Tag : เสนาดีเวลลอปเม้นท์

10 ผลลัพธ์
SENA ท็อปฟอร์มขึ้นแท่นรองแชมป์ ปี 61 ทุบสถิติครั้งประวัติศาสตร์ในรอบ 3 ปี

SENA ท็อปฟอร์มขึ้นแท่นรองแชมป์ ปี 61 ทุบสถิติครั้งประวัติศาสตร์ในรอบ 3 ปี

SENA จุดพลุประกาศความสำเร็จ “Growth Hormone” ตามโรดแมปปี 61 โตพุ่งปรี๊ดครบทุกองศา ล่าสุดขึ้นแท่นรองแชมป์อันดับ 2 เปิดตัวคอนโดมิเนียมเยอะสุดทั้งในแง่แวร์ลูและควอลิตี้ทำลายสถิติครั้งประวัติศาสตร์ในรอบ 3 ปี   ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปี 2561 ที่ผ่านมามีความท้าทายต่างๆ เข้ามากดดันให้ผู้ประกอบการเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยใหม่อย่างระมัดระวังการแข่งขันในตลาดที่ยังคงเป็นไปอย่างรุนแรงและความต้องการซื้อที่อยู่อาศัยยังมีจำกัด แต่ด้วยกลยุทธ์ของบริษัทสามารถจัดพอร์ตการลงทุนได้อย่างครอบคลุม ครบทุกเซกเมนท์ทำให้ในปีที่ผ่านมา เสนาสามารถทำลายสถิติหลายอย่างให้เป็นไปตามเป้าที่วางไว้   สำหรับปี 2561 ที่ผ่านมา ถือเป็นปีที่พีคที่สุดของเสนาในรอบ 3 ปี ทั้งในแง่การเปิดตัวโครงการใหม่ที่มีมูลค่าและจำนวนยูนิตที่สูงสุด ครองแชมป์อันดับ 2 ในธุรกิจเรียลเอสเตท (เครดิต:จากฝ่ายวิจัย คอลลิเออร์ส์ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย) โดยเฉพาะหากย้อนดูข้อมูลในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน ปี 2561) มีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 15–20   และมีการเปิดตัวโครงการและจำนวนยูนิตเพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับปี 2559 เปิดคอนโดมิเนียม 5 โครงการ 1,654 ยูนิต รวมมูลค่า 2,560 ล้านบาท ปี 2560 เปิดคอนโดมิเนียม 7 โครงการ 4,111 ยูนิต คิดเป็นมูลค่ารวม 8,477 ล้านบาท และปี 2561 เปิดคอนโดมิเนียม 9 โครงการ 6,397 ยูนิต รวมมูลค่า 22,030 ล้านบาท ประกอบกับทางเสนาเองมีพันธมิตรธุรกิจที่แข็งแกร่ง “ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอร์เรชั่น” ร่วมลงทุนพัฒนาโครงการทั้งสิ้น ณ ปัจจุบัน 6 โครงการ ประกอบด้วย 1.นิช โมโน สุขุมวิท-แบริ่ง 2.นิช ไพร์ด เตาปูน-อินเตอร์เชนจ์ 3.นิช โมโน เจริญนคร 4.นิช โมโน เมกะ สเปช บางนา 5.นิช โมโน รามคำแหง และ6.ปีติ เอกมัย รวมมูลค่าทั้งสิ้น 20,846 ล้านบาท ซึ่งสร้างยอดขายเป็นที่น่าพอใจทุกโครงการ นอกจากนี้ทางเสนายังมีพาสเนอร์อย่างบริษัท แอคคิวท์ เรียลตี้ที่เข้ามาช่วยบริหารดูแลด้านการขายอย่างมืออาชีพให้กับหลายโครงการรวมถึงการทำตลาดในต่างประเทศด้วย   ทั้งนี้ทางเสนายังได้นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ ๆ เข้ามาใช้ทุกโครงการทั้งแนวราบและแนวสูง ซึ่งเป็นรายแรกของเมืองไทยที่เดินหน้าพัฒนาโครงการมุ่งเน้นการใช้พลังงานสะอาดแบบ100% โดยการนำร่องติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป (Solar Rooftop) ให้บ้านทุกหลัง และเครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า EV ready รวมทั้งมีบริษัทในเครือเป็นผู้ติดตั้งและจัดจำหน่ายระบบพลังงานแสงอาทิตย์ชั้นนำของประเทศไทย รวมถึงได้ต่อยอดพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ใน Application SENA 360° Service ให้ครบ จบ ง่าย บริการหลังการขายแบบครบวงจรพร้อมดูแลลูกบ้านทุกที่ทุกเวลา   ด้วยหัวใจสำคัญแห่งความสำเร็จครั้งนี้ เสนาวางคอร์เปอเรทแคมเปญใหญ่ “MADE FROM HER” ใส่ใจทุกดีเทลชีวิตจากแนวคิดแบบผู้หญิงเพื่อสร้างจุดต่างและจุดขายให้กับโปรดักส์ในโครงการ ซึ่งความสำเร็จของเสนาในวันนี้เป็นผลพวงจากวิสัยทัศน์ผนวกกับประสบการณ์ที่สั่งสมมาอย่างยาวนานของผู้บริหารระดับสูง และการพัฒนาตัวเองอย่างไม่หยุดยั้งสู่การพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างยั่งยืน            
เสนา ขานรับนโยบายพลังงานสะอาด  หนุนโซลาร์ทุกโครงการ  ช่วยลูกบ้านลดค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งเป้าเป็นผู้นำพลังงานสะอาด 100%

เสนา ขานรับนโยบายพลังงานสะอาด หนุนโซลาร์ทุกโครงการ ช่วยลูกบ้านลดค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตั้งเป้าเป็นผู้นำพลังงานสะอาด 100%

เสนา หนุนแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีมุ่งลดการใช้พลังงานไฟฟ้า หันมาเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทางเลือกในชีวิตประจำวันมากขึ้น เดินหน้าติดตั้งโซลาร์เซลล์ในทุกโครงการ หวังช่วยลูกค้าบริหารค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพ ด้วยนวัตกรรม “โซลาร์ สเกล อัพ” สามารถคำนวณค่าไฟได้ก่อน รองรับการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลกและไลฟ์สไตล์คนไทย ที่เริ่มหันมาใส่ใจพลังงานสะอาด ลดภาวะโลกร้อน พร้อมตอกย้ำตั้งเป้าเป็นผู้นำพลังงานสะอาด 100%   ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA ผู้ดำเนินโครงการหมู่บ้านใช้พลังงานแสงอาทิตย์ (โซลาร์เซลล์) เต็มรูปแบบรายแรกของไทย เปิดเผยว่า จากนโยบายที่รัฐบาลส่งเสริมการผลิตรถยนต์ไฟฟ้า ซึ่งเป็นอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ และไลฟ์ไตล์ผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปตามเทรนด์ การผลิตรถยนต์ในอนาคต ทำให้คาดการณ์ว่า ความต้องการใช้รถยนต์ไฟฟ้า หรือ Electric Vehicle (EV) ในระยะ 5 ปีข้างหน้า จะมีแนวโน้มของการขยายตัวต่อเนื่อง ซึ่งตรงกับแผนดำเนินงานของเสนา ในเรื่องการหันมาให้ความสำคัญของการประหยัดพลังงาน เป็นนโยบายหลักที่จะทำให้ “บ้านทุกหลัง” ของเสนา ใช้พลังงานสะอาดโดยใช้ “โซลาร์เซลล์” ซึ่งในปัจจุบัน เสนา ได้ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) และ เครื่องชาร์จรถพลังงานไฟฟ้า (EV Charger ) ภายใต้ชื่อ EV ready รองรับยานยนต์ที่ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าทั้งแบบไฮบริด และ ปลั๊กอินไฮบริด (PHEV) รวมถึงยานยนต์ไฟฟ้าชนิดแบตเตอรี่ (BEV) ให้กับลูกค้า โดยตั้งเป้าจะติดตั้งให้ได้ทุกโครงการ     ทั้งนี้ การส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนดังกล่าวเป็นไปตามทิศทางของโลกที่ให้ความสำคัญต่อพลังงานสีเขียว พึ่งพาพลังงานทดแทนมากขึ้น ซึ่งจะเห็นได้ว่า เทรนด์การใช้ชีวิตที่จะเกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาด ได้รับการตอบรับจากทุกภาคธุรกิจ ที่จะเข้ามานำเสนอนวัตกรรมรองรับรูปแบบการใช้พลังงานสะอาดที่เปลี่ยนแปลงไป สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจแนว Go Green ของเสนา นอกจากการติดตั้งแผง Solar Cell เพื่อผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์บนหลังคาบ้าน(โซลาร์รูฟท็อป) แล้ว ยังนำนวัตกรรม “โซลาร์ สเกล อัพ (Solar Scale Up)” ที่ช่วยให้ลูกบ้านสามารถปรับ-เพิ่มจำนวนแผง Solar Cell ได้ตามลักษณะการใช้งานของเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน อีกทั้งยังสามารถเลือกช่วงเวลาของการใช้ไฟฟ้า ได้ตามพฤติกรรมของผู้อยู่อาศัยในบ้าน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยประหยัดค่าไฟ และตอบโจทย์พฤติกรรมและไลฟ์สไตล์ผู้อยู่อาศัย เพื่อให้ลูกบ้านสามารถบริหารค่าไฟได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น   จากแผนยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปีของกระทรวงพลังงาน ระบุว่า ในปัจจุบันกระแสไฟฟ้ายังคงเป็นทางเลือกหลักที่คนส่วนใหญ่เลือกใช้ โดยมีอัตราการใช้งานสูงถึง 42% และมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเป็น 47% ในปี 2578 เนื่องจากปัจจัยการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม การเพิ่มขึ้นของประชากร การปรับปรุงมาตรฐานการครองชีพที่ดีขึ้น ทำให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าในชีวิตประจำวันมากขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการด้านต่างๆของมนุษย์ นอกจากนี้ การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เริ่มหันมาสนใจใช้งานรถยนต์ไฟฟ้า แทนรถยนต์ที่ใช้น้ำมันแบบเดิม ก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้สัดส่วนการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงขึ้น     “เนื่องจากผู้บริโภคเริ่มหันมาสนใจการใช้พลังงานทางเลือกมากขึ้น ทำให้เสนาโซลาร์ วางเป้าหมายการเติบโตในแต่ละปี เฉลี่ย 5-10 % โดยในปี 2561 บริษัทตั้งเป้ารายได้อยู่ที่ 480 ล้านบาท และในปี 2562 คาดว่าจะมีรายได้ 500 ล้านบาท และในปี 2563 คาดว่าจะมีรายได้ 520 ล้านบาท” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว     สำหรับโครงการที่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ (Solar Cell) และสถานีอัดประจุไฟฟ้า (EV Charger Station) ภายในโครงการของเสนา ทั้งแนวราบ และคอนโดมิเนียม เพื่อบริการให้กับลูกบ้าน ได้แก่ เสนาพาร์คแกรนด์ รามอินทรา, เสนาพาร์ควิลล์ รามอินทรา – วงแหวน, เสนาวิลล์ ศาลายา, เสนาอเวนิว บางกะดี – ติวานนท์ ,เสนาช็อปเฮ้าส์ พหลโยธิน – คูคต, เสนาช็อปเฮ้าส์ลำลูกกา – คลองสอง, เสนาช็อปเฮ้าส์ บางแค – เทอดไท และคอนโดมิเนียม ได้แก่ นิช โมโน สุขุมวิท 50, นิช โมโน พีค บางนา, และมีเป้าหมายที่จะขยายให้เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เพื่อให้ครอบคลุมการบริการมากขึ้น สนใจสอบถามรายละเอียดได้ที่ 1775 หรือ sena.co.th
Sena Eco Town Ramindra-Wongwaen : เสนา อีโคทาวน์ รามอินทรา-วงแหวน : รีวิวคอนโด

Sena Eco Town Ramindra-Wongwaen : เสนา อีโคทาวน์ รามอินทรา-วงแหวน : รีวิวคอนโด

เสนา อีโคทาวน์ รามอินทรา - วงแหวน (Sena Eco Town Ramindra - Wongwaen) - คอนโด Low Rise สูง 5 ชั้น บนถนนรามอินทราใกล้รถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีรามอินทรา 83 โครงการใหม่ จาก SENA Development รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    1,590,000 บาท . เจ้าของโครงการ    บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะคอนโด    คอนโด Low Rise สูง 5 ชั้น จำนวน 10 อาคาร ที่จอดรถ    100% ที่ตั้งโครงการ   ถ.รามอินทรา - วงแหวน กรุงเทพฯ คาดว่าจะแล้วเสร็จ    เดือน ม.ค. ปี 2562 สถานที่สำคัญใกล้เคียง ห้างแฟชั่นไอส์แลนด์ The Promenade รถไฟฟ้ารามอินทรา 83 โรงพยาบาลสินแพทย์ โรงพยาบาลนพรัตนราชธานี โรงพยาบาลนวมินทร์ Central East Ville ลักษณะห้องและขนาดห้อง 1 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้น 26.00 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก ที่จอดรถ 100 % Solar Cell ส่วนกลาง Digital Community Service Jogging Track Bike Lane 3 กิโลเมตร Pet Garden (พื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง) สนามพัตต์กอล์ฟ Garden Pavilion สระว่ายน้ำยาว 25 เมตร fitness ร้านสะดวกซื้อภายในโครงการ สวนสิบไร่ (Sena Park Avenue) Shuttle car รับส่งโครงการ สถานีรถไฟฟ้า สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 1775 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://sena.co.th/th
SENA เปิดโครงการ “Niche id @ Pakkret Station” ภายใต้คอนเซ็ปต์ ขยายทุกพื้นที่..ให้ชีวิตลงตัว พร้อมฟังก์ชั่นครบทุกการใช้สอย วิวโค้งน้ำเจ้าพระยา ราคาเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท

SENA เปิดโครงการ “Niche id @ Pakkret Station” ภายใต้คอนเซ็ปต์ ขยายทุกพื้นที่..ให้ชีวิตลงตัว พร้อมฟังก์ชั่นครบทุกการใช้สอย วิวโค้งน้ำเจ้าพระยา ราคาเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท

บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) เปิดโครงการ”นิช ไอดี แอท ปากเกร็ด สเตชั่น” มูลค่ากว่า 1,500 ล้านบาท คอนโดมิเนียมพร้อมฟังก์ชั่นครบทุกการใช้สอย วิวโค้งน้ำเจ้าพระยา บนทำเลที่คุ้นเคยเพียง 600 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าปากเกร็ด ราคาเริ่มต้นเพียง 1.29 ล้านบาท พร้อมพรีเซล 1 – 2 กรกฎาคม 2560 นี้  ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แถวหน้าของเมืองไทย และในฐานะ Developer รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ เปิดเผยว่า บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ล่าสุดเปิดโครงการใหม่ “นิช ไอดี แอท ปากเกร็ด สเตชั่น” มูลค่าโครงการกว่า 1,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นคอนโดมิเนียมแนวคิดใหม่ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “ขยายทุกพื้นที่..ให้ชีวิตลงตัว” เป็นโครงการแรกภายใต้แบรนด์ นิช ไอดี ที่โดดเด่นด้วยวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา พร้อมการออกแบบฟังก์ชั่นการดีไซน์ห้องที่ลงตัวและคุ้มค่า ราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท เปิดพรีเซลล์ในวันที่ 1 – 2 กรกฎาคม 2560 “นิช ไอดี แอท ปากเกร็ด สเตชั่น” เป็นโครงการคอนโดมิเนียม High Rise โครงการแรกภายใต้แบรนด์ นิช ไอดี ที่มีความสูงถึง 35 ชั้น 1 อาคาร แบ่งเป็นห้องพัก 857 ยูนิต และร้านค้า 7 ยูนิต รวมทั้งสิ้น 864 ยูนิต สำหรับทำเลที่ตั้งมีศักยภาพและน่าสนใจเพราะติดถนนติวานนท์ ช่วงแยกปากเกร็ด-ถนนศรีสมาน สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีปากเกร็ดที่อยู่ห่างจากโครงการเพียง 600 เมตร พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกรอบด้าน เช่น เซ็นทรัล แจ้งวัฒนะ, เมืองทองธานี, ห้างสรรพสินค้า บิ๊กซี เอ็กซ์ตร้า สาขาแจ้งวัฒนะ, โรงเรียนสวนกุหลาบ นนทบุรี (ตรงข้ามโครงการ) ฯลฯ นอกจากนี้ภายในโครงการยังมีส่วนกลางอำนวยความสะดวกมากขึ้น เพิ่ม ECO Innovation ด้วยการติดตั้ง Solar Pavillion สำหรับพักผ่อนพร้อมชาร์จแบตมือถือจากพลังงานแสงอาทิตย์ และการดูแลความปลอดภัยถึง 3 ระดับ 1. Keycard Access 2. Lift Access 3. CCTV 24 ชม. “โครงการ นิช ไอดี แอท ปากเกร็ด สเตชั่น เป็นโครงการที่ SENA เปิดตัวในไตรมาส 3/2560 และมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เพราะจุดขายบนทำเลวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยา และการออกแบบฟังชั่นการดีไซน์ห้องที่ลงตัวและคุ้มค่า สอดคล้องคอนเซ็ปต์“ขยายทุกพื้นที่..ให้ชีวิตลงตัว” ดร.เกษรา กล่าว รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) กล่าวอีกว่า บริษัทฯ ยังใส่ใจ ดูแลลูกค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ "หัวคิด และหัวใจ" พร้อมบริการดูแลหลังการขาย  360 องศา เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า ด้วยองศาแห่งความอุ่นใจ ในบริการแจ้งซ่อมออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดย SENA We Care , องศาแห่งความสุข ดูแลทุกโครงการให้อยู่สบายโดย Victory , องศาแห่งความสบายใจ วันไหนก็ยังมั่นคงด้วยบริการรับฝากขาย – เช่า โดย 360° Living agent  , องศาแห่งความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะติดต่อหรือติดตาม และยังตรวจสอบปริมาณการลดค่าไฟฟ้าจากโซลาร์ ก็สะดวกสบายด้วยแอพพลิเคชั่น SENA 360° SERVICE
SENA ปักธงปี”60 รายได้โต 20% จากปีก่อน ส่งอสังหาฯแนวสูง-แนวราบบุกตลาดฯต่อเนื่อง ไตรมาส 2/60 เตรียมเปิดใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่า 1.9 – 2.5 พันลบ.

SENA ปักธงปี”60 รายได้โต 20% จากปีก่อน ส่งอสังหาฯแนวสูง-แนวราบบุกตลาดฯต่อเนื่อง ไตรมาส 2/60 เตรียมเปิดใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่า 1.9 – 2.5 พันลบ.

SENA เร่งเครื่องอัพยอดขายครึ่งปีหลัง ไตรมาส 2/60 เตรียมเปิดใหม่ 2-3 โครงการ มูลค่ากว่า1.9 – 2.5 พันล้านบาทผู้บริหารหญิงแกร่ง  “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์”มั่นใจผลงานปีนี้มาตามนัด  รายได้โตเกิน 20% โชว์แบ็คล็อกหนากว่า 3 พันล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาส 2/60 จนถึงปี”61 ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA)ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทยและในฐานะ Developer รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 1/60 มีรายได้รวม 466.30 ล้านบาท กำไรสุทธิ 70.70 ล้านบาท ขณะที่แนวโน้มในช่วงที่เหลือของปีนี้คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่น โดยได้รับปัจจัยหนุนจากยอดขายที่เติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยปัจจุบันบริษัทฯมียอดขายรอโอน (Backlog) ทั้งโครงการแนวราบ และแนวสูงจำนวนกว่า 3,000 ล้านบาท (ณ 31 มีนาคม 2560) ซึ่งจะเป็นการทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ในไตรมาส 2/60 และต่อเนื่องไปถึงปีหน้า สำหรับแผนการดำเนินงานในปี 2560 บริษัทฯเตรียมเปิดใหม่ แผนเปิดโครงการใหม่ประมาณ 10 โครงการ มูลค่าประมาณ 12,000 ล้านบาทและในไตรมาส 2/60 เตรียมเปิด 2 -3 โครงการ มูลค่ารวม 1,900-2,500 ล้านบาท “แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ คาดว่าจะเติบโตอย่างแข็งแกร่ง โดยได้รับปัจจัยหนุนจาการการร่วมมือกับพันธมิตรในการลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงจากธุรกิจพลังงานทดแทน ทั้งในส่วนของโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์รูฟ โดยในปีนี้บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้เติบโต 20% เทียบกับปีที่ผ่านมามีรายได้รวม 4,059  ล้านบาท” ผศ.ดร.เกษรากล่าว สำหรับกลยุทธ์การดำเนินงานในปีนี้ SENA จะเน้นการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาพัฒนาสินค้าและบริการของเราให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น ปีนี้เสนา เราทำงานภายใต้ธีม " Eco Innovation" ซึ่งหมายถึง ลบ 2 บวก 1 เพราะ Eco คือการประหยัดพลังงาน และประหยัดเวลา Innovation คือการนำเทคโนโลยีมาพัฒนาสิ่งที่เราทำอยู่แล้วให้ดียิ่ง ๆ ขึ้น และพัฒนาสิ่งใหม่ๆ เพื่อลูกค้า ซึ่งมีที่เสนาทำไปบ้างแล้วคือการใช้พลังงานไฟฟ้าจากแผลโซลาร์ที่ช่วยลดค่าใช้จ่ายส่วนกลางและเป็นพลังงานสะอาด การทำแอพพลิเคชั่น SENA 360 SERVICE ที่ช่วยให้ลูกค้าเข้าถึงบริการหลังการขายของบริษัทได้โดยง่าย ซึ่งในปี 2560 เรามีแผนการพัฒนาแอพพลิเคชั่นให้ตอบโจทย์ลูกค้าให้สูงสุด ให้ลูกค้าประหยัดพลังงาน และประหยัดเวลา รวมทั้งเราจะเพิ่มประสิทธิภาพของแอพพลิเคชั่น ให้มีบริการที่ครบวงจรยิ่งขึ้น เพื่อที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้ทันการเปลี่ยนแปลงในโลกยุคดิจิทัล
เสนา – ฮันคิว จับมือลุยเปิดคอนโด “นิช ไพรด์ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์” ชูไฮไลท์ปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของวงการ กับ “ส่วนกลาง 30 ชั้น”

เสนา – ฮันคิว จับมือลุยเปิดคอนโด “นิช ไพรด์ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์” ชูไฮไลท์ปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของวงการ กับ “ส่วนกลาง 30 ชั้น”

เสนา – ฮันคิว จับมือลุยเปิดคอนโดใหม่ “นิช ไพรด์ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์” ตอกย้ำความสำเร็จ ชูไฮไลท์ “ส่วนกลาง 30 ชั้น” เขย่าวงการอสังหาฯครั้งแรกในไทย ล่าสุด เตรียมจัด Pre sale 10 มี.ค.นี้ ด้านไนท์แฟรงค์ฯ เผยย่านเตาปูน-บางซื่อ พื้นที่ศักยภาพแห่งใหม่ที่น่าจับตามอง ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวว่าบริษัท เสนา- ฮันคิว 1 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SENA กับบริษัท ฮันคิว เรียลตี้จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในญี่ปุ่น หนึ่งในกลุ่ม บริษัท Hankyu Hanshin Holding Group หลังจากพัฒนาโครงการร่วมกันโปรเจกต์แรก “นิช โมโน สุขุมวิท – แบริ่ง” เมื่อปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าได้รับกระแสการตอบรับดีมากจากตลาดกลุ่มเป้าหมาย ส่วนหนึ่งเกิดจากนวัตกรรมจากญี่ปุ่นที่นำมาใช้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Geo fit+” ลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศญี่ปุ่นและเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่นำนวัตกรรมดังกล่าวเข้ามาใช้ด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จ ล่าสุด เตรียมเปิดโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ “นิช ไพรด์ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์” ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 3 ไร่เศษ ติดรถไฟฟ้าสถานีเตาปูน ถนนประชาราษฎร์ สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับสูง 38 ชั้น 1 อาคาร ทั้งหมด 742 ยูนิต พร้อมอาคารพาณิชย์ สูง 2 ชั้น 1 อาคาร โดยมีให้เลือก 3 แบบ คือ แบบ 1 Bedroom ขนาด 28 -32 ตารางเมตร ,แบบ 1 bedroom plus ขนาด 34.50 ตารางเมตร และ แบบ 2 Bedroom ขนาด 49 ตารางเมตร ราคาเริ่ม 3.2 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตกตารางเมตรละ 1.3 แสนบาท รวมมูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท ด้านการออกแบบที่อยู่อาศัยตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ลงตัว ภายใต้แนวคิดการออก “My Select” นวัตกรรมจากญี่ปุ่น ที่เลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ ไม่ว่าจะเป็น Working Zone สาหรับคนที่ชอบพื้นที่ในการสร้างสรรค์งาน หรือ Relaxing Zone สาหรับคนที่ต้องการพักผ่อนจากความวุ่นวาย และพักอาศัยในห้องชุดเพื่อชาร์จพลัง อีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของสาธารณูปโภคในโครงการ และนับเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาฯกับ “พื้นที่ส่วนกลางกว่า 30 ชั้น” ที่พร้อมให้คุณเลือกกิจกรรมกว่า 7 ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ ทั้ง Active & Passive ไม่ว่าจะเป็น Sky Fitness ห้องออกกำลังกายลอยฟ้าพร้อม Sky Garden ชมสวนสาธารณะพร้อมวิวเมือง, Sky Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือยาวเกือบ 50 เมตร, Sky Lounge, Mini-Theater, Co-Working Space, Kid Club, Yoga Room, Party Room & Recreation Game Room เป็นต้น ด้านนายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึง ทำเลเตาปูน-บางซื่อ จะถูกพลิกโฉมกลายเป็นสถานีศูนย์กลางระบบขนส่งมวลชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปีใน 2563 และเป็นศูนย์กลางด้านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อ MRT ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีบางซื่อและรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีเตาปูนในปลายปี 2560 ที่ผ่านมา เป็นตัวช่วยเพิ่มศักยภาพด้านทำเลที่อยู่อาศัยในบริเวณเตาปูน-บางซื่อเป็นอย่างมาก ผนวกกับแนวคิดการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน Transit Oriented Development (TOD) ครอบคลุมพื้นที่เชิงพาณิชย์กว่า 300 ไร่ ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ดินรอบสถานีรถไฟในรูปแบบ Mixed-use Development โดยจะมีรถไฟฟ้าถึง 4 สายที่เชื่อมต่อกับสถานีกลางบางซื่อในอนาคต ได้แก่ สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีแดงเข้ม และสายสีแดงอ่อน  นอกจากรถไฟฟ้าทั้ง 4 สายแล้ว สถานีกลางบางซื่อยังเป็นสถานีต้นทางของรถไฟฟ้าความเร็วสูง 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ระยะทาง 670 ก.ม. และกรุงเทพฯ – หนองคาย ระยะทาง 615 ก.ม. อีกทั้งยังมีส่วนต่อขยาย Airport Rail Link 5 สถานีจากสถานีพญาไทเชื่อมต่อไปยังสนามบินดอนเมืองกับสนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากมีการพัฒนาด้านขนส่งคมนาคมแล้วยังมีโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ที่นำมาซึ่งการพัฒนาโครงการพื้นฐานอื่นๆตามมา ไม่ว่าจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ การขยายช่องทางจราจร และการก่อสร้างถนนเพิ่มเติมในอนาคต และยังมีโครงการศูนย์การค้า “เกตเวย์ บางซื่อ” มูลค่าการลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท มีพื้นที่รองรับร้านค้าปลีกกว่า 40,000 ตารางเมตร ห่างจากสถานีเตาปูนเพียง 650 เมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการในปีนี้ สถานีกลางบางซื่อ (ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน) ยังจะถูกพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบ (Smart City) ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตัลต่างๆ และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้มอบหมายให้กระทรวงและหน่วยงานภาครัฐอื่นๆทีเกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคเอกชนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่สนใจเป็นหน่วยงานร่วมสนับสนุน เพื่อขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะต้นแบบ (Smart City) อันจะส่งผลด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในย่านเตาปูน-บางซื่อ นับตั้งแต่ปี 2552 ถึง ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ของปี 2560 มีจำนวนอุปทานสะสมทั้งสิ้นประมาณ 30,200 หน่วย มีอัตราการขายสะสม 90% ของจำนวนอุปทานสะสมรวม
SENA สุดเจ๋ง โครงการ the kith plus สุขุมวิท 113 ตอบรับดีเกินคาด ยอดจองพุ่งกว่า 70% คอนโดที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว ฟังก์ชั่นที่ลงตัว ลดค่าไฟด้วยโซลาร์

SENA สุดเจ๋ง โครงการ the kith plus สุขุมวิท 113 ตอบรับดีเกินคาด ยอดจองพุ่งกว่า 70% คอนโดที่ตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว ฟังก์ชั่นที่ลงตัว ลดค่าไฟด้วยโซลาร์

บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ ( SENA ) อวดโครงการ” เดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113” กระแสตอบรับดีเกินคาด …..  ยอดจองพุ่งกว่า 70%   “คอนโดฯ แรกในไทย….ที่ช่วยลดค่าไฟด้วยโซลาร์ “ ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS สำโรง ติดตั้งแผงโซลาร์ “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” เดินหน้าผุดโครงการช่วงที่เหลือต่อเนื่อง - คอนเฟิร์มผลงานปีนี้เจ๋ง!!! ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย และในฐานะ Developer รายแรกที่ทำหมู่บ้านโซลาร์เต็มรูปแบบ เปิดเผยว่า โครงการใหม่ “เดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113 “มูลค่าโครงการ 550 ล้านบาท ได้รับการตอบรับที่ดี จากการเปิดขายในช่วงเดือนกรกฏาคมที่ผ่านมา โดยปัจจุบันมียอดขายแล้วกว่า 70%  และคาดว่าจะสามารถปิดการขายได้ภายในเร็วๆ นี้ พร้อมเตรียมเปิดเฟส 2 ต่อเนื่องเพื่อตอบรับกระแสความต้องการของตลาดในย่านนี้ ทั้งนี้โครงการ “เดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113  เป็นโครงการคอนโดมิเนียมที่มีจุดเด่น ทั้งการเดินทางที่สะดวก เพียง 400 เมตร ถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว  และเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายเหลือง การออกแบบเฟอร์นิเจอร์เป็นแบบพิเศษเฉพาะโครงการ รวมทั้งเป็นโครงการที่นำพลังงานสะอาดจากแสงอาทิตย์มาใช้ โดยการติดตั้งโซลาร์เซลล์ประหยัดไฟฟ้าส่วนกลาง 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ ยังเพิ่มพื้นที่นั่งเล่น ใกล้ชิดธรรมชาติ ติดห้องพักอาศัย ด้วยสวนลอยฟ้า ขนาดใหญ่ กว่า 200 ตรม. ถือเป็นการตอบโจทย์ได้อย่างลงตัว สำหรับห้องที่มีขนาด 28 ตารางเมตร ในราคาเริ่มต้น 1.2 ล้านบาท “โครงการ “เดอะ คิทท์ พลัส สุขุมวิท 113” ได้รับการตอบรับที่ดีมาก หลักๆ ก็มาจากทำเลที่สะดวกเพียง 400 เมตร ถึงรถไฟฟ้าสายสีเขียว แถมยังมีฟังก์ชั่นที่ลงตัว โดยเฉพาะแผงโซลาร์ ที่ช่วยลดค่าไฟ อีกทั้งยังเป็นโครงการที่ให้เฟอร์ฯครบ ในราคาสบายๆ  ซึ่งถือว่าเป็นการตอบโจทย์ได้ดี แบบลงตัว  ภายใต้ราคาที่คุ้มค่าสามารถจับต้องได้ “ผศ.ดร.เกษรา กล่าว ผศ.ดร.เกษรา  กล่าวต่อว่า บริษัททยอยเปิดโครงการใหม่ที่เหลือครบ ภายในปีนี้ตามแผนอย่างต่อเนื่อง ตามแผนงานโครงการใหม่ในปี 2559 มีจำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 4,670 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการแนวราบ 1,980 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 2,690 ล้านบาท นั้น ในช่วงครึ่งปีแรก บริษัทได้เปิดแล้ว 2 โครงการ คือโครงการ SENA Ville บรมราชชนนี – สาย  5  มูลค่าโครงการ 880 ล้านบาท และโครงการ SENA Park Ville รามอินทรา-วงแหวน เฟส 1 มูลค่าโครงการ 1,100 ล้านบาท พร้อมเปิดอีก 5 โครงการอย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง โดยเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาได้เปิด The Kith Plus สุขุมวิท 113 มูลค่าโครงการ  550  ล้านบาท , เดือนกันยายนเปิด The Niche Mono บางนา เฟส 3 มูลค่าโครงการ 160 ล้านบาท  The Niche ID พระราม 2 เฟส 2 มูลค่าโครงการ 540 ล้านบาท และบริษัทจะทยอยเปิดโครงการที่เหลืออีก 2 โครงการ ซึ่งประกอบด้วย  The Kith Lite บางกะดี เฟส 2 มูลค่าโครงการ 310 ล้านบาท และ  The Niche Mono สุขุมวิท 50 มูลค่าโครงการ 1,130 ล้านบาท ส่วนแนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2559  ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้รวม 3,500 ล้านบาท และยอดขายอยู่ที่ 4,500 ล้านบาท ซึ่งในช่วงครึ่งปีแรก มียอดโอนเข้ามาแล้วกว่า 2,500 ล้านบาท และยังมียอดขายรอรับรู้รายได้ (Backlog) ณ วันที่ 30 มิ.ย. 59 อีกกว่า 2,400 ล้านบาท  ซึ่งจะเป็นยอดที่รอรับรู้รายได้ในครึ่งปีหลังประมาณ 1,000 ล้านบาท  อีกทั้งบริษัทฯมีแผนเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่องในครึ่งปีหลังเพื่อสะสมยอดขายรอโอนสำหรับปี 2560 ทั้งนี้ บริษัทฯยังคงให้ความใส่ใจ ดูแลลูกค้าภายใต้คอนเซ็ปต์ “หัวคิด และหัวใจ” พร้อมบริการดูแลหลังการขาย  360 องศา เพื่อสร้างมูลค่าสูงสุดให้แก่ลูกค้า ด้วย องศาแห่งความอุ่นใจ ในบริการแจ้งซ่อมออนไลน์ได้ตลอด 24 ชม. โดย SENA We Care , องศาแห่งความสุข ดูแลทุกโครงการให้อยู่สบายโดย Victory , องศาแห่งความสบายใจ วันไหนก็ยังมั่นคงด้วยบริการรับฝากขาย – เช่า โดย Living agent  , องศาแห่งความสะดวกสบาย ไม่ว่าจะติดต่อหรือติดตาม และยังตรวจสอบปริมาณการลดค่าไฟฟ้าจากโซลาร์ ก็สะดวกสบายด้วยแอพพลิเคชั่น SENA 360° SERVICE
SENA รุกธุรกิจพลังงานทดแทนเต็มเหนี่ยว เปิดตัวบริษัทน้องใหม่ SENA SOLAR ENERGY จ่อรับรายได้โซลาร์กว่า 50 MW ในเดือนม.ค.59 เปิดแผน 3 ปี คว้างานติดตั้งแผงโซลาร์ ขนาดรวม 100 MW

SENA รุกธุรกิจพลังงานทดแทนเต็มเหนี่ยว เปิดตัวบริษัทน้องใหม่ SENA SOLAR ENERGY จ่อรับรายได้โซลาร์กว่า 50 MW ในเดือนม.ค.59 เปิดแผน 3 ปี คว้างานติดตั้งแผงโซลาร์ ขนาดรวม 100 MW

บมจ.เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) ผู้นำอสังหาฯชั้นแนวหน้าของเมืองไทย เปิดตัวบริษัทน้องใหม่ “SENA SOLAR ENERGY” พร้อมทีมผู้บริหาร “ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์” เผยเตรียมรุกธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์เต็มเหนี่ยว จ่อรับรู้รายได้โซลาร์กว่า 50 MW ในเดือนม.ค.59 นี้ พร้อมลุยต่อ โซลาร์ฟาร์ม โซลาร์ รูฟ และอยู่ระหว่างเสนอราคารับงานติดตั้งโซลาร์ให้หน่วยงานราชการ เปิดแผนธุรกิจ 3 ปี ติดตั้งแผงโซลาร์ ขนาดกำลังการผลิตรวม 100 MW ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย แถลงข่าวเปิดตัวผู้บริหารบริษัท SENA SOLAR ENERGY และทิศทางธุรกิจพลังงานทดแทนของบริษัทในอนาคตว่า หลังจากที่บริษัทได้รุกเข้าธุรกิจพลังงานทดแทน เพื่อต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ โดยก่อนหน้านี้ได้ขยายการลงทุนและเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน ผ่านการร่วมลงทุนโครงการโซลาร์ฟาร์ม ร่วมกับบริษัท บี.กริม เพาเวอร์ ซึ่งถือเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจพลังงาน และร่วมกับพันธมิตรยักษ์ใหญ่อย่าง First Solar ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป ที่โครงการบ้านและโฮมออฟฟิศ เพื่อให้ลูกค้ามีรายได้จากการขายไฟให้รัฐ หรือใช้ไฟฟรีนาน 25 ปี  นับว่าเป็นการแสดงถึงการดำเนินธุรกิจในปี 2558 ของ SENA ตามกลยุทธ์ “ไฟนีออน” ที่จะส่องสว่างชัดเจนในด้านการเปิดตัวธุรกิจรูปแบบใหม่ เพื่อต่อยอดธุรกิจหลักของบริษัท แสดงให้เห็นถึงทิศทางการดำเนินธุรกิจของบริษัทที่รุกเข้าสู่ธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์อย่างชัดเจน “ในวันนี้ ทาง SENA ก็ได้เข้าไปเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ ในบริษัท เอท โซลาร์ จำกัด (Eight Solar)หรือ WE Solar เดิม โดยมีผู้บริหารและทีมงานมืออาชีพที่มีประสบการณ์และความเชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมติดตั้งโซลาร์รูฟ โดยมีคุณสุเมธ บุญบรรดารสุข ผู้บริหาร บริษัท วัฒนสุข เอ็นจิเนียริ่ง จำกัด เป็นผู้ก่อตั้งบริษัท เพื่อดำเนินงานด้านการติดตั้งและวางระบบ (EPC) โซลาร์รูฟท็อปมายาวนาน เข้ามาเสริมทัพเพื่อให้ บริษัท เสนา โซลาร์ เอนเนอร์ยี่ จำกัด ซึ่งนับเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญที่ทำให้การดำเนินงานด้านพลังงานแสงอาทิตย์ของ SENA SOLAR ENERGY ครบวงจร” ผศ.ดร.เกษรา กล่าว MR.José Luis Martín , Advisor to CEO, SENA SOLAR ENERGY กล่าวว่า ในฐานะที่มีประสบการณ์ยาวนานในการดำเนินงานเกี่ยวกับพลังงานทดแทน โดยเฉพาะในส่วนของธุรกิจพลังงานแสงอาทิตย์ เชื่อว่าจะเป็นประโยชน์อย่างมากสำหรับการบริหารงานที่ SENA SOLAR ENERGY ซึ่งในอนาคต มั่นใจว่า SENA จะกลายเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯ ชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ที่เป็นเจ้าตลาดพลังงานทดแทนได้อย่างสมบูรณ์แบบ เนื่องจากมีเสนาฯ มีความมุ่งมั่นและตั้งใจในการทำธุรกิจด้านพลังงานทดแทนโดยได้มีการวางแผนงานตลอดจนโครงสร้างไว้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังมีการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องการรับซื้อกระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเอกชนในระยะยาวถึง 25 ปี ซึ่งนับว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่แสดงให้เห็นว่าภาครัฐต้องการให้มีการใช้พลังงานทดแทนอย่างจริงจังด้วย นายสุเมธ บุญบรรดารสุข ผู้ก่อตั้ง บริษัท เอท โซลาร์ จำกัด (EIGHT SOLAR) กล่าวว่า “มั่นใจว่าความร่วมมือกับเสนาฯในครั้งนี้ จะเป็นประโยชน์กับทั้งสองฝ่าย โดยเหตุผลสำคัญที่ร่วมมือกับเสนาฯ เพราะเป็นบริษัทที่ดำเนินธุรกิจโดยคนไทยมาอย่างยาวนานกว่า 30 ปี ทั้งยังมีคณะผู้บริหารที่มีความพร้อมด้านประสบการณ์ ความรู้ และความสามารถ ตลอดจนเจตนารมณ์ในการทำธุรกิจด้านพลังงานทดแทนอย่างชัดเจน นอกจากนี้ ทางเสนาฯ ก็มีความจริงจังที่จะดำเนินงานในด้านพลังงานแสงอาทิตย์ โดยมีโครงการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์กว่า 50 เมกะวัตต์ที่พร้อมจะจ่ายไฟในต้นปีหน้า” ในส่วนของ Eight Solar เป็นบริษัทในเครือของ บริษัท เอ็น.ซี.อาร์ รับเบอร์ อินดัสตรี้ จำกัด ที่ดำเนินธุรกิจมากว่า 55 ปี และ Eight Solar ถือเป็นผู้ประกอบการที่มีความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ในการติดตั้งและวางระบบวิศวกรรม (EPC) โซลาร์รูฟท็อป ซึ่งได้รับอนุญาตจากการพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) โดยที่ผ่านมามีการติดตั้งโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ณ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ขนาดกำลังการผลิต 5 เมกะวัตต์ ให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นอกจากนี้ ยังได้ติดตั้งระบบผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคาให้กับผู้ใช้ตามบ้านพักอาศัยอีกเป็นจำนวนมาก นายสุเมธ กล่าวเพิ่มเติมว่า “ทาง Eight Solar ยังได้รับการแต่งตั้งเป็นผู้แทนจำหน่าย Inverter ของ ABB อย่างเป็นทางการเจ้าแรกในประเทศไทย ซึ่งเป็น Inverter ที่ผลิตในยุโรป ผ่านการรับรองจากการไฟฟ้านครหลวง (MEA) และ การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (PEA) และเป็นตัวแทนจำหน่ายแผงโซลาร์และอุปกรณ์เกี่ยวกับการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ยักษ์ใหญ่ 1 ใน 3 ของโลก อย่างบริษัท  First Solar  ด้วย ซึ่งความพร้อมของทีมงานมืออาชีพ และพันธมิตรชั้นนำจะช่วยเสริมให้การดำเนินธุรกิจพลังงานในครั้งนี้ ดำเนินไปอย่างแข็งแกร่ง และเติบโต” นายสุธรรม โอฬารกิจอนันต์ ประธานฝ่ายการเงิน ของ SENA SOLAR ENERGY กล่าวถึงแผนการดำเนินธุรกิจของบริษัท “ทางบริษัทเริ่มต้นดำเนินธุรกิจด้าน Solar Business โดยต้นเดือนมกราคม 2559 จะเริ่มรับรู้รายได้ จาก Solar Farm และ Solar Roof ที่กำลังผลิตกว่า 50 เมกะวัตต์ และตั้งเป้าหมายกำลังผลิตรวม 100 เมกะวัตต์ ภายใน 3 ปี จากการเป็นผู้สนับสนุนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์แบบติดตั้งบนพื้นดินสำหรับหน่วยงานราชการและสหกรณ์ภาคการเกษตร และ การติดตั้งให้กับลูกค้าทั่วไปทั้งที่เป็นเจ้าของบ้าน เจ้าของโครงการ รวมถึงเจ้าของธุรกิจบางประเภทที่ต้องการติดตั้งโซลาร์รูฟในโครงการ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม สร้างรายได้สม่ำเสมอ รวมถึงเพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายจากใบเรียกเก็บเงินค่าไฟฟ้า  เนื่องจากลูกค้าสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าเพื่อมาใช้เองได้  รวมถึงได้รับค่าบริการสำหรับการควบคุมดูแลและบำรุงรักษาหลังการติดตั้ง (O&M) ” ทั้งนี้ ถือเป็นความสมบูรณ์พร้อมด้าน Solar Business ของบริษัทฯ เพราะเราดำเนินงานทั้งในรูปแบบ Solar Farm และ Solar Rooftop ตั้งแต่กระบวนการติดตั้ง ตลอดจนการบริการหลังการขาย ส่งผลให้บริษัทสามารถให้บริการที่ครบวงจรสร้างความสะดวกสบายให้แก่ลูกค้า นอกจากนี้ ในด้านงานปฏิบัติการและบำรุง (O&M - Operation and Maintenance) ทางผู้บริหารมั่นใจว่า จากประสบการณ์ของทีมผู้บริหารตลอดจนทีมงาน O&M จาก Eight Solar จะสามารถสร้างความต่อเนื่องและสมบูรณ์ของงานให้สามารถทำได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้อย่างแน่นอน
The Niche Pride คอนโดฯสุดหรู Pre-Sales 2 วัน ยอดขายทะลัก 800 ลบ. SENA เตรียมปรับราคาขึ้นในเดือน ก.ย.อีก 5% สอดคล้องราคาตลาดในทำเลเพชรบุรี-รัชดาที่พุ่งพรวด 28%

The Niche Pride คอนโดฯสุดหรู Pre-Sales 2 วัน ยอดขายทะลัก 800 ลบ. SENA เตรียมปรับราคาขึ้นในเดือน ก.ย.อีก 5% สอดคล้องราคาตลาดในทำเลเพชรบุรี-รัชดาที่พุ่งพรวด 28%

บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) และบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ปลื้มกระแสตอบรับโครงการคอนฯ สุดหรู  "The Niche Pride" ที่ตั้งตระหง่านบนถนนเพชรบุรี ใกล้ถนน "ทองหล่อ-เพชรบุรี-พระราม 9" เปิด Pre-Sale แค่ 2 วัน ยอดขายทะลุเป้ากว่า  800 ล้านบาท เตรียมปรับราคาขึ้นอีก 5% ภายในเดือนกันยายนนี้ สอดคล้องราคาคอนโดฯในทำเลเพชรบุรี-รัชดาที่พุ่งพรวด 28% ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์  กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA)   เปิดเผยว่า โครงการคอนโดมิเนียมสุดหรู ใจกลางเมือง "เดอะนิช ไพรด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี" ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่   3 ไร่เศษ ท่ามกลางบรรยากาศที่มีความสงบและเป็นส่วนตัว โดยมีเพียง 1 อาคาร 33 ชั้น จำนวน 667 ยูนิตเท่านั้น ขนาดห้องเริ่มต้น 1 ห้องนอน  30 ตร.ม. ราคาเริ่มเพียง 2.59 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,230 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้เปิด Pre-Sales ในวันเสาร์ที่ 8 และวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยมโดยมียอดจองกว่า 800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนโครงการ และบริษัทเตรียมปรับราคาขายขึ้นอีก 5% ภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับราคาในตลาด ทั้งนี้ โครงการ "เดอะนิช ไพรด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี"  มีจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ตัวอาคารตั้งบนถนนเพชรบุรี เชื่อมทุกความสะดวกสบายในการเดินทาง ใกล้ถนนทองหล่อ ถนนอโศก และถนนพระราม 9 เชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิ สิ่งอำนายความสะดวกแบบครบครัน ทั้งร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ภายในโครงการ และรายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า โรงเรียน และโรงพยาบาลชั้นนำ สามารถตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัว ขณะเดียวกันยังมีความโดดเด่นเรื่องของการออกแบบดีไซน์ตัวอาคารที่นำความงดงามจากธรรมชาติมาผสมผสานอย่างลงตัว ภายนอกอาคารออกแบบด้วยลวดลายเปลือกไม้ Cedar Crust เพิ่มมนต์เสน่ห์ให้อารมณ์แห่งการพักผ่อน พร้อมสวนสวยขนาดใหญ่ ตั้งแต่ทางเข้าจนถึงทุกสัมผัสของการใช้ชีวิตภายในโครงการ อีกทั้งยังดีไซน์ทุกตารางนิ้ว เพื่อรองรับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง ด้วยการคำนึงถึงความคล่องตัวในทุกฟังก์ชั่นของการใช้งาน เต็มตากับวิวเมืองด้วย Unblock View ซึ่งทุกห้องสามารถเปิดรับวิวธรรมชาติและวิวเมืองได้หลากหลายอารมณ์ นอกจากนี้ ยังเพิ่มบรรยากาศที่จะทำให้คุณผ่อนคลายด้วยการโอบล้อมของธรรมชาติรอบตัว เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำยาว 35 เมตร พร้อม Jacuzzi และสระเด็ก ห้องฟิตเนส ซาวน่า Exclusive Lounge และสวนสวยสไตล์ Tropical ขนาดใหญ่ เพื่อการพักผ่อนอย่างลงตัว ขณะที่นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าคอนโดฯ บริเวณถนนเพชรบุรี-รัชดา และย่านสุขุมวิท-พระโขนง ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนอุปทานและราคา โดยคอนโดฯย่านสุขุมวิท-พระโขนง มีราคาเฉลี่ยสูงถึง 226,344 บาทต่อตารางเมตร ในปี 2558 ราคาปรับเพิ่มสูงกว่าปี 2557 ถึง 50% ขณะที่คอนโดฯบริเวณถนนเพชรบุรี-รัชดา มีราคาเฉลี่ยสูงถึง 110,454 บาทต่อตารางเมตรในปี 2558 ราคาปรับเพิ่มสูงกว่าปี 2557 ถึง 28%  ทั้งนี้ บริเวณพื้นที่เพชรบุรี-รัชดา มีจำนวนหน่วยคอนโดฯ ที่เปิดขายโครงการตั้งแต่ปี 2551-ครึ่งปีแรกของปี 2558 รวม 46,363 ยูนิต โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มีจำนวนคอนโดฯ เปิดขายใหม่ประมาณ 4,593 ยูนิต
ผู้ถือหุ้น SENA รับข่าวดี 3 เด้ง! ปันผลเป็นเงินสด-รับสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุน-อัพไซด์ราคาหุ้น

ผู้ถือหุ้น SENA รับข่าวดี 3 เด้ง! ปันผลเป็นเงินสด-รับสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุน-อัพไซด์ราคาหุ้น

ผู้ถือหุ้น SENA รับข่าวดี 3 เด้ง! ปันผลเป็นเงินสด-รับสิทธิ์ซื้อหุ้นเพิ่มทุน-อัพไซด์ราคาหุ้น ครึ่งปีแรกกำไรสุทธิกว่า 111 ลบ.สวนกระแสเศรษฐกิจ เดินหน้าเปิดโครงการใหม่อีก 4-5 โครงการตามแผน   ผู้ถือหุ้น SENA เฮรับข่าวดี 3 เด้ง! บอร์ดไฟเขียวจ่ายปันผลเป็นเงินสดสำหรับงวดผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปี"58 ในอัตรา 0.050604 บาท/หุ้น เด้งที่ 2 รับสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุน RO เด้งที่ 3 อนาคตหุ้นมีอัพไซด์ราคาค่อนข้างสูง เมื่อเทียบกับราคาในกระดาน พร้อมโชว์ผลงานครึ่งปีแรกของปี"58 กำไรสุทธิ  111 ล้านบาท สวนกระแสเศรษฐกิจ "ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์"ประกาศพร้อมเดินหน้าเปิดโครงการใหม่อีก 4-5 โครงการ ตามแผน มั่นใจการสยายปีกเข้าสู่ธุรกิจพลังงานทดแทน หนุนธุรกิจเติบโตอย่างยั่งยืน หนุนผลงานปี"59 เติบโตก้าวกระโดด ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัทในช่วง 6 เดือนแรกของปี 2558 (สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558) มีรายได้รวม 976.44 ล้านบาท กำไรสุทธิ 111.33 ล้านบาท และคณะกรรมการของบริษัทมีมติจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสด สำหรับงวดผลการดำเนินงาน 6 เดือนแรกของปีนี้ ในอัตรา 0.050604  บาท/หุ้น "การประกาศจ่ายปันผลเป็นเงินสดสำหรับงวดผลการดำเนินงานในครึ่งปีแรกของปีนี้ ถือเป็นการให้โบนัสสำหรับผู้ถือหุ้นที่ให้ความไว้วางใจ เสนาฯด้วยดีเสมอมา และผู้ถือหุ้นยังได้รับสิทธิซื้อหุ้นเพิ่มทุนในส่วนที่ขายให้กับ RO ที่เราเตรียมนำเงินที่ได้ไปรุกธุรกิจพลังงานทดแทนเพื่อต่อยอดธุรกิจอสังหาฯ และเพิ่มแหล่งที่มาของรายได้ที่เป็น Recurring Income เพิ่มมากขึ้น ซึ่งนักวิเคราะห์หลายสำนักประเมินว่า เป็นการขยายโอกาสทางธุรกิจ และทำให้ราคาหุ้นมีอัพไซด์ได้อีกมาก เมื่อเทียบกับราคาในปัจจุบัน"ผศ.ดร.เกษรากล่าว ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการบริษัทมีมติอนุมัติขายหุ้นเพิ่มทุนจำนวนไม่เกิน 262 ล้านหุ้น ขายผู้ถือหุ้นเดิม (RO) ในราคาส่วนลดไม่เกิน 50% ของราคาตลาด โดยมีเป้าหมายเพื่อเข้าลงทุนใน TTRE สัดส่วน 99.9995% รุกคืบเข้าสู่ธุรกิจไฟฟ้าพลังงานทดแทน ผ่านการร่วมทุนกับบริษัท บี.กริมเพาเวอร์ จำกัด ในโครงการโซลาร์ฟาร์มกำลังการผลิต 46.5 เมกกะวัตต์ มูลค่าโครงการ 3,336 ล้านบาทเพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงให้บริษัทยิ่งขึ้น เนื่องจากเป็นธุรกิจที่เสี่ยงน้อย และสร้างรายได้สม่ำเสมอในระยะยาว ผศ.ดร.เกษรา กล่าวว่า ตั้งแต่ต้นปีสามารถทำยอดขายอสังหาฯได้แล้วกว่า 2.5-2.6  พันล้านบาท ทำให้มั่นใจว่าทั้งปีจะทำได้ 4.5 พันล้านบาท ตามเป้าหมาย โดยในช่วงที่เหลือของปีบริษัทจะเปิดโครงการแนวราบอีก 4-5 โครงการ มูลค่ารวม 3-4 พันล้านบาท หลังจากเปิดโครงการคอนโดมิเนียมเดอะนิช ไพร์ด ทองหล่อ-เพชรบุรี มูลค่า 2.23 พันล้านบาทไปแล้ว ในเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา"ผศ.ดร.เกษรา   กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ กล่าวอีกว่า ยังคงเป้าหมายรายได้ในปีนี้ไว้ที่ระดับ 3 พันล้านบาท  โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่กว่า 2 พันล้านบาท ซึ่งทยอยรับรู้รายได้ในปีนี้ 1 พันล้านบาท อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าแนวโน้มเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงในปีนี้ ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้ออสังหาริมทรัพย์ และตัวแปรที่สำคัญอีกประเด็นหนึ่งที่กดดันคือ ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งส่งผลให้ลูกค้าบางรายได้รับการปฏิเสธสินเชื่อจากสถาบันการเงิน แต่ด้วยกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจที่เรียกว่า "ไฟนีออน" เชื่อมั่นว่าจะสามารถปรับตัวได้ทันกับสถานการณ์ ขณะที่บทวิเคราะห์ บริษัท เอเอสแอล จำกัด ระบุว่า แนวโน้มธุรกิจของ SENA คาดว่าจะเติบโตอย่างโดดเด่นในปี  2559 ทั้งจากธุรกิจอสังหาฯเดิม และพลังงานทดแทน โดยแนะนำให้ "ซื้อ" ด้วยมูลค่าที่เหมาะสมในปี 2559 ที่ 4.80 บาท/หุ้น ด้วยวิธี PER  อิง P/E ที่ 9 เท่า คิดเป็นอัพไซด์สูงถึง 40.4% และคาดการณ์อัตราเงินปันผลปี 2515-2516 ที่ 3.2% และ 4.3% ตามลำดับ  บริษัทหลักทรัพย์ แลนด์ แอนด์ เฮาส์ จำกัด (มหาชน) แนะนำ "ซื้อ" SENA ราคาเป้าหมายที่ 4.94 บาท/หุ้น เพื่อให้สอดคล้องกับธุรกิจโซล่าร์ที่จะเข้ามาในปีหน้า และ Backlog คอนโดฯที่มีมาก รวมถึงการขายโครงการเดิมที่น่าจะสดใสขึ้น ทำให้เราคาดว่า SENA จะเป็นหนึ่งในบริษัทที่กำไรโตโดดเด่นมากในปีหน้าถึง +50% YoY                  บริษัทหลักทรัพย์เอเซีย พลัส จำกัด (มหาชน) ระบุว่า การก้าวสู่ธุรกิจโซลาร์ฟาร์ม และโซลาร์รูฟ เพื่อเพิ่มความมั่นคงให้กับรายได้และกำไรจะเห็นผลเต็มปีในปี 2559 และหนุนให้กำไรในปี 2559 กลับมาเติบโตสูง 38% yoy โดยราคายังมี upside 35% เทียบกับ FV ปี 2559 ที่ 4.80 บาท จึงแนะนำให้ "ซื้อ"