Tag : สิงห์ เอสเตท

8 ผลลัพธ์
นับถอยหลังเปิดตัว “ครอสโร้ดส์” เกาะสวรรค์กลางทะเลมัลดีฟส์ กลางปี 2562

นับถอยหลังเปิดตัว “ครอสโร้ดส์” เกาะสวรรค์กลางทะเลมัลดีฟส์ กลางปี 2562

สิงห์ เอสเตท นับถอยหลังเตรียมตัวเปิดเฟสแรกของโครงการ “ครอสโร้ดส์” จุดหมายปลายทางสำหรับการพักผ่อนและสันทนาการครบวงจรแห่งแรกในมัลดีฟส์กลางปี 2562 ณ เอ็มบูดู ลากูน เตรียมพบกับการเปิดตัวโรงแรมชั้นนำถึง 2 แห่ง ได้แก่ ซาย ลากูน มัลดีฟส์ คูริโอ คอลเล็กชั่น บาย ฮิลตัน (SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton) และโรงแรมฮาร์ด ร็อค โฮเทล มัลดีฟส์ (Hard Rock Hotel Maldives) รวมทั้งพื้นที่สำหรับความบันเทิงและร้านค้าปลีกขนาด 11,000 ตารางเมตร ภายใต้ชื่อ “เดอะ มารีน่า แอท ครอสโรดส์” (The Marina @ CROSSROADS) ชูทัพร้านค้าปลีกและร้านอาหารที่มีสไตล์ รวมทั้งร้านที่มีชื่อเสียงระดับโลกอย่างฮาร์ด ร็อค คาเฟ่ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว เพื่อนฝูง นักท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์หรือนักธุรกิจ ก็สามารถค้นพบประสบการณ์การท่องเที่ยวมัลดีฟส์รูปแบบใหม่ได้ที่ครอสโร้ดส์ สำหรับนักท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัว ครอสโร้ดส์พร้อมนำเสนอกิจกรรมและสิ่งที่น่าสนใจหลากหลายรูปแบบ เอาใจสมาชิกทุกคนในครอบครัว อาทิ Maldives Discovery Centre ศูนย์เรียนรู้เชิงวัฒนธรรมที่มีดีไซน์สวยงามและเป็นเอกลักษณ์ ภายในจัดมีการแสดงวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น และโซนให้ความรู้เกี่ยวกับวิธีการอนุรักษ์ทางทะเล พร้อมตื่นตาตื่นใจไปกับโซนจัดแสดงเส้นทางเดินปะการังแบบเสมือนจริง และโซนเล่นเกมให้ความรู้ทางทะเลแบบอินเตอร์แอคทีฟสำหรับเด็ก นอกจากนั้นสำหรับผู้ที่สนใจการอนุรักษ์ปะการังและสิ่งมีชีวิตทางทะเล ครอสโร้ดส์ยังเป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์สิ่งมีชีวิตในทะเล Marine Discovery Centre ซึ่งภายในมีห้องทดลองชีววิทยาทางทะเล และกิจกรรมทางน้ำเชิงอนุรักษ์ต่างๆ อาทิ การดำน้ำลึก การดำน้ำผิวน้ำ (สนอร์เกิลลิ่ง) การปลูกปะการัง การปล่อยปลาการ์ตูน และการอนุบาลปะการังในทะเล ยิ่งไปกว่านั้น การเปิดตัวโครงการในกลางปีนี้ จะมีการเปิดศูนย์ประชุม CROSSROADS Event Hall ซึ่งสามารถรองรับผู้เข้าร่วมประชุมได้ถึง 460 คน ภายในมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับการประชุมระดับเวิร์ลคลาส รวมทั้งบริการจัดเลี้ยง เพื่อตอบสนองความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อธุรกิจอีกด้วย อีกไม่นานเกินรอ ครอสโร้ดส์จะเปิดประตูต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก เพื่อมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวมัลดีฟส์ในรูปแบบใหม่ให้แก่ผู้มาเยือน พร้อมรับบทบาทสำคัญในการสร้างนิยามใหม่ของประสบการณ์การท่องเที่ยวในมัลดีฟส์      
“ดิ เอส อโศก” คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีแห่งแรกของ สิงห์ เอสเตท เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

“ดิ เอส อโศก” คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีแห่งแรกของ สิงห์ เอสเตท เปิดตัวอย่างเป็นทางการ

ถือว่าเป็นอีกหนึ่งงานยิ่งใหญ่ในย่านอโศกเลยก็ว่าได้ กับการเปิดตัวโครงการ “ดิ เอส อโศก” คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีแห่งแรกของ บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) ภายใต้คอนเซ็ปต์ Live Highest, Live Finest  นำโดย คุณนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เพื่อส่งมอบประสบการณ์การใช้ชีวิตในระดับพรีเมียมบนตึกที่สูงที่สุดในย่านอโศก โดดเด่นด้วยการออกแบบสไตล์ Modern Contemporary และการดูแลอย่างเหนือระดับด้วย เอส คลาส แมเนจเม้นท์ บริษัทพร็อพเพอร์ตี้แมเนจเม้นท์ที่บริหารงานโดย สิงห์ เอสเตท อีกทั้งยังได้รับเกียรติจากดารานักแสดงสาวสวย แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ และลูกบ้านของโครงการ อมิตา ยัง สีณพงศ์ภิภิธ และครอบครัว มาร่วมแสดงความยินดี ณ โครงการ ดิ เอส อโศก   ภายในงานเริ่มด้วย คุณนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวต้อนรับแขกผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนที่มาร่วมงาน หลังจากนั้นคณะผู้บริหารได้พาสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการตามจุดไฮไลท์ต่างๆ อาทิ Sculpture Court บริเวณชั้น 10 ต่อด้วยชั้น 33 ที่มีสระว่ายน้ำ Golf Simulation และฟิตเนส และ ชั้น 43 เป็นชั้นสุดท้ายที่ได้พาแขกผู้มีเกียรติเยี่ยมชมบรรยากาศพระอาทิตย์ตกบริเวณResidences Lounge ซึ่งถือว่าเป็นช่วงที่น่าประทับใจที่สุดเลยก็ว่าได้ และมาถึงช่วงพูดคุยกับเซเลบริตี้ แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ เกี่ยวกับการใช้ชีวิตและตัวตนที่สะท้อนคำว่า “Live Highest, Live Finest” ร่วมด้วย อมิตา ยัง สีณพงศ์ภิภิธ พร้อมครอบครัว ที่มาพูดถึงการใช้ชีวิตครอบครัวและเหตุผลที่ตัดสินใจเลือกโครงการ ดิ เอส อโศก แห่งนี้ ท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเอง   หลังจากที่คณะผู้บริหารพาผู้มีเกียรติและสื่อมวลชนเยี่ยมชมโครงการแล้วนั้น ก็เข้าสู่พิธีการเปิดโครงการ ดิ เอส อโศก อย่างเป็นทางการบริเวณชั้น G พร้อมฉายวีดีโอโครงการ ต่อด้วยมินิคอนเสิร์ต จาก ทาทา ยัง ที่งานนี้ได้นำเพลงฮิตมาเอ็นเตอร์เทนผู้ร่วมงานอย่างสนุกสนาน   แอฟ ทักษอร ภักดิ์สุขเจริญ กล่าวว่า “จากที่ได้ยินข้อมูลของโครงการและการที่ได้มาร่วมงานในครั้งนี้ รู้สึกว่าเป็นหนึ่งในโครงการที่น่าสนใจที่สุดในย่านอโศก ที่สำคัญอยู่ใจกลางเมืองและยังมีพื้นที่สีเขียวกว่า1ไร่ให้พักผ่อนหย่อนใจ โดยเฉพาะแอฟมีน้องปีใหม่ ก็รู้สึกว่ามันคงจะดีถ้ามีโอกาสได้มาอยู่ที่นี่ ด้วยไลฟสไตล์และการทำงานของแอฟที่ต้องเดินทางอยู่ตลอดเวลานั้น ณ ที่แห่งนี้ถือว่าเดินทางไปไหนมาไหนสะดวกมากค่ะ เพราะอยู่ใกล้เส้นทางคมนาคมหลักมากมาย ถ้าใครสนใจโครงการนี้ ยังมีอีกหลายห้องให้มาเยี่ยมชมกัน พลาดไม่ได้นะคะ”   อมิตา ยัง สีณพงศ์ภิภิธ กล่าวว่า “วันนี้มาเป็นลูกบ้านที่ดีกับการเป็นแขกรับเชิญในวันนี้ ทาทาและครอบครัวคิดว่า เราตัดสินใจไม่ผิดที่ได้ลงทุนกับโครงการนี้ จะบอกว่าสวยงาม หรูหรา ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง เพราะเดินทางสะดวก ใกล้แหล่งช้อปปิ้งที่ทำงาน โรงเรียนลูก ส่วนตัวแล้วนั้นยังมองว่าเป็นการลงทุนที่ดีเพื่ออนาคตของลูกอีกด้วย สำหรับคนที่สนใจมาเป็นเพื่อนบ้านทาทา อย่าลืมมางาน Open House วันที่ 9-10 มีนาคม 2562 นี้ นะคะ ที่สำคัญสำหรับคนที่กำลังมองหาห้องดีๆ ทำเลทอง ขอบอกว่าจัดเต็มโปรโมชั่นสุดพิเศษ เหลือไม่กี่ห้องแล้วนะคะ”   โอกาสสุดท้ายสำหรับผู้สนใจในงาน THE ESSE ASOKE OPEN HOUSE ในวันที่ 9-10 มีนาคม 2562 พบกับโปรโมชั่นสุดพิเศษ อาทิ แพคเกจเฟอร์นิเจอร์มูลค่ารวมกว่า 500,000 บาท รวมทั้งบัตรกำนัลใช้แทนเงินสด มูลค่า 100,000 บาท ผู้ที่สนใจสามารถติดตามรายละเอียดได้จาก www.singhaestate.co.th หรือสอบถามรายละเอียดที่ 1221        
สิงห์ เอสเตท เปิด “สิงห์ คอมเพล็กซ์” เดอะ ลักชัวรี่ มิกซ์ ยูส คอมเพล็กซ์ หัวมุมอโศก-เพชรบุรี พร้อมให้บริการเฟสแรกออฟฟิศ-พื้นที่ค้าปลีกกว่าแสนตรม.

สิงห์ เอสเตท เปิด “สิงห์ คอมเพล็กซ์” เดอะ ลักชัวรี่ มิกซ์ ยูส คอมเพล็กซ์ หัวมุมอโศก-เพชรบุรี พร้อมให้บริการเฟสแรกออฟฟิศ-พื้นที่ค้าปลีกกว่าแสนตรม.

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดให้บริการมิกซ์ยูสแฟล็กชิป สิงห์ คอมเพล็กซ์ ในเฟสแรกส่วนออฟฟิศ-ค้าปลีก บนทำเลแห่งศักยภาพหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรี ชูจุดแข็งสมาร์ทออฟฟิศแห่งใหม่บนทำเลศูนย์กลางธุรกิจ เดินทางสะดวก คับคั่งด้วยร้านค้าและร้านอาหารชื่อดังกว่า 30 ร้าน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบของคนเมือง เชื่อจะเป็นหนึ่งธุรกิจหลักที่ผลักดันให้สิงห์ เอสเตท บรรลุเป้าหมายในการสร้างรายได้รวม 2 หมื่นล้านบาทในปี 2020   นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนในประเทศไทยและต่างประเทศ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เปิดให้บริการ สิงห์ คอมเพล็กซ์ โครงการมิกซ์ ยูส แฟล็กชิปแห่งแรกของทางบริษัทฯ โดยโครงการตั้งอยู่บริเวณหัวมุมถนนอโศก – เพชรบุรีที่เดินทางสะดวก ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพชรบุรี ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ท่าเรืออโศกคลองแสนแสบ และทางด่วน ซึ่งถือเป็นทำเลศักยภาพแห่งอนาคตในย่านธุรกิจที่สำคัญ  และโครงการใหม่ๆที่จะเกิดขึ้น โดยโครงการพัฒนาขึ้นบนพื้นที่ดินทั้งหมด 11 ไร่ ประกอบด้วย อาคารสำนักงานเกรดเอ 42 ชั้น พื้นที่ค้าปลีก 4 ชั้น ซึ่งทั้ง 2 ส่วนนี้ มีขนาดพื้นที่รวม 120,000 ตารางเมตร และคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี มีความสูง 39 ชั้น จำนวน 319 ยูนิต โดยโครงการได้ก่อสร้างตามมาตรฐานอาคาร LEED Gold ด้านประหยัดพลังงาน ซึ่งโครงการเปิดให้บริการเฟสแรกเมื่อต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ประกอบด้วย สำนักงานเกรดเอ ดิ ออฟฟิศ แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (The Office at SINGHA COMPLEX) และพื้นที่ค้าปลีก 4 ชั้น ทั้งนี้อาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศ แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ ได้เตรียมความพร้อมในการเป็นสมาร์ทออฟฟิศอย่างสมบูรณ์แบบโดยนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาใช้ภายในอาคารควบคุมผ่านแอปพลิเคชั่นที่จัดทำขึ้นมาโดยเฉพาะ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้เช่าพื้นที่ในอาคารสำนักงานและผู้ใช้บริการพื้นที่ค้าปลีก ด้านจำนวนผู้เช่า ขณะนี้มีทำสัญญาเช่าไปแล้วกว่า 80% และตั้งเป้าว่าจะมีผู้เช่าเต็มพื้นที่ 100% ภายในสิ้นปี 2561 โดยขณะนี้เริ่มมีบริษัทฯ ทยอยย้ายเข้ามาในอาคาร และจะมีพนักงานออฟฟิศเข้ามาทำงานในอาคารภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายน รวมกว่า 3,000 คน   นายนิธิพัฒน์ ทองพันธุ์ กรรมการบริหาร หัวหน้าแผนกพื้นที่สำนักงาน บริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ จากสถาปัตยกรรมของสิงห์ คอมเพล็กซ์และการเป็นออฟฟิศเกรดเอที่มีคุณภาพสูงพร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันและตรงต่อความต้องการของผู้เช่าชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ จึงทำให้สามารถทำสัญญาค่าเช่าล่วงหน้าก่อนโครงการเสร็จได้มากกว่า80% และมีอัตราค่าเช่าพื้นที่เฉลี่ยดีที่สุดในย่านเดียวกัน”   สำหรับอาคารค้าปลีกสูง 4 ชั้น ที่เตรียมเป็นพื้นที่รองรับไลฟ์สไตล์ของทั้งพนักงานออฟฟิศและผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม THE ESSE at SINGHA COMPLEX รวมถึงเป็นแหล่งกินช้อปแห่งใหม่ของคนกรุงเทพฯ ทั้งไทยและต่างชาติในย่านอโศก-เพชรบุรี ประกอบไป ด้วยร้านค้าและร้านอาหารชื่อดังมากมาย อาทิ  Gontran Cherrier, Bake Cheese Tart, Coffee arigato, Dressed, Bake Café by Farm Design, THE COFFEE CLUB, On-Yasai, Hoshi, Hokkaido Butadon Tokachi, Phuket Town, EST.33, ซาลาเปาโกอ้วน, Gyu Kaku, Kazan และบริการ Wellness อื่น ๆ อาทิ Cut & Curl, ศูนย์ทันตกรรม ALL ABOUT TEETH, BLOSSOM CLINIC, EYE CLASS,  Digital Banking ได้แก่ SCB Express, BAY และร้าน Tops Daily ซึ่งเป็นคอนเซปต์สโตร์ท็อปส์ดิจิตอลแห่งแรกของเมืองไทย รวมถึงร้าน 1887 ศูนย์กลางประชาสัมพันธ์เมืองท่องเที่ยวในญี่ปุ่น ที่นำเสนอสินค้าพื้นเมืองและสถานที่ท่องเที่ยวจากเมืองต่างๆ ของญี่ปุ่น โดยมีการผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนสินค้าใหม่ๆ ทุกเดือน นอกจากนี้ยังมี foodPLACE ศูนย์อาหารซึ่งเปิดให้บริการอยู่บนชั้น 3 ของพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งเป็นโซนอาหารที่รวบรวมร้านอาหารชื่อดังในตำนานทั่วกรุงเทพมหานครมาเปิดให้บริการ อาทิ ก๋วยเตี๋ยวเนื้อวัฒนาพานิช, ข้าวแกงเจ๊จู, ไก่ย่างจีระพันธ์, มงคลชัย ข้าวมันไก่ หลา ลูกชิ้นปลาเยาวราช, ราดหน้าครัวอัปสร เป็นต้น นอกจากนี้ยังมี Co-working space และพื้นที่รีแลกซ์ที่ลูกค้าสามารถนั่งทำงานและพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย โดยจะมีบริการ Free Super WIFI ความเร็ว 1GB/Sec. ซึ่งจะเป็น WIFI ฟรีที่เร็วที่สุดในกรุงเทพฯ ครอบคลุมทั้งอาคาร รวมถึงในบริเวณดาดฟ้าชั้น 4 ยังจัดให้เป็นสวนหย่อมสีเขียวกลางใจเมือง พื้นที่พบปะพูดคุยกันแบบคอมมูนิตี้ของทุกๆ คน ซึ่งโดยรวมทั้งหมดของพื้นที่ค้าปลีกขณะนี้เปิดให้บริการแล้วกว่า 70% และจะมีการเปิดร้านทั้งหมดอย่างเต็มรูปแบบภายในต้นปีหน้า   “จากการตอบรับที่ดีทั้งจากผู้เช่าและลูกค้าที่เข้ามาในสิงห์ คอมเพล็กซ์ นับเป็นการตอกย้ำศักยภาพของสิงห์ คอมเพล็กซ์ในการเป็นธุรกิจที่สามารถตอบสนองไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคได้อย่างตรงจุด ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจของบริษัทสิงห์ เอสเตทที่มุ่งพัฒนาโครงการคุณภาพเพื่อสร้างรายได้ให้แก่ธุรกิจ รวมทั้งเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้แก่นักลงทุน เป็นสัญญาณที่ดีในการสร้างการเติบโตให้แก่บริษัทฯ และขยายโอกาสในการลงทุนหลากหลายรูปแบบทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ นอกจากนี้ สิงห์ คอมเพล็กซ์ จะเป็นกลุ่มธุรกิจที่สำคัญในการผลักดันให้สิงห์ เอสเตท บรรลุเป้าหมายในการสร้างรายได้รวม 2 หมื่นล้านบาทในปี 2020 พร้อมเป็นส่วนหนึ่งในการรองรับดีมานด์และขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยในการเป็นศูนย์กลางการค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในภูมิภาคนี้” นายนริศกล่าวปิดท้าย              
‘สิงห์ เอสเตท’ จับมือ ‘ไดวะ เฮ้าส์ กรุ๊ป’ ประกาศร่วมทุน EYSE Sukhumvit 43

‘สิงห์ เอสเตท’ จับมือ ‘ไดวะ เฮ้าส์ กรุ๊ป’ ประกาศร่วมทุน EYSE Sukhumvit 43

สิงห์ เอสเตท ร่วมทุนกับ ไดวะ เฮ้าส์ กรุ๊ป บริษัทรับก่อสร้างและรับสร้างบ้านรายใหญ่ที่สุดในประเทศญี่ปุ่น เพื่อร่วมพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในตลาดลักชัวรี ประเดิมโครงการแรก EYSE Sukhumvit 43 (อีส สุขุมวิท 43) มูลค่าโครงการ 2 พันล้านบาท มุ่งนำสุดยอดนวัตกรรมก่อสร้างและเทคโนโลยีสำหรับที่อยู่อาศัยจากญี่ปุ่นมาปรับใช้ในโครงการเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของลูกค้าอย่างสมบูรณ์แบบที่สุด พร้อมเผยเตรียมเจรจาขยายความร่วมมือรูปแบบอื่นๆ เพิ่มเติมในอนาคต   นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ล่าสุดบริษัทฯ ได้ลงนามในสัญญาความร่วมมือกับทาง ไดวะ เฮ้าส์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทก่อสร้างและรับสร้างบ้านที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น โดยความร่วมมือนี้ถือเป็นอีกก้าวสำคัญในการดำเนินธุรกิจของทางสิงห์ เอสเตท ตามนโยบายที่จะขับเคลื่อนธุรกิจสู่การเป็น “พรีเมียร์ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ แอนด์ อินเวสต์เม้นท์ โฮลดิ้ง คัมปานี” (Premier Property Development & Investment Holding Company) ซึ่งแผนกลยุทธ์ในการร่วมทุนในครั้งนี้เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้บริษัทฯ เติบโตอย่างต่อเนื่อง พร้อมรองรับโอกาสในอนาคต รวมทั้งยังส่งเสริมจุดแข็งของธุรกิจที่พักอาศัยในการขึ้นสู่การเป็น Leading Premium Developer ซึ่งถือเป็นหนึ่งในธุรกิจของบริษัทฯ     สำหรับการร่วมทุนในครั้งนี้ในฐานะตัวแทนของบริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) รู้สึกยินดีเป็นอย่างมาก ที่ได้รับเกียรติร่วมทุนกับพาร์ทเนอร์ที่มีชื่อเสียงที่สุดในด้านการก่อสร้างและรับสร้างบ้านในประเทศญี่ปุ่นและในหลายประเทศอย่าง ไดวะ เฮ้าส์ เพราะความร่วมมือในครั้งนี้จะเป็นแรงสำคัญที่จะส่งเสริมให้การเติบโตทางธุรกิจของทั้งสองบริษัทเป็นไปตามแผนที่วางไว้ได้อย่างชัดเจนและบรรลุเป้าหมายได้รวดเร็วยิ่งขึ้น   ด้านรายละเอียดการร่วมทุนระหว่างสิงห์ เอสเตท และ ไดวะ เฮ้าส์ ในครั้งนี้ เพื่อลงทุนและพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพักอาศัย โดยเบื้องต้นจะเริ่มโครงการแรกที่ EYSE Shukhumvit 43 (อีส สุขุมวิท 43) คอนโดมิเนียมลักชัวรี บริเวณซอยสุขุมวิท 43 มูลค่าโครงการ 2,000 ล้านบาท ซึ่งทางไดวะ เฮ้าส์ จะนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีการก่อสร้างจากญี่ปุ่น รวมถึงเทคโนโลยีสำหรับที่อยู่อาศัยเข้ามาปรับใช้ในโครงการ โดยมีเป้าหมายในการร่วมทุนเพื่อเป็น Strategic Partnership หรือร่วมทุนพัฒนาโครงการระยะยาวแบบต่อเนื่อง พร้อมกับมีแผนในการเจรจาเพิ่มเติมความร่วมมือรูปแบบอื่นๆ ในอนาคต”   นายโนบูยะ อิชิคิ ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายงานต่างประเทศ บริษัท ไดวะ เฮ้าส์ อินดัสทรี จำกัด กล่าวว่า “บริษัทรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่จะเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ร่วมกับทางสิงห์ เอสเตท เนื่องจากสิงห์ เอสเตท เป็นบริษัทที่เป็น good corporate citizenship มีความซื่อตรง และใส่ใจในคุณภาพชีวิตของชุมชน และสิ่งแวดล้อม โดยเรามีความมุ่งมั่นที่จะนำความเชี่ยวชาญในด้านงานก่อสร้างและความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมเพื่อที่อยู่อาศัยต่างๆ ของทางบริษัท จะสามารถเข้ามาปรับใช้ในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยร่วมกับทางสิงห์ เอสเตท ให้มีความโดดเด่นมากยิ่งขึ้นได้อย่างแน่นอน และการเข้ามาในครั้งนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ทางเราจะได้เข้ามาศึกษาตลาดที่อยู่อาศัยในประเทศไทย ทั้งเรื่องของการทำการตลาด และความต้องการของผู้บริโภค รวมถึงการเข้ามาศึกษาสภาพแวดล้อมต่างๆ เพื่อประเมินความเป็นไปได้ในการนำนวัตกรรมก่อสร้างจากญี่ปุ่นเข้ามาประยุกต์ใช้ในประเทศไทย”   โดย ไดวะ เฮ้าส์ กรุ๊ป เป็นบริษัทรับสร้างบ้านรายแรกและรายใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่น โดยมีความเชี่ยวชาญในการใช้นวัตกรรมการก่อสร้างที่ทันสมัยและมีการคิดค้นเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัยใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยได้มีการก่อตั้งศูนย์วิจัยและพัฒนาทางด้านเทคโนโลยีของตนเองที่เมืองนารา ประเทศญี่ปุ่น เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่ดีและตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้คน ดังเช่นวิสัยทัศน์ของบริษัทที่มุ่งมั่นในการสร้างคุณค่าใหม่ให้กับสังคม ผ่านการสร้างคุณค่าร่วมกับบุคคล ชุมชน และวิถีชีวิตของผู้คน     “สำหรับโครงการ EYSE Shukhumvit 43 (อีส สุขุมวิท 43) ที่ได้มีการเปิดตัวไปเมื่อต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้รับความสนใจและการตอบรับจากลูกค้าทั้งที่กำลังมองหาที่พักอาศัยเพื่ออยู่เอง รวมถึงนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติเข้าเยี่ยมชมโครงการเป็นอย่างมาก ซึ่งเป็นโครงการแรกในเซ้กเม้นต์ Luxury Condominium ของบริษัท ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าที่ต้องการความเป็นส่วนตัว มีคุณภาพชีวิตที่ดี ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมและสังคมที่ยั่งยืนอย่างแท้จริง” นายนริศ เชยกลิ่น กล่าวปิดท้าย
SINGHA COMPLEX พร้อมเปิดให้บริการตุลาคมนี้  เผยยอดจองพื้นที่ออฟฟิศพุ่งแล้วกว่า 75% – รีเทลพุ่งแล้วกว่า 80%

SINGHA COMPLEX พร้อมเปิดให้บริการตุลาคมนี้ เผยยอดจองพื้นที่ออฟฟิศพุ่งแล้วกว่า 75% – รีเทลพุ่งแล้วกว่า 80%

สิงห์ เอสเตท พร้อมเปิดโปรเจกต์แฟล็กชิปโครงการแรกย่านอโศก-เพชรบุรี “สิงห์ คอมเพล็กซ์” (SINGHA COMPLEX) ช่วงเดือนตุลาคมนี้ ปัจจุบันสร้างแล้วเสร็จกว่า 95% โดยส่วนพื้นที่ “ดิ ออฟฟิศ แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์” มียอดผู้เช่าแล้วกว่า 75% ขณะที่ส่วนรีเทลปิดการขายไปแล้วกว่า 80% นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ (Premier Property Development and Investment Holding Company)กล่าวว่า “สำหรับโปรเจกต์แฟล็กชิป SINGHA COMPLEX ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ ยูส ใจกลางธุรกิจย่านอโศก- เพชรบุรี ขณะนี้งานก่อสร้างคืบหน้าแล้วกว่า 95% และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้เข้าใช้บริการได้ประมาณเดือนตุลาคม พร้อมแผนจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี ด้านการปล่อยเช่าพื้นที่ในส่วนอาคารสำนักงานเกรดเอ “ดิ ออฟฟิศ แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (The Office at SINGHA COMPLEX)” ปัจจุบันได้มีบริษัทชั้นนำทั้งไทยและต่างชาติสนใจเข้าทำสัญญาเช่าพื้นที่แล้วกว่า 35,000ตารางเมตร หรือคิดเป็น 75% ส่วนพื้นที่รีเทลปัจจุบันได้มีผู้สนใจเช่าพื้นที่แล้วกว่า 80% รวมแล้วกว่า 30 ร้าน ประกอบด้วย ร้านอาหารชั้นนำที่เลือกสรรมาให้มีความหลากหลาย มินิซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีความครบครัน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความชื่นชอบของลูกค้าได้ทุกไลฟ์สไตล์ นอกจากนั้นยังมีไฮไลต์เป็นร้านคาเฟ่และเบเกอรี่ชื่อดังระดับโลกที่มาเปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอย่าง กองทาน เชอร์เรียร์ (Gontran Cherrier)รวมถึง คาเฟ่ เดล มาร์ (Café del Mar) บีชคลับชื่อดังระดับโลกที่จะมาเปิดร้านอาหารคอนเซปท์ใหม่ครั้งแรกในกรุงเทพมหานคร โครงการ สิงห์ คอมเพล็กซ์ (SINGHA COMPLEX) เป็นโครงการแบบ Mixed-use Complex ประกอบด้วย อาคารสำนักงานเกรดเอ พื้นที่ค้าปลีก และคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี ที่พัฒนาขึ้นบนพื้นที่ดิน 11ไร่ บริเวณหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรี โดยส่วนพื้นที่อาคารสำนักงานมีความสูง 42 ชั้น และส่วนรีเทลเป็นอาคารสูง 4 ชั้น ขนาดพื้นที่รวม 2 อาคารประมาณ120,000 ตารางเมตร และมีมูลค่าก่อสร้างรวมกว่า4,200 ล้านบาท (ไม่รวมมูลค่าที่ดิน)  
“สิงห์ คอมเพล็กซ์” พร้อมเปิดกลางปีนี้ จัดพิธีเทคอนกรีตปิดงานโครงสร้างอาคารภายนอก

“สิงห์ คอมเพล็กซ์” พร้อมเปิดกลางปีนี้ จัดพิธีเทคอนกรีตปิดงานโครงสร้างอาคารภายนอก

   สิงห์ คอมเพล็กซ์ (SINGHA COMPLEX) โครงการมิกซ์-ยูส ระดับพรีเมียมจากทาง บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) อัพเดทความคืบหน้าโครงการที่เตรียมเปิดให้คนเมืองได้สัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบกลางปีนี้ ล่าสุดจัดทำพิธีเทคอนกรีตปิดงานโครงสร้างอาคารภายนอกบนดาดฟ้าชั้น 42 อาคาร ดิ ออฟฟิศ แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงความคืบหน้าการพัฒนาโครงการมิกซ์-ยูส สิงห์ คอมเพล็กซ์ บนหัวมุมถนนอโศกเพชรบุรี ว่า “ปัจจุบันงานก่อสร้างตัวอาคารในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ มีความคืบหน้าไปอย่างมาก โดยล่าสุดได้มีการจัดทำพิธีเทคอนกรีตปิดงานก่อสร้างโครงสร้างอาคารภายนอกของอาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศ แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ บนชั้น 42  เพื่อแสดงถึงความพร้อมของโครงการที่มีกำหนดเปิดใช้อาคารในช่วงกลางปี 2561 นี้    อาคารสำนักงาน ดิ ออฟฟิศ แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Stylish living is crafted and redefined ที่เน้นความพิถีพิถันในทุกขั้นตอนเพื่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในยุคปัจจุบัน ทั้งด้านการใช้ชีวิต การทำงาน การพักอาศัย และคำนึงถึงคุณภาพชีวิตภาพรวม โดยเป็นอาคารประหยัดพลังงานภายใต้กรีนคอนเซ็ปต์ (Green concept) ตามหลักมาตรฐานอาคารประหยัดพลังงานสากล LEED Gold เราให้ความสำคัญด้านสิ่งแวดล้อมตั้งแต่เริ่มการออกแบบ ลงลึกในทุกขั้นตอนการก่อสร้าง ซึ่งเมื่อเปิดให้บริการจะถือเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอแห่งใหม่บนทำเลอโศกเพชรบุรี ในมาตรฐานที่ได้รับการยอมรับระดับนานาชาติ และยังตอบสนองทุกความต้องการของชุมชนโดยรอบ” โครงการ สิงห์ คอมเพล็กซ์ เป็นอาคารมิกซ์ยูส ที่ประกอบด้วย อาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และอาคารพักอาศัย พัฒนาขึ้นบนพื้นที่ดิน 11 ไร่ โดยอาคารสำนักงานจะเป็นอาคารสูง 42 ชั้น ประกอบด้วยพื้นที่สำนักงาน  60,000 ตารางเมตร พื้นที่ค้าปลีกบริเวณชั้น 1-4 พื้นที่รวม 5,000 ตารางเมตร โดยอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีกมีมูลค่าก่อสร้างรวมกว่า 4,200 ล้านบาท (ไม่รวมมูลค่าที่ดิน) และคอนโดระดับลักชัวรี THE ESSE at SINGHA COMPLEX ความสูง 39 ชั้น มูลค่าโครงการกว่า 4,300 ล้านบาท  
“สมดุลแห่งความต่าง” สิงห์ เอสเตท เปิดโครงการดิ เอส สุขุมวิท 36 ด้วยแนวคิดการสร้างสมดุลแห่งความต่างในการอยู่อาศัย ผ่านการออกแบบผสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยเข้ากับเทรนด์การอยู่อาศัยยุคใหม่

“สมดุลแห่งความต่าง” สิงห์ เอสเตท เปิดโครงการดิ เอส สุขุมวิท 36 ด้วยแนวคิดการสร้างสมดุลแห่งความต่างในการอยู่อาศัย ผ่านการออกแบบผสานอัตลักษณ์ความเป็นไทยเข้ากับเทรนด์การอยู่อาศัยยุคใหม่

“สิงห์ เอสเตท” เปิดตัว ดิ เอส สุขุมวิท 36 (THE ESSE SUKHUMVIT 36) คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีติดรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีทองหล่อ ภายใต้แนวคิด “สมดุลแห่งความต่าง” จากต้นแบบของงานสถาปัตยกรรมแบบบ้านเรือนไทย ประยุกต์เข้ากับการอยู่อาศัยในยุคใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับการใช้ชีวิตในปัจจุบัน ภายใต้ความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์ระดับโลก ตั้งเป้าปิดการขาย 50% ในปีนี้ ด้วยยอดขายกว่า 3,000 ล้านบาท นายณัฐวุฒิ มัธยมจันทร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการพัฒนาธุรกิจพักอาศัย บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “บมจ.สิงห์ เอสเตท ได้เปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมในระดับลักชัวรีมาแล้ว 2 โครงการ ได้แก่ ดิ เอส อโศก (The ESSE Asoke) และ ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (THE ESSE at SINGHA COMPLEX) ซึ่งทั้ง 2 โครงการได้รับการตอบรับที่ดี โดยมียอดขายรวมกว่า 85% และในวันนี้เราได้เปิดตัวโครงการที่ 3 คือ ดิ เอส สุขุมวิท 36 คอนโดมิเนียมความสูง 43 ชั้น จำนวน 338 ยูนิต มูลค่าโครงการ 6,500 ล้านบาท ซึ่งตั้งอยู่บนหนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดของสุขุมวิท คือ ติดกับรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ แหล่งรวมไลฟ์สไตล์และที่พักอาศัยในระดับบนของกรุงเทพฯ รวมทั้งยังเป็นทำเลยอดนิยมของชาวต่างชาติ จึงทำให้ทำเลนี้เป็นที่ต้องการและมีศักยภาพในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยของลูกค้าในระดับบนทั้งชาวไทยและต่างชาติ ที่ต้องการซื้อเพื่อพักอาศัยเองและซื้อเพื่อลงทุน โดยโครงการนี้ สิงห์ เอสเตท ร่วมทุนกับ ฮ่องกง แลนด์ บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ที่มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มากมายในเอเชีย รวมถึงได้ว่าจ้างที่ปรึกษาระดับโลก อย่าง SOM มาช่วยดูแลด้านการออกแบบร่วมกับบริษัทออกแบบชั้นนำของไทย เพื่อให้โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 มีความโดดเด่นในระดับลักชัวรี โดยตั้งเป้าปิดการขายได้ 50% ในปีนี้ ด้วยยอดขายกว่า 3,000 ล้าน” “โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด “A Harmony of Contrast”  หรือ สมดุลแห่งความต่าง โดยการหลอมรวมอัตลักษณ์ของความเป็นไทยกับเทรนด์การอยู่อาศัยในยุคปัจจุบันเข้าด้วยกัน สถาปัตยกรรมที่สร้างในเขตร้อนหรือ ทรอปิคัล เฮ้าส์ เช่น บ้านเรือนไทย  ถูกนำมาใช้เป็นโจทย์หลักในการออกแบบตัวอาคาร อาทิ การเปิดช่องให้ลมผ่านหรือการยกพื้นใต้อาคารเพื่อให้มีการไหลเวียนของอากาศภายใน แนวคิดดังกล่าวถูกนำมาประยุกต์ให้เข้ากับการออกแบบสมัยใหม่  ซึ่งนอกจากจะสวยงามแล้วยังเป็นการออกแบบที่คำนึงถึงความยั่งยืน (Sustainability Design) อีกด้วย ในส่วนของงานภูมิทัศน์ได้แรงบันดาลใจจากภูมิประเทศแถบชนบทของไทย เช่น ทุ่งข้าว และเนินเขา มาเป็นต้นแบบ ขณะที่งานตกแต่งภายในเองก็ได้นำเอารูปแบบงานฝีมือของไทยเข้าไปใส่ในรายละเอียดต่างๆ โดยปรับแต่งให้มีความทันสมัย ทั้งนี้อัตลักษณ์ของความเป็นไทยทั้งหมดได้ถูกผสานกับการออกแบบสมัยใหม่ได้อย่างสมดุลและลงตัว โดยมั่นใจว่าการออกแบบดังกล่าวจะสามารถเข้าถึงทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงทำให้โครงการมีความแตกต่างจากโครงการลักชัวรีอื่นในตลาด” นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า “ในส่วนของห้องพักอาศัยทั้ง 338 ยูนิต ประกอบด้วย ห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 38.50-43.25 ตารางเมตร แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 73.50-77.00 ตารางเมตร แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 116.75-124.25 ตารางเมตร และเพนท์เฮ้าส์ ขนาด 252 ตารางเมตร ทุกห้องมีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยอย่างลงตัว มีการเลือกใช้วัสดุอุปกรณ์คุณภาพสูงจากแบรนด์ชั้นนำ รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีมาใช้ในโครงการเพื่อให้การใช้ชีวิตในโครงการสะดวกสบายยิ่งขึ้น  นอกจากนั้นพื้นที่ส่วนกลางยังครบครันไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตอบโจทย์ทุกวัฒนธรรมการอยู่อาศัย อาทิ สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ออนเซ็น สกายเลาจน์ เธียเตอร์รูม กอล์ฟ ซิมูเลเตอร์ ฯลฯ” นายเทอเรนซ์ ลี ผู้จัดการทรัพย์สินอาวุโสของฮ่องกง แลนด์ กล่าวว่า “เราเชื่อว่า ดิ เอส สุขุมวิท 36 จะเป็นโครงการที่นำเสนอจิตวิญญาณของกรุงเทพฯ เมืองหลวงที่มีความน่าตื่นตาตื่นใจของประเทศที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมแห่งนี้ได้อย่างงดงาม โครงการนี้ได้ที่ปรึกษาด้านการออกแบบซึ่งเป็นบริษัทชั้นนำอันดับต้น ๆ ของโลก มาร่วมออกแบบและวางแผนก่อสร้างด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียด รวมถึงการคัดเลือกวัสดุอุปกรณ์ตกแต่งที่มีคุณภาพดีเยี่ยม พร้อมสรรพด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาตรฐานอาคารที่พักลักชัวรีระดับโลก นอกจากนี้เรายังได้นำประสบการณ์และความรู้ที่ได้จากการร่วมพัฒนาโครงการต่างๆ ทั่วเอเชียมาร่วมกันสรรสร้างสัญลักษณ์ใหม่แห่งกรุงเทพมหานครแห่งนี้ ในฐานะหุ้นส่วนโครงการนี้ ผมขอถือโอกาสนี้แสดงความยินดีกับ สิงห์ เอสเตท และหวังว่าโครงการนี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของความสัมพันธ์ที่ยั่งยืน ที่ทั้งสองฝ่ายร่วมกันมองหาโอกาสใหม่ๆ ในตลาดที่กำลังเติบโตและขยายตัวอย่างรวดเร็วในปัจจุบัน รวมถึงสร้างมาตรฐานการใช้ชีวิตแบบมีระดับร่วมกันต่อไปอีกในอนาคต ฮ่องกง แลนด์ เชื่อมั่นอย่างยิ่งว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัยของไทยมีอนาคตที่สดใส เราหวังว่าจะได้พัฒนาความสัมพันธ์ในฐานะพาร์ทเนอร์คนสำคัญกับ สิงห์ เอสเตท ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น และมีโอกาสที่จะร่วมลงทุนในโครงการอื่นๆ ด้วยกันอีกในอนาคต” นางสาวอลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการบริษัท ซีบีอาร์อี (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ปัจจุบันทองหล่อเป็นทำเลที่ได้รับความนิยมสูงสุดของทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ โดยเฉพาะอย่างยิ่งชาวญี่ปุ่น เพราะเป็นแหล่งที่รวมไลฟ์สไตล์ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของชาวต่างชาติมากกว่าทำเลอื่นในกรุงเทพฯ ทั้งยังเป็นย่านที่มีตลาดเช่าที่พักอาศัยเพื่อการลงทุนที่โดดเด่นมาก มีตลาดชัดเจน คอนโดระดับราคา 250,000-350,000 บาทต่อตารางเมตร แม้จะดูราคาสูง แต่เป็นระดับราคาที่ลูกค้ายอมรับได้ เมื่อเทียบกับทำเล แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแพคเกจราคารวมต่อยูนิตด้วย ทั้งนี้ซีบีอาร์อีมองว่าคอนโดระดับราคา 10-20 ล้านบาท/ ยูนิต ค่อนข้างเหลือน้อยแล้วในทำเลนี้ อีกอย่างที่สำคัญคือรายละเอียดของโครงการว่ามีความสนใจมากน้อยแค่ไหน ยิ่งถ้าเป็นการซื้อเพื่อปล่อยเช่ายิ่งต้องดูว่าโปรดักส์ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของกลุ่มที่เรามองไว้เป็นกลุ่มเป้าหมายหรือไม่ ในช่วงที่ผ่านมาชาวต่างชาติเองก็หันมาลงทุนซื้ออสังหาฯในเมืองไทยมากขึ้น เพราะราคาอสังหาฯในเมืองไทยยังราคาไม่ค่อยสูงเมื่อเทียบกับในต่างประเทศ และมาตรฐานของโครงการในเมืองไทยก็ถือว่าอยู่ในระดับสูงทั้งในแง่การออกแบบและของที่ให้ โดยชาวต่างชาติมักจะลงทุนในทำเลที่ตนเองมีความคุ้นเคย โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำเลติดกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสซึ่งสะดวกต่อการเดินทางและดีในแง่ของการลงทุน ซึ่งก็ไม่พ้นสุขุมวิท” โครงการ ดิ เอส สุขุมวิท 36 ราคาเริ่มต้นต่อยูนิตอยู่ที่ 12 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 1/2561 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค. 2563 ทั้งนี้โครงการจะเปิดขายให้ชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขาย ติดรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อ ตั้งแต่วันที่ 13 พ.ย. 2560 เป็นต้นไป  งาน Pre Sales จะจัดขึ้นในวันที่ 18-19 พ.ย. 2560 สิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่ซื้อในช่วงวันดังกล่าว จะได้รับส่วนลดพิเศษตั้งแต่ 2-8 แสนบาท สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร.1221 หรือ www.singhaestate.co.th
สิงห์ เอสเตท เผยทิศทางปี 60 เดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เน้นกลยุทธ์การสร้างมูลค่าเพิ่ม และพัฒนาสินทรัพย์ศักยภาพสูง ทุ่มงบลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท! ขยายปีกบริหารโครงการยักษ์ที่มัลดีฟส์

สิงห์ เอสเตท เผยทิศทางปี 60 เดินหน้าเติบโตอย่างแข็งแกร่ง เน้นกลยุทธ์การสร้างมูลค่าเพิ่ม และพัฒนาสินทรัพย์ศักยภาพสูง ทุ่มงบลงทุนกว่า 15,000 ล้านบาท! ขยายปีกบริหารโครงการยักษ์ที่มัลดีฟส์

กรุงเทพฯ - บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) แถลงทิศทางธุรกิจในปี 2560 เพื่อมุ่งสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะมุ่งเน้นคุณภาพ และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้อย่างครบถ้วน ภายใต้กลยุทธ์การสร้างมูลค่าเพิ่มในสินทรัพย์ และพัฒนาโครงการระดับซูเปอร์ลักชั่วรี่ทั้งในกลุ่มโรงแรม คอนโดมิเนียม บ้านพักอาศัย และอาคารสำนักงาน รวมทั้งคัดสรรพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพ โดยทุ่มงบประมาณ 15,000 ล้านบาทเพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง   นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ในปีที่ผ่านมา สิงห์ เอสเตท ได้ดำเนินการตามแผนงานที่วางเอาไว้ในแต่ละเซกเมนต์ ทั้งการขยายความเป็นผู้นำในตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ และการลงทุนในธุรกิจที่มุ่งเน้นทั้งธุรกิจโรงแรม ที่พักอาศัย และธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ให้เช่า รวมทั้งพื้นที่ค้าปลีก ส่งผลให้บริษัทฯ มีผลกำไรขั้นต้นในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2559 เพิ่มขึ้น 492 ลบ. หรือกว่า 7 เท่าเมื่อเทียบกับปีก่อน” ในปี 2560 สิงห์ เอสเตท จะยังคงดำเนินงานตามวิสัยทัศน์ระยะยาวในการพัฒนาโครงการที่มีคุณภาพระดับ Best in Class เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดี ควบคู่กับการขยายธุรกิจในตลาดซูเปอร์ลักชัวรี่ที่มีศักยภาพสูง และวางรากฐานอันแข็งแกร่งให้กับองค์กร โดยปลูกฝังแนวคิดการทำงานภายใต้หลักบรรษัทภิบาลให้กับพนักงานทุกคน นอกจากนี้ เรายังเฟ้นหาพันธมิตรเพื่อผนึกกำลังและสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน รวมทั้งสร้างแบรนด์ในพอร์ทโฟลิโอให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก   “ภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2560 มีแน้วโน้มที่ดี ทั้งสภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และปัจจัยจากการลงทุนของภาครัฐ ประกอบกับโครงการใหม่ของสิงห์ เอสเตท ในปีนี้ ทั้งที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ให้เช่า รวมทั้งธุรกิจโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ ล้วนแล้วแต่เป็นโครงการคุณภาพและตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้า ซึ่งเราเชื่อมั่นว่าทั้งหมดจะช่วยผลักดันและสร้างการเติบโตให้กับ สิงห์ เอสเตท ได้แบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง” นายนริศ กล่าว     ในส่วนของคอนโดมิเนียมและที่พักอาศัย สิงห์ เอสเตท มีแผนเปิดตัว 3 โครงการใหม่ในระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ได้แก่ คอนโดมิเนียมในโครงการสิงห์ คอมเพล็กซ์ บริเวณแยกอโศก-เพชรบุรี ในทำเลศักยภาพซึ่งป็นที่ต้องการของตลาด โดยพร้อมเปิดตัวในไตรมาสแรกของปีนี้ ถัดมาคือโครงการคฤหาสน์ระดับ 6 ดาวบนถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) และคอนโดมิเนียมหรูหราติดสถานีรถไฟฟ้าทองหล่อ โดยทั้ง 2 โครงการตั้งอยู่ในทำเลทองซึ่งจับกลุ่มเซกเมนท์เอบวก โดยโครงการคอนโดมิเนียมที่สิงห์ คอมเพล็กซ์ จะเปิดตัวปลายเดือนกุมภาพันธ์นี้ และอีก 2 โครงการจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4 โดยมีมูลค่าโครงการทั้ง 3 แห่งรวมกันมากกว่า 15,000 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทฯ ยังมีแผนที่จะทยอยเปิดตัวโครงการบ้านพักอาศัยภายใต้แบรนด์เนอร์วาน่า ในปีนี้อีกอย่างน้อยอีก 4 โครงการ   ด้านธุรกิจอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก โครงการหลักสำคัญคือ สิงห์ คอมเพล็กซ์ บนหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรี ซึ่งจะพัฒนาให้เป็นอาคารสำนักงานพรีเมี่ยม ที่ทันสมัย และดีที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย โดยปัจจุบันมีความคืบหน้าในการก่อสร้างแล้วประมาณ 15% ซึ่งเมื่อแล้วเสร็จจะเป็นอาคารสำนักงานเกรดเอที่มีความสูง 44 ชั้น และมีพื้นที่ร้านค้าปลีก ร้านอาหารชั้นนำ และธนาคาร ที่รองรับความต้องการของพนักงานออฟฟิศและผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง ส่วนอาคารสำนักงานซันทาวเวอร์ส บริษัทฯ ได้ปรับปรุงในส่วนลอบบี้ และพื้นที่ส่วนกลาง โดยเปิดใช้อย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม ที่ผ่านมา ทำให้โครงการซันทาวเวอร์ส ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ 2 อาคาร มีพื้นที่สำนักงาน 123,000 ตร.ม. และเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย เช่น ห้องประชุม ฟิตเนสเซนเตอร์ นอกจากนั้น บริษัทกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และขยายโซนพลาซ่า 2 เพื่อเพิ่มพื้นที่ร้านอาหารและฟู้ดเซ็นเตอร์เพื่อบริการผู้เช่า และผู้อยู่อาศัยใกล้เคียง     นอกจากนี้ สิงห์ เอสเตท ยังมีผลประกอบการที่ดีในธุรกิจโรงแรม โดยในปีนี้ บริษัทฯ ยังคงนโยบายเดินหน้าขยายธุรกิจไปในกลุ่มโรงแรมที่มีศัยภาพในการเติบโต โดยมีทีมงานที่มีความรู้ความสามารถรอบด้าน เพื่อเข้าซื้อกิจการหรือร่วมทุนกับพันธมิตร โดยล่าสุดได้ร่วมทุนซื้อโรงแรมในสหราชอาณาจักรเพิ่มอีก 3 แห่ง ทำให้บริษัทเป็นเจ้าของโรงแรมรวม 29 แห่งในอังกฤษ และ สก็อตแลนด์ ส่วนในประเทศ มีแผนพัฒนาห้องพักเพิ่มที่โรงแรมสันติบุรี รวมทั้งเดินหน้าสร้างแบรนด์สันติบุรี เพื่อเพิ่มรายได้และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำธุรกิจ  ขณะที่โรงแรมพีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท มีการปรับปรุงห้องพัก รวมทั้งพื้นที่ส่วนกลางใหม่ทั้งหมด โดยคาดว่าปีนี้ จะเป็นอีกหนึ่งปีที่ธุรกิจโรงแรมน่าจะมีผลประกอบการที่ดีต่อเนื่องจากปี 2016 โดยที่ผ่านมา 9 เดือน ทำรายได้มากกว่า 730 ลบ. ซึ่งสูงขึ้น 37% จากปี 2015   ทั้งนี้บมจ.สิงห์ เอสเตท ยังได้รับเลือกให้เป็นผู้บริหารโครงการเมกะโปรเจกท์ที่ประเทศมัลดีฟส์ โดยเป็นโครงการก่อสร้างสถานที่ท่องเที่ยวขนาดใหญ่ บนพื้นที่ 7 ตร.กม. ซึ่งในอนาคตจะมีการพัฒนาให้เป็นศูนย์กลางการพักผ่อนที่ใหญ่ และทันสมัยที่สุดในมัลดีฟส์ ประกอบด้วย โรงแรม มารีน่า บีชคลับ ร้านค้าปลอดภาษี เป็นต้น   “ปัจจุบันสิงห์ เอสเตทมีโครงการที่พักอาศัยของบริษัท 4 โครงการ โครงการของเนอวาน่า 14 โครงการ โครงการโรงแรม 2 แห่งในไทยและ 29 แห่งในสหราชอาณาจักร อีกทั้งยังมีอาคารสำนักงานและพื้นที่ค้าปลีก 2 โครงการ และเรายังมองไปถึงธุรกิจใหม่ๆ อาทิ ธุรกิจคลังสินค้า และโลจิสติกส์ จากภาพรวมโครงการที่มีศักยภาพและตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกค้า รวมถึงการคัดเลือกพันธมิตรทางธุรกิจที่มีศักยภาพดี และการวางรากฐานองค์กรภายใต้หลักบรรษัทภิบาล เราเชื่อว่าจะสามารถสร้างการเติบโตให้กับ สิงห์ เอสเตท ได้แบบก้าวกระโดด และผลักดันบริษัทฯ ให้เป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่มีความแข็งแกร่ง ครบวงจร และเติบโตอย่างก้าวกระโดด แต่มั่นคง และยั่งยืนต่อไป” นายนริศ กล่าวทิ้งท้าย