ท่ามกลางการแข่งขันของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โจทย์ใหญ่ คือ ทำอย่างไรให้ครองใจลูกค้าไว้ได้ นอกเหนือไปจาก เรื่องทำเลที่ตั้ง คุณภาพสินค้า และราคาที่คุ้มค่า การนำเรื่องบริการเข้ามาใส่ หรือการดูแลค้าที่ทำให้รู้สึกได้ถึง “ความคุ้มค่า” และมี “มูลค่าเพิ่ม” มากกว่า จึงเป็นสิ่งจำเป็นและไม่อาจละเลยได้ กลยุทธ์เรื่องของการบริหารลูกค้าสัมพันธ์ หรือ CRM จึงเป็นเรื่องพื้นฐานที่ขาดไม่ได้เช่นกัน หรือแม้แต่การเข้าไปมีส่วนร่วมในการดูแลสังคมรอบข้าง หรือการแบ่งปันให้กับผู้อยู่ร่วมกับสังคมโดยทั่วไปที่มักถูกเรียกว่ากิจกรรมเพื่อสังคม หรือ CSR ผู้ประกอบการก็ต้องทำควบคู่ไปกับการดำเนินธุรกิจด้วยเหมือนกัน MQDC หรือ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ก็เป็นหนึ่งบริษัทที่ให้ความสำคัญกับกิจกรรมเพื่อสังคม และการดูแลลูกบ้านให้ได้รับการบริการด้านต่างๆ ที่ดี ขณะเดียวกันยังต้องหาจุดขายของโครงการที่สามารถสร้างความแตกต่าง ไม่เหมือนกับผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ที่อยู่สงครามการค้าเดียวกัน
เพื่อเป้าหมายสุดท้ายให้ผู้บริโภคเกิดความรักในแบรนด์นั่นเอง ล่าสุด MQDC จึงได้ทุ่มงบประมาณกว่า 40 ล้านบาท เปิด Whizdom Club เพื่อสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และแบ่งปัน ขึ้นภายในโครงการ 101 True Digital Park นายอัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ-วิสซ์ดอม MQDC เปิดเผยว่า แนวคิดในการพัฒนาโครงการภายใต้แบรนด์วิสซ์ดอม (Whizdom) ไม่เป็นการพัฒนาเพียงแค่ที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่เป็นการพัฒนาภายใต้ 3 แนวคิดหลัก คือ 1.Living Place การสร้างที่อยู่อาศัยด้วยการนำเอาเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาให้มีคุณภาพ 2.Community HUB การสร้างสังคมของการให้และแบ่งปัน และ 3.Cloud การนำเทคโนโลยีมาเชื่อมต่อการบริการต่างๆ จากแนวคิดดังกล่าวทำให้บริษัท ได้พัฒนา Whizdom Society ขึ้นมาให้กับลูกบ้าน เพื่อเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้และแบ่งปัน ภายใต้แนวคิด Knowledge Sharing Society ซึ่งมีการจัดกิจกรรมต่างๆ ให้กับลูกบ้านได้เข้าร่วมตลอดทั้งปี
แต่การพัฒนา Whizdom Club ถือเป็นพื้นที่ของการแบ่งปันและสร้างสรรค์ให้กับคนชุมชนโดยรอบโครงการ ไม่ได้จำกัดเฉพาะผู้ที่เป็นลูกบ้านของ Whizdom เท่านั้น จึงถือเป็นแนวคิดของการทำกิจกรรมมากกว่า CRM และ
CSR ปกติทั่วไป เพราะครอบคลุมทุกเรื่องเพื่อการแบ่งปันและการให้กับสังคม เปิดพื้นที่ Whizdom Society
Whizdom Club ตั้งอยู่ในชั้น 4 ของโครงการ 101 True Digital Park สุขุมวิท 101 มีขนาดพื้นที่รวม 900 ตารางเมตร สามารถรองรับได้ 300 ที่นั่ง ตามแผนจะเปิดให้บริการทุกวันตลอดบริการ 24 ชั่วโมง แต่เบื้องต้นเปิดให้บริการถึงเวลา 22.00 น. ซึ่งให้บริการฟรีสำหรับนักเรียน-นักศึกษาจนถึงสิ้นปีนี้ ส่วนลูกบ้านของโครงการ MQDC เป็นสมาชิกของ Whizdom Society ก็ใช้บริการฟรีเช่นกัน สำหรับพื้นที่ Whizdom Society ประกอบด้วย 1.โซน Workspace Station พื้นที่กว่า 255 ตารางเมตร สำหรับใช้นั่งทำงาน ทำการบ้าน มีโต๊ะ เก้าอี้ อินเตอร์เน็ตไว้คอยบริการ ที่สามารถจัดเป็นกลุ่มการประชุมกลุ่มเล็กเพื่อระดมไอเดีย หรือโซน Focus Area สำหรับคนที่ต้องการความเป็นส่วนตัว 2.โซน Whiz Ground พื้นที่สำหรับการจัดประชุม สัมมนา หรือกิจกรรมได้หลากหลายประเภท ด้วยพื้นที่ห้องขนาดใหญ่ รองรับผู้เข้าร่วมกิจกรรมได้สูงสุด 160 คน หรือจะแบ่งพื้นที่ออกเป็นห้องขนาดเล็กได้ถึง 3 ห้อง 3.โซน Whiz Studio พื้นที่จุดประกายเสริมสร้างไอเดียใหม่ เหมาะสำหรับกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยเรียน หรือเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง โดยพื้นที่นี้มีอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ “FitMe” Table โต๊ะเก้าอี้จับกลุ่มได้หลากหลายรูปแบบ อุปกรณ์เพื่ออำนวยความสะดวก ได้แก่ Wheeled Flip Chart & Stationery Box, Personal Movable Locker, Dedicated Wi-
Fi Connection, 3D Printers + Filament, Restricted Zone เป็นต้น 4.โซน Exhibition Room พื้นที่แสดงงานนิทรรศการ โดยสิ่งที่นำมาแสดงนั้นจะมีทั้งนวัตกรรม เทคโนโลยี เรื่องราวที่ส่งเสริมการเรียนรู้ใหม่ๆ หมุนเวียนกันไปตาม Trend ในแต่ละช่วงเวลา สำหรับกลุ่มเป้าหมายที่จะเข้าใช้บริการ เบื้องต้นคงเป็นคนอยู่ในชุมชนรอบๆ โครงการ ซึ่งในรัศมี 5 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของโรงเรียนมากถึง 40 แห่ง มีจำนวนนักเรียน มีคนอยู่อาศัยกว่า 40,000 คน รวมถึงกลุ่มลูกบ้านของโครงการ 4,000-5,000 คน เฉพาะในพื้นที่โครงการมีจำนวนกว่า 2,000 ยูนิต ซึ่งปีนี้บริษัทยังมีแผนเปิดโครงการอีกกว่า 20,000 ล้านบาท อาทิ โครงการอโศก 500 ยูนิต ฟอเรสเทียอีก 3 อาคาร รวม 1,000 ยูนิต โดยหากเป็นลูกบ้านของ Whizdom ก็จะสามารถใช้บริการของ Whizdom Club ได้ฟรี นอกเหนือจากกิจกรรมอื่นๆ ที่จัดต่อเนื่องตลอดทั้งปีด้วย “เหตุผลสำคัญที่เปิดพื้นที่ Whizdom Club ก็เพื่อสร้างความชัดเจนของแบรนด์ และยังต้องการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนยุคใหม่ การทำคอนโดฯ ให้กับคนรุ่นใหม่ หากทำแบบเดิมก็ไม่ตอบโจทย์"