Tag : เคล็ดลับคนรักบ้าน

4 ผลลัพธ์
8 เพื่อนบ้านสุดยี้ที่ใครมีก็ต้องเซ็ง

8 เพื่อนบ้านสุดยี้ที่ใครมีก็ต้องเซ็ง

บ้านคือวิมานแห่งความสุข แต่บางครั้งความสุขที่เราคาดหวังอาจต้องพังครืนเมื่อมีตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้อย่าง “เพื่อนบ้าน” เข้ามาเกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์ อาคารพาณิชย์ หรือคอนโดฯ หากบังเอิญต้องมาเจอกับ 1 ใน 10 ประเภทของเพื่อนบ้านเหล่านี้ ดีกรีความสุขของคุณอาจติดลบโดยไม่รู้ตัว   เจ้าแห่งเสียง แม้ว่าคุณจะไม่ได้ใช้ชีวิตอยู่ในห้องสมุดที่จะพูดคุยทีต้องคอยกระซิบกระซาบ แต่หากต้องอยู่บ้านติดหรือละแวกเดียวกับคนที่พูดเสียงดัง ตะโกนโหวกเหวก โวยวาย ทะเลาะกันเช้า-เย็น หรือบ่นทุกสิ่งทุกอย่างที่ขวางหน้า ไม่เว้นแม้แต่หมา แมว หรือกระรอกบินที่เลี้ยงไว้ในกรง คงไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีนัก แน่นอนว่าอยู่ในห้องหรือบ้านคุณสามารถเป็นตัวของตัวเองได้ แต่อย่าลืมขอบเขตของคำว่าพอดี เพราะคงไม่มีใครอยากได้รับการเผื่อแผ่คำที่ฟังแล้วไม่รื่นหูนักหรอก “เสียงนั้น” ในยามวิกาล อีกหนึ่งปัญหาที่ไม่น่าเชื่อว่าหลายคนต้องพยักหน้าว่า “ฉันก็เจอมาเหมือนกัน” จริงๆ มันก็เป็นเรื่องของธรรมชาติและการแสดงความรักต่อกัน แต่ทางที่ดีเราไม่ควรให้ความรักนั้นเป็นความร้าวรานของเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะในคอนโดฯ หากไม่ใช่ห้องมุมและอยู่ชั้นบนสุด แหล่งกำเนิดเสียงประเภทนี้จะมาได้ในทุกทิศทาง หากใครที่กำลังประสบปัญหานี้ หากทำใจให้มองผ่านไม่ได้ บางทีคุณอาจจะต้องบอกให้เจ้าของบ้านหรือเจ้าของห้องรู้ ลองเขียนโน๊ต (โดยที่อาจไม่ต้องลงชื่อ) และไปสอดไว้ที่ห้องของจุดเกิดเหตุ ขอความร่วมมือให้ลดการใช้เสียงลงสักนิด หากไม่เวิร์ค สุดท้ายก็คงต้องทำใจ เพราะเสียงแบบนี้มีโอกาสน้อยมากที่จะเกิดได้ทุกวัน แจกบัตรเบ่งเป็นพี่ใหญ่ประจำซอย ไม่ว่าตำแหน่งในหน้าที่การงานจะยิ่งใหญ่ขนาดไหน แต่หากต้องอยู่ร่วมกันในชุมชนแล้ว ทุกคนมีสิทธิ์และเสียงเท่ากัน การเป็นซีอีโอของบริษัทใหญ่ ไม่ได้หมายความว่าคุณจะสามารถจอดรถขวางทางเข้า-ออกของซอยได้ หรือต่อเติมบ้านให้มากินพื้นที่สาธารณะได้ เพราะคนที่อยู่ร่วมหมู่บ้านหรือคอนโดฯ เดียวกันกับคุณก็จ่ายค่าส่วนกลางเหมือนๆ กัน ทำตัวเป็นหน่วยสอดส่องความเป็นอยู่ของคนอื่น การเอาใจใส่เพื่อนร่วมบ้าน คอยช่วยกันดูแล เฝ้าระวังเป็นเรื่องที่ดี แต่หากเกินลิมิตจะกลายเป็นการเข้าไปยุ่งเรื่องส่วนบุคคลจนเกินงามคงไม่ดีนัก ส่วนใหญ่มักจะเกิดกับบ้านที่มีรั้วติดกัน หรือเลย์เอาท์แบบเปิดโล่ง หากมีคนคอยจับตามองตลอดเวลาว่าคุณจะไปไหน ทำอะไร ใส่กระโปรงสีไหน ต่างหูเป็นอย่างไร และเอาไปเม้าท์ต่อเป็นที่สนุกสนาน นอกจากคุณจะไม่ได้รู้สึกว่าเป็นเซเลบฯ แล้ว อาจมีการเปิดศึกกับหน่วยข่าวไม่กรองเหล่านี้ได้ จอดรถขวางทาง แม้ว่าจะเป็นพื้นที่หน้าบ้านคุณ แต่อย่าลืมว่าเมื่อพ้นประตูรั้วของคุณไปแล้ว นั่นเป็นพื้นที่สาธารณะ เรื่องการจอดรถนอกบ้านนี้ เป็นหนึ่งในปัญหา (เรื้อรัง) ที่พบเห็นได้ในหมู่บ้านจัดสรรทุกที่ แม้ว่าแบบบ้านส่วนใหญ่จะออกแบบให้มีพื้นที่จอดรถในเขตบ้าน แต่บางครั้งก็มีเหตุที่จะต้องนำรถออกมาจอดนอกบ้าน ซึ่งหากมีความจำเป็นต้องทำเช่นนั้นจริงๆ ขอให้คิดสักนิดก่อนจอดว่ารถของคุณจะไปขวางทางเข้า-ออกของรถที่อยู่ร่วมซอยกันหรือไม่ ปลูก/ปล่อยต้นไม้ล้ำพื้นที่ อีกหนึ่งปัญหาสำหรับคนที่อยู่บ้านจัดสรร แม้ต้นไม้จะช่วยสร้างร่มเงาและความร่มรื่นให้กับบ้าน แต่หากกิ่งก้านของมันแผ่ขยายไปยังพื้นที่ของบ้านข้างๆ ใบร่วง ดอกโรย หรือผลตกไปในพื้นที่ของคนอื่นโดยที่เจ้าของบ้านนั้นๆ ไม่ได้อยากมีส่วนร่วมแม้แต่น้อย ก็คงต้องมีการพูดคุยกับเพื่อนบ้านให้เข้าใจ หรือทางที่ดี ก่อนจะปลูกต้นไม้ริมรั้ว ริมกำแพง ให้เว้นพื้นที่ไว้ตอนที่ต้นมันโตเต็มที่ หรือเลือกปลูกต้นที่สามารถตัดแต่งกิ่งได้ กันไว้ย่อมดีกว่าต้องมานั่งแก้ปัญหาในภายหลังอยู่แล้ว ปล่อยสัตว์เลี้ยงมาขับถ่ายที่บ้านคนอื่น แม้น้องหมา-น้องแมวส่วนใหญ่จะได้รับการฝึกฝนให้ขับถ่ายเป็นที่เป็นทาง แต่เมื่อถึงเวลาออกมาเดินเล่นนอกบ้าน หากเกิดเหตุสุดวิสัยที่ต้องปล่อยบอมบ์กลางทาง คุณเจ้าของควรต้องคอยตามเก็บใส่ถุงเพื่อความสะอาดของชุมชนโดยรวม ไม่ควรปล่อยให้ลูกรักมาวิ่งเป็นอิสระ เพราะบางครั้งน้องหมา-น้องแมวอาจเดินเล่นเพลินเข้ามาในพื้นที่บ้านของคนอื่นและถ่ายทิ้งไว้ โดยที่บางครั้งเจ้าเองก็ไม่รู้ตัว ทางที่ดีควรให้พวกเขาวิ่งเล่นอยู่ในสายตาของคุณตลอดก็จะหลีกเลี่ยงปัญหาดังกล่าวได้ ดัดแปลงบ้านผิดวัตถุประสงค์ บ้านจัดสรรไม่ว่าจะหลังเล็ก หลังใหญ่ พื้นที่กว้างหรือแคบ จุดประสงค์หลักก็คือเพื่อการอยู่อาศัย แต่จะมีบางคนที่เกิดไอเดียกระฉูด แต่ลืมนึกถึงความเหมาะสม เช่น บ้านทาวน์เฮ้าส์หลังกลางเปิดเป็นร้านอาหารตามสั่ง ผัดกระเพรา ควันขโมงตั้งแต่เช้ายันเย็น หรือบ้านหลังมุมพอมีพื้นที่แล้วทำเป็นโรงงานที่มีเครื่องจักรเสียงดังเกือบตลอด 24 ชั่วโมง คอนโดฯ บางแห่งเปิดเป็นครัวลอยฟ้าทำอาหารกล่องส่ง กลิ่นอาหารลอยไปกระแทกประตูห้องนอนเพื่อนบ้านตั้งแต่ตี 4 ทุกวัน ลองจินตนาการว่าหากเป็นคุณที่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ คงปวดหัวอยู่ไม่น้อย   แม้ว่าการอยู่ร่วมกันจะไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะประคับประคองให้ทุกคนอยู่ด้วยรอยยิ้มและความสุข หากคนที่อยู่ในชุมชนนั้นๆ ไม่รู้จักการใช้สิทธิ์และเสรีภาพที่มีอยู่ของตัวเองอย่างเหมาะสมแล้วคุณละ ต้องเผชิญกับเพื่อนบ้านเหล่านี้บ้างหรือไม่? ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.ddproperty.com/ข่าวอสังหาริมทรัพย์-บทความ/2015/3/86475/10เพื่อนบ้านสุดยี้ที่ใครมีก็ต้องเซ็ง
5 ต้นตอมะเร็งร้ายใกล้ตัว ภายในบ้าน

5 ต้นตอมะเร็งร้ายใกล้ตัว ภายในบ้าน

เมื่อบ้านอาจจะไม่ใช่สถานที่ปลอดภัยที่สุด แต่กลายเป็นแหล่งพักพิงอันตราย เพราะภัยร้ายที่สามารถแฝงตัวอยู่รอบด้านตามสิ่งต่างๆ ที่เราใช้ชีวิตอยู่ด้วยความคุ้นเคย จากสารก่อมะเร็งใกล้ตัว ทำให้เราสะสมสารพิษที่บั่นทอนสุขภาพสมาชิกในครอบครัวทีละนิด กว่าจะรู้ตัวถึงภัยร้ายที่คืบคลานก็อาจจะสายเกินไป ภัยร้ายที่ว่าจะมีอะไรบ้างนั้น ตามมาดูกัน 1. สีทาบ้าน การเลือกสีทาบ้านที่ดีควรพิจารณาถึงความปลอดภัยต่อสุขภาพด้วย นอกเหนือจากมาตรฐาน มอก.จากกระทรวงอุตสาหกรรมที่รับรองความปลอดภัยไร้สารปรอทและสารตะกั่ว ในสียังมีส่วนประกอบอันตรายอื่นๆ ได้แก่ แคดเมียม โครเมียม ฟอร์มาดีไฮด์ และ VOCs ซึ่งเป็นสารไอระเหยที่อาจทำให้เกิดเป็นมะเร็ง โดยส่วนใหญ่ VOCs ใช้ผสมในวัสดุก่อสร้างหลายชนิด เพื่อทำหน้าที่เป็นตัวละลาย เช่น เคมีที่ใช้ในไม้อัด พรม กาว และสี ดังนั้น เราควรหลีกเลี่ยงห้องทาสีใหม่ โดยเว้นช่วงเวลาอย่างน้อย 2 อาทิตย์ให้สีแห้งสนิท และไอระเหยลดลง ซึ่งห้องที่เพิ่งทาสีใหม่มักจะมีกลิ่นฉุน และทำให้เราเกิดอาการเวียนหัว คลื่นไส้ แม้กลิ่นจะจางลงหลังจากนั้น แต่เราก็ยังคงต้องสูดไอระเหยและสะสมสารพิษเข้าสู่ร่างกาย ด้วยเหตุนี้ เราควรพยายามหาซื้อสีที่ได้รับมาตรฐานฉลากเขียว ซึ่งสำนักเลขานุการสิ่งแวดล้อมไทยที่มีหน้าที่ดูแลสัญลักษณ์ฉลากเขียวได้กำหนดมาตรฐานสีไม่มีสารตะกั่ว สารปรอท และฟอร์มาดีไฮด์เป็นส่วนผสม รวมถึงค่า VOCs ต้องต่ำกว่า 50 กรัมต่อ 1 ลิตร 2. น้ำยาทำความสะอาด อันตรายของน้ำยาทำความสะอาดอยู่ที่ส่วนประกอบหรือส่วนผสมของน้ำยาทำความสะอาด ไม่ว่าจะเป็น โซดาไฟในน้ำยาทำความสะอาดเครื่องครัวที่มีฤทธิ์กัดกร่อนเนื้อเยื่อ และเป็นพิษต่อร่างกาย หรือน้ำยาทำความสะอาดพื้นที่มีสารกลุ่มอัลคิล ฟีนอล อีธอกไซเลต หากสูดดมหรือสัมผัสในปริมาณความเข้มข้นสูงสามารถทำให้เกิดการระคายเคืองเยื่อบุทางเดินหายใจ ทางเดินอาหาร ตา และผิวหนังอย่างรุนแรง รวมถึงสบู่เหลวเทียมที่มีสารเคมีสังเคราะห์ เช่น สาร SLS (Sodium Lauryl Sulfate) และPEG (polyethylene Glycol) ผสมอยู่ ทำให้เกิดการระคายเคืองต่อผิว และมีความเสี่ยงก่อให้เกิดมะเร็งใระยะยาว นอกจากนั้น ในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดต่างๆ ยังต้องระวังความเสี่ยงจากน้ำยาซักผ้า น้ำยาซักแห้ง และน้ำยาปรับผ้านุ่ม รวมถึงผลิตภัณฑ์ดับกลิ่นต่างๆ ซึ่งผลการวิจัยของสหรัฐอเมริกาพบว่า ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมีประกอบให้กลิ่นหอมจำนวนมากกว่า 20 ชนิดที่ปล่อยสารระเหยอินทรีย์และ 7 ชนิดที่เป็นสารอันตรายหรือเป็นพิษตามกฎหมาย 3. เทียนหอม แม้แสงสลัวและกลิ่มหอมของเทียนในห้องนอนจะช่วยสร้างบรรยากาศผ่อนคลายสบายใจ แต่ก็อาจจะต้องแลกมากับความเสี่ยงการเป็นมะเร็งจมูกและมะเร็งคอ จากผลการวิจัยที่ระบุถึงสารเคมีในเทียนหอมระเหย (Volatile organic chemicals หรือ VOCs) ได้แก่ สารเบนซินในควันพิษจากท่อไอเสีย สารอัลฟาไพนีน ที่พบมากในผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดรวมถึงสารไลโมนีนที่มีคุณสมบัติในการสร้างกลิ่นหอม โดยที่สารเหล่านี้สามารถรวมตัวกันกลายสภาพเป็นฟอร์มาดีไฮด์ ทำปฏิกิริยากับอากาศจนกลายเป็นสารก่อมะเร็งได้ หากฟอร์มาดีไฮด์และไลโมนีนเข้าสู่ร่างการในปริมาณมากเกินไป อาจจะทำให้เกิดอาการรเจ็บคอ ไอเป็นเลือด ระคายเคืองตา และเลือดกำเดาไหล ซึ่งสารดังกล่าวไม่สามารถสลายในอากาศได้ และยิ่งสะสมปริมาณในห้องที่อากาศไม่ถ่ายเท โดยสามารถแปรเปลี่ยนเป็นสารก่อมะเร็งจมูกและมะเร็งคอในระยะยาว รวมถึงพาราฟินที่ทำให้เกิดสารเคมีเป็นพิษอย่างไดออกซิน และอโครลีน ซึ่งทำให้เทียนแข็งตัว และเป็นตัวการสำคัญของโรคมะเร็งปอด เช่นเดียวกับที่พบในควันบุหรี่ 4. น้ำหอมปรับอากาศ การใช้น้ำหอมปรับอากาศไม่ใช่การกำจัดกลิ่นเหม็นให้หายไป แต่เป็นการสร้างกลิ่นใหม่ที่หอมถูกใจเราแทนที่กลิ่นเหม็น ซึ่งในกลิ่นหอมสุดสดชื่นกลับแฝงไว้ด้วยอันตรายต่อสุขภาพ จากสถาบันวิจัย UC Berkeley and Lawrence Berkeley National Laboratory ระบุถึงส่วนผสมของไกลคอลอีเธอร์ (ethylene-based glycol ethers) ในน้ำหอมปรับอากาศบางชนิดที่มีสารออกฤทธิ์ทางประสาท และส่งผลต่อระบบเลือดในร่างกาย ทั้งยังทำให้เกิดอาการเหนื่อยง่าย อาเจียน และโลหิตจาง รวมถึงในบางชนิดยังมีส่วนผสมของทาเลท ซึ่งเป็นส่วนประกอบในพลาสติกที่ส่งผลต่อระบบการทำงานของต่อมไร้ท่อในร่างกาย และทำให้ฮอร์โมนเพศผิดปกติ 5. เครื่องใช้ไฟฟ้า แม้เครื่องใช้ไฟฟ้าจะไม่มีส่วนผสมหรือสารประกอบทางเคมีที่เป็นอันตราย แต่ก็มีภัยจากรังสีและคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า ซึ่งเป็นตัวการสำคัญที่สามารถบั่นทอนสุขภาพร่างกายให้ทรุดโทรมและเสี่ยงเป็นโรคร้าย เช่น มะเร็งในเม็ดเลือดขาว มะเร็งสมอง โดยเครื่องใช้ไฟฟ้าอันตรายในบ้านที่เราอาจจะมองข้ามความปลอดภัยและใช้งานเป็นประจำ ได้แก่ เตาอบ โทรศัพท์มือถือ ตู้เย็น ไดร์เป่าผม และถ่านไฟฉาย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานที่ยืนยันถึงอันตรายในเครื่องใช้ไฟฟ้าเหล่านี้ที่ชัดเจน แต่เราก็ยังควรให้ความสำคัญกับการใช้งานอย่างระมัดระวัง และเว้นระยะห่างของเครื่องใช้ไฟฟ้า เพื่อป้องกันคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าให้อยู่ห่างไกลเรามากที่สุด เช่น การเว้นระยะของโทรทัศน์ประมาณ 4-5 เมตรจากโซฟาตัวโปรดที่เราใช้เวลาร่วมกับสมาชิกในครอบครัว หรือการเว้นระยะไมโครเวฟหลังจากเปิดใช้งานอย่างน้อย 1 เมตร ขอบคุณแหล่งที่มา : https://www.ddproperty.com/ข่าวอสังหาริมทรัพย์-บทความ/2017/6/154270/5-ต้นตอมะเร็งร้ายใกล้ตัว
5 พรรณไม้ที่ควรปลูกไว้ริมรั้ว

5 พรรณไม้ที่ควรปลูกไว้ริมรั้ว

เรามาตกแต่งรั้วบ้านที่เรียบๆ ด้วย “พรรณไม้” ให้กลายเป็นรั้วสีเขียวสวยงามสบายตากันดีกว่าค่ะ โดยทุกบ้านสามารถทำได้แม้จะมีพื้นที่ที่จำกัด เพราะอาศัยเพียงพื้นที่แนวนอนยาวขนาบไปกับตัวรั้วเท่านั้น แถมถ้าเลือกให้ดีต้นไม้บางชนิดยังมีคุณสมบัติช่วยอำพรางสายตาจากคนภายนอกและป้องกันโจรได้ด้วย เพราะไม้บางชนิดมีหนาม หรือจะปลูกไม้พุ่มสูงก็ทำให้โจรเข้ามาในบ้านได้ยากลำบาก ซึ่งการเลือกพรรณไม้สำหรับปลูกริมรั้วนั้นควรเลือกที่ทนแสงแดดและลมแรงได้ อีกทั้งควรเลือกชนิดที่ดูแลง่าย ไปดูกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้างที่จะเป็นตัวช่วยให้รั้วบ้านของคุณดูสวยงาม ปลอดภัย และโดดเด่นไม่ซ้ำเพื่อนบ้านข้างๆ ต้นไทรเกาหลี ไม้ประดับที่นิยมใช้เป็นไม้แนวรั้วและตัดเเต่งคงหนีไม่พ้น ‘ไทร’ ใช่ไหมคะ? ซึ่งไทรก็แบ่งออกเป็นหลายชนิด แต่ที่เราหยิบยกมาแนะนำวันนี้คือ ไทรเกาหลี ที่มีลักษณะเป็นไม้พุ่มทรงสูงค่อนข้างเเน่น ตัวพุ่มประกอบด้วยใบสีเขียวสดที่เรียงตัวซ้อนกันอยู่เป็นชั้นๆ เมื่อโตเต็มที่จะสูงประมาณ 5-6 เมตร ด้วยความที่ไทรเกาหลีเป็นไม้พุ่มแน่นทึบมีใบไม้เรียงตัวซ้อนกันหลายชั้น ทำให้ช่วยกันเเสงเเดดและฝุ่นละอองได้ดี จึงเหมาะที่จะนำมาปลูกกั้นเป็นกำเเพงบดบังสายตาจากคนภายนอก และป้องกันขโมยได้ด้วยเนื่องจากพุ่มสูง ที่สำคัญคือเป็นไม้ที่มีความเเข็งเเรง ทนทาน ดูเเลรักษาง่าย ไม่ค่อยมีโรคหรือเเมลงกวน สามารถเติบโตได้ดีในดินธรรมดา จึงไม่แปลกที่นักจัดสวนส่วนใหญ่นิยมปลูกให้ตามแนวรั้วบ้านนั่นเอง ต้นข่อย ไม้ต้นริมรั้วที่นิยมปลูกตามมาติดๆ ก็คือ ‘ข่อย’ ซึ่งมีลักษณะพุ่มหนา ทนแดดทนลม สูงถึง 5-10 เมตร นิยมปลูกเป็นไม้ริมรั้วเพราะพุ่มแน่นจากโคนถึงยอด หากเจ้าของบ้านหมั่นตัดแต่งดูแลพุ่มก็จะยิ่งแน่นขึ้นและใบจะมีขนาดเล็กลง กลายเป็นรั้วที่สวยงาม หรือบางบ้านอาจปลูกเป็นแนวเพื่อแบ่งอาณาเขตในสวนก็ได้ค่ะ ต้นสลัดได สำหรับใครที่ไม่ชอบพรรณไม้สูงๆ หรือไม้ใหญ่เพราะกลัวแผ่กิ่งก้านสาขาให้เกิดความเสียหายต่อพื้นที่สาธารณะ แนะนำให้ปลูกเป็นไม้พุ่มเตี้ยแทนค่ะ โดยเจ้าของบ้านอาจทำกระบะยกสูงจากพื้นสักระดับหนึ่ง และเลือกปลูก ‘สลัดได’ ซึ่งเป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กจำพวกเดียวกับกระบองเพชร มีความสูงประมาณ 3-6 เมตร ลักษณะคือมีหนามทั่วทั้งลำต้น ปกคลุมตามข้อต่อใบ ภายในมียางสีขาวซึ่งเป็นพิษ หากถูกผิวหนังจะระคายเคือง จึงถือเป็นไม้ยอดนิยมที่ปลูกไว้รอบรั้วบ้าน เพราะนอกจากช่วยป้องกันขโมยแล้วยังกันสัตว์ไม่พึงประสงค์ได้อีกด้วยค่ะ ต้นเข็มกุดั่น หากใครถือเคล็ด ไม่อยากให้มีต้นไม้มีหนามไว้ที่บ้าน แต่ก็ยังอยากปลูกไม้พุ่มขนาดเล็กให้สามารถป้องกันโจรได้ด้วย แนะนำให้เลือกปลูก ‘เข็มกุดั่น’ ค่ะ เพราะเป็นไม้พุ่มเตี้ยคล้ายๆ กับสลัดได แต่จะเป็นทรงพุ่มกลม ใบมีลักษณะหนาและแข็งดูแหลมคม ทนต่อสภาพแห้งแล้งที่มีแสงแดดเต็มวันได้ดี อีกทั้งเวลาออกดอกยังมีกลิ่นหอมตอนกลางคืนด้วยค่ะ ซึ่งเหมาะจะปลูกประดับกระบะยกสูงริมรั้วบ้าน หรือประดับตามสวนหิน และควรระวังเด็กๆ มาสัมผัสนะคะเพราะอาจบาดมือได้ ต้นกุหลาบเทียม เอาใจเจ้าของบ้านที่ชอบพรรณไม้ออกดอกมีสีสันเพื่อเพิ่มความสวยงามตลอดแนวรั้ว แนะนำให้ปลูก ‘กุหลายเทียม’ ไม้พุ่มที่บางครั้งมีลักษณะคล้ายไม้เลื้อย ลำต้นแข็งมีหนามยาวสีน้ำตาลแดงออกเป็นกระจุกตามง่ามใบ ซึ่งจะสูงประมาณ 2-5 เมตร ตัวดอกมีสีม่วงอมชมพู เจริญเติบโตง่าย เรียกว่าไม่ต้องคอยดูแลรักษามาก เหมาะที่จะปลูกไว้ริมรั้วหรือริมหน้าต่างเพื่อช่วยป้องกันโจร และสัตว์ร้ายที่จะเข้ามาในบ้านได้ดีทีเดียวค่ะ Tips : สำหรับพรรณไม้ริมรั้วที่เราแนะนำมาทั้งหมดนี้ เจ้าของบ้านควรดูแลควบคุมระบบรากไม่ให้มีโอกาสชอนไชสิ่งปลูกสร้างอย่างรั้วได้นะคะ และหมั่นตัดแต่งกิ่งด้านของต้นไม้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อควบคุมขนาดของทรงพุ่มไม่ให้แผ่ขยายใหญ่ออกไปเพราะขนาดของทรงพุ่มกับระบบรากนั้นมีความสัมพันธ์กัน หรืออาจบล็อกรากโดยปลูกลงในกระถางและวางในกระบะริมรั้วที่ก่อขึ้นมาแทน เท่านี้ก็สร้างความสวยงามและกันขโมยให้แก่รั้วบ้านของคุณได้แล้วค่ะ
16 วิธีตกแต่งคอนโดแคบ ๆ ให้อยู่สบายไม่อึดอัด

16 วิธีตกแต่งคอนโดแคบ ๆ ให้อยู่สบายไม่อึดอัด

แต่งคอนโดขนาดเล็กให้กว้างขึ้นง่าย ๆ ด้วยเทคนิคแต่งคอนโดเล็ก ให้เก็บของได้เยอะ จะได้อยู่สบาย ๆ ไม่รู้สึกคับแคบอีกต่อไป.. ในปัจจุบันหลายคนสนใจหันมาอยู่คอนโดกันมากขึ้น เพราะมักตั้งอยู่ในทำเลที่สะดวกต่อการเดินทาง ทั้งยังราคาถูกกว่าการซื้อบ้านหลังใหญ่ชานเมือง แต่นับวันคอนโดก็มีขนาดเล็กลงเรื่อย ๆ จนบางทีเท่ากับหอพักห้องหนึ่งด้วยซ้ำ ก็ในเมื่อลงทุนซื้อหรือแม้แต่เช่าคอนโดทั้งที ทำไมต้องมาทนอยู่แบบอึดอัดด้วยล่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมจึงมีวิธีแต่งคอนโดขนาดเล็กใหดูกว้างขวางอยู่สบาย จากเว็บไซต์ homedit มาฝากกัน คราวนี้ถึงจะงบน้อยซื้อคอนโดได้แค่ห้องเล็ก ๆ ก็ใช่ว่าต้องอยู่แบบแคบ ๆ แล้วนะ 1. ใช้สีขาวเป็นหลัก อย่างที่รู้กันว่าสีส่งผลอย่างมากต่อการตกแต่ง ดังนั้นให้ใช้ข้อดีของสีขาวในการขยายห้องให้ดูกว้างขึ้น โดยอาจเลือกใช้กับทั้งผนังและเพดาน เพื่อห้องดูสว่างและเบาบางนั่นเอง 2. ชโลมสีสดใสให้ทั่ว เมื่อเลือกใช้สีอ่อนกับพื้นที่ส่วนใหญ่ของห้องแล้ว ก็ให้ประดับด้วยของตกแต่งที่สีสันสดใส ที่จะช่วยเพิ่มทั้งสไตล์ พลัง และความเป็นตัวของตัวเอง นอกจากนี้ยังช่วยดึงดูดและลวงตาให้ห้องดูกว้างขึ้นอีกด้วย 3. จัดเก็บของอย่างชาญฉลาด หากว่าอยู่ในคอนโดขนาดเล็กแต่ตัดใจทิ้งของที่มีมากมายไม่ลง ก็ให้เลือกใช้เฟอร์นิเจอร์ที่มีที่เก็บของในตัว เช่น เตียงหรือโซฟาที่มีลิ้นชัก ซึ่งจะช่วยซ่อนของรก ๆ ไม่ให้ดูเยอะจนห้องยิ่งดูแคบไปกันใหญ่ 4. คิด "แนวตั้ง" เคล็ดลับที่จะทำให้พื้นที่เล็ก ๆ ดูกว้างขึ้นก็คือ การใช้ที่เก็บของแบบแนวตั้ง เช่น ชั้นหนังสือที่สูงจากพื้นจรดเพดาน หรือแม้แต่การติดผ้าม่านที่สูงจากเพดานลงมาก็ได้ผลเช่นกัน 5. ใช้เฟอร์นิเจอร์อเนกประสงค์ คอนโดขนาดเล็กคงไม่เหมาะกับเฟอร์นิเจอร์หลายชิ้น ลองเลือกเฟอร์นิเจอร์แบบอเนกประสงค์ ที่ใช้งานได้อย่างหลากหลายในชิ้นเดียวมาใช้ เช่น โต๊ะกาแฟที่เปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานได้ หรือชั้นวางของที่ทั้งวางทั้งแขวนได้ในชิ้นเดียวกัน เป็นต้น 6. เก็บของแบบงานศิลปะ ถ้าเป็นหนอนหนังสือและกำลังหนักใจกับการจัดเก็บหนังสือที่มีมากมาย ก็ให้เปลี่ยนจากชั้นหนังสือธรรมดาเป็นงานศิลปะตกแต่งผนังไปในตัว หรือจะลองดัดแปลงไอเดียไปใช้กับสิ่งอื่นก็ได้ เช่น แขวนเครื่องครัวสวย ๆ ไว้บนผนังเพื่อเป็นการประดับตกแต่ง เป็นวิธีเก็บของที่ช่วยให้ห้องไม่ดูรกแต่สวยงามแทน 7. ใช้โคมไฟติดผนังหรือเพดาน แม้ว่าโคมไฟแบบตั้งพื้นจะดูสวยงามและเหมาะกับการตกแต่งบ้าน แต่อาจจะไม่เหมาะสมกับคอนโดเล็ก ๆ สักเท่าไหร่ แนะนำให้ลองพิจารณาโคมไฟแบบแขวนหรือติดผนังเป็นทางเลือกดู ซึ่งสามารถเลือกดีไซน์สวย ๆ ไม่แพ้ชนิดตั้งพื้นได้เช่นกัน 8. เปลี่ยนที่เก็บของเป็นเฟอร์นิเจอร์ประดับ แทนที่จะมีทั้งตู้เก็บของและเฟอร์นิเจอร์ประดับตกแต่ง ทำไมไม่เอาทั้งสองอย่างมารวมกันซะเลย เช่น แทนที่จะซื้อโต๊ะข้างเตียงนอน ก็ให้ใช้กระเป๋าวินเทจที่มีหลายใบซ้อนกันแทน ทั้งสร้างลุคเก๋ ๆ และเก็บของได้ไปในตัว 9. ใช้เฟอร์นิเจอร์ใสเพื่อความโปร่ง ใช้เฟอร์นิเจอร์ประเภทกระจก อะคริลิก หรือวัสดุแววววาว ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะ เก้าอี้ หน้าต่างแบบกระจกใส ฯลฯ จะช่วยส่องสว่างให้กับห้องไม่ดูทึบจนเกินไป 10. ใช้เฟอร์นิเจอร์ทางเลือก โต๊ะกาแฟสำคัญสำหรับทุกบ้าน แต่สำหรับคอนโดเล็ก ๆ ที่ต้องใช้พื้นที่อย่างประหยัด ให้ลองประดิษฐ์ที่วางกาแฟแบบครอบพนักวางแขนโซฟาดู แค่นี้ก็สามารถแก้ววางกาแฟยามเช้า ได้แบบไม่เปลืองเนื้อที่แล้ว 11. โต๊ะกินข้าวประหยัดที่ ถ้าไม่อยากตั้งโต๊ะรับประทานอาหารให้เปลืองเนื้อที่ ให้ลองพิจารณาโต๊ะอาหารแบบติดผนัง เป็นทางเลือกโดยบางแบบยังสามารถพับเก็บตัวโต๊ะลงเมื่อใช้เสร็จได้อีกด้วย เวลาจะใช้ก็แค่กางออกมาง่าย ๆ และประหยัดพื้นที่ได้เป็นอย่างดี 12. ให้ความสำคัญกับหน้าต่าง หน้าต่างเป็นสิ่งมีค่าสำหรับห้องขนาดเล็ก ดังนั้นอย่าตั้งอะไรขวางหน้าต่างเป็นอันขาด รวมถึงใช้ประโยชน์จากแสงที่ส่องเข้ามาให้เต็มที่ เช่น การตั้งโต๊ะอาหารไว้ริมหน้าต่าง เป็นต้น รับรองว่าห้องจะดูกว้างและอบอุ่นจากแสงธรรมชาติแน่นอน 13. ใช้ที่กั้นห้องแบบชั่วคราว ใช้ผ้าม่าน ประตูเลื่อน หรือเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสูง ๆ เป็นตัวแบ่งพื้นที่ห้องแบบไม่ดูอึดอัด แถมยังสะดวกในการเปลี่ยนย้ายตำแหน่งหรือเอาออกไปอีกด้วย 14. ใช้เฟอร์นิเจอร์ให้เหมาะกับพื้นที่ โซฟานั่งสบายไม่จำเป็นต้องไซส์ใหญ่เสมอไป เพราะเดี๋ยวนี้มีโซฟาที่ถูกออกแบบมารองรับคอนโดขนาดเล็กมากขึ้น ที่ทั้งสวยและรองรับสรีระ หรือหากต้องการประหยัดพื้นที่มาก ๆ ลองพิจารณาโซฟาเบดเป็นทางเลือก ที่ใช้ประโยชน์ทั้งนั่งดูทีวีและนอนในเวลาค่ำคืนได้อย่างลงตัวทีเดียว 15. เลือกเตียงแบบพับเก็บได้ เตียงนอนก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่สามารถประหยัดพื้นที่ได้ เพราะในปัจจุบันผู้ผลิตหลายรายได้ทำเตียงแบบพับเก็บได้มาให้เป็นทางเลือกกัน ซึ่งการใช้เตียงแบบนี้จะช่วยให้เหลือพื้นที่เหลือเฟือในการใช้งานเวลากลางวันเลยล่ะ 16. อย่ามองข้ามพื้นห้อง แม้ว่าห้องจะมีขนาดเล็ก แต่ก็มองข้ามเรื่องพื้นไปไม่ได้เลย เพราะพื้นสวย ๆ จะช่วยให้ภาพรวมของดูโดดเด่นได้อย่างไม่น่าเชื่อ ดังนั้นอย่าลืมใส่ใจกับการเลือกพื้นดีไซน์สวยเข้ากับสไตล์การตกแต่งห้อง หรือจะปูพรมก็เป็นไอเดียที่ดี ลองเก็บไอเดียไปใช้กันนะคะ ทีนี้ก็ไม่ต้องทนรู้สึกอึดอัดกันแล้ว แถมใครที่อยู่อพาร์ทเม้นท์หรือหอพักก็นำไปปรับใช้ได้เช่นกัน ทีนี้ห้องเล็กแค่ไหนก็มีความสุขได้เหมือนอยู่ห้องใหญ่ ๆ เลยนะ ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก : home.kapook.com