Tag : เสนา – ฮันคิว

5 ผลลัพธ์
เสนาฯ ปลื้ม “นิช โมโน เจริญนคร” กวาดยอดขาย 770 ล้านบาท

เสนาฯ ปลื้ม “นิช โมโน เจริญนคร” กวาดยอดขาย 770 ล้านบาท

ขายดีเทน้ำเทท่า ก็งานนี้แหละจ้า!! การันตีความสำเร็จจากยอดขายคอนโดมิเนียม ริมแม่น้ำเจ้าพระยาครั้งแรก ภายใต้การร่วมทุนระหว่าง เสนา ฮันคิว นำทัพโดยผู้บริหารหญิงแกร่งแห่งวงการอสังหา ดร.ยุ้ย เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ที่ออกมาบอกว่า โครงการ นิช โมโน เจริญนคร คอนโดหรูวิวโค้งน้ำที่สวยที่สุด เพิ่งเปิดขายเพียงเดือนเศษเท่านั้นก็กวาดยอดขายเกินครึ่ง ตีเป็นมูลค่ากว่า 770 ล้านบาท นี่แว่วๆมาว่า ชั้นบนสุดขายหมดแล้วนะจ๊ะ เพราะนอกจากจะได้รับวิวพาโนราม่าแบบ 360 องศา มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์แบบ Fully furnished ใส่ใจทุกดีเทลของชีวิตผ่านคอนเซปต์ Made From Her ผลตอบรับดีแบบนี้ ใครที่สนใจรีบจับจองเป็นเจ้าของด่วน ถ้าพลาดแล้วจะเสียใจ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 1775 กด 76 ได้เลยจ้า
“เสนา ฮันคิว” โชว์โครงการแฟล็กชิพบริบทใหม่ “ปีติ เอกมัย”  พลิกโฉมที่อยู่อาศัยเน้นบริการระดับเวิล์คลาส

“เสนา ฮันคิว” โชว์โครงการแฟล็กชิพบริบทใหม่ “ปีติ เอกมัย” พลิกโฉมที่อยู่อาศัยเน้นบริการระดับเวิล์คลาส

เสนา ฮันคิว เปิดชมโครงการแฟล็กชิพครั้งแรก “ปีติ เอกมัย” คอนโดมิเนียมระดับลักชูรี่แบรนด์ใหม่ล่าสุด มูลค่าโครงการกว่า 5,000 กว่าล้านบาท พลิกโฉมที่อยู่อาศัยเน้นบริการระดับเวิล์คลาสรูปแบบใหม่ตอบโจทย์ลูกค้าคนเมือง ด้านไนท์แฟรงค์ วิเคราะห์ทำเลเอกมัย ชี้กำลังซื้อลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติยังไปได้สวย ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง โครงการแฟล็กชิพ “ปีติ เอกมัย (PITI EKKAMAI)” คอนโดมิเนียม Segment ลักชูรี่แห่งแรกภายใต้การร่วมทุนบริษัท เสนา ฮันคิว จำกัด และเป็นโครงการร่วมทุนที่มีมูลค่าสูงสุดในปีนี้กว่า 5,000 ล้านบาท ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพย่านเอกมัย โดยการนำหลักปรัชญาชีวิตจากแนวคิดญี่ปุ่น “IKIGAI (อิคิไก)” เข้ามาใช้ผสมผสานทุกรายละเอียดของงาน ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Good Living is The New luxury” โดยการนำโปรดักส์และพื้นที่ส่วนกลางมาผสมผสานเข้าด้วยกัน เพื่อให้เป็นที่พักอาศัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวพรั่งพร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานอันหลากหลายมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนไทยได้อย่างลงตัว บนทำเลคุณภาพและทุกๆช่วงเวลาของทุกวันเป็นการใช้ชีวิตที่มีความสุขและมีคุณค่าบนพื้นที่ส่วนกลางกว่า 1,900 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในย่านเอกมัย โครงการ “ปีติ เอกมัย (PITI EKKAMAI)” พร้อมเติมเต็มประสบการณ์การอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบและเพื่อให้ทุก Moment ของปีติมีความสุขและมีคุณค่า ดังนี้ · ฟังก์ชั่นการใช้งานตอบโจทย์ความสุขทุกมิติการอยู่อาศัย โครงการตั้งอยู่ใจกลางเอกมัย (ช่วงบริเวณซอยเอกมัย 26) โดยลักษณะเป็นอาคารสูง 37 ชั้น รวมทั้งหมด 879 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต แบ่งเป็นแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 29 – 40 ตารางเมตร และแบบ 2 ห้องนอน 51 – 64 ตารางเมตร ในราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 170,000 บาทต่อตรม. หรือ 4.45 ล้านบาทต่อยูนิต*โดยเริ่มก่อสร้างในปี 2562 และคาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปี 2564 · หนึ่งเดียวบนทำเลศักยภาพที่ดินผืนงามย่านเอกมัย ทำเลที่มีครบทุกเช็คลิสต์สำหรับผู้ที่มองหาคอนโด เพราะเป็น Prime Area ย่านไลฟ์สไตล์ทันสมัยและมีระดับ ศูนย์รวมธุรกิจชั้นนำของกรุงเทพฯ รองรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ อาทิ Park Lane คอมมูนิตี้มอลล์ ,Health Land,Gate way Ekkamai ,Big C เป็นต้น และโรงพยาบาลคามิลเลียน โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ใกล้สถานศึกษาชั้นนำ เช่น โรงเรียนนานาชาติ SP International Kindergarten, Ekkamai International School · โดดเด่นด้วยพื้นที่ส่วนกลางบนชั้น 37 กว่า 1,900 ตารางเมตรใหญ่ที่สุดและตอบโจทย์การใช้งานได้มากกว่าพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบและสมบูรณ์แบบที่สุดบนถนนเอกมัย ประกอบด้วย Sky Fitness ,สระว่ายน้ำระบบเกลือ วิว Panorama , Kid ‘ s Pool, Jacuzzi Pool ,Hydro Pool,Boxing Zone,Yoga Zone , Golf simulator, Library, Spa, Sauna, Steam, Tree House , Sky park, lkigai room , Leveling lawn · สถาปัตยกรรมเอกลักษณ์เฉพาะ “Third Place” แลนด์มาร์คแห่งใหม่บนเอกมัย ประกอบด้วย Convenient Store ,Restaurant ,Casa Lapin Coffee Shop ,Co – working Space และ Digital Service : Wash Box ,Smart Locker ,Vending Machine ,Refun (ตู้หยอดขวดพลาสติก) · บริการเอ็กซ์คลูซีฟเหนือระดับ อาทิ Midnight Reception and Butler Service Laundry Service Shop ,Parking Guidance Systems ,Access Control · เทคโนโลยีล้ำด้วย 360 องศา Application เฉพาะทาร์เก็ตลูกค้าปีติ เอกมัย เติมเต็มทุกช่วงเวลาให้คุณได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น fixzy บริการที่จะช่วยดูแลรักษา และ ซ่อมแซมบ้านจากมืออาชีพ Shuttle Car Service Feeder และ Smart Locker บริการ 24 ชั่วโมง พร้อมแจ้งเตือนไปยัง Application ได้ทุกช่วงเวลา · ที่จอดรถมากสุดในย่านเอกมัย คิดเป็น 70% (612 คัน)   ด้านคุณพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด พูดถึงตลาดคอนโดมิเนียมย่านทองหล่อ-เอกมัย ซึ่งขอบเขตพื้นที่ศึกษาครอบคลุมตั้งแต่ถนนสุขุมวิทซอย 55 ถึงสุขุมวิทซอย 63 จากการสำรวจและวิจัย พบว่ามีอุปทานสะสมในพื้นที่นี้ตั้งแต่ปี 2551 ถึงครึ่งปีแรกของปี 2561 รวมทั้งสิ้น 6,112หน่วย โดยปี 2554 เป็นปีที่มีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดสูงสุดถึง 1,268 หน่วย เติบโตกว่า 365% เมื่อเทียบกับปี 2551 อย่างไรก็ตาม อุปทานใหม่ระหว่างปี 2555 – 2557 ได้ปรับตัวลดลงอยู่ในระดับคงตัวเฉลี่ย 330 หน่วยต่อปี และลดลงต่ำสุดเหลือเพียง 88 หน่วย ในปี 2558 ทั้งนี้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้งในปี 2559-2560 มีอุปทานใหม่เข้ามาเฉลี่ย 914 หน่วยต่อปี ส่วนครึ่งปีแรกของปี 2561 มีคอนโดมิเนียมใหม่เข้าสู่ตลาด 220 หน่วย เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง คาดว่ามีอีกไม่ต่ำกว่า 2,800 หน่วย ที่จะทยอยเปิดตัวภายในปีนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ในปี 2561 ทั้งปีจะมีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดสูงถึง 3,000 หน่วย สูงที่สุดในรอบ 11 ปีเลยทีเดียว และเป็นที่น่าสังเกตว่ากว่า 40% ของคอนโดมิเนียมที่จะเปิดใหม่ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่เอกมัย ซึ่งเป็นสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่าทำเลนี้ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยปัจจัยหนุนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งซึ่งรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยสะดวกครบครัน นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากทองหล่อ ในขณะที่ราคาสามารถเอื้อมถึงได้มากกว่า ด้านอุปสงค์พบว่าคอนโดมิเนียมที่เปิดขายในทำเลทองหล่อ-เอกมัยได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้ซื้อทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยโครงการที่เปิดตัวระหว่างปี 2551 – 2559 นั้น ณ. ปัจจุบันได้ปิดการขายไปหมดแล้ว ส่วนโครงการที่เปิดตัวในปี 2560 และครึ่งแรกของปี 2561 ณ ปัจจุบันมียอดขายเฉลี่ยอยู่ที่ 70% และ 35% ตามลำดับ สาเหตุที่ยอดขายของโครงการใหม่ในครึ่งปีแรก 2561 ยังไม่หวือหวา คาดว่าเกิดจากการที่ผู้ซื้อรอดูโครงการใหม่ที่จะเปิดตัวในครึ่งปีหลังเพื่อเปรียบเทียบก่อนตัดสินใจ ส่วนราคาห้องชุดพบว่ามีขายโดยเฉลี่ยของโครงการเปิดใหม่ในพื้นที่ทองหล่อ-เอกมัย (ณ.สิ้น มิ.ย. 2561) อยู่ที่ประมาณ 248,000บาท/ตร.ม. ทองหล่อมีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 317,000 บาท/ตร.ม. และเอกมัยมีราคาขายเฉลี่ยประมาณ 180,000 บาท/ตรม. ที่มา :ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย อย่างไรก็ดีย่านทองหล่อ – เอกมัย ถือว่ายังเป็นทำเลที่มีศักยภาพมากที่สุดบนถนนสุขุมวิท ด้วยปัจจัยหนุนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งซึ่งอยู่ใจกลางเมือง สามารถเข้าออกได้จากหลากหลายเส้นทางทั้งโดยรถยนต์ส่วนตัว รถไฟฟ้า BTS และรถโดยสารสาธารณะรูปแบบต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นซอยเล็กซอยน้อยที่มีอยู่ในทองหล่อ-เอกมัย ยังช่วยให้เดินทางทะลุไปยังถนนเส้นสำคัญและซอยต่างๆได้มากมาย ทั้งถนนสุขุมวิทสายหลักถนนพระราม 4 ถนนเพชรบุรี ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ซอยสุขุมวิท 49 สุขุมวิท 51 สุขุมวิท 53 และสุขุมวิท 71 (ปรีดี พนมยงค์) เป็นต้น ทำให้ทำเลนี้สะดวกทุกการเดินทาง ทั้งสำหรับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัวและคนที่ชื่นชอบการใช้บริการรถสาธารณะ ส่วนในอนาคต เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเทาระยะที่ 1 (วัชรพล-ทองหล่อ) เปิดให้บริการ ก็จะช่วยเติมเต็มการคมนาคมในพื้นที่ทองหล่อ-เอกมัยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและเสริมให้ทำเลดังกล่าวมีมูลค่าสูงกว่าปัจจุบันหลายเท่าตัว สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมโครงการและห้องตัวอย่าง สัมผัสประสบการณ์แห่งการอยู่อาศัยเหนือระดับบนนิยาม “Good Living is The New luxury” เวิล์คลาสรูปแบบใหม่ผ่านหลักปรัชญาชีวิตจากแนวคิดญี่ปุ่น “IKIGAI (อิคิไก)” พบกันได้แล้ววันนี้ติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ http://bit.ly/2tPEUtO หรือโทร.1775 กด 63
เสนา ฮันคิว ปั้นแบรนด์ลักชูรี่คอนโด เปิดตัวครั้งแรกบนที่ดินแปลงใหญ่สุดย่านเอกมัย

เสนา ฮันคิว ปั้นแบรนด์ลักชูรี่คอนโด เปิดตัวครั้งแรกบนที่ดินแปลงใหญ่สุดย่านเอกมัย

  เสนา ฮันคิว ประกาศลุยโปรเจกต์ร่วมทุนโครงการ 3 เปิดหน้าดินย่านเอกมัย ผุดคอนโดลักชูรี่ “ปีติ เอกมัย (PITI EKKAMAI)” มูลค่ารวม 5,000 ล้านบาท ดึงหลักปรัชญาชีวิตจากแนวคิดญี่ปุ่น “lKIGAI (อิคิไก)” จุดประกายการใช้ชีวิตให้มีความสุขและมีคุณค่า พร้อมตอกย้ำศักยภาพพันธมิตรหวังเดินเกมธุรกิจระยะยาว เผยมีแผนโครงการร่วมทุนมูลค่าสูงถึง 23,000 ล้านบาท จ่อปักหมุดปีนี้   คุณยูสุเกะ คุสุ รองประธานกรรมการบริหาร ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอร์เรชั่น เปิดเผยถึงการลงทุนในเมืองไทยว่า ตลอดระยะเวลา 2 ปีที่ผ่านมา ทางบริษัท ฮันคิว ร่วมทุนพัฒนาโครงการกับทางบริษัทเสนามาแล้ว 2 โครงการ ประกอบด้วย นิช โมโน สุขุมวิท – แบริ่ง และ นิช ไพรด์ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์ รวมมูลค่ากว่า 7,000 ล้านบาท ปัจจุบันทั้ง 2 โครงการมียอดขายเป็นที่น่าพอใจมาก ล่าสุดพัฒนาโครงการที่ 3 ร่วมกันเป็นโครงการระดับลักชูรี่แบรนด์ใหม่ที่มีมูลค่าสูงสุดในปีนี้ ซึ่งมีความมั่นในความเป็นมืออาชีพของทางเสนาเป็นอย่างมากและเชื่อว่าโครงการนี้จะประสบความสำเร็จเหมือนโครงการที่ผ่านๆมาอย่างแน่นอน และทางฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปฯ เองได้มองถึงแผนการพัฒนาโครงการร่วมกันในระยะยาวต่อจากนี้ด้วยเช่นกัน ด้านผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยครึ่งปีหลัง 2561 มีแนวโน้มกระเตื้องขึ้น คาดว่าปีนี้จะโตได้ 3-5% หลักๆ มาจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจภายในประเทศ ขณะที่ดีมานด์ระดับบนยังมีสัญญาณที่ดีและเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมตลาดคอนโดมิเนียมแนวรถไฟฟ้าหรือระบบ Mass Transit ยังมีความต้องการสูงขึ้นทุกปี ดังนั้น ทางเสนา ฮันคิว พร้อมต่อยอดพัฒนาคอนโดมิเนียมร่วมกันบน Location ที่ดีที่สุดในย่านใจกลางเมือง และได้นำเอาหลักปรัชญาชีวิตจากแนวคิด “IKIGAI (อิคิไก)” มาร่วมสร้างสรรค์เอกลักษณ์ทั้งมิติด้านฟังก์ชั่นและเติมเต็มมิติด้านสุนทรียศาสตร์ภายในโครงการให้กับลูกค้า เพื่อให้ตอบโจทย์ทุกความต้องการในการใช้ชีวิตของคนเมือง ณ ปัจจุบัน และรองรับความต้องการของลูกค้าระดับบนที่มองหาที่อยู่อาศัยบนทำเลศักยภาพย่านใจกลางเมือง ดังนั้นจึงเป็นโอกาสและสัญญาณที่ดีในการรุกพัฒนาคอนโดมิเนียมหรูระดับ“ลักชูรี่”และเป็นโครงการแรกของเสนาในปีนี้   “ถือว่าเป็นก้าวครั้งใหม่ของเสนากับการเปิดตลาดคอนโดมิเนียมระดับลักชูรี่เป็นครั้งแรก และเป็นอีกหนึ่งความท้าทายของเสนา ซึ่งทางบริษัทก็มีความพร้อมในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นทีมงานที่มีคุณภาพ ผลิตภัณฑ์ที่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยของลูกค้า รวมถึงพันธมิตรที่แข็งแกร่งและมีศักยภาพมาก อย่างบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอร์เรชั่น พันธมิตรธุรกิจอันดับต้นๆ ของประเทศญี่ปุ่น โดยมีแผนพัฒนาโครงการร่วมกันปีนี้อย่างน้อย 7 โครงการ รวมมูลค่าสูงถึง 23,000 ล้านบาท” สำหรับคอนโดมิเนียมลักชูรี่แบรนด์ใหม่ “ปีติ เอกมัย (PITI EKKAMAI)” นับเป็นโครงการร่วมทุนที่ 3 ภายใต้การร่วมทุนชื่อบริษัท เสนา ฮันคิว จำกัด ที่มีมูลค่าโครงการรวม 5,000 ล้านบาท เป็นโครงการคอนโดมิเนียม บนเนื้อที่ 4 – 2 -75 ไร่ ตั้งอยู่ใจกลางเอกมัย (ช่วงบริเวณซอยเอกมัย 26) โดยลักษณะเป็นอาคารสูง 37 ชั้น 1 อาคาร รวมทั้งหมด 897 ห้อง และร้านค้า 3 ยูนิต ราคาเริ่มที่ 4.45 ล้านบาท หรือ เฉลี่ยตารางเมตรละ 170,000 บาท   โดยคีย์ไฮไลท์การพัฒนาโครงการได้มีการนำหลักปรัชญาชีวิตจากแนวคิดญี่ปุ่น “IKIGAI (อิคิไก)” เข้ามาใช้ผสมผสานทุกรายละเอียดของงาน Concept และโปรดักส์รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางเข้าด้วยกัน เพื่อให้เป็นโครงการพักอาศัยที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวพรั่งพร้อมด้วยฟังก์ชั่นการใช้งานอันหลากหลายมาประยุกต์ให้เข้ากับไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยของคนไทยได้อย่างลงตัว ภายใต้แนวคิดใหม่ “Good LIVING is the New Luxury” ให้คุณมีชีวิตที่ดีบนทำเลคุณภาพและทุกๆช่วงเวลาของทุกวันเป็นการใช้ชีวิตที่มีความสุขและมีคุณค่าบนพื้นที่ส่วนกลางกว่า 1,900 ตารางเมตร ใหญ่ที่สุดในย่านเอกมัย   ร่วมสัมผัสประสบการณ์ใหม่และครั้งแรก "SENA Online Booking" ลงทะเบียนจองสิทธิ์ก่อนใคร ตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่2ส.ค.และจองจริงพร้อมกัน2ส.ค.นี้ตั้งแต่เที่ยงวัน-22.00น.ที่ https://onlinebooking.sena.co.th สอบถามเพิ่มเติมโทร.1775
NICHE Pride Taopoon – Interchange ที่สุดของความลงตัว..กับชีวิตที่เพียบพร้อมทุกรูปแบบ : รีวิวคอนโด

NICHE Pride Taopoon – Interchange ที่สุดของความลงตัว..กับชีวิตที่เพียบพร้อมทุกรูปแบบ : รีวิวคอนโด

เมื่อทำเลและการเดินทางเป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมสักแห่งไว้สำหรับอยู่อาศัยหรือปล่อยเช่า “เตาปูน” ก็เป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพใหม่ที่น่าสนใจนะคะ เนื่องจากอยู่ติดกับย่านบางซื่อ Hub ใหญ่ในอนาคตที่ห่างไม่ไกลจากตัวเมืองและกำลังถูกพัฒนาให้เติบโตขึ้น เต็มไปด้วยความเจริญและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงเส้นทางคมนาคมที่สามารถเข้าถึงทุกส่วนของกรุงเทพได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะการเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT จุด Interchange ทั้ง 2 สาย ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีบางซื่อ) และรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีเตาปูน) ก็นับว่าเป็นจุดเด่นของทำเลในย่านนี้เลยล่ะ   ด้วยทำเลที่ดีเปี่ยมไปด้วยศักยภาพ แน่นอนค่ะว่าต้องมีที่อยู่อาศัยแนวดิ่งอย่างคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากมาย ทั้งโครงการที่สร้างเสร็จแล้วและโครงการใหม่ที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก “NICHE Pride Taopoon – Interchange (นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์)” ของ SENA ที่ร่วมทุนกับ Hankyu Realty ผู้นำโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในญี่ปุ่น มาพัฒนาต่อยอดความสำเร็จจากโครงการแรกที่มีกระแสตอบรับดีมากๆ จนเกิดเป็นคอนโดมิเนียมหรูบนทำเลทองย่านบางซื่อ-เตาปูน อยู่ติดรถไฟฟ้า MRT สถานีเตาปูนเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ซึ่งเราจะพาทุกคนไปชมห้องตัวอย่างก่อนใครในวันนี้..   สำหรับโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ (ประชาราษฎร์ สาย 2) เลยแยกเตาปูนไปทางบางโพ ซึ่งเป็นย่านอยู่อาศัยชุมชนเก่าซะส่วนใหญ่ เพราะมีความอุดมสมบูรณ์สูงทั้งตลาด, ร้านค้า, ร้านอาหาร รวมถึงบ้านเรือนและคอนโดฯ ทั้ง High Rise และ Low Rise อยู่หลายโครงการ โดยปกติราคาคอนโดฯ ในโซนนี้เริ่มสูงขึ้นและมักโฆษณาว่าอยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” เป็นโครงการเดียวที่อยู่ติด MRT สถานีเตาปูน มากที่สุดในตอนนี้ค่ะ   การเดินทางของคนใช้รถยนต์ก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายและคล่องตัวอยู่พอตัวเลยนะคะ เพราะอย่างที่บอกไปว่าโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ การเดินทางเข้านอกออกเมืองจึงจัดว่าสะดวกสบายเพราะสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย เส้นทางหลักที่ต้องใช้คือถนนประชาราษฎร์สาย 2 ถ้าจะเข้าเมืองก็สามารถใช้ถนนประชาราษฎร์สาย 1 วิ่งไปออกสามเสนก็จะเข้าเชื่อมกับเส้นราชเทวีแล้วค่ะ จากนั้นจะไปอนุสาวรีย์ชัยฯ หรือสยามก็ไม่ใช่เรื่องยาก หรือจะเลือกใช้ถนนเตชะวณิชวิ่งมาออกถนนพระรามที่ 5 ก็ไปถึงเส้นราชเทวีได้เช่นกัน ส่วนถ้าจะเดินทางออกนอกเมืองฝั่งวงศ์สว่างก็สามารถใช้เส้นประชาราษฎร์สาย 1 ไปตัดกับถนนวงศ์สว่างได้พอดี หรือจะข้ามสะพานพระราม 7 ไปฝั่งจรัญสนิทวงศ์ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้เส้นกรุงเทพ-นนทบุรี ไปออกวงศ์สว่างได้เช่นกัน ส่วนถนนประชาชื่นจะไปตัดกับถนนรัชดาภิเษก วิ่งไปออกวิภาวดีรังสิต หรือยาวไปพระรามเก้าได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้ทางด่วนแยกประชานุกูลและทางด่วนศรีรัชวงแหวนรอบนอกในเวลาเร่งด่วนได้อีกด้วย   สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ บอกได้คำเดียวว่าสะดวกที่สุดค่ะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ทำให้มีรถเมล์, รถแท็กซี่ รวมถึงวินมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด จุดเด่นของโครงการคืออยู่ใกล้ MRT สถานีเตาปูน (ทางออก 4) ในระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ ซึ่งสถานีเตาปูนเป็นสถานีอินเตอร์เช้นจ์ระหว่างสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง ถ้าใครอยากจะเข้าเมืองไปช็อปปิ้งก็สามารถใช้ MRT จากสถานีเตาปูน นั่งรถไป 5 สถานีก็จะถึงสถานีพหลโยธิน ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว และยูเนี่ยนมอลล์ให้เลือกช็อปได้จุใจ หรือถ้าอยากจะใช้บริการ BTS ก็นั่ง MRT ไปลงที่สถานีจตุจักร เพื่อเชื่อมกับ BTS สถานีหมอชิต ก็ยังได้ แถมในอนาคตพื้นที่ละแวกโครงการยังมีแผนพัฒนาให้เป็นสถานีรถไฟฟ้ารูปแบบ Mixed-use Development โดยมีรถไฟฟ้าถึง 4 สายเชื่อมต่อกับสถานีกลางบางซื่อ ได้แก่ สายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีแดงเข้ม และสายสีแดงอ่อน อีกทั้งยังเป็นสถานีต้นทางของรถไฟฟ้าความเร็วสูง 2 เส้นทาง (กรุงเทพ-เชียงใหม่ และกรุงเทพ-หนองคาย) รวมถึงส่วนต่อขยาย Airport Rail Link 5 สถานีจากพญาไทเชื่อมต่อไปยังสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิอีกด้วย   นอกจากการพัฒนาด้านคมนาคมแล้วยังมีโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ที่นำมาซึ่งความเจริญมากมาย อาทิ สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่, การขยายช่องทางจราจร และการก่อสร้างถนนเพิ่มเติมในอนาคต แถมยังมีโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ‘เกตเวย์ บางซื่อ’ รองรับร้านค้า และร้านอาหารมากมาย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโครงการเลย เพราะอยู่ห่างจากสถานีเตาปูนเพียง 650 เมตรเท่านั้น (คาดว่าจะเปิดบริการภายในปี 2561 นี้) ถ้าศูนย์การค้าเปิดบริการเมื่อไหร่ ตัวเลือกการจับจ่ายใช้สอยก็มีเพิ่มขึ้น ยิ่งในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าทุกสายเชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้ว การเดินทางไปแต่ละจุดหมายด้วยรถไฟขบวนเดียว ของลูกบ้านโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” ก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้นค่ะ   วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT นั่งมาลงที่สถานีเตาปูนนะคะ ซึ่งตอนนี้รถไฟฟ้าเตาปูนได้เปิดให้เชื่อมกับสายสีน้ำเงินที่สถานีบางซื่อโดยสมบูรณ์แล้ว เราจึงจะลองพาเดินจากรถไฟฟ้าไปโครงการกันดูค่ะ ทางออกไปฝั่งเตาปูนจะต้องเดินลงบันไดเลื่อนลงไปอีกชั้นหนึ่งนะคะ ทางออกไปโครงการจะอยู่ที่ทางออก 4 (ถนนประชาราษฎร์ สาย 2) ตามป้ายเลยนะคะ เมื่อรู้ทางออกแล้วก็แตะบัตรออกไปชมโครงการกันเลย เดินลงบันไดเลื่อนจากสถานีมาก็เจอวินมอเตอร์ไซด์แล้วค่ะ แต่สำหรับโครงการที่เราจะไปวันนี้ไม่ต้องพึ่งพี่วินนะคะ เพราะเดินเท้าแค่ไม่กี่เก้าก็ถึงแล้ว ทางออกฝั่งโครงการจะอยู่บริเวณสี่แยกเตาปูนนะคะ จะเห็นว่าพื้นที่ฝั่งตรงข้ามแม้จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่หันหน้าออกถนนใหญ่ แต่ก็มีร้านทอง ร้านขายยา ขายของ ร้านไฟฟ้า และรับซ่อมของอยู่เป็นระยะๆ บรรยากาศของอาคารพาณิชย์ฝั่งตรงข้ามโครงการ บรรดาอาคารตึกแถวร้านค้าโดยรอบถือว่าอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านในระยะทางเดินใกล้ๆ ได้ดีเลยนะคะ หากใครอยากจับจ่ายใช้สอยซื้อของสดก็สามารถไปตลาดเตาปูนได้ง่ายๆ ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ใช้ได้เลยทีเดียว แถมปัจจุบันยังมีคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ขึ้นมามากมาย ทำเลย่านนี้จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับมาที่ฝั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีเตาปูน ทางออก 4 กันต่อดีกว่าค่ะ จากบันไดทางลงเดินถัดมาอีกนิดเดียวก็ถึงสำนักงานขายของโครงการแล้วค่ะ มาถึงโครงการแล้วค่ะ พื้นที่ตรงนี้เป็นส่วนของสำนักงานขายนะคะ ซึ่งก็ออกแบบให้ดูเก๋ แปลกตาไม่เหมือนใครด้วยดีไซน์สไตล์โมเดิร์นทรงกล่อง ใช้สีส้มและสีเทาเป็นสีหลัก ทางเข้า-ออกเพื่อเยี่ยมชมโครงการในตอนนี้นั้นจะใช้ถนนประชาราษฎร์สาย 2 เป็นหลักนะคะ ซึ่งเข้ามาก็จะเจอกับรปภ. และพื้นที่จอดรถขนาดใหญ่ เจาะลึกโครงการ โครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” เป็นคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น จำนวน 742 ยูนิต พร้อมอาคารพาณิชย์สูง 2 ชั้น 1 อาคาร รวมทั้งร้าน Mini-Mart & Coffee Cafe บนที่ดิน 3-1-64.1 ไร่ สามารถจอดรถได้ประมาณ 50% (รวมจอดซ้อนคัน) จะจอดได้ในบริเวณชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 7 ของโครงการ การออกแบบของโครงการนั้นจะเน้นการอยู่อาศัยตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ลงตัวภายใต้แนวคิด 'My Select' โดยจะมีนวัตกรรม Geo fit+ จากญี่ปุ่น ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้มาใส่ไว้ในโครงการนี้ เหมือนกับโครงการที่ผ่านมาอย่าง นิช โมโน สุขุมวิท - แบริ่ง ด้วยค่ะ การออกแบบในครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการพัฒนาทั้งห้องพักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลางให้ตอบโจทย์มากขึ้น เพื่อความเป็นที่สุดของโครงการรหรู ซึ่งได้ A49 บริษัทออกแบบสัญชาติไทยมาเป็นผู้ดูแล โดยออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ด้วยสไตล์โมเดิร์น โทนสีเทา ขาว และส้ม ประสานรวมกับแนวคิดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเน้นการประหยัดพลังงานด้วย Solar ที่สามารถเอามาใช้ในพื้นที่ส่วนกลางเพื่อประหยัดค่าไฟได้ และยังมี Solar station ให้ลูกบ้านได้ชาร์จไฟกับรถที่ใช้ระบบเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้อีกด้วย ในส่วนของ Facility นอกจากทางโครงการจะจัดเต็มแบบต้องร้องว้าวแล้ว ยังถือว่าเป็นการสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ บ้านเราด้วยการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับความสุขของลูกบ้านถึง 30 ชั้น โดยออกแบบจากการหลอมรวมความต้องการใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัวที่พร้อมให้ลูกบ้านเลือกกิจกรรมกว่า 7 ไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวเอง ทั้ง Active และ Passive ที่ให้ความสดชื่นจากการออกกำลังกายพร้อมความเพลิดเพลินกับวิวเมืองที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น Sky Fitness ห้องออกกำลังกายลอยฟ้าพร้อม Sky Garden สวนสาธารณะพร้อมวิวเมือง, Sky Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือยาวเกือบ 50 เมตร, Sky Lounge, Mini-Theater, Co-Working Space, Kid Club, Yoga Room, Party Room & Recreation Game Room เป็นต้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และยังมีบริการ After Sales Services ซ่อม-เช่า-ขายต่อ ด้วยนะคะ Master Plan ของโครงการ แปลนพื้นที่ชั้นล่างสุด แบ่งออกเป็นสวนสวย, ที่จอดรถ และบริเวณล็อบบี้ แปลนของพื้นที่ชั้น 8 จะเริ่มเป็นยูนิตพักอาศัยแล้วนะคะ ซึ่งที่ชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางมาให้ด้วย ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Sky Lounge ที่มีอยู่ในชั้น 9, 12, 19, 23, 27, 34 และ 35 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Mini Theater ชั้น 8 และ 11 สำหรับแปลนชั้น 9-23 จะเป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมดค่ะ โดยทางโครงการก็ออกแบบ Facility มาไว้รองรับลูกบ้านทุกๆ ชั้นอย่างครบครัน ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Kid Club ชั้น 13 และ 14 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Yoga ชั้น 17 และ 18 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Party ชั้น 21-22 และ 33 แปลนของพื้นที่ชั้น 24 นะคะ ซึ่งความพิเศษนอกจาก Facility ที่จัดเต็มแล้ว ยังมีสวนสวยให้ออกไปสัมผัสความสดชื่นอีกด้วย ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Co-Working Space ที่มีตั้งแต่ชั้น 10, 15, 16, 20, 24, 29, 30 และ 36 แปลนของพื้นที่ชั้น 25 - 37 ซึ่งจะเป็นที่อยู่อาศัยและโซน Facility เหมือนกับชั้นอื่นๆ ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง GAME ROOM ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Executive Meeting Room ชั้น 32 และ 37 แปลนของพื้นที่ชั้น 38 นะคะ ซึ่งจะรวม Facilities ส่วนกลางหลักๆ โดยจัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่ส่วนกลางที่กระจายอยู่ในทุกๆ ชั้น ภาพจำลองบรรยากาศของสระว่ายน้ำลอยฟ้า Sky Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือที่มีความยาวเกือบ 50 เมตร ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Sky Fitness ให้ลูกบ้านออกกำลังกายพร้อมกับชมวิวอย่างเพลิดเพลิน   เปิดห้องตัวอย่าง   ก่อนจะไปเปิดประตูห้องตัวอย่าง ขอย้อนไปจากที่บอกข้างต้นว่าโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” เป็นการร่วมทุนระหว่าง SENA กับ Hankyu Realty ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในญี่ปุ่น ซึ่งนำนวัตกรรม Geo fit+ ที่สนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยทั้ง 4 ด้าน มาใส่ไว้ในโครงการนี้ด้วยค่ะ โดยห้องตัวอย่างมีทั้งหมด 3 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 31.5 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาด 34.5 ตร.ม. โดยยึดคอนเซ็ปต์ My Select ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็น Working Zone ออกแบบมาเพื่อคนที่ชอบพื้นที่ในการสร้างสรรค์งาน หรือ Relaxing Zone ออกแบบมาให้ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการพักผ่อน หนีจากความวุ่นวายภายนอกมาชาร์จพลังแห่งความสุขได้อย่างเต็มที่   สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมวันนี้ มีด้วยกัน 3 แบบ ทุกยูนิตขายแบบ Fully Furnished มาพร้อมวัสดุและสุขภัณฑ์คุณภาพซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชุดครัวพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ขาดก็เพียงแค่พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้นเองค่ะ เริ่มต้นกันด้วยห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. กันเลยดีกว่าค่ะ ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่นจริงๆ ค่ะ ทั้งห้องนอน, ห้องน้ำ, ห้องนั่งเล่น และห้องครัวที่จัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน พร้อมแบ่งมุมรับประทานอาหารไว้อีกด้วย   แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตารางเมตร ห้องนี้จะมีการแบ่งฟังก์ชั่นอย่างชัดเจน เมื่อเข้าห้องมาจะเจอห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่ติดกับมุมรับประทานอาหาร ถัดเข้าไปเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อน ทางด้านซ้ายเป็นครัว ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำ จุดเด่นของห้องนี้จะเป็นห้องครัวแบบปิด สามารถประกอบอาหารได้สบาย แถมยังมีระบายอากาศได้ดีเนื่องจากจากมีระเบียงอยู่ติดกับครัวนั่นเองค่ะ ในส่วนของมุมนั่นเล่นทางโครงการจัดวางวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่างได้กำลังดีเลยค่ะ แถมยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ด้วย บริเวณคอนโซลทีวี ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานมาให้แล้วนะคะ โต๊ะรับประทานอาหารที่ถูกออกแบบมาอย่างชาญฉลาด เพราะสามารถพับเก็บได้ ไม่เปลืองเนื้อที่ มุมมองจากบริเวณห้องนั่งเล่นไปยังห้องนอนที่ติดกับห้องครัวนะคะ ซึ่งกั้นกลางด้วยประตูบานเลื่อน ภายในห้องนอนได้รับการออกแบบให้ดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี พื้นที่รอบเตียงสามารถเดินได้โดยรอบเลยนะคะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย ฟังก์ชั่นพิเศษสำหรับห้องนี้คือพื้นที่ My Select ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นมุมนั่งเล่นเหมือนในภาพ หรือใช้เป็นมุมทำงานก็ได้ทั้งนั้นค่ะ ระยะห่างระหว่างพื้นที่ My Select กับบริเวณเตียงนอนก็กำลังดีเลยนะคะ สามารถวางโต๊ะข้างเตียงเล็กๆ เสริมเข้าไปได้สบาย ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ พื้นที่ตรงข้ามเยื้องๆ กับห้องนอนจะเป็นส่วนของห้องน้ำนั่นเองค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน พร้อมปูกระเบื้องทั้งพื้นและผนังเป็นสีขาวลายหินอ่อน ก่อนจะเพิ่มจุดเด่นให้ผนังบริเวณอาบน้ำด้วยการใช้สีกระเบื้องสีเข้ม พร้อมจัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก จากภาพจะเห็นว่าส่วนเปียกจะมีบานกระจกกั้นพร้อมยกธรณีสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อกันน้ำกระเด็นมาส่วนแห้ง ภายในมีที่นั่งอาบน้ำ ซึ่งแบบนี้ชาวญี่ปุ่นจะชอบมาก อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จะเป็นของ Kohler เหมือนกันเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านจะได้วัสดุตามนี้เลย กลับออกมาพื้นที่หน้าห้องน้ำมีชั้นวางของบิลต์อินให้สามารถตกแต่งได้ตามใจ ในส่วนของห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางนะคะ สำหรับเคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระจกเคลือบสีดำ ข้อดีคือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเวลาประกอบอาหาร ทางโครงการจะเว้นช่องสำหรับวางไมโครเวฟมาให้แล้วค่ะ ติดกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นระเบียงนะคะ โดยมีประตูบานเลื่อนกั้นกลาง ข้อดีของระเบียงที่อยู่ติดครัวก็ช่วยระบายอากาศเวลาประกอบอาหารนั่นเองค่ะ ประตูบานเลื่อนแบบ 2 ตอน พื้นที่ระเบียงมีขนาดกะทัดรัดนะคะ ซึ่งมาพร้อมก๊อกน้ำ และติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบน   ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม. ภายในห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน สำหรับห้องนี้เปิดประตูมาจะเจอส่วนครัวก่อน ซึ่งต่อเนื่องไปนั้นจะเป็นส่วนของ Living Area ที่กว้างพอสำหรับพื้นที่ My Select ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ในส่วนของห้องนอนก็ดูกว้างขวางสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุต ได้สบายๆ แถมยังมีระเบียงให้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเมื่อตื่นนอน พร้อมห้องน้ำที่อยู่ในตัว ซึ่งก็ง่ายต่อการแต่งตัวนั่นเองค่ะ   แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 31.50 ตารางเมตร เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับส่วนของ Pantry ครัวก่อนเลยค่ะ ถัดไปจะเป็นส่วนของ Living Area ที่ตอบโจทย์ต่อพักผ่อนได้ดี ในส่วนของพื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้ ไฟเพดานในห้องเป็นดาวน์ไลท์ทั้งหมดค่ะ ตรงข้ามกับ Pantry ครัว ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานพร้อมเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วนะคะ ชุดเคาน์เตอร์ครัว ลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น แถมยังดีไซน์หน้าบานตู้ริมสุดให้เป็นโต๊ะกินข้าวที่สามารถพับเก็บได้ ข้อดีคือไม่เปลืองเนื้อที่นั่นเองค่ะ ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย มุมนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งได้สบายๆ ซึ่งแน่นอนว่าพื้นที่ด้านในสุดเป็นฟังก์ชั่น My Select ที่มีระยะกว้างมากพอที่จะจัดวางโต๊ะทำงานตัวยาวได้อีกด้วย ระยะห่างจากโซฟาถึงทีวีนั้นกำลังดีเลยนะคะ และยังมีพื้นที่ตรงกลางอีกเยอะเลย พื้นที่ My Select ส่วนของ Working Zone ออกแบบมาเพื่อคนที่ชอบพื้นที่ในการสร้างสรรค์งาน ซึ่งนี้จะอยู่ชิดติดหน้าต่างกระจกใสเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ มุมมองจาก Working Zone กลับไปจะเห็นว่าพื้นที่โดยรอบสามารถเดินได้อย่างสบายๆ ไร้ซึ่งความอึดอัดใดๆ พื้นที่ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนนะคะ ซึ่งกั้นกลางด้วยประตูบานเลื่อน ภายในห้องนอนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้เป็นตัวอย่าง แต่ลูกบ้านสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตก็ยังได้ค่ะ เพราะบริเวณรอบๆ เตียงมีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย พื้นที่ปลายเตียงสามารถติดตั้งทีวีไว้ที่ผนังได้สบายๆ โดยเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบด้วยค่ะ บริเวณเตียงนอนจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ แถมระเบียงมีขนาดกว้างกำลังดีสามารถวางราวตากผ้าได้ด้วย ในส่วนของคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเหมือนห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ในสุดจะเป็นห้องน้ำนะคะ ผนังบริเวณหน้าห้องน้ำทางโครงการได้บิลต์อินตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดเพดานมาให้ด้วย เรามาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง ภายในห้องแบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ พื้นที่ส่วนเปียกจะถูกกั้นด้วยธรณียกสูงหนึ่งเสต็ป เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ ภายในห้องน้ำ มุมมองจากหน้าห้องน้ำกลับเข้าไปในห้อง จะเห็นว่าห้องมีขนาดกำลังดีเลยนะคะ สามารถใช้งานพื้นที่ทุกส่วนได้อย่างคุ้มค่าทุกตารางเมตร   สำหรับห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.5 ตร.ม. ลักษณะแปลนด้านหน้าจะเป็นห้องแคบลึก แต่เมื่อเดินเข้าไปด้านในกลับให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวและมุมรับประทานอาหารเลย ซึ่งสามารถจัดวางพื้นที่ดินเนอร์สำหรับ 2 คนได้สบายๆ ถัดไปนั้นเป็นมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ได้เลย แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับ My Select ให้ปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนเล็กหรือห้องทำงานได้อีกด้วย ในส่วนของห้องนอนนั้นก็จะอยู่ตรงข้ามกับส่วนนั่งเล่นค่ะ ติดกับห้องนอนเป็นระเบียงซึ่งช่วยเปิดรับแสงสว่างได้เต็มที่ ต้องบอกว่าการจัด Space ภายในห้องทำไว้ได้ดีมาก ถึงแม้จะเป็นห้องขนาด 34.5 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วนสบายๆ กว้างขวางเหมือนดั่งขนาดห้อง 2 ห้องนอนเลยค่ะ   แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.50 ตารางเมตร สำหรับไทป์นี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวเหมือนกับห้องตัวอย่างที่สองเลยค่ะ เพียงแต่มีขนาดที่กว้างและใหญ่กว่า Counter ครัวจะเป็นรูปแบบตัวไอ (i) จะได้วัสดุเหมือนอย่างในห้องตัวอย่างก่อนหน้าเช่นกัน จะมีแตกต่างนิดหน่อยที่ตำแหน่งจัดวางเท่านั้นค่ะ พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของ พร้อมเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วค่ะ เดินเข้ามาที่โถงกลาง มุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป บริเวณคอนโซลทีวีมีขนาดกว้างพอรองรับจอขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ พื้นที่ติดกันนั้นจะเป็นมุมรับประทานอาหารค่ะ โต๊ะรับประทานอาหารที่ถูกดีไซน์เหมือนดั่งห้องตัวอย่างที่ผ่านมา ซึ่งถ้าลูกบ้านไม่ใช้งานก็สามารถพับเก็บลงได้ ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นพื้นที่ My Select ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็น Working Zone หรือ Relaxing Zone ก็สามารถเนรมิตเองได้ง่ายๆ ซึ่งทางโครงการก็เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนมาให้ค่ะ ภายในห้องจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวาง Daybed ไว้เป็นตัวอย่าง แต่ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องนอนเล็ก โดยวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตก็ยังได้ค่ะ บริเวณรอบๆ มีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ จะเห็นว่าการจัดวาง Layout จะคล้ายๆ กับห้องตัวอย่างที่สอง เพียงแต่ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่า บรรยากาศภายในห้องนอน มีขนาดที่กว้างขวาง และยังมีประตูบานเลื่อนกระจกใสบานใหญ่ให้สามารถออกไประเบียงด้วยค่ะ เตียงนอนมีฟังก์ชั่นให้สามารถดึงลิ้นชักข้างเตียงมาเก็บของได้ด้วยนะคะ นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ ระเบียงมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ ในส่วนของคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเหมือนห้องตัวอย่างก่อนหน้าเลยนะคะ กลับเข้ามาภายในห้อง ห้องน้ำจะอยู่ติดกับตู้เสื้อผ้าเลยนะคะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ตรงกลางจะเป็นชุดสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ พื้นที่ในสุดจะเป็นส่วนเปียก ชุดตู้กระจกเงาบริเวณอ่างล้างหน้า สามารถเปิดออกมาไว้เก็บของใช้งานทั่วไปด้วยนะคะ อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จะเป็นของ Kohler เหมือนกันกับห้องตัวอย่างก่อนหน้าเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านจะวัสดุตามนี้เลย ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง   ห้องตัวอย่างทั้งหมดของโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” ที่เราพาไปชมในครั้งนี้ เสร็จเรียบร้อยและพร้อมเปิดให้เยี่ยมชมแล้วนะคะ ใครกำลังมองหาคอนโดแนวรถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่แบบนี้ แนะนำให้ไปลองสัมผัสบรรยากาศจริงที่ sale gallery ก่อนที่ทางโครงการจะเปิดจองพร้อมกันในวันที่ 10 มีนาคม 2561 ที่จะถึงนี้ ซึ่งต้องบอกว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับคนที่ต้องการที่พักอาศัยในย่านบางซื่อ-เตาปูน ใกล้รถไฟฟ้าและสามารถเดินทางเข้านอกออกเมืองได้สะดวก ที่สำคัญทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีเตาปูน เพียงแค่ก้าวเดียวนี่นับว่าเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดลูกค้าได้ไม่ยากเลยค่ะ   นอกจากนี้ภายในโครงการยังจัดเตรียม Facility ไว้รองรับลูกบ้านทุกๆ ชั้นอย่างหรูหราและครบครันมาก ในขณะที่พื้นที่โดยรอบก็มีความอุดมสมบูรณ์ มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อให้เลือกมากมาย แถมราคาก็ยังจับต้องได้โดยเฉลี่ยตกตารางเมตรละ 1.3 แสนบาทเท่านั้น บอกเลยค่ะไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือลงทุนก็คุ้มค่าแน่นอนค่ะ เพราะในอนาคตการขยายตัวของตัวเมือง ทำให้การครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในทำเลนี้มีโอกาสที่จะเติบโตสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ ใครที่สนใจไม่ควรพลาดคอนโดมิเนียมคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึงแบบนี้เลยนะคะ     พิเศษ! สำหรับแฟนๆ ชาว Review Your Living ที่สนใจโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ ได้ที่ https://goo.gl/fpWSi5  ในราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท*
เสนา – ฮันคิว จับมือลุยเปิดคอนโด “นิช ไพรด์ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์” ชูไฮไลท์ปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของวงการ กับ “ส่วนกลาง 30 ชั้น”

เสนา – ฮันคิว จับมือลุยเปิดคอนโด “นิช ไพรด์ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์” ชูไฮไลท์ปรากฏการณ์ครั้งใหม่ของวงการ กับ “ส่วนกลาง 30 ชั้น”

เสนา – ฮันคิว จับมือลุยเปิดคอนโดใหม่ “นิช ไพรด์ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์” ตอกย้ำความสำเร็จ ชูไฮไลท์ “ส่วนกลาง 30 ชั้น” เขย่าวงการอสังหาฯครั้งแรกในไทย ล่าสุด เตรียมจัด Pre sale 10 มี.ค.นี้ ด้านไนท์แฟรงค์ฯ เผยย่านเตาปูน-บางซื่อ พื้นที่ศักยภาพแห่งใหม่ที่น่าจับตามอง ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) หรือ SENA กล่าวว่าบริษัท เสนา- ฮันคิว 1 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทร่วมทุนระหว่าง SENA กับบริษัท ฮันคิว เรียลตี้จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในญี่ปุ่น หนึ่งในกลุ่ม บริษัท Hankyu Hanshin Holding Group หลังจากพัฒนาโครงการร่วมกันโปรเจกต์แรก “นิช โมโน สุขุมวิท – แบริ่ง” เมื่อปีที่ผ่านมา ต้องยอมรับว่าได้รับกระแสการตอบรับดีมากจากตลาดกลุ่มเป้าหมาย ส่วนหนึ่งเกิดจากนวัตกรรมจากญี่ปุ่นที่นำมาใช้ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Geo fit+” ลิขสิทธิ์เฉพาะจากประเทศญี่ปุ่นและเป็นครั้งแรกในเมืองไทยที่นำนวัตกรรมดังกล่าวเข้ามาใช้ด้วย ทั้งนี้ เพื่อเป็นการตอกย้ำความสำเร็จ ล่าสุด เตรียมเปิดโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ “นิช ไพรด์ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์” ตั้งอยู่บนเนื้อที่กว่า 3 ไร่เศษ ติดรถไฟฟ้าสถานีเตาปูน ถนนประชาราษฎร์ สาย 2 แขวงบางซื่อ เขตบางซื่อ กรุงเทพฯ เป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับสูง 38 ชั้น 1 อาคาร ทั้งหมด 742 ยูนิต พร้อมอาคารพาณิชย์ สูง 2 ชั้น 1 อาคาร โดยมีให้เลือก 3 แบบ คือ แบบ 1 Bedroom ขนาด 28 -32 ตารางเมตร ,แบบ 1 bedroom plus ขนาด 34.50 ตารางเมตร และ แบบ 2 Bedroom ขนาด 49 ตารางเมตร ราคาเริ่ม 3.2 ล้านบาท หรือเฉลี่ยตกตารางเมตรละ 1.3 แสนบาท รวมมูลค่าโครงการ 3,400 ล้านบาท ด้านการออกแบบที่อยู่อาศัยตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ลงตัว ภายใต้แนวคิดการออก “My Select” นวัตกรรมจากญี่ปุ่น ที่เลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ ไม่ว่าจะเป็น Working Zone สาหรับคนที่ชอบพื้นที่ในการสร้างสรรค์งาน หรือ Relaxing Zone สาหรับคนที่ต้องการพักผ่อนจากความวุ่นวาย และพักอาศัยในห้องชุดเพื่อชาร์จพลัง อีกหนึ่งจุดไฮไลท์ของสาธารณูปโภคในโครงการ และนับเป็นครั้งแรกของวงการอสังหาฯกับ “พื้นที่ส่วนกลางกว่า 30 ชั้น” ที่พร้อมให้คุณเลือกกิจกรรมกว่า 7 ไลฟ์สไตล์ที่เป็นคุณ ทั้ง Active & Passive ไม่ว่าจะเป็น Sky Fitness ห้องออกกำลังกายลอยฟ้าพร้อม Sky Garden ชมสวนสาธารณะพร้อมวิวเมือง, Sky Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือยาวเกือบ 50 เมตร, Sky Lounge, Mini-Theater, Co-Working Space, Kid Club, Yoga Room, Party Room & Recreation Game Room เป็นต้น ด้านนายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด เปิดเผยถึง ทำเลเตาปูน-บางซื่อ จะถูกพลิกโฉมกลายเป็นสถานีศูนย์กลางระบบขนส่งมวลชนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จปีใน 2563 และเป็นศูนย์กลางด้านธุรกิจแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะการเชื่อมต่อ MRT ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินสถานีบางซื่อและรถไฟฟ้าสายสีม่วงสถานีเตาปูนในปลายปี 2560 ที่ผ่านมา เป็นตัวช่วยเพิ่มศักยภาพด้านทำเลที่อยู่อาศัยในบริเวณเตาปูน-บางซื่อเป็นอย่างมาก ผนวกกับแนวคิดการพัฒนาพื้นที่โดยรอบสถานีขนส่งมวลชน Transit Oriented Development (TOD) ครอบคลุมพื้นที่เชิงพาณิชย์กว่า 300 ไร่ ซึ่งเป็นการพัฒนาที่ดินรอบสถานีรถไฟในรูปแบบ Mixed-use Development โดยจะมีรถไฟฟ้าถึง 4 สายที่เชื่อมต่อกับสถานีกลางบางซื่อในอนาคต ได้แก่ สายสีน้ำเงิน สายสีม่วง สายสีแดงเข้ม และสายสีแดงอ่อน  นอกจากรถไฟฟ้าทั้ง 4 สายแล้ว สถานีกลางบางซื่อยังเป็นสถานีต้นทางของรถไฟฟ้าความเร็วสูง 2 เส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ – เชียงใหม่ ระยะทาง 670 ก.ม. และกรุงเทพฯ – หนองคาย ระยะทาง 615 ก.ม. อีกทั้งยังมีส่วนต่อขยาย Airport Rail Link 5 สถานีจากสถานีพญาไทเชื่อมต่อไปยังสนามบินดอนเมืองกับสนามบินสุวรรณภูมิ นอกจากมีการพัฒนาด้านขนส่งคมนาคมแล้วยังมีโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ที่นำมาซึ่งการพัฒนาโครงการพื้นฐานอื่นๆตามมา ไม่ว่าจะเป็นสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่ การขยายช่องทางจราจร และการก่อสร้างถนนเพิ่มเติมในอนาคต และยังมีโครงการศูนย์การค้า “เกตเวย์ บางซื่อ” มูลค่าการลงทุนกว่า 4,000 ล้านบาท มีพื้นที่รองรับร้านค้าปลีกกว่า 40,000 ตารางเมตร ห่างจากสถานีเตาปูนเพียง 650 เมตร คาดว่าจะเปิดให้บริการในปีนี้ สถานีกลางบางซื่อ (ศูนย์คมนาคมพหลโยธิน) ยังจะถูกพัฒนาเป็นเมืองอัจฉริยะต้นแบบ (Smart City) ประกอบไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ โครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิตัลต่างๆ และโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงาน ซึ่งขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้มอบหมายให้กระทรวงและหน่วยงานภาครัฐอื่นๆทีเกี่ยวข้อง ตลอดจนภาคเอกชนทั้งภายในประเทศและต่างประเทศที่สนใจเป็นหน่วยงานร่วมสนับสนุน เพื่อขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะต้นแบบ (Smart City) อันจะส่งผลด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น ซึ่งการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมในย่านเตาปูน-บางซื่อ นับตั้งแต่ปี 2552 ถึง ณ สิ้นไตรมาสที่ 4 ของปี 2560 มีจำนวนอุปทานสะสมทั้งสิ้นประมาณ 30,200 หน่วย มีอัตราการขายสะสม 90% ของจำนวนอุปทานสะสมรวม