Tag : ไนท์แฟรงค์

7 ผลลัพธ์
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยทุบสถิติโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ  สูงสุดในรอบ 10 ปี

ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยทุบสถิติโครงการคอนโดมิเนียมเปิดใหม่ในกรุงเทพฯ สูงสุดในรอบ 10 ปี

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ตลาดคอนโดมิเนียมกรุงเทพมหานครในปี 2561 ทุบสถิติการเปิดตัวโครงการใหม่สูงสุดในรอบ 10 ปี โดยมีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดรวมทั้งสิ้นประมาณ 65,000 หน่วย ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า 11% ส่งผลให้อุปทานสะสมของคอนโดมิเนียมเฉพาะในกรุงเทพมหานครตั้งแต่ปี 2552 – 2561 อยู่ที่ประมาณ 500,000 หน่วย ทั้งนี้จากการศึกษาของฝ่ายวิจัยอสังหาริมทรัพย์ ไนท์แฟรงค์ฯ พบว่าไตรมาส 3/2561 มีการเปิดตัวโครงการใหม่สูงที่สุดคือ 25,000 หน่วย ในขณะที่ไตรมาสสุดท้ายของปีมีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดประมาณ 17,000 หน่วย โดยเปิดตัวหนาแน่นในเขตชานเมืองโดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีเขียวและสายสีน้ำเงิน ซึ่งอุปทานใหม่ในพื้นที่ดังกล่าวคิดเป็น 57% ของหน่วยเปิดใหม่ทั้งหมดในไตรมาส 4/2561 เมื่อมองภาพรวมทั้งปี พบว่าเขตชานเมืองโดยเฉพาะแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายแทบทุกสายยังคงเป็นพื้นที่ที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบการอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่สัดส่วนของอุปทานใหม่ใน CBD และพื้นที่รอบ CBD อยู่ที่ 18% และ 33% ตามลำดับ ส่วนทำเลเด่นที่ผู้ประกอบการสนใจเป็นพิเศษในปี 2561 ได้แก่ ถ.สุขุมวิทตั้งแต่ช่วงอโศก–เอกมัย ถ.พหลโยธินตามแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย (หมอชิต-คูคต) พระราม 9–รัชดาภิเษก ลาดพร้าว–รามคำแหง และจรัญสนิทวงศ์–เพชรเกษม   อุปทานของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ปี 2553 - 2561   อุปทานของคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ แบ่งตามโซน ปี 2561   ด้านยอดขาย พบว่ายอดขายเฉลี่ยของโครงการเปิดใหม่ในกรุงเทพมหานครตลอดปี 2561อยู่ที่ประมาณ 55% โดยคอนโดขายดีส่วนใหญ่อยู่ในพื้นที่ CBD และโซนรอบ CBD มียอดขายประมาณ 51% และ 64% ตามลำดับ ในขณะที่คอนโดเปิดใหม่ย่านชานเมืองมียอดขายประมาณ 50% ซึ่งถือว่าไปได้ดีเมื่อเทียบกับอุปทานใหม่จำนวนมากที่เข้าสู่ตลาดในพื้นที่นี้ ส่วนทำเลที่ได้รับความนิยมสูงจากผู้ซื้อได้แก่ สุขุมวิทตอนกลาง (อโศก–อ่อนนุช) สุขุมวิทตอนปลาย (อุดมสุข–แบริ่ง) พระราม 9-รัชดาภิเษก พหลโยธิน (จตุจักร–พหลโยธิน 52) และธนบุรี ขณะที่ภาพรวมด้านราคาเสนอขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรของยูนิตเปิดใหม่ปี 2561 อยู่ที่ 150,641 บาท ปรับตัวลดลงจากปีก่อนหน้า 6% โดยราคาเสนอขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรของคอนโดใหม่ในเขต CBD และพื้นที่รอบ CBD อยู่ที่ 250,000 บาท และ 120,000 บาท ลดลง 8% และ 7% ตามลำดับเมื่อเทียบกับปี 2560 อย่างไรก็ตาม ราคาเสนอขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรของยูนิตเปิดใหม่ย่านชานเมืองมีแนวโน้มขยับขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2561 อยู่ที่ 85,000 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้น 3%, 13% และ 20% จากปี 2560, 2559 และ 2558 ตามลำดับ   อุปทานสะสม อุปสงค์สะสม และอัตราการขายสะสม คอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯ ปี 2553 - 2561     ราคาเสนอขายของคอนโดมิเนียมใหม่ในกรุงเทพฯ ปี 2553 – 2561   สำหรับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ในปี 2562 คาดว่าจะชะลอตัวจากสถานการณ์ตลาดโดยรวม ไม่ว่าจะเป็นนโยบายกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย การปรับตัวขึ้นของดอกเบี้ยนโยบายภายในประเทศ และภาวะเศรษฐกิจโลกซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อจากต่างประเทศ ทั้งนี้ฝ่ายวิจัยอสังหาริมทรัพย์ ไนท์แฟรงค์ฯคาดว่าไตรมาสแรกของปีนี้ ราคาเสนอขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรมีแนวโน้มปรับตัวสูงขึ้นจากปีที่แล้ว ด้วยแรงหนุนจากการเปิดตัวของโครงการในหลายทำเลทั้งใน CBD และพื้นที่รอบ CBD นอกจากนี้ใน Q1/2562 อัตราการโอนกรรมสิทธิ์มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว เนื่องจากผู้ซื้อต้องการโอนให้เสร็จก่อนนโยบายกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัยจะถูกบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายน 2562 นี้        
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเจาะลึกทำเลทองหล่อ-เอกมัย

ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเจาะลึกทำเลทองหล่อ-เอกมัย

นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวว่า ทำเลศักยภาพบนถนนสุขุมวิท ย่านทองหล่อ-เอกมัยถูกจัดไว้ในอันดับต้นๆเสมอด้วยปัจจัยหนุนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นที่ตั้งซึ่งอยู่ใจกลางเมือง สามารถเข้าออกได้จากหลากหลายเส้นทางทั้งโดยรถยนต์ส่วนตัว รถไฟฟ้า BTS และรถโดยสารสาธารณะรูปแบบต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นซอยเล็กซอยน้อยที่มีอยู่ในทองหล่อ-เอกมัย ยังช่วยให้เดินทางทะลุไปยังถนนเส้นสำคัญและซอยต่างๆได้มากมาย ทั้งถนนสุขุมวิทสายหลัก ถนนพระราม 4 ถนนเพชรบุรี ทางพิเศษศรีรัช ทางพิเศษฉลองรัช ซอยสุขุมวิท 49 สุขุมวิท 51 สุขุมวิท 53 และสุขุมวิท 71 (ปรีดี พนมยงค์) เป็นต้น กล่าวได้ว่าทำเลนี้เดินทางไปไหนมาไหนง่ายดายทั้งสำหรับผู้มีรถยนต์ส่วนตัวและผู้ที่ชื่นชอบการใช้บริการรถสาธารณะเลยทีเดียว ส่วนในอนาคต เมื่อรถไฟฟ้าสายสีเทาระยะที่ 1 (วัชรพล-ทองหล่อ) เปิดให้บริการ ก็จะช่วยเติมเต็มการคมนาคมในพื้นที่ทองหล่อ-เอกมัยให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นและส่งเสริมทำเลนี้ให้มีมูลค่าสูงกว่าปัจจุบันหลายเท่าตัว   แผนภาพแสดงสิ่งอำนวยสะดวกต่างๆในทำเลทองหล่อ-เอกมัยและพื้นที่ใกล้เคียง   ไม่เพียงสะดวกสบายในด้านการคมนาคมสัญจรเท่านั้น ทองหล่อ-เอกมัย ยังได้ชื่อว่าเป็นย่านซึ่งรวบรวมการใช้ชีวิตแบบ High-end Urban Living Lifestyle ที่ทันสมัยเหนือระดับไว้อย่างครบถ้วนเพื่อการใช้ชีวิตอย่างเพลิดเพลินสมบูรณ์แบบ ทั้งคอมมูนิตี้มอลล์ สปา ฟิตเนสและสถานออกกำลังกายสำหรับครอบครัว co-working space พื้นที่สีเขียวสำหรับพักผ่อนหย่อนใจ ร้านเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน Art Gallery ตลอดจนร้านอาหารนานาชาติระดับพรีเมี่ยมและคาเฟ่หลากสไตล์ที่ตั้งอยู่สองฝั่งถนน รวมถึงในซอยย่อยอันสงบร่มรื่นแซมด้วยสีเขียวของต้นไม้ใบไม้ ให้บรรยากาศ Slow life และสำหรับครอบครัวที่มีสมาชิกวัยกำลังศึกษาเล่าเรียน ทองหล่อ-เอกมัยและพื้นที่ใกล้เคียงก็มีสถานศึกษาคุณภาพสูงและได้รับมาตรฐานระดับสากลหลายแห่งไว้รองรับความต้องการ ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนอนุบาลนานาชาตินิวแบมบิโน โรงเรียนอนุบาลนานาชาติทรินิตี้ โรงเรียนอนุบาลนานาชาติโคบาโตะ โรงเรียนแอดเวนทีสเอกมัย โรงเรียนนานาชาติเวลส์ โรงเรียนนานาชาติเอกมัย ฯลฯ โดยสถานศึกษาเหล่านี้เปิดการเรียนการสอนตั้งแต่ระดับอนุบาล ประถมศึกษา มัธยมศึกษา ไปจนถึงอนุปริญญา   นอกจากนี้ทำเลทองหล่อ-เอกมัยและพื้นที่ใกล้เคียงยังพรั่งพร้อมไปด้วยโรงพยาบาลชั้นนำที่มีทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและบุคลากรทางการแพทย์อื่นๆที่พร้อมให้บริการตลอด 24 ชั่วโมง ได้แก่ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท โรงพยาบาลคามิลเลียน โรงพยาบาลสุขุมวิท และโรงพยาบาลเพชรเวช ส่วนผู้ที่มีสัตว์เลี้ยงก็สามารถใช้บริการโรงพยาบาลสัตว์ในพื้นที่ซึ่งมีให้เลือกหลากหลาย เช่น โรงพยาบาลสัตว์ทองหล่อ โรงพยาบาลสัตว์เอกมัย โรงพยาบาลสัตว์สุขุมวิท 49 เป็นต้น   ด้วยความครบครันทั้งด้านทำเลที่ตั้งและสิ่งอำนวยสะดวกระดับพรีเมี่ยมในพื้นที่นี่เอง จึงทำให้ทองหล่อ-เอกมัยดึงดูดผู้คนมากมายทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์ที่ได้ชื่อว่าหรูหราและมีระดับที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ไม่เพียงเป็นย่านที่รุ่มรวยไปด้วยสีสันแห่งการใช้ชีวิต ทองหล่อ-เอกมัยยังเติมเต็มความสมบูรณ์แบบของ Urban Lifestyle ด้วยที่พักอาศัยในรูปแบบคอนโดมิเนียมระดับ Hi-end และ Luxury กระจายอยู่ทั่วไปในพื้นที่ ผู้พักอาศัยในทำเลนี้นอกจากคนไทยที่ชื่นชอบการใช้ชีวิตสะดวกสบายใจกลางเมืองอันรายล้อมไปด้วย facilities และ amenities ชั้นเยี่ยมแล้ว ยังมีชาวต่างชาติอีกเป็นจำนวนมากที่เลือก ทองหล่อ-เอกมัย เป็น “บ้าน” เนื่องจากย่านนี้มีความพร้อมสูงในทุกๆด้าน จึงสนับสนุนคุณภาพชีวิตที่ดีแก่ผู้อยู่อาศัยได้อย่างไร้ข้อกังขา ความร้อนแรงของเอกมัย-ทองหล่อไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลงง่ายๆ เห็นได้ชัดจากการที่ยังมีร้านค้าใหม่ๆ ที่พักอาศัยใหม่ๆเกิดขึ้นในทำเลนี้อย่างต่อเนื่อง และนับวันย่านนี้จะทวีความเป็นที่นิยมขึ้นเรื่อยๆควบคู่ไปกับการพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของเมือง การได้เข้ามาใช้ชีวิตอย่างเต็มรูปแบบในทำเลทองอย่างทองหล่อ-เอกมัย โดยจับจองที่พักอาศัยฮอตฮิตอย่างคอนโดมิเนียมจึงนับเป็นเรื่องดีไม่น้อย เพราะไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่เองหรือซื้อเพื่อลงทุนก็ล้วนคุ้มค่า เนื่องจากทำเลนี้เติบโตต่อเนื่องและแน่นอนว่าจะเป็นทำเลที่มีมูลค่าสูงขึ้นอย่างท่วมท้นในอนาคต   สำหรับตลาดคอนโดมิเนียมทองหล่อ-เอกมัย ซึ่งมีขอบเขตพื้นที่ศึกษาครอบคลุมตั้งแต่ถนนสุขุมวิทซอย 55 ถึงสุขุมวิทซอย 63 จากการสำรวจและวิจัยโดยทีมวิจัยอสังหาริมทรัพย์ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด พบว่ามีอุปทานสะสมในพื้นที่นี้ตั้งแต่ปี 2551 ถึงครึ่งปีแรกของปี 2561 รวมทั้งสิ้น 6,112 หน่วย โดยปี 2554 เป็นปีที่มีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดสูงสุดถึง 1,268 หน่วย เติบโตกว่า 365% เมื่อเทียบกับปี 2551 อย่างไรก็ตาม อุปทานใหม่ระหว่างปี 2555 – 2557 ได้ปรับตัวลดลงอยู่ในระดับคงตัวเฉลี่ย 330 หน่วยต่อปี และลดลงต่ำสุดเหลือเพียง 88 หน่วย ในปี 2558 ทั้งนี้ตลาดกลับมาคึกคักอีกครั้งในปี 2559-2560 มีอุปทานใหม่เข้ามาเฉลี่ย 914 หน่วยต่อปี ส่วนครึ่งปีแรกของปี 2561 มีคอนโดมิเนียมใหม่เข้าสู่ตลาด 220 หน่วย เนื่องจากผู้ประกอบการส่วนใหญ่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง ซึ่งคาดว่ามีอีกไม่ต่ำกว่า 2,800 หน่วย ที่จะทยอยเปิดตัวภายในปีนี้ ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น หมายความว่าปี 2561 ทั้งปีจะมีอุปทานใหม่เข้าสู่ตลาดสูงถึง 3,000 หน่วย สูงที่สุดในรอบ 11 ปีเลยทีเดียว และเป็นที่น่าสังเกตว่ากว่า 40% ของคอนโดมิเนียมที่จะเปิดใหม่ทั้งหมดอยู่ในพื้นที่เอกมัย ซึ่งเป็นสัญญาณค่อนข้างชัดเจนว่าทำเลนี้ได้รับความเชื่อมั่นจากผู้ประกอบการสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และกำลังแผ่ศักยภาพเพิ่มขึ้นเรื่อยๆด้วยปัจจัยหนุนหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งซึ่งรายล้อมด้วยสิ่งอำนวยสะดวกครบครัน นอกจากนี้ยังตั้งอยู่ไม่ไกลจากทองหล่อ ในขณะที่ราคาสามารถเอื้อมถึงได้มากกว่า     ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยรายงานสภาวการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต

ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยรายงานสภาวการณ์ตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต

จากผลวิจัยไนท์แฟรงค์ประเทศไทย ตลาดคอนโดฯในภูเก็ตคาดว่าจะปรับตัวดีขึ้นตามภาวะเศรษฐกิจที่เติบโตและตามจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น โดยอุปทานและราคาขายที่เพิ่มสูงขึ้นจะเป็นตัวขับเคลื่อนสำคัญ ในขณะที่อุปสงค์ยังคงปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย ปริมาณอุปทานใหม่ที่เปิดตัวในภูเก็ตคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นักพัฒนาโครงการภายในประเทศและบริษัทร่วมทุนจะยังเป็นผู้เล่นหลักในตลาด อุปสงค์ทั้งตลาดจะถูกผลักดันด้วยกลุ่มผู้ซื้อจากต่างประเทศ, นักลงทุน, และชาวต่างชาติที่อาศัยในเมืองไทย โดยเฉพาะจากจีน, รัสเซีย, และออสเตรเลีย นอกจากนี้จะเห็นกลุ่มผู้ซื้อจำนวนมากจากเกาหลีใต้อีกด้วย ด้านราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรคาดว่าจะปรับราคาเพิ่มขึ้นทั่วทุกพื้นที่ ในขณะที่ความต้องการคอนโดฯหรูที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ราคามีการปรับสูงขึ้นในปี 2561 โดยเฉพาะโครงการที่ติดทะเล นอกจากนี้หนึ่งปัจจัยที่คาดว่าจะช่วยกระตุ้นตลาดอสังหาฯได้ คือ โครงการ Smart City ในภูเก็ต ซึ่งมีวัตถุประสงค์ที่จะพัฒนาทั้งในด้านเศรษฐกิจและวิถีชีวิตแบบอัจฉริยะ และเพื่อสร้างเมืองให้กลายเป็นศูนย์กลางของอุตสาหกรรมดิจิทัลในภูมิภาคที่จะช่วยดึงดูดนักลงทุนและนักท่องเที่ยว โดยโครงการคาดการณ์ว่าจะเสร็จสมบูรณ์ในปี 2563   ไฮไลท์   • อุปทานและอุปสงค์ของตลาดคอนโดฯในภูเก็ตปรับตัวลงในปี 2560 โดยจำนวนอุปทานใหม่รวมทั้งหมดในปี 2560 ลดลงไปร้อยละ 29 หรืออยู่ที่ 1,736 ยูนิต เมื่อเทียบกับปีก่อนอยู่ที่ 2,478 ยูนิต สำหรับด้านอุปสงค์มีจำนวนคอนโดมิเนียม 1,147 ยูนิตที่ขายไปแล้วในปี 2560 ซึ่งเพิ่มขึ้นร้อยละ 36 ปีต่อปี • อุปทานที่เปิดตัวใหม่ติดวิวทะเล, ติดวิวทะเลบางส่วน, และไม่ติดวิวทะเลสามารถคิดเป็นสัดส่วนอยู่ที่ร้อยละ 44, ร้อยละ54 และร้อยละ 2 ตามลำดับ โดยโครงการใหม่ส่วนใหญ่จัดอยู่ในกลุ่มตลาดระดับไฮเอนด์ ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่ที่หาดกะรน, หาดในหาน, และหาดบางเทา • โครงการคอนโดมิเนียมที่เปิดตัวในปี 2560 มีอัตราการครอบครองเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 66 ซึ่งลดลงร้อยละ 6 ปีต่อปี อย่างไรก็ตามโครงการบางแห่งที่มีราคาไม่แพง, มีโปรโมชั่นเงินดาวน์ที่ดึงดูด, มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน, และอยู่ในทำเลที่เข้าถึงได้ง่ายสามารถทำยอดขายได้สูงภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการเปิดตัว • ราคาขายเฉลี่ยต่อตารางเมตรของโครงการใหม่ทั้งหมดที่เปิดตัวในปี 2560 เพิ่มขึ้นอยู่ที่ 135,719 บาท หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ปีต่อปี   อุปทาน   ในปี 2560 มีจำนวนอุปทานที่เปิดตัวประมาณ 1,736 ยูนิต ส่งผลให้มีอุปทานสะสมของคอนโดฯในภูเก็ตเพิ่มขึ้นไปที่ 14,266 ยูนิต หรือเพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 14 ปีต่อปี อย่างไรก็ตามอุปทานที่เปิดตัวใหม่ในปี 2560 ลดลงไปร้อยละ 29 ปีต่อปี หรือจาก 2,478 ยูนิตลงไปที่ 1,736 ยูนิต เนื่องจากนักพัฒนาโครงการระมัดระวังในด้านการเลือกประเภทการลงทุนและประเภทสินค้าที่นำเสนอแก่กลุ่มผู้ซื้อ   กราฟที่ 1 อุปทานตลาดคอนโดมิเนียมในภูเก็ต ปี 2551 – 2560 ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย กราฟที่ 2 อุปทานใหม่ปี 2560 ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย   อุปสงค์   ในปี 2560 มีอัตราการครอบครองเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 66 ซึ่งปรับลดลงร้อยละ 6 ปีต่อปี ในขณะที่อัตราการดูดซับแสดงอัตราการปรับลดลงอยู่ที่ร้อยละ 35.8 ปีต่อปี อัตราการครอบครองเฉลี่ยของโครงการใหม่ที่ติดวิวทะเลบางส่วน ลดลงอยู่ที่ร้อยละ 65 หรือร้อยละ 16.7 ปีต่อปี ในช่วงเดียวกันอัตราการครอบครองยูนิตใหม่ที่ติดวิวทะเล และยูนิตที่ไม่ติดวิวทะเลลดลงอยู่ที่ร้อยละ 3.4 และ 2.5 ตามลำดับ สำหรับด้านผู้ซื้อ ตลาดคอนโดฯในภูเก็ตส่วนใหญ่ถูกครอบครองโดยกลุ่มผู้ซื้อจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากชาวจีน, รัสเซีย, และออสเตรเลีย ผู้ซื้อกลุ่มนี้มักซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเองหรือเพื่อเป็นการลงทุนแบบระยะยาว   กราฟที่ 3 อุปทาน อุปสงค์สะสม และอัตราครอบครองคอนโดมิเนียมในภูเก็ตปี 2551 - 2560 ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย   ราคา   ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯทั้งหมดที่เปิดตัวในปี 2560 อยู่ที่ 135,719 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 2.5 ปีต่อปี ราคาขายของยูนิตที่ติดวิวทะเลเฉลี่ยอยู่ที่ 181,522 บาทต่อตารางเมตร เพิ่มขึ้นร้อยละ 1.5 หากเทียบกับปีก่อน จากแรงผลักดันด้านราคาที่สูงขึ้นของยูนิตใหม่ที่เข้ามาในตลาดส่งผลให้ราคาขายเฉลี่ยของยูนิตที่ติดวิวทะเลบางส่วนในปี 2560 ปรับขึ้นไปที่ 115,828 บาทต่อตารางเมตร หรือเพิ่มขึ้นสูงกว่าปี 2559 ประมาณร้อยละ 5 ในช่วงเดียวกัน ราคาขายเฉลี่ยของคอนโดฯที่ไม่มีวิวทะเลปรับเพิ่มขึ้นไปที่ 103,927 บาทต่อตารางเมตร ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 102,583 บาทต่อตารางเมตรในปี 2560   กราฟที่ 4 ราคาขายเฉลี่ยของคอนมิเนียมในภูเก็ตปี 2551 – 2560 ที่มา : ไนท์แฟรงค์ประเทศไทย
ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทยชี้กลุ่มนักลงทุนต่างชาตินิยมลงทุนตลาดที่อยู่อาศัยในไทย

ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทยชี้กลุ่มนักลงทุนต่างชาตินิยมลงทุนตลาดที่อยู่อาศัยในไทย

ม.ร แฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านโครงการที่พักอาศัย บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด ให้ความเห็นว่า “ปี 2560เป็นปีที่โดดเด่นสำหรับนักลงทุนต่างชาติ เนื่องจากมีอุปทานใหม่ที่มีการออกแบบของนวัตกรรมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่ทันสมัย และยังมีการเติบโตทางการลงทุนด้วยโอกาสทางการลงทุนที่น่าสนใจในประเทศไทยเปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติสามารถลงทุนได้โดยไม่ได้รับผลกระทบจากค่าภาษีและอากรแสตมป์ที่มีราคาแพง ในปี 2560 จะสังเกตุเห็นนักพัฒนาหลายแห่งที่ได้ประโยชน์จากส่วนแบ่งทางการตลาด จากกลุ่มผู้ซื้อชาวต่างชาติเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก ตลาดอสังหาฯที่อยู่อาศัยไทยได้รับกระแสการลงทุนเพิ่มมากขึ้นจากนักลงทุนชาวจีน แม้จะมีข้อจำกัดการลงทุนในต่างประเทศที่เข้มงวดมากขึ้นก็ตาม กรุงเทพฯจัดเป็นหนึ่งในพื้นที่เป้าหมายการลงทุนหลัก โดยคอนโดฯราคาระดับกลางหลายแห่งในเมืองได้รับความสนใจจากชาวจีนมากถึงร้อยละ 40 แต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2560 ยังค่อนข้างนิ่ง เนื่องจากมีกฏบังคับควบคุมการโอนเงินที่เข้มงวดมากขึ้นของธนาคารแห่งประเทศจีน การจัดแสดงโครงการ ( Road Show ) ที่อยู่อาศัยในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงประเทศจีนถือเป็นกิจกรรมทางการตลาดที่สำคัญและมีแนวโน้มที่จะขยายใหญ่มากขึ้นในปี 2561  และคาดว่าจะได้รับความสนใจจากนักลงทุนต่างชาติในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมากขึ้นอีก นักพัฒนาควรตระหนักว่ากลุ่มนักลงทุนจะคำนึงถึงเกณฑ์พื้นฐานหลัก 3 ข้อต่อไปนี้ ก่อนการตัดสินใจซื้อ ทำเลที่ตั้ง: ปัจจัยหลักสำหรับผู้ซื้อต่างชาติ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ที่มีสถานที่สำคัญหรือการเข้าถึงจุดบริการขนส่งมวลชน ราคา: มีความสัมพันธ์โดยตรงกับทำเลที่ตั้ง โดยระดับของโครงการเป็นปัจจัยที่สองในการกำหนดราคา สิ่งอำนวยความสะดวก: สิ่งอำนวยความสะดวก รวมถึงการตกแต่งโดยรวมเหมาะสมกับโครงการหรือไม่? ม.ร มาร์ซีอาโน เบิร์จโมฮัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการตลาดและการขายต่างประเทศ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จำกัด กล่าวเสริมว่า “ระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทยมีการขยายเพิ่มขึ้นมาก แต่รถไฟฟ้าบีทีเอสยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักในการพัฒนาเมือง และเป็นขนส่งมวลชนที่สำคัญที่สุดต่อโครงสร้างพื้นฐานของชุมชนในหลายๆ ด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานี interchange อย่าง สถานีกลางบางซื่อที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างในขณะนี้ได้กลายเป็นจุดสนใจหลักของนักลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตามนักลงทุนต่างชาติจำนวนมากยังให้ความสนใจไปที่พื้นที่รอบนอกเขตกรุงเทพฯที่มีระดับการลงทุนต่ำแต่ได้ประโยชน์จากการเชื่อมต่อระหว่างย่านธุรกิจและพื้นที่ท่องเที่ยวโดยตรง นอกจากนี้สถานีเชื่อมต่อเตาปูนที่แล้วเสร็จและสถานีเชื่อมต่อสำโรงที่เกือบเสร็จสมบูรณ์แล้ว พื้นที่ทั้งสองนี้จะกลายเป็นพื้นที่ที่สำคัญในอนาคต หากสังเกตจากการจราจรในบริเวณที่มีสถานี interchange อย่างสถานีอโศกและสถานีสยาม เรามั่นใจว่าสถานีเตาปูนและสถานีสำโรงจะกลายเป็นสถานีขนส่งหลักภายในปี 2563 นอกจากนี้ คุณภาพของระบบโครงสร้างพื้นฐานในกรุงเทพฯ อย่างระบบขนส่งมวลชนและระบบโทรคมนาคมถือเป็นปัจจัยหลักที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจทางการลงทุนอสังหาฯและโครงการพัฒนา ซึ่งคล้ายคลึงกับเมืองใหญ่หลายๆ แห่งในโลก การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจะส่งผลโดยตรงต่อมูลค่าทรัพย์สิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งการจัดวางตำแหน่งโครงสร้างพื้นฐานระบบขนส่งมวลชนจะมีผลต่อผู้คน ชุมชน และมูลค่าทรัพย์สินเป็นอย่างมาก เราสามารถสังเกตเห็นได้ชัดเจนจากแนวรถไฟฟ้าสายสุขุมวิทและสายสีลม   อสังหาที่อยู่อาศัยที่ตั้งอยู่ใกล้กับระบบขนส่งมักถือเป็นพื้นที่ "พรีเมียม" และเป็นเรื่องปกติที่ราคาอสังหาฯในบริเวณนั้นๆ จะปรับขึ้นตามการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน"
ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยภาพรวมตลาดวิลล่าในภูเก็ต

ไนท์แฟรงค์ประเทศไทยเผยภาพรวมตลาดวิลล่าในภูเก็ต

นายณัฏฐา คหาปนะ กรรมการบริหาร บริษัท ไนท์แฟรงค์ ภูเก็ต จำกัดคาดการณ์ว่า ยูนิตวิลล่าที่มีระดับราคาขายระหว่าง 8-15 ล้านบาทมีแนวโน้มสดใส ตลาดยังคงแสดงอัตราการครอบครองเติบโตอย่างต่อเนื่อง ณ สิ้นไตรมาส 3 ปี 2560 มีวิลล่าประมาณ 1,982 ยูนิตที่ขายหมดไปแล้วจากทั้งหมด 2,542 ยูนิต คิดเป็นอัตราขายอยู่ที่ร้อยละ 78 โดยมี 168 ยูนิตที่ขายในปีนี้ ในขณะที่วิลล่าในภูเก็ตที่มีราคาสูงกว่า 300 ล้านบาทต่อยูนิตมีแนวโน้มไม่ดีนัก ยอดขายค่อนข้างนิ่งโดยมีเพียงไม่กี่ยูนิตที่ขายได้ โดยในภาพรวมของตลาดราคาขายต่อยูนิตโดยเฉลี่ยจะยังคงที่หรือเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย และจะยังมีวิลล่ารีเซลเพิ่มเข้ามาในตลาดอีกด้วย ที่มา: ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย วิลล่าในภูเก็ตมีจำนวน 2,542 ยูนิตโดยประมาณ โดยในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2560 มี 178 ยูนิตที่เพิ่มเข้ามาในตลาดวิลล่าภูเก็ต ส่วนใหญ่วิลล่าใหม่ๆ ที่เพิ่มขึ้นในช่วง 9 เดือนแรกของปีนี้เป็นวิลล่าประเภท 2 ห้องนอน ที่มีราคาขายอยู่ที่ 8-12 ล้านบาทต่อยูนิต และส่วนใหญ่ของอุปทานใหม่ตั้งอยู่ในศูนย์กลางของเกาะบริเวณหาดบางเทา หาดสุรินทร์ และหาดกมลา บริษัท ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย ผู้ซื้อวิลล่ายังคงเป็นชาวต่างชาติและชาวต่างชาติที่ทำงานในประเทศแถบอาเชีย เช่น ฮ่องกง สิงคโปร์ และจีน นอกจากนี้ยังมีชาวออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ที่ซื้อวิลล่าในภูเก็ตไว้เป็นบ้านหลังที่สอง โดยผู้ซื้อจากประเทศจีนนับเป็นหนึ่งในสามอันดับแรกของกลุ่มผู้ซื้อวิลล่าในภูเก็ต ซึ่งรวมไปถึงผู้ซื้อจากฮ่องกงและสิงคโปร์แล้ว เนื่องจากมีเที่ยวบินตรงและระยะทางที่ไม่ไกลนัก สามารถบินตรงจากบางเมืองในประเทศจีนไปยังจังหวัดภูเก็ตได้เลยซึ่งปัจจัยนี้เป็นอีกตัวช่วยที่ดีในการผลักดันตลาดวิลล่าในภูเก็ต
ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทยเปิดตัวบริการ IPM นำโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศไทยขยายฐานลูกค้า สู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทยเปิดตัวบริการ IPM นำโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศไทยขยายฐานลูกค้า สู่ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก

ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย เปิดตัวบริการด้านการตลาดในต่างประเทศ IPM (International Project  Marketing) โดย มร. แฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านที่พักอาศัย กล่าวว่า "การบริการ IPM นี้คือบริการนำโครงการคอนโดมิเนียมชั้นนำ ไปสู่ผู้ซื้อในตลาดเอเชียแปซิฟิกและแนะนำโครงการให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ซื้อต่างชาติที่มีศักยภาพ ทั้งยังช่วยอำนวยความสะดวกกลุ่มผู้ซื้อและนักลงทุนจากต่างประเทศที่สนใจซื้อโครงการคอนโดมิเนียมในประเทศไทย โดยเราดำเนินการจัดทำกิจกรรมแสดงโครงการ( Road Show Events )และวางแผนยุทธศาสตร์ทางการตลาด และให้คำปรึกษาโดยผู้เชี่ยวชาญทางการตลาด นอกจากนี้เรายังมีเครือข่ายบริการทั่วโลก ทำให้ลูกค้าสามารถไว้วางใจในทีมการตลาดของเราได้ว่าจะนำโครงการคอนโดมิเนียมของนักพัฒนาโครงการไปสู่ตลาดอสังหาฯที่สำคัญๆ อย่าง ฮ่องกง, สิงคโปร์, มาเลเซียและจีน ได้อย่างประสบความสำเร็จ ในขณะเดียวกันการบริการอย่างครบวงจรนี้ช่วยให้กระบวนการการลงทุนจากต่างประเทศพร้อมทั้งบริการที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนทำให้นักลงทุนสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น” ทีม IPM นำทีมโดย มร.แฟรงค์ ข่าน กรรมการบริหารและหัวหน้าฝ่ายที่ปรึกษาด้านที่พักอาศัย ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย และ มร.มาร์ซีอาโน เบิร์จโมฮัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการตลาดและการขายต่างประเทศ มร.แฟรงค์ ข่าน กล่าวเสริมว่า “การลงทุนในประเทศไทยนั้นมีข้อได้เปรียบสูงในเรื่องภาษีกำไรจากการขายทรัพย์สิน (Capital Gain Tax) อีกทั้งอัตราภาษีอสังหาฯในประเทศไทยจัดอยู่ในระดับต่ำที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และในบางส่วนของค่าธรรมเนียมอากรแสตมป์กับค่าธรรมเนียมการโอนในการซื้อขายทรัพย์สินใหม่ผู้พัฒนาโครงการจะเป็นผู้รับผิดชอบ” เมื่อเร็วๆนี้ ทีม IPM ของไนท์แฟรงค์ ประเทศไทย จัดแสดงโครงการคอนโดมิเนียม นิช โมโน สุขุมวิท – แบริ่งในฮ่องกง เพียงในสัปดาห์แรกของการจัดงานพรีเซล มียอดขายมากถึง 50% จากจำนวนยูนิตที่ถูกจัดสรรมาโดยส่วนใหญ่ซื้อไว้เพื่อการลงทุนระยะยาว โดยคำนึงถึงทำเลโครงการที่น่าสนใจและมีวิวสวย สิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และพื้นที่ใช้สอยที่กว้างขวาง มร.มาร์ซีอาโน เบิร์จโมฮัน ผู้ช่วยผู้อำนวยการด้านการตลาดและการขายต่างประเทศ ไนท์แฟรงค์ ประเทศไทยกล่าวว่า "ฮ่องกงกลายเป็นตลาดที่สามารถทำรายได้ดีแต่มีการแข่งขันสูงสำหรับนักพัฒนาโครงการจากประเทศไทยโดยเฉพาะอย่างยิ่งโครงการในบริเวณสุขุมวิทตอนปลาย อย่างไรก็ตามผู้ซื้อให้ความสนใจกับโครงการตึกสูงที่มีห้องขนาดใหญ่กว่า 31 ตร.ม. ในขณะที่การเป็นบริษัทพัฒนาโครงการมหาชนจะทำให้การตัดสินใจซื้อของลูกค้าง่ายยิ่งขึ้น" นักลงทุนในฮ่องกงกำลังพยายามกระจายการลงทุนไปสู่ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ แต่ด้วยราคาทรัพย์สินในตลาดฮ่องกงสูงเกินไป ดังนั้นราคาคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯจึงเป็นที่น่าสนใจ หากเปรียบเทียบกับที่อยู่อาศัยในฮ่องกง อย่างไรก็ตามบริการ IPM ในฮ่องกงนั้นได้รับการตอบรับค่อนข้างดี และทำให้เป็นการชักนำนักลงทุนในประเทศสิงคโปร์, มาเลเซียและจีน เช่นเดียวกัน ทั่วกรุงเทพฯในตอนนี้กำลังอยู่ในระหว่างการพัฒนาครั้งใหญ่ของการขยายระบบขนส่งมวลชนและโครงการใหญ่ๆอย่างเช่น สถานีกลางบางซื่อ, Bangkok Mall และ One Bangkok ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่พื้นที่รอบนอก ทำให้เป็นจุดสนใจแก่คนฮ่องกงที่ซึ่งตั้งใจจะถือครองเงินลงทุนไว้อย่างน้อย 3 – 5 ปี และพวกเขาคาดว่าในเวลานั้นจะได้รับผลตอบแทนที่น่าดึงดูดใจ ประกอบกับได้รับผลตอบแทนค่าเช่าที่มั่นคงขณะที่ถือครอง การเดินทางจากฮ่องกงมากรุงเทพฯเป็นเรื่องที่สะดวก ด้วยตั๋วเครื่องบินราคาไม่แพงและเวลาเดินทางเพียงไม่กี่ชั่วโมง ความสะดวกสบายนี้รวมถึงค่าครองชีพที่ไม่แพงทำให้ผู้ซื้อชาวฮ่องกงเข้ามาลงทุนเหมือนเป็นบ้านหลังที่สอง ถึงแม้ประเทศมาเลเซียยังคงเป็นประเทศที่สำคัญแม้ค่าเงินริงกิตปรับตัวลดลง เราได้จัดงานกิจกรรมการขายเพื่อให้ความรู้ที่สนับสนุนผู้ซื้อ เรามีประสบการณ์ตรงว่านักลงทุนมาเลเซียเลือกที่จะใช้ประโยชน์จากเงินกู้ยืมจากการจำนองทรัพย์สิน ในขณะที่โครงการของเราหลายแห่งที่ตั้งราคาได้น่าสนใจ ซึ่งทำให้ชาวจีนแผ่นดินใหญ่สามารถโอนเงินได้โดยไม่มีข้อจำกัด เร็วๆนี้ บริการ IPM ของเราจะมีจัดการขายในตลาดต่างประเทศ หลายๆตลาดในเอเชียและขยายบริการของเราไปยังผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์มหาชนหลายราย โดยบริษัทไนท์แฟรงค์ทำหน้าที่ดูแลเพื่อให้แน่ใจว่าลูกค้าและนักพัฒนาโครงการจะได้รับบริการที่น่าพอใจกลับไป
The Niche Pride คอนโดฯสุดหรู Pre-Sales 2 วัน ยอดขายทะลัก 800 ลบ. SENA เตรียมปรับราคาขึ้นในเดือน ก.ย.อีก 5% สอดคล้องราคาตลาดในทำเลเพชรบุรี-รัชดาที่พุ่งพรวด 28%

The Niche Pride คอนโดฯสุดหรู Pre-Sales 2 วัน ยอดขายทะลัก 800 ลบ. SENA เตรียมปรับราคาขึ้นในเดือน ก.ย.อีก 5% สอดคล้องราคาตลาดในทำเลเพชรบุรี-รัชดาที่พุ่งพรวด 28%

บมจ. เสนาดีเวลลอปเม้นท์ (SENA) และบริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด ปลื้มกระแสตอบรับโครงการคอนฯ สุดหรู  "The Niche Pride" ที่ตั้งตระหง่านบนถนนเพชรบุรี ใกล้ถนน "ทองหล่อ-เพชรบุรี-พระราม 9" เปิด Pre-Sale แค่ 2 วัน ยอดขายทะลุเป้ากว่า  800 ล้านบาท เตรียมปรับราคาขึ้นอีก 5% ภายในเดือนกันยายนนี้ สอดคล้องราคาคอนโดฯในทำเลเพชรบุรี-รัชดาที่พุ่งพรวด 28% ในช่วงครึ่งปีแรกของปีนี้ ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์  กรรมการบริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) (SENA)   เปิดเผยว่า โครงการคอนโดมิเนียมสุดหรู ใจกลางเมือง "เดอะนิช ไพรด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี" ซึ่งตั้งอยู่บนพื้นที่   3 ไร่เศษ ท่ามกลางบรรยากาศที่มีความสงบและเป็นส่วนตัว โดยมีเพียง 1 อาคาร 33 ชั้น จำนวน 667 ยูนิตเท่านั้น ขนาดห้องเริ่มต้น 1 ห้องนอน  30 ตร.ม. ราคาเริ่มเพียง 2.59 ล้านบาท มูลค่าโครงการ 2,230 ล้านบาท ซึ่งบริษัทได้เปิด Pre-Sales ในวันเสาร์ที่ 8 และวันอาทิตย์ที่ 9 ส.ค.ที่ผ่านมา ปรากฏว่าได้รับการตอบรับจากลูกค้าอย่างดีเยี่ยมโดยมียอดจองกว่า 800 ล้านบาท หรือคิดเป็น 40% ของจำนวนโครงการ และบริษัทเตรียมปรับราคาขายขึ้นอีก 5% ภายในเดือนกันยายนนี้ เพื่อให้สอดคล้องกับราคาในตลาด ทั้งนี้ โครงการ "เดอะนิช ไพรด์ ทองหล่อ-เพชรบุรี"  มีจุดเด่นในเรื่องของทำเลที่ตั้ง ตัวอาคารตั้งบนถนนเพชรบุรี เชื่อมทุกความสะดวกสบายในการเดินทาง ใกล้ถนนทองหล่อ ถนนอโศก และถนนพระราม 9 เชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิ สิ่งอำนายความสะดวกแบบครบครัน ทั้งร้านสะดวกซื้อ เซเว่น อีเลฟเว่น ภายในโครงการ และรายล้อมด้วยห้างสรรพสินค้า โรงเรียน และโรงพยาบาลชั้นนำ สามารถตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างลงตัว ขณะเดียวกันยังมีความโดดเด่นเรื่องของการออกแบบดีไซน์ตัวอาคารที่นำความงดงามจากธรรมชาติมาผสมผสานอย่างลงตัว ภายนอกอาคารออกแบบด้วยลวดลายเปลือกไม้ Cedar Crust เพิ่มมนต์เสน่ห์ให้อารมณ์แห่งการพักผ่อน พร้อมสวนสวยขนาดใหญ่ ตั้งแต่ทางเข้าจนถึงทุกสัมผัสของการใช้ชีวิตภายในโครงการ อีกทั้งยังดีไซน์ทุกตารางนิ้ว เพื่อรองรับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง ด้วยการคำนึงถึงความคล่องตัวในทุกฟังก์ชั่นของการใช้งาน เต็มตากับวิวเมืองด้วย Unblock View ซึ่งทุกห้องสามารถเปิดรับวิวธรรมชาติและวิวเมืองได้หลากหลายอารมณ์ นอกจากนี้ ยังเพิ่มบรรยากาศที่จะทำให้คุณผ่อนคลายด้วยการโอบล้อมของธรรมชาติรอบตัว เพลิดเพลินกับสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำยาว 35 เมตร พร้อม Jacuzzi และสระเด็ก ห้องฟิตเนส ซาวน่า Exclusive Lounge และสวนสวยสไตล์ Tropical ขนาดใหญ่ เพื่อการพักผ่อนอย่างลงตัว ขณะที่นายพนม กาญจนเทียมเท่า กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไนท์แฟรงค์ ชาร์เตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่าคอนโดฯ บริเวณถนนเพชรบุรี-รัชดา และย่านสุขุมวิท-พระโขนง ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2558 ยังปรับตัวเพิ่มขึ้นทั้งจำนวนอุปทานและราคา โดยคอนโดฯย่านสุขุมวิท-พระโขนง มีราคาเฉลี่ยสูงถึง 226,344 บาทต่อตารางเมตร ในปี 2558 ราคาปรับเพิ่มสูงกว่าปี 2557 ถึง 50% ขณะที่คอนโดฯบริเวณถนนเพชรบุรี-รัชดา มีราคาเฉลี่ยสูงถึง 110,454 บาทต่อตารางเมตรในปี 2558 ราคาปรับเพิ่มสูงกว่าปี 2557 ถึง 28%  ทั้งนี้ บริเวณพื้นที่เพชรบุรี-รัชดา มีจำนวนหน่วยคอนโดฯ ที่เปิดขายโครงการตั้งแต่ปี 2551-ครึ่งปีแรกของปี 2558 รวม 46,363 ยูนิต โดยในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ มีจำนวนคอนโดฯ เปิดขายใหม่ประมาณ 4,593 ยูนิต