Tag : ไอคอนสยาม

3 ผลลัพธ์
สยามพิวรรธน์ ประกาศจุดยืน  “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) นำไทยยิ่งใหญ่บนเวทีโลก

สยามพิวรรธน์ ประกาศจุดยืน “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) นำไทยยิ่งใหญ่บนเวทีโลก

บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ และหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ‘ไอคอนสยาม’ อภิมหาโครงการเมืองสัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ประกาศจุดยืน  “ผู้นำแห่งเศรษฐกิจสร้างสรรค์” (Creative Economy) ด้วยการนำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมที่ล้ำสมัย มุ่งสร้างชื่อเสียงประเทศไทยให้ยิ่งใหญ่บนเวทีโลก เผยกลยุทธ์สำคัญใน 5 ปีข้างหน้า พร้อมฉลองการเข้าสู่ปีที่ 60 ด้วยความสำเร็จของธุรกิจที่เติบโตแบบก้าวกระโดดนับจากปี 2557 ถึงวันนี้ รายได้เติบโตขึ้นถึงเท่าตัว   นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “ตลอด 60 ปี สยามพิวรรธน์มีความมุ่งมั่นที่จะเป็นผู้นำความคิดสร้างสรรค์และนวัตกรรมในการสร้างต้นแบบและนำมาตรฐานใหม่ๆ มาพัฒนาวงการอสังหาริมทรัพย์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด  เราสร้างปรากฎการณ์ปฏิวัติวงการให้เกิดขึ้น ครั้งแล้วครั้งเล่า และจากทิศทางที่สยามพิวรรธน์ได้ประกาศไปเมื่อ 5 ปีก่อน การเปลี่ยนสยามเซ็นเตอร์ ให้กลายเป็นเมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์ และการปรับโฉมสยามดิสคัฟเวอรี่ ดิเอ็กซ์พลอราทอเรียม ให้กลายเป็นจุดหมายปลายทางรูปแบบไฮบริดรีเทล ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ศูนย์การค้าไทยได้รับรางวัลชนะเลิศจากทั้งวงการศูนย์การค้าและการค้าปลีกของโลกพร้อมกัน และล่าสุด สำหรับการเปิดอภิมหาโครงการเมืองไอคอนสยามที่เป็นกระแสร้อนแรงที่สุดแห่งปี 2561 โดยได้วางแผนกลยุทธ์ใหม่ที่จะเป็นตัวขับเคลื่อนธุรกิจ และกำหนดทิศทางการลงทุนของสยามพิวรรธน์ ซึ่งจะเน้นไปที่การสร้างโอกาสทางธุรกิจร่วมกับคนไทยทั้งประเทศ และพันธมิตรชั้นนำในต่างประเทศ พร้อมเปิดตัวนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เหนือชั้นเพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดแบบครบวงจร โดยเราตั้งเป้าว่าในอีก 5 ปีข้างหน้ารายได้กลุ่มธุรกิจของเราจะโตขึ้นอีก 1 – 1.5 เท่า      จุดยืนที่แข็งแกร่งและแตกต่างนี้  สยามพิวรรธน์ ได้เผยกลยุทธ์สำคัญที่จะเป็นแผนธุรกิจ 5 ปี ดังนี้   1.เดินหน้าสร้างมหาปรากฏการณ์ โครงการระดับโลกทั้งในและต่างประเทศ ต่อยอดจากความสำเร็จของ วันสยาม และไอคอนสยาม ด้วยวิสัยทัศน์ในการพัฒนาเมือง โครงการที่สยามพิวรรธน์สร้างขึ้นจะต้องเป็นโครงการขนาดใหญ่ ต้องปฏิวัติวงการค้าปลีก (Retail revolution) และต้องเป็นโครงการที่สร้างสรรค์โดยเฉพาะ (Tailor made) โดยในอีก 5 ปีข้างหน้าจะมีการสร้างโครงการขนาดใหญ่ที่มีรูปแบบและคอนเซ็ปต์ที่แปลกใหม่เหนือความคาดหมาย ซึ่งจะแจ้งรายละเอียดให้ทราบเร็วๆ นี้  นอกจากนี้สยามพิวรรธน์ยังคงเดินหน้าขับเคลื่อน “วันสยาม” (One Siam)  คือการผนึกกำลังของ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นสถานที่หนึ่งเดียวในเอเชียและวงการค้าปลีกของโลก ที่ก้าวขึ้นแท่นติดอันดับ 1 ใน 10 ของสถานที่ยอดนิยมระดับโลก อันดับ 1 ใน Instagram  และอันดับ 6 ในFacebook    ไอคอนสยามยังคงเดินหน้าสร้างปรากฎการณ์ความมหัศจรรย์ให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดองค์ประกอบสำคัญเพิ่มเติม เช่น ทรู ไอคอน ฮอลล์ (TRUE ICON HALL) ศูนย์ประชุมพร้อมนวัตกรรมล้ำยุคแห่งแรกในกรุงเทพบนพื้นที่กว่า 12,000 ตารางเมตร และ ริเวอร์มิวเซียม แบงค็อก (rivermusuem bangkok) ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์มาตรฐานระดับสากลครั้งแรกในเมืองไทย โดยจะทำงานร่วมกับเครือข่ายพิพิธภัณฑ์ทั่วโลก เพื่อนำผลงานศิลปะล้ำค่าจากต่างประเทศมาจัดแสดงเป็นครั้งแรกในประเทศไทย   2.ผนึกกำลังพันธมิตรแถวหน้าระดับโลก ร่วมพัฒนาธุรกิจค้าปลีก และอสังหาริมทรัพย์ ที่ผ่านมาสยามพิวรรธน์ได้รับความไว้วางใจจากบริษัทชั้นนำระดับโลกมากมาย และเลือกที่จะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจและร่วมลงทุนพัฒนาโครงการขนาดใหญ่ไปกับสยามพิวรรธน์ ในขณะเดียวกัน สยามพิวรรธน์ได้รับการติดต่อจากหลายๆ บริษัทที่มีชื่อเสียงในประเทศต่างๆ  ซึ่งมีความประสงค์จะเข้ามาลงทุนในประเทศไทย และด้วยแนวทางการดำเนินธุรกิจที่เป็นกลางจึงจะทำให้สยามพิวรรธน์สามารถจับมือกับทุกพันธมิตรเพื่อพัฒนาโครงการเมืองขนาดใหญ่ ซึ่งปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการศึกษา โดยได้มองหาทำเลทั้งในกรุงเทพ และต่างจังหวัด    ในส่วนธุรกิจค้าปลีก สยามพิวรรธน์ยังคงมุ่งมั่นที่จะนำเสนอสินค้าและบริการที่แปลกใหม่เป็นคนแรกอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้ สยามพิวรรธน์มีแผนที่จะขยายไลน์ธุรกิจค้าปลีกให้มีความหลากหลายมากยิ่งขึ้น ทั้งการขยายธุรกิจค้าปลีกในรูปแบบแฟรนไชส์ การร่วมทุนกับบริษัทค้าปลีกชั้นนำจากต่างประเทศเพื่อเปิดตัวแบรนด์สินค้าไลฟ์สไตล์อีก 2 แบรนด์ และมีกำหนดการที่จะเปิด Luxury Premium Outlets แห่งแรกในประเทศไทยในปลายปีนี้ และขยายเพิ่มไปนอกกรุงเทพฯ อีก 2 แห่ง    นอกจากนี้ จะมุ่งเน้นการให้ความสนับสนุนดีไซน์เนอร์ไทยและผู้ประกอบการ SME ไทยให้พัฒนาบน platform การจัดจำหน่ายสินค้าที่สยามพิวรรธน์บริหารอย่างครบวงจร เพื่อให้ผู้ประกอบการรายย่อยๆ ที่มีต้นทุนต่ำ ได้ใช้ประโยชน์จากศูนย์กลางข้อมูลของสยามพิวรรธน์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง   3.ลงทุนธุรกิจใหม่ เพื่อเสริมความแข็งแกร่งให้กับธุรกิจหลัก สยามพิวรรธน์มีความสนใจที่จะลงทุนในการซื้ออสังหาริมทรัพย์  การลงทุนในธุรกิจอื่น และขยายธุรกิจค้าปลีก  ที่จะช่วยสนับสนุนธุรกิจหลักเพื่อเสริมศักยภาพของสยามพิวรรธน์  เช่น การซื้ออาคารสำนักงาน กิจการจัดส่งสินค้า(logistics) รวมไปถึงธุรกิจด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีรูปแบบใหม่ๆ   นอกจากนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งเป้าในการขยายธุรกิจภายใต้บริษัทลูกอีก 4 - 5 บริษัทใหญ่ อาทิ การจัดตั้งบริษัท สยามอัลไลแอนซ์ แมเนจเม้นท์ จำกัด ต่อยอดความเชี่ยวชาญจากการบริหาร Royal Paragon Hall เพื่อรับบริหารจัดการศูนย์การประชุมและศูนย์แสดงนิทรรศการใหม่ๆ อาทิ TRUE ICON HALL และลงทุนในการสร้างศูนย์ประชุมสำหรับการจัดงานต่างๆ รวมถึงการการจัดแสดงคอนเสิร์ตในทำเลใหม่ การเดินหน้าให้บริการกิจกรรมส่งเสริมทางการตลาดอย่างครบวงจรของบริษัท ซูพรีโม่ จำกัด ที่สร้างประสบการณ์ระดับโลกเหนือความคาดหมายมาแล้วมากมาย อาทิ การจัดงาน Amazing Thailand Countdown ที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาเมื่อปลายปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีธุรกิจให้คำปรึกษาและบริการเกี่ยวกับการจัดการอาคารของบริษัท สยามโปรเฟสชั่นแนล แมเนจเม้นท์ จำกัด ซึ่งได้ให้บริการแก่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มาแล้วหลายราย ซึ่งบริษัทในเครือเหล่านี้ จะเดินหน้าให้บริการทางธุรกิจแก่ผู้ประกอบการอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง   4.เปิดตัวระบบฐานข้อมูลขนาดใหญ่ และการบริหารจัดการข้อมูล ที่ได้ถูกพัฒนามาเป็นระยะเวลากว่า 5 ปี สร้างความแตกต่างแต่โดนใจ เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ทางการตลาดแบบครบวงจรทั้งในและต่างประเทศ ในปีนี้ สยามพิวรรธน์จะเปิดตัวระบบสารสนเทศทางการตลาด (Marketing Intelligence System) ที่ได้พัฒนามานานกว่า 5 ปีด้วยงบประมาณ 500 ล้านบาท สำเร็จพร้อมใช้อย่างเต็มรูปแบบแล้วในปีนี้ โดย อาจารย์สรรค์ชัย เตียวประเสริฐกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ ของกลุ่มสยามพิวรรธน์ และผศ.ดร.พีรพล เวทีกูล อาจารย์ประจำ ภาควิชาวิศวกรรมคอมพิวเตอร์ คณะวิศวกรรมศาตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มาขับเคลื่อนกลยุทธ์การตลาดให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยระบบจะแบ่งเป็น 2 ส่วน   - ในส่วน Front-end สยามพิวรรธน์ได้มีการทำ Location awareness และ Member awareness ผ่านระบบ Mobile Application รวม ศูนย์ข้อมูลการตลาดโดยทำ Web Centralization และพัฒนาElectronic Digital Marketing (EDM) เพื่อเข้าถึงลูกค้าผ่านทางช่องทางบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิคต่างๆ ได้ดียิ่งขึ้น   - ในส่วน Back-end สยามพิวรรธน์ได้พัฒนาระบบ Data Infrastructure เพื่อเก็บข้อมูลพฤติกรรมของลูกค้าในหลายมิติ และใช้ Advanced data analytics ในการวิเคราะห์และทำความเข้าใจพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าแต่ละบุคคล เพื่อนำไปต่อยอดทำกิจกรรมส่งเสริมการตลาดได้ตรงใจลูกค้าและได้ผลตอบแทนมากที่สุด   5.กลยุทธ์การสร้างคุณค่า สมประโยชน์ร่วมกันสู่ความยั่งยืน จับมือผู้ประกอบการไทยทั่วประเทศพร้อมแข่งขันบนเวทีโลก ปั้น Local Heroes ให้เป็น Global Heroes  สยามพิวรรธน์ ยังคงยึดมั่นในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน (Sustainability)  โดยการสร้างแบบอย่างการดำเนินธุรกิจ คือ การร่วมกันรังสรรค์ (Co-creation) และ การสร้างคุณค่าสมประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย (Creating Shared Value) ซึ่งเป็นคอนเซปต์หลักในการพัฒนาทุกโครงการของสยามพิวรรธน์ตลอดมา ด้วยการผนึกกำลังร่วมกับทุกภาคส่วน ตั้งแต่องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ประกอบการไทยรุ่นใหม่ บุคคลผู้มีความรู้ความเชี่ยวชาญจากทั่วโลก ถูกสะท้อนออกมาอย่างเป็นรูปธรรมและเต็มรูปแบบ อาทิ สนับสนุนโครงการดีมาร์ค โชว์ โครงการทาเลนต์ไทย แอนด์ ดีไซน์เนอร์รูม และการเปิดร้าน Objects of Desire Store (ODS) ที่ร่วมกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ กระทรวงพาณิชย์ เพื่อผลักดันผลงานของนักออกแบบไทยรุ่นใหม่ให้ก้าวไกลสู่ตลาดโลก เป็นต้น    นอกจากนี้ สยามพิวรรธน์ ยังประสบความสำเร็จอย่างยิ่งในการทำงานร่วมกับผู้ประกอบการท้องถิ่นรายย่อยจากทั่วประเทศไทย ในโครงการสุขสยาม ส่งผลให้ผลิตผลจากหมู่บ้านและท้องถิ่นต่างๆ มียอดขายที่ดีและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง รวมทั้งมองหาโอกาสที่จะทำโครงการดีๆ ร่วมกับองค์กรต่างๆ เพื่อสนับสนุนคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ เชิดชูความสามารถและผลักดันฝีมือคนไทย  ปั้น “Local Heroes” ให้กลายเป็น “Global Heroes”   6.การพัฒนาสยามพิวรรธน์ อคาเดมี (Siam Piwat Academy) และการสร้างสยามพิวรรธน์ Next-Gen Leader สยามพิวรรธน์มีแผนปรับโครงสร้างบริหารและพัฒนาองค์กรดังนี้ การสร้างสยามพิวรรธน์ Next-Gen Leader ปั้นคนรุ่นใหม่เสริมทัพผู้บริหารเพื่อขับเคลื่อนองค์กร โดย 5 ปีที่ผ่านมา ได้สร้างหน่วยงาน Think Tank ที่ได้ทำงานร่วมกับประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้บริหารระดับสูงที่มากด้วยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอย่างใกล้ชิด เป็นการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่เหล่านี้ได้ถูกฝึกฝีมืออย่างเข้มข้น และมีเวทีในการแสดงศักยภาพ มีโอกาสเติบโตและภาคภูมิใจไปกับทุกความสำเร็จขององค์กร   นอกจากนี้ โครงการสยามพิวรรธน์ อคาเดมี (Siam Piwat Academy) ซึ่งคือหลักสูตรการบริหารจัดการ ที่นำองค์ความรู้ในการบริหารศูนย์การค้าและการค้าปลีกของสยามพิวรรธน์ที่สั่งสมมากว่า 60  ปีมาถ่ายทอดให้กับสังคม ในปีต่อไปนี้สยามพิวรรธน์จะเฟ้นหาคนรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพ มีความชำนาญที่หลากหลาย (Multi Skills) ที่สามารถเข้าใจความต้องการของลูกค้า และเข้าใจไลฟ์สไตล์ของคนยุคดิจิตอล     สยามพิวรรธน์มีแผนที่จะปรับโครงการสร้างองค์กรด้วยการสร้าง Center of Excellence หรือ การสร้างหน่วยงานกลางที่รวมเอาบุคลากรผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์ในสาขาต่างๆ ขึ้นเป็นหน่วยงานส่วนกลางเพื่อกำกับดูแล และให้การสนับสนุนบริษัทลูกในเครือทั้งหมด นอกจากนี้ ยังมีแผนการปรับกระบวนการทำงานโดยนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้มีผลิตภาพมากขึ้น อาทิ การใช้ Chatbot, Robotic, AI ทำให้องค์กรมีความคล่องตัว (Agile organization)  สามารถปรับตัวได้เร็วตอบสนองความต้องการ และการเปลี่ยนแปลงของลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว      
‘ไอคอนสยาม’ จัดงาน “แบงค็อก อิลลูมิเนชั่น แอท ไอคอนสยาม” อลังการขบวนต้นคริสต์มาสเอกลักษณ์ไทย ตระการตากับฟลอร์แมปปิ้งสุดล้ำ ครั้งแรกในประเทศไทยยิ่งใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

‘ไอคอนสยาม’ จัดงาน “แบงค็อก อิลลูมิเนชั่น แอท ไอคอนสยาม” อลังการขบวนต้นคริสต์มาสเอกลักษณ์ไทย ตระการตากับฟลอร์แมปปิ้งสุดล้ำ ครั้งแรกในประเทศไทยยิ่งใหญ่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา

‘ไอคอนสยาม’ อภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต สัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา จัดงาน “Bangkok Illumination at ICONSIAM” (แบงค็อก อิลลูมิเนชั่น แอท ไอคอนสยาม) ตั้งแต่วันนี้-31 มกราคม 2562 ณ ไอคอนสยาม ถนนเจริญนคร เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการจัดงานด้านศิลปะของไทยให้ปรากฏแก่สายตาของนักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างชาติในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า “บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด ร่วมกับ บริษัท ดิ ไอคอนสยาม เรสซิเดนซ์ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด พร้อมด้วย บริษัท ดิ ไอคอนสยาม ซูเปอร์ลักซ์ เรสซิเดนซ์ คอร์ปอร์เรชั่น จำกัด และ ธนาคารไทยพาณิชย์ ได้ร่วมกันจัดงาน “Bangkok Illumination at ICONSIAM” (แบงค็อก อิลลูมิเนชั่น แอท ไอคอนสยาม) ขึ้นอย่างยิ่งใหญ่เป็นครั้งแรกในประเทศไทย ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เพื่อส่งเสริมกิจกรรมการจัดแสดงงานด้านศิลปะร่วมสมัยที่ผสมผสานงานออกแบบลวดลายศิลปะไทยอันเป็นเอกลักษณ์ของชาติเข้าด้วยกัน  รวมทั้งเผยแพร่ศิลปะวัฒนธรรมอันโดดเด่นของประเทศไทยในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างแพร่หลายในช่วงเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ นอกจากนั้นยังเป็นการตอกย้ำสถานภาพของกรุงเทพฯ ในฐานะจุดหมายปลายทาง ที่เป็น ‘สุดยอดของโลก’ แห่งหนึ่ง ด้วยการนำเสนอปรากฏการณ์ที่เป็น ‘ครั้งแรกในโลก’ และ ‘ครั้งแรกในประเทศไทย’ มาไว้ด้วยกัน ไอคอนสยาม แลนมาร์คแห่งใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เปิดเมืองต้อนรับผู้มาเยือนทุกท่านให้มาร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลแห่งความสุข โดยท่านจะได้พบกับขบวนต้นคริสต์มาสที่ยาวที่สุด ความยาวกว่า 400 เมตร ตกแต่งประดับไฟสุดตระการตา โดดเด่นด้วยการออกแบบอันเป็นเอกลักษณ์ผ่านแรงบันดาลใจจากเรื่องราวที่เป็นอัตลักษณ์ของไทย ด้วยการนำ “ดอกบัว” สัญลักษณ์แห่งชีวิต มาตีความแทนการสักการะขอพรจากแม่น้ำ เพื่อการเริ่มต้นของความสุข อีกทั้งนำ “บายศรีสู่ขวัญ” แทนการส่งมอบของขวัญแก่ทุกชีวิตเพื่อต้อนรับเทศกาลปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง พร้อมตื่นตาตื่นใจไปกับกิจกรรมการฉายภาพผนวกระบบแสงไฮเทคอันสดใสสุดอัศจรรย์ (Interactive Multimedia Mapping) หรือที่เรียกว่า Floor Mapping  ชื่อชุด ‘Magic Carpet Bangkok’ by Miguel Chevalier & Software Cyrille Henry & Antoine Villeret  ถือเป็นผลงานศิลปะขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่ มิเกล เชอวาลิเยร์  ศิลปินชื่อก้องโลกชาวฝรั่งเศสเคยสร้างสรรค์มาในชีวิต  พรมวิเศษสุดมหัศจรรย์ผืนนี้เกิดจากแสงหลากสีที่จะโลดแล่นไปบนพื้นขนาดใหญ่ซึ่งผสมผสานเรื่องราวการออกแบบลวดลายศิลปะไทยและเอกลักษณ์ของชาติเข้าด้วยกัน  ในรูปแบบอินเตอร์แอคทีฟที่เชิญชวนให้ผู้ชมก้าวข้ามขอบเขตของความเป็นจริงเข้าสู่โลกเสมือนจริง ผลงานสร้างสรรค์โดยมิเกล เชอวาลิเยร์ (Miguel Chevalier) ศิลปินชาวฝรั่งเศสผู้มีชื่อเสียงระดับโลกในฐานะหนึ่งในผู้บุกเบิกศิลปะดิจิทัลและศิลปะเสมือนจริง ร่วมชมการฉายภาพผนวกระบบแสงไฮเทคอันสดใสสุดอัศจรรย์ที่จะจัดแสดง ระหว่างวันนี้-27 ธันวาคม 2561 และวันที่ 5-31 มกราคม 2562 นอกจากนั้นทุกเสาร์อาทิตย์ตลอดระยะเวลา 8 สัปดาห์ ท่านจะได้รับชมการแสดงสุดพิเศษที่ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมามอบสีสันแห่งความสุข โดยแบ่งเป็น 2 รอบ คือ เวลา 18.00 น. และ 20.00  น. ตลอดเดือนธันวาคม พบกับการแสดงร่วมสมัย  ในชุด “สายน้ำ หลอมรวม”  ยิ่งไปกว่านั้นในวันที่ 25 ธันวาคม พบไฮไลท์พิเศษต้อนรับวันคริสต์มาส  ร่วมตื่นตาตื่นใจไปกับเหล่าซานต้าและซานตี้ที่พร้อมใจกันมาส่งมอบความสุข และดื่มด่ำไปกับเพลงฮิตประจำเทศกาลที่ขับกล่อมโดยคณะนักร้องประสานเสียง และตลอดเดือนมกราคม เพลิดเพลินไปกับขบวนกลองสีสันสดใสตีประสานจังหวะเร้าใจ ในคอนเซ็ป “The colorful rhythm” และในวันที่ 12 มกราคม คุณหนูๆ ต้องห้ามพลาดขบวนแห่งความสุขที่จะรอมอบของขวัญเพื่อร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลวันเด็ก  
ประกาศเปิด‘ไอคอนสยาม’ 9 พฤศจิกายนนี้ พบมหัศจรรย์ที่เป็น ‘ครั้งแรก’ และ ‘ดีที่สุด’ มากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อน

ประกาศเปิด‘ไอคอนสยาม’ 9 พฤศจิกายนนี้ พบมหัศจรรย์ที่เป็น ‘ครั้งแรก’ และ ‘ดีที่สุด’ มากมายอย่างไม่เคยมีมาก่อน

วันนี้ ไอคอนสยาม อภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต สัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยามูลค่า 54,000 ล้านบาท ประกาศยืนยันวันเปิดไอคอนสยามอย่างเป็นทางการ 9 พฤศจิกายน 2561 นี้ โดยจะเป็นจุดหมายปลายทางแห่งความมหัศจรรย์บนพื้นที่กว่า 750,000 ตารางเมตร ที่พร้อมจะสะกดทั้งโลกให้ต้องหันมองกรุงเทพฯ และประเทศไทย กับมหาปรากฏการณ์งานเปิดสุดยิ่งใหญ่ พร้อมด้วยความแปลกใหม่ของร้านค้าและองค์ประกอบต่างๆ ภายในไอคอนสยาม นำเสนอเป็นครั้งแรกในประเทศไทยจำนวนมากมายอย่างที่ ไม่เคยมีมาก่อน   นายสุพจน์ ชัยวัฒน์ศิริกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด กล่าวว่า “การเปิดเมืองไอคอนสยามจะเป็นการบุกเบิกการทำธุรกิจในโลกยุคใหม่ ที่พลิกโฉมรูปแบบการพัฒนาโครงการที่เป็นจุดหมายปลายทางที่ยิ่งใหญ่ไปอย่างสิ้นเชิง โดยคอนเซ็ปต์ ‘การสร้างประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย’ หรือ Creating Shared Value และ ‘การร่วมกันรังสรรค์’ หรือ Co-Creation เป็นส่วนประกอบสำคัญที่สุดของไอคอนสยาม ที่ได้บุกเบิกและทำคอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่นี้ให้เกิดขึ้นจริงอย่างเป็นรูปธรรมและเต็มรูปแบบ เพื่อสร้างมาตรฐานใหม่ที่ก้าวขึ้นไปอีกขั้นอย่างเต็มภาคภูมิ และสร้างประสบการณ์ที่ประทับใจแก่คนไทยและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก”   นายสุพจน์ กล่าวว่า “ไอคอนสยาม คือศูนย์รวมของความมหัศจรรย์อันหลากหลาย ทั้งศิลปะและวัฒนธรรม ผสมผสานรวมอยู่กับที่สุดของการช้อปปิ้งและความบันเทิง โดยการผนึกกำลังพันธมิตรองค์กรธุรกิจทั้งใหญ่และเล็กทุกขนาดหลากหลายรูปแบบธุรกิจ รวมไปถึงผู้คนจำนวนมากจากนานาสาขาอาชีพที่มีความปรารถนาจะสร้างสถานที่ๆ บอกเล่าหลากหลายเรื่องราวของความภาคภูมิใจในความเป็นไทย ผสมกับสิ่งที่ดีในมิติต่างๆ จากทุกมุมโลก ได้มารวมพลังกันสร้างสรรค์สัญลักษณ์ใหม่ซึ่งจะกลายเป็นมหาปรากฏการณ์ การเปิดไอคอนสยามในครั้งนี้จะเป็นการประสานประโยชน์ร่วมกันทุกฝ่าย แผ่กระจายความรุ่งเรืองไปทั่ว ทั้งในระดับชุมชน สังคม และประเทศ”   “เหล่าผู้สร้างสรรค์ที่มีส่วนร่วมในการเนรมิตสิ่งมหัศจรรย์ต่างๆ ในไอคอนสยาม ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า นักออกแบบในสาขาต่างๆ ทั้งในและต่างประเทศ ศิลปินจากทั่วประเทศผู้มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน ชิ้นเอกต่างๆ ในไอคอนสยาม รวมถึงเพื่อนบ้านที่อาศัยอยู่ในชุมชนโดยรอบ และบรรดาธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยา คือผู้มีบทบาทสำคัญและเป็นผู้มีส่วนร่วมในการกำหนดองค์ประกอบต่างๆ ของไอคอนสยามทั้งสิ้น ซึ่งเหล่าผู้ร่วมสร้างสรรค์ที่ร่วมแรงร่วมใจกันกับเรา ถือเป็นส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้ของการทำธุรกิจรูปแบบใหม่ในโลกอนาคตเพื่อความเจริญที่ยั่งยืนร่วมกันอย่างที่ไอคอนสยามกำลังทำอยู่” นายสุพจน์ กล่าว   นายสุพจน์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ไอคอนสยามจะเปิดประตูอภิมหาโครงการเมืองแห่งนี้ด้วยความมหัศจรรย์ที่เป็น ‘ครั้งแรก’ ซึ่งไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประเทศไทยมากมาย อาทิ ไอคอนนิกสโตร์ สุดอลังการจำนวน 14 แบรนด์ และอีกหลากหลายสโตร์จากแบรนด์ที่พรีเมี่ยมที่สุดของโลกมารวมตัวกันอยู่ในที่เดียวอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยแบรนด์ที่เป็นสุดยอดความหรูหราระดับโลกจำนวนหนึ่งจะอยู่ในอาคาร ‘ไอคอนลักซ์’ (ICONLUXE) ซึ่งมีพื้นที่ 25,000 ตารางเมตร ตั้งอยู่ติดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นอาคารกระจกโครงสร้างไร้เสาที่ยาวที่สุดในโลก รูปทรงคล้ายกระทงแก้ว สรรค์สร้างอย่างงดงามให้เป็นสัญลักษณ์ใหม่บนแม่น้ำเจ้าพระยา   นายสุพจน์กล่าวว่า “เพื่อให้ไอคอนสยามเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของประเทศไทย ที่นำเสนอความแปลกใหม่อย่างมีอัตลักษณ์ที่โดดเด่น เราจึงได้ทำงานลงลึกในรายละเอียดร่วมกับร้านค้าและผู้ประกอบการกว่า 500 ราย ตั้งแต่สุดยอดแบรนด์ของไทยไปจนถึงลักชัวรี่แบรนด์จากต่างประเทศเพื่อขอให้แต่ละร้านนำเสนอเรื่องราวที่เกี่ยวกับแบรนด์ของตนเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวความเป็นมาของแต่ละแบรนด์จนถึงแนวคิดและนวัตกรรมต่างๆ โดยเชื่อมโยงกับแนวการออกแบบร้าน ให้ไอคอนสยามเป็นโครงการแห่งแรกที่ทำ Story Telling ที่จะสร้างความตื่นตาตื่นใจได้อย่างเพียบพร้อมสมบูรณ์แบบที่สุด เพื่อสร้างประสบการณ์ที่แตกต่างแต่มีคุณค่าให้ผู้บริโภคได้ประทับใจ และเนื่องจากไอคอนสยามได้รับความเชื่อมั่น จากหลายๆ แบรนด์ชื่อดังระดับโลก ทำให้เราได้มีโอกาสช่วยกันคิดสร้างสิ่งพิเศษที่จะเกิดขึ้นภายในร้านของเขาเฉพาะที่ไอคอนสยามเท่านั้น”   นายสุพจน์กล่าวว่า “ในไอคอนสยามจะมีมากกว่า 188 แบรนด์ชั้นนำที่เป็นแบรนด์และคอนเซ็ปต์ใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งคอนเซ็ปต์ Icons within Icon ซึ่งเราจัดให้ลักชัวรี่แบรนด์มีคฤหาสน์ของตนเองในรูปแบบ Duplex Mansion อยู่ภายในอาคารไอคอนลักซ์ซึ่งจะทำให้สามารถมีสินค้าที่ครบครันและมีบริการพิเศษอีกด้วย”   นอกจากนั้น ยังมีแบรนด์ไลฟ์สไตล์ชื่อดังอีกมากมายมาร่วมกันนำเสนอคอนเซ็ปต์ใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน ไม่ว่าจะเป็น Adidas เปิด Adidas Original Store ที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย JD Sports ร้านแฟชั่นกีฬาชื่อดังจากประเทศอังกฤษ เปิดร้านแรกในประเทศไทย และ Nike เปิด Nike Kicks Lounge แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นำเสนอสินค้าที่แตกต่างจาก Nike Store อื่นๆ   “ALAND ซึ่งเป็นไลฟ์สไตล์คอนเซ็ปต์สโตร์ และ COS เปิดแฟลกชิฟสโตร์แฟชั่นแบรนด์ที่ใหญ่ที่สุดสำหรับทั้งผู้หญิงผู้ชาย รวมถึง นารายา ต่างเตรียมพร้อมที่จะเปิดร้านดูเพล็กซ์ไอคอนนิกสโตร์ของตัวเองที่ไอคอนสยาม ในขณะที่ H&M เตรียมพร้อมเปิดอาคารของตัวเองในรูปแบบ Triplex Store 3 ชั้นสุดอลังการเป็นครั้งแรก และทาคาชิมายะ ห้างสรรพสินค้าระดับตำนานที่ได้รับการยอมรับอย่างสูงจากประเทศญี่ปุ่น ก็จะเปิดสาขาแรกในประเทศไทยที่ไอคอนสยามขนาด 36,000 ตารางเมตร โดยจะนำ 170 แบรนด์ในทุก category รวมถึงอาหารและขนมจากญี่ปุ่นที่ไม่เคยมีจำหน่ายในประเทศไทยมาก่อนมานำเสนอด้วย” นายสุพจน์ กล่าว   ที่น่าตื่นเต้นอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไอคอนสยามจะนำเสนอสุดยอดประสบการณ์ของการกินดื่มใน 7 บรรยากาศที่แตกต่างกันไปในแต่ละโซน นับตั้งแต่ร้านอาหาร Fine Dining ซึ่งแต่ละร้านมี Terrace ชมวิวแม่น้ำ จนถึงอาหารยอดนิยมของไทยซึ่งหาชิมได้ยาก รวมถึง roof-top bars ที่สามารถดื่มด่ำกับความงดงามของฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน อีกทั้งยังมีภัตตาคารชื่อดังจากต่างประเทศ อาทิ Harbour จากไต้หวัน และภัตตาคารอาหารทะเลชื่อดังจากสิงค์โปร์อย่าง Jumbo Seafood ซึ่งเข้ามาเปิดสาขาในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอีกด้วย   Fitness First คลับเพื่อสุขภาพซึ่งเป็นที่นิยมมากที่สุดของประเทศไทย และมีสาขามากกว่า 29 สาขา ก็จะมาเปิดคลับระดับหรูที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย พร้อมสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ซึ่งจะเป็นแฟล็กชิฟที่ให้บริการพิเศษแตกต่างจากสาขาอื่นๆ   นายสุพจน์อัพเดทเพิ่มเติมว่า ได้เตรียมงบประมาณไว้มากกว่า 1,000 ล้านบาท สำหรับการจัดงานเปิดเมืองไอคอนสยามและเชิญผู้สื่อข่าวจากทั่วโลกมาเยี่ยมชม   “ไอคอนสยามจะเป็นอภิมหาโครงการเมืองที่นำเสนอความภาคภูมิใจในความเป็นไทย และเป็นแพลตฟอร์มที่จะช่วยส่งเสริมและผลักดันแบรนด์ไทย สินค้าไทย ศิลปินไทย งานฝีมือไทย และศิลปวัฒนธรรมไทย ให้เป็นที่รู้จักในระดับโลก ด้วยการทุ่มเทลงทุนอย่างเต็มที่เพื่อให้มั่นใจว่าไอคอนสยามจะเป็นที่ชื่นชม และสะกดทุกสายตาโลก ไอคอนสยามได้ร่วมมือกับชุมชนโดยรอบ และกลุ่มธุรกิจริมแม่น้ำเจ้าพระยาทั้งหมดที่จะช่วยกันทำให้แม่น้ำสายนี้เป็น The next Global Destination ที่จะช่วยดึงดูดนักท่องเที่ยวนับแสนจากทั่วประเทศไทยและทั่วโลก พร้อมกับสร้างมาตรฐานใหม่เหนือความคาดหมายจากพลังของหัวใจไทย” นายสุพจน์กล่าว   ในส่วนอาคารที่พักอาศัยสุดหรู 2 อาคาร ภายในโครงการไอคอนสยาม นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ผู้พัฒนาโครงการกล่าวว่า “โครงการหรู ‘แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟรอนท์ เรสซิเดนซ์’ ซึ่งมีความสูง 70 ชั้น ประกอบด้วยห้องพักอาศัยสุดหรู จำนวน 379 ยูนิต ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วกว่า 90% ส่วนโครงการ ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’ ที่สุดแห่งความหรูหราระดับอุลตร้าลักชัวรี่ ความสูง 52 ชั้น จำนวน 146 ยูนิต ขณะนี้เสร็จสมบูรณ์ไปแล้วกว่า 80% ด้วย ทำเลของโครงการซึ่งเป็นหนึ่งในทำเลริมแม่น้ำที่มีชื่อเสียงมากที่สุดของประเทศไทย อีกทั้งยังเป็นโครงการเรสซิเดนซ์แห่งแรกของแบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โครงการนี้จึงถือเป็นหนึ่งในโครงการอสังหาฯชั้นนำของเอเชียอย่างแท้จริง ผู้พักอาศัยสามารถมองเห็นทัศนียภาพริมแม่น้ำอันประเมินค่ามิได้และหาไม่ได้จากที่ใดในโลก และได้รับการดูแลโดยทีมบริหารคุณภาพของกลุ่มโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล แบรนด์โรงแรมหรูระดับตำนานของโลก”   “ทั้งสองโครงการได้รับการออกแบบและก่อสร้างเน้นคุณภาพในทุกๆรายละเอียด ห้องชุดภายในสวยงามอลังการ และใช้เทคโนโลยีเพื่อการพักอาศัยที่ล้ำสมัยที่สุดที่มีมาตรฐานทัดเทียมกับโครงการชั้นนำในมหานครต่าง ๆ ของโลก และยังได้รับรางวัลทั้งในระดับภูมิภาคและในประเทศมาแล้วมากมาย ถือเป็นโครงการห้องชุดริมน้ำระดับพรีเมียมของกรุงเทพฯในสุดยอดอภิมหาทำเลริมน้ำของไอคอนสยาม โดยเราเตรียมที่จะเปิดให้ชมห้องตัวอย่างสุดหรูใหม่ให้ชมเร็วๆนี้” นายวิสิษฐ์ย้ำ