluscondo.com/ ข้อมูล ณ วันที่ 18 มิถุนายน 2557
A Space ME รัตนาธิเบศร์ : รีวิวคอนโด

A Space ME รัตนาธิเบศร์ : รีวิวคอนโด

ที่ผ่านมาเราพาไปดู คอนโดมิเนียม ที่ตั้งอยู่ตามแนว รถไฟฟ้าสายสีม่วง มาก็หลายโครงการแล้ว ซึ่งแต่ละครั้งที่ผ่านมา บนถนนรัตนาธิเบศร์ก็มักจะเห็นโครงการใหม่ๆ เกิดขึ้นอยู่เสมอ ครั้งนี้เราจึงถือโอกาสพาไปทำความรู้จักกับอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจของ บริษัท อารียา พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้แบรด์ A Space ME คอนโดมิเนียม High Rise สูง 22 ชั้น ซึ่งตั้งอยู่ระหว่างสถานีศรีพรสวรรค์ และสถานีแยกนนทบุรีนั่นเอง   การเดินทาง   ถึงที่ตั้งของ A Space ME รัตนาธิเบศร์ จะอยู่ในแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วง แต่เนื่องจากการก่อสร้างรถไฟฟ้ายังไม่แล้วเสร็จ การเดินทางที่สะดวกที่สุดในช่วงนี้คงหนีไม่พ้นการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ถึงแม้ว่าการจราจรบนถนนสายนี้จะติดขัดเอาการในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่ในขณะเดียวกันก็มีเส้นทางเลี่ยงอยู่พอสมควร ทั้งเส้นทางเลี่ยงเมืองนนทบุรี ถนนแจ้งวัฒนะ ถนนติวานนท์ ถนนราชพฤกษ์ รวมถึงทางด่วนงามวงศ์วาน ก็สามารถเลือกใช้เป็นเส้นทางเข้าเมืองได้ตามความสะดวก ด้วยความที่ตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาออกตรงข้ามกับเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ การเดินทางมาจากฝั่งแครายมุ่งหน้าไปทางสะพานพระนั่งเกล้า จึงไม่ต้องกลับรถให้ยุ่งยาก พอผ่านสถานีรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์มาแล้วก็ให้เตรียมชิดซ้ายได้เลย นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแล้ว การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็จัดว่าสะดวกไม่แพ้กัน เพราะมีทั้งรถเมล์ รถตู้ประจำทาง รวมถึงรถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาตลอดเวลาเลยทีเดียว เหตุผลของการเลือกคอนโดมิเนียมที่เกาะแนวรถไฟฟ้า ก็เพราะเป็นการเดินทางที่สะดวกสบายสำหรับคนเมืองอย่างเราๆ สำหรับรถไฟฟ้าสายสีม่วงนี้คาดการณ์ว่าจะแล้วเสร็จและเปิดให้ใช้งานไม่ได้เกินปี 2559 ดังนั้นในอนาคตการเดินทางมายังโครงการ A Space ME รัตนาธิเบศร์ด้วยรถไฟฟ้าก็ดูจะเป็นวิธีที่สะดวกที่สุด ตัวโครงการตั้งอยู่ระหว่างสถานีรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์ และสถานีแยกนนทบุรี โดยอยู่ค่อนไปทางสถานีแยกนนทบรี ซึ่งอยู่ห่างจากหน้าโครงการออกไปประมาณ 450 เมตร จัดว่าเป็นระยะทางที่สามารถเดินไปมาได้สบายๆ และไม่เหนื่อยจนเกินไป ถึงแม้ว่าทางโครงการจะไม่มีบริการรถ shuttle รับส่งให้ก็ตาม   วิเคราะห์ตัวโครงการ   เนื่องจากที่ตั้งของโครงการ A Space ME รัตนาธิเบศร์ยังถือว่าอยู่ห่างจากความเจริญในเมืองพอสมควร จึงมีบรรยากาศที่ค่อนข้างเงียบสงบแบบชานเมืองอยู่มาก รอบๆ โครงการมีห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ที่อยู่ฝั่งตรงกันข้าม ซึ่งถือว่าเป็นแหล่งช็อปปื้งที่สามารถพึ่งพาอาศัยและอยู่ใกล้ที่สุด ถัดเข้าหาเมืองหน่อยก็จะมี ห้าง Big C ที่อยู่บริเวณสถานีศรีพรสวรรค์ The Esplanade รัตนาธิเบศร์, Tesco Lotus บริเวณสถานีศูนย์ราชการนนทบุรี รวมถึงห้างพันทิพย์ พลาซ่า และห้าง The Mall งามวงศ์วาน ที่เรียงรายกันมาตั้งแต่ถนนรัตนาธิเบศร์ถึงถนนงามวงศ์วาน ดังนั้นในเรื่องอาหารการกิน รวมถึงที่จับจ่ายซื้อของใช้ในบ้านจึงอยู่ในรัศมีไม่เกิน 5 กิโลเมตร ซึ่งสามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้า และรถสาธารณะอื่นๆ นอกจากนี้รอบๆ โครงการยังไม่มีตึก หรืออาคารสูงขึ้นขนาบข้าง เพราะส่วนใหญ่ยังเป็นที่อยู่อาศัยในแนวราบ และยังเป็นที่โล่งซึ่งยังไม่แน่ใจว่าในอนาคตจะมีโครงการอื่นๆ สร้างตามมาในระยะประชิดหรือไม่ สำหรับการออกแบบของ A Space ME รัตนาธิเบศร์นั้น ตัวอาคารเป็นอาคารเดี่ยวสูง 22 ชั้น เน้นการสร้างบรรยากาศแบบรีสอร์ท ในขณะที่ยังตอบโจทย์ได้ดีในเรื่องของฟังก์ชั่นการใช้งานตามรูปแบบ Life Style ของคนรุ่นใหม่ รูปลักษณ์ภายนอกอาคารจึงดูทันสมัย โดยพยายามเพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ตั้งแต่พื้นที่ร้านค้าในโซน Plaza Space เชื่อมต่อกับสวนบริเวณรอบอาคาร และล็อบบี้ขนาดใหญ่ ด้านบนมีสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่บนชั้น 17 และ 18 ที่มาพร้อมวิวแบบพาโนรามา สระว่ายน้ำแบบ Infinite Edge และห้องออกกำลังกาย ซึ่งให้บรรยากาศแบบการพักผ่อนในรีสอร์ท นอกจาก Facility พื้นฐานที่บอกไปแล้ว ทางโครงการยังมีห้องประชุม และห้องสมุดพร้อมอินเตอร์เน็ต wi-fi ไว้ให้บริการอีกด้วย เรียกได้ว่าจัดกันให้แบบไม่มีกั๊กกันเลย ในส่วนของที่พักอาศัยเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ขึ้นไป ซึ่งจะมีห้องให้เลือกในฝั่งทิศตะวันออกกับทิศตะวันตก เนื่องจากตำแหน่งที่ตั้งของตัวอาคาร แต่สำหรับห้องพักในชั้น 18-22 ที่มีพื้นที่ทางเดินหน้าห้องแบบ Single Corridor จะมีแต่ห้องทางด้านทิศตะวันตกเท่านั้น ถ้าอยากได้พื้นที่หน้าห้องที่เปิดโล่งรับลม และรับวิวกว้างๆ ก็ต้องแลกกับแดดร้อนๆ ในช่วงบ่ายกันนิดนึงนะครับ นอกเหนือจากสิ่งอำนวยความสะดวกพื้นที่ฐานที่บอกไปแล้ว ก็ยังมีเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยแบบ 24 ชั่วโมง พร้อมกล้องวงจรปิด มีระบบ Key Card Access ใช้ในการเข้าออกอาคาร และที่ลืมพูดถึงไม่ได้ก็คือเรื่องลิฟท์โดยสาร ซึ่งมีบริการทั้งหมด 4 ตัว นับตามสัดส่วนของจำนวนยูนิตรวมที่ 401 ยูนิตแล้ว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สบายๆ ไม่หนาแน่นจนเกินไปครับ แถมทางโครงการก็คุยไว้ว่ามีระบบการจัดการลิฟท์ที่ให้ความรวดเร็วด้วย ก็ไม่น่าจะมีปัญหาเท่าไหร่ตอนใช้งานจริงๆ ส่วนเรื่องที่จอดรถสามารถจอดได้ตั้งแต่ชั้น 1-4 ซึ่งสามารถจอดได้ประมาณ 40% นับรวมแบบจอดซ้อนคันแล้วด้วย จัดว่าน้อยไปซักหน่อยถ้าคิดว่าการอยู่อาศัยในแถบนี้ ลูกบ้านน่าจะต้องอาศัยรถส่วนตัวในการเดินทางบ้างไม่มากก็น้อย ดังนั้นถ้าหากเจ้าของห้องกว่าครึ่งมีรถยนต์ส่วนตัว เรื่องที่จอดรถก็คงจะไม่พอแน่ๆ ครับ ปัญหาที่ตามมาก็น่าจะเป็นเรื่องการแย่งที่จอดรถกันนี่แหละที่น่ากังวล   พาชมห้องตัวอย่าง   ห้องพักของ A Space ME รัตนาธิเบศร์ เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด แบ่งเป็น 2 Type ที่ขนาด 25 ตร.ม. และ 32.10 ตร.ม. โดยที่ห้องขนาด 32.10 ตร.ม. จะมีอยู่เพียงชั้นละ 2 ห้องเท่านั้น ส่วนที่เหลือจะเป็นห้องขนาด 25 ตร.ม. ซึ่งทางโครงการมีห้องตัวอย่างไว้ให้เยี่ยมชม การจัดวาง Lay out ห้องต้องชมว่าทำออกมาได้ลงตัวมากๆ ถึงแม้ห้องจะมีขนาดแค่ 25 ตร.ม. แต่ก็ให้ความรู้สึกโปร่งสบาย และไม่น่าอึดอัดเลย ทั้งๆ ที่ภายในห้องจัดการตกแต่งไว้เต็มที่ พื้นที่ห้องครัวและห้องน้ำจะอยู่ในโซนด้านหน้าห้อง เปิดเข้าห้องมาปุ๊ปก็จะเจอครัวขนาดเล็ก ที่เหมาะกับการประกอบอาหารเบาๆ ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำที่ติดอยู่นิดหน่อยตรงที่ไม่มีฉากกั้นอาบน้ำแยกพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียกมาให้ ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ของห้องนั่งเล่นและห้องนอนที่อาศัยประตูกระจกบานเลื่อนช่วยแยกพื้นที่ทั้งสองออกจากกัน บริเวณห้องนอนมีขนาดกระทัดรัด วางเตียงขนาด 5 ฟุตเข้าไปด้านข้างก็เกือบจะเต็มพื้นที่แล้วนะครับ บริเวณปลายเตียง Built-in ตู้เสื้อผ้ามาให้ด้วย ซึ่งสามารถใช้เป็นมุมแต่งตัวเล็กๆ ได้พอดี ถ้าดูตาม Lay out ห้องในแบบแปลนจะเห็นว่ามีระเบียงเล็กๆ อยู่ในห้องนอนด้วย ซึ่งของจริงพื้นที่ของระเบียงก็เล็กจริงๆ จนแทบจะไม่สามารถใช้ประโยชน์อะไรได้มากนัก แถมประตูเข้า-ออกระเบียงยังเป็นประตูบานสวิงในตำแหน่งตรงปลายเตียงพอดิบพอดี รูปแบบห้องตรงบริเวณนี้จึงดูขัดตาไปซักหน่อย จากที่ได้เข้าไปดูห้องตัวอย่างมาแล้ว ต้องบอกว่าทาง Areeya ตั้งใจออกแบบมาได้ดีทีเดียว เพราะการจัดวางตำแหน่งเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ทำได้ลงตัว และให้ความรู้สึกน่าอยู่และสามารถใช้งานได้จริง ทั้งชั้นเก็บของ และตู้แขวนต่างๆ ที่ Built-in มาให้พร้อมห้อง ซึ่งน่าจะช่วยให้มีพื้นที่เก็บของได้เป็นจำนวนมากและเป็นระเบียบเรียบร้อย ของที่เห็นในห้องส่วนใหญ่ทางโครงการจะให้มาพร้อมห้องเลย เรียกว่าขายกันแบบ Fully-Fitted แต่หน้าตา สีสันของเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มาพร้อมห้องอาจจะไม่เหมือนกับแบบในห้องตัวอย่างซะทีเดียวนะครับ ลองสอบถามกับเซลล์ดูว่าชิ้นไหนแถมมาให้ แล้วหน้าตาจะเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหนบ้าง ถามให้ละเอียดกันไปเลยจะได้ไม่มีปัญหาภายหลัง นอกจากนี้เรื่องระบบไฟฟ้าต่างๆ ภายในห้อง ทางโครงการก็เตรียมติดตั้งไว้ให้เสร็จสรรพ เช่น ตำแหน่งของเครื่องซักผ้า ที่วางอยู่ใต้เคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน ตำแหน่งที่จะวางตู้เย็น เครื่องกรองน้ำ เป็นต้น เอาเป็นว่าซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มเติมนิดหน่อยก็พร้อมเข้าอยู่แล้ว เมื่อเปิดเข้ามาในห้องทางซ้ายจะเป็นห้องน้ำ ส่วนทางขวาจะเป็นส่วนครัว ส่วนครัวทางโครงการจะ Build ให้ จะมีพื้นที่วางตู้เย็นอยู่ติดกับประตู อีกมุมหนึ่งของส่วนครัว ซิ้งค์ล้างจากก็ให้เป็นแบบมาตรฐาน มาดูห้องน้ำกันบ้าง อ่างล้างหน้า ก็เป็นแบบมาตรฐาน ชักโครกจะใช้ของ American Standard ฝักบัวที่โครงการให้จะเป็นแบบนี้ครับ พื้นระหว่างส่วนครัวกับส่วนนั่งเล่นจะแบ่งชัดเจน ส่วนครัวจะเป็นกระเบื้อง ส่วนห้องนั่งเล่น จะเป็นไม้ลามิเนต มาถึงส่วนของห้องนั่งเล่น ห้องนั่งเล่นจะอยู่หน้าห้องนอน ตรงนี้เป็นที่วางทีวี จากห้องนั่งเล่น สามารถมองไปทางส่วนครัวได้ ประตูกั้นระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่น จะเป็นกระจกบานเลื่อน มาถึงห้องนอน ก็ถือว่ากว้างพอสมควร อีกมุงนึงของห้องนอน พื้นที่วางตู้เสื้อผ้า หน้าต่างเป็นบานเกล็ด มองจากห้องนอนออกไปทางประตู จากห้องนอนมองไปมุมห้องนั่งเล่น มุมห้องครัวครับ สวิทซ์ไฟ   ความคุ้มค่าน่าลงทุน สำหรับทำเลของโครงการ A Space ME รัตนาธิเบศร์นั้น นับว่าเป็นทำเลที่ค่อนข้างน่าความสนใจเลยทีเดียว เนื่องจากอยู่ติดถนนรัตนาธิเบศร์ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่มีขนาดหลายเลน มีเส้นทางเลี่ยงได้หลายทาง อีกทั้งยังมีรถไฟฟ้าสายสีม่วงตัดผ่าน แน่นอนว่าในอนาคตการเดินทางเข้าเมืองก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้น ศักยภาพด้านความเจริญเติบโตก็มีโอกาสอย่างต่อเนื่องเช่นกัน สำหรับคนที่เริ่มต้นมองหาที่อยู่อาศัยในแนวรถไฟฟ้าไว้อยู่อาศัยเอง โครงการนี้น่าจะช่วยตอบความต้องการได้ไม่มากก็น้อย ทั้งในเรื่องของราคาห้องที่เริ่มต้นอยู่ที่ 1 ล้านปลายๆ (ในช่วงเปิดตัว) ซึ่งจัดสรรวัสดุอุปกรณ์มาได้มาตรฐานสมราคาคอนโดระดับนี้ รวมถึงเรื่อง Facility ที่มีครบทุกรูปแบบ และยังอยู่ใกล้ห้างสรรพสินค้า มีแหล่งพักผ่อนอยู่ในระยะที่เดินทางสะดวก ทำให้การอยู่อาศัยในบริเวณจัดว่าสะดวกสบายดีทีเดียว ส่วนในแง่ของการลงทุน แน่นอนว่าทำเลในแถบนี้มีโอกาสในการเติบโตค่อนข้างดี การซื้อมาขายไปจึงมีความเป็นไปได้ที่จะทำกำไรได้เช่นกัน แต่ก็ต้องระวังเรื่องคู่แข่ง และตัวเปรียบเทียบเยอะเนื่องจากปริมาณห้องที่ล้นตลาดของทำเลในย่านนี้ เช่นเดียวกันกับการปล่อยห้องให้เช่า เพราะในบริเวณใกล้เคียงมีคอนโดอื่นๆ อีกหลายโครงการ ทำให้กลุ่มคนเช่ามีตัวเปรียบเทียบมากขึ้น รวมถึงการแข่งขันในเรื่องราคาค่าเช่า จึงอาจจะต้องทำการบ้านและลงโฆษณากันเหนื่อยหน่อย
SONY DSC : รีวิวคอนโด

SONY DSC : รีวิวคอนโด

คอนโด LPN Park รัตนาธิเบศร์ เป็นอีกหนึ่งโครงการที่ตั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์ (สายสีม่วง) ชนิดที่ทางขึ้นสถานีแทบจะเกยอยู่หน้าโครงการเลยทีเดียว เพราะตั้งอยู่ห่างเพียง 100 เมตรจากหน้าทางเข้าเท่านั้น ซึ่งนับว่าเป็นอีกหนึ่งสถานีรถไฟฟ้าที่ฮ็อตมากแห่งหนึ่งบนเส้นทางนี้ เพราะบริเวณใกล้ๆ มีโครงการอื่นๆ ให้เลือกอยู่พอสมควร อยู่ที่ว่าใครจะได้เปรียบในเรื่องทำเลที่อยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้ามากกว่ากันเท่านั้นเอง การเดินทาง การเดินทางมายังโครงการถือว่าสะดวกพอสมควรเลยทีเดียว โดยเฉพาะคนที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลักอยู่แล้ว เพราะอยู่ใกล้ทางด่วนงามวงศ์วาน รวมทั้งยังมีเส้นทางเลี่ยงเมือง และถนนติวานนท์ จึงทำให้พอจะมีทางหนีรถติดในช่วงเวลาเร่งด่วนได้บ้างไม่มากก็น้อย เนื่องจากช่วงเวลาที่รถติดนั้นก็ติดกันจริงจังชวนให้หงุดหงิดกันได้ง่ายๆ เหมือนกัน ถึงจะเป็นถนนกว้างหลายเลนแต่ด้วยปริมาณรถที่มากกว่า เวลาจะไปไหนมาไหน หรือต้องรีบเดินทางไปทำงานในเมืองจึงต้องเผื่อเวลากันให้ดีๆ นะครับ ส่วนการเดินทางด้วยบริการรถสาธารณะอื่นๆ ก็ดูจะไม่น่ามีปัญหาเท่าไหร่สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัว เพราะมีทั้งรถเมล์ รถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์ให้บริการเพียบ แต่ถ้ารถไฟฟ้าสายสีม่วงเปิดให้บริการเมื่อไหร่ การเดินทางเข้าออกเมืองก็จะยิ่งสะดวกมาขึ้นและช่วยประหยัดเวลาได้อีกหลายเท่า ซึ่งกว่าจะได้ใช้ก็น่าจะไล่ๆ กับเวลาที่ตัวโครงการจะแล้วเสร็จนั่นแหละครับ เนื่องจากตัวโครงการ LPN Park รัตนาธิเบศร์ ตั้งอยู่ฝั่งขาเข้ากรุงเทพ ถ้าเรามาจากทางแยกแคราย ก็ตรงเข้าถนนรัตนาธิเบศร์มุ่งหน้าไปทางบางบัวทอง ผ่านเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ไปนิดหน่อยแล้วกลับรถมายังตัวโครงการอีกประมาณ 700-800 เมตรเท่านั้น ระยะทางแค่นี้ไม่ค่อยเป็นปัญหาเท่าไหร่ครับ ถ้ารถไม่ติดก็ใช้เวลาแป๊บเดียวเอง ถ้าใครทำงานใกล้ๆ บริเวณนี้ หรือที่ทำงานอยู่ตามแนวรถไฟฟ้าเหมือนกัน การหวังพึ่งรถไฟฟ้าคงจะเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดครับ เดินจากในโครงการออกมากไกลสุดอย่างมากก็ไม่เกิน 400-500 เมตร ก็ขึ้นรถไฟฟ้าได้แล้ว ส่วนระยะห่างจากสถานีรถไฟฟ้า 100 เมตร ตามที่โครงการคุยไว้ เค้านับจากหน้าทางเข้านะครับ ถ้าเลือกได้ตึกแรกหน้าโครงการก็ถือว่าใกล้เคียง แต่ถ้าอยู่ที่ตึกด้านในสุดก็ต้องเดินกันไกลหน่อยล่ะครับ วิเคราะห์ภาพรวมโครงการ ทำเลแถบนี้ยังถือว่าไกลจากศูนย์กลางธุรกิจ หรือกลางเมืองพอสมควรเหมือนกัน บรรยากาศรอบๆ ก็ยังไม่ได้เจริญเท่าที่ควร ร้านค้า ร้านอาหารที่พอจะพึ่งพาได้ในระยะเดินถึงก็มีเพียงไม่กี่ร้านเท่านั้น ที่ดูเหมือนจะดีหน่อยก็มีห้าง Big C ที่ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งร้านค้าภายในก็อาจจะแค่พอถูไถ ไม่ได้มีให้เลือกมากมายนัก ถ้าจะให้ดีก็ต้องเลยไปทางห้างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ หรือไปทางงามวงศ์วานก็จะมีทั้ง Lotus, The Esplanade, The Mall, Home Pro และห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า พื้นที่รอบๆ โครงการยังเป็นที่อยู่อาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ ในระยะประชิดจึงไม่มีอาคารสูงขึ้นขนาบข้าง สำหรับตัวโครงการ LPN Park เป็นคอนโด High Rise โครงการใหญ่ที่มีจำนวนยูนิตรวมทั้งหมดกว่า 3,000 ยูนิต แบ่งออกเป็น 5 อาคาร บนเนื้อที่ 14 ไร่ ซึ่งทางเข้าโครงการอยู่ติดถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาเข้า และอยู่ห่างจากทางขึ้นสถานีรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์เพียง 100 เมตร จึงค่อนข้างสะดวกถ้าหากตั้งใจจะพึ่งพาการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลักอยู่แล้ว ด้วยรูปที่ดินที่มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้าลึกเข้าไปด้านใน อาคารแต่ละหลังจึงตั้งเรียงตัวกันไปเป็นแนวยาวตั้งแต่ตึก A-E โดยที่รูปแบบการออกแบบอาคารก็เป็นไปตามมาตรฐานของลุมพินีในรูปทรงตัว L ระยะห่างของแต่ละอาคารค่อนข้างน้อย ด้วยระยะห่างเพียง 10 เมตรเท่านั้น เลยบังมุมกันเองซะเป็นส่วนใหญ่ เปิดหน้าต่างห้องมาก็เห็นเพื่อนบ้านอยู่กันอุ่นหนาฝาคั่งเลยทีเดียว เรื่อง Facility ต่างๆ ในโครงการ จะใช้พื้นที่ระหว่างอาคาร C และ D เป็น Club House ซึ่งมีทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และสวนหย่อมรวมกันอยู่ในที่เดียวกัน นั่นก็หมายความว่าผู้อยู่อาศัยทุกยูนิตจะต้องเดินมาใช้ Facility ส่วนกลางร่วมกัน ความแออัดและอัตราความหนาแน่นจึงสูงอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ เพราะดูยังไงแล้วก็ไม่มีทางเพียงพอต่อความต้องการของลูกบ้านทุกยูนิตแน่นอน เตรียมทำใจกันไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ ได้เลย ส่วนเรื่องที่จอดรถ ถึงแม้แต่ละอาคารจะมีที่จอดรถใต้อาคารรวมถึงที่จอดรถกลางแจ้งบริเวณรอบๆ แล้ว ก็ยังมีปริมาณเพียง 40% เท่านั้น ไม่ว่าจะพยายามจัดการเรื่องปัญหาการจอดรถด้วยการเก็บค่าที่จอดรถรายเดือนแล้วก็ตาม แต่นั่นก็ไม่น่าจะแก้ปัญหาได้อยู่ดี เช่นเดียวกันกับเรื่องลิฟท์โดยสารในแต่ละอาคารที่มีอัตราความหนาแน่นเฉลี่ยอยู่ที่ 300 ห้อง ต่อลิฟท์ 1 ตัว เชื่อว่าในชั่วโมงเร่งด่วนได้รอลิฟท์กันนานแน่ ถ้าเลือกอยู่ชั้นที่ไม่สูงมากนัก อาจจะเลี่ยงปัญหาการรอลิฟท์ได้ด้วยการเดินขึ้นลงบันไดแทนครับ พาชมห้องตัวอย่าง สำหรับห้องตัวอย่างของ LPN Park รัตนาธิเบศร์นั้น ก็ไม่ได้แตกต่างจากโครงการอื่นๆ ในแบรนด์ LPN เท่าไหร่ ทั้งเรื่องขนาดห้องที่เริ่มต้นกันที่ 22.5 ตร.ม. ซึ่งขายกันมาแบบห้องเปล่าๆ จะมีตกแต่งให้ก็แค่ชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้น ที่เหลือกถ้าอยากได้เฟอร์นิเจอร์ Built in ตามแบบห้องตัวอย่างก็ต้องจ่ายเพิ่มกันไปตามระเบียบ การจัดวาง Lay out ห้องไม่ได้มีอะไรผิดเพี้ยนไปจากเดิม เนื่องด้วยขนาดห้องที่ค่อนข้างกระทัดรัดมากๆ พอเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วก็จะเจอพื้นที่ส่วนห้องนั่งเล่นเลย มีการจัดวางชั้นวางทีวีไว้ที่หลังประตู พื้นที่ห้องนอนถูกแบ่งให้เป็นสัดส่วนด้วยประตูกระจกบานเลื่อน แถมมาด้วยการ Built in ตู้เสื้อมาเล็กๆ มาให้อีกอย่าง ขยับมาอีกทางก็จะเป็นห้องครัวที่มีพื้นที่ค่อนข้างจำกัด แต่ถึงอย่างไรก็ยังพอจะใช้ประกอบอาหารได้บ้างเล็กๆ น้อย เพราะนอกเหนือจากซิงค์ล้างจานแล้ว ยังพอมีพื้นที่เหลือให้วางเตาไฟฟ้าและเตาไมโครเวฟได้ด้วย ส่วนผนังฝั่งตรงข้ามครัว ในห้องตัวอย่างวางโต๊ะกินข้าวตัวยาวหันหน้าเข้ากำแพงไว้ให้เห็นเป็นไอเดีย ห้องน้ำที่อยู่บริเวณเดียวกันกลับห้องครัว มีขนาดเล็กกว่าห้องแบบอื่นๆ นะครับ เรื่องสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็เป็นแบบธรรมดาสามัญ ส่วนฉากกั้นอาบน้ำ ทางโครงการไม่ได้มีมาให้ ต้องติดตั้งกันเองครับ ที่เหลือก็เป็นบริเวณระเบียงเล็กๆ ที่อยู่ถัดจากห้องครัวไป ซึ่งมีพื้นที่ใช้จำกัดมากๆ แค่วางเครื่องซักผ้าลงไปก็แทบจะไม่มีที่เหลือให้พอตากผ้ากันแล้ว สำหรับห้องตัวอย่างในแบบ 22.5 ตร.ม. และแบบ 26 ตร.ม. จะมี Lay out เหมือนกันเป๊ะ ต่างกันแค่ขนาดของพื้นที่ใช้สอยภายในห้องเท่านั้นเอง ซึ่งห้องแบบ 26 ตร.ม. ดูจะอยู่สบายกว่าหน่อย เพราะขนาดห้องมีความลึกมากกว่า จึงให้ความรู้สึกโล่งและอึดอัดน้อยกว่านั่นเอง นอกจากเรื่องขนาดห้องที่ค่อนข้างกระทัดรัดของ Lay out ห้องแบบนี้แล้ว ถ้าสังเกตุให้ดี ก็จะเห็นว่าเรื่องตำแหน่งในการติดตั้งเครื่องปรับอากาศดูจะผิดที่ผิดทางไปซักหน่อย เครื่องหนึ่งติดตั้งไว้ในห้องนอนซึ่งก็ดูปกติดี ในขณะที่เครื่องปรับอากาศอีกเครื่องกลับไปติดตั้งในบริเวณห้องครัว เหนือประตูระเบียงซึ่งอยู่ด้านในสุด จึงไม่น่าจะทำความเย็นให้กับห้องนั่งเล่นได้เลย มีแต่จะทำความเย็นให้ห้องน้ำแทนซะมากกว่า นอกจากห้องแบบ 1 ห้องนอนที่ทางโครงการมีห้องตัวอย่างให้ได้ชมกันแล้ว ก็ยังมีห้องตัวอย่างของห้องแบบ 2 ห้องนอนไว้ด้วย ซึ่งเป็นลักษณะการ Combine ห้องเข้าด้วยกัน พื้นที่ใช้สอยที่ได้จึงกว้างขวาง และเป็นสัดส่วนมากขึ้น ทั้งเรื่องห้องครัวที่มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นเป็นสัดส่วน และมีพื้นที่นั่งเล่น รวมถึงบริเวณรับประทานอาหารที่กว้างขึ้น สามารถอาศัยอยู่กันแบบครอบครัว 3-4 คนได้สบายเหมือนกัน ความคุ้มค่าการลงทุน โครงการ LPN Park รัตนาธิเบศร์ ถือว่าได้เปรียบเรื่องทำเลที่ตั้งที่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์มาก เมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง แถมยังเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่มาก จึงไม่น่าแปลกใจที่จะได้รับความสนใจมากถูกจองจนเกือบจะเต็มทุกยูนิตแล้ว ด้วยการตั้งราคาห้องไว้ที่ล้านต้นๆ ทำให้จับต้อง และตัดสินใจจับจองเป็นเจ้าของกันได้ง่ายหน่อย โดยเฉพาะคนที่ต้องการที่อยู่อาศัย และทำงานในย่านนี้อยู่แล้ว ปัจจัยเรื่องการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็อาจจะไม่ใช่ปัญหาหนักหนา เพราะมีรถราวิ่งผ่านเยอะ ไหนจะรถไฟฟ้าที่น่าจะเปิดให้บริการในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้ ก็จะยิ่งทำให้การเดินทางสะดวกมากขึ้นอีก การซื้อหาไว้เก็งกำไร หรือปล่อยห้องให้เช่าก็ดูจะเป็นไปได้มาก เพราะบริเวณใกล้ๆ มีทั้งศูนย์ราชการฯ กระทรวงสาธารณสุข รวมถึงสถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ และสถานศึกษาอีกหลายแห่ง กลุ่มคนเช่าห้องที่เป็นคนทำงาน หรือนักศึกษาก็น่าจะมีเข้ามาเรื่อยๆ นะครับ แต่ถ้าคิดจะซื้อหาไว้อยู่เอง เราแนะนำว่าให้ลองพิจารณาดีๆ ว่าตัวคุณเองพร้อมที่จะรับมือกับการอยู่ร่วมกันแบบชุมชนขนาดใหญ่เช่นนี้หรือเปล่า ไหนจะเรื่อง Facility ที่มีค่อนข้างจำกัด และเรื่องที่อาจจะต้องรอลิฟท์นานในชั่วโมงเร่งด่วน หรือเรื่องปัญหาที่จอดรถที่ไม่เพียงพอ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเรื่องขนาดห้องที่ค่อนข้างเล็กกระทัดรัดซะเหลือเกิน และทางโครงการขายมาให้แบบห้องเปล่าๆ การจะหาเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งให้ลงล็อคพอดีกับพื้นที่อาจไม่ใช่เรื่องง่าย ดังนั้นการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ Built in กับทางโครงการก็ช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ก็ต้องคิดเผื่อค่าใช้จ่ายที่จะเพิ่มขึ้นมาด้วย เพราะไม่แน่ว่าราคาห้องรวมๆ เข้าแล้ว อาจจะมีห้องจากโครงการอื่นที่ดีกว่า หรือคุ้มค่ากว่า ถึงแม้ว่าทำเลอาจจะด้อยกว่าหน่อยก็ตาม
Estes รัตนาธิเบศร์ : รีวิวคอนโด

Estes รัตนาธิเบศร์ : รีวิวคอนโด

ทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงกำลังได้รับความนิยมไม่น้อยสำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดในย่านรัตนาธิเบศร์ คอนโดในแถบนี้จึงมีให้เลือกมากมายหลายโครงการ ซึ่งครั้งนี้เราจะพาไปดูคอนโด Estes ของบริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด ว่ามีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง การเดินทาง ตัวโครงการ Estes ตั้งอยู่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาเข้ากรุงเทพ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์ด้วยระยะทางเพียง 350 เมตร ซึ่งจัดว่าอยู่ในระยะที่สามารถเดินได้อย่างสบายๆ ดังนั้นการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ด้วยรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงนี้จึงจัดว่าสะดวกอยู่พอตัว กว่าโครงการจะสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในปี 2560 รถไฟฟ้าก็เปิดให้บริการกันไปเรียบร้อยแล้ว เพราะมีกำหนดการว่ารถไฟฟ้าสายนี้จะเปิดให้บริการได้ในปี 2559 นั่นเอง สำหรับคนที่มีแนวโน้มจะย้ายที่อยู่อาศัยหรือว่าทำงานอยู่ในย่านนี้อยู่แล้ว ก็อาจจะลองดูโครงการนี้เอาไว้เป็นตัวเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆ ดูได้ ส่วนเรื่องการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถเดินทางมาได้ง่ายจากถนนงามวงศ์วานผ่านแยกแครายมา เข้าสู่ถนนรัตนาธิเบศร์มุ่งหน้าไปบางบัวทอง ผ่านเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ที่อยู่ทางด้านขวามือแล้วก็เตรียมขึ้นสะพานกลับรถได้ทันที หลังจากที่กลับรถกลับมาแล้ว เราจะผ่านหน้าเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์อีกครั้ง พอขับรถเลยมาอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงทางเข้าโครงการ Estes พอดี แต่ถ้าวัดระยะทางกันแบบขี้โกงๆ หน่อย ก็เริ่มนับกันตั้งแต่เสาสุดท้ายของรั้วห้างมาถึงรั้วโครงการก็จะได้ระยะทาง 350 เมตรตามที่ทางโครงการคุยไว้พอดีครับ นอกจากนี้ถนนหนทางโดยรอบโครงการยังมีเส้นทางเลี่ยงเข้าเมืองได้อีกหลายทาง ทั้งถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี ถนนติวานนท์ รวมถึงด่านทางด่วนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล จะติดก็แต่ปัญหารถติดในช่วงเวลาเร่งด่วนของวันที่ติดกันจริงจังเป็นเรื่องเป็นราว ถ้าต้องเดินทางไปทำงานในเมือง หรือทำธุระในระแวกอื่นคงต้องเผื่อเวลากันให้ดีๆ แต่ถ้าเป็นการเดินทางไปทำงานในระแวกใกล้เคียงด้วยบริการรถสาธารณะอื่นๆ ก็ถือว่ามีตัวเลือกที่เยอะใช้ได้เลยล่ะ เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ จึงหาเรียก Taxi ได้ไม่ยาก รวมถึงรถเมล์ และมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็เรียกใช้บริการได้สะดวกเหมือนกัน วิเคราะห์ภาพรวมโครงการ บริเวณโดยรอบที่ตั้งโครงการอาจจะไม่ได้มีความพร้อมมากนัก สำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายแบบคนเมือง เพราะรอบๆ ยังมีบรรยากาศแบบชานเมืองอยู่ ทั้งห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ และบิ๊กซีที่ไม่ได้หรูหรามีร้านค้ามากมายให้เลือกช๊อปปิ้ง แต่ถ้าจะให้มีตัวเลือกมากขึ้นมาอีกหน่อยก็คงต้องขยับออกมาในรัศมีประมาณ 5 กิโลเมตร ที่มีทั้ง The Mall งามวงศ์วาน, พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า, The Esplanade รัตนาธิเบศร์ และ Tesco Lotus ซึ่งพอจะให้เราเปลี่ยนบรรยากาศในการจับจ่ายซื้อของได้บ้าง นอกจากนี้บริเวณรอบๆ โครงการก็ยังเป็นชุมชนบ้านพักอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีอาคารสูงที่อยู่ในระยะประชิดก็แค่คอนโด City Home ทางด้านหลังที่ยังไงก็เลี่ยงกันไม่พ้นสำหรับห้องด้านนี้ที่อยู่ต่ำกว่าชั้น 20 ลงมา นอกนั้นก็ยังไม่มีโครงการอื่นๆ ขึ้นขนาบด้านข้างครับ ถึงเราจะบอกว่ารอบๆ มีบรรยากาศแบบชานเมืองอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสงบเงียบไปซะทีเดียวนะครับ เพราะการจราจรที่หนาแน่นเกือบตลอดวันและทุกวันบนถนนรัตนาธิเบศร์ รวมถึงยังมีรางรถไฟฟ้าผ่านหน้าโครงการ มลภาวะทางเสียงจึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงได้ยาก ดังนั้นการเลือกตำแหน่งห้องนอกจากเรื่องทิศทางที่เหมาะสมแล้ว อาจจะต้องเก็บเรื่องพวกนี้ไปประกอบการพิจารณาด้วยเหมือนกัน คอนโด Estes รัตนาธิเบศร์ เป็นโครงการ High Rise สูง 36 ชั้น มียูนิตรวม 474 ยูนิต ภายใต้คอนเซปการออกแบบที่เน้นความแปลกใหม่และทันสมัย แตกต่างจากคอนโดโครงการอื่นๆ ทั่วไปในย่านเดียวกัน จุดเด่นอยู่ที่ระยะความสูงของห้องตั้งแต่พื้นจรดเพดานที่สูงถึง 3.6 เมตร ทำให้การจัดวาง Layout ภายในห้องต่างจากที่คุ้นเคยอยู่มาก นอกจากบรรยากาศแบบโปร่งโล่งเนื่องด้วยความสูงของเพดานแล้ว ทางโครงการยังเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องด้วยการทำชั้นลอยเพิ่มขึ้นมา ถ้าใครได้เห็นห้องตัวอย่างก็คงจะสะดุดตา ถูกใจได้ไม่ยาก เพราะ Lay out ห้องแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เลยครับ สำหรับ Facility ต่างๆ นั้น ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวกันอยู่ที่ชั้น 35, 36 และมีสวนบนดาดฟ้า ซึ่งจะแบ่งเป็นห้อง Fitness ห้องสันทนาการ ห้องเด็กเล่นพร้อมอุปกรณ์ และสวนหย่อมที่ชั้น 35 ส่วนที่ชั้น 36 จะเป็นสระว่ายน้ำทั้งสระเด็ก และสระผู้ใหญ่ นอกจากนี้ที่บริเวณชั้น 7 ยังมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มเติมเป็นสวนขนาดเล็ก พร้อมห้องซักรีด และห้องเอนกประสงค์ สำหรับใช้เป็นที่พักผ่อนได้อีกด้วย ส่วนตัวแล้วถือว่าทางโครงการพยายามจัดมาให้เต็มที่และตกแต่งให้ดูน่าใช้งานดีนะครับ ส่วนเรื่องที่จอดรถทางโครงการจัดพื้นที่บริเวณชั้น 2-6 ไว้เป็นที่จอดรถ นับรวมแบบจอดซ้อนคันแล้วก็จอดได้แค่ 167 คัน หรือแค่ 35% เท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยมากสำหรับโครงการที่มีภาพลักษณ์เน้นความหรูหราแบบนี้ เพราะกลุ่มลูกค้าในระดับปานกลางที่จะมาซื้อห้องก็น่าจะมีรถส่วนตัวกันอยู่แล้ว เรื่องที่จอดรถไม่เพียงพอจึงอาจจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ นอกเหนือจากนี้ ทางโครงการก็ยังมีระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้อง CCTV และใช้วิธีเข้าออกด้วยระบบคีย์การ์ดที่โถงทางเข้าล็อปบี้ไม่ใช่คีย์การ์ดแบบล็อคชั้นแต่อย่างใด อาจจะน่าผิดหวังเล็กๆ สำหรับโครงการระดับนี้นะครับ พาชมห้องตัวอย่าง ด้วยการออกแบบให้เพดานห้องสูงถึง 3.6 เมตร นอกจากจะให้ข้อดีในเรื่องของความโปร่งสบายแล้ว ยังสามารถใช้สอยประโยชน์ได้อีกทางหนึ่งด้วยการต่อเติมชั้นลอยไว้ภายใน ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งห้องที่มีชั้นลอยจะเริ่มที่ขนาด 30 ตร.ม. ขึ้นไป โดยพื้นที่ 30 ตร.ม. นี้ไม่ได้นับรวมพื้นที่ใช้สอยของชั้นลอยเข้าไปด้วยนะครับ เปิดเข้าห้องมาจะเป็นส่วนของห้องครัวก่อน โดยจะเป็นครัวแบบครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน กั้นพื้นที่ไว้อย่างชัดเจน ด้านหนึ่งจัดเป็นเคาน์เตอร์ครัว พร้อมชั้นเก็บของทั้งด้านบนและด้านล่าง พื้นที่ครัวไม่ได้กว้างมากนัก เหมาะกับการทำครัว เตรียมอาหารเล็กๆ น้อยๆ ซะมากกว่า คนที่ชอบทำครัวอาจจะไม่ชอบเท่าไหร่ ส่วนอีกด้านเป็นห้องน้ำที่จัดฉากกั้นอาบน้ำ แยกส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้เรียบร้อยแล้ว ผ่านจากห้องครัวเข้ามาก็จะเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งบริเวณนี้จะให้ความรู้สึกโปร่งสบายมากเพราะความสูงของเพดานนั่นเอง พื้นที่เชื่อมต่อกันกับห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ของห้องทำงานอยู่ใต้ชั้นลอย หันหน้าออกรับแสงธรรมชาติพอดี เพดานของบริเวณนี้จะมีความสูงอยู่ที่ 2 เมตร ความสูงระดับนี้คงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่สำหรับคนไทยไซส์มาตรฐานทั่วไป แต่สำหรับคนตัวสูงๆ อาจจะรู้สึกอึดอัดไปซักนิด ส่วนด้านบนของชั้นลอยที่จัดเป็นที่นอน มีความสูงอยู่แค่ 1.5 เมตรเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นปัญหาเรื่องการใช้งานมากนักถ้าเดินขึ้นไปแล้วล้มตัวลงนอนเลย ไม่ต้องยืนหรือเดินไปมาเพื่อทำกิจกรรมอื่นๆ อีก การใช้งานในส่วนนี้จึงไม่รู้สึกติดขัดซักเท่าไหร่ สำหรับห้องขนาดเล็กลงมาอีกหน่อยที่ 28 ตร.ม. จะเป็นห้องแบบ Studio ซึ่งจะไม่มีการต่อเติมชั้นลอยไว้ ในขณะที่ยังได้ระยะเพดานสูง 3.6 เมตรเหมือนกัน ห้องแบบนี้จึงดูชะลูดสูงผิดสัดส่วนปกติไปบ้าง โดย Layout ห้องจะลดพื้นที่ของส่วนห้องทำงานลง และขยับพื้นที่นั่งเล่น และห้องนอนมาใช้ร่วมกัน พอมีเฟอร์นิเจอร์จัดวางไว้เต็มที่แบบในห้องตัวอย่างแล้ว ห้องแบบนี้ก็ดูจะแคบไปซักหน่อย ต่างจากห้องไซส์ 30 ตร.ม. ไปเลย ทั้งๆ ที่พื้นที่ต่างกันแค่ 2 ตร.ม.เท่านั้น ส่วนห้องอีกแบบที่ทางโครงการมีให้เลือกด้วยก็คือห้องแบบ 2 ห้องนอน ในขนาด 46 ตร.ม. ขึ้นไป ซึ่งห้องแบบนี้ก็จะมีส่วนต่อเติมที่เป็นชั้นลอยไว้ในห้องนอนเล็กเหมือนกัน แต่จะมี Layout การใช้งานที่ดูเหมือนจะลงตัวน้อยกว่าแบบ 30 ตร.ม. ห้องทั้งหมดของทางโครงการขายมาแบบ Fully Furnished จริงๆ คือจัดมาหนัก จัดมาเต็ม ในห้องตัวอย่างเห็นอย่างไงห้องจริงก็ได้แบบเหมือนกันเป๊ะทุกประการ รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องก็มีแถมมาให้ด้วย จัดมาให้เต็มที่แบบนี้พอสร้างเสร็จ หิ้วแค่กระเป๋าเสื้อผ้าก็พร้อมเข้าอยู่ได้ทันที ส่วนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทางโครงการเลือกมาให้ก็จัดมาได้คุ้มราคาเหมือนกัน อันนี้จึงถือเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่เพิ่มแรงจูงใจในการซื้อได้ ถึงแม้ราคาต่อตารางเมตรของ Estes จะสูงกว่าโครงการอื่นๆ ในระแวกเดียวกันก็ตาม ความคุ้มค่าการลงทุน สำหรับพื้นที่ในแถบรัตนาธิเบศร์นี้ ถือว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมาไม่น้อย โดยมีหลากหลายระดับราคาให้เลือกเปรียบเทียบ ซึ่งโครงการ Estes นี้ ก็ถือว่าพยายามหาจุดแข็งให้ตัวเองแตกต่างจากตลาดรอบๆ อยู่พอสมควร ทั้งเรื่องดีไซน์การออกแบบห้อง การขายห้องมาให้แบบ Fully Furnished จัดเต็มทุกรายการ และการจัด Facility มาให้อย่างครบครัน อีกทั้งยังมีสถานีรถไฟฟ้า MRT ตั้งอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย Estes จึงดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยสำหรับคนที่ทำงานอยู่ในระแวกใกล้เคียงนี้ เช่น ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี กระทรวงสาธารณสุข หรือศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ที่พอจะมีกำลังซื้อและมีไลฟ์สไตล์ที่ชอบความทันสมัยไม่เหมือนใคร เพราะด้วยการออกแบบห้องที่มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากคอนโดทั่วไปที่เราคุ้นเคยนี่เอง ที่ทำให้เราต้องแลกมาด้วยราคาต่อตารางเมตรที่แพงกว่าโครงการในระแวกเดียวกัน นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงตั้งแต่ถนนรัตนาธิเบศร์-ถนนติวานนท์ที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านก็ไม่ได้เป็นศูนย์รวมแหล่งธุรกิจใหญ่ๆ ที่จะมีพนักงานออฟฟิศที่มีกำลังในการจ่ายค่าเช่าห้องราคา 12,000 บาทต่อเดือนได้อย่างสบายๆ ไร้กังวล ดังนั้นการปล่อยห้องเช่าหรือขายต่อจึงอาจจะมีแนวโน้มในการทำกำไรได้ยาก และถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีประเด็นเรื่องการซื้อคอนโดเพื่อหวังทำกำไรจากการลงทุนมาประกอบการตัดสินใจด้วยแล้ว อาจจะต้องชั่งน้ำหนักวัดใจกันหลายๆ รอบหน่อยนะครับ