รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างของคอนโดมิเนียม High Rise ใกล้รถไฟฟ้าและมหาวิทยาลัย ที่ถูกจับตามองและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในย่าน “เกษตร” จาก ออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ ซึ่งเลือกปักหมุดบนทำเลศักยภาพแวดล้อมด้วยรถไฟฟ้าถึง 4 สาย ภายใต้ชื่อ Knightsbridge Kaset Society ด้วยแนวคิด The Right One ให้ลูกบ้านใช้ชีวิตอย่างที่ใช่บนพื้นที่แห่งความสุขในทุกตารางเมตร ศักยภาพทำเลดี ติดถนนใหญ่ ต้องบอกเลยว่า Knightsbridge Kaset Society (ไนท์บริดจ์ เกษตร โซไซตี้) ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่พหลโยธินตรงร้านข้าวผัดปูเมืองทอง ฝั่งมุ่งหน้าไปทางห้าแยกลาดพร้าว ระหว่างซอยพหลโยธิน 34/1 และ 34/2 ใกล้ทั้งแยกเกษตรและแยกเสนานิคม อยู่ห่างจากรถไฟฟ้าสายสีเขียว (สถานีเสนานิคม) ที่กำลังก่อสร้างอยู่เพียงแค่ 40 เมตร สามารถเข้าออกโครงการได้หลากหลายทางทั้งซอยพหลโยธิน 34, ถนนประเสริฐมนูกิจ (เกษตรนวมินทร์), ซอยลาดพร้าววังหิน และยังเดินทางเข้านอกออกเมืองได้สะดวกรวดเร็วด้วยทางด่วนโทลเวย์ (ด่านบางเขน) ที่อยู่ใกล้โครงการ ซึ่งในอนาคตจะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล (สถานีแยกเกษตร) มาทำการเชื่อมเข้ากับสายสีเขียวอีกด้วย ทำให้การเดินทางไปเรียน ไปทำงาน หรือเข้านอกออกเมืองเป็นเรื่องที่ง่ายสะดวกมากขึ้นทั้งรถยนต์และรถไฟฟ้า ทั้งนี้ตัวโครงการตั้งอยู่ในย่านแหล่งชุมชนทั้งคนทำงานและนักศึกษาเลยค่ะ บรรยากาศจึงค่อนข้างคึกคัก รวมทั้งมีรถสาธารณะวิ่งผ่านมากมายทั้งรถเมล์ รถตู้ แท็กซี่ มอเตอร์ไซด์รับจ้าง เรียกว่าตอบโจทย์คนไม่มีรถส่วนตัวได้ดี เพราะมีตัวเลือกในการเดินทางมากทีเดียว ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้า ด้วยความที่เป็นแหล่งชุมชนจึงมีร้านค้า ร้านอาหาร รวมไปจนถึงตลาดสดให้เลือกจับจ่ายใช้สอยตลอดเช้ายันค่ำ ขยับไปอีกหน่อยก็มีแหล่งช็อปปิ้ง สถานศึกษา สถานพยาบาลมากมาย อาทิ โรงพยาบาลเมโย (ห่างเพียง 200 เมตร), มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ (ห่างเพียง 400 เมตร), เมเจอร์รัชโยธิน (ห่างเพียง 1.1 กิโลเมตร), เซ็นทรัลลาดพร้าว (ห่างเพียง 2.7 กิโลเมตร) และเดอะแจ๊ส วังหิน (ห่างเพียง 3.5 กิโลเมตร) ซึ่งเหมาะสำหรับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ ตัวโครงการอยู่ติดถนนพหลโยธิน
ภาพรวมโครงการ โครงการ Knightsbridge Kaset Society เป็นคอนโด High Rise 3 อาคาร บนพื้นที่ 2-0-79.6 ไร่ แบ่งออกเป็นที่พักอาศัยสูง 20 ชั้น 2 อาคาร, 16 ชั้น 1 อาคาร ในความเป็นส่วนตัวเพียง 6 ยูนิตต่อชั้น และอาคารจอดรถแบบ Automatic Parking 1 อาคาร สูงไม่เกิน 8 ชั้น สามารถรองรับรถได้ประมาณ 57% (ไม่รวมซ้อนคัน) มาพร้อม EV Charger 2 จุด มียูนิตรวมทั้งหมด 333 ยูนิตค่ะ โดยพื้นที่ชั้นหนึ่งจะมีร้านค้า 1 ยูนิต ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด “Limitless” Connection : Explode The Passion interludw to Metropolis Being Limitless ให้ลูกบ้านใช้ชีวิตอย่างมีความสุขแบบไม่มีขีดจำกัด หากดูจากภาพตัวอย่างแล้ว จะเห็นได้ว่าตัวอาคารทั้ง 3 ตึก เชื่อมเข้าหากันที่บริเวณชั้น 16 มีความพิเศษด้วยส่วนกลางแบบ limitless skyline ของลูกบ้านทั้ง 3 อาคาร ซึ่งทาง ออริจิ้น ตั้งใจจัดไว้ให้เต็มที่ ทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือ (Sky society Swimming Pool), ฟิตเนต (Sky society Fitness) ท่ามกลางบรรยากาศสวนสวยลอยฟ้า (Sky society Garden) ที่ได้รับการออกแบบมาเป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมี Social Club, Co-Working Space, Co-Kitchen ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านยุคใหม่ ทั้งนี้ภายในอาคารที่พักอาศัยทุกตึกจะมี Lobby Society Limitless ส่วนตัวแยกกันชัดเจน พร้อมลิฟท์ 2 ตัว โดยแต่ละอาคารจะมีลูกบ้านอยู่ประมาณ 100 ยูนิตกว่าๆ ซึ่งก็ให้ความรู้สึกปลอดภัยและเป็นส่วนตัวมากขึ้น
จากแปลนของโครงการจะเห็นว่าแต่ละชั้นจะมีเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น
ในเรื่องของวิวทิวทัศน์ก็ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เพราะรอบโครงการส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ ไม่มีคอนโดสูงตั้งอยู่ ทำให้ทุกอาคารไร้สิ่งกีดขวาง บดบังสายตา ได้วิวเปิดโล่ง โดยภาพมุมสูงที่ถ่ายมาในความสูง 100 เมตร ของโครงการจากทิศเหนือจะมองเห็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ดูร่มรื่นสบายตาจากพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ของมหาวิทยาลัย ส่วนทิศตะวันออกจะได้วิวเป็นชุมชนฝั่งลาดพร้าว ถัดมาที่ทิศใต้จะได้วิวเมืองฝั่งรัชโยธินที่มีอาคารสำนักงานมากมาย แต่ก็คงความโปร่ง สบายตาไม่มีสิ่งบดบังเช่นเดิม รวมถึงทิศตะวันตกที่หันไปทางถนนวิภาวดี ก็สามารถมองทัศนียภาพของเมืองได้ระยะไกลเช่นเดียวกับทุกทิศ ซึ่งไม่ว่าลูกบ้านจะเลือกทิศไหนก็เจอ Top View ไร้สิ่งกีดขวางแน่นอนค่ะ
ด้านทิศเหนือจะหันไปทางสี่แยกเกษตร เห็นมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ส่วนด้านทิศใต้จะหันไปทางรัชโยธิน เห็นเมเจอร์ รัชโยธิน อยู่ไม่ไกล ทิศตะวันออกจะได้วิวฝั่งลาดพร้าว ทิศตะวันตกที่หันไปทางถนนวิภาวดี
เปิดประตูห้องตัวอย่าง Knightsbridge Kaset Society ให้ความสำคัญกับความเป็นส่วนตัวในการพักผ่อนมากๆ ดังนั้นจึงออกแบบให้มียูนิตเฉลี่ยต่อชั้นเพียง 6 ยูนิตเท่านั้น โดยคำนึงถึงรายละเอียด ฟังก์ชั่นภายในห้องพักอาศัยแบบสูงสุด นอกจากการคัดสรรวัสดุระดับพรีเมี่ยมแล้ว จุดเด่นของทุกยูนิตคือฝ้าเพดานห้องสูง 3 เมตร ทำให้ดูโปร่งโล่งมากกว่าคอนโดฯ ทั่วไป โดยเริ่มต้นที่ห้อง Studio ขนาด 23.3 ตร.ม. (1 Bedroom) ไปจนถึงขนาด 34.3 ตร.ม. (1 Bedroom Plus) ซึ่งทางโครงการจะขายแบบ Fully Fitted มาพร้อม Pantry ครัว, เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินตามห้องตัวอย่าง และวัสดุภายในห้องน้ำค่ะ ในครั้งนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างถึง 3 ห้องด้วยกัน เริ่มกันด้วยห้อง Studio 1 Bedroom ขนาด 23.3 ตร.ม. ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องไม่ได้รู้สึกเล็กอย่างที่คิดเลยค่ะ ด้วยการจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่น ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องครัวที่จัดแบ่งพื้นที่แยกไว้อย่างสัดส่วน ทั้งยังมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นห้องนอนอีกด้วย แปลนห้อง Studio ขนาด 23.3 ตร.ม. (1 Bedroom) เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัวก่อนนะคะ ด้านซ้ายเป็นเคาน์เตอร์ครัว ด้านขวาเป็นห้องน้ำ ก่อนจะมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางระหว่างโซนนั่งเล่น เคาน์เตอร์ครัวบิลต์อินมาในขนาดพอเหมาะกับห้อง ซึ่งลูกบ้านจะได้เฟอร์นิเจอร์ตามนี้เลยนะคะ เว้นเพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้า ซึ่งทางโครงการจะเว้นตำแหน่งวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้าให้ด้วยค่ะ เคาน์เตอร์ครัวไม่ได้ออกแบบเป็นหน้าบานเปิดปิดเพียงอย่างเดียวนะคะ ทางโครงการยังดีไซน์ลิ้นชักไว้สำหรับใส่อุปกรณ์ต่างๆ ให้ด้วย ตรงข้ามครัวจะเป็นห้องน้ำนะคะ ซึ่งภายในห้องแบ่งแยกพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน สำหรับสุขภัณฑ์และอุปกรณ์ต่างๆ จะได้ครบตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการติดกระจกเงาส่องหน้าขนาดใหญ่ไว้ก็เพื่อช่วยสะท้อนให้ห้องดูกว้างขึ้น ประตูบานเลื่อนระหว่างครัวกับพื้นที่พักผ่อนจะเป็นบานเลื่อนแบบ 3 ตอนนะคะ ข้อดีคือทำให้มีพื้นที่กว้างกว่า พื้นที่พักผ่อนภายในห้องจะเชื่อมต่อกันระหว่างเตียงนอนกับโซนนั่งเล่น ซึ่งก็ดูกว้างขวาง ไม่อึดอัดแต่อย่างใดนะคะ เพราะเพดานสูงถึง 3 เมตร และมีระเบียงเล็กๆ ให้ออกไปสัมผัสอากาศด้านนอกด้วย แม้ตัวห้องจะมีขนาดกะทัดรัดแต่ภายในห้องก็ได้รับการออกแบบให้มีบรรยากาศที่เอื้อเฟื้อต่อการพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ในส่วนของบริเวณเตียงนอน ทางโครงการตกแต่งไว้ให้ดูเป็นตัวอย่างโดยกรุหินอ่อนที่ผนังหัวเตียงสื่อให้เห็นถึงความเรียบหรู ซึ่งทางโครงการไม่ได้มีเตียงให้นะคะ ลูกบ้านต้องซื้อเพิ่มเอง ทั้งนี้จะเลือกไซส์ 5 ฟุต หรือ 6 ฟุต ก็แล้วแต่สะดวก เพราะพื้นที่โดยรอบก็เหลือบริเวณให้เดินมากพอ พื้นที่เหลือข้างเตียง ทางโครงการจัดโต๊ะเก้าอี้เป็นมุมทำงานไว้ ซึ่งก็ดูโปร่งโล่งสบายด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ซึ่งทำหน้าที่ช่วยเปิดแสงธรรมชาติเข้าสู่ตัวห้อง ทางโครงการบิลต์อินคอนโซลทีวียาวไปจนถึงโต๊ะเครื่องแป้ง ตู้เสื้อผ้าที่ผนังฝั่งหนึ่ง ข้อดีของบิลต์อินคือประหยัดพื้นที่และเพิ่มพื้นที่จัดเก็บมากขึ้นนั่นเองค่ะ ทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวสำหรับ 2 ที่นั่งเอาไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีก็ถือว่าระยะกำลังดีเลยนะคะ จะเห็นได้ว่าพื้นที่ภายในห้องนอนถูกจัดสรรมาเป็นอย่างดี นอกจากเฟอร์นิเจอร์บิลต์อินที่ทางโครงการมีให้แล้วนั้น ยังมาพร้อมเครื่องปรับอากาศ 1 ตัวด้วยค่ะ ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.8 ตร.ม. ซึ่งเป็นแบบห้องที่มีจำนวนยูนิตเยอะที่สุดในโครงการ ภายในห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน ใช้ประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่กั้นพื้นที่ห้องนอนไว้ด้านในสุด ซึ่งช่วยเปิดรับแสงสว่างได้เต็มที่ ติดกับห้องนอนเป็นห้องครัวแบบปิด ภายในออกแบบเคาน์เตอร์ไว้ด้านเดียวเพื่อความสะดวกต่อการใช้งาน ซึ่งอยู่ติดกับระเบียงสามารถเปิดประตูเพื่อช่วยระบายอากาศและกลิ่นอาหารได้ ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นก็ดูกว้างขวาง มีบิลต์อินคอนโซลทีวีพร้อมตู้เก็บของสูงจรดเพดาน ทำให้เหลือพื้นที่วางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ได้สบาย ต้องบอกว่าการจัด Space ภายในห้องทำไว้ได้ดีมาก ถึงแม้จะเป็นห้องขนาด 25.8 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วน โดยที่ไม่รู้สึกอึดอัดเหมือนดั่งคอนโดบางแห่ง แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 25.8 ตร.ม. แปลนห้องจะเป็นลักษณะแคบลึกนะคะ เมื่อเปิดประตูเข้าไปจะพบกับส่วนนั่งเล่นก่อนเลย ด้วยขนาดเพดานที่สูงถึง 3 เมตรเลยทำให้ห้องนั่งเล่นดูโปร่งโล่ง น่าพักผ่อนมากขึ้น แม้แปลนห้องจะดูเหมือนหน้าแคบ แต่เมื่อเดินเข้ามาจริงๆ ก็กว้างพอตัวนะคะ เพราะสามารถวางโซฟาตัวยาวได้อย่างสบายๆ ซึ่งทางโครงการจะบิลต์อินคอนโซลทีวีไว้ให้เหมือนห้อง Studio ค่ะ เพียงแต่เพิ่มตู้เก็บของที่สูงจรดเพดานให้ด้วย พื้นที่ข้างโซฟา มีบริเวณเหลือมากพอที่จะจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ไว้สำหรับ 2 ที่ กั้นความเป็นส่วนตัวระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องนอนด้วยประตูบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ภายในห้องนอนถูกจัดสรรมาเป็นอย่างดี จะเห็นได้ว่าบริเวณรอบเตียงมีพื้นที่เดินเข้าออกได้สบายๆ ซึ่งถ้าใครอยากดูทีวีในห้องนอนก็สามารถติดทีวีที่ผนังเพิ่มได้เช่นกันค่ะ ทางโครงการบิลต์อินตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดหน้าบานกระจกเงามาให้ด้วยนะคะ ซึ่งนอกช่วยเพิ่มความมั่นใจในการแต่งตัวแล้ว กระจกเงายังช่วยสะท้อนสายตาทำให้ห้องดูกว้างขึ้นด้วย พื้นที่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำและห้องครัว ถูกดีไซน์ให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่มีช่องเก็บของมากพอ ซึ่งเป็นมาตรฐานมาพร้อมกับห้องเลยค่ะ ต่อเนื่องไปยังห้องน้ำ เห็นได้ชัดเลยค่ะว่าประตูห้องน้ำมีความสูงมากกว่าคอนโดทั่วไป เพราะเป็นขนาดโอเวอร์ไซส์ ซึ่งภายในดรอปพื้นลงหนึ่งเสต็ปเพื่อกันปัญหาน้ำไหลย้อน ทั้งยังแบ่งแยกโซนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนด้วยฉากกระจกกั้น ตรงข้ามกับห้องน้ำเป็นพื้นที่ครัว ซึ่งเป็นครัวแบบปิด กั้นด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน จัดวางเคาน์เตอร์แบบ One-Walk Kitchen ทำให้เหลือทางเดินมากขึ้น ด้านในสุดเป็นระเบียงสามารถวางเครื่องซักผ้าได้ ข้อดีที่ระเบียงอยู่ติดครัวก็ช่วยในเรื่องระบายอากาศ ลดความอับชื้นได้ดีค่ะ ทางโครงการบิลต์อินเคาน์เตอร์มาให้กับห้อง โดยคำนึงถึงสัดส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างลงตัวพอดีเลยนะคะ ซึ่งนอกจากช่องวาง ยังมีตู้ลอย และลิ้นชักให้เก็บของมากขึ้นด้วย และห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.3 ตร.ม. ที่มาพร้อมกับห้องเอนกประสงค์ ลักษณะเป็นห้องหน้ากว้าง รูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส บรรยากาศโดยรวมในห้องนี้จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ไว้ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนนั่งเล่นเลย ซึ่งมีที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับบิลต์อินโต๊ะกินข้าวและตู้เย็นได้อีกหน่อย ก่อนจะเข้าห้องนอนมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นให้เป็นสัดส่วนสวยงาม ภายในห้องบิลต์อิน ตู้ เตียงไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ
ติดกันกับห้องนอนจะเป็นห้องเอนกประสงค์ซึ่งลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นใช้งานได้ตามใจ ตรงข้ามเป็นห้องน้ำ ซึ่งพื้นที่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำกับห้องเอนกประสงค์นั้นถูกบิลต์อินให้เป็นเคาน์เตอร์ครัวเล็กๆ ที่มาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ซึ่งเหมาะกับนักศึกษาและคนทำงานที่ไม่ค่อยมีเวลาประกอบอาหารเท่าไหร่นัก ส่วนใหญ่ก็ใช้แค่อุ่นอาหารและล้างจานเท่านั้น แปลนห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.3 ตร.ม. เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยค่ะ ซึ่งแปลนห้องจะคล้ายๆ กับห้องขนาด 25.8 ตร.ม. แต่กว้างขวางมากกว่านั่นเองค่ะ การจัดวางแปลนภายในห้อง ที่เชื่อมต่อพื้นที่การใช้งานอย่างมุมนั่งเล่น มุมรับประทานอาหารไว้ด้วยกัน จากโซฟาถึงคอนโซลทีวี มีพื้นที่กว้างขวางมากพอที่จะวางโต๊ะกลางได้อย่างสบายๆ ทางโครงการจะบิลต์อินคอนโซลทีวีพร้อมกับตู้เก็บของจรดเพดานมาให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างเลยนะคะ นอกจากคอนโซลทีวี ยังบิลต์อินชั้นเก็บของและโต๊ะรับประทานอาหารที่สามารถพับขึ้นลงเพิ่มมัลติฟังก์ชั่นใช้งานที่มากขึ้น ทั้งยังเว้นพื้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นได้อย่างพอดิบพอดี ประตูบานเลื่อน 3 ตอนกั้นกลางระหว่างโซนรับประทานอาหารกับห้องนอนเพื่อความเป็นส่วนตัว ห้องนอนที่มีหน้าต่างบานใหญ่โอบล้อมอาคารช่วยทำให้บรรยากาศโดยรวมของห้องดูปลอดโปร่ง โล่งสบายมากขึ้น ภายในห้องนอนมาพร้อมตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดาน 3 เมตร พื้นที่ตรงกลางระหว่างห้องน้ำและห้องเอนกประสงค์ จะเป็นเคาน์เตอร์ครัวขนาดเล็ก เหมาะแก่การประกอบอาหารแบบง่ายๆ ถึงเคาน์เตอร์ครัวจะมีขนาดเล็ก แต่ก็ครบทุกฟังก์ชั่นการใช้งานนะคะ เพราะมีทั้งเตาไฟฟ้าพร้อมที่ดูดควัน อ่างล้างจาน และช่องว่างสำหรับวางไมโครเวฟ ติดกับโซนครัวคือห้องเอนกประสงค์ ที่ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นใช้งานได้ตามใจ ภายในห้องเอนกประสงค์ที่ทางโครงการตกแต่งให้เป็นห้องทำงาน เพื่อเป็นไอเดียให้แก่ลูกบ้าน ซึ่งหากจะปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนก็สามารถทำได้นะคะ ทั้งนี้ในห้องยังมีประตูบานเลื่อนอีกชั้นให้ออกไปสัมผัสอากาศด้านนอกที่ระเบียงได้ ซึ่งระเบียงก็มีขนาดกว้างพอให้วางเครื่องซักผ้าได้ด้วยค่ะ ห้องน้ำที่อยู่ตรงข้ามกับห้องอเนกประสงค์ ฟังก์ชั่นใช้งานรวมถึงสุขภัณฑ์ด้านในจะเหมือนกับห้องขนาด 23.3 ตร.ม. และ 25.8 ตร.ม. เลยนะคะ จะต่างกันแค่เพียงขนาดที่กว้างขวางกว่าเท่านั้นค่ะ ห้องทุกยูนิตของโครงการ Knightsbridge Kaset Society ขายแบบ Fully Fitted นะคะ ภายในห้องจะบิลต์อินตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ครัว สุขภัณฑ์ต่างๆ และเครื่องปรับอากาศมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ลูกบ้านแค่ตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องเสียสตางค์ซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มมากนัก และด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ในย่านชุมชน รายล้อมด้วยสาธารณูปโภคอย่างครบครัน ทั้งยังเดินทางสะดวกสบาย เหมาะกับนักศึกษาและคนวัยทำงาน รวมถึงคนที่กำลังมองหาที่อยู่อาศัยใกล้รถไฟฟ้า ใช้รถไฟฟ้าสายสีเขียวเป็นหลักหรือเดินทางด้วยรถส่วนตัวบ้าง ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือซื้อไว้ลงทุนก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ ด้วยทำเลศักยภาพในราคาจับต้องได้ โดยเริ่มต้นที่ 2.69 ล้าน ไม่ควรมองข้ามเลยจริงๆ ค่ะ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถติดต่อขอเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่างได้ที่ Sale Office โครงการ Knightsbridge ตั้งอยู่บนถนนทองหล่อ ซอย 5 (สุขุมวิท 55) หรือลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดสูงสุด 150,000 บาท* ได้ที่ http://knightsbridge.origin.co.th/kasetsociety/ สอบถามเพิ่มเติม โทร. 020 300 000