Tag : เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์

20 ผลลัพธ์
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ลุยจัด “MEET & MINGLE” งานสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ลุยจัด “MEET & MINGLE” งานสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงครั้งยิ่งใหญ่

คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายแรกในประเทศไทยที่สร้างสรรค์คอนโดมิเนียมคุณภาพระดับไฮเอนด์ในคอนเซ็ปต์ Pet-Friendly Residences คอนโดฯ เลี้ยงสัตว์ได้ ยังคงมุ่งหน้าสานต่อจุดแข็งอย่างต่อเนื่อง ด้วยการสร้าง Pet Friendly Community จากความเข้าใจในกลุ่มคนรักสัตว์เลี้ยงเป็นอย่างดี เตรียมจัด “MEET & MINGLE” งานสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงสุดยิ่งใหญ่แห่งปี เพื่อสร้างสรรค์ประสบการณ์ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ในทุกๆ ด้านสำหรับคนรักสัตว์เลี้ยงให้การเลี้ยงดูสัตว์เลี้ยงตัวโปรดในคอนโดมิเนียมเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น   ภายในงานประกอบด้วย 4 โซน และกิจกรรมที่น่าสนใจ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Major Petscape” ได้แก่ Pet Health               รับบริการตรวจสุขภาพสัตว์เลี้ยง ฟรี! จากโรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ Pet Games               เพลิดเพลินกับเกมส์สนุกๆ ที่จะให้น้องหมาและน้องแมวฟินสุดๆ และรับของรางวัลมากมาย รวมมูลค่ากว่า  30,000 บาท Pet Workshops      ฟรี! Workshop อาทิ Marbling Art เพ้นท์กระเป๋าผ้าแฮนเมดไม่ซ้ำใคร และ Dog Studio ถ่ายภาพสวยๆ กับน้องหมาสุดเลิฟ Pet Charity               ร่วมสมทบทุนบริจาคให้กับมูลนิธิ The Voice Foundation ช่วยเหลือสัตว์ที่ยากไร้   นอกจากนี้ยังมี ไฮไลต์ในงานที่เหล่าคนรักสัตว์ห้ามพลาด! กับกิจกรรมเอาใจคนรักสัตว์เลี้ยงโดยเฉพาะ การประกวดชุดแฟนซี พร้อมแฟชั่นโชว์ของน้องหมาเซเลบริตี้ที่มาร่วมสนุกในงาน รวมถึงเต็มอิ่มกับการช้อปปิ้ง เลือกซื้อสินค้าเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงจากแบรนด์ชั้นนำ ซึ่งมีเฉพาะงานนี้งานเดียวเท่านั้น อาทิ ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับอาหารสัตว์, อาหารเสริม และเสื้อผ้าเครื่องประดับ เป็นต้น พร้อมกิจกรรมน่าสนใจอีกมากมายให้กลุ่มผู้รักสัตว์เลี้ยงได้มาเปิดประสบการณ์ใหม่อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน   พาน้องหมาและน้องแมวคู่ใจ มาร่วมเดินเที่ยวได้ฟรี! ในงาน “MEET & MINGLE” ซึ่งจะจัดมอบความสุขให้แก่ลูกบ้านเมเจอร์ฯ ตลอดทั้งปี เริ่มโครงการแรกที่ “อกัสตัน สุขุมวิท 22” (Aguston Sukhumvit 22) ในวันเสาร์ที่ 30 มีนาคมนี้ ตั้งแต่เวลา 14.00 – 17.00 น. คาดว่างานนี้จะสามารถขยายฐานกลุ่ม Pet-Friendly Residence คนรักสัตว์เลี้ยงของเมเจอร์เพิ่มขึ้นกว่า 30%   สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Major Development Contact Center โทร. 02-116-1111 หรือ www.mde.co.th      
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จัดกิจกรรม “A Little Magic of  Sharing” แบ่งปันสิ่งของเติมเต็มความสุขให้น้องๆ มูลนิธิกระจกเงา

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จัดกิจกรรม “A Little Magic of Sharing” แบ่งปันสิ่งของเติมเต็มความสุขให้น้องๆ มูลนิธิกระจกเงา

บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จัดกิจกรรม “A Little Magic of Sharing” ร่วมสร้างฝัน แบ่งปันความสุข โดยได้รวบรวมสิ่งของบริจาค ได้แก่ ของเล่น อุปกรณ์การเรียน และหนังสือสำหรับเด็กสภาพดี จากลูกบ้านเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ผู้เช่าอาคาร เมเจอร์ ทาวเวอร์ ทองหล่อ พนักงานเมเจอร์ฯ และบุคคลทั่วไป มอบเป็นของขวัญให้แก่น้องๆ มูลนิธิกระจกเงา เพื่อส่งเสริมโอกาสทางการเรียนรู้ให้แก่เยาวชนซึ่งเป็นอนาคตของชาติ โดยมี คุณตวงพร บุณยะสาระนันท์ (ซ้าย) ผู้อำนวยการสายงานการตลาด บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เป็นตัวแทน ส่งมอบให้แก่ คุณชุตินาถ กาญจนกุล (ขวา) ผู้จัดการมูลนิธิกระจกเงา ณ มูลนิธิกระจกเงา ทั้งนี้ กิจกรรมดังกล่าวนับเป็นกิจกรรมที่เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ร่วมแรงร่วมใจจัดขึ้นเพื่อช่วยเหลือสังคม โดยจะยังคงมุ่งมั่นสานต่อกิจกรรมเพื่อสังคมให้เกิดประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวมต่อไป      
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ชี้ คอนโดฯ ริมหาดพัทยามาแรง “นาจอมเทียน” ฮอต

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ชี้ คอนโดฯ ริมหาดพัทยามาแรง “นาจอมเทียน” ฮอต

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ชี้คอนโดฯ ริมหาดพัทยามาแรง “นาจอมเทียน” ฮอต อัตราดูดซับสูงถึง 60% หนุน “รีเฟล็คชั่น จอมเทียน บีช พัทยา” กระแสตอบรับลูกค้าดีมาก คาดอนาคตตลาดอสังหาฯ พัทยาเติบโตต่อเนื่อง ดันราคาขายขึ้นแตะ 10-15% ต่อปี   เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เผยคอนโดฯ ริมหาดพัทยาบูม ระบุ “นาจอมเทียน” มาแรง ปี’61 อัตราดูดซับสูงถึง 60% ลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อเป็นบ้านหลังที่สอง หนุน “รีเฟล็คชั่น จอมเทียน บีช พัทยา” คอนโดฯ ซุเปอร์ลักชัวรี่วิวทะเลบนหาดจอมเทียน กระแสตอบรับดีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ลูกค้าซื้อทั้งอยู่เองและปล่อยเช่า ผลตอบแทนปล่อยเช่าอยู่ที่ 5-6% และราคา Resale เติบโตสูงขึ้น 15% คาดอนาคตตลาดพัทยาเติบโตต่อเนื่อง ดันราคาขายปรับตัวสูงขึ้นอย่างน้อย 10-15% ต่อปี   คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดอสังหาริมทรัพย์ทำเลพัทยามีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่ในโซนติดทะเล ซึ่งโซน นาจอมเทียนเป็นโซนที่มาแรงและน่าสนใจ เนื่องจากเป็นโซนที่มีดีมานด์สูงขึ้นเรื่อยๆ ทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ เพราะเป็นโซนที่มีชายหาดบรรยากาศเงียบสงบและชายหาดทอดยาวมากกว่าโซนอื่นของพัทยา เหมาะแก่การพักผ่อน และที่สำคัญอย่างหนึ่งคือการเปิดตัวของห้างสรรพสินค้า เทอร์มินอล21 พัทยา ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ที่สุดของภาคตะวันออกบนเนื้อที่กว่า 50 ไร่ มีการคัดสรรร้านค้าให้สอดคล้องกับความต้องการของกลุ่มลูกค้าให้มากที่สุด ซึ่งเป็นสิ่งการันตีได้ถึงการเติบโตและพัฒนาของที่ดิน จึงทำให้โซนนี้มีโครงการเปิดใหม่ค่อนข้างมาก ส่วนใหญ่เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 130,000 บาท ต่อตารางเมตร ทั้งนี้ โดยภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมพัทยามีอัตราการดูดซับที่ดี ในครึ่งปีหลัง 2561มีอัตราการดูดซับสูงถึง 60% ซึ่งลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อเป็นบ้านหลังที่สองหรือบ้านสำหรับพักผ่อนช่วงวันหยุด และด้วยเหตุที่โซนนาจอมเทียนได้รับความนิยมนี้เอง จึงส่งผลให้โครงการ “รีเฟล็คชั่น จอมเทียนบีช พัทยา” (Reflection Jomtien Beach Pattaya) คอนโดมิเนียมซุเปอร์ลักชัวรี่วิวทะเลบนหาดจอมเทียน จำนวนทั้งหมด 333 ยูนิต มูลค่าโครงการ 3,300 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดีมาก   “โครงการรีเฟล็คชั่น จอมเทียนบีช พัทยา เป็นคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ติดชายหาด ชูจุดเด่นด้วยการออกแบบที่ โดดเด่นเฉพาะตัว ในสไตล์ศิลปะร่วมสมัย ตกแต่งด้วยกระจกแบบ Full Height Glass ให้ทุกยูนิตสามารถชมวิวทะเลได้แบบ 180 องศา ขณะที่ราคาไม่ได้สูงมากนัก เริ่มต้นเพียง 99,000 บาท/ตร.ม.เท่านั้น จึงทำให้ตั้งแต่เปิดโครงการมาได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติ ซึ่งลูกค้าชาวต่างชาติที่ซื้อ ได้แก่ ลูกค้าชาวจีน อังกฤษ และฝรั่งเศส สำหรับเหตุผลในการซื้อนั้น ลูกค้าชาวไทยส่วนใหญ่เป็นครอบครัว และซื้อเพื่อเป็นบ้านหลังที่ 2 ขณะที่ลูกค้าชาวต่างชาติเป็นกลุ่มเกษียณอายุ ซึ่งมีทั้งซื้อเพื่ออยู่เองและปล่อยเช่า โดยแบบห้องที่ได้รับความสนใจจากกลุ่มผู้ซื้อเป็นอย่างดี คือ แบบขนาด 3 ห้องนอน ขนาด 217.55 – 217.85 ตร.ม. เพราะเป็นห้องขนาดใหญ่ที่สามารถรองรับการเข้าพักได้หลายคน และตอบสนองความต้องการของกลุ่มผู้เช่า โดยโครงการมีผลตอบแทนการปล่อยเช่าที่ดีเฉลี่ย 5-6 % และมีราคา Resale เติบโตสูงขึ้นเกือบ 15% ตอบโจทย์กลุ่มนักลงทุน ทั้งนี้เพื่อเป็นการมอบของขวัญให้แก่ลูกค้าในช่วงก่อนที่จะถึงมาตรการรัฐนี้ เมเจอร์ฯ จึงได้จัดโปรโมชั่นพิเศษ ราคาพิเศษเริ่ม 6.5 ล้านบาท ฟรี! ทุกค่าใช้จ่ายวันโอน ซึ่งลูกค้าไม่ควรพลาด เพราะเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดที่จะได้เป็นเจ้าของคอนโดฯ     ริมหาดวิวทะเลที่ดีที่สุดในโซนนาจอมเทียน พัทยา โดยสิทธิพิเศษเริ่มมอบตั้งแต่วันนี้จนถึง 31 มี.ค.นี้เท่านั้น” คุณเพชรลดา กล่าว   สำหรับแนวโน้มการเติบโตของพัทยา คุณเพชรลดา กล่าวทิ้งท้ายว่า “ตลาดอสังหาฯ พัทยายังเติบโตต่อไปได้ โดยได้รับการสนับสนุนจากปัจจัยบวกแผนพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) และการขยายตัวของสนามบินอู่ตะเภาที่ตอนนี้รองรับผู้โดยสารได้ 3 ล้านคนต่อปี และมีแผนการพัฒนาเพิ่มเป็น 15 ล้านคนต่อปีภายในปี 2023 โดยเป็นทั้งDomestic และ International Airport รองรับชาวต่างชาติที่เดินทางมาจากประเทศจีน มาเลเซียและรัสเซีย ซึ่งจะทำให้ชาวต่างชาติเดินทางมาพัทยาได้ง่ายขึ้น ประกอบกับกำลังซื้อจากต่างประเทศที่ยังสนใจอสังหาฯ ในพัทยาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจีน รัสเซีย และยุโรปหลายประเทศ จึงคาดว่าในอนาคตตลาดอสังหาฯ พัทยาจะมีดีมานด์สูงขึ้นต่อไปอีก และคาดว่าราคาขายจะปรับตัวสูงขึ้นอย่างน้อย 10-15% ต่อปี”          
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ชี้ปี’62 ตลาดอาคารสำนักงานมาแรง

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ชี้ปี’62 ตลาดอาคารสำนักงานมาแรง

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ชี้ปี’62 ตลาดอาคารสำนักงานมาแรง จับตาทำเล “พระราม 9-รามคำแหง” บูม อัตราการเช่าสูงถึงกว่า 90% เตรียมผุดมิกซ์ยูส “เมเจอร์ ทาวเวอร์ พระราม 9-รามคำแหง” มูลค่า 2,100 ล้านบาท   เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ชี้ปี’62 ตลาดอาคารสำนักงานมาแรง ระบุทำเล “พระราม 9-รามคำแหง” น่าจับตามอง ชี้อัตราการเช่าสูงกว่า 90% และมีราคาค่าเช่าพุ่งถึง 7% ต่อปี เตรียมผุดอาคารสำนักงานแบรนด์ “เมเจอร์ ทาวเวอร์” ภายใต้ชื่อ “เมเจอร์ ทาวเวอร์ พระราม 9-รามคำแหง” มิกซ์ยูสรูปแบบใหม่ มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ใกล้แอร์พอร์ตลิงค์ สถานีรามคำแหง เพียง 600 เมตร และรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ที่จะเปิดให้บริการในปี’66 เพียง 300 เมตร คาดอนาคตตลาดอาคารสำนักงานเติบโตต่อเนื่อง อีก 5 ปี จ่อเข้าตลาดอีกกว่า 766,000 ตร.ม.   คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2562 ตลาดอาคารสำนักงานให้เช่ามีแนวโน้มเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งในส่วนของอัตราราคาค่าเช่าและพื้นที่ให้เช่า เนื่องจากความความต้องการยังมีสูงแต่ซัพพลายมีจำกัด โดยปัจจุบันตลาดอาคารสำนักงานไม่ได้กระจุกตัวอยู่ในเฉพาะโซนซีบีดีเหมือนที่ผ่านมา เริ่มขยับขยายออกไปจากรอบนอกสีลม, สาทร, สุขุมวิทชั้นใน เนื่องจากมีการขยายเมือง และการเกิดขึ้นของสาธารณูปโภคและคมนาคมหลากหลายรูปแบบ   สำหรับทำเลที่น่าจับตามอง คือ ทำเลพระราม 9-รามคำแหง เนื่องจากมีความต้องการอาคารสำนักงานสูงมาก โดยมีอัตราการเช่าสูงถึง 90% ขณะที่อัตราราคาค่าเช่าของอาคารสำนักงานที่เปิดใหม่ในทำเลนี้สูงขึ้นต่อเนื่อง เพิ่มขึ้นเฉลี่ยถึงปีละ 7% ทั้งนี้ทำเลพระราม 9-รามคำแหง เป็นทำเลศักยภาพแห่งใหม่ ใกล้ตัวเมืองและเป็นเขตรอยต่อของย่านธุรกิจ อย่างย่านรัชดา ทองหล่อและสุขุมวิท อีกทั้งยังเดินทางสะดวก ใกล้รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์, มอเตอร์เวย์, ทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนศรีรัช รวมถึงยังใกล้โรงพยาบาลชั้นนำอย่าง โรงพยาบาลสมิติเวช ศรีนครินทร์, โรงพยาบาลรามคำแหง และสถานศึกษาสำคัญ เช่น มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ, มหาวิทยาลัยรามคำแหงและมหาวิทยาลัยนานาชาติแสตมฟอร์ด รวมทั้งยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่องในอนาคต ในอีก 2-3 ปี จะมีการเปิดตัวมิกซ์ยูส คอมเพล็กซ์ ที่รีโนเวทจากศูนย์การค้าเดอะมอลล์ รามคำแหง ซึ่งจะทำให้ทำเลนี้คึกคักเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ยังจะมีการพัฒนาโครงการรถไฟฟ้าถึง 3 สาย ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง ลาดพร้าว-สำโรง และรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน บางซื่อ-หัวหมาก ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2563 และรถไฟฟ้าสายสีส้ม  ตลิ่งชัน-มีนบุรี คาดว่าจะแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในปี 2566 โดยเมื่อโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายเสร็จแล้วคาดว่าจะเข้ามาเติมเต็มความสมบูรณ์ให้กับทำเลนี้เป็นอย่างมาก     คุณเพชรลดา กล่าวว่า “เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เล็งเห็นศักยภาพของทำเลพระราม 9-รามคำแหง จึงได้เตรียมพัฒนาอาคารสำนักงานเกรดเอแบรนด์ เมเจอร์ ทาวเวอร์ ภายใต้ชื่อ “เมเจอร์ ทาวเวอร์ พระราม 9-รามคำแหง” มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท โดยเป็นโครงการมิกส์ยูส (Mixed-use) รูปแบบใหม่ ประกอบด้วยอาคารสำนักงาน คอนโดมิเนียม และร้านค้า  มีพื้นที่ประมาณ 25,000 ตร.ม. ใกล้แอร์พอร์ตลิงค์ สถานีรามคำแหง เพียงแค่ 600 เมตร รวมทั้งยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) เพียง 300 เมตร ซึ่งพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘Boutique Art Gallery’ โดยตั้งใจรังสรรค์ออกแบบเพื่อให้เป็นออฟฟิศในฝันของคนรุ่นใหม่ที่ตอบโจทย์การทำงานอย่างมีคุณภาพ ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาส 4 ปีนี้ คาดว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีเช่นเดียวกับโครงการแรก “เมเจอร์ ทาวเวอร์ ทองหล่อ” บนทองหล่อ ซอย 10 ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก มีอัตราการเช่าเต็ม 100%”   ทั้งนี้ สำหรับแนวโน้มตลาดอาคารสำนักงาน คาดว่าในปี 5 ปีข้างหน้า จะมีซัพพลายสูงขึ้นมาก โดยมีพื้นที่อาคารสำนักงานใหม่ให้เช่าเพิ่มขึ้นประมาณ 766,000 ตร.ม. ขณะที่เทรนด์ตลาดอาคารสำนักงาน โครงการมิกซ์ยูสกำลังมีความต้องการเป็นอย่างมาก เนื่องจากเป็นอสังหาฯ รูปแบบใหม่ที่รวมโครงการที่อยู่อาศัย อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า โรงแรม หรือแม้แต่ความบันเทิงเข้าด้วยกัน โดยเฉพาะในย่านศูนย์กลางเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นทางเลือกใหม่ให้กับกลุ่มผู้อยู่อาศัยที่ต้องการความสะดวกสบายเป็นหลัก          
MJD พร้อมส่งมอบ “มาเอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยฯ” คาดปิดโอนหมด 100% สิ้นปีนี้  ล่าสุดราคารีเซลสูงถึง 20% ขณะที่ทำเลอนุสาวรีชัยฯ บูม ราคาที่ดินดีด 10% ต่อปี  แย้มรายได้รวมปีนี้โตขึ้นกว่าปีก่อน มั่นใจปีนี้ยอดขายเป็นไปตามเป้า 30,000 ลบ.

MJD พร้อมส่งมอบ “มาเอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยฯ” คาดปิดโอนหมด 100% สิ้นปีนี้ ล่าสุดราคารีเซลสูงถึง 20% ขณะที่ทำเลอนุสาวรีชัยฯ บูม ราคาที่ดินดีด 10% ต่อปี แย้มรายได้รวมปีนี้โตขึ้นกว่าปีก่อน มั่นใจปีนี้ยอดขายเป็นไปตามเป้า 30,000 ลบ.

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ พร้อมส่งมอบโครงการ “มาเอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยฯ” (Maestro 07 Victory Monument) จำนวน 171 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท ให้ลูกค้าเข้าอยู่อาศัยตั้งแต่วันนี้ เผยโครงการประสบความสำเร็จ Sold Out อย่างรวดเร็วเพียง 2 วันที่เปิดพรีเซลส์ ล่าสุดราคารีเซลสูงขึ้นมาอยู่ที่ 174,000 บาท/ตร.ม. เพิ่มสูงขึ้นจากปี’59 ที่มีราคาขายอยู่ที่ 140,000 บาท/ตร.ม. หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 20% คาดสิ้นปีนี้ปิดโอนได้หมด 100% ขณะที่ทำเลอนุสาวรีย์ชัยฯ บูม ราคาที่ดินพุ่งขึ้นต่อเนื่องเฉลี่ยเกือบ 10% ต่อปี ปัจจุบันแตะที่ 850,000 บาทต่อตร.ว. แย้มรายได้รวมปีนี้โตขึ้นกว่าปีก่อน ระบุครึ่งปีแรกบริษัทมีรายได้รวมแล้ว 2,791 ล้านบาท มั่นใจปีนี้ยอดขายเป็นไปตามเป้าที่ 30,000 ล้านบาท     คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมรับรู้รายได้ในปี’61 ล่าสุดส่งโอนโครงการคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ “มาเอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยฯ” (Maestro 07 Victory Monument) จำนวน 171 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท ให้ลูกค้าเข้าอยู่อาศัยตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้โครงการดังกล่าวนับเป็นคอนโดมิเนียมโครงการที่ 5 ในปีนี้ที่ได้ส่งมอบให้ลูกค้า และคาดว่าจะทยอยโอนโครงการได้หมด 100% ภายในสิ้นปีนี้ หลังจากที่ทุกโครงการที่ผ่านมาในปีนี้ที่ได้ส่งมอบให้ลูกค้าได้ปิดการโอน 100% ทั้งหมดได้แก่ มาเอสโตร01 สาทร-เย็นอากาศ, มาเอสโตร14 สยาม – ราชเทวี, มาเอสโตร03 รัชดา – พระราม 9 และเอ็ม จตุจักร     “มาเอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยฯ ประสบความสำเร็จตั้งแต่เปิดขายโครงการ สามารถปิดการขายได้อย่างรวดเร็ว เพียง 2 วันที่เปิดขายพรีเซลส์ เนื่องจากทำเลอนุสาวรีย์ชัยฯ เป็นอีกหนึ่งทำเลที่มีความสำคัญของกรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางคมนาคมการเดินทางที่เชื่อมต่อถนนหลายสายในการเข้าเมืองหรือออกนอกเมือง ไม่ว่าจะเป็นถนนพญาไท พหลโยธิน ราชวิถี ใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน ใกล้สถานที่ราชการ และใกล้กับสถานพยาบาลชั้นนำและสถาบันทางการแพทย์กว่า 20 แห่ง จึงทำให้ทำเลอนุสาวรีย์ชัยฯ เต็มไปด้วยบุคลากรทางการแพทย์มืออาชีพ ทั้งแพทย์ พยาบาล เภสัชกร อาจารย์ บุคคลากรต่างๆ ที่อยู่ประจำแต่ละสถานพยาบาลรวม รวมทั้งนักศึกษาแพทย์ที่เข้ามาเรียนในแต่ละปีการศึกษาแล้วกว่า 10,000 คน นอกจากนี้ยังมีคิง พาวเวอร์ รางน้ำ ที่เป็นจุด Checkpoint ของนักท่องเที่ยว จึงทำให้ทำเลนี้มีดีมานด์ของนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นสูงขึ้นตามมาด้วยเช่นกัน     ทำเลอนุสาวรีย์ชัยฯ มีดีมานด์เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั้งจากชาวไทยและชาวต่างชาติ อย่างไรก็ดี ทำเลนี้น้อยครั้งที่จะเกิดการพัฒนาโครงการใหม่ ทำให้ซัพพลายต์มีน้อย เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นของรัฐ ไม่สามารถนำมาพัฒนาได้ ส่งผลให้ปัจจุบัน มาเอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยฯ ล่าสุดราคารีเซลสูงขึ้นมาอยู่ที่ถึง 174,000 บาท/ตารางเมตร เพิ่มสูงขึ้นจากปี’59 ที่มีราคาขายอยู่ที่ 140,000 บาท/ตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นเกือบ 20% และมีผลตอบแทนการปล่อยเช่าเฉลี่ย 4-5% ต่อปี ขณะที่ราคาที่ดินอนุสาวรีย์ชัยฯ ก็พุ่งสูงขึ้นต่อเนื่องเช่นกัน โดยสูงขึ้นเฉลี่ยเกือบ 10% ต่อปี ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 850,000 บาทต่อตารางวา” คุณเพชรลดา กล่าว     คุณเพชรลดา กล่าวปิดท้ายว่า “เราคาดว่ารายได้รวมปีนี้จะโตขึ้นกว่าปีก่อนที่มีรายได้รวม 3,410 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2561 บริษัทมีรายได้รวมแล้ว 2,791 ล้านบาท โดยมาจากการทยอยส่งมอบโครงการอย่างต่อเนื่องและประสบความสำเร็จปิดการโอน 100% ทุกโครงการที่ส่งมอบ เนื่องจากเราส่งมอบโครงการที่มีคุณภาพให้ลูกค้าได้ตรงต่อเวลาตามที่กำหนด จึงทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นและไว้วางใจในแบรนด์ของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ทั้งนี้จากการที่ทยอยรับรู้ได้รายได้จากการโอนอย่างต่อเนื่อง จึงมั่นใจว่าปีนี้ยอดขายจะเป็นไปตามเป้าที่ 30,000 ล้านบาทแน่นอน”
บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ปลื้มใจคอนโดซุปเปอร์ลักชัวรี่อนาคตสดใส ถูกใจต่างชาติ

บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ปลื้มใจคอนโดซุปเปอร์ลักชัวรี่อนาคตสดใส ถูกใจต่างชาติ

บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จัดงาน Private Event ณ โครงการ มาร์ค สุขุมวิท (MARQUE Sukhumvit) คอนโดมิเนียมระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่รูปทรง ‘เพชร’ ที่ถือเป็นแลนด์มาร์คใจกลางถนนสุขุมวิท ย่านพร้อมพงษ์ ปัจจุบันนี้โครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่ พร้อมตกแต่งห้องเพ้นท์เฮ้าส์ใหม่ เปิดให้เข้าชมความงดงาม ภายใต้การตกแต่งที่หรูหรา ชมวิวมุมสูงในทำเลใจกลางสุขุมวิท โดยการจัดงานดังกล่าวในเดือนที่ผ่านมาได้รับผลตอบรับที่ดีมาก มีผู้สนใจทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยเฉพาะห้องเพ้นท์เฮ้าส์มูลค่า130 ล้านบาท ถูกจับจองโดยชาวต่างชาติชาวเอเชีย   นอกจากนี้ บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ยังไม่หยุดรังสรรค์ ตกแต่งห้องพักอีก 2 แบบ 2 สไตส์ ในแบบฉบับของ MARQUE, Mark your lifeพร้อมที่จะเปิดให้เข้าชมเป็นครั้งแรกในงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่จะจัดขึ้นในวันที่ 17 -18 พ.ย. 61 ณ โครงการ มาร์ค สุขุมวิท สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 1266   โครงการ มาร์ค สุขุมวิท เป็นโครงการเฟล็กซิพของ บมจ.เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ด้วยมูลค่าการลงทุน 7,000 กว่าล้านบาท สร้างบนผืนที่ที่ใหญ่ที่สุดกว่า 3 ไร่ ริมถนนสุขุมวิท ติดสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ และห้างเอ็มควอเทียร์เพียง 30 เมตร ที่ปัจจุบันแทบจะไม่สามารถหาผืนดินขนาดใหญ่นี้ในการพัฒนาโครงการได้ จึงมีแนวคิดให้เป็นที่อยู่อาศัยที่จะส่งต่อเป็นมรดกกับลูกหลานและเป็นจะเป็นการลงทุนที่เพิ่มมูลค่าไม่รู้จบ เหตุนี้เองจึงเป็นจุดเริ่มต้นของคอนโดมิเนียมที่มีรูปทรงโดดเด่นแปลกตา ด้วยรูปทรง Diamond Shape เป็นอาคารที่สูงที่สุดในสุขุมวิทตอนกลาง ด้วยอาคารที่มีfaçade กระจกเต็มบาน ด้วยการประกอบ façade แต่ละด้านเช่นเดียวกับเหลี่ยมหรือมุมของเพชร ออกแบบให้คล้ายทรงเพชรมากที่สุด ปัจจุบันโครงการโอนไปแล้วเกือบ 80%        
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ตั้งทีม International Business เร่งรุกตลาดต่างชาติวางเป้ายอดขายตลาดต่างชาติเติบโตต่อเนื่อง คาดสิ้นปีนี้โตขึ้น 30%

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ตั้งทีม International Business เร่งรุกตลาดต่างชาติวางเป้ายอดขายตลาดต่างชาติเติบโตต่อเนื่อง คาดสิ้นปีนี้โตขึ้น 30%

ณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เชี่ยวชาญโครงการที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์และพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่อนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ (Pet Friendly) เป็นแห่งแรกของประเทศไทย ได้จัดตั้งทีม International Business ขึ้น เพื่อทำการตลาดเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติโดยเฉพาะ     นำทีมโดย คุณ พิรุณินทร์ วรรณวงศ์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานการตลาดและลูกค้าสัมพันธ์ และทีม International Business บริษัทฯ ได้บุกเจาะตลาดลูกค้าชาวต่างชาติอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2558 ซึ่งในปี 2561 นี้ได้รุกขยายเจาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติมากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวจีน ฮ่องกง และไต้หวันที่เป็นกลุ่มลูกค้าหลักที่มีกำลังซื้อ ตั้งเป้ายอดขายตลาดต่างชาติปีนี้ที่ 2,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 30% จากปี 2560 ทั้งนี้บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์เชิงรุกในการขยายสู่ตลาดต่างประเทศด้วยการสร้างความสัมพันธ์ระยะยาวกับบริษัทพันธมิตรในประเทศและตัวแทนจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์นานาชาติ โดยเมื่อเร็วๆนี้ ได้จัด Meet & Greet เชิญตัวแทนจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์มาร่วมงาน เพื่อรับฟังข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดอสังหาริมทรัพย์ และโอกาสทางการขายโครงการเมเจอร์ฯ ที่มีจุดเด่นอยู่บนทำเล CBD ใจกลางเมือง ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า หรือ รถไฟใต้ดิน และคุ้มค่าต่อการลงทุน ซึ่งผลตอบรับดีเกินคาด มีตัวแทนจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์เข้ามาร่วมงานกันอย่างล้นหลาม
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ชี้คอนโดโลว์ไรส์ทำเลใจกลางเมืองมาแรง จ่อ Sold Out แบรนด์มาเอสโตร 2 โครงการ ขายหมดเกือบ 100% รวมมูลค่า 1,200 ลบ.

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ชี้คอนโดโลว์ไรส์ทำเลใจกลางเมืองมาแรง จ่อ Sold Out แบรนด์มาเอสโตร 2 โครงการ ขายหมดเกือบ 100% รวมมูลค่า 1,200 ลบ.

  เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ชี้จับตาคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ทำเลใจกลางเมืองกำลังบูม จ่อปิดการขายคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์แบรนด์ MAESTRO (มาเอสโตร) 2 โครงการ มาเอสโตร 39 สุขุมวิท 39 ยอดขายพุ่งถึง 95% และมาเอสโตร 02 ร่วมฤดี ยอดขายถึง 93% รวมมูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท ระบุลูกค้าชื่นชอบโครงการเพราะจุดแข็งของแบรนด์ที่แตกต่าง ดีไซน์โดดเด่น แบรนด์แรกของไทยที่นำแนวคิด Classic inspired with modern twist ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว ทำเลใจกลางเมือง และจุดเด่นคอนโดฯ Pet Friendly เลี้ยงสัตว์ได้ทุกยูนิต เผยทำเลสุขุมวิท 39 ราคาที่ดินพุ่งสูงถึง 40% ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา จาก 183,000 บาท/ตร.ม. เป็น 255,000 บาท/ตร.ม. ขณะที่ร่วมฤดี ติดอันดับ 1 ใน 5 ราคาที่ดินสูงสุดในกรุงเทพฯ ระบุคอนโดฯ โลว์ไรส์ดีมานด์พุ่ง ลูกค้าส่วนใหญ่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยมากกว่าลงทุน คาดอนาคตดีมานด์เติบโตต่อเนื่อง   คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทเตรียมปิดการขายคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ 8 ชั้น แบรนด์ MAESTRO (มาเอสโตร) ทำเลใจกลางเมือง จำนวน 2 โครงการ ได้แก่ มาเอสโตร 39 สุขุมวิท 39 มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท มียอดขายไปแล้ว 95% หรือเหลือเพียง 5 ยูนิต จากทั้งหมด 107 ยูนิต และมาเอสโตร 02 ร่วมฤดี มูลค่าโครงการ 600 ล้านบาท มียอดขายไปแล้ว 93% หรือเหลือเพียง 10 ยูนิต จากทั้งหมด 138 ยูนิต     “มาเอสโตรเป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมโลว์ไรส์ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ลูกค้าชื่นชอบโครงการเพราะ จุดแข็งของแบรนด์ที่แตกต่างจากคู่แข่ง ด้วยดีไซน์ที่โดดเด่น เป็นแบรนด์แรกของไทยที่นำแนวคิด Classic inspired with modern twist ผสมผสานระหว่างความคลาสสิกและความโมเดิร์นได้อย่างลงตัว ทำเลใจกลางเมือง และคอนโดฯ Pet Friendly ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ทุกยูนิต โดยมาเอสโตร 39 สุขุมวิท 39 มีลูกค้าชาวต่างชาติให้ความสนใจมาก โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น เนื่องจากทำเลสุขุมวิท 39 เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ที่ ชาวญี่ปุ่นอาศัยกันอยู่มาก และเหมาะกับการลงทุน ให้ผลตอบแทนดี ซึ่งทำเลสุขุมวิท 39 ในช่วง 5 ปีที่ ผ่านมา มีการปรับตัวสูงขึ้นมากที่สุดจาก 183,000 บาท/ตร.ม. เป็น 255,000 บาท/ตร.ม. หรือปรับเพิ่มสูงถึง 40% ขณะที่ มาเอสโตร 02 ร่วมฤดี ตั้งอยู่ร่วมฤดีซอย 2 ซึ่งเป็นทำเลอันดับ 1 ใน 5 ที่มีราคาสูงที่สุดเมื่อเทียบกับทำเลอื่นในกรุงเทพฯ นับเป็นพื้นที่ไข่แดงที่คนส่วนน้อยมีโอกาสจะได้ครอบครอง ทำให้โครงการขายดีมาก ส่วนใหญ่ลูกค้าซื้อเพื่ออยู่อาศัยมากกว่าลงทุน คิดเป็นสัดส่วน 70% และ 30% ตามลำดับ ทั้งนี้ทั้ง 2 โครงการคาดว่าจะปิดการขายภายในงานอีเวนต์ใหญ่ประจำปีที่บริษัทกำลังจะจัดขึ้นในปลายเดือนกันยายนนี้แน่นอน ซึ่งเป็นงานที่รวบรวมคอนโดฯ ที่ดีที่สุด มอบส่วนลดราคาพิเศษ และเป็นงานที่ไม่ควรพลาด “สำหรับดีมานด์ของคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์นั้น สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะตั้งอยู่ในทำเลใจกลางเมือง ที่สามารถเดินทางสะดวก และมีความสงบ เป็นส่วนตัว เนื่องจากไม่ได้ติดถนนใหญ่ อยู่ในซอย หลีกหนีจากความวุ่นวายในเมือง ตอบโจทย์การใช้ชีวิตคนเมือง รวมถึงปล่อยเช่าได้ง่าย เพราะจำนวนห้องน้อยกว่าคอนโดมิเนียมไฮไรส์ เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยและการลงทุนเพื่อปล่อยเช่า จึงคาดว่าอนาคตคอนโดมิเนียมโลว์ไรส์จะมีแนวโน้มดีมานด์เติบโตอย่างต่อเนื่อง” คุณเพชรลดา กล่าว
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ยกระดับบริการลูกค้าผ่าน “Major Development Contact Center”

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ยกระดับบริการลูกค้าผ่าน “Major Development Contact Center”

สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับค่ายเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ นำโดยบอสใหญ่ คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร ล่าสุดสั่งทีมงานลุยกลยุทธ์ Customer Centric ยกระดับการให้บริการลูกค้าเทียบเท่ามาตรฐานสากล เปิดตัว “Major Development Contact Center” ศูนย์กลางการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร รองรับบริการแบบ One Stop Service ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 02-116-1111 เบอร์เดียวตอบสนองทุกความต้องการให้ข้อมูลและให้คำปรึกษานำเสนอโซลูชั่นที่ดีที่สุด พร้อมแล้วที่จะดูแลและมอบที่สุดแห่งความประทับใจ ตั้งแต่วันนี้ ทุกวันเวลา 8.00-20.00 น. งานนี้บอสใหญ่แอบกระซิบว่าครึ่งปีหลังนี้จะมีบริการและสิทธิพิเศษใหม่ๆ มาให้ลูกค้าเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ได้เซอร์ไพรส์กันอยู่เรื่อยๆ แน่นอน อดใจรออีกนิดนะคะ…
MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI นิยามใหม่ของการใช้ชีวิต..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI นิยามใหม่ของการใช้ชีวิต..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

ต้องยอมรับจริงๆ ค่ะว่าการเดินทางเป็นปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งสำหรับการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัย ซึ่งย่านฮอตฮิตใจกลางเมืองอย่าง “สยาม-ราชเทวี” ก็เป็นอีกพิกัดหนึ่งที่หลายคนมาดหมายอยากอยู่อาศัย เพราะแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์เลือกปักหมุดสร้างคอนโดมีเนียมขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คอนโดฯ เป็นตึกสูงหน้าตาซ้ำกันไปหมด แถมรูปแบบห้องก็เป็นพิมพ์เดียวกันดูอึดอัดไม่น่าอยู่เอาซะเลย     ถ้าใครกำลังตามหาคอนโดดีไซน์สวยงามไม่เหมือนใครอยู่ล่ะก็ โครงการ "MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI (มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี)" ในตระกูล มาเอสโตร เรสซิเด้นซ์  (Maestro Residences) จาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ถือว่าเป็นคำตอบที่ดีของชีวิตคุณเลยค่ะ เพราะที่นี่ไม่เหมือนคอนโดอื่นๆ ตั้งแต่คอนเซ็ปต์ออกแบบที่ผสมผสานความลงตัวของสถาปัตยกรรมแบบคอนเทมโพรารีเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังสะดวกสบายด้วยที่ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี เพียง 300 เมตร และใช้เวลาเพียง 5 นาทีถึงสยาม แหล่งช็อปปิ้งใจกลางเมืองของวัยรุ่น นอกจากนี้พื้นที่โครงการยังมีความเป็นส่วนตัวเนื่องจากตั้งอยู่ในซอย ทำให้ภายในมีพื้นที่โล่งกว้างท่ามกลางความเป็นธรรมชาติแม้อยู่ใจกลางเมือง จนทำให้รู้สึกว่านี่แหละมันคือคอนโดที่เป็นเหมือน “บ้าน” จริงๆ   สำหรับโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่ใจกลางเมือง เงียบสงบเนื่องจากอยู่ในซอยเพชรบุรี 12 ตัดกับซอยพญานาค โดยเป็นซอยที่อยู่ติดกับ BTS สถานีราชเทวี จุดเด่นของโครงการคือตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ CBD, แหล่งงาน, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย สามารถเชื่อมต่อออกไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก ตอบโจทย์ลูกบ้านทั้งคนมีรถและไม่มี โดยมีให้เลือกหลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเข้าหรือออกเมือง พร้อมทั้งอยู่ใกล้ทางด่วนยมราช และมีซอยย่อยที่ลัดเลาะไปได้โดยไม่ต้องใช้เส้นหลัก ที่สำคัญตัวโครงการสามารถเข้าออกได้ถึง 3 ทาง ทั้งจากถนนเพชรบุรี เข้าตรงซอยเพชรบุรี 12, ถนนพญาไท เข้าตรงซอยพญานาค และสามารถทะลุออกถนนบรรทัดทองได้ ซึ่งก็ช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงคับคั่งได้เป็นอย่างดี     ใครที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสะดวกสุดๆ ไปเลยค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยเพชรบุรี 12 ตัดกับซอยพญานาคที่อยู่ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี บริเวณหน้าซอยพญานาคก็มีวินมอเตอร์ไซค์ให้ใช้บริการ และมีรถเมล์, รถแท็กซี่ผ่านไปมาตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีเรือโดยสารคลองแสนแสบที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ ท่าเรือที่ใกล้ที่สุดคือท่าเรือสะพานหัวช้าง ที่สำคัญตัวโครงการอยู่ห่างจาก BTS ราชเทวีเพียง 300 เมตร ก็ถึงบันไดเลื่อนขึ้นตัวสถานีแล้วค่ะ โดยเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ แถมข้างทางก็เป็นแหล่งชุมชนทำให้ไม่รู้สึกเปล่าเปลี่ยว ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้าการเดินทางเลย ด้วยความที่เป็นย่านที่พักอาศัยจึงค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เพราะในซอยจะมีร้านอาหาร Street food รวมไปจนถึงร้านค้าต่างๆ ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยตลอดเช้ายันค่ำ หรือขยับข้ามฝั่งตรงข้ามไปก็มี Coco Walk แหล่งไลฟ์สไตล์ ที่มีร้านแฮงก์เอ้าท์ และคาเฟ่ต่างๆ ใครอยากไปช็อปปิ้งก็สามารถใช้ BTS จากสถานีราชเทวีนั่งรถไปสถานีเดียวก็จะถึงสถานีสยาม จุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลมที่มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามแสควร์วัน, สยามดิสคัฟเวอรี่, มาบุญครอง และจามจุรีสแควร์ หรือถัดไปอีกหน่อยถนนราชประสงค์ก็จะเป็นเซ็นทรัลเวิลด์แล้วค่ะ แถมยังรายล้อมไปด้วยสถานที่ศึกษาชั้นนำ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เรียกได้ว่าโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม - ราชเทวี เหมาะสำหรับชีวิตคนเมืองที่แท้จริง   1. วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS นะคะ โดยนั่งมาลงที่สถานีราชเทวี 2. สำหรับทางออกรถไฟฟ้าไปโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี จะอยู่ที่ทางออก 1 ค่ะ 3. เดินลงบันได BTS มาให้สังเกตที่ซอยพญานาคก็เดินเข้าไปเลยค่ะ 4. ปากซอยพญานาคจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมเอเชียนะคะ ทำให้มีรถและผู้คนผ่านไปมาตลอด ไม่เปลี่ยวแน่นอน 5. เดินตรงเข้ามาในซอยจะพบกับร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมถึงร้านชื่อดังอย่าง Sushi Masa ด้วย 6. นอกจากร้านอาหารก็มีร้านคาเฟ่น่ารักๆ อย่าง Lazy Mary ด้วยนะ 7. เดินตรงเข้าไปอีกหน่อยจะพบกับเซเว่นค่ะ จากจุดนี้ก็สังเกตให้ดีจะเห็นว่ามีป้ายสีส้มด้านขวาชี้พิกัดโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี อยู่ด้วย 8. เดินเลี้ยวเข้ามาในซอยข้างเซเว่นไม่ทันเหนื่อยก็ถึงโครงการแล้วค่ะ   เจาะลึกโครงการ   โครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี เป็นคอนโด Low Rise 1 อาคาร สูง 8 ชั้น พร้อมที่จอดรถชั้นใต้ดิน จำนวน 179 ยูนิต บนที่ดิน 1-1-59 ไร่ ด้วยขนาดห้องชุดตั้งแต่ 26.72 – 64.81 ตารางเมตร โดยทางโครงการเน้นการออกแบบที่ผสานกับธรรมชาติ เริ่มตั้งแต่บริเวณคอนโดจะมีพื้นที่สีเขียวล้อมรอบช่วยเพิ่มบรรยากาศของธรรมชาติ ถึงแม้จะอยู่กลางเมืองก็ตาม ด้านการออกแบบของสถาปัตยกรรมก็ออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ จากการผสมผสานรูปแบบคอนเทมโพรารี เข้ากับความมินิมอล ออกมาเป็นรูปแบบศิลปะแนวคอนเทม – มินิมอลลิซึม (Contem – Minimalism) ที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ด้วยความพิถีพิถันและใส่ใจทุกรายละเอียด ความอบอุ่น สุขุม ทันสมัยได้ถูกนำมารวมกันและนำมาตกแต่งภายในคอนโดมิเนียมและห้องพักด้วยความมีชีวิตชีวาและความงามสไตล์สแกดิเนเวียน เรโทร ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรเป็นอย่างดี โทนสีพาสเทล และวัสดุโลหะที่เข้ากันอย่างลงตัว ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อความหรูหราสไตล์ยุโรปได้มาผสมผสานกับความทันสมัยอย่างลงตัว มาเอสโตร 14 จึงถือเป็นคอนโดฯ ที่น่าสนใจในย่านสยาม – ราชเทวี อีกโครงการหนึ่ง   ในส่วนของ Facilities เรียกว่าครบครันทีเดียว เพราะถึงแม้ตัวโครงการจะตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่ก็ยังใส่ใจในเรื่องการใช้ชีวิตของลูกบ้านที่ต้อง Balance ระหว่างการทำงานและการพักผ่อน รวมถึงการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติและสัตว์เลี้ยง ซึ่งเอกลักษณ์สำคัญของคอนโดจาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) คือนโยบาย Pet-friendly ที่อนุญาตให้ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ โดยจัดสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดให้ลูกบ้านทุกยูนิต และมีกฎระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข อาทิ  - การนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมาเลี้ยง จะต้องขออนุญาตฝ่ายบริหารอาคารฯ และลงทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยงไว้เป็นข้อมูล โดยชำระค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียน จำนวน 3,600 บาท/ต่อตัว/ต่อปี (ค่าใช้จ่ายนี้จะนำมาเป็นกองทุนในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและลงน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์) - ชำระเงินประกันความเสียหายจำนวน 5,000 บาท/ต่อตัว (เรียกเก็บครั้งแรกครั้งเดียว) และจะคืนให้เมื่อเจ้าของห้องชุดเลิกเลี้ยงสัตว์/สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต และไม่พบการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดและ/หรือพบความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าของห้องชุด/เจ้าของร่วม/อาคารชุดรวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง) - สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของห้องชุดจะเลี้ยง จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มที่ เจ้าของห้องชุดสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้ 1 ตัว / พื้นที่น้อยกว่า 50 ตร.ม. และไม่เกิน 50 ตร.ม. 2 ตัว / พื้นที่ 100 ตารางเมตร 3 ตัว / พื้นที่ 150 ตารางเมตร เป็นต้นไป (จำนวนสูงสุดของสัตว์เลี้ยงจะมีได้ไม่เกิน 3 ตัวต่อ 1 ห้องชุดเท่านั้น) - สัตว์เลี้ยงจะต้องมีสายผูก/จูงและมีผู้ดูแลตลอดเวลาที่อยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง กฎระเบียบ ข้อห้าม ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในโครงการ รวมถึงบทลงโทษ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ประจำโครงการ   ไม่เพียงเท่านี้ทางโครงการยังออกแบบให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับความสุขของลูกบ้านอย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่พื้นที่ชั้น 1 ที่มีจุดจอดรับส่ง และแร็คจอดจักรยาน เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับล็อบบี้, ห้องจดหมาย, ห้องซักรีด รวมถึงสระว่ายน้ำใจกลางโครงการที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ นอกจากนี้ยังมีห้องสตีมและซาวน่า มีโซนอ่านหนังสือ และสวนเพื่อให้มาอ่านหนังสือเล่มโปรด ขยับมาที่ชั้น 2 ก็มีสวนเพื่อการเรียนรู้ หากใครอยากออกกำลังกายในร่มก็เพียงแค่กดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น 9 ก็จะพบกับห้องฟิตเนสที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์มากมาย หรือถ้ารักการสังสรรค์ทางโครงการก็มี Party Patio, ห้องคาราโอเกะ, ลานบาร์บีคิวที่ชั้นดาดฟ้าพร้อม Sky Lounge, Sky Cabana เพื่อให้เป็นสถานที่แห่งความสุขของลูกบ้านทุกช่วงเวลา แถมยังมีความปลอดภัยสูงเพราะทางโครงการออกแบบให้ลูกบ้านทุกยูนิตใช้คีย์การ์ดแบบล็อคชั้นซึ่งขึ้นไปได้เฉพาะชั้นตัวเองและส่วนกลางเท่านั้น อีกทั้งยังให้ความรู้สึกอุ่นใจไปกับกล้องวงจรปิด และรปภ. ที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง จาก Master Plan จะมีทางเข้าโครงการจุดเดียวนะคะ และมีจุด Drop-off ก่อนจะเข้าสู่ Lobby ซึ่งแบ่งออกเป็นพื้นที่ส่วนกลาง และห้องพักอาศัยประมาณ 5 ห้อง สำหรับที่จอดรถจะอยู่บริเวณชั้นใต้ดินค่ะ สระว่ายน้ำถูกออกแบบไว้ตรงกลางโครงการเลยนะคะ จากภาพจะเห็นว่ามีบันไดเชื่อมต่อไปยังสวนเพื่อการเรียนรู้บริเวณชั้น 2 ด้วย บริเวณริมสระจัดวางเตียงนอนอาบแดดสีขาวสบายตาไว้รองรับความสุขของลูกบ้าน จากภาพจะเห็นว่าบริเวณรอบๆ สระว่ายน้ำจะถูกโอบล้อมไปด้วยความเขียวขจีไม้ประดับนานาพรรณ ขยับเข้ามาที่พื้นที่ส่วนกลางด้านใน บริเวณชั้น 1 นอกจากมีสระว่ายแล้วยังมีห้อง Library อีกด้วย ภายในห้องดูกว้างขวางและเงียบสงบ โดยทางโครงการจัดวางชุดโต๊ะ เก้าอี้ โซฟาแบบเข้าชุดไว้หลากหลายมุม หากลูกบ้านคนไหนต้องการทำงานหรือทำการบ้านเงียบๆ ก็สามารถเลือกใช้มุมเคาน์เตอร์ ที่ออกแบบมาพร้อมรองรับอุปกรณ์สายชาร์ตต่างๆ หรือใครอยากติวการบ้านกับเพื่อน, มีครูมาสอนพิเศษจะเลือกนั่งเป็นมุมนี้ก็ดูลงตัว ก่อนจะพาไปดูส่วนกลางชั้นอื่นๆ เมื่อเดินไปยังโถงลิฟท์จะพบกับส่วนของห้องจดหมายก่อนนะคะ สำหรับแปลนชั้น 2-8 จะเป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมดค่ะ โดยความพิเศษของชั้น 2 ทางโครงการได้ออกแบบสวนเพื่อการเรียนรู้มาไว้รองรับลูกบ้านด้วย สำหรับสวนเพื่อการเรียนรู้จะมีบันไดเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำบริเวณชั้น 1 ด้วยนะคะ บรรยากาศบริเวณสวนเพื่อการเรียนรู้ชั้น 2 ค่อนข้างร่มรื่นและผ่อนคลายทีเดียว เหมาะแก่การมานั่งอ่านหนังสือสบายๆ ทางโครงการจัดวางที่นั่งไว้ให้เลือกสรรหลากหลายมุมทีเดียวค่ะ แปลนของพื้นที่ชั้น 9 นะคะ ซึ่งจะรวม Facilities ส่วนกลางหลักๆ โดยจัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่ส่วนกลางที่กระจายอยู่ในพื้นที่ชั้น 1 และชั้น 2 บริเวณชั้นดาดฟ้าถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่รองรับความสุขลูกบ้านหลากหลายมุมทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ลานโยคะ, สนามเด็กเล่น, ลานบาร์บีคิว, สกายเลาจน์, ห้องคาราโอเกะ และ pet zone จากภาพจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าแม้ทางโครงการจะออกแบบให้มีพื้นที่นั่งเล่นหลากหลายมุมแค่ไหน แต่ก็ยังมีรั้วระแนงเล็กๆ สีดำกั้นแยกระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงไม่ให้รบกวนกัน และอยู่ร่วมกันอย่างสุขใจ ลานบาร์บีคิวที่ออกแบบมาพร้อมรองรับปาร์ตี้เล็กๆ ของลูกบ้าน นอกจากมีที่นั่งรองรับลูกบ้านมากมายแล้ว ในส่วนของลานบาร์บีคิว ยังมาพร้อมเตาและอ่างล่างมือด้วย บรรยากาศบริเวณดาดฟ้าชั้น 9 ในมุมกว้าง จะเห็นได้ว่าทางโครงการใส่ใจตั้งแต่พื้นที่พักผ่อนและมุมส่วนตัวมากมาย รวมถึงนำความเขียวขจีของต้นไม้มาประดับประดาให้ลูกบ้านรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอยู่เสมอ แม้ว่าจะอยู่ใจกลางเมืองก็ตาม นอกจากมีมุมพักผ่อนให้เลือกสรรมากมายแล้ว ยังมีฟิตเนสอยู่ที่บริเวณชั้น 9 อีกด้วย ภายในห้องฟิตเนสโอบล้อมไปด้วยหน้าต่างกระจกใสให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายพร้อมกับชมวิวเมืองอย่างเพลิดเพลิน พื้นที่ติดกับห้องฟิตเนสนั้นจะเป็นส่วนของห้อง Karaoke ค่ะ ภายในห้องคาราโอเกะมาพร้อมกับโซฟาตัวยาว และชุดโฮมเธียร์เตอร์เพื่อรองรับกิจกรรมสังสรรค์ของลูกบ้านอย่างเต็มเปี่ยม   เปิดประตูห้องตัวอย่างที่พร้อมเข้าอยู่แล้ววันนี้   สำหรับโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี มีแบบห้องหลักๆ อยู่ 3 แบบ คือ 1 Bedroom Suite ขนาด 26.72 - 30.91 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 32-35.66 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาด 60.55 - 64.81 ตร.ม. ที่มาในรูปแบบ Fully Furnished พร้อมชุดครัวแบรนด์ Electrolux สุขภัณฑ์ต่างๆ เครื่องปรับอากาศ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ซึ่งถ้าลูกบ้านตัดสินใจซื้อจะขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้น แถมทุกยูนิตยังสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ด้วยนะคะ เรียกว่าถ้าถูกใจก็พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยทีเดียว   ในครั้งนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างถึง 3 ห้องด้วยกัน เริ่มกันด้วยห้อง 1 Bedroom Suite AA1-1 ขนาด 29.65  ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นแบบหน้าแคบลึก พื้นที่ใช้สอยจัดมาได้ลงตัวทีเดียวค่ะ โดยเปิดเข้ามาจะเจอส่วนครัวและห้องน้ำก่อน เพื่อให้พื้นที่ด้านในเป็นส่วนพักผ่อนอย่างเตียงนอนและโซฟานั่งเล่น ภายในห้องดูโปร่งโล่งสบาย ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้เราได้เห็นฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ห้องที่ขายจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ที่ได้เพียงผนังฉาบเรียบสีขาว กับ Fully Furnished ตามมาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Suite AA1-1 ขนาด 29.65  ตร.ม. เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับส่วนของ Pantry ครัวก่อนเลยค่ะ ถัดไปจะเป็นส่วนของ Living Area ที่ตอบโจทย์ต่อการพักผ่อนได้ดี ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย ชุดเคาน์เตอร์ครัว ลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ ซึ่งมาพร้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้าเท่านั้น นอกจากเว้นช่องไว้ให้ใส่ไมโครเวฟอย่างพอดิบพอดีแล้ว บริเวณลิ้นชักยังมีช่องสำหรับใส่อุปกรณ์ช้อนส้อม และมีดให้ด้วย พื้นที่ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัว ติดกับประตูทางเข้าจะเป็นตู้เก็บของและตู้รองเท้าแบบบิลต์อินนะคะ ติดกับตู้เก็บของจะเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งมีพื้นที่เล็กๆ หน้าห้องเหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ได้ด้วย เรามาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง เดินเข้ามาจะพบกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลาง ขวามือจะเป็นโถสุขภัณฑ์ของแบรนด์ Kohler พื้นที่ในสุดจะเป็นโซนเปียกที่ทางโครงการกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้แล้ว แถมยังยกธรณีสูงหนึ่งเสต็ป เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ ภายในห้องน้ำ ภายใน Shower Area ผนังข้างฝักบัวถูกเจาะช่องให้สามารถวางอุปกรณ์อาบน้ำได้ กลับออกมาด้านนอก ก่อนจะเข้าไปส่วนพักผ่อนจะเห็นว่าทางโครงการได้เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนมาให้ค่ะ เมื่อเปิดประตูด้านในส่วนพักผ่อนเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นมุมทำงานและระเบียงค่ะ ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป พื้นที่ลึกเข้ามาด้านใน ทางโครงจัดวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ไว้ให้ดูเป็นไอเดียนะคะ ลูกบ้านสามารถใช้เป็นมุมนี้เป็นมุมทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้เช่นกันค่ะ ซึ่งมุมนี้จะอยู่ติดกับระเบียงนะคะ โดยทางโครงการกรุผนังกระจกใสไว้เพื่อความโปร่งโล่ง ระเบียงมีขนาดกำลังดี สามารถวางราวตากผ้าได้ โดยคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ทำระแนงเหล็กกั้นเพื่อความเรียบร้อยไว้ให้แล้ว กลับเข้ามาด้านในส่วนของห้องนอนกันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถวางที่นอน 5 ฟุต ได้สบายๆ พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ตัวบานพับจะใช้แบบ Soft closed ค่ะ   ห้องตัวอย่างอีกห้องที่เราได้ชมกันคือ 1 Bedroom A4-3 ขนาด 35.10 ตร.ม. ลักษณะห้องจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส จัดวาง Layout ไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจน เชื่อมต่อพื้นที่การใช้งานอย่าง Pantry มุมรับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นไว้ด้วยกัน ทางโครงการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินเพื่อทำให้ผู้อาศัยสามารถจัดวางข้าวของเครื่องใช้ได้อย่างเป็นระเบียบและใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ทั้งนี้ภายในห้องชุดยังมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ชุดครัว Pantry Set เครื่องปรับอากาศ ตามมาตรฐานเหมือนกับห้องแรกค่ะ   แปลนห้อง 1 Bedroom A4-3 ขนาด 35.10 ตร.ม. นะคะ สำหรับไทป์นี้เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัวเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ เพียงแต่มีขนาดที่กว้างและใหญ่กว่า เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปแบบตัวไอ (i) จะได้วัสดุเหมือนอย่างในห้องตัวอย่างก่อนหน้าเช่นกัน พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้รองเท้าและตู้เก็บของ พร้อมเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วค่ะ เดินต่อเนื่องเข้ามาที่โถงกลาง Living Area ที่เชื่อมมุมรับประทานอาหารและมุมนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน จากภาพจะเห็นว่าแม้จะจัดวางโซฟาตัวยาวแล้ว แต่ยังเหลือพื้นที่กว้างพอสำหรับวางโต๊ะและเก้าอี้รับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ได้สบายๆ ทางโครงการได้จัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2-3 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่างในส่วน Living Area นะคะ จะเห็นได้ว่าบริเวณตรงกลางมีพื้นที่เหลือมากพอสำหรับวางโต๊ะกลางด้วย ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งมีประตูบานเลื่อนกั้นให้ออกมารับลมได้ โดยระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ทำระแนงเหล็กกั้นไว้ให้แล้วเพื่อความเรียบร้อย กลับมาที่ภายในห้อง บริเวณคอนโซลทีวีมีขนาดกว้างพอรองรับจอขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ พื้นที่ติดกันนั้นจะเป็นส่วนของห้องนอนที่เป็นประตูแบบทึบค่ะ เข้ามาในส่วนของห้องนอนกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องนอนดูโปร่งโล่งสบาย โอบล้อมด้วยกระจกใส เอื้อต่อการพักผ่อน พื้นที่ติดกับหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ ทางโครงการจัดวาง Daybed ไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดสรรส่วนนี้ให้เป็นมุมพักผ่อนของสัตว์เลี้ยงก็ยังได้ เมื่อวาง Daybed แล้วจะเห็นว่าบริเวณรอบๆ มีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ พื้นที่ติดกับเตียงนั้นจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ลึกเข้าไปนั้นจะเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำค่ะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ตรงกลางจะเป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างมือที่อยู่ติดกับชุดสุขภัณฑ์ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ พื้นที่ในสุดจะเป็นส่วนเปียก ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง ทางโครงการเจาะช่องให้สำหรับวางของใช้ส่วนตัวให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ   และห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 2 Bedroom B1-1 ขนาด 64.81 ตร.ม. ที่นับว่าเป็นขนาดใหญ่สุดของโครงการ ลักษณะเป็นห้องหน้าแคบลึก แต่พอเดินเข้ามาจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส บรรยากาศโดยรวมในห้องนี้จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ไว้ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวที่มาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ต่อเนื่องมายังมุมรับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับโต๊ะกลางได้ด้วย ติดกันนั้นมีประตูบานเลื่อนอีกชั้นให้ออกไปสัมผัสอากาศด้านนอกที่ระเบียงได้ ส่วนพื้นที่ลึกเข้ามาด้านในตรงกลางจะเป็นห้องน้ำ ก่อนต่อเนื่องไปยังห้องนอนใหญ่ และห้องนอนเล็ก ภายในห้องบิลต์อิน ตู้ เตียงไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom B1-1 ขนาด 64.81 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอครัวที่ลึกยาวเข้าไปก่อนเลยนะคะ โดยครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน เป็นแบบ One Wall-Kitchen เหมือนดั่งห้องตัวอย่างสองห้องก่อนหน้าเลยนะคะ ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นยังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างก่อนหน้าทั้งสองห้องเลยค่ะ พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้เก็บรองเท้าและตู้เก็บของขนาดใหญ่มาให้แล้ว ซึ่งสามารถเก็บของได้เยอะมาก แถมยังไม่รบกวนสายตาเนื่องจากมีหน้าบานเปิดปิดด้วยค่ะ เดินเข้ามาที่โถงกลาง มุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ ซึ่งมีขนาดกว้างขวางมากเพราะสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างขวางกำลังดี ระยะห่างของโซฟากับทีวีของห้องนี้จะห่างเกือบ 2 เมตรนะคะ ซึ่งก็เหมาะสำหรับวางทีวีขนาด 42 นิ้วขึ้นไป แถมลูกบ้านยังสามารถจัดวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ตรงกลางไว้สำหรับวางโต๊ะได้ด้วย ซึ่งมุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ ระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ อีกทั้งยังกั้นระแนงเพื่อบังคอมเพรสเซอร์แอร์ให้เรียบร้อยแล้ว มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ จะเห็นว่าการจัดวาง Layout จะคล้ายๆ กับห้องตัวอย่างที่สอง เพียงแต่ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่า พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในตรงกลางจะเป็นห้องน้ำนะคะ ก่อนต่อเนื่องไปยังห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ สำหรับห้องน้ำด้านนอก ตรงกลางจะเป็นชุดเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ด้านขวามือเป็นโถสุขภัณฑ์ ฝั่งด้านซ้ายมือเป็นพื้นที่อาบน้ำ กั้นกลางด้วยกระจกใส พื้นภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนนะคะ   และก็เหมือนกับห้องน้ำในห้องตัวอย่างก่อนหน้า ผนังฝั่งเปียกจะเจาะช่องไว้ให้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้ ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกสบายได้ดีทีเดียว ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 3.5 ไปจนถึง 5 ฟุตได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ เข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนขนาดกว้างพอจัดให้เป็นโซนพักผ่อน และโซน Walk-in Closet ที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนเหมือนดั่งห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้ สำหรับห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะจัดวางสุขภัณฑ์ไว้ตรงกลาง จัดชุดเคาน์เตอร์ล้างหน้าไว้ชิดริมประตู โดยมีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง ภายในพื้นที่ส่วนเปียกนอกจากจะเจาะช่องที่ผนังฝั่งฝักบัวไว้ให้สามารถวางของได้แล้ว ยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศได้อีกด้วย ออกมาจากห้องน้ำ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิวต์อินขนาดใหญ่ยาวขนานไปกับผนัง ก่อนจะต่อเนื่องมายังโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานที่ทางโครงการจัดวางไว้ให้เป็นไอเดียแก่ลูกบ้าน ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสผสมกับหนังทึบเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางที่นอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเหลือพื้นที่ให้เดินรอบๆ และวางโต๊ะข้างเตียงได้ด้วยค่ะ ทางโครงการจัดวางเก้าอี้นวมไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดสรรพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นมุมของเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวโปรดก็ยังได้ค่ะ   นับว่าโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เหมาะสำหรับคนเมืองอย่างแท้จริงเลยนะคะ ใครที่อยากมีคอนโดดีๆ เลี้ยงสัตว์ได้ พร้อมยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่ให้ความรู้สึกของความเป็นที่สุดอย่างเต็มอิ่ม แถมยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวีเพียงแค่ 300 เมตร สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายไม่ว่าจะมีรถส่วนตัวหรือไม่มี ที่สำคัญคือสามารถเข้า-ออกได้ถึง 3 เส้นทาง ถนนพญาไท, ถนนบรรทัดทอง และถนนเพชรบุรี นอกจากนี้ยังแวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคครบครัน ในราคาเอื้อมถึงได้ เริ่มต้น 4.5 ล้านบาท* เมื่อพิจารณาจากทำเล ห้องที่แต่งครบ มีเฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมเข้าอยู่แบบนี้ ถือว่าคุ้มค่าและหาได้ไม่ง่ายเลยนะคะ ไม่ว่าจะจับจองไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็บไว้เป็นทางเลือกในการลงทุนปล่อยเช่า อาทิ นักเรียน, นักศึกษา, คนทำงาน และชาวต่างชาติ ก็น่าจะได้ผลตอบแทน Capital gain ที่ดีไม่ใช่น้อย
“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ปิดดีล MARU ยอดขายบิ๊กล๊อต 1,000 ล้านบาท

“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” ปิดดีล MARU ยอดขายบิ๊กล๊อต 1,000 ล้านบาท

"เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์" เปิดตัวพันธมิตร DWG ร่วมทุนซื้อบิ๊กล๊อต โครงการ MARU เอกมัยและลาดพร้าว มูลค่ารวม 1,000 ล้านบาท สะท้อนความเชื่อมั่นจากนักลงทุนต่างประเทศ ดันยอดขายมารุทั้ง 2โครงการ ทะลุ 300 กว่ายูนิต พร้อมเปิดสำนักงานขาย MARU ลาดพร้าวภายในเดือน ธ.ค. นี้ ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ MJD เปิดเผยว่า “บริษัทประสบความสำเร็จในการขาย Big Lot โครงการ MARU ลาดพร้าว และเอกมัย ให้กับพันธมิตรคือ DWG มูลค่ารวมกว่า 1,000 ล้านบาท นับเป็นการสะท้อนถึงความไว้วางใจและความเชื่อมั่นของนักลงทุนต่างชาติที่มีต่อประเทศไทยและโครงการของ MJD ส่งผลให้ล่าสุด โครงการ MARU ทั้ง 2 ทำเล สามารถทำยอดขายรวมได้กว่า 60% ภายในเวลาไม่ถึง 3 เดือนหลังเปิดพรีเซลเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา รวมมูลค่าสองโครงการ 4,300 ล้านบาท โดยโครงการ MARU ลาดพร้าว มูลค่าโครงการ 1,800 ล้านบาท มีจำนวนทั้งสิ้น 332 ยูนิต ปัจจุบันขายไปแล้ว50% ในจำนวนนี้มีผู้ซื้อชาวต่างชาติ คิดเป็น 17 %  ส่วนโครงการ MARU เอกมัย มูลค่าโครงการ 2,500 ล้านบาท มีจำนวน 333 ยูนิต ปัจจุบันขายไปแล้วกว่า 70% คิดสัดส่วนเป็นยอดซื้อจากชาวต่างชาติมากถึง 36%” ​โครงการ MARU เป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ ระดับไฮเอนด์ แบรนด์น้องใหม่ของ MJD ทั้ง 2 โครงการ ตั้งอยู่ในทำเลที่ใจกลาง ย่านธุรกิจที่มีการเติบโตสูงสุด (Central Business District - CBD) ในย่านเอกมัย และ Second CBD อย่างโซนลาดพร้าว โครงการ MARU ลาดพร้าว อยู่บนถนนลาดพร้าวเส้นหลัก อยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าวเพียง 50 เมตร ส่วนโครงการ MARU เอกมัย อยู่บนถนนเส้นหลัก ระหว่างเอกมัยซอย 2 และซอย 4 ห่างจากสถานีรถไฟฟ้า BTS เอกมัยเพียง 450 เมตร มีจุดเด่นที่ให้ผู้อยู่อาศัยเรียนรู้อยู่กับธรรมชาติอย่างสมดุล ความเรียบง่าย แต่แฝงด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดในไลฟ์สไตส์ของผู้อยู่อาศัย เลือกวัสดุตกแต่งด้วยวัสดุคุณภาพเยี่ยม การออกแบบเลือกใช้รูปแบบของเส้นตรงมาใช้ในการออกแบบและตกแต่ง ใช้โทนสีที่เรียบง่าย ตามรูปแบบ Minimal Design เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกสงบนิ่ง แต่ทว่ามั่นคง ด้วยการออกแบบอย่างสมดุล ตามวิถีเซน (Zen) ที่เชื่อเรื่องความสงบนิ่ง และอยู่กับธรรมชาติ มอบพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ครบครัน ตอบโจทย์ ไลฟ์สไสต์คนเมือง ชูจุดเด่น Pet Friendly & Wellness living ถูกใจคนรักสัตว์ (Pets Lover) มาพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยง ทั้งลานอาบน้ำสัตว์ และพื้นที่ส่วนกลาง ที่เจ้าของสามารถทำกิจกรรมร่วมกับสัตว์เลี้ยงได้ ทั้ง 2 โครงการ จะเริ่มก่อสร้างในช่วงกลางปี พ.ศ. 2561 คาดว่าจะแล้วเสร็จ และเข้าอยู่อาศัยได้ช่วงกลางปี พ.ศ. 2563 โดยในส่วนของสำนักงานขายโครงการ MARU ลาดพร้าว จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดตัวในเดือนมกราคมต้นปีหน้า ส่วนสำนักงานขายโครงการ MARU เอกมัย จะแล้วเสร็จพร้อมเปิดตัวในเดือนกุมภาพันธ์ในปีหน้าเช่นกัน ด้าน ดร.เดนนิส วี ประธานบริษัท DWG กล่าวถึงการเลือก MJD เป็นพันธมิตรคนสำคัญในประเทศไทย เนื่องจาก MJD เป็นหนึ่งในผู้นำของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับบนในเมืองไทย มีทีมงานมืออาชีพและมีความสามารถในการบริหาร ที่สำคัญคือโครงการของ MJD ตั้งอยู่ในทำเลที่มีการศักยภาพและการเติบโตมากที่สุดของกรุงเทพฯ “เรามีความยินดีและพึงพอใจที่ได้ทำธุรกิจในประเทศไทย คนไทยเป็นเจ้าบ้านที่ดี มีความนอบน้อมและจริงใจ ทั้งหมดนี้พิสูจน์ได้จากทั้งภาคธุรกิจและการท่องเที่ยวของไทย เราเลือก MJD เป็นพันธมิตรคนสำคัญ จากทั้งความเป็นมืออาชีพ และทำเลของโครงการที่อยู่ในพื้นที่หลักของกรุงเทพ" DWG บริษัทที่บริการด้านอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจร มีจุดมุ่งหมายในการลงทุนและบริหารสินทรัพย์ในเมืองใหญ่ๆ ทั่วโลก เช่น อังกฤษ ออสเตรเลีย ญึ่ปุ่น สิงคโปร์ กรุงเทพฯ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าแบบ One Stop Service
Metris Ladprao – เมทริส ลาดพร้าว : รีวิวคอนโด

Metris Ladprao – เมทริส ลาดพร้าว : รีวิวคอนโด

Metris Ladprao (เมทริส ลาดพร้าว) - คอนโด High Rise สูง 29 ชั้น เดินทางสะดวก เพียง 250 เมตร จากรถไฟฟ้าใต้ดิน พหลโยธิน รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,500,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    90,000 - 120,000 บาท/ตร.ม. เจ้าของโครงการ    บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะโครงการ    คอนโด High Rise สูง 29 ชั้น จำนวนห้อง    193 ยูนิต พื้นที่โครงการ    1-0-77 ไร่ ที่จอดรถ    Fully Automatic Parking ที่ตั้งโครงการ   ปากซอยลาดพร้าว 8 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง Central ลาดพร้าว ยูเนียนมอลล์ เทสโก้ โลตัส รร.หอวัง สวนจตุจักร SCB Park สำนักงานใหญ่ ปตท. แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 30 - 31 ตร.ม. 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 44 - 52.50 ตร.ม. 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 51 - 61 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby Co-Working Space Private Meeting Room สระว่ายน้ำระบบเกลือ ฟิตเนส ซาวน่า พื้นที่นั่งเล่นในสวน ลานบาร์บีคิว Jogging Track บริเวณสำหรับสัตว์เลี้ยง ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-116-1111 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.mde.co.th
Metris Rama 9-Ramkumhang : เมทริส พระราม 9-รามคำแหง : รีวิวคอนโด

Metris Rama 9-Ramkumhang : เมทริส พระราม 9-รามคำแหง : รีวิวคอนโด

Metris Rama 9-Ramkumhang (เมทริส พระราม 9-รามคำแหง) โครงการบนหนึ่งในทำเลที่ดีที่สุดของส่วนต่อขยายเมือง เพื่อเป็นทุกคำตอบของการใช้ชีวิต ล้อมรอบด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกและการเดินทางที่หลากหลาย เช่น MRT, ARL, ทางด่วนและอื่นๆ จึงถือเป็นโครงการสำหรับคนเมืองที่ต้องการชีวิตสมบูรณ์แบบ จาก Major Development รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,800,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 33 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    570 ยูนิต พื้นที่โครงการ    2 - 0 - 49 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนรามคำแหง แขวงห้วยขวาง เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง Airport Link รามคำแหง เดอะมอลล์ รามคำแหง 2 และ 3 เมเจอร์ รามคำแหง มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) โรงพยาบาลกรุงเทพ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด  30 - 30.50 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 48 - 50.50 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 59 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่ Drop-Off พื้นที่สำหรับเลี้ยงสัตว์ Lobby สระว่ายน้ำ จากุซซี่ ฟิตเนส ซาวน่า ห้องสตรีม Co-Working Space with Sound Domes Social Lounge พื้นที่สำหรับล้างรถ ส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยงบนดาดฟ้า ห้องประชุมส่วนตัว  ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-116-1111 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.mde.co.th
Metris Pattanakarn : เมทริส พัฒนาการ : รีวิวคอนโด

Metris Pattanakarn : เมทริส พัฒนาการ : รีวิวคอนโด

Metris Pattanakarn (เมทริส พัฒนาการ) คอนโดใหม่ในทำเลดีสะดวกต่อการเข้าเมืองและออกนอกเมือง ไม่ว่าจะไปพักผ่อนที่ทะเล ที่ชลบุรี หรือ พัทยา ก็สะดวก หรือจะเข้าเมืองก็เพียงไม่กี่นาทีถึงทองหล่อและเอกมัย จาก Major Development รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,800,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 29 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    341 ยูนิต พื้นที่โครงการ    2-1-65 ไร่ ที่ตั้งโครงการ   ถนนรามคำแหง แขวงห้วยขวาง เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง Airport Link มักกะสัน มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต The Nine พระราม 9 โฮมโปร พระราม 9 มหาวิทยาลัยรามคำแหง มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) โรงพยาบาลกรุงเทพ ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 30.50 - 31.50 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 53.50 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 57 - 62 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก พื้นที่ Drop-Off Lobby สระว่ายน้ำ จากุซซี่ ฟิตเนส Co-Working Space Social Lounge ลานบาร์บิคิว ลานบาสเกตบอล พื้นที่ส่วนกลางสำหรับสัตว์เลี้ยง  ฟิตเนสกลางแจ้ง ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-116-1111 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.mde.co.th
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ขยายตลาดเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “เมทริส” พร้อมกัน 3 โครงการเจาะย่านธุรกิจแห่งอนาคต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง มูลค่ารวมของโครงการกว่า 4,500 ล้านบาท

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ขยายตลาดเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “เมทริส” พร้อมกัน 3 โครงการเจาะย่านธุรกิจแห่งอนาคต ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง มูลค่ารวมของโครงการกว่า 4,500 ล้านบาท

กรุงเทพฯ 5 กรกฎาคม 2560 – บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับบนของเมืองไทย เปิดตัวแบรนด์ใหม่ เมทริส (METRIS) คอนโดมีเนียมแบบไฮไรส์ (High Rise) บนสามทำเลใจกลางเมืองและย่านธุรกิจใหม่ ลาดพร้าว, พัฒนาการ, และพระราม 9 -รามคำแหง มูลค่ารวมของโครงการกว่า 4,500 ล้านบาท พร้อมตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองในปัจจุบันด้วยดีไซน์อันเป็นเอกลักษณ์แบบ ‘มิด-เซ็นจูรี่ โมเดิร์น’ (Mid-Century Modern) ที่ผสานความคลาสสิคและความทันสมัยเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ภายใต้คอนเซ็ปท์ Remaster The Modern DNA เพื่อคนรุ่นใหม่ที่รักอิสระ ชื่นชอบความเรียบง่ายแต่แฝงไปด้วยความสง่างามเหนือกาลเวลา นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “ด้วยวิสัยทัศน์ของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ในการเป็นผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เข้าใจคนรุ่นใหม่ เราไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาโปรเจคต่างๆให้ตอบโจทย์กับไลฟ์สไตล์และเทรนด์ที่เปลี่ยนแปลงไป  โครงการเมทริสจะเป็นทางเลือกใหม่สำหรับกลุ่มคนที่มีวิถีชีวิตในย่านใกล้ใจกลางเมืองแต่ยังต้องการความสงบส่วนตัวในการอยู่อาศัย  แวดล้อมด้วยร้านกาแฟเก๋ๆ  ห้างสรรพสินค้า และศูนย์รวมความบันเทิงที่ครบครัน  พร้อมกับความสะดวกสบายในแง่ของการเดินทาง และการเข้าถึงสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆที่ไม่ต่างจากในเมือง อาทิ การเดินทางไปยังรถไฟฟ้าใต้ดิน (MRT) แอร์พอร์ต เรล ลิงค์ (Airport Rail Link) และ ทางด่วน หรือเส้นทางโทลล์เวย์ที่สามารถเดินทางเข้าในเมืองหรือออกนอกเมืองไปยังต่างจังหวัดได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ สามโลเคชั่นที่เราเลือกยังเป็นย่านธุรกิจที่จะขยายตัวในอนาคต ซึ่งจะสอดรับกับความต้องการของนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการลงทุนในทำเลทองที่มีแนวโน้มในการเพิ่มมูลค่าขึ้นทุกปีเช่นกัน” โครงการเมทริส ลาดพร้าว  โครงการเมทริส พัฒนาการ และ โครงการเมทริส พระราม 9 -รามคำแหง จะสร้างเสร็จสมบูรณ์ในปี พ.ศ. 2563 เป็นคอนโดมีเนียมไฮไรส์ กับ การออกแบบที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งนอกจากจุดเด่นในด้านโลเคชั่นที่สะดวกสบายต่อการเดินทางสู่ใจกลางเมืองและนอกเมือง รวมถึงสภาพแวดล้อมโดยรอบที่จะเติมเต็มความต้องการของผู้อาศัยได้เป็นอย่างดีแล้ว การออกแบบยังให้กลิ่นอายของความคลาสสิกที่ ได้รับแรงบันดาลใจจากยุค Mid-Century Modern ผสานเข้ากับความใหม่ล้ำสมัยอย่างลงตัว ด้วยคอนเซ็ปท์ Remaster The Modern DNA ทำให้เน้นการออกแบบเรียบง่าย และฟังก์ชั่นการใช้งานที่ครบครัน ห้องชุดในโครงการจะประกอบไปด้วยห้อง 3 ประเภท ได้แก่ 1 ห้องนอน, 2 ห้องนอน และแบบ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ในราคาต่อตารางเมตรที่ 90,000-120,000 บาท แต่ละโครงการพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะทำให้ผู้เข้าพักอาศัยได้รับความสะดวกสบายเหนือระดับ  อาทิ พื้นที่สร้างสรรค์งาน (Co-Working Space), ห้องประชุมส่วนตัว (Private Meeting Room), ห้องซาวน่า, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, พื้นที่นั่งเล่นในสวน, ทางวิ่งออกกำลัง และบริเวณสำหรับสัตว์เลี้ยง พร้อมตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ยิ่งขึ้นด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่แตกต่างกันในแต่ละโลเคชั่น อาทิ อุปกรณ์ฟิตเนสสุดล้ำ และนวัตกรรมซาวด์โดม (Sound Dome) เพื่อให้การใช้พื้นที่ส่วนกลางของคุณมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น   “นอกจากโครงการนี้จะถูกออกแบบมาโดยเน้นด้านคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยเป็นหลักแล้ว ทั้งหมดนี้ยังสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นกลุ่มคนยุคมิลเลนเนียล ที่นิยมการใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัด ต้องการแสวงหาตัวตน พร้อมที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ซึ่งเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ไม่ได้ต้องการเป็นเพียงแค่ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เท่านั้น แต่เราต้องการสร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนผ่านที่พักอาศัยที่ตอบโจทย์ทุกมิติของการใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบอีกด้วย” นางสาวเพชรลดากล่าวปิดท้าย โครงการเมทริสเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ แบรนด์ใหม่ล่าสุดภายใต้เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่สามารถเลี้ยงสัตว์ได้ (Pet-friendly) โดยจะเปิดตัวทั้งสามทำเลพร้อมกัน ได้แก่ โครงการเมทริส ลาดพร้าว, โครงการเมทริส พัฒนาการ และโครงการเมทริส พระราม9- รามคำแหง ผู้ที่สนใจโครงการสามารถติดต่อได้ที่ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โทร 02-116-1111 หรือ เว็บไซต์ http://www.mde.co.th
“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” รุกตลาดลักชัวรี เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “ MARU (มารุ) ” รุกตลาดลาดพร้าว-เอกมัย”

“เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์” รุกตลาดลักชัวรี เปิดตัวแบรนด์ใหม่ “ MARU (มารุ) ” รุกตลาดลาดพร้าว-เอกมัย”

บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเกมรุกคอนโดซูเปอร์ลักชัวรี พร้อมเตรียมลงทุน 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่าหมื่นล้านบาท หลัง MARQUE Sukhumvit (มาร์ค สุขุมวิท) – MUNIQ Sukhumvit 23 (มิวนีค สุขุมวิท 23) ยอดจองทะลุ 70% ลุยแตกแบรนด์ใหม่ “ MARU (มารุ) ” ผุด 2 โครงการย่านลาดพร้าว–เอกมัย มูลค่าโครงการรวมกว่า 4,100 ล้านบาท ชูจุดขาย Pet Friendly & Wellness Living ตอบสนองไลฟ์สไสต์คนเมือง ดร.สุริยา พูลวรลักษณ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทมุ่งเน้นในการพัฒนาโครงการระดับ Upper Middle ถึงระดับซูเปอร์ลักชัวรี โดยโลเคชั่นที่เหมาะสำหรับการลงทุน ได้แก่ โซนราชดำริ อโศก พร้อมพงษ์ ทองหล่อ เอกมัย เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพเป็นตลาดที่มีกำลังซื้อสูง สถานการณ์โดยรวมอาจจะมีคู่แข่งในการสร้างคอนโดเกิดขึ้นจำนวนมาก ขณะที่ตลาดระดับกลางถึงระดับล่างยังมีปัญหาเรื่องความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ โดยปีนี้คาดว่าจะเปิดทั้งหมด 7 โครงการ มูลค่าการลงทุนรวมกว่าหมื่นล้านบาท โดยล่าสุดบริษัทฯ มีแผนเปิดตัวแบรนด์ใหม่ “ MARU (มารุ) ” จำนวน 2 โครงการ ได้แก่  MARU ลาดพร้าว 15 มูลค่าโครงการกว่า 1,800 ล้านบาท และ MARU เอกมัย ซอย 2 มูลค่าโครงการ 2,300 ล้านบาท รูปแบบจะเป็นคอนโด High Rise ราคาเริ่มต้นที่ 1.5 แสนบาท/ตรม. จำนวน 200 – 300 ยูนิต/โครงการ ชูจุดเด่นเรื่อง Pet Friendly & Wellness Living ซึ่งจะมีบริการสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับสัตว์เลี้ยง และพื้นที่ที่ใส่ใจในรายละเอียดสำหรับคนรักสุขภาพ คนเพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์คนเมือง สำหรับ โครงการ MARQUE Sukhumvit (มาร์ค สุขุมวิท) ถือเป็นคอนโดระดับซูเปอร์ลักชัวรี จำนวนเพียง 148 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 42 ล้านบาท ถึง 350 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 3.4 แสนบาท/ตรม.สูงขึ้นจากเดิม 2.3 แสนบาท/ตรม. ชูแนวคิด “Heritage Living” เนื่องจากทำเลที่ตั้งบนถนนสุขุมวิทเส้นหลัก ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีพร้อมพงษ์ ใกล้ศูนย์การค้าดิเอ็มโพเรี่ยมและเอ็มควาเทียร์  ซึ่งถือเป็นที่ดินผืนสุดท้ายที่หาไม่ได้อีกแล้วในย่านนี้ ขณะนี้ก่อสร้างเสร็จแล้วกว่า 95% และคาดว่าจะเริ่มโอนได้ภายในเดือนกรกฎาคมนี้ ส่งผลให้มูลค่าโครงการเพิ่มสูงถึงกว่า 7,500 ล้านบาท ปัจจุบันมียอดขายสูงถึง 70% ตั้งเป้าหมายจะโอนได้ภายในปีนี้กว่า 5,000 ล้านบาท “ลูกค้าส่วนใหญ่จะซื้อเพื่ออยู่อาศัยเอง และซื้อด้วยเงินสด เนื่องจากเป็นทำเลผืนสุดท้ายบนถนนสุขุมวิทเส้นหลัก ซึ่งโครงการเกิดขึ้นใหม่โดยส่วนใหญ่จะอยู่ในแถบสุขุมวิทที่ไม่ใช่ถนนเส้นหลัก โดยเฉพาะย่านทองหล่อ โดยราคาเริ่มต้นที่ 3.2 – 3.3 แสนบาท/ตรม.แล้ว” ขณะที่โครงการ MUNIQ Sukhumvit 23 (มิวนีค สุขุมวิท 23) เป็นโครงการระดับลักชัวรี ภายใต้แนวคิด “Sensible Luxury” จำนวน 201 ยูนิต ราคาเริ่มต้นที่ 2 แสนบาท/ตรม. มูลค่าโครงการกว่า 2,600 ล้านบาท เปิดตัวเมื่อเดือนกันยายนที่ผ่านมา คาดว่าจะพร้อมโอนภายใน 3 ปีข้างหน้า ขณะนี้มียอดจองแล้วกว่า 70% โดยเฉพาะห้องขนาด 1 ห้องนอนจองหมดแล้วเหลือเพียง 2 ห้องนอนขึ้นไป สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจในช่วงครึ่งปีหลังแนวโน้มความต้องการซื้อ (Demand) จะปรับตัวน้อยลง สวนทางกับปริมาณคอนโดในตลาด (Supply) ยังคงมีสูงอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะโลเคชั่นหลักอย่างสุขุมวิท แม้จะมีคอนโดเกิดใหม่ขึ้นจำนวนมาก แต่ก็เชื่อว่ายังคงมีความต้องการซื้อเช่นกัน ขณะที่ปัญหาฟองสบู่ในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เชื่อว่าจะไม่เกิดอย่างแน่นอน เพราะธนาคารค่อนข้างมีความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อ อย่างไรก็ดี ขณะนี้บริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) กว่า 10,000 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ในปี 2560 และปี 2561 ส่วนปลายปีนี้จะเริ่มทยอยโอนจากโครงการ MARQUE Sukhumvit (มาร์ค สุขุมวิท) และโครงการ M จตุจักร เป็นต้น
“มาเอสโตร19 รัชดา19-วิภา” คอนโดดีไซน์เท่ห์ที่แตกต่างอย่างลงตัว : รีวิวคอนโด

“มาเอสโตร19 รัชดา19-วิภา” คอนโดดีไซน์เท่ห์ที่แตกต่างอย่างลงตัว : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างของโครงการ “มาเอสโตร19 รัชดา19-วิภา คอนโดมิเนียม Low Rise บนทำเลรัชดา ซึ่งยังคงเน้นแนวคิด “Pet-Friendly Condominium” อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ในเครือ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เพื่อตอบโจทย์คนเมืองที่อยากดูแลสัตว์เลี้ยงของตัวเองไว้คอนโดด้วย มาเอสโตร19 รัชดา19-วิภา ตั้งอยู่ในซอยรัชดาภิเษก 19 จากบริเวณปากซอยที่มีสถานีรถไฟฟ้า MRT รัชดาภิเษก เข้าไปเพียง 650 เมตร ก็จะเป็นที่ตั้งของโครงการค่ะ ถนนหนทางแถวนี้หลายคนอาจจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว เพราะซอยรัชดาภิเษก 19 เป็นเส้นทางลัดที่เชื่อมถนน 3 สายไว้ด้วยกัน ทั้งถนนรัชดาภิเษก ถนนลาดพร้าว และถนนวิภาวดีรังสิต ถ้าขับรถไปมาบ่อยๆ จะรู้ดีกว่า อีกด้านของซอยรัชดาภิเษก 19 ก็คือ ซอยวิภาวดี 16 หรือมีชื่อเรียกอีกชื่อว่า “ซอยโชคชัยร่วมมิตร” นั่นเอง การเดินทางโดยใช้รถส่วนตัวจัดว่าสะดวกมากๆ ค่ะ มีเส้นทางให้เลือกหนีรถติดเลี่ยงแยกรัชดา-ลาดพร้าวได้พอสมควร แถมยังมีแหล่งงานอยู่ห่างออกไปไม่ไกล เช่น บริเวณรัชดา-พระราม 9, อโศก ยาวต่อไปถึงถนนสุขุมวิทไปเลย ในขณะที่ทางฝั่งวิภาวดีก็ตรงไปขึ้นทางด่วนด่านดินแดงได้ไม่ยาก จะเดินทางไปยังโซนไหนของกรุงเทพก็ไปง่าย ส่วนคนที่ไม่ได้ใช้รถส่วนตัวก็ไม่ต้องกังวลค่ะ ทางโครงการมีบริการ Shuttle Service รับ-ส่ง ช่วยเพิ่มความสะดวกให้กับลูกบ้าน แถมในซอยยังคึกคักมีรถผ่านมาก หาเรียกแท็กซี่ได้ง่าย แล้วก็ยังมีรถกะป้อวิ่งผ่านในซอยตลอดทั้งวันอีก เลือกใช้บริการได้ตามสะดวกเลย บรรยากาศโดยรวมของซอยนี้คึกคักดีทีเดียวค่ะ มีรถราผ่านเข้าออกเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะตั้งแต่กลางๆ ซอย ไปถึงทางฝั่งวิภาวดีจะมีร้านอาหารอร่อยขึ้นชื่อหลายร้านมากๆ แถมยังเพียบพร้อมไปด้วยร้านสะดวกซื้อ ร้านกาแฟ ร้านเค้ก ร้านนั่งชิว ไปจนถึงร้านค้า ร้านขายยา คลินิคทำฟัน คลินิครักษาทั่วไป รวมไปถึงร้านอื่นๆ ที่ตอบรับเพื่อการอยู่อาศัย และช่วยเพิ่มความสะดวกสบายให้กับชีวิตประจำวัน ทำเลในซอยนี้จึงจัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะกับการอยู่อาศัยมากค่ะ นอกจากร้านรวงในซอยแล้ว แหล่งช็อปปิ้ง ที่แฮงค์เอ้าท์ในวันหยุดก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกล เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว, ยูเนี่ยนมอลล์, จตุจักร, สวนรถไฟ, ตลาดนัด JJ, ตลาดอ.ต.ก., บิ๊กซี, เอสพลานาด รัชดา, The Street, เซ็นทรัลพระราม 9 แถมด้วย Terminal 21 อีก แต่ละสถานที่ก็เดินทางง่าย จะขับรถไปก็ดี นั่งรถไฟฟ้าก็สะดวกค่ะ ภาพรวมโครงการ มาเอสโตร19 รัชดา19-วิภา โครงการ มาเอสโตร19 รัชดา19-วิภา เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้นค่ะ ประกอบไปด้วย 4 อาคารพักอาศัย และ Club House สูง 3 ชั้น อีก 1 อาคาร ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาในคอนเซปต์ “Industrial Elegance” ซึ่งเป็นการผสมผสานความหรูหราของหินอ่อนและความดิบเท่ห์ของวัสดุจำพวกอิฐ เหล็ก ไว้ด้วยกันอย่างลงตัวค่ะ ดูจากโมเดลตัวอาคารแล้ว จะเห็นได้ว่าอาคารพักอาศัยทั้ง 4 ตึกหันเข้าหากัน โดยพื้นที่ตรงกลางจะเป็นพื้นที่ส่วนกลาง ที่เป็นทั้งพื้นที่พักผ่อน พื้นที่สีเขียว และที่ตั้งของอาคาร Club House นั่นเอง ในส่วนของ Facility หลักๆ จะถูกรวมไว้ที่บริเวณ Club House ทั้งหมดนะคะ เช่น บริเวณ Lobby ส่วนกลาง, Co-Working Space, Library, Fitness, Yoga Room, Steam&Sauna, สระว่ายน้ำพร้อมที่นั่งพักผ่อนริมสระ (Sunken Cozy Lounge) และ Retreat Garden ในขณะที่ภายอาคารพักอาศัยทุกตึก จะมี Lobby ส่วนตัว, Laundry Room และ Roof Top BBQ Garden เพิ่มมาให้อีก มาดูในส่วนของความเป็น “Pet-Friendly Condominium” กันบ้างค่ะ โครงการ มาเอสโตร19 รัชดา19-วิภา อนุญาตให้ลูกบ้านมีสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข และ แมว อาศัยอยู่ด้วยได้เหมือนกับหลายๆ โครงการก่อนหน้าของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ค่ะ ซึ่งถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่สร้างความแตกต่างจากคอนโดมิเนียมอื่นๆ ในตลาด เพราะทางเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เองเชื่อว่า ลูกบ้านหลายคนอยากจะมีสัตว์เลี้ยงไว้เป็นเพื่อนแก้เหงา หรือมีความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงมาก แต่ถ้าจะให้ย้ายไปซื้อบ้านเดี่ยวที่อยู่ไกลจากในเมืองออกไปก็อาจจะไม่สะดวก ดังนั้นนโยบายที่เปิดให้ลูกบ้านเลี้ยงน้องหมา น้องแมวในคอนโดได้ จึงได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างมากจากโครงการที่ผ่านๆ มา ดังนั้นภายในโครงการจึงมีการจัดสรรพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง หรือ Pet Area เพื่อให้น้องหมา น้องแมวออกมาวิ่งเล่น ออกกำลังกายได้ แต่การจะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้น ทางนิติบุคคลก็จะมีกฏระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่ทางลูกบ้านจะต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยค่ะ เช่น ขนาดของสัตว์เลี้ยงที่กำหนด, จำนวนของสัตว์เลี้ยงที่เหมาะสม, หรือ การดูแลควบคุมหรือฝึกสัตว์เลี้ยง ซึ่งเรื่องเหล่านี้จะเป็นข้อตกลงร่วมกัน เพื่อให้การใช้พื้นที่ส่วนกลางภายในโครงการเป็นไปอย่างเสมอภาคกัน ถึงแม้ลูกบ้านบางยูนิตจะไม่ได้เลี้ยงสัตว์เลยก็ตาม เปิดประตูห้องตัวอย่าง ที่โครงการ มาเอสโตร19 รัชดา19-วิภา มีห้องตัวอย่างให้ชมด้วยกัน 2 Type นะคะ ซึ่งแต่ละห้องก็เน้นฟังก์ชั่นการใช้งานที่ต่างกัน โดยเน้นการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยภายในห้องให้ดูกว้างขวาง น่าอยู่ และสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามการใช้งานด้วยแนวคิด “Functional Flexibility” ไปดูกันดีกว่าค่ะ ว่าแต่ละห้องจะมีอะไรน่าสนใจบ้าง ห้องตัวอย่างห้องแรกเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 29 ตร.ม. ค่ะ ลักษณะของตัวห้องเกือบเป็นรูปสี่เหลี่ยมจตุรัส เปิดเข้ามาก็จะเจอกับพื้นที่ของครัวก่อนเลย ซึ่งครัวในห้องจะมี Pentry เล็กๆ สำหรับจัดเตรียม หรืออุ่นอาหารง่ายๆ ก่อนเข้าสู่พื้นที่ห้องนอน จะมีประตูบานเลื่อนเพื่อกั้นพื้นที่ให้เป็นสัดส่วนมากขึ้น การกั้นพื้นที่ภายในห้อง แทนที่ใช้ผนังทึบ หรือประตูกระจกบานเลื่อนแบบธรรมดาทั่วไป ทางโครงการกลับเลือกออกแบบบานเลื่อน Hybrid Sliding Door ให้ทำหน้าที่เหมือน Partition แบ่งห้องได้ตามการใช้งาน จะเลื่อนมาปิดห้องน้ำ ปิดตู้เสื้อผ้า หรือปิดเป็นประตูครัวก็ทำได้แค่เลื่อนบานประตู ทำให้ Space ภายในห้องดูไม่น่าเบื่อ ไม่ซ้ำซากจำเจแบบห้องเดิมๆ ค่ะ ห้องตัวอย่างนี้ตกแต่งมาในสไตล์ Industrial แบบไม่ทิ้งคอนเซปต์หลักเลยค่ะ บรรยากาศในห้องดูเท่ห์ และมีพื้นที่ใช้สอยที่ดูกว้างขวาง น่าอยู่มากๆ พื้นที่ห้องนอนและพื้นที่นั่งเล่นเปิดโล่งเชื่อมถึงกัน ขณะเดียวกันก็ยังมีพื้นที่วางโต๊ะทำงาน/โต๊ะเครื่องแป้งไว้ข้างๆ เตียงอีกด้วย ห้องแบบถัดไปเป็นห้อง 1 Bedroom เหมือนกันค่ะ แต่เป็นขนาด 33 ตร.ม. พื้นที่ของห้องนี้จะมีความเป็นสัดส่วนมากขึ้น ด้วยการจัด Living Area ไว้ในโซนเดียวกับครัว และให้พื้นที่ห้องนอนเป็นส่วนตัวมากขึ้นด้วยประตูไม้บานทึบที่เสมือนผนังที่สามารถเลื่อนเปิด-ปิด ได้ตามความต้องการ ครัวในห้องเป็นครัวเปิด เชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นยาวไปจนถึงระเบียงเลยค่ะ ส่วนห้องน้ำก็อยู่บริเวณด้านหน้าห้องตรงข้ามกับครัว ห้องน้ำจะมีประตูเข้าได้ 2 ทางทั้งจากบริเวณครัว และจากในห้องนอนค่ะ พื้นที่ในห้องนอนกว้างเลยทีเดียว นอกจากจะวางเตียง และโต๊ะทำงานแล้ว ยังมีพื้นที่เหลือพอจะทำเป็น Walk in Closet บริเวณหน้าห้องน้ำน้ำอีกด้วย ห้องทุกยูนิตของ มาเอสโตร19 รัชดา19-วิภา ขายให้แบบ Fully Fitted นะคะ มีชุดเคาน์เตอร์ครัว, Hob&Hood, Sink, และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามมาตรฐานเลยค่ะ แต่เพิ่มความพิเศษหน่อยที่ทางโครงการมีตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของมาให้ด้วยนะคะ ซึ่งนอกจากห้องตัวอย่าง 2 ห้องนี้แล้ว ทางโครงการยังมีห้อง Type อื่นๆ เช่น 1 Bedroom Plus และห้อง 2 Bedroom ให้เลือกตามความต้องการเลยค่ะ โดยใครที่สนใจอยากเป็นเจ้าของคอนโดหรูใจกลางเมือง ที่เป็น Pet-Friendly แล้วล่ะก็ ลองแวะไปชมห้องตัวอย่างที่สำนักงานขายกันได้ค่ะ สามารถเข้าชมห้องตัวอย่างได้แล้ววันนี้ และจะมีงาน presales วันที่ 24-25มิถุนายน นี้ มีพิเศษสำหรับคนที่ลงทะเบียนออนไลน์รับส่วนลดไปเลย 10,000บาทที่ www.mde.co.th สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ 02 116 1111 Location sales office ตำแหน่ง GPS 13.796960, 100.569606 Google Maps https://goo.gl/maps/gGR9VqNFTmL2
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ปฏิวัติรูปแบบคอนโด LOW-RISE

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ปฏิวัติรูปแบบคอนโด LOW-RISE

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ปฏิวัติรูปแบบคอนโด LOW-RISE เปิดตัว “มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา” LIVE THE LIFE YOU DESIRE  เลือกใช้ชีวิตในแบบที่คุณต้องการ             กรุงเทพฯ 2 มิถุนายน 2560 – บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรมากว่า 18 ปี เปิดตัวโครงการ มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา (MAESTRO19 Ratchada 19-Vipha) คอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ (Low Rise) ความสูง 8 ชั้น บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ถือเป็นโครงการที่มีขนาดใหญ่ที่สุดภายใต้แบรนด์ มาเอสโตร เรสซิเดนซ์ (MAESTRO RESIDENCES) ที่คุ้มค่าแก่การลงทุน พรั่งพร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุด โดดเด่นด้วยการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘อินดัสเตรียล เอลลิแกนท์’ (Industrial Elegance) ให้ความรู้สึกเท่ห์แต่ยังคงความหรูหรา มีความแตกต่างอย่างลงตัว แต่ยังคงเอกลักษณ์ ‘Classic With A Modern Twist’ ของแบรนด์มาเอสโตร (MAESTRO)  ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมคลาสสิคแบบยุโรปกับเส้นสายทันสมัยเข้าไว้ด้วยกัน  สะท้อนนิยามการใช้ชีวิตที่มีคุณค่าอย่างพิถีพิถันและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามแบบฉบับของคนเมือง บนทำเลศักยภาพใจกลางกรุงเทพฯด้วยมูลค่าโครงการกว่า 1,700 ล้านบาท เปิดให้ชมห้องตัวอย่างได้ที่โครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2560 และมีงาน Pre-sales ในวันที่ 24-25 มิถุนายน 2560 พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ลงทะเบียนออนไลน์ รับส่วนลดเงินสด 10,000 บาท   ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ในแบบฉบับของคุณ               ‘Live the Life You Desire’ การเลือกใช้ชีวิตในแบบที่คุณต้องการ คือแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา ด้วยอยากให้ผู้อยู่อาศัยมีอิสระในการเลือกใช้ชีวิตและควบคุมทุกสิ่งได้ตามต้องการในทุกมิติ เพราะเชื่อว่าทุกคนมีรูปแบบการใช้ชีวิตตามแบบฉบับของตนเอง เราจึงพัฒนาจากข้อจำกัดการใช้ชีวิตในคอนโดมิเนียมในเมืองใหญ่ซึ่งมีข้อจำกัดทั้งในเรื่องพื้นที่ สิ่งอำนวยความสะดวก และการเดินทาง ให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่บ้านใจกลางเมือง               เลือกที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตในแบบคุณ - มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา เป็นโครงการคอนโดมิเนียมหรูใจกลางเมืองที่ให้ความรู้สึกเสมือนคุณอยู่บ้าน บนเนื้อที่โครงการที่ขนาดใหญ่กว่า 5 ไร่ เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกถือว่าครบครันตามสไตล์แบรนด์มาเอสโตร (MAESTRO)  ที่ พิถีพิถันในการออกแบบโดยใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ บ่งบอกถึงตัวตนของคนรุ่นใหม่ผ่านที่อยู่อาศัย เริ่มตั้งแต่การวางตำแหน่งที่ตั้งของแต่ละอาคารภายในโครงการ เพื่อให้เกิดการถ่ายเทอากาศและช่องแสงที่ให้ผู้อยู่อาศัยได้รับแสงอย่างเหมาะสมในทุกช่วงเวลา อาคารทั้ง 4 อาคารที่ล้อมรอบพื้นที่โครงการให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัว การออกแบบมีการผสมผสานสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปคลาสสิกที่ทรงคุณค่าเข้ากับเส้นสายที่สื่อถึงความทันสมัยตามแบบฉบับของคนรุ่นใหม่ที่มีไลฟ์สไตล์เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีจุดมุ่งหมายในชีวิตที่มาพร้อมกับการดีไซน์ร่วมสมัยแบบ ‘อินดัสเตรียล เอลลิแกนท์’ (Industrial Elegance)  ด้วยการผสมผสานระหว่างโครงเหล็กและหินอ่อนลายเฉพาะที่ผสานความต่างของ 2 สิ่งได้อย่างลงตัว มาพร้อมฟังก์ชั่นพิเศษเน้นความยืนหยุ่นของการใช้งานและบริหารจัดการพื้นที่จำกัดของคอนโดให้สามารถปรับเปลี่ยนตามความต้องการในแต่ละมิติของผู้อยู่อาศัย ด้วยรูปแบบห้องพร้อมฟังก์ชั่นที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้องหน้าหน้ากว้างสูงสุด 12 ม. ให้ความรู้สึกโปร่งสบายเสมือนอยู่บ้าน นอกจากนี้ยังมี Hybrid Sliding Door ให้คุณปรับเปลี่ยนห้องได้อย่างเป็นสัดส่วนตามการใช้งาน, ทางลาดสำหรับผู้สูงอายุหรือคนพิการและอื่นๆ               เลือกใช้ชีวิตในไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ - มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา คือโครงการฯ ที่เข้าใจการใช้ชีวิตของคนเมืองอย่างแท้จริง ตัวอาคารพักอาศัยทั้ง 4 อาคาร ล้อมรอบพื้นที่ส่วนกลาง ที่ตั้งตระหง่านอยู่ใจกลางของโครงการที่มาพร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็น คลับเฮาส์ครบวงจร ประกอบด้วย ล๊อบบี้กลาง (Main Lobby), พื้นที่สร้างสรรค์งาน (Co-working Space), ห้องสมุด, ฟิตเนส, ลานโยคะ(Yoga Terrace Area), ห้องสตมและซาวน่า นอกจากนั้นยังมีสระว่ายน้ำที่ยาวถึง 25 เมตร ลานบาร์บีคิวบนดาดฟ้าอาคารพักอาศัยทั้ง 4 อาคาร ทางวิ่งออกกำลัง (Jogging Track) และสวนขนาดใหญ่ อีกทั้ง บริเวณด้านหน้าโครงการยังมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ พร้อมที่นั่งพักผ่อนตามจุดต่างๆ (Retreat Garden และ Courtyard) ออกแบบอย่างพิถีพิถันเพื่อให้เชื่อมต่อกับพื้นที่ว่างภายนอก โดยมีบ่อน้ำเป็นองค์ประกอบหลักเติมความร่มรื่นและสดชื่นในการพักอาศัยและให้ความเป็นส่วนตัวเมื่อย่างก้าวเข้ามาในตัวโครงการฯ ประหนึ่งได้หยุดพักผ่อนในบ้านที่อบอุ่นท่ามกลางความวุ่นวายเร่งรีบของชีวิตเมือง นอกจากนี้ มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา ยังมีจุดเด่นอีกอย่างตามแบบฉบับของ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ คือเป็นคอนโดมิเนียมที่อนุญาตให้สามารถนำสัตว์เลี้ยงแสนรักมาเลี้ยงในโครงการได้ โดยมีพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงภายนอกอาคารอีกด้วย นอกจากสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการแล้ว มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภายังถูกล้อมรอบด้วยสถานที่ด้านไลฟ์สไตล์ชั้นนำ อาทิ ตลาดนัดรถไฟรัชดา, เอสพลานาด รัชดาฯ, เดอะ สตรีท รัชดา, เซ็นทรัล พระราม 9, เซ็นทรัล ลาดพร้าว, ยูเนี่ยนมอลล์, ตลาดนัดห้วยขวาง รวมไปถึงร้านอาหารและคาเฟ่ที่มีให้เลือกสรรแบบไม่รู้จบ               ตอบโจทย์วิถีคนเมือง กับความสะดวกสบายในการเดินทาง - มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา (MAESTRO19 Ratchada 19-Vipha) มอบประสบการณ์ด้านไลฟ์สไตล์เหนือระดับ บนทำเลทองใจกลางกรุงเทพฯ ทำให้ผู้พักอาศัยมีความสะดวกสบายด้วยการเดินทางหลากหลายรูปแบบ ทั้งรถยนต์ส่วนตัว สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทางที่เชื่อมต่อไปยัง ถนนวิภาวดีรังสิต  ถนนรัชดาภิเษก และถนนลาดพร้าว หรือเลือกเดินทางด้วย MRT ซึ่งห่างจากสถานีรัชดาภิเษกเพียง 650 ม. ด้วยบริการรถรับ-ส่งจากโครงการ สะดวกสบายไม่ว่าจะเข้าเมืองหรือออกนอกเมือง  นอกจากนี้ ตัวโครงการฯยังแวดล้อมไปด้วยย่านธุรกิจที่สำคัญ เช่นอาคารสำนักงานที่ทันสมัยอย่าง อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, ตึก AIA Capital Center, ตึกเมืองไทย-ภัทร, และสถานที่ด้านไลฟ์สไตล์ชั้นนำ ไม่ว่าจะเดินทางไปไหนก็สะดวกสบายและตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์                   โครงการ มาเอสโตร 19 รัชดา ซอย 19 คาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2019 ด้วยราคาเริ่มต้น  2.8 ล้านบาท* แบ่งออกเป็นห้องขนาด 1 และ 2 ห้องนอน โดยสามารถเข้าชมห้องตัวอย่างได้ที่โครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2560 และทำการเปิดขาย Pre-sale ระหว่างวันที่ 24 - 25 มิถุนายน 2560 พร้อมมอบสิทธิพิเศษสำหรับผู้ลงทะเบียนผ่านออนไลน์รับส่วนลดเงินสด 10,000 บาท ผู้ที่สนใจโครงการสามารถติดต่อได้ที่ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โทร 02-116-1111 หรือ เว็บไซต์ http://www.mde.co.th *เงื่อนไขเป็นไปตามที่บริษัทกำหนด   เกี่ยวกับเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์           บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)  ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2542 และจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในปี 2550 มีเป้าหมายในการเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำที่พัฒนาโครงการที่พักอาศัย  คอนโดมิเนียมแบบไฮไรซ์และโลว์ไรซ์คุณภาพระดับไฮเอนด์ ทั้งด้านการออกแบบ การก่อสร้างและการตกแต่งภายในที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นเฉพาะตัว บนทำเลทองใจกลางเมืองทั่วเขตกรุงเทพมหานคร ทุกโครงการได้รับการพัฒนาขึ้นด้วยความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด (Attention to Details) ความตั้งใจที่จะมอบคุณค่าระดับ Top-of-Class และยังเป็นรายแรกๆ ในประเทศไทยที่สร้างสรรค์คอนโดมิเนียมหรูคอนเซ็ปต์ Pet-Friendly นอกจากนี้ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ยังได้ก่อตั้งบริษัทในเครืออีกสี่บริษัทได้แก่ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เอสเตท จำกัด (MDE), บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ฮอสพิทอลลิตี้ จำกัด (MDH), บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ พร็อพเพอร์ตี้ คอนซัลแทนท์ จำกัด (MDC) และบริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ พร็อพเพอร์ตี้ พาร์ตเนอร์ จำกัด (MDP) ด้วยเล็งเห็นความสำคัญของการให้บริการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างครบวงจรสำหรับลูกค้าระดับบน ปัจจุบัน บริษัทฯได้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมที่เสร็จแล้วทั้งหมด 9 โครงการ  โครงการในกรุงเทพมหานคร ได้แก่ โครงการ อกัสตัน สุขุมวิท 22, เอ็ม ทองหล่อ 10, เอ็ม สีลม, เอ็ม พญาไท, เอ็ม ลาดพร้าว , มาเอสโตร 02 ร่วมฤดี, มาเอสโตร 12 ราชเทวี และมาเอสโตร 39 สุขุมวิท 39   โครงการในพัทยาได้แก่ โครงการ รีเฟล็คชั่น จอมเทียน บีช พัทยา  สำหรับโครงการที่กำลังดำเนินการพัฒนาอีก 6 โครงการ ได้แก่ โครงการ เอ็ม จตุจักร, มาเอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยฯ, มาเอสโตร 03 รัชดา-พระราม 9 , มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี, มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ และมาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา โดยมูลค่าโครงการทั้งหมดรวมประมาณ 50,000 ล้านบาท    
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ทุ่มงบลงทุนกว่า 1,700 ล้านบาท ปักหมุดโครงการใหม่ย่านใจกลางรัชดา “มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา (MAESTRO19 RATCHADA19-VIPHA)”

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ทุ่มงบลงทุนกว่า 1,700 ล้านบาท ปักหมุดโครงการใหม่ย่านใจกลางรัชดา “มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา (MAESTRO19 RATCHADA19-VIPHA)”

กรุงเทพฯ 2 มิถุนายน 2560 – บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรมากว่า 18 ปี เปิดตัวโครงการ มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา (MAESTRO 19 RATCHADA 19-VIPHA) คอนโดมีเนียมแบบโลวไรส์ (Low Rise) โครงการที่ 8 ในกลุ่มมาเอสโตร เรสซิเดนซ์ (MAESTRO RESIDENCES)บนทำเลทองใจกลางกรุงเทพฯ ด้วยมูลค่าโครงการกว่า 1,700 ล้านบาท โดดเด่นด้วยการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘อินดัสเตรียล เอลลิแกนท์’ (Industrial Elegance) สะท้อนนิยามการใช้ชีวิตที่มีคุณค่าอย่างพิถีพิถันและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวตามแบบฉบับของคนเมือง เปิดให้ชมห้องตัวอย่างได้ที่โครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2560 และมีงาน Pre-sale ในวันที่ 24-25 มิถุนายน 2560 พร้อมมอบสิทธิพิเศษส่วนลดเงินสด 10,000 บาท สำหรับผู้ลงทะเบียนผ่านออนไลน์ นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “บริษัทฯ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสทางธุรกิจของพื้นที่ทำเลแถบรัชดาที่นับว่ากำลังถูกพัฒนาให้เป็นย่านธุรกิจแห่งใหม่หรือ New CBD ด้วยการเข้าถึงของ MRT และแวดล้อมไปด้วยย่านธุรกิจที่สำคัญ เช่น อาคารสำนักงาน อาคารตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตึก AIA Capital Center ตึกเมืองไทย-ภัทร สถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีน รวมไปถึงแหล่งจับจ่ายของคนเมือง อาทิ ตลาดนัดรถไฟรัชดา เอสพลานาด รัชดาฯ เดอะ สตรีท รัชดา ตลาดห้วยขวาง เซ็นทรัล พระราม 9 ร้านอาหาร และคาเฟ่ที่มีให้เลือกสรรอย่างหลากหลาย โดยมูลค่าพื้นที่บริเวณโครงการได้สูงขึ้นมากกว่าเกือบ 30% เมื่อเทียบกับช่วง 4 ปีที่ผ่านมา จึงถือว่าคุ้มค่ามากกับการเลือกลงทุน” มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา (MAESTRO 19 RATCHADA 19-VIPHA) เป็นคอนโดมิเนียมแบบโลว์ไรส์ (Low Rise) ความสูง 8 ชั้น บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ พรั่งพร้อมด้วยพื้นที่ส่วนกลางและสิ่งอำนวยความสะดวกมากที่สุดภายใต้แบรนด์ มาเอสโตร เรสซิเดนซ์ (MAESTRO RESIDENCES) โดดเด่นด้วยการออกแบบภายใต้คอนเซ็ปต์ ‘อินดัสเตรียล เอลลิแกนท์’ (Industrial Elegance) ให้ความรู้สึกเท่ห์แต่ยังคงความหรูหรา มีความแตกต่างอย่างลงตัว แต่ยังคงเอกลักษณ์ ‘Classic With A Modern Twist’ ของแบรนด์มาเอสโตร เรสซิเดนซ์ (MAESTRO RESIDENCES) ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมคลาสสิคแบบยุโรปกับเส้นสายทันสมัยเข้าไว้ด้วยกัน  โดยห้องชุดแบ่งออกเป็น 2 ประเภทได้แก่ประเภท 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน  หน้าห้องกว้าง 5-12 เมตรและประตูบานเลื่อนที่สามารถปรับได้ตาม function การใช้งานและ Layout แบบหลากหลาย  พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นคลับเฮาส์ครบวงจร ประกอบด้วย ห้องสมุด, พื้นที่สร้างสรรค์งาน (Co-Working Space), ห้องสตีมและห้องซาวน่า, ฟิตเนสและลานโยคะ (Yoga Terrace Area), และสระว่ายน้ำยาวถึง 25 เมตร ลานบาร์บีคิวบนดาดฟ้าอาคารพักอาศัยทั้ง 4 อาคาร ทางวิ่งออกกำลัง (Jogging Track) และสวนขนาดใหญ่ รวมถึงบริการรถรับส่ง (Shuttle service)  เป็นต้น “กลุ่มเป้าหมายหลักของโครงการนี้จะเน้นไปที่ครอบครัวขนาดเล็กและคนวัยทำงานที่ซื้อเพื่ออยู่อาศัยเองหรือลงทุนด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางย่านธุรกิจ การเดินทางออกได้หลายเส้นทาง และใกล้ออฟฟิศต่างๆ อีกทั้ง มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา เป็นโครงการที่มีพื้นที่มากที่สุด และ สิ่งอำนวยความสะดวก (Facility) จัดเต็มที่สุดของมาเอสโตร เรสซิเดนซ์ (MAESTRO RESIDENCES) ที่คุ้มค่ากับราคา” นางสาวเพชรลดากล่าว เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ พิถีพิถันในการออกแบบโดยใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และบ่งบอกถึงตัวตนของคนรุ่นใหม่ผ่านที่อยู่อาศัย เริ่มตั้งแต่การเลือกทำเลการจัดตั้งโครงการ ซึ่ง มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา (MAESTRO 19 RATCHADA 19-VIPHA) ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 5 ไร่ ด้วยจำนวนห้องชุดทั้งหมด 560 ยูนิต บนทำเลใจกลางกรุงเทพฯ เดินทางสะดวกสบายเพียง 650 เมตรจากตัวโครงการฯ ถึงสถานี MRT รัชดาภิเษก พร้อมบริการรถรับ-ส่งจากโครงการ และเส้นทางเชื่อมต่อด้วยรถยนต์ส่วนตัวที่สามารถเข้าออกได้หลายเส้นทางเชื่อมต่อไปยัง ถนนวิภาวดีรังสิต  ถนนรัชดาภิเษก และถนนลาดพร้าว โครงการ มาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภา เป็นโครงการที่ 8 ในกลุ่มมาเอสโตร เรสซิเดนซ์ (MAESTRO RESIDENCES) ซึ่งโครงการที่เปิดตัวไปทั้งหมดก่อนหน้านี้ได้แก่ มาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ, มาเอสโตร 02 ร่วมฤดี, มาเอสโตร 03 รัชดา-พระราม 9, มาเอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยฯ, มาเอสโตร 12 ราชเทวี, มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี และ มาเอสโตร 39 สุขุมวิท 39 ซึ่งโครงการมาเอสโตร 19 รัชดา19-วิภาเปิดให้ชมห้องตัวอย่างได้ที่โครงการฯ ตั้งแต่วันที่ 8 มิถุนายน 2560 และมีงาน Pre-sales ในวันที่ 24 - 25 มิถุนายน 2560 พร้อมมอบสิทธิพิเศษส่วนลดเงินสด 10,000 บาท สำหรับผู้ลงทะเบียนผ่านออนไลน์ ผู้ที่สนใจโครงการสามารถติดต่อได้ที่ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) โทร 02-116-1111 หรือ เว็บไซต์ http://www.mde.co.th