Tag : bearing

3 ผลลัพธ์
The Gallery สุขุมวิท 107 : รีวิวคอนโด

The Gallery สุขุมวิท 107 : รีวิวคอนโด

The Gallery คอนโด High Rise ปากซอยแบริ่ง 6 หนึ่งในโครงการเด่นๆ ของทำเลนี้ เพราะการเดินทางที่สะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS ซึ่งขณะนี้มีสถานีปลายทางอยู่ที่แบริ่งพอดิบพอดี ตัวสถานีก็ห่างจากปากซอยสุขุมวิท 107 แค่ 200 เมตรเท่านั้น แถมบริเวณปากซอยก็มีทั้งวินมอเตอร์ไซค์และรถสองแถวต่อเข้าซอยได้สะดวกดี แต่ถ้าจะออกแรงเดินกันหน่อยก็ยังถือว่าไม่ไกลมาก แค่ 400 เมตรเท่านั้น พอให้มีเหงื่อซึมๆ นิดหน่อย แต่ถ้าแดดจัด ฝนตกหนักก็เดินลำบากพอดู ส่วนถ้าใครอาศัยเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก ก็มีทั้งเส้นทางถนนสุขุมวิท ด้านทางด่วนบางนา และด้านเส้นทางวงแหวนรอบนอกฝั่งใต้ รวมถึงถนนศรีนครินทร์ซึ่งอยู่อีกฝากของซอยแบริ่ง แน่นอนว่าทำเลแถบนี้การจารจรก็คับคั่งเป็นเรื่องปกติ จะติดมากติดน้อยก็ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาเร่งด่วนคงต้องเผื่อเวลากันให้ดีๆ หน่อย จากทางด่วน เราเริ่มตั้งแต่ถนนพระราม6 วิ่งไปทางบางนา - ดาวคะนอง ให้ชิดซ้ายเพื่อที่จะไปบางนา - ดาวคะนอง เลี้ยวซ้ายไปออก ดินแดง พระราม 9 บางนา ดาวคะนอง ชิดซ้ายเพื่อไป บางนา - ดาวคะนอง เบี่ยงไปตามทาง บางนา - ดาวคะนอง ไปทางบางนา - ดาวคะนอง ไปทาง รามอินทรา - บางนา ไปทาง ท่าเรือ - บางนา ไปท่าเรือบางนา ไปท่าเรือ - บางนา วิ่งไปตามทาง บางนา ไปตามทาง สมุทรปราการ - ชลบุรี ด้านซ้ายจะเป็นจุดพักรถ ปั้ม ปตท. วิ่งไปทางสมุทรปราการ เมื่อลงสะพาน ด้านซ้ายจะเป็น Bitec ให้เลยสถานีรถไฟฟ้า BTS บางนา เลยซอยลาซาลด้านซ้าย ก็จะมาถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง เมื่อเลยสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่งให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 107 วิ่งมาเรื่อยๆ จะเห็นโครงการ Knightsbridge ก่อนโครงการ the Gallery จะเห็นโครงการ Knightsbridge ทางขวามือ ติดกับโครงการ The Gallery ตัวหน้าสำนักงานจะมีที่จอดรถไม่มาก ด้วยความที่เป็นซอยใหญ่ ความเจริญต่างๆ ก็เข้าถึงกันอย่างเต็มที่ ปากซอยด้านสุขุมวิท 107 มีโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูวส์ ค่อนไปทางปลายซอยเกือบจะออกศรีนครินทร์ก็มีโรงเรียนเซนต์โยเซฟ บางนา ยังไม่นับรวมโรงเรียนอื่นๆ ที่อยู่ในบริเวณโดยรอบอีกอย่าง โรงเรียนนานาชาติบางกอกพัฒนา โรงเรียนลาซาล ฯลฯ ห้างสรรพสินค้าก็มีอยู่หลายแบรนด์ ทั้ง Central, Big C, Index Living Mall เลยไปจนถึง Mega บางนา, Paradise Park และ Secon Square เรียกว่าสะดวกครบครันพอตัวครับ อาหารการกินในซอยก็อุดมสมบูรณ์มากไม่แพ้กัน ร้านอาหารเรียงรายเป็นระยะ ตั้งแต่ปากซอยไปจนท้ายซอย โดยเฉพาะ 7-11 ก็มีให้เห็นอยู่หลายสาขาเหมือนกัน ตัวโครงการ The Gallery ถ้าสร้างเสร็จขึ้นมาแล้ว รับรองว่าเด่นมากทีเดียว ด้วยอาคารสไตล์โมเดิร์น ในโทนสีน้ำตาลเข้มขรึมแบบผู้ใหญ่ สูง 27 ชั้น มียูนิตรวมทั้งหมด 269 ยูนิต โดยส่วนที่พักอาศัยเริ่มต้นที่ชั้น 6 เป็นต้นไป ซึ่งในชั้นที่ 6 / 17 / 21 / 23 จะมีส่วนเสริมเป็นสวนหย่อมเล็กไว้สำหรับนั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจ ในขณะที่ Facilities ทั้งหมดอย่าง สระว่ายน้ำแบบ infinity edge สวน Sky Lounge ห้องโยคะ และฟิตเนส จะอยู่ที่ชั้น 26 และ 27 แน่นอนว่าการวางตำแหน่ง Facilities ไว้บนดาดฟ้าทั้งหมดนั้น มีทั้งข้อดีคือได้วิวมุมกว้าง เปิดรับวิวได้เต็มที่ ในขณะที่ต้องแลกมากับแดดร้อนๆ ในช่วงกลางวัน ซึ่งเป็นข้อเสียที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ นอกจากนี้ยังมีระบบ CCTV รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง รวมถึงการเข้าออกด้วย Key Card แบบล็อคชั้น ทำให้มั่นใจในความปลอดภัยได้เต็มที่ จากสิ่งที่ให้มาทั้งหมดนี้ดูจะติดอยู่อย่างเดียวก็คือเรื่องที่จอดรถที่มีแค่ 101 ช่อง (ยังไม่นับจอดซ้อนคัน) และจำนวนลิฟท์ที่มีแค่ 2 ตัว นับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับจำนวนห้อง ในระยะยาวถ้าเข้าอยู่กันเต็มๆ อาจจะมีปัญหาปวดหัวเรื่องแย่งที่จอดรถ และต้องรอลิฟท์นานๆ ในชั่วโมงเร่งด่วนกันบ้าง The Gallery มีโครงการเพื่อนบ้านเป็น Knight Bridge ยึดหัวหาดคู่กันที่ปากซอยแบริ่ง 6 โดยมีเพียงถนนเล็กๆ ของซอยกั้นเท่านั้น เรื่องความสูงก็พอๆ กัน แต่ The Gallery ก็ทำการบ้านมารับมืออย่างดี ห้องในฝั่งที่ติดกับ Knight Bridge นี้จึงเปิดรับวิวในทิศอื่นแทน เลยไม่ต้องกลัวว่าจะมีเพื่อนบ้านแอบส่องให้เสียความเป็นส่วนตัว จาก Floor Plan ห้องส่วนใหญ่จึงหันหน้าไปทางทิศเหนือและใต้ ห้องทางด้านทิศใต้ซึ่งเป็นด้านหลังอาคารคงต้องเลือกให้เกิดชั้น 8 ขึ้นไป ถ้าไม่อยากถูกโครงการ Low Rise ในซอยบดบังทัศนียภาพ ขณะนี้โครงการยังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ซึ่งคาดว่าจะแล้วเสร็จให้ปี 58 ที่ตั้งของโครงการนี้อยู่ในซอย แบริ่ง 6 อยู่ห่างจากรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง 400 เมตร แผนที่โครงการ สำนักงานขายตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการ ติดถนนสองด้าน คือถนนซอยแบริ่ง และถนนซอยแยกแบริ่ง 6 โครงการติดซอย แบริ่ง 6 ด้านหน้าสำนักงานขาย ถ่ายจากฝั่งตรงข้ามโครงการ ถนนซอยแบริ่งฝั่งขาออก ถนนสุขุมวิท ป้ายหน้าโครงการ กำลังสร้างกันอยู่ ที่จอดรถหน้าสำนักงานขาย หน้าสำนักงานจะมีหมีสีส้มตัวใหญ่ สังเกตุเห็นง่าย ป้ายชื่อโครงการ บรรยากาศภายในสำนักงานขาย บรรยากาศภายในสำนักงานขาย บรรยากาศภายในสำนักงานขาย โมเดลอาคาร ฝั่งทิศตะวันตก โมเดลอาคารฝั่งทิศตะวันออก โมเดลอาคารฝั่งทิศใต้ ส่วนของพื้นที่จอดรถ พื้นที่สีเขียวของโครงการ กระจายอยู่ตามชั้นต่างๆของโครงการ พื้นที่สีเขียวของโครงการ ด้านหน้าโครงการ ติดถนนแบริ่ง ชั้นดาดฟ้าของโครงการ Master Plan ชั้น G ด้านขวามือเป็นสวนหย่อม ส่วน Lobby และ พื้นที่รับแขก ก็อยู่ด้านหน้าตามมาตรฐาน ชั้นนี้ยังสามารถจอดรถได้ด้วย ชั้น 6 ชั้นเริ่มต้นของส่วนพักอาศัย มาถึงในส่วนของแบบห้องพักที่ทางโครงการมีให้เลือกถึง 4 แบบ เริ่มกันตั้งแต่ห้อง size เล็ก 26 ตรม. ไปจนถึง 104 ตรม. ที่สำคัญห้องทั้งหมดขายกันแบบ Full Furnished พร้อมแอร์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ต้องบอกว่าทางโครงการมีการจัดวางแปลนห้องมาได้ดีทีเดียว เพราะแต่ละห้องมี lay out ที่ชัดเจน เน้นความโปร่งสบายตา เพดานสูง 2.6 เมตร ซึ่งมากกว่ามาตรฐานคอนโดทั่วไป จึงไม่รู้สึกอึดอัดเลยเวลาอยู่ในห้อง ไล่เรียงกันตั้งแต่ห้องตัวอย่างขนาดเล็กสุดที่ 29 ตรม. เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ การจัดวางเป็นสัดส่วน เปิดประตูเข้ามาปุ๊ปก็เจอห้องรับแขกขนาดกระทัดรัด ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ชิ้น หันไปอีกด้านก็เป็นทางเข้าห้องครัว และห้องน้ำ ที่ลืมไม่ได้เลยก็คือ ระเบียงเล็กๆ ด้านในสุดของห้องครัว ซึ่งพื้นที่ใช้สอยน้อยเสียจนไม่รู้ว่าจะพอทำอะไรได้บ้าง นอกจากจะวางคอมเพลสเซอร์แอร์ 2 ตัว เฟอร์นิเจอร์ในห้อง ทั้งชั้นวางทีวี ตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า เตียง ห้องครัว ทุกชิ้น Built in มาให้พร้อมห้องเสร็จสรรพ เรียกว่าแทบจะไม่ต้องซื้อหาเพิ่มเติม วัสดุ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็เลือกใช้ของคุณภาพ American Standard และยังแบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้ง โดยมีฉากกั้นกระจกติดตั้งไว้เสร็จ มีชั้นวางของไว้เรียบร้อย ถือว่าลงตัวเลยทีเดียวสำหรับอยู่อาศัยเอง 1-2 คน ขยับขนาดห้องขึ้นมาอีกนิดที่ 34 ตรม. แต่ยังคงเป็นแบบ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ซึ่งห้อง Type B นี้จะวางห้องน้ำไว้ในห้องนอนเลย ประตูห้องนอนจึงเป็นแบบสวิงแทนประตูกระจกบานเลื่อน แบ่งแยกพื้นที่ส่วนตัวกับห้องรับแขกออกอย่างชัดเจน เวลาเดินเข้ามาในห้องจึงเข้าสู่ห้องนั่งเล่น ก่อนจะเลยไปถึงห้องครัวยาวซึ่งสามารถมองตรงไปจนสุดระเบียง จะมีเพียงประตูกระจกบานเลื่อนกั้นพื้นที่แต่ละส่วนออกจากกันเท่านั้น ห้องแบบนี้จึงเปิดรับแสงได้มาก และให้ความรู้สึกโล่งโปร่งกว่าห้องแบบแรกพอตัวเลยทีเดียว ที่สำคัญเฟอร์นิเจอร์ก็ยังคงจัดมาให้อย่างเต็มที่ไม่แพ้ห้องแบบแรก ห้อง Type B นี้เหมาะกับคนที่ชอบทำครัวหน่อย เพราะมีพื้นที่ห้องครัวกว้างขึ้น สามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อระบายอากาศได้ดี ในขณะที่ประตูบานเลื่อนอีกฝั่งก็ช่วยป้องกันไม่ให้กลิ่นรบกวนเข้าไปในห้องนั่งเล่น ห้องตัวอย่าง Type A ขนาด 29 ตร.ม ประตูเป็นบานไม้บานใหญ่ มีตาแมวที่ประตู ประตูห้องเป็น Key Card และระบบล็อค 2 ชั้น เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอห้องรับแขก บรรยากาศในห้องที่ตกแต่งไว้เป็นตัวอย่างแล้ว ติดกับห้องรับแขก จะมีโต๊ะทานข้าว และจะเห็นห้องนอน การจัดผังห้องเปิดพื้นที่โล่งโปร่งถึงกันทุกส่วน มุมมองจากห้องครัวมาห้องนั่งเล่น โซฟามาพร้อมกับห้อง มุมจากโต๊ะทานข้าวมาดูทีวี ชั้นวางทีวีก็มีให้ โต๊ะทานข้าวติดกับกระจกห้องนอน นั่งทานข้าวได้ 2 คน Air Condition โครงการจะให้เป็นยี่ห้อ Misubishi พื้นที่ในห้องนอนค่อนข้างจำกัด จึงใช้ประตูกระจกบานเลื่อนช่วยให้ดูโปร่งมากขึ้น มุมจากปลายเตียงด้านใน ในห้องนอนจะมี Build in ชั้นวางของให้ มองจากภายในห้องออกมาจะเห็นห้องรับแขก ประตูห้องนอนเป็นแบบกระจกบานเลื่อน ห้องครัวแต่งเต็ม แถมมาพร้อมห้องทั้งชุด มีช่องดูดควัน ใช้ยี่ห้อ HAFELE ซิ้งค์ล้างจากเป็นแบบทรงกลม ใช้ของยี่ห้อ HAFELE พร้อมด้วยเตาไฟฟ้า ของ HAFELE ใต้ซิ้งค์ล้างจาน มีถาดกันน้ำให้ วัสดุท่อของซิ้งค์ล้างจาน ส่วนของระเบียงจะมีไฟแขวนผนังให้ มุมจากห้องครัวมองไปห้องน้ำ ธรณีประตูขั้นระหว่างห้องครัวกับห้องน้ำเป็น กระเบื้องแกรนิต ห้องน้ำมีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง พร้อมมีชั้นวางของ Built in มาให้เรียบร้อย อ่างล้างหน้า ก๊อกใช้ของ American Standard อ่างล้างหน้าใช้ของ American Standard ชักโครกก็ใช้ของ American Standard เครื่องดูดกลิ่นก็มีให้ ฉากกั้นห้องอาบน้ำเป็นเพียงกระจกบานเดียว ฝักบัวที่ให้ มุมจากโซนอาบน้ำมองออกมาด้านนอก สวิตช์ไฟพานาโซนิค หน้าตาตามมาตรฐาน ห้องตัวอย่าง Type B ขนาด 34 ตร.ม มุมนี้ถ่ายประตูทางเข้า มองเข้าไปถึงห้องครัว มุมจากห้องนั่งเล่นไปเห็นห้องนอน ชั้นวางทีวี โครงการก็มีไว้ให้ Build in ชั้นวางของ ห้องนั่งเล่นอยู่ติดประตูทางเข้า ทำให้ไม่เหลือพื้นที่วางโต๊ะกลางหน้าโซฟา ประตูห้องนอนจะเป็นแบบบานสวิงปกติ ห้องนอนของห้อง Type B มีพื้นที่กว้างขวางเลยทีเดียว มุมนี้ถ่ายจากหน้าห้องน้ำ จะเห็นว่าห้องนอนกว้างพอสมควร ห้องนอนของห้อง Type B มีห้องน้ำในตัว และจะเห็น Built in ตู้เสื้อผ้า มุมนี้ถ่ายจากมุมด้านในสุดของห้องนอน มุมหัวเตียง ห้องน้ำกว้างดดี แถมยังแยกที่อาบน้ำและมุมทำธุรส่วนตัวไว้คนละด้าน มีที่วางของสำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ที่วางของในห้องน้ำเป้นหินแกรนิต โซนเปียกในห้องน้ำ มีพื้นที่พอสมควรจึงอาศัยบานกระจกกั้นเพียงบางส่วนเท่านั้น ราวตากผ้าเป็นแบบ Stanless ที่ใส่กระดาษชำระ ชุดครัว Built in ที่ทางโครงการจัดไว้ให้พร้อม Built in ห้องครัว อีกด้านของห้องครัวถูกจัดเป็นมุมกินข้าวแบบเคาร์เตอร์หันหน้าเข้ากำแพง โต๊ะทานข้าวที่ทางโครงการจัดให้ อีกส่วนหนึ่งของห้องครัว จากห้องนอนมองออกไปห้องรับแขก จากห้องครัวมองไปทางห้องรับแขก มุมจากห้องครัวมองไปทางห้องนั่งเล่น Built in กระจกด้านหลังโครงการไม่ได้ให้ มุมจากห้องครัวเยื้องไปทางห้องนอนจะเห็นห้องน้ำ Built in โครงการมีให้เรียบร้อย รางเลื่อนอลูมิเนียม กั้นพื้นที่ระหว่างห้องครัวกับห้องนั่งเล่น พื้นที่ว่างตรงระเบียงมีที่ว่างพอให้ตากผ้าเล็กๆ น้อยๆ ได้บ้าง ห้องแบบสุดท้ายเป็นห้องขนาดใหญ่สุดที่ 53.1 ตรม. ตามแปลนแบ่งไว้เป็น 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ห้องนอนใหญ่ซึ่งอยู่ด้านในสุดมีห้องน้ำในตัว ส่วนห้องนอนเล็กที่อยู่ถัดออกมา ขนาดกระทัดรัดจนเกือบจะเรียกว่าอึดอัด ถ้าไม่จำเป็นต้องมีอีกห้องนอน ห้องนี้สามารถดัดแปลงเป็นห้องทำงาน หรือใช้งานอื่นๆ แทน ส่วนพื้นที่ของห้องครัวและห้องรับแขกนั้นเปิดโล่งถึงกัน จึงเหมาะกับการทำครัวแบบเบาๆ มากกว่า เพื่อป้องกันปัญหากลิ่นอาหารกระจายเต็มห้อง และด้วยความที่พื้นที่ห้องกว้างพอสมควร ตามผนังจึง Built in ตู้มาให้เยอะพอดู ทำให้เพิ่มพื้นที่เก็บของได้อีกไม่น้อยเลย ถึงขนาดห้องจะค่อนข้างกว้าง แต่ถ้าดูกันตามแปลนห้องแล้ว ตัวห้องก็มีจุดเสียเยอะอยู่พอสมควรเลย ทั้งเรื่องห้องนอนเล็กที่แคบเกินไป แค่วางเตียงก็เต็มห้องแล้ว รวมไปถึงห้องนอนใหญ่ที่มีหน้าต่างถึง 2 ด้าน ออกจะร้อนพอดู แถมหน้าต่างด้านปลายเตียงยังทำให้เราไม่สามารถแขวนทีวีได้ จึงต้องมีตู้วางกินพื้นที่เข้าไปอีก และจุดเล็กจุดน้อยอื่นๆ อีก ห้องแบบนี้จึงดูจะสวยแต่รูปซะมากกว่า โดยรวมๆ แล้ว The Gallery นี้ ถือว่าเป็นโครงการที่ทำการบ้านมาดีพอตัวเลย เพราะการจัดวัสดุอุปกรณ์ระดับคุณภาพ เฟอร์นิเจอร์แบบ Full Furnished และเครื่องใช้ไฟฟ้าที่ให้กันเต็มที่ ถือว่าแถมกันเยอะมากๆ สำหรับห้องเราราคาเดียวกันในทำเลแถวนี้ สำหรับแปลนห้องก็ต้องแล้วแต่การใช้สอยของแต่ละคน อาจมีข้อเสียบ้างในส่วนของระเบียงห้องที่ใช้งานได้ไม่เต็มที่ เพราะติดที่ตำแหน่งการวางคอมเพลสเซอร์แอร์ นอกนั้นก็ต้องลองเปรียบเทียบความคุ้มค่าหลายๆ ด้านกับโครงการอื่นๆ ดูกันก่อน ทั้งในแง่ของการซื้อไว้สำหรับอยู่อาศัยเอง หรือในแง่ของการลงทุนเก็งกำไร ซึ่ง “Review Your Condo” ก็ได้มีการสรุปบทวิเคราะห์เรื่องความคุ้มค่าในการลงทุนมาให้พร้อมแล้ว เพื่อใช้ประกอบการพิจารณาที่ง่ายยิ่งขึ้น
Cassia Condominium : รีวิวคอนโด

Cassia Condominium : รีวิวคอนโด

จากปากซอยสุขุมวิท 107 เข้ามาประมาณ 800 เมตร ตรงข้ามกับโครงการบ้านแฟนตาเซีย ที่บริเวณปากซอยแบริ่ง 1 มีร้านสะดวกซื้อ 7-11 สาขาใหญ่พอดูอยู่ แถมบริเวณใกล้ๆ ยังมีร้านอาหารอีกหลายร้าน จัดว่าบริเวณนี้เข้าขั้นอุดมสมบูรณ์ดีใช้ได้เลย ดังนั้นการเข้าซอยแบริ่ง 1 มาอีก 100-200 เมตรก็ถือว่าไม่ได้ลำบากอะไร ถ้าจะเลือกคอนโด Cassia ไว้พิจารณาดูอีกซักที่ ด้วยความที่รถไฟฟ้าก็มาจ่อถึงปากซอยสุขุมวิทแล้ว แถมเส้นทางการเดินทางในแถบนี้ก็ทำได้หลากหลายวิธี จะขึ้นแท็กซี่ ต่อรถเมล์ ใช้บริการวินมอเตอร์ไซค์ โหนรถสองแถว หรือจะซิ่งรถยนต์ส่วนตัวก็จัดว่าสะดวกดีทั้งนั้น ความเจริญก็เข้าขั้นทั้งโรงเรียน โรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้า ก็หาได้ครบในอาณาบริเวณรัศมี 5 กิโลเมตรโดยรอบ   การเดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีแบริ่ง สถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง ไปซอยแบริ่งให้ลงที่ทางออกหมายเลข 3 ลงจากสถานีมา จะเห็นสนามหญ้าของโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์สทางซ้ายมือ ลงบันไดมาแล้ว ก็มีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างให้เลือกใช้บริการได้ มีรถสองแถวสีส้ม วิ่งผ่านปากซอยแบริ่ง เผื่อใครไม่อยากเดิน ระหว่างทางเดินไปยังปากซอยแบริ่ง ก็มีร้านค้า ร้านอาหารตลอดทาง ถึงปากซอยสุขุมวิท 107 (แบริ่ง) สังเกตุที่ปากซอยมีร้าน 7-11 โรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส อยู่ตรงปากซอยแบริ่งเลย เข้าซอยแบริ่งมา ซ้ายมือจะเป็นโรงเรียนนานาชาติเซนต์แอนดรูว์ส ช่วงโรงเรียนเปิดเทอม ทั้งเช้าและเย็นจะมีรถเข้า-ออกซอยแบริ่งมาก บริเวณปากซอยแบริ่งก็มีร้านขายของกินเพียบ รับรองว่าไม่อดตายแน่ ใกล้ๆ ร้าน 7-11 ก็จะมีวินมอเตอร์ไซค์รับจ้างอีกวิน ตลอดซอยแบริ่ง สามารถใช้บริการรถสองแถวสีเขียวเดินทางไปยังจุดต่างๆ ได้ ถัดจากปากซอยเข้ามาอีกหน่อย จะเจอคิวรถสองแถวสีเขียว เราเข้าไปขอดูห้องที่ยังเหลืออยู่ของโครงการ Cassia ซึ่งต้องบอกว่าเหลือตัวเลือกไม่มากนัก แถมแต่ละห้องก็ขนาดใหญ่โต กว้างขวางบานตะไทตามจุดเด่น จุดขายของโครงการ ด้วยอาคารแบบ Low Rise สูง 8 ชั้น แบ่งเป็นอาคาร A และอาคาร B มียูนิตรวมๆ แล้วอยู่ที่ 120 ยูนิตเท่านั้น ถือว่าน้อยมากๆ ถ้าเทียบกับโครงการขนาดเดียวกัน เพราะเค้าเคลมว่าลูกบ้านส่วนใหญ่เป็นลักษณะครอบครัว หรือผู้เช่าที่เป็นต่างชาติเสียเป็นส่วนใหญ่ ดังนั้นจึงอยู่กันอย่างเงียบๆ เป็นระเบียบเรียบร้อยพอตัว การออกแบบอาคารไม่ได้มีสไตล์พิเศษให้ชวนสะดุดตา เพียงแต่เป็นอาคารเรียบๆ ธรรมดาทั่วไป พื้นที่ชั้นล่างจัดสรรเป็นพื้นที่จอดรถ และร้านซักรีด บนดาดฟ้าเป็นพื้นที่ของสวน มีพื้นที่ระหว่างอาคารเป็นสระว่ายน้ำและห้องฟิตเนส ซึ่งทั้ง 2 ตึกนี้ใช้ร่วมกัน ในขณะที่แต่ละอาคารก็มีนิติบุคคลดูแลแยกกันออกไป ดังนั้นลูกบ้านของแต่ละอาคารก็จะมีรายละเอียดปลีกย่อยต่างกันออกไปตามการดูแลของนิติบุคคลแต่ละอาคาร (งงดีป่ะล่ะ!!) แผนที่ของโครงการ แผนที่การเดินทางจาก Google Map ด้านหน้าอาคาร ด้านติดกับซอยแบริ่ง 1 เลี้ยวขวาเข้ามาแล้วจะเห็นป้อมยามหน้าอาคาร โครงการแบ่งเป็น 2 ตึก ตึก A และ ตึก B พื้นที่ระหว่าง 2 อาคาร ถูกจัดสรรเป็นสระว่ายน้ำ และชั้นล่างอาคารเป็นลานจอดรถ สระว่ายน้ำกลางแจ้ง ใช้พื้นที่ตรงกลางระหว่างอาคาร ห้องฟิตเนส อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย Floor Plan ห้อง Type A01 ห้อง Type B07 ห้อง Type C05 ห้อง Type D04 ห้อง Type E08 เราขึ้นไปเก็บห้องตัวอย่างที่ยังเหลืออยู่ให้ดูกันแบบคร่าวๆ กับห้องขนาด 40 ตรม. เป็นแบบ 1 ห้องนอน ซึ่งห้องตัวอย่างนี้มีการติด wall paper ติดตั้งชุดห้องครัว และวางเฟอร์นิเจอร์ไว้เรียบร้อยหมดแล้ว แต่ทั้งหมดก็เป็นการตกแต่งแบบธรรมดาบ้านๆ ดังนั้นจึงไม่มีความหวือหวาน่าสนใจเท่าไหร่ ปกติแล้วทางโครงการจะขายเป็นห้องเปล่า ส่วนใครที่สนใจห้องตัวอย่างก็เลือกซื้อได้เหมือนกัน ซึ่งก็จะมีบวกเพิ่มราคากันไปตามระเบียบ โดยผังห้องแล้ว ตัวห้องจัดว่ามีขนาดกว้างมากทีเดียว เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับห้องโล่งๆ มีห้องน้ำวางตัวอยู่ในตำแหน่งด้านหน้าห้อง และพื้นที่นั่งเล่นอยู่ถัดเข้าไปบริเวณโซนกลางของห้อง ทำให้พื้นที่นั่งเล่นนี้ค่อนข้างทึบอยู่พอสมควร เพราะไม่มีทางรับแสงจากภายนอกเลย ถ้าปิดประตูห้องนอน และห้องนอนหมดแล้ว ถัดเข้าไปจากห้องนั่งเล่นเป็นห้องนอนที่มีขนาดกว้างพอควร ตามสัดส่วนขนาดของห้อง ติดกันเป็นห้องครัวที่มีการกั้นพื้นที่ปิดไว้เป็นสัดส่วน ติดกับระเบียงเล็กๆ ที่มีพื้นที่เหลือพอให้ตากผ้าได้เล็กๆ น้อยๆ พื้นห้องเป็นกระเบื้องทั้งหมด ยกเว้นแต่ในห้องนอนที่ปูลามิเนต ฝาผนังติด wall paper พร้อม Built-in บริเวณหัวเตียงเรียบร้อย เพื่อกลบเกลื่อนพื้นที่เสียของห้องที่มีเสาโผล่เกินเข้ามา หลักๆ แล้วของที่แถมมากับห้องก็จะเป็นชุดครัว พร้อมตัวดูดควัน ที่ Built-in มาแล้ว ที่เหลือก็แล้วแต่คนอยู่อาศัยจะตกแต่งต่อเติมกันเอง แต่เท่าที่สังเกตจากห้องตัวอย่างแล้ว เราว่าห้องยังขาดความลงตัวอีกมาก ทั้งในเรื่องการจัดวางผังห้อง และการตกแต่งซึ่งดูขาดๆ เกินๆ ทำให้ห้องดูหลวมๆ มีพื้นที่ว่างเหลือเฟือจนเกินจำเป็น กลายเป็นว่าถึงจะมีพื้นที่ห้องขนาดใหญ่ แต่ก็ไม่ได้เพิ่มความน่าอยู่ขึ้นมาเท่าไหร่ แถมวัสดุสุขภัณฑ์ต่างๆ ก็ดูไม่ได้มาตรฐาน การเก็บงานในส่วนต่างๆ ก็ยังไม่เรียบร้อย เอาเป็นว่าถ้าอยากจะอยู่สบายๆ มีห้องสวยๆ เนี๊ยบๆ อย่างใจ คงต้อง Built กันใหม่ทั้งหมดถึงจะเวิร์ค อย่างที่บอกว่าตัวเลือกเหลืออยู่ไม่เยอะ ดังนั้นบางห้องที่ยังว่างอยู่ก็ต้องทำใจกันหน่อย ถ้าเปิดหน้าต่างออกไปจะมีตึกของโครงการ The Knight มาบดบังทัศนียภาพ หรือจะเปิดมาจ๊ะเอ๋กับเพื่อนตึกตรงข้ามบ้าง ยังไงก็เลี่ยงกันลำบากเพราะเป็น Low Rise ด้วยกันทั้งคู่ บางทีการเลือกลงทุนไว้ปล่อยให้ฝรั่งเช่าอาจจะดูเข้าท่ากว่าการอยู่เอง เพียงแต่ต้องลงทุนเรื่องการตกแต่งภายในกันหน่อย จะได้ดึงดูดผู้เช่าได้ ห้องตัวอย่างแบบ Type B ห้องนั่งเล่นกว้างขวางตกแต่งในโทนสีเข้ม ด้วยพื้นที่ห้องขนาดกว้าง พอวางเตียงขนาด king size ได้สบาย ตู้เสื้อผ้าและเตียงนอนเข้าชุด จากห้องนั่งเล่นมาไปทางซ้ายเป็นห้องนอน ส่วนทางขวามือเป็นพื้นที่ของห้องครัว ห้องครัวขนาดกำลังดี พร้อมเครื่องครัวครบทั้งเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน และตู้ Built in ภายในห้องน้ำ แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกส่วนแห้งด้วยประตูกระจกบานเลื่อน อีกหนึ่งสไตล์การตกแต่งของห้อง Type B จากห้องนั่งเล่นไป จะเป็นห้องนอนซึ่งอยู่ด้านในสุด มองกลับออกมาจากห้องนั่งเล่น ด้านขวามือเป็นห้องน้ำ ห้องนั่งเล่นในโทนสีพาสเทล ตกแต่งเรียบง่าย พร้อมเครื่องปรับอากาศ ห้องนอนตกแต่งในโทนสีอ่อน ห้องนี้มี Built in ผนังหัวเตียงมาให้เรียบร้อย มุมแต่งตัวในห้องนอน พื้นที่หน้าห้องครัว กว้างพอจะตั้งโต๊ะกินข้าวขนาดใหญ่ได้เลย ห้องครัวพร้อมชุดครัว Built in ครบ พร้อมใช้งาน เตาไฟฟ้า พร้อมเครื่องดูดควันพร้อมใช้งาน ห้องน้ำ แยกส่วนอาบน้ำ พร้อมชุดสุขภัณฑ์ ประตูห้องเป็นคันโยกปกติ พร้อมตัวล็อค สวิทช์ไฟภายในห้อง เต้าเสียบปลั๊กแบบสามขา พื้นที่อาบน้ำในห้องน้ำ กันเป็นธรณีสูง พร้อมด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ธรณีประตูหน้าห้องก่อสูงขึ้นมาเล็กน้อย แบ่งพื้นห้องครัวกับห้องนั่งเล่นด้วยกระเบื้องคนละสี รอยต่อระหว่างพื้นห้องนั่งเล่นกับห้องนอน
The Knightsbridge : รีวิวคอนโด

The Knightsbridge : รีวิวคอนโด

อย่างที่รู้ๆ กันดีว่าทำเลในซอยแบริ่งนั้นออกจะคึกคัก มีคอนโดใหม่ๆ แข่งกันเปิดตัวอย่างกับดอกเห็ด เพราะการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวก เนื่องจากปากซอยเป็นที่ตั้งของสถานีรถไฟฟ้าแบริ่ง     การเดินทางก็ไปได้หลายเส้นทาง ทั้งถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ หรือจะออกถนนวงแหวนรอบนอกไปเลยก็ยังได้ ไม่ว่าจะเดินทางด้วยรถไฟฟ้า รถส่วนตัว รถเมล์ รถสองแถว แท็กซี่ วินมอเตอร์ไซค์ รถตู้ ก็สะดวกทั้งนั้น ที่สำคัญบริเวณโดยรอบยังมีทั้งห้างสรรพสินค้า Shopping Mall ร้านอาหาร รวมถึงโรงเรียนอีกหลายแห่ง คอนโดแถวนี้จึงยั่วน้ำลายนักลงทุนกันพอตัว   จากทางด่วน เราเริ่มตั้งแต่ถนนพระราม6 วิ่งไปทางบางนา - ดาวคะนอง ให้ชิดซ้ายเพื่อที่จะไปบางนา - ดาวคะนอง เลี้ยวซ้ายไปออก ดินแดง พระราม 9 บางนา ดาวคะนอง ชิดซ้ายเพื่อไป บางนา - ดาวคะนอง เบี่ยงไปตามทาง บางนา - ดาวคะนอง ไปทางบางนา - ดาวคะนอง ไปทาง รามอินทรา - บางนา ไปทาง ท่าเรือ - บางนา ไปท่าเรือบางนา ไปท่าเรือ - บางนา วิ่งไปตามทาง บางนา ไปตามทาง สมุทรปราการ - ชลบุรี ด้านซ้ายจะเป็นจุดพักรถ ปั้ม ปตท. วิ่งไปทางสมุทรปราการ เมื่อลงสะพาน ด้านซ้ายจะเป็น Bitec ให้เลยสถานีรถไฟฟ้า BTS บางนา เลยซอยลาซาลด้านซ้าย ก็จะมาถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่ง เมื่อเลยสถานีรถไฟฟ้า BTS แบริ่งให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 107 วิ่งมาเรื่อยๆ จะเห็นโครงการ Knightsbridge ก่อนโครงการ the Gallery จะเห็นโครงการ Knightsbridge ทางขวามือ ติดกับโครงการ The Gallery   จากปากซอยสุขุมวิท 107 เข้ามาประมาณ 300 เมตร จะเป็นที่ตั้งของโครงการ KnightsBridge คอนโด High Rise สูง 25 ชั้น ถึงก่อนโครงการเพื่อนบ้านของ The Gallery นิดเดียวเพราะตั้งคู่กันอยู่ที่ปากซอยแบริ่ง 6 เป๊ะ KnightsBridge ชูความโดดเด่นของตัวอาคารด้วยสไตล์โมเดิร์นวินเทจ สีสันเรียบร้อยในโทนสีขาวอมเทา ซึ่งมาพร้อมห้องพักจำนวน 276 ยูนิต และ Facilities แบบจัดเต็ม ทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือ ฟิตเนส ห้องอบไอน้ำ และสวนดาดฟ้า บนชั้นที่ 24-25 เพื่อเปิดรับวิวมุมสูงแบบเต็มๆ อีกทั้งยังมีร้านค้าที่ชั้น รวมถึงห้องสมุด ห้องประชุม สวนหย่อมที่กระจายอยู่ในชั้น G / 6 / 22 / 25 และระบบ CCTV และ Key card เพื่อรักษาความปลอดภัย ส่วนเรื่องที่จอดรถก็จัดมาในสัดส่วนที่โอเคไม่มากไม่น้อยไป เพราะคิดเป็น 45% (รวมจอดซ้อนคันแล้ว) เลยทีเดียว จากผังโครงการจะมีทางเข้าออกทั้งหมด 2 ทาง คือด้านหน้า และด้านในซอยแบริ่ง 6 ถ้าช่วงรถเยอะๆ ก็พอจะหลบหลีกไปออกทางซอยสันติคามได้บ้าง   เราเข้าไปดูที่สำนักงานขายกันบ้าง กับห้องตัวอย่างที่เราเก็บมาฝาก 2 แบบด้วยกัน เริ่มกันที่ห้องขนาด 25 ตร.ม. ไซส์เล็กสุดในโครงการ เปิดเข้ามาปุ๊ปก็เจอกับห้องน้ำและห้องครัวก่อนเป็นอันดับแรก พื้นที่ในส่วนของห้องนั่งเล่น หรือห้องรับแขกจะอยู่โซนกลางของห้อง และด้านในสุดจะเป็นห้องนอน ซึ่งกั้นไว้ด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสามตอน แอบมีระเบียงให้เล็กๆ ซึ่งเอาเข้าจริงแล้วคิดว่าพื้นที่ตรงระเบียงคงไม่น่าจะทำประโยชน์อะไรได้มากนัก ด้วยลักษณะห้องที่เป็น studio เปิดโล่งถึงกันได้ จึงช่วยลดทอนความอึดอัดของขนาดของที่ค่อนข้างเล็กลงได้บ้าง เด่นที่พื้นที่ของห้องนอนที่จัดแบ่งได้กว้างขวาง มีพื้นที่เหลือเฟือพอสำหรับตั้งโต๊ะทำงานอีกตัวสบายๆ ส่วนบริเวณห้องนั่งเล่นก็ขนาดกำลังโอเค ติดกระจกเพิ่มหน่อยก็ช่วยหลอกสายตาให้ห้องกว้างขึ้นได้ไม่ยาก แต่ส่วนตัวแล้วแอบขัดใจกับขนาดห้องน้ำที่เล็กเกินไปหน่อย ห่วงว่าคนไซส์ใหญ่จะอยู่ไม่สบาย กางแขนถูสบู่ผิดท่าหน่อยคงติดฉากกั้นพอดี ไหนจะเรื่องของสุขภัณฑ์ในห้องน้ำอีกที่ดูเหมือนจะพยายามลดขนาดให้ลงล็อคกับพื้นที่ที่จำกัดจำเขี่ยอีก ในห้องน้ำเลยดูจะมีที่เหลือแค่พอกลับตัวได้ หันกลับมาที่ห้องครัวก็ออกจะคล้ายๆ กัน แต่ถ้าใครไม่เน้นเรื่องลงครัวทำอาหารหนักๆ ครัวแค่นี้ก็คงพอใช้งานแล้ว แผนที่ของโครงการ เส้นทางการเดินทางมาโครงการ ด้านหน้าของสำนักงานขาย Knightsbridge อีกด้านของสำนักงานขาย โมเดลด้านหน้าโครงการ โมเดลด้านขวาของโครงการ โมเดลด้านซ้ายของโครงการ Master Plan (ชั้น Ground) ชั้น 2 - ชั้น 7 (พื้นที่จอดรถ) แปลนชั้น 8 - ชั้น 26 ชั้น 27 ชั้นสระว่ายน้ำและห้องโยคะ ชั้น 28 ห้องฟิตเนส แปลนชั้น 29 แปลนชั้น 30 ชั้น 31 ห้อง Penthouse และสวนดาดฟ้า ห้อง Type Bs (25.6 ตารางเมตร) ห้อง Type Bs-1 (27.4 ตารางเมตร) ห้อง Type Bs-2 (27.6 ตารางเมตร) ห้อง Type B (30.7 ตารางเมตร) ห้อง Type 2Bs (55.2 ตารางเมตร) ห้อง Type 2Bs-1 (56.2 ตารางเมตร) ห้อง Type 2B (61.5 ตารางเมตร) ห้อง Type 2B-Plus (63.5 ตารางเมตร) ห้อง Type 3B-1 (83.3 ตารางเมตร) ห้อง Type Duplex-1 (116 ตารางเมตร) ห้อง Type Dpplex-2 (58.3 ตารางเมตร) ห้อง Type Duplex-3 (47.8 ตารางเมตร) ห้อง Type Penthouse-ocean (102.3 ตารางเมตร) ห้อง Type Panorama Sky Penthouse (108.6 ตารางเมตร)   ต่อมาเป็นห้องขนาด 30 ตร.ม. พื้นที่ห้องกว้างขึ้นมาอีกหน่อยทำให้รู้สึกหายใจหายคอได้คล่องขึ้น ผังห้องจัดมาได้ลงตัวพอสมควร เพราะมีการแยกส่วนห้องครัว กับห้องนั่งเล่นออกจากกันไปเลย เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับส่วนของห้องนั่งเล่นก่อนเป็นอันดับแรก ด้านหลังชั้นวางทีวีเป็นห้องน้ำ ซึ่งประตูทางเข้าห้องน้ำต้องเดินอ้อมไปเข้าจากด้านใน เหลือพื้นที่ว่างระหว่างห้องน้ำกับห้องนอนนิดหน่อย เลยแอบทำเป็นมุมทำงานเพิ่มขึ้นมา (ถ้าไม่ติดว่าออกจะทึบและอึดอัดไปหน่อยนะ) สำหรับห้องน้ำ ถือว่ากว้างขึ้นมาอีกหน่อยด้วยพื้นที่รูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า แต่เราก็ยังคงแอบติในใจอยู่ดีกับการเลือกใช้สุขภัณฑ์ ซึ่งลดทอนเกรดห้องลงไปพอควรเลยแหละ หันกลับมาที่ห้องนอน พื้นที่ค่อนข้างกระทัดรัด วางเตียงลงไปแล้วยังพอมีพื้นที่เหลือปลายเตียงเล็กน้อยเท่านั้น โดนตู้เสื้อผ้าเบียดเข้าไปอีกห้องนอนเลยดูจะคับแคบไปบ้าง อาจจะเพราะต้องแบ่งพื้นที่ให้ห้องครัวซึ่งมีขนาดกว้างขึ้น แถมยังมีประตูกระจกกั้นเป็นสัดส่วน ทำให้ไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่องกลิ่นอาหาร เนื่องจากบริเวณห้องครัวติดระเบียงการระบายกลิ่นจึงทำได้ดีกว่า ระเบียงเล็กๆ ของห้องนี้ก็ถูกใช้วางเครื่องซักผ้าไว้ใต้คอมเพลสเซอร์แอร์ จึงเลือกพื้นที่ว่างน้อยๆ ซึ่งคงทำอะไรมากไม่ได้แน่ ... อ้อ! ลืมบอกไปว่า ห้องทุกแบบจะมาพร้อมชุดครัว Built in เรียบร้อยตามมาตรฐาน แถมด้วยโต๊ะ ตู้ เตียงสีขาวๆ ทั้งหมดที่เห็นในห้องตัวอย่างนั่นแหละ ที่สำคัญทุกห้องยังมีแผงควบคุมเสียงเพลงภายในห้องเก๋ๆ อีกด้วย   มุมมองจากหน้าห้อง ขนาดห้องจัดไว้ในรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า การจัดสรรพื้นที่ห้องจึงทำให้ค่อนข้างง่าย บรรยากาศในห้องนอนดูโล่งโปร่งสบาย และมีพื้นที่พอสำหรับมุมทำงานเล็กๆ มุมทำครัวเล็กๆ ในห้อง มุมมองจากกลางห้องมองออกไปหน้าห้อง มีประตูกระจกบานเลื่อนแบ่งพื้นที่ระหว่างห้องนอนกับห้องนั่งเล่น รางเลื่อนสำหรับประตูห้องนอนเป็นไปตามรูปเลย ชุดอ่างล้างหน้า และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเป็นไปตามมาตรฐานยี่ห้อ Cotto โถสุขภัณฑ์ของ Cotto ติดตั้งมาพร้อมสายชำระ ถึงห้องน้ำจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ยังกั้นพื้นที่อาบน้ำไว้ให้ด้วย ธรณีประตูห้องน้ำ มุมมองจากระเบียงมองเข้าไปในห้อง เครื่องปรับอากาศยี่ห้อ Daikin หนึ่งใน 2 ตัวที่แถมมาพร้อมกับห้อง ก้าวเข้ามาในห้องขนาด 30 ตร.ม จะเจอกับบรรยากาศประมาณนี้ครับ มุมห้องนั่งเล่น กับโต๊ะกินข้าวขนาดกระทัดรัด ประตูห้องนอนอยู่เยื้องเข้าไปด้านใน ตรงข้ามกับห้องน้ำ มุมมองจากโซฟานั่งดูทีวี ตู้เก็บของ และชั้นวางทีวีในห้องนั่งเล่น ช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของได้ดีทีเดียว ชั้นวางของ Built in มีช่องให้วางของเยอะพอสมควร พื้นที่ว่างหน้าห้องน้ำ Built in โต๊ะ และตู้เก็บของ ได้มุมทำงานเล็กๆ เพิ่มขึ้นมาอีกมุมหนึ่ง มุมทำงานเล็ก ซึ่งใช้พื้นที่ระหว่างห้องน้ำและห้องนอน มุมจากห้องนอนมองออกไปเห็นห้องนั่งเล่น ห้องครัวแยกไว้เป็นสัดส่วนพร้อมประตูกั้นป้องกันปัญหากลิ่นรบกวนได้ อ่างล้างจานขนาดมาตรฐานยี่ห้อ Hafele เตาไฟฟ้าพร้อมเครื่องงดูดควันยี่ห้อ Hafele เตาไฟฟ้าที่ให้มาพร้อมชุดครัว ประตูบานเลื่อนกั้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัว พื้นที่ระเบียงเล็กพอสมควรเมื่อวางเครื่องซักผ้า ภายในห้องน้ำ วัสดุต่างๆ ธรณีกันระหว่างโซนเปียกกับโซนแห้ง ภายในห้องน้ำ วัสดุต่างๆ และสุขภัณฑ์ของ Cotto ฝักบัวแบบ hand shower หัวก๊อกฝักบัว ในห้องน้ำติดตั้งเครื่องระบายอากาศไว้ให้แล้ว ธรณีประตูห้องน้ำ ลดระดับให้ต่ำกว่าพื้นห้องเล็กน้อย เหนือประตูห้องน้ำ ถูกติดตั้งแอร์สำหรับห้องนั่งเล่น สวิตช์ไฟ และแผงควบคุมระบบวิทยุภายในห้อง สวิทช์ไฟยี่ห้อมาตรฐาน Panasonic   นอกจากห้องตัวอย่างที่เราเอามาฝากแล้ว ทางโครงการยังมีห้องขนาด 2 ห้องนอน ขนาด 49 ตร.ม. และ Duplex ขนาด 46.5 ตร.ม. ให้เลือกด้วย ซึ่งราคาก็ค่อนข้างแตกต่างกันมากพอสมควร ส่วนเรื่อง Floor Plan ทางโครงการมีการวางตำแหน่งห้องไว้รอบด้าน เหลือพื้นที่ตรงกลางตึกไว้เป็นช่องลิฟท์โดยสาร 2 ตัว และช่องทางเดินรูปตัว H ดังนั้นการจะเลือกตำแหน่งห้องก็ต้องเล็งกันให้ดีๆ หน่อย เพราะด้านทิศใต้ มีโรงแรมมนต์มณีสูง 7 ชั้น บังเต็มๆ ถ้าไม่อยากเปิดหน้าต่างมาเจอวิวตึกบัง ก็ต้องเลือกซักชั้น 9 ขึ้นไป ส่วนด้านที่ติดกับซอยแบริ่ง 6 ก็จะถูกตึกของ The Gallery โครงการเพื่อนบ้านบังเต็มๆ เหมือนกัน จะเหลือก็แค่ทิศเหนือซึ่งเป็นด้านที่ติดถนนแบริ่ง และด้านทิศตะวันตก ซึ่งปัจจุบันยังเป็นบ้านอยู่อาศัยในแนวราบวิวจึงยังโล่งดีอยู่   โดยสรุปแล้วเรื่องสาธารณูปโภคส่วนกลาง KnightsBridge จัดมาได้ครบดี เรื่องของแถมที่มากับห้องก็ค่อนข้างเยอะพอสมควร ถ้าไม่ติดว่าเฟอร์นิเจอร์ Built-in ส่วนใหญ่จะออกสไตล์วินเทจนิดๆ และมีแต่สีขาวเท่านั้น จากความรู้สึกที่ได้สัมผัสตอนเข้าไปดูห้องตัวอย่าง ต้องบอกว่ายังเรียกความประทับใจได้ไม่มาก อาจจะเป็นเพราะวัสดุอุปกรณ์ภายในห้องที่ทำให้รู้สึกไม่ค่อยคุ้มค่าคุ้มราคาเท่าไร แต่เรื่องความสวยความงามพวกนี้ก็ต้องแล้วแต่คนอยู่อาศัย ยังไงความชอบส่วนตัวแต่ละคนก็ไม่เหมือนกันอยู่แล้ว หรือถ้าคิดจะเลือกซื้อลงทุนไว้ปล่อยเช่า หรือขายต่อ ก็ต้องพิจารณาเรื่องความคุ้มค่ากันหน่อย ซึ่งเราก็สรุปมาให้ใช้ประกอบการพิจารณาแล้ว คลิกไปอ่าน “บทวิเคราะห์การลงทุน” กันได้เลย