Tag : ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge)

4 ผลลัพธ์
ORI-KBank เปิดดีลร่วมทุน “BUTLER” แอปแรกของเมืองไทยที่รวมทุกงานบริการให้ชีวิตง่ายในแอปเดียว

ORI-KBank เปิดดีลร่วมทุน “BUTLER” แอปแรกของเมืองไทยที่รวมทุกงานบริการให้ชีวิตง่ายในแอปเดียว

“ออริจิ้น” จับมือ “กสิกรไทย” เปิดดีลร่วมทุนบริษัทในเครือ “ดิจิตอล บัตเลอร์” ผู้พัฒนาแอปและแพลทฟอร์ม BUTLER ที่รวมทุกพันธมิตรด้านงานบริการไว้ในแอปเดียว ทั้งแม่บ้าน-ดูแลรักษาบ้าน-ซักอบรีด และการเชื่อมโยงนิติบุคคล-ลูกบ้าน เตรียมยกระดับรูปแบบการชำระเงินและช่องทางการให้บริการหลังร่วมทุน พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคครบวงจร นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า บริษัทและธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank ได้ลงนามสัญญาร่วมทุนในบริษัท ดิจิตอล บัตเลอร์ จำกัด บริษัทย่อยในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอปพลิเคชันและแพลทฟอร์ม BUTLER แอปและแพลทฟอร์มแรกของเมืองไทยที่รวมทุกงานบริการให้ชีวิตง่ายในแอปเดียว   “เราและธนาคารกสิกรไทยต่างมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคอย่างครบวงจร ความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้ จึงถือเป็นการผสานจุดแข็งระหว่างผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ มาต่อยอดให้เกิดดิจิทัล แพลทฟอร์มที่อำนวยความสะดวกผ่านบริการต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” นายพีระพงศ์ กล่าว ทั้งนี้ BUTLER เป็นแอปพลิเคชันและแพลทฟอร์มด้านการจัดการชุมชนและสังคม (Community Management Platform) ที่รวบรวมทุกงานบริการเอาไว้อย่างครบวงจร เช่น บริการแม่บ้าน บริการดูแลรักษาบ้าน บริการซักอบรีด ผ่านการรวบรวมและร่วมมือกับบริการจากหลากหลายพันธมิตรไว้ในแอปเดียว อาทิ Seekster, Fixzy, Helpdee, Betagro, JP Insurance นอกจากนี้ BUTLER ยังพัฒนาแพลทฟอร์มเชื่อมโยงนิติบุคคลกับผู้อยู่อาศัยในโครงการ พนักงาน ตลอดจนบริการของพันธมิตร มีฟังก์ชันตั้งแต่การดูและจัดการตารางกิจกรรมภายในของนิติบุคคล การใช้พื้นที่ส่วนกลาง ภาพรวมแผนงบประมาณ แจ้งค่าน้ำค่าไฟพร้อมทำการชำระผ่านระบบชำระเงินออนไลน์ได้ทันที รับแจ้งซ่อมและปัญหาการบริการต่างๆ พร้อมทั้งติดตามสถานะได้ทันที แชทคุยกับผู้จัดการนิติโดยตรง บริหารจัดการพนักงาน ตลอดจนดูตารางงานของพันธมิตรที่เข้ามาทำงานในพื้นที่โครงการ ช่วยแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกให้แก่ทั้งนิติบุคคลโครงการที่อยู่อาศัยและผู้อยู่อาศัย   ภายหลังการดำเนินการซื้อ-ขายหุ้นของบริษัท ดิจิตอล บัตเลอร์ จำกัด เสร็จสิ้น บริษัทจะมีสัดส่วนการถือหุ้นในดิจิตอล บัตเลอร์ ประมาณ 52% ผ่านบริษัท พรีโม พร็อพเพอร์ตี้ โซลูชั่น จำกัด บริษัทย่อยที่ดูแลธุรกิจบริการทั้งหมดในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ขณะที่กลุ่มผู้ก่อตั้งดิจิตอล บัตเลอร์ จะถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 35% และธนาคารกสิกรไทย ถือหุ้นในสัดส่วน 10% ด้านนายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank กล่าวว่า ธนาคารยังคงเดินหน้ากลยุทธ์ในการร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในแต่ละธุรกิจ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Better Together ด้วยการผสานจุดแข็งของแต่ละฝ่าย เพื่อร่วมกันนำเสนอบริการที่ดีที่สุดให้กับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในทุกๆ วัน สำหรับ BUTLER ภายใต้เครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ถือเป็นแพลทฟอร์มศักยภาพที่ช่วยเชื่อมโยงระหว่างผู้ให้บริการเข้ากับผู้ใช้บริการ และเชื่อมโยงผู้อยู่อาศัยเข้ากับนิติบุคคล ขณะเดียวกัน BUTLER ยังรวบรวมทุกบริการความสะดวกของการใช้ชีวิตไว้ในแอปเดียว และสามารถชำระเงินค่าใช้บริการและค่าสาธารณูปโภคผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที ตอบโจทย์การอยู่อาศัยยุคดิจิทัล จึงเป็นสาเหตุสำคัญให้บริษัทตัดสินใจเข้าร่วมทุนในครั้งนี้   เบื้องต้น ธนาคารกสิกรไทย จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและรูปแบบการชำระเงินให้มีความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการของ BUTLER ให้ลูกค้าธนาคารผ่านช่องทางต่างๆ ของทางธนาคาร อาทิ K Plus เป็นต้น นอกจากนี้ ในอนาคตมีแผนที่จะพิจารณาความร่วมมือต่างๆ เพิ่มขึ้น ต่อไป หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา BUTLER มีนิติบุคคลโครงการต่างๆ สนใจลงชื่อเข้าร่วมใช้งานแล้วมากกว่า 500 โครงการ และยังมีแผนจะพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง การเชื่อมโยงการใช้ชีวิตของผู้บริโภคเข้ากับสตาร์ทอัพและร้านค้าในชุมชนของตัวเอง การสร้าง Community Media ที่ให้บุคคลในโครงการที่อยู่อาศัยเดียวกันสามารถติดต่อสื่อสารกันได้สะดวกยิ่งขึ้น   ผู้สนใจบริการของ BUTLER สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้แล้ววันนี้ทั้งใน App Store และ Play Store หรือคลิก www.digitalbutler.co.th สำหรับนิติบุคคลที่สนใจบริการของ BUTLER สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.butlerjuristic.com        
“ORI” โชว์ผลงาน 9 เดือน ยอดขายทะลุ 22,400 ล้านบาท เดินหน้าผนึกกำลังโนมูระขายหุ้นร่วมทุนเพิ่มอีก 2 โครงการ มั่นใจ Q4 ผลงานฉลุย ดันผลประกอบการโตตามเป้า!!

“ORI” โชว์ผลงาน 9 เดือน ยอดขายทะลุ 22,400 ล้านบาท เดินหน้าผนึกกำลังโนมูระขายหุ้นร่วมทุนเพิ่มอีก 2 โครงการ มั่นใจ Q4 ผลงานฉลุย ดันผลประกอบการโตตามเป้า!!

ออริจิ้น โชว์ผลประกอบการ 9 เดือนแรก ยอดขายทะลุ 22,400 ล้านบาท จากเป้าทั้งปี 24,000 ล้านบาท เผย Q4 มีแบ็คล็อกรอโอนเพียบ ดันภาพรวมผลประกอบการโตตามเป้า มั่นใจ “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” กระแสดี ร่วมทุนโนมูระเพิ่มอีก 2 โครงการ ผนึกกำลังพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า ผลประกอบการ 9 เดือนแรกของบริษัทในปีนี้ (ม.ค.-ก.ย. 2561) ถือว่าทำออกมาได้ดีมาก โดยเฉพาะยอดขายของบริษัทที่สามารถรับรู้แบ็กล้อกได้เพิ่มขึ้นถึง 22,496 ล้านบาท หรือคิดเป็น 94% ของเป้ายอดขายใหม่ทั้งปีที่ 24,000 ล้านบาท   “ภาพรวมโครงการใหม่ๆ ของเราในปีนี้ ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากผู้บริโภค โดยเฉพาะโครงการแฟล็กชิพระดับลักชัวรีอย่างพาร์ค ออริจิ้น พญาไท และพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ โดยพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อนั้น แม้ยังไม่ได้เปิดขายพรีเซลอย่างเป็นทางการ แต่ก็มียอดขายแล้วถึงราว 65%” นายพีระพงศ์ กล่าว   ขณะที่ผลประกอบการในไตรมาส 3/2561 นั้น บริษัทมีรายได้อยู่ที่ 4,035 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา 106% และรายได้สะสม 9 เดือนอยู่ที่ 10,693 ล้านบาท เติบโตจากช่วงเดียวกันที่ 166% ด้านกำไรสุทธิประจำไตรมาสอยู่ที่ 892 ล้านบาท เติบโตขึ้น 60% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22% ในขณะที่กำไรสุทธิงวด 9 เดือนอยู่ที่ 2,400 ล้านบาท เติบโตขึ้น 148% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยคิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ระดับ 22%   นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า สำหรับไตรมาส 4/2561 ถือเป็นช่วงเวลาสำคัญที่จะช่วยให้เป้าผลประกอบการทั้งปีเป็นไปได้ตามแผน โดยบริษัทยังมีแผนเปิดตัวโครงการแนวราบเพิ่มเติมอีก 2 โครงการ ได้แก่ บริทาเนีย เมกะทาวน์ มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท และ โครงการ บริทาเนีย บางนา กม.12 มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท สำหรับโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่จะเริ่มทยอยรับรู้รายได้ในช่วงนี้อีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ นอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร และ โครงการ นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 จากแผนทั้งหมดประกอบกับผลประกอบการที่ทำได้อย่างดีตลอดช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทมั่นใจว่าจะสามารถบรรลุเป้าหมายทั้งปีได้ตามแผน   “อีกทั้งพันธมิตรสำคัญของเราอย่างบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด เอง ก็ยังคงมีความเชื่อมั่นเป็นอย่างดีในการดำเนินธุรกิจร่วมกัน ล่าสุดร่วมทุนให้กับโนมูระเพิ่มเติมในอีก 2 โครงการ ได้แก่ โครงการ วัน ออริจิ้น 24 และ โครงการ พาร์ค ออริจิ้น ราชเทวี  ทำให้โดยรวมมีการร่วมทุนทั้งคอนโดและโรงแรมรวม 8 โครงการ มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ซึ่งในอนาคตคาดว่าจะมีการร่วมทุนอย่างต่อเนื่องราวปีละ 15,000 ล้านบาท เพื่อก้าวสู่ความเป็นผู้นำในธุรกิจคอนโดมิเนียมและธุรกิจโรงแรม” นายพีระพงศ์ กล่าว   สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 54 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 82,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร          
Knightsbridge Space Rama 9 (Advertorial)

Knightsbridge Space Rama 9 (Advertorial)

Knightsbridge Space Rama 9 (Advertorial)   ย้อนกลับไปเมื่อ 9 ปีที่แล้วได้เกิดบริษัทอสังหาริมทรัพย์แห่งหนึ่งขึ้น เริ่มจากการทำโครงการคอนโดมิเนียมขนาดเล็ก-กลาง จากนั้นก็เติบโตขึ้นชนิดที่เรียกว่าก้าวกระโดดอยู่เสมอ ซึ่งล่าสุดมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ 150% สร้างความตกตะลึงให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์ไม่น้อย จนวันนี้เราสามารถพูดได้อย่างเต็มปากว่า “ออริจิ้น” คือหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์แนวหน้าระดับ Top 5 ของประเทศไทยอย่างไร้ข้อกังขา   ภายใต้ระยะเวลาอันรวดเร็วของการเติบโตทางธุรกิจนี้แน่นอนว่าย่อมมีความสำเร็จมากมายเป็นตัวการันตี โดยหากมองจากปีที่แล้ว มีคอนโดมิเนียมหลายตัวที่ได้รับความสนใจทั้งซื้อยู่อาศัยเองและนักลงทุน เช่น Kensington สุขุมวิท-เทพารักษ์ คอนโด High Rise ติดรถไฟฟ้าสายสีเหลือง 0 เมตร จากสถานีทิพวัล ราคาเริ่มต้นแค่ 1.09 ล้านบาท หรือโครงการระดับ Flagship อย่าง Knightsbridge ที่มีหน้าตาออกมาสวยโดนใจผู้บริโภคทั้งในแง่ของดีไซน์    ฟังก์ชั่นการใช้งานจริง รวมถึงทำเล โดยทั้ง 4 โครงการ คือ Knightsbridge Kaset Society, Knightsbridge Prime Ratchayothin, Knightsbridge prime Onnut และKnightsbridge Collage Ramkhamhaeng ได้เปิดตัวไปแล้วอย่างสวยงาม โดยทุกโครงการที่กล่าวถึงล้วนแต่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามทั้งสิ้นและยัง Sold Out ภายในระยะเวลาไม่นาน จนกลายเป็นที่จับตามองว่าแบรนด์ Knightsbridge ตัวต่อไปจะมีหน้าตาออกมาเป็นอย่างไร   พอเริ่มศักราชใหม่ออริจิ้นก็ไม่รอช้า เริ่มปล่อยหมัดเด็ดกันมาตั้งแต่ Project แรกของปีด้วยการเปิดตัว 2 โครงการคอนโดมิเนียม Knightsbridge Space Rama 9 และ Knightsbridge Space Ratchayothin บนทำเลพรีเมียมสมกับความเป็น Knightsbridge แต่การมาของทั้ง 2 โครงการนี้มีอะไรที่แตกต่างออกไปจากเดิม นับเป็นบริบทใหม่แห่งการอยู่อาศัยที่กล้าฉีกกรอบแนวเดิมๆ เพื่อให้ได้สิ่งที่ตรงใจผู้บริโภคมากที่สุด ซึ่งครั้งนี้เราจะโฟกัสกันที่โครงการ Knightsbridge Space Rama 9 ซึ่งโครงการตั้งอยู่ริมถนนดินแดงฝั่งขาเข้าไปทางอนุสาวรีย์ การเดินทางสะดวกต่อทั้งที่ผู้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัวและระบบขนส่งสาธารณะ โดยหากใช้ถนนดินแดงมุ่งตรงสู่สามเหลี่ยมดินแดงก็จะสามารถเข้าสู่ถนนวิภาวดีไปขึ้นทางยกระดับอุตราภิมุข(โทลเวย์) หรือใช้ถนนอโศก-ดินแดง ก็มีจุดขึ้น-ลงทางพิเศษศรีรัช และหากเลือกเปลี่ยนการเดินทางมาใช้รถไฟฟ้าท่ี่ใกล้ที่สุดเพียง 350 เมตร ที่ MRT สถานีพระราม 9 ซึ่งเป็นเส้นทางที่สามารถตรงเข้าสู่ CBD ย่านอโศก-สีลม-สาทร ได้อย่างรวดเร็วที่สุด เรียกได้ว่าเป็นการเชื่อมต่อกันระหว่าง CBD-New CBD ได้อย่างคล่องตัว และเมื่อพูดถึงความเป็นทำเลแห่งเศรษฐกิจของประเทศก็มักจะตามมาด้วยชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานและพักอาศัยอยู่ในประเทศไทยแบบระยะยาว ความต้องการที่อยู่อาศัยจึงเกิดขึ้นอย่างมีอัตราที่โตขึ้นเรื่อยๆ ทุกปีโดยมีกำไรเติบโตสูงถึง 10% ต่อปีในย่านนี้ ฉะนั้นคอนโดมิเนียมในทำเลนี้จึงเหมาะสำหรับการปล่อยเช่าไปด้วยเพราะได้ Yield ถึง 5.6% ซึ่งในการซื้อ-ขาย-เช่า ทางออริจิ้นเองก็ได้มีการให้บริการอย่างเต็มรูปแบบ สะท้อนให้เห็นถึงความใส่ใจด้านการบริการแก่ลูกบ้านอย่างครบวงจร     ทำเล New CBD แห่งนี้มีการพูดถึงกันอย่างกว้างขวางในแวดวงอสังหาริมทรัพย์ เพราะปัจจุบันแหล่ง CBD ในกรุงเทพฯ มีความหนาแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ จึงต้องมีการขยายเมืองออกมาตามสาธารณูปโภคที่ก็ต้องมีความอุดมสมบูรณ์มากพอที่จะกลายเป็นแหล่ง New CBD ที่สามารถรองรับความหนาแน่นของผู้คนที่กำลังจะตามมา เพราะนั่นหมายความว่าจะได้รับสะดวกสบายในการใช้ชีวิตที่ง่ายขึ้น และคำตอบก็คือย่านพระราม 9 ย่านที่ขึ้นชื่อว่าไม่เคยหลับไหล โดยในช่วงกลางวันจะมี Character ของความเป็นผู้ใหญ่วัยทำงาน มีแหล่งอาคารออฟฟิศชั้นนำมากมาย ห้างสรรพสินค้าหลายรูปแบบที่สามารถตอบสนองความต้องการได้ครบครัน เช่น เดินช้อปปิ้งที่เซ็นทรัลพระราม 9, หาซื้อของ IT ที่ฟอร์จูนทาวน์, ซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคที่บิ๊กซี, เดินเล่นหาอะไรทานที่ Esplanade หรือ The Street ฯลฯ กลับกันในช่วงกลางคืนจะพลิกเป็น Night light city ของเหล่าวัยรุ่นกลุ่มคนรุ่นใหม่ไฟแรงทั้งตลาดนัดรถไฟแหล่งรวมสุดฮิป สถานที่แฮงเอาท์ที่มีให้เลือกไปได้ทั้งเดือนแบบไม่ซ้ำร้าน และเมื่อเป็นแหล่ง All day All Night ได้ขนาดนี้สิ่งที่ทำให้ผู้คนมากมายหลั่งไหลมารวมตัวกันได้นั่นคือการเดินทางได้อย่างสะดวก ไม่ว่าจะขับรถยนต์ส่วนตัวก็จะมีจุดขึ้น-ลงทางพิเศษศรีรัช บริเวณถนนอโศกดินแดงใกล้สี่แยกพระราม 9 หรือจะไปขึ้นทางพิเศษเฉลิมมหานคร-ทางยกระดับอุตราภิมุข บริเวณถนนวิภาวดีก็ไม่ไกล หรือจะใช้บริการขนส่งสาธารณะเพื่อการเดินทางเข้าใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็วก็มีรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สายสีน้ำเงิน สถานีพระราม 9 ซึ่งหากนั่งไปเพียง 1 สถานี ที่สถานีเพชรบุรีก็เป็นจุด Interchange กับแอร์พอตลิ้ง สถานีมักกะสัน จะเห็นได้ว่าทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ และการเดินทางต่างก็เอื้อให้กับผู้ที่อยู่อาศัยใน Prime Location นี้สามารถใช้ชีวิตอย่างคนยุคใหม่ที่สามารถ Work hard Play hard ได้อย่างเต็มที่     Knightsbridge Space Rama 9 Knightsbridge Space Rama 9 คอนโดมิเนียม High Rise 28 ชั้น 1 อาคาร 325 ยูนิต และอีก 1 ร้านค้า  Auto Parking 52% ยูนิตพักอาศัยชั้น 6-18, 20-27 และ Facility ที่หลากหลายตั้งแต่ชั้น G, 2, 6, 19,  และ Roofttop Garden ตัวอาคารถูกออกแบบให้ดูล้ำสมัยด้วยการใช้สีโทน Monochrome ไล่เฉดสีเทา ดำ ขาวเป็นหลัก ผสมผสานกับ Vertical Line ได้อย่างลงตัว ซึ่งการออกแบบทั้งภายนอกและภายในสำหรับโครงการนี้ได้ Designer ระดับท็อปมาใส่ไอเดียลงไปจนเต็มโครงการที่มาพร้อมคอนเซป ‘‘SPACE MAKE POSSIBLE’’ โดยทางออริจิ้นพยายามสร้างมิติของการใช้ชีวิตในที่อยู่อาศัยด้วยการนำคอนเซปของคำว่า Space มาฉีกกรอบเดิมของคอนโดมิเนียม ผสานความเชื่อมโยงถึงกันทุกมิติ สร้างประสบการณ์ในการอยู่อาศัยรูปแบบใหม่ โดยวางเอาไว้ให้เป็น 4 Space หลัก คือ Vertical Space การออกแบบพื้นที่ใช้งานแนวตั้งให้มีประโยชน์สูงสุด, Value Space การเพิ่มพื้นที่ใช้สอยในห้อง สามารถใช้งานได้แบบไม่เคยปรากฏมาก่อน, More Space การออกแบบให้ผู้อยู่อาศัย สามารถใช้ชีวิตในพื้นที่ได้มากกว่า ทั้งภายในห้องและพื้นที่ส่วนกลาง มุมสังสรรค์ ภายในโครงการ, Flow Space การเชื่อมต่อพื้นที่ภายในและภายนอกอาคารด้วยการออกแบบ Space ทีมีการเล่นระดับ เล่นระดับพื้นที่โถงเพดานสูง มีการออกแบบพื้นที่ใช้งานขนาดใหญ่     ความพิเศษสุดของโครงการนี้ คือ “Duo Space” ห้องพัก Lay Out ใหม่ล่าสุดจากออริจิ้น มาในสไตล์ Loft Hi light Product ที่คงคอนเซปถึงการเชื่อมต่อทุกพื้นที่เข้าถึงกัน แต่กลับมีความเป็นส่วนตัวได้ Space มากขึ้น และยังคำนึงถึงการใช้ทุกพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ลงตัวในทุก Function เพดานห้องสูงถึง 4.2 เมตร ดูหรูหราให้ความรู้สึกโปร่งโล่งยิ่งขึ้น พร้อมเปิดมุมมองภายในห้องพักให้เชื่อมต่อกับด้านนอกอาคารได้มากขึ้นด้วยหน้าต่างกระจกสูง และยังเป็นโครงการที่นำเอาเทคโนโลยี Home automation เข้ามาใช้งานจริงเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ให้ได้ใช้ชีวิตที่ง่ายมากขึ้นในด้วยการควบคุมเปิด-ปิดสิ่งอำนวยความสะดวกภายในห้องพักผ่านสมาร์ทโฟนของเรา เช่น Digital Door Lock, ไฟภายในห้อง, เครื่องปรับอากาศ และผ้าม่าน ซึ่งทั้งห้องสไตล์ Duo Space และระบบ Home automation จะได้เหมือนกันทุกยูนิต   ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้องพัก   Unite Plan Type 23 ตร.ม. เมื่อได้ดีไซน์ Duo Space ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยทาสูงเพิ่มมากขึ้นอีก 7 ตร.ม. (โดยประมาณ)         Unite Plan Type 26 ตร.ม. เมื่อได้ดีไซน์ Duo Space ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยทาสูงเพิ่มมากขึ้นอีก 10 ตร.ม. (โดยประมาณ)   Unite Plan Type 30 ตร.ม. เมื่อได้ดีไซน์ Duo Space ก็จะได้พื้นที่ใช้สอยทาสูงเพิ่มมากขึ้นอีก 12 ตร.ม. (โดยประมาณ)   มาถึงพื้นที่ส่วนกลางอีกหนึ่งไฮไลท์ของโครงการที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อการพักผ่อนที่ดีที่สุดของลูกบ้าน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วแต่ละโครงการจะมีมาให้ประมาณ 2-3 ชั้น แต่สำหรับ Knightsbridge Space Rama 9 นั้นให้พื้นที่ส่วนกลางมาถึง 5 ชั้น รวมแล้ว  กว่า 1,000 ตร.ม. โดยออกแบบมาให้มีความ Flow ตามเส้นสายโค้งมนตามธรรมชาติพร้อมลำธารเล็กๆ ตามทางเดินที่เชื่อมต่อถึงกันทั้งภายนอกและภายในอาคาร ให้ความรู้สึกได้อยู่กับธรรมชาติมากขึ้น   ภาพจำลองพื้นที่สีเขียวส่วนกลาง Sky Infinity Lap Pool บนชั้น 19 ให้ได้ว่ายน้ำพร้อมชมวิวเมืองสวยๆ พร้อมสวนสีเขียวรอบๆ ให้รู้สึกถึงการพักผ่อนเหนือระดับที่ Knightsbridge Space Rama 9 Sky Panoramic Social Fitness Club ชั้น 19 ฟิตเนสในห้องใหญ่เพดานสูงอันโอ่งโถ่ง ล้อมรอบไปด้วยกระจก High Selling ให้ได้ออกกำลังกายพร้อมเสพวิวเมืองได้รอบทิศทาง Floor Plan ชั้น Ground ใช้เส้นสายธรรมชาติมาสร้าง Flow Space เชื่อมต่อทั้งภายในและภายนอกอาคารให้กลมกลืนเป็นหนึ่งเดียวกัน Floor Plan ชั้น 6 เป็นชั้นแรกที่มียูนิตพักอาศัย มีพื้นที่สีเขียวของทั้งสองฝั่งของอาคาร ซึ่งถูกออกแบบให้มีทางเดินไล่ระดับเชื่อมต่อถึงกันเหมือนเป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตที่แยกกันไม่ออก Floor Plan ชั้น 7-18 คือโซนแรกของยูนิตพักอาศัย มีประมาณ 20 ยูนิต/ชั้น ถือว่าไม่มาก ได้ความเป็นส่วนตัว ลิฟท์ 4 ตัว บันไดหนีไฟ 2 จุด และห้องที่เป็นห้องเก็บขยะของชั้นจะถูกออกแบบมาให้หลบลึกเข้าไปด้านในเพื่อป้องกันกลิ่นรบกวน Floor Plan ชั้น 20-25 เป็นโซนพักอาศัยที่มีความเป็นส่วนตัวเพิ่มขึ้นไปอีกด้วยจำนวนยูนิตที่น้อยมากเพียง 9 ยูนิต/ชั้น Floor Plan ชั้น 26 เป็นชั้นที่มีความพิเศษยิ่งขึ้น เพราะนอกจากจำนวนยูนิตที่น้อยที่สุด 6 ยูนิต ยังได้สวนสีเขียวมาไว้ที่ชั้นพักอาศัย เสมือนเป็นสวนสว่นตัวที่น้อยคนจะได้เข้าถึง Floor Plan ชั้น 27 เป็นชั้นพักอาศัยที่อยู่สูงที่สุดของโครงการ ได้ความ Exclusive ทั้งจำนวนยูนิตที่น้อยเป็นพิเศษและวิวเมืองทั้งในย่าน New CBD ไปจนถึงฝั่ง CBD เดิม Floor Plan Roof Top มาถึงตรงนี้แล้วคงหมดคำถามว่าทำไมออริจิ้นถึงเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ก้าวขึ้นมาครองใจผู้บริโภคได้อย่างง่ายดายในระยะเวลาอันรวดเร็ว พิสูจน์ได้ด้วยคุณเองเร็วๆ นี้ ที่โครงการ Knightsbridge Space Rama 9     24 มี.ค.นี้ เปิดจอง Pre Sale!! Knightsbridge Space Rama 9 1 ใน 3 ไนท์บริดจ์ ที่สุดแห่งปี คอนโดใหม่!! ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 ห้องแบบ Duo Space เพดานสูง 4.2 ม. ที่สูงและสวยที่สุดแห่งแรกและแห่งเดียวบนสี่แยกพระราม 9 เพียง 325 ยูนิตทั้งโครงการ และ เพียง 350 ม. จาก MRT สถานีพระราม 9 เต็มอิ่มกับพื้นที่สวนส่วนกลางกว่า 1,000 ตรม. เชื่อมต่อเนื่องถึง 5 ระดับชั้น Craft Cafe & Working Space กว่า 645 ตรม. แบบ Double Volume Sky panoramic social fitness club ขนาดใหญ่กว่า 221 ตรม. พร้อมระบบ Home Automation และ Auto Parking   ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ VIP ได้ที่ https://goo.gl/ZLouVN รับส่วนลด 200,000.* T.020300000 โอกาสสุดท้าย ที่คุณห้ามพลาด
“ออริจิ้น-โนมูระ” เผยบิ๊กโปรเจ็คท์ยักษ์ร่วมทุน มูลค่า 11,000 ล้าน โชว์แบรนด์ “พาร์ค” เจาะตลาดบนรุกใจกลางทองหล่อ

“ออริจิ้น-โนมูระ” เผยบิ๊กโปรเจ็คท์ยักษ์ร่วมทุน มูลค่า 11,000 ล้าน โชว์แบรนด์ “พาร์ค” เจาะตลาดบนรุกใจกลางทองหล่อ

 “ออริจิ้น” เผยโครงการร่วมทุน “โนมูระ” ยึดพื้นที่อารีน่า 10 ใจกลางทองหล่อ ผุดอาณาจักรคอนโดหรู มูลค่า 11,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ “พาร์ค” ปักธงเจาะตลาดไฮเอนด์ ตั้งเป้าขึ้นแท่นเบอร์ 1 แบรนด์คอนโดมิเนียม และผู้นำธุรกิจอสังหาครบวงจร นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์เคนซิงตัน (Kensington), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) และ พาร์ค (PARK) กล่าวว่า ที่ประชุมคณะกรรมการของบริษัท ครั้งที่ 12/2560 เมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน 2560 มีมติให้ร่วมทุนกับบริษัท โนมูระ เรียลเอสเตท ดีเวลล็อปเมนท์ จำกัด (NRED) โดยการจำหน่ายหุ้นสามัญของ บริษัท ออริจิ้น พาร์ค ที 1 จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท ซึ่งบริษัทถือหุ้น 100% จำนวน 49,000 หุ้น (มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท) คิดเป็นอัตรา 49% ของหุ้นสามัญ หรือคิดเป็นทุนจดทะเบียนจำนวน 490,000 บาท โดยมีราคาจำหน่ายหุ้นทั้งสิ้นจำนวน 397,463,500 บาท ซึ่งทาง NRED จะชำระราคาหุ้นสามัญดังกล่าวเป็นเงินสด ทั้งนี้ บริษัท ออริจิ้น พาร์ค ที 1 จำกัด ได้ทำการจดทะเบียนบริษัท เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2560 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านบาท เพื่อพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ บนพื้นที่ดินแปลง อารีน่า 10 (ทองหล่อซอย 10) ซึ่งถือเป็นพื้นที่ใจกลางทองหล่อ มูลค่าโครงการ 11,000 ล้านบาท  ภายใต้แบรนด์ “พาร์ค” โดยโครงการดังกล่าวถือเป็นการนำแบรนด์ พาร์ค มาพัฒนาโครงการเป็นครั้งแรก นับตั้งแต่ที่บริษัทได้ผนึกร่วมกับบริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด มุ่งหวังให้เป็นแบรนด์ระดับไฮเอนด์ ช่วยขยายตลาดบนและตลาดต่างประเทศ ซึ่งคาดว่าโครงการดังกล่าวจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในปี 2561 “การร่วมมือพัฒนาโครงการกับโนมูระในครั้งนี้ ถือเป็นความร่วมมืออย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ด้านนวัตกรรม การออกแบบ โนว์ฮาว กับบริษัทที่ขึ้นชื่อว่ามีส่วนแบ่งในตลาดที่อยู่อาศัยสูงเป็นระดับท็อปทรีของญี่ปุ่น และจะเป็นบันไดก้าวสำคัญของออริจิ้นสู่การเป็นผู้นำในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร และขึ้นเป็นแบรนด์อันดับ 1 ในใจผู้บริโภคเช่นเดียวกับแบรนด์คอนโดมิเนียมของโนมูระ” ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เปิดตัวโครงการร่วมทุนกับโนมูระไปแล้ว 3 โครงการในปีนี้ ได้แก่ 1.โครงการไนท์บริดจ์ ไพรม์ อ่อนนุช 2.โครงการไนท์บริดจ์ ไพรม์ รัชโยธิน และ 3.โครงการไนท์บริดจ์ คอลลาจ รามคำแหง รวมมูลค่าโครงการ 6,100  ล้านบาท ขณะที่แผนการดำเนินงานในอนาคต บริษัทยังคงมีแผนร่วมลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์กับโนมูระอย่างต่อเนื่อง ทั้งในรูปแบบของการพัฒนาอาคารชุดและธุรกิจอื่นๆ เช่น ธุรกิจพัฒนาและบริหารจัดการอาคารสำนักงาน โรงแรม และธุรกิจบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ ปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 44 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 43,500  ล้านบาท  2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร