Tag : Airport Link

3 ผลลัพธ์
Circle 2 Living Prototype เพชรบุรีตัดใหม่ : รีวิวคอนโด

Circle 2 Living Prototype เพชรบุรีตัดใหม่ : รีวิวคอนโด

โครงการ: Circle 2 Living Prototype เพชรบุรีตัดใหม่ (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 4,900,000 บาท บาท/ตารางเมตร 140,000 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท เฟรเกรนท์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด จุดเด่น คอนโด High Rise คอนเซปต์ Green building มาพร้อมกับระบบ Solar panel ที่ผลิตไฟฟ้าได้พอสำหรับการเปิดโทรทัศน์พันเครื่องต่อวัน ระบบการผลิตน้ำดื่มบริสุทธิ์เพื่อการบริโภค ระบบบำบัดน้ำทิ้ง หรือสวนผลิตออกซิเจน มาพร้อมกับฟังก์ชั่นทันสมัยสำหรับไลฟ์สไตล์คนเมืองอย่าง ลู่วิ่งลอยฟ้า, สระว่ายน้ำระบบอควาโซนิค, สกายเลาจน์, มินิเธียเตอร์เพื่อความบันเทิงสำหรับผู้พักอาศัย ปีที่สร้างเสร็จ เดือนธันวาคม 2557 ที่ตั้ง: Circle 2 Living Prototype เพชรบุรีตัดใหม่ (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 4-0-51 ไร่ ที่ตั้ง ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพมหานคร พิกัดโครงการ 13.750113,100.556085 ระบบขนส่งสาธารณะ MRT เพชรบุรี   สถานที่สำคัญใกล้เคียง แอร์พอร์ตลิ้งค์ สถานีมักกะสัน รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีเพชรบุรี มักกะสัน คอมเพล็กซ์ ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัลชิดลม และเซ็นทรัลเวิลด์ ประตูน้ำ แพลตตินัม โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ โรงพยาบาลกรุงเทพ โรงพยาบาลพระราม 9   ลักษณะโครงการ: Circle 2 Living Prototype เพชรบุรีตัดใหม่ (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedrooms 3 Bedrooms Penthouse Villa ขนาดห้องที่มี 1 Bedroom ขนาด 45.85 – 65.63 ตร.ม. 2 Bedrooms ขนาด 75.17 – 104.94 ตร.ม. 3 Bedrooms ขนาด 127.27 – 130.79 ตร.ม. Penthouse ขนาด 226.67 – 299.95 ตร.ม. Villa ขนาด 291.5 – 303.5 ตร.ม. จำนวนตึก 1 อาคาร จำนวนชั้น 53 ชั้น จำนวนห้อง 477 ยูนิต   ส่วนกลาง: Circle 2 Living Prototype เพชรบุรีตัดใหม่ (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 80% (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 40 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 600 บาท   สาธารณูปโภค ล็อบบี้ขนาดใหญ่ ในชั้นล่าง และชั้น 5 สระว่ายน้ำแบบเล่นระดับ พร้อมระบบลำโพงใต้น้ำ “ระบบอะควาโซนิค” ลู่วิ่งลอยฟ้า สกายเลาจน์ ฟิตเนส เซ็นเตอร์ พร้อมกับอุปกรณ์ที่ทันสมัย ห้องเอนกประสงค์ และห้องสมุด โซนกิจกรรมสำหรับเด็ก มินิ เธียเตอร์ สำหรับความบันเทิงของผู้พักอาศัย ลิฟท์โดยสาร 3 ตัว ลิฟท์เซอร์วิส 1 ตัว บริการ Free Internet Wi-Fi บริการสปา และซาวน่า มีบริการรับ-ส่ง โดยรถ Shuttle Bus ไปยังสถานีรถไฟฟ้า BTS นานา, MRT เพชรบุรี และ สถานีมักกะสัน (Bangkok City Air Terminal) ควบคุมการเข้า – ออก ด้วยระบบบัตรผ่าน Key Card ที่ทันสมัย เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทำงานตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทีวีวงจรปิดและระบบบันทึก CCTV   เพิ่มเติม: Circle 2 Living Prototype เพชรบุรีตัดใหม่ (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-652-9999 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.fragrantgroup.com/circle2condo/ ข้อมูล ณ วันที่
Lumpini Ville อ่อนนุช พัฒนาการ : รีวิวคอนโด

Lumpini Ville อ่อนนุช พัฒนาการ : รีวิวคอนโด

ครั้งแรกที่ได้ยินชื่อโครงการ LPN Ville อ่อนนุช-พัฒนาการ ยังคิดถึงคอนโดมิเนียมเกาะแนวรถไฟฟ้า BTS แต่เอาเข้าจริงๆ แล้วต้องบอกว่าทำเลที่ตั้งนั้นห่างไกลจากสถานีรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุชเอาเรื่องเลยทีเดียว เราเลยต้องหันกลับไปตั้งหลักใหม่ สำรวจแล้วก็เห็นว่ายึดเอาแนวรถไฟฟ้า Airport Rail Link สถานีหัวหมาก น่าจะใกล้กว่าเพราะทางโครงการเองก็แว่วว่าจะเตรียมรถรับส่งไปยังสถานีหัวหมาก แต่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเป็นไปได้มากน้อยแค่ไหนนะครับ เอาเป็นว่าเราไปแอบดูก่อนดีกว่าว่าโครงการนี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง การเดินทาง ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเขตชานเมืองอยู่แล้ว ถ้าจะหวังการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า หรือรถสาธารณะที่สะดวกรวดเร็วจะเป็นเรื่องที่เป็นไปได้อยากซักหน่อย เพราะแค่สถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link สถานีหัวหมาก ที่จัดว่าใกล้ที่สุดแล้ว ยังมีระยะทาง 4.5 กิโลเมตรโดยประมาณ หรือถ้าจะใช้เส้นทางซอยสุขุมวิท 77 ออกไปขึ้นรถไฟฟ้า BTS อ่อนนุช ก็ยังมีระยะทางคร่าวๆ มากถึง 6.5 กิโลเมตร และถึงแม้ตัวโครงการจะตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท 77 ไม่ต้องเข้าซอยให้ยุ่งยาก แต่ถ้าต้องนั่งรถสองแถว พึ่งพาพี่วินมอเตอร์ไซค์ หรือต่อรถอื่นๆ ไปขึ้นรถไฟฟ้าไม่ว่าจะสายไหนก็ต้องใช้เวลาในการเดินทางพอสมควรเหมือนกัน โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนที่มีปริมาณรถหนาแน่นด้วยแล้ว รับรองว่ารถติดกันจนเพลียแน่ๆ ถึงแม้ว่าทางโครงการจะบอกว่ามีบริการรถ Shutter Bus รับส่งระหว่างสถานีรถไฟฟ้า Airport Rail Link และโครงการเพื่อช่วยอำนวยความสะดวกให้ก็ตาม แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะคิดค่าบริการเท่าไหร่ และจะเพียงพอต่อความต้องการของลูกบ้านแค่ไหน ดังนั้นไม่ว่าจะต้องต่อรถด้วยวิธีใดเพื่อไปขึ้นรถไฟฟ้าก็ยังไม่เห็นความสะดวกที่มาก-น้อยกว่าหรือแตกต่างกันเท่าไหร่ นอกเสียจากว่าจะไม่หวังพึ่งพาการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็พอจะเป็นไปได้และจัดว่าสะดวกพอใช้ได้เหมือนกัน เช่น รถเมล์ รถสองแถว มอเตอร์ไซค์รับจ้าง หรือรถแท็กซี่ ก็มีให้เลือกตามความเหมาะสม ส่วนคนที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก น่าจะสะดวกที่สุดในเรื่องการเดินทาง เพราะทำเลที่ตั้งที่อยู่ระหว่างถนนศรีนครินทร์ และถนนพัฒนาการ จึงทำให้มีเส้นทางเลี่ยงรถติดได้พอสมควร ทั้งเส้นทางเข้าเมืองอย่างเส้นทางหลักถนนอ่อนนุช ถนนสุขุมวิท หรือจะเลี่ยงไปใช้ถนนศรีนครินทร์ ออกบางนา แล้วค่อยขึ้นทางด่วน หรือออกถนนพัฒนาการไปทางรามคำแหง ขึ้นทางด่วนพระราม 9 หรือต่อไปลาดพร้าว ก็ทำได้เหมือนกัน ส่วนถ้าจะออกนอกเมืองก็ยังมีทั้ง ถนนกาญจนาภิเษก (วงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออก) หรือจะออกไปทางลาดกระบัง หรือเลือกเส้นทางมอเตอร์เวย์ก็ยังได้ รวมถึงการเดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิก็ยิ่งไม่ยากเข้าไปใหญ่ เพราะอยู่ห่างออกไปแค่ 11 กิโลเมตรเท่านั้น นอกจากเรื่องปัญหารถติดที่ยังไงก็ต้องเผชิญอยู่แล้ว ที่น่าห่วงอีกเรื่องก็เห็นจะเป็นเรื่องที่จอดรถในโครงการนั่นแหละที่ดูยังไงก็ไม่น่าจะเพียงพอต่อการใช้งาน วิเคราะห์ภาพรวมโครงการ ถึงทำเลที่ตั้งของโครงการจะจัดว่าอยู่ค่อนไปทางแถบชานเมือง แต่ว่ารอบๆ โครงการถือว่าอุดมสมบูรณ์ และพลุกพล่านอยู่มากทีเดียว ทั้งหมู่บ้านเสรีอ่อนนุชที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ซึ่งมีทั้งตลาดสด ตลาดโต้รุ่ง ร้านขายอาหาร ร้านสะดวกซื้อหลายๆ แบรนด์ แถมตลอดเส้นทางบนถนนอ่อนนุชตั้งแต่ปากซอยฝั่งสุขุมวิทก็มีห้างร้านใหญ่ๆ หลายแห่ง และคึกคักมากเพราะมีชุมชน หมู่บ้าน คอนโดทั้งเก่าและใหม่อีกเพียบ ส่วนห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ในรัศมีรอบๆ ก็มีไม่น้อยเหมือนกัน ทั้ง Seacon Square, Paradise Park, Thanya Park และ MaxValue รวมไปถึงพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อย่างสวนหลวงร.9 ก็อยู่ไม่ไกลเช่นกัน สำหรับตัวโครงการ LPN Ville อ่อนนุช-พัฒนาการนั้นต้องบอกว่าไม่ได้มีการออกแบบ หรือดีไซน์ที่ต่างจากรูปแบบเดิมๆ ของ LPN เท่าไหร่ ถ้าใครที่พอจะคุ้นเคยอยู่แล้วก็น่าจะพอนึกหน้าตาตึกและโทนสีที่เป็นเอกลักษณ์ของ LPN ออก ตัวโครงการประกอบด้วยหมู่ตึกแบบ Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 7 ตึก เรียงตัวกันตามลักษณะที่ดินที่ลึกเข้าไปด้านใน นอกจากอาคาร A ที่เป็นอาคารแรกด้านหน้าโครงการที่ขนานไปตามแนวถนนแล้ว อาคารอื่นๆ ที่เหลือเป็นรูปทรงตัว L ว่าเรียงสลับฝั่งและหันหน้าเข้าหากัน และอาศัยพื้นที่ตรงกลางตกแต่งเป็นสวนหย่อม ด้วยความหนาแน่นของจำนวนยูนิตรวมกว่า 1,600 ยูนิต บนเนื้อที่ขนาด 15 ไร่เศษ ถือว่าเป็นชุมชนขนาดใหญ่พอสมควรเลยทีเดียว พื้นที่ส่วนกลางถูกจัดแยกไว้ในบริเวณใกล้ๆ กับอาคาร C1 และ D1 ซึ่งจะมีทั้งสระว่ายน้ำ ห้องฟิตเนสตามมาตรฐาน แต่ก็อย่าคาดหวังเกินไปนะครับ เพราะขนาดของส่วนกลางนั้นคับแคบเกินกว่าที่จะสามารถรองรับการใช้งานของลูกบ้านทั้งหมดได้ ไม่ว่าจะยังไงก็ไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริงแน่ๆ รวมถึงเรื่องที่จอดรถด้วย เพราะทั้งโครงการมีที่จอดรถเพียง 560 คันเท่านั้น ซึ่งนับรวมแบบจอดซ้อนคันแล้วด้วย ทำให้ปัญหาเรื่องที่จอดรถเป็นประเด็นที่ไม่ควรมองข้ามสำหรับคนที่มีรถยนต์ส่วนตัว เพราะนอกจากจะต้องเผชิญปัญหารถติดแล้ว ถ้ายังต้องมีปัญหาเรื่องหาที่จอดรถไม่ได้อีกคงไม่ใช่เรื่องน่าสนุกเอาซะเลย อีกเรื่องที่ไม่น่ามองข้ามก็คือ อัตราความหนาแน่นของลิฟต์โดยสารที่ค่อนข้างสูง เนื่องจากมีลิฟต์โดยสารอาคารละ 2 ตัว ทำให้อัตราเฉลี่ยรวมของทั้งโครงการอยู่ที่ จำนวน 114 ยูนิต ต่อ ลิฟต์โดยสาร 1 ตัว ซึ่งถือว่าหนาแน่นมาก แต่ถ้าเทียบกับราคาห้องที่จ่ายไปในระดับล้านต้นๆ ก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์พอถูไถได้ ถ้ามองในแง่ดีขึ้นมาหน่อยก็ในมุมที่อาคารพักอาศัยเป็น Low Rise สูงแค่ 8 ชั้น ถ้าจะตัดปัญหาโดยเลือกเดินขึ้นลงทางบันไดบ้างก็ยังสามารถทำได้แบบไม่ลำบากจนเกินไป พาชมห้องตัวอย่าง สำหรับห้องตัวอย่างของโครงการ LPN Ville อ่อนนุช-พัฒนาการ ก็ไม่ได้ต่างไปจากโครงการอื่นๆ ของ LPN ที่อยู่ในระดับเดียวกัน ขนาดห้องที่มีให้เลือกก็ยังคงเริ่มต้นด้วยขนาดเล็กสุดที่ 22.5 ตร.ม. ตามมาด้วยห้องขนาด 26 ตร.ม. และ 45 ตร.ม. ในแบบห้อง combine และความสูงของฝ้าเพดานที่ 2.4 เมตร ตามมาตรฐาน LPN เลยครับ ห้องทั้งหมดขายมาแบบห้องเปล่า ของที่มีมาพร้อมห้องก็มีแค่ ตู้เสื้อผ้า Built in ในห้องนอน ชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเท่านั้น การออกแบบ Lay out ห้องก็เป็นไปตามฟอร์มและแพทเทิร์นเดิม ซึ่งน่าจะเป็นเอกลักษณ์ของเค้าอยู่แล้ว จนแทบจะไม่ต้องพูดอะไรมากก็น่าจะนึกภาพกันออกนะครับ ตัวห้องนอนถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ห้องน้ำของห้อง 22.5 ตร.ม. จะไม่มีฉากกั้นอาบน้ำให้ ในขณะที่ห้องขนาด 26 ตร.ม. ขึ้นไปจะติดตั้งฉากกั้นอาบน้ำมาให้แล้ว พื้นที่ใช้สอยในห้องมีขนาดเล็กและค่อนข้างจำกัด เปิดประตูเข้าห้องมาก็เจอพื้นที่นั่งเล่น และชั้นวางทีวีอยู่หลังประตูเลย ด้วยพื้นที่ห้องที่จำกัดทำให้การเลือกซื้อเฟอร์นิเจอร์มาตกแต่งห้องต้องคำนวนกันให้ดีๆ ไม่งั้นอาจจะขาดๆ เกินๆ ได้ แต่ถ้าอยากตัดปัญหาในการเลือกเฟอร์นิเจอร์เอง ทางโครงการเค้าก็มีแพคเก็จราคาค่าตกแต่งห้องไว้เป็น option เสริมให้ลูกค้าพิจารณาจ่ายเพิ่มเติมด้วย นอกจากนี้ข้อด้อยในจุดเดิมที่มีการติดตั้งเครื่องปรับอากาศไว้ในที่เหนือประตูระเบียงบริเวณห้องครัวก็ยังเป็นเหมือนเดิม ซึ่งเราเห็นว่าน่าจะเป็นปัญหาตามมาในเรื่องการทำความเย็นได้ไม่ทั่วห้องและทำให้เปลืองค่าไฟครับ ห้องขนาด 22.5 ตร.ม. และ 26 ตร.ม. ยังคงใช้ Lay out เหมือนกันเป๊ะ ต่างกันแค่พื้นที่ใช้สอยภายในห้องเท่านั้น รวมไปถึงห้องขนาด 45 ตร.ม. ที่มาในลักษณะห้อง Combine มี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ เหมาะกับการอยู่อาศัยแบบ 3-4 คนได้แบบพอดีๆ แต่ถ้าใครยังอยากเห็นห้องตัวอย่างเปรียบเทียบกับห้องเปล่าๆ แบบเต็มตา ก็สามารถแวะเข้าไปชมได้ที่สำนักงานขายเลยครับ ทางโครงการเตรียมห้องตัวอย่างที่ตกแต่งเสร็จ และห้องตัวอย่างแบบโล่งๆ โล้นๆ ให้เราได้เห็นพื้นที่จริงชัดๆ ไปเลย ความคุ้มค่าการลงทุน เนื่องจาก LPN Ville อ่อนนุช-พัฒนาการเป็นโครงการใช้ ภายใต้การบริหารงานของบริษัทมหาชน ดังนั้นตัวโครงการจึงมีความน่าเชื่อถือสูงในเรื่องการจัดการด้านต่างๆ ได้ค่อนข้างดี การเลือกที่จะอยู่อาศัยในทำเลแถบนี้ก็จัดได้ว่าเงียบสงบอยู่พอสมควร เนื่องจากบริเวณรอบๆ โครงการยังเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ จะติดขัดอยู่บ้างก็เป็นเรื่องความหนาแน่นของโครงการ และพื้นที่ส่วนกลางทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และที่จอดรถที่ไม่เพียงพอต่อการใช้งานจริง รวมถึงเรื่องของการเดินทาง เพราะที่ตั้งโครงการอยู่ห่างจากสถานีรถไฟฟ้ามากพอสมควร อีกทั้งระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ก็ต้องฝ่าฟันสภาพการจราจรที่ค่อนข้างติดหนัก โดยเฉพาะในช่วงเวลาเร่งด่วนของทุกวัน ในส่วนของการลงทุนไว้สำหรับปล่อยเช่านั้น อาจจะหากลุ่มคนเช่าได้ยากสักหน่อย เพราะระแวกใกล้เคียงไม่มีสำนักงาน หน่วยงานราชการ หรือสถานศึกษาอยู่เลย ดังนั้นกลุ่มคนทำงานที่น่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายในการปล่อยเช่าจึงมีน้อย โครงการนี้จึงน่าจะเหมาะกับคนที่กำลังมองหาห้องไว้อยู่อาศัยเองเสียมากกว่า ยิ่งถ้ามีความคุ้นเคยหรือต้องอาศัยอยู่ในแถบนี้อยู่แล้ว ก็น่าจะรู้สึกสะดวกมากยิ่งขึ้น (คลิกดูบทวิเคราะห์การลงทุน)
FUSE Mobius รามคำแหง – คลองตัน : รีวิวคอนโด

FUSE Mobius รามคำแหง – คลองตัน : รีวิวคอนโด

คราวนี้จะพาไปดูคอนโดสร้างเสร็จพร้อมอยู่ตามแนวรถไฟฟ้า Airport Rail Link กันบ้าง กับโครงการ Fuse Mobius รามคำแหง ซึ่งอยู่ห่างจากสถานีรามคำแหง 450 เมตร   การเดินทาง   Fuse Mobius รามคำแหง ตั้งอยู่ในซอยรามคำแหง 3/1 ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับแยกคลองตัน การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Airport Rail Link ถือว่าสะดวกดีทีเดียว เพราะสามารถใช้เดินทางไปทำงานในเมือง ไปต่อรถไฟฟ้า BTS ที่พญาไท หรือแม้กระทั่งเดินทางไปยังสุวรรณภูมิก็สะดวกเช่นกัน ด้วยตำแหน่งที่ตั้งของโครงการที่ห่างจากสถานีรามคำแหง 450 เมตรจึงไม่ถือว่าเป็นอุปสรรคในการเดินเท่าไหร่ครับ อยู่ในระยะที่เดินได้จริงและยังไม่เหนื่อยจนเกินไป แต่ถ้าวันไหนเจอฝนตกหนักๆ ก็อาจจะเดินกันยากลำบากซักหน่อย นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Airport Rail Link ที่เป็นเส้นทางต่อเข้าเมืองที่น่าจะสะดวกที่สุดแล้ว การเดินทางด้วยบริการรถสาธารณะอื่นๆ ก็ยังมีให้เลือกหลากหลายเช่นกัน ทั้งรถเมล์ รถตู้ วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ หรือแม้กระทั่งการเดินทางด้วยเรือในคลองแสนแสบก็เป็นอีกทางเลือกที่ทำได้ด้วยเหมือนกัน   แผนที่ของโครงการ ที่ลากเส้นจาก Airport Link ไปยังโครงการ เส้นทางการเดินทางจากรถไฟฟ้า Airport link สถานีรามคำแหง ไปตัวโครงการ เริ่มจาก Airport link สถานีรามคำแหง เดินจากสถานีรามคำแหง ไปถึงโครงการประมาณ 450 เมตรครับ ผ่า่นการไฟฟ้านครหลวง เดินมาเรื่อยๆ จนถึงซอยรามคำแหง 3 เมื่อเข้าซอยรามคำแหง 3 มาแล้วให้ผ่านหน้า Show room Ford เพื่อเข้าซอยรามคำแหง 3/1 เมื่อเข้าซอยมาแล้ว เข้าไปอีกนิด ก็จะเจอโครงการ Fuse Mobius อยู่สุดซอย ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็ถือว่าไม่ได้แย่เท่าไหร่ จะติดปัญหาก็แค่เรื่องรถติดเท่านั้นที่ต้องทำใจกันเยอะๆ หน่อย แต่ก็โชคดีที่มีเส้นทางเลี่ยงไปได้หลายทาง ทั้งทางด่วนฉลองรัช และทางด่วนศรีรัชอยู่ใกล้ๆ หรือจะเลือกเส้นทางเข้าเมืองด้วยถนนเพชรบุรี ถนนพระราม 9 ไปออกพญาไท ทองหล่อได้ หรือถ้าจะออกนอกเมืองก็ออกถนนศรีนครินทร์ มอเตอร์เวย์ หรือใช้เส้นทางเลียบทางด่วนรามอินทราก็ได้เช่นกัน ในชั่วโมงเร่งด่วนก็ต้องเลือกเส้นทางกันให้ดีๆ นะครับ เพราะรอบๆ นี้รถติดเอาเรื่องเลยทีเดียว อย่างครั้งนี้เรามาจากถนนพัฒนาการมาถึงแยกคลองตันแล้วเลี้ยวขวาเข้าถนนรามคำแหง โชคดีที่รถไม่ติดจึงใช้เวลาเดินทางไม่นาน พอผ่านสถานีรถไฟฟ้ารามคำแหงมาแล้ว ให้สังเกตุโชว์รูมฟอร์ดทางซ้ายมือให้ดีๆ เพราะโชว์รูมอยู่ที่ปากซอยรามคำแหง 3/1 พอดี  เลี้ยวเข้าซอยมาอีกประมาณ 150 เมตรก็จะถึงหน้าทางเข้าโครงการพอดี เริ่มต้นเดินทางจากถนนพัฒนาการครับ เลี้ยวขวาลอดใต้สะพานข้ามแยกคลองตันเลยครับ ให้วิ่งไปตามทางเรื่อยๆเลยครับ เมื่อวิ่งมาเรื่อยๆ จะเห็นรถไฟฟ้า Airport link อยู่ด้านหน้า สถานีรถไฟฟ้า Airport Link รามคำแหงอยู่ทางด้านซ้ายครับ เมื่อผ่าน Airport Link ก็จะเข้าสู่ถนนรามคำแหง จะผ่านการไฟฟ้านครหลวงที่อยู่ทางด้านซ้าย เมื่อวิ่งมาเรื่อยๆจนถึงซอยรามคำแหง 3 ให้เลี้ยวเข้าไปเลย เมื่อเข้าซอยรามคำแหง 3 มาแล้วให้ผ่านหน้า Show room Ford เพื่อเข้าซอยรามคำแหง 3/1 เข้าซอยรามคำแหง 3/1 มาแล้ว ก็จะเห็นตัวโครงการ Fuse Mobius อยู่สุดซอยเลยครับ เมื่อเข้าซอยมาแล้ว เข้าไปอีกนิด ก็จะเจอโครงการ Fuse Mobius อยู่สุดซอย วิเคราะห์ภาพรวมโครงการ โครงการ Fuse Mobius รามคำแหง เป็นคอนโด High Rise ประกอบด้วยกัน 3 ตึก บนเนื้อที่ 9 ไร่เศษๆ ด้วยตำแหน่งที่ตั้งซึ่งอยู่ใกล้แยกคลองตัน และไม่ห่างจากชุมชน แถมยังมีบริษัท ห้างร้านอีกมากมาย บริเวณรอบๆ จึงคับคั่งเอาการ ไหนจะโครงการ Airport Link Square ที่ใกล้จะสร้างเสร็จในเร็วๆ นี้ ห่างออกไปทางแยกคลองตันยังมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่ โชว์รูมรถ Volvo รวมถึงสำนักงานการไฟฟ้านครหลวง ช่วงกลางวันจึงมีร้านค้า ร้านอาหารริมฟุตบาทให้เลือกกันพอสมควร แต่แค่เฉพาะในช่วงกลางวันเท่านั้นนะครับ ช่วงเย็นๆ หรือค่ำๆ อาจจะเงียบกว่ามาก ในระยะทางที่สามารถเดินถึง พื้นที่รอบๆ ไม่มีอาคารสูงอยู่ในระยะประชิดที่จะมาบังมุมบังวิวเท่าไหร่ ถ้าเลือกห้องในชั้นสูงๆ ได้ก็จะได้วิวมุมกว้างสบายตา ต้องบอกว่ายิ่งสูงวิวยิ่งดีครับ พื้นที่ทั้งหมดถูกจัดสรรไว้สำหรับอาคารพักอาศัย 3 ตึก แบ่งเป็นตึก A รูปทรงตัว L สูง 30 ชั้น ตึก B อยู่ถัดเข้ามาสูง 32 ชั้น และตึก C น้องเล็กสุดสูง 12 ชั้น ส่วนอีกหนึ่งอาคารขนาดใหญ่ทางด้านหน้าเป็นอาคารจอดรถ และศูนย์รวม Facility หลักๆ ของทางโครงการ การออกแบบอาคารพักอาศัยชูความโดดเด่นที่หน้าต่างห้องแบบ Fly Window ที่ยื่นออกมาเพื่อเปิดรับวิวได้กว้างขึ้น และทำให้หน้าตาตึกไม่ดูน่าเบื่อจนเกินไป  พื้นที่อยู่อาศัยของแต่ละอาคารเริ่มต้นที่ชั้น 2 ขึ้นไป ส่วนบริเวณชั้นล่างของอาคาร A และ B จะเป็นพื้นที่ของร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด และสำนักงานนิติบุคคล ซึ่งขณะนี้ยังเปิดให้บริการไม่ครบ ถ้าหากมีร้านสะดวกซื้อและร้านอาหารอยู่ใต้อาคารก็คงจะเพิ่มความสะดวกให้กับผู้อาศัยมากขึ้นครับ สำหรับอาคาร A ซึ่งดูจะมีความหนาแน่นมากที่สุด ด้วยจำนวนห้องที่มากถึง 652 ยูนิต กับจำนวนลิฟท์โดยสาร 3 ตัว การใช้งานในช่วงเวลาเร่งด่วนอาจจะต้องรอลิฟท์กันนานหน่อย ส่วนอาคาร B ซึ่งมีจำนวนห้อง 606 ยูนิต ซึ่งน้อยกว่าอาคาร A เล็กน้อย ในขณะที่ความหนาแน่นของจำนวนลิฟท์โดยสารต่อห้องแทบไม่ต่างกันเลย จะมีก็แต่อาคาร C ที่ดีกว่าหน่อยเพราะจำนวนยูนิตรวมน้อยกว่า แถมมีลิฟท์โดยสารให้ 2 ตัว ทำให้อัตราการใช้งานอยู่ที่ 66 ยูนิตต่อลิฟท์ 1 ตัว จึงสบายๆ ไม่ต้องรอกันนานเท่าไหร่ เรื่อง Facility ถือเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ทางโครงการให้ความสำคัญ เพราะมีการจัดสรรพื้นที่ไว้เป็นสัดส่วนแยกจากอาคารพักอาศัย โดยใช้พื้นที่บริเวณชั้น 4 ให้เป็นศูนย์รวมกิจกรรมนันทนาการต่างๆ ทั้งสระว่ายน้ำเกลือขนาดใหญ่ที่กินพื้นที่เกือบเต็มความยาวของอาคาร รวมถึงห้องออกกำลังกาย พร้อมห้องอาบน้ำ ห้องแต่งตัว และห้องอเนกประสงค์ที่มีอุปกรณ์สันทนาการมากมาย นอกจากนี้ยังมีลู่วิ่งทำเป็นทางลาดวนรอบอาคารไว้เอาใจคนชอบออกกำลังกาย ส่วนพื้นที่สีเขียวในโครงการก็ไม่ได้มีน้อยเลย เพราะมีสวนหย่อมอยู่ทั้งด้านบนอาคาร และรอบๆ บริเวณพื้นที่ด้านล่างที่เป็นทางเดินเชื่อมต่อระหว่างตึก ทำให้มีมุมให้พักผ่อนหย่อนใจอยู่หลายมุม ส่วนเรื่องที่จอดรถนั้น มีปริมาณรวมอยู่ที่ 60% ของจำนวนห้องทั้งหมด 1,390 ยูนิต คิดเป็น 834 คัน ซึ่งถือว่าเป็นปริมาณที่มากสมควร แต่ก็ต้องลุ้นให้ลูกบ้านส่วนหนึ่งไม่มีรถส่วนตัวสำหรับใช้ในการเดินทาง เพราะถ้าทุกห้องมีรถกันครบ ก็ย่อมเกิดปัญหาที่จอดรถตามมาแน่นอน ถึงแม้ว่าการจัดสร้างอาคารจอดรถแยกออกจากที่อยู่อาศัยจะทำให้ดูเป็นระเบียบมากขึ้นก็ตาม แต่การใช้งานจริงๆ ลูกบ้านอาจจะไม่ได้รับความสะดวกเท่าที่ควร เพราะไหนจะต้องรอลิฟท์ลงจากห้องพัก แล้วเดินไปต่อลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้นจอดรถอีก ซึ่งอาคารจอดรถก็มีลิฟท์โดยสารให้แค่ 1 ตัวเท่านั้น จึงทำให้เสียเวลาพอสมควร ยังไม่นับเวลาที่ต้องหิ้วของปริมาณมากๆ จากรถกลับห้องอีก คงไม่ค่อยสนุกเท่าไหร่หรือถ้าเลวร้ายกว่านั้นก็คงเป็นช่วงเวลาฝนตกเพราะทางเดินระหว่างอาคารจอดรถไปยังตึกต่างๆ ไม่มีหลังคาให้หลบฝนเลย จุดนี้จึงอาจจะเสียเปรียบโครงการที่มีที่จอดรถอยู่ใต้ตึกไปซักหน่อยครับ บริเวณในซอยด้านหน้าโครงการครับ เมื่อเข้ามาในบริเวณโครงการ ก็จะมองไปเห็นตัวตึกสูงๆ ตั้งอยู่ เข้ามาในตัวโครงการจะเห็น ตึก A อยู่ด้านหน้า และจะเห็นพื้นที่ส่วนกลางอยู่ทางซ้าย ใต้อาคาร A และอาคาร B จะมีห้องสำหรับร้านค้า ส่วนของร้านค้า สำนักงานขาย และส่วนนิติบุคคล จะอยู่ด้านล่างของอาคาร A และอาคาร B ครับ มองไปจะเห็นอาคาร A และ อาคาร B อยู่ทางขวา และส่วนกลางอยู่ทางซ้าย อาคารส่วนกลางจะเป็นอาคารจอดรถ และเป็น Club House อยู่ด้านบน ลานจอดรถด้านหลังอาคาร C พาชมห้องตัวอย่าง เนื่องจากโครงการ Fuse Mobius รามคำแหงเป็นโครงการที่สร้างเสร็จ และมีลูกบ้านย้ายเข้าอยู่อาศัยกันแล้ว ดังนั้นห้องที่เหลือจึงอาจจะมีให้เลือกไม่มากนัก ซึ่งทางโครงการยังคงมีห้องตัวอย่าง และห้องว่างให้เลือกอยู่พอสมควร ห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปดูกันในครั้งนี้ก็คือห้องแบบ 1 ห้องนอน  ซึ่งเป็นแบบห้องที่มีจำนวนมากที่สุดของโครงการ ด้วยขนาดห้องที่มีให้เลือกตั้งแต่ 29-38 ตร.ม. การจัดวาง Lay out ห้องของทั้ง 2 ขนาดต่างกันเล็กน้อยครับ ระหว่างนี้ทางโครงการเหลือห้องตัวอย่างที่ตกแต่งเสร็จให้ชมที่ขนาด 29 ตร.ม. พอเปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับส่วนที่เป็นห้องนั่งเล่นก่อน มองเลยเข้าไปจะเป็นห้องนอนที่ถูกกั้นไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้พื้นที่ห้องนอนดูเป็นสัดเป็นส่วนมากขึ้น ด้านหนึ่งของห้องนั่งเล่นคือห้องครัว ซึ่งถูกวางไว้ในแนวเดียวกันกับห้องน้ำและระเบียง ครัวเป็นครัวแบบเปิดนะครับ ชุดเครื่องครัวและเคาน์เตอร์ครัวที่แถมมา ทางโครงการมีการคำนึงถึงประโยชน์ในการใช้สอยพ่วงมาด้วย เพราะมีโต๊ะกินข้าวขนาดเล็ก แบบพับเก็บได้มาเป็นฟังก์ชั่นเสริม ทำให้ช่วยประหยัดพื้นที่ใช้สอยในห้องได้มากขึ้น ถืงแม้พื้นที่ครัวจะกว้างขวางเหมาะกับการทำครัวแต่กลับไม่มีการติดตั้งเครื่องดูดควันมาให้ แถมตำแหน่งครัวยังอยู่ด้านในทำให้การระบายอาการทำได้ไม่ดี จึงกลายเป็นว่าไม่ค่อยเหมาะกับการทำครัวไปโดยปริยาย ถัดจากห้องครัวเข้ามาจะเป็นห้องน้ำขนาดกระทัดรัด ซึ่งทางโครงการออกแบบไว้แปลก ตรงที่ด้านในสุดซึ่งเป็นบริเวณห้องอาบน้ำ กลับมีประตูบานเลื่อนเป็นกระจกขุ่น สามารถเปิดออกไปที่ระเบียงเล็กๆ ของห้องได้ ทั้งๆ ที่พื้นที่ระเบียงนั้นก็เล็กแสนเล็ก ชนิดที่วางเครื่องซักผ้าและแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์แล้วก็แทบจะไม่เหลือที่ไว้ทำประโยชน์อะไรได้ด้วยซ้ำ ลองนึกภาพว่าจะต้องเดินไปซักผ้า หรือตากผ้าที่ระเบียงก็ต้องเดินผ่านห้องน้ำทุกครั้งก็แปลกดีเหมือนกันนะครับ ส่วนพื้นที่ของห้องนอนนั้น ไม่เล็กไม่ใหญ่ เรียกว่าขนาดกำลังฟิตพอดี วางเตียงแล้วพื้นที่ปลายเตียงยังมีที่ว่างพอให้วางตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งได้อีกด้วย และที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ Fly Window ที่อยู่ในห้องนอน ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้กรุกระจกบานใหญ่ แถมยังเป็นส่วนที่ยื่นออกไปนอกอาคาร ทำให้รับวิวได้กว้างขึ้น ในห้องตัวอย่างจึงตกแต่งทำเป็น Day Bed ติดริมกระจกให้นั่งเล่นชมวิวได้ชิลๆ กันไป ข้าวของที่เห็นในห้องตัวอย่างนั้นต้องบอกก่อนว่าไม่ได้มีแถมมาให้ทั้งหมดนะครับ สิ่งที่ได้นอกเหนือจากชุดครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำตามมาตรฐานแล้ว ก็จะมีตู้เสื้อผ้า ที่นั่งบริเวณ Fly Window พร้อมช่องเก็บของ และติดตั้ง Wallpaper มาให้เรียบร้อย นอกเหนือจากนี้ก็ต้องจัดหากันเอง หรือถ้าเกิดถูกในเฟอร์นิเจอร์ตามแบบในห้องตกแต่ง ทางโครงการก็สามารถจัดตกแต่งให้ได้ เพียงแค่เราต้องแจ้งล่วงหน้าก่อนมีการโอนห้อง และมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมเท่านั้นครับ เข้าในส่วนของห้องนั่งเล่นจะจัดวางประมาณนี้ครับ ด้านหลังส่วนนั่งเล่น จะเป็นห้องนอน โดยมีฉากกระจกกั้นครับ ห้องนอนมีตู้ built มาให้ครับ ตำแหน่งห้องนอน มุมจากห้องน้ำมองออกมาที่ประตูห้อง จะเห็นครัวอยู่ด้านขวาครับ ส่วนของครัวทางโครงการ built มาให้ครับ โต๊ะทานข้าวสามารถพับเก็บเข้าไปด้านในได้ ส่วนของห้องน้ำ อ่างล้างหน้าใช้ของ American Standard โถสุขภัณฑ์ American Standard อีกมุมหนึ่งจากส่วนเปียกมองออกมาด้านนอก ประตูกั้นห้องนั่งเล่นกับห้องนอน ส่วนพื้นห้องนั่งเล่นจะใช้เป็นกระเบื้องแกรนิโต้ ส่วนห้องนอนจะใช้เป็นพื้นลามิเนตครับ Audio Door Phone เอาไว้คุยกับคนที่มาหาเราที่รออยู่ที่ Lobby แอร์โครงการให้มาตัวเดียวติดในห้องนอน ใช้แอร์ Panasonic ความคุ้มค่าการลงทุน เนื่องจากโครงการนี้สร้างเสร็จและมีลูกบ้านย้ายเข้ามาอยู่กันแล้ว จึงอาจจะไม่มีห้องให้เราได้เลือกมากนัก นอกจากห้องที่เหลือๆ อยู่แล้ว อาจจะลองมองหาห้องที่หลุดจอง หรือเจ้าของห้องปล่อยขาย ก็เป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจไม่แพ้กัน จากที่ลองสอบถามพนักงานขายคร่าวๆ ก็พอจะเห็นว่ามีชาวต่างชาติมาพักอาศัยกันพอประมาณ รวมทั้งยังมีลูกบ้านที่เป็นนักศึกษามาเช่าห้องอยู่อีกจำนวนหนึ่ง การลงทุนเพื่อการปล่อยห้องเช่าจึงไม่น่าจะมีอุปสรรคในการหาคนเช่ามากนัก แถมบริเวณใกล้ๆ ก็มีอาคารสำนักงานใหญ่ๆ ที่พอจะมีกำลังเช่าห้องได้ไม่ยาก รวมถึงเรืองทำเลที่ตั้งของโครงการที่จัดว่าอยู่ในทำเลที่มีการเดินทางให้เลือกหลากหลายอยู่พอสมควร ทั้งรถไฟฟ้า Airport Rail Link และรถบริการสาธารณะอื่นๆ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่คอนโด Fuse Mobius รามคำแหงจะมีความน่าสนใจในหมู่นักลงทุน ยิ่งถ้าโครงการ Airport Link Square ที่เป็นเหมือนห้างสรรพสินค้าติดสถานีรามคำแหงเปิดให้บริการในเร็วๆ นี้ด้วยแล้วล่ะก็ บริเวณรอบๆ ก็จะคึกคัก และอุดมสมบูรณ์ขึ้นอีกหลายเท่าเลยทีเดียว นอกจากนี้เรื่องสาธารณูปโภคที่ทางโครงการมีให้มาก็ถือว่าได้มาเต็มที่เหมือนกัน ทั้ง Club House ที่รวมกันอยู่ที่บริเวณชั้น 4 ของอาคารจอดรถ รวมถึงพื้นที่สีเขียวที่มีรอบโครงการ จึงทำให้บรรยากาศภายในร่มรื่นมากขึ้น  ภาพรวมของโครงการจึงดูน่าอยู่อาศัยดี แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียให้ต้องคำนึงถึงนะครับ เพราะจำนวนยูนิตรวมของโครงการที่ค่อนข้างหนาแน่น จึงต้องพิจารณาถึงปัญหาต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตด้วย รวมถึงรื่องการตกแต่งห้อง หรือติดตั้งเครื่องปรับอากาศ และเครื่องดูดควันเพิ่มเติม ก็ต้องพิจารณากันแต่เนิ่นๆ เพราะทางโครงการแถมเครื่องปรับอากาศมาให้เครื่องเดียวเท่านั้น ถ้าไม่พิจารณาติดตั้งก่อนตกแต่งห้อง หรือก่อนเข้าอยู่  แล้วมาทำเพิ่มทีหลังก็จะยุ่งยากมากขึ้นได้ครับ สำหรับทำเลแถบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีตัวเลือกอื่น หรือตัวเปรียบเทียบนะครับ ซึ่งแต่ละโครงการด็มีข้อดีข้อเสียต่างกันออกไป จึงอยากจะแนะนำให้ลองดูเปรียบเทียบกันให้รอบคอบ เพื่อที่คุณจะได้ห้องที่ตรงกับความต้องการให้ได้มากที่สุดยังไงล่ะครับ