Tag : BTS สถานีบางจาก

2 ผลลัพธ์
Ideo Sukhumvit 93 : รีวิวคอนโด

Ideo Sukhumvit 93 : รีวิวคอนโด

Ideo Sukhumvit 93 คอนโด High Rise สูง 38 ชั้น ในซอยสุขุมวิท 93 เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้ BTS สถานีบางจาก เพียง 15 เมตร โครงการใหม่จาก Ananda Development รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    2,490,000 บาท เจ้าของโครงการ    Ananda Development PLC. ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 38 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    1,332 ยูนิต ร้านค้า 2 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด   8 - 3 - 59.6 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยสุขุมวิท 93 แขวงบางจาก เขตพระโขนง กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง โรงเรียนนานาชาติเวลล์ โรงเรียนพระโขนงพิทยาลัย เทสโก้ โลตัส สุขุมวิท 50 บิ๊กซี อ่อนนุช ไบเทค บางนา ซีคอน สแควร์ พาราไดซ์ พาร์ค ลักษณะห้องและขนาดห้อง Studio ขนาด 25 - 28 ตารางเมตร 1 Bedroom  ขนาด 31 -47 ตารางเมตร 2 Bedroom  ขนาด 51 -69 ตารางเมตร สิ่งอำนวยความสะดวก สระว่ายน้ํา ห้องซาวน่‹า ห้Œองออกกําลังกายพร้Œอมอุปกรณ์ ห้องเด็กเล่น โถงต้อนรับ สวนส่วนกลาง ลานเอนกประสงค์ Co-working space ระบบรักษาความปลอดภัย และ CCTV 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  02-316-2222 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :  www.ananda.co.th/condo/projects/ideo-sukhumvit-93  
THE UNIQUE สุขุมวิท 62/1 : รีวิวคอนโด

THE UNIQUE สุขุมวิท 62/1 : รีวิวคอนโด

อีกหนึ่งโครงการบนทำเลสุขุมวิทที่เราเก็บมาฝากกันก็คือ The Unique สุขุมวิท 62/1 คอนโด Low Rise ของ Ten Thai Development ที่ตั้งโครงการอยู่กลางๆ ซอย สุขุมวิท 62/1 ซึ่งมีคอนโดอีก 2-3 รายอยู่ในซอยนี้เหมือนกัน คิดว่าคงไม่ต้องเกริ่นกันให้มากความไปดูรายละเอียดโครงการกันเลยดีกว่า การเดินทาง สำหรับ The Unique สุขุมวิท 62/1 การเดินทางไปมาจัดว่าสะดวกดี เพราะทำเลที่ตั้งโครงการเกาะแนวรถไฟฟ้าอยู่เนืองๆ อาศัยเดินเอาหน่อยก็เจอรถไฟฟ้า BTS สถานีบางจากแล้ว ในระยะทางไม่เกิน 750 เมตร หรือถ้าเลือกลงที่สถานีปุณวิถีก็ไกลกว่าอีกแค่ 100 เมตรเอง ไม่ว่าจะเลือกสถานีไหนก็แทบไม่ต่างกันในเรื่องระยะทางที่ต้องเดิน เพราะเดินเหนื่อยเหมือนกัน แต่การที่ที่ตั้งโครงการอยู่กึ่งกลางระหว่าง 2 สถานีก็ทำให้ได้เปรียบในเรื่องการเลือกลงรถไฟฟ้าได้ทั้ง 2 สถานี แล้วอาศัยนั่งรถต่อตามเส้นทางเดินรถเอา ก็ช่วยประหยัดเวลาและระยะมิเตอร์แท็กซี่ได้ในวันที่ขี้เกียจเดิน ส่วนการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ต้องบอกว่าสะดวกมากเลยทีเดียว เพราะท้ายซอยสุขุมวิท 62/1 สามารถลัดไปขึ้นทางด่วนตรงซอยสุขุมวิท 62 ได้เลย โดยที่ไม่ต้องไปเสียเวลารถติดบนถนนสุขุมวิทให้หงุดหงิดใจ ในขณะที่การเดินทางบนถนนสุขุมวิทก็เป็นเส้นทางหลักที่หลายๆ คนน่าจะคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว จะเข้าจะออกเมืองก็เดินทางได้ไม่ยาก จุดกลับรถก็อยู่ห่างจากปากซอยไปนิดเดียว ถ้ามาจากในเมืองพอกลับรถมาแล้ว ตรงมาอีกนิดหน่อยก็เลี้ยวเข้าซอยสุขุมวิท 62/1 ได้ไม่ยาก ใครที่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวเป็นหลักถือว่าเดินทางสะดวกดีทีเดียว ถ้าไม่นับเรื่องการจราจรบนถนนสุขุมวิทที่ติดขัดหนักหนาจนเป็นกิจวัตรทั้งช่วงเช้าและเย็น ส่วนใครที่ไม่มีรถ ก็คงต้องพึ่งพารถสาธารณะกันล่ะครับ แต่ความสะดวกก็จะลดลงมาตามลำดับ เพราะยังไงๆ ก็ต้องเดินมาเรียกรถกันที่ปากซอย ทั้งแท็กซี่ รถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็หาได้จากบริเวณปากซอยนี่แหละครับ ระยะเดินจากหน้าโครงการมาที่ปากซอยก็แค่ 420 เมตร เดินได้สบายๆ ถ้าแดดไม่ร้อน ฝนไม่ตก ก็ไม่ลำบากเท่าไหร่ครับ เส้นทางรอบๆ โครงการครับ วันนี้ขอเริ่มต้นจากทางด่วนเฉลิมมหานครฝั่งขาออก มุ่งหน้าไปทางบางนานะครับ ตามป้ายบางนามาเรื่อยๆ จนมาถึงทางออกถนนสุขุมวิท 62 ให้เบี่ยงซ้ายออกมาเลยครับ จากนั้นก็ตามทางโค้งซ้ายไป เพื่อเข้าถนนสุขุมวิท 62 ครับ เส้นทางนี้คือเส้นที่เราจะพาไปสำนักงานขายที่ตั้งอยู่ติดกับ BTS บางจากนะครับ แต่ถ้าหากจะไปที่ตั้งโครงการจากจุดนี้สามารถขับตรงไปเข้าด้านหลังซอยสุขุมวิท 62/1 ได้เลย เดี๋ยวเราจะพาไปดูกัน จากตรงนี้ วิ่งเลียบทางด่วนไปประมาณ 550 เมตร ก็จะถึงตัวโครงการ ซึ่งจะใกล้กว่าไปเข้าทางถนนสุขุมวิท เป็นการหนีรถติดไปในตัวด้วย แต่ถนนเส้นนี้จะค่อนข้างแคบหน่อยนะครับ และในช่วงกลางคืนอาจจะมืดสักหน่อย เพราะสองข้างทางไม่มีไฟส่องสว่าง อาจจะต้องอาศัยไฟส่องสว่างจากทางด่วนแทน ขับมาเรื่อยๆ ก็จะถึงซอยสุขุมวิท 62/1 แล้วล่ะครับ ก่อนถึงซอยจะมีป้ายบอกทางลัดไปถนนสุขุมวิทของ กทม. แอบอยู่ ไม่สังเกตดีๆ อาจจะเลยได้นะครับ จากตรงนี้เข้าซอยไปประมาณ 200 เมตร ก็ถึงโครงการแล้วครับ กลับมาที่ถนนสุขุมวิท 62 หลังจากลงทางด่วนมาแล้วก็ตรงยาวมาเลยครับ เมื่อออกมาเจอสายแยกแล้ว ด้านหน้าคือถนนสุขุมวิท ด้านบนคือรถไฟฟ้า BTS ส่วนต่อขยายสายแบริ่ง ให้เราเลี้ยวซ้ายไปทางพระโขนงนะครับ ตรงนี้ถ้าเราจะไปที่ตั้งโครงการให้เลี้ยวขวาไปได้เลยนะครับ เมื่อเลี้ยวซ้ายมาแล้ว จะเจอกับ BTS สถานีบางจากทันทีครับ สำนักงานขายจะอยู่ฝั่งตรงข้ามติดกับตัวสถานีเลย ต้องตรงไปกลับรถอีกหน่อยครับ ตรงมาอีกประมาณ 600 เมตร ก็จะเจอที่กลับรถ เมื่อกลับรถมาประมาณ 500 เมตร ก็จะเจอสำนักงานขายแล้วล่ะครับ ที่จอดรถจะอยู่ด้านหลัง ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยสุขุมวิท 97/1 ที่อยู่ข้างๆ สำนักงานขายนี่แหละครับ ที่จอดรถด้านหลังสำนักงานขาย สำหรับการเดินทางไปยังที่ตั้งของโครงการจะอยู่ห่างจากสถานี BTS บางจาก ประมาณ 750 เมตร ออกจากสำนักงานขายมาแล้ว ตรงไปทางบางนาเลยครับ ซอยสุขุมวิท 62/1 จะอยู่ฝั่งขวามือ เราจะต้องมากลับรถตรงนี้ครับ ระยะทางจากสำนักงานขายถึงตรงนี้ประมาณ 500 เมตร เมื่อกลับรถมาแล้วให้ชิดซ้ายเลยนะครับ เพราะอีกนิดเดียวก็จะถึงซอยสุขุมวิท 62/1 แล้วล่ะครับ ก่อนถึงซอยจะมีปั๊มน้ำมัน ปตท. เป็นจุดสังเกตที่เด่นชัด ทางเข้าซอยจะเล็กนิดนึงนะครับ จะอยู่ระหว่างปั๊มน้ำมัน ปตท. กับเต็นท์ขายรถมือสอง เข้ามาในซอยจะเป็นถนน 2 เลน วิ่งสวนกันแบบนี้นะครับ เนื่องจากเป็นซอยเล็กๆ ผู้คนจึงไม่พลุกพล่านเหมือนซอยในระแวงใกล้เคียง เข้ามาประมาณ 450 เมตร ก็จะถึงที่ตั้งโครงการแล้วล่ะครับ โครงการยังไม่เริ่มก่อสร้างนะครับ มีเพียงป้ายของโครงการติดไว้ด้านหน้า มองตรงออกจากก็จะเห็นถนนเลียบทางด่วนแล้วนะครับ ซึ่งเป็นเส้นทางลัดขึ้น-ลงทางด่วน สุขุมวิท 62 อย่างที่ได้บอกไว้ในตอนแรก   วิเคราะห์ตัวโครงการ ทำเลรอบโครงการ The Unique สุขุมวิท 62/1 ค่อนข้างเงียบสงบดีทีเดียว เพราะในซอยยังเป็นบ้านพักอาศัยในแนวราบสูง2-3 ชั้น เสียเกือบทั้งหมด จะมีตึกสูง 8 ชั้นอยู่บ้างก็แค่ตึกของโครงการ Chateau in Town เท่านั้น ซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกลนัก ดังนั้นทิศทางรอบๆ โครงการ The Unique จึงยังโล่งโปร่ง ได้วิวสบายตาดีอยู่ ส่วนในอนาคตจะมีตึกของโครงการอื่นๆ ขึ้นอีกหรือไม่อันนี้ก็ต้องไปรอลุ้นเอาครับ  ในระแวกใกล้ๆ โครงการขาดความอุดมสมบูรณ์อย่างชัดเจน แทบจะไม่มีร้านค้า ร้านอาหารให้เราพึ่งพาได้เลย ที่ใกล้ที่สุดก็ต้องเดินออกมาทางปากซอยที่ยังพอมีร้านสะดวกซื้อ 7-11 อยู่ในปั๊มน้ำมัน รวมถึงร้านอาหารอีกร้านที่พอจะฝากท้องได้บ้างในช่วงกลางวันไปจนถึงเวลาค่ำๆ  นอกเหนือจากนี้ก็ต้องตั้งใจนั่งรถไฟฟ้า หรือขับรถออกไปแบบเป็นเรื่องเป็นราวไปเลย การออกแบบตัวอาคารเป็นทรงโมเดิร์นสูง 8 ชั้น ที่เน้นความเป็นส่วนตัวสูงด้วยยูนิตรวมแค่ 116 ห้องเท่านั้น ซึ่งทางโครงการเน้นน้ำหนักให้กับห้องแบบ Tri-Plex ที่มีจำนวนมากถึง 25 ห้อง ห้องส่วนใหญ่ของ Tri-Plex จะให้บรรยากาศแบบทาวน์โฮมมากกว่าคอนโด เพราะห้องฟังก์ชั่นห้องที่จัดสรรพื้นที่ในแนวดิ่ง ให้เหมือนบ้าน 3 ชั้นนั่นเอง บริเวณชั้น G จะเป็นพื้นที่ของ Lobby และ Fitness นะครับ พื้นที่อีกส่วนหนึ่งของชั้น G จะเป็นที่จอดรถส่วนกลาง และที่จอดรถของห้อง Tri-Plex แบบพิเศษที่คิดรวมที่จอดรถไว้ในโฉนดห้องด้วย ซึ่งห้องแบบนี้จะมีเพียง 7 ห้องเท่านั้นและลูกบ้านสามารถเดินขึ้นห้องตัวเองได้จากบันไดส่วนตัวตรงที่จอดรถเลย ห้องแบบนี้จึงได้อารมณ์เหมือนอยู่ทาวน์โฮมไปเต็มๆ นอกจากที่จอดรถบริเวณชั้น G แล้ว ทางโครงการยังเตรียมที่จอดรถไว้ที่ชั้นใต้ดินด้วย ซึ่งคิดรวมแล้วสามารถรองรับรถได้ทั้งหมด 72 คัน หรือคิดเป็น 62% โดยที่ยังไม่รวมการจอดซ้อนคันนะครับ ถัดขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเริ่มเป็นพื้นที่อยู่อาศัย โดยมีสระว่ายน้ำอยู่ตรงกลางตึก แต่ตำแหน่งของสระว่ายน้ำจะอยู่ต่ำกว่าพื้นชั้น 2 เล็กน้อยครับ นอกจาก Facility  ที่ทางโครงการจัดสรรสระว่ายน้ำและห้องออกกำลังกายไว้ให้ที่ชั้นG-2 แล้ว บริเวณรอบๆ และพื้นที่นั่งเล่นที่ชั้น 6 ก็ยังมีสวนหย่อมเพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวให้สบายตามากยิ่งขึ้น เนื่องจากปริมาณห้องในแต่ละชั้นจะค่อนข้างน้อย จึงค่อนข้างได้ความเป็นส่วนตัวมาก เรื่องลิฟท์โดยสารทางโครงการก็จัดเตรียมไว้ 2 ตัว คิดเป็นอัตราส่วน 58:1 ถือว่าอยู่ในระดับที่กำลังใช้ได้สบายๆ เรื่องวิวทิวทัศน์รอบๆ โครงการก็จะติดบ้านพักในบริเวณนี้เสียเป็นส่วนใหญ่ ถ้าจะให้ดีก็ต้องเลือกห้องตั้งแต่ชั้น 4 ขึ้นไป ก็จะพอพ้นหลังคาบ้านข้างเคียงและทำให้ได้วิวที่กว้างขึ้น ส่วนคนที่ไม่แคร์เรื่องวิวมากนักห้องในชั้น 2 และ 3 ก็จัดว่าสะดวกดีเช่นกัน จะขึ้นลงห้องก็ไม่ต้องง้อลิฟท์มากนัก โมเดลฝั่งที่เป็นสระว่ายน้ำนะครับ ลักษณะตัวอาคารจะเป็นรูปตัว U มีสระว่ายน้ำและสวนสีเขียวอยู่ตรงกลาง มุมมองจากด้านบนครับ ทางเข้าของของรถด้านหน้าอาคารครับ มุมอีกด้านหนึ่งของอาคารครับ ที่จอดรถที่ชั้น G จะมีบันไดเดินขึ้นห้อง Tri-Plex ที่ชั้น 2 ได้เลยครับ ที่จอดรถชั้นใต้ดิน จะจอดได้ทั้งหมด 35 คันในช่องจอดครับ ชั้น G จะเป็นที่จอดรถใต้ตึกอีก 35 คันในช่องจอด (ไม่รวมที่จอดรถส่วนตัวของห้อง Tri-Plex ที่เป็นสีเทาเข้มนะครับ) และเป็นส่วนของ Lobby และฟิตเนส หน้าตาของ Lobby ที่ตกแต่งอย่างหรูหรา หน้าตาของฟิตเนสที่อยู่ชั้น G จะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำที่ถูกยกสูงขึ้นมาอยู่ที่ชั้น 2 ด้านในฟิตเนส ชั้น 2 จะเริ่มเป็นส่วนของที่พักอาศัยแล้วนะครับ โดยจะมีห้องแบบ Tri-Plex โอบล้อมสระว่ายน้ำที่อยู่ตรงกลางตึก สระว่ายน้ำบริเวณชั้น 2 ห้องแบบ Tri-Plex ที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ ให้บรรยากาศเหมือนห้องแบบ Pool Villa ตามโรงแรมต่างๆ ชั้น 3 และชั้น 4 จะจัดผังคล้ายๆ กับชั้น 2 นะครับ โดยจะมีทั้งหมด 25 ยูนิต เป็นห้องแบบ Tri-Plex จำนวน 9 ยูนิต ชั้น 5 จะลดห้อง Tri-Plex ลงเหลือ 2 ห้อง ชั้น 6 มีห้อง Tri-Plex 10 ห้อง ที่เหลือเป็นแบบ 1 ห้องนอน พาชมห้องตัวอย่าง   ห้องทุกห้องทางโครงการขายกันมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์เสร็จสรรพ แถมด้วยระบบ Smart Home ที่ช่วยเพิ่มความสะดวกให้เราสามารถควบคุมการเปิดปิดไฟในห้องผ่านระบบมือถือได้ด้วย ซึ่งน่าจะถูกใจคนที่ชอบอะไรไฮเทคหน่อย รวมถึงระบบ Digital Door Lock ก็มีมาให้ทุกห้องด้วยเช่นกัน ทีนี้มาเปิดดูห้องตัวอย่างกันบ้างดีกว่า เริ่มกันด้วยห้องแบบ 1 ห้องนอน ที่ขนาด 33 ตร.ม. เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอกับ Living Area ซึ่งทางโครงการจัดแต่งไว้ด้วยโต๊ะกินข้าวชุดเล็ก ตรงข้ามกับห้องครัวแบบปิดที่อยู่ทางด้านขวามือของประตูห้อง ถัดเข้าไปเป็นโซนนั่งเล่น วางชุดโซฟาดูทีวีได้ในระยะสบายๆ แถมยังเปิดรับแสงสว่างได้เต็มที่เพราะอยู่ติดกับประตูกระจกบานใหญ่ของระเบียง ซึ่งพื้นที่ระเบียงก็จัดว่ากว้างพอใช้ได้เลยทีเดียว ส่วนอีกด้านหนึ่งของห้องเป็นพื้นที่ของห้องนอน ซึ่งมีห้องน้ำอยู่ในตัว ภายในห้อง Built-in ตู้เสื้อผ้า ชั้นวางของ และโต๊ะเครื่องแป้งมาพร้อมแล้ว โดยรวมพื้นที่ใช้สอยภายในห้องนอนก็พออยู่พอใช้ครับ ข้าวของไม่ต้องสะสมกันเยอะมากไม่งั้นห้องจะรกเอาง่ายๆ หน้าตาของห้องนอนค่อนข้างใหญ่และสูงเกือบเต็มผนังเลยทีเดียว ทำให้เปิดรับแสงได้ดี ส่วนในห้องน้ำก็เป็นไปตามมาตรฐานครับ มีการแบ่งพื้นที่อาบน้ำไว้ด้วยประตูกระจกเทมเปอร์ และชุดสุขภัณฑ์ต่างๆ ของ American Standard ในห้องน้ำมีพื้นที่วางข้าวของเครื่องใช้น้อยไปหน่อย แถมอ่างล้างหน้าก็ยังติดตั้งไว้ชิดกำแพงเสียจนใช้งานยากไปหน่อย ถ้าเลื่อนตำแหน่งที่ติดตั้งอย่างล้างหน้าให้ห่างจากผนังอีกหน่อยน่าจะดีกว่า แล้วกระจกเงาเหนืออ่างล้างหน้า ทางโครงการติดตั้งเป็นแบบธรรมดาให้นะครับ ไม่มีกล่องไฟด้านหลังแบบในห้องตัวอย่างนะ ถ้าให้ดีผมว่าสอบถามกันให้ละเอียดหน่อยว่าอะไรชิ้นไหนแถม หรือหน้าตาของจริงจะเป็นอย่างไร ทีนี้มาดูห้องแบบ Tri-Plex กันบ้าง ซึ่งห้องแบบนี้ทางโครงการชูเป็นจุดเด่นเลยทีเดียว เพราะมีน้อยโครงการที่จะจัดทำห้องแบบนี้ พื้นที่ใช้สอยของห้อง Tri-Plex มีขนาดเริ่มต้นที่ 90 ตร.ม. โดยประมาณ ในขณะที่ห้องใหญ่สุดจะมีขนาด 106 ตร.ม. แน่นอนว่าเรื่องราคาก็สูงขึ้นตามลำดับ เปิดห้องมาแน่นอนว่าชั้นล่างสุดจะต้องเป็นพื้นที่ของ Living Area โดยที่แบ่งการใช้งานเป็นห้องนั่งเล่น ห้องครัวแบบปิด และพื้นที่รับประทานอาหาร รวมทั้งห้องน้ำเล็กอีก 1 ห้องบริเวณบันไดทางขึ้นด้านบน พอขึ้นไปที่ชั้นสองก็จะเป็นส่วนของ  Master Bedroom ซึ่งเป็นห้องใหญ่สุด และมีห้องน้ำพร้อมอ่างอาบน้ำในตัว บรรยากาศของห้องนอนใหญ่ให้ความรู้สึกหรูหราดีทีเดียว ถัดขึ้นไปที่ชั้น 3 จะแบ่งเป็นห้องนอนเล็ก 2 ห้อง และห้องน้ำอีก 1 ห้องที่อยู่ด้านนอก ซึ่งสองห้องนี้จะใช้ร่วมกัน หน้าตาห้องนอนของทั้ง 2 ห้องเหมือนกันเป๊ะแบบคู่แฝด แค่สลับฝั่งซ้ายขวาเท่านั้น พื้นที่ใช้สอยภายในห้องก็แค่พอใช้งานนะครับ ไม่ได้กว้างขวางเท่าไหร่ แต่ถ้าไม่จำเป็นต้องใช้ห้องนอนมากถึง 3 ห้อง อาจจะปรับเปลี่ยนให้อีกห้องเป็นห้องทำงาน หรือห้องอเนกประสงค์แทนก็ได้นะครับ อาจจะช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยให้ตรงตามความต้องการได้มากขึ้น แปลนห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 33 ตารางเมตร ห้องตัวอย่างจะมีใหเดู 2 แบบนะครับ คือแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 33 ตารางเมตร กับแบบ Tri-Plex เรามาดูแบบ 1 ห้องนอนกันก่อนดีกว่านะครับ ทุกห้องจะได้ประตูแบบ Digital Door Lock แบบนี้นะครับ หากเปิดประตูห้องมาจนสุดจะติดกับประตูกระจกบานเลื่อนของห้องครัว แบบนี้นะครับ กันกระแทกที่ประตูห้องหน้าห้องครับ พื้นห้องจะเป็นพื้นลามิเนตนะครับ อุปกรณ์ Smart Home ที่แถมมาให้ทุกห้องนะครับ สามารถสั่งเปิด-ปิดไฟ Application บนมือถือได้เลยครับ แต่จะมีลูกเล่นน้อยกว่าแบบที่แถมให้ห้องแบบ Tri-Plex ที่จะสามารถสั่งให้เปิด-ปิด ผ้าม่าน แอร์ ได้ แต่ถ้าหากอยากได้ลูกเล่นเยอะๆ ทางโครงการก็จัดให้ได้ครับ แต่ก็ต้องเพิ่มเงินอีกครับ หน้าตามของสวิทช์ไฟที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ Smart Home ครับ ระบบไฟที่ประตูหน้าห้องก็ เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอโต๊ะทานอาหารตั้งอยู่เป็นด่านแรกเลยนะครับ ต่อด้วยส่วนของห้องนั่งเล่นที่ถัดเข้ามาด้านในที่อยู่ติดกับระเบียงห้อง โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ที่ตั้งอยู่หน้าประตูห้องเลยครับ ส่วนของห้องนั่งเล่นจะอยู่ติดกับระเบียงห้องเลยนะครับ โซฟาจะอยู่ห่างก ชั้นวางทีวีพร้อมชั้นลอยวางของด้านบน ขนาดของระเบียงกว้าง 2 เมตร ยาว 2.4 เมตร มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นครับ มาดูห้องครัวกันบ้างนะครับ ห้องครัวจะอยู่ด้านหน้าห้องเลยนะครับ เป็นครัวแบบปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนปิดกันกลิ่นอาหารเข้ามาในห้อง หน้าตาของครัวก็จะได้แบบนี้เลยนะครับ มีช่องใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง และชั้นลอยเก็บของไว้ด้านบน อุปกรณ์ภายในครัวจะเป็นของ Teka นะครับ เริ่มจากซิงค์ล้างจาน สังเกตที่ผนังนะครับ ผนังด้านบนจะเป็นกระจก เพื่อให้ง่ายต่อการทำความสะอาดเวลาทำอาหารแล้วมันกระเด็นไปติดผนัง เพราะเตาไฟฟ้าจะอยู่ค่อนข้างใกล้กับผนังนะครับ Hood ดูดควันก็ของ Teka เหมือนกันครับ มาดูที่ห้องนอนกันต่อนะครับ หน้าห้องนอนจะมีชั้นวางของ Built in อยู่ด้วยนะครับ ด้านในห้องนอนครับ หน้าต่างในห้องนอนจะได้บานสูงเลยนะครับ อีกมุมของห้องนอนครับ มองออกมาจะเห็นตู้เสื้ออยู่ติดกับหัวเตียง อีกฝั่งจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งวางอยู่หน้าห้องน้ำเลยนะครับ งั้นเราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อเลยดีกว่านะ ที่ปลายเตียงจะ Built in ชั้นแขวนทีวีมาให้ด้วยนะครับ ตำแหน่งของแอร์ในห้องนอนก็อยู่ปลายเตียงนี่แหละครับ ในห้องน้ำนะครับ ส่วนอาบน้ำจะทำกระจกกั้นให้เรียบร้อย ฝักบัวที่ได้ครับ โถสุขภัณฑ์ของ American Standard อ่างล้างหน้าก็ของ American Standard เช่นกันครับ มีช่องเก็บของเล็กๆ อยู่ข้างล่างด้วย มาต่อกันที่ห้องแบบ Tri-Plex นะครับ ห้องจะถูกแบ่งเป็น 3 ชั้น ชั้นนี้คือล่างสุดจะเป็นส่วนของห้องนั่งเล่น ห้องครัว และมีห้องน้ำ 1 ห้องครับ ชั้น 2 จะเป็นส่วนของ Master Room ทั้งหมด และมีห้องน้ำใหญ่ในตัวอีก 1 ห้อง ห้องน้ำที่ห้อง Master Room นี้จะมีอ่างอาบน้ำให้ด้วยนะครับ ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบ Smart Home สามารถสั่งเปิด-ปิดน้ำ จาก Smartphone ของเราได้เลย ส่วนชั้นบนสุดที่ชั้น 3 จะเป็นห้องนอนเล็ก 2 ห้องนะครับ และมีห้องน้ำด้านนอกอีก 1 ห้อง มาดูข้างในกันเลยดีกว่านะครับ เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามาแล้วก็จะเจอส่วนของ Living Area ก่อนเลยนะครับ Living Area ค่อนข้างจะกว้างขวางโอ่อ่าให้บรรยากาศเหมือนทาวน์โฮมอย่างไงอย่างงั้น โต๊ะทานอาหารจะอยู่ด้านหน้าห้องเลยนะครับ แอร์ที่ติดมาให้ที่ชั้นล่างจะเป็นแอร์ฝังแบบนี้นะครับ โต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่านครับ มองย้อนออกไปที่หน้าห้อง ด้านหลังโต๊ะทานอาหารจะมี Built in ตู้โชว์มาให้ด้วยนะครับ ส่วนอีกฝั่งจะเป็นห้องครัวนะครับ อยู่ด้านห้นาห้อง คนละฝั่งกับโต๊ะทานอาหารครับ ครัวจะเป็นครัวแบบปิดนะครับ มีประตูกระจกบานเลื่อนเปิด-ปิด ตัวท็อปครัวก็จะคล้ายๆ กับครัวของแบบ 1 ห้องนอนนะครับ แต่จะสลับกันตรงที่เตาไฟฟ้าจะไม่อยู่ชิดผนังเหมือนเดิม แต่จะมาอยู่ติดตู้เย็นแทน มีช่องใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่างนะครับ มาพร้อมฮูดดูดครัวและชั้นลอยเก็บของ ส่วนของระเบียงครับ ออกมาด้านนอกส่วนของ Living Area ชั้นวางทีวีที่ Built in มาให้จะโชว์ทีวีแบบแขวน แต่ถ้าไม่ชอบแขวนก็มีชั้นเล็กๆ ให้วางได้เหมือนกันครับ ชุดโซฟา ส่วนห้องน้ำจะแอบอยู่ด้านหลังทีวีนะครับ ห้องน้ำที่ชั้นล่างจะเป็นห้องน้ำเล็กๆ นะครับ ไม่มีส่วนอาบน้ำ หน้าห้องน้ำจะเป็นบันไดขึ้นชั้นบน ที่ว่างใต้บันไดสามารถดัดแปลงเป็นที่เก็บของเล็กๆ ได้ครับ ไฟที่บันไดจะเป็นระบบเซ็นเซอร์นะครับ เมื่อเราก้าวขึ้นบันไดไฟถึงจะติด อันนี้ทางโครงการติดมาให้ดูเฉยๆ นะครับ ไม่ได้แถมให้ด้วย เดี๋ยวเราเดินขึ้นไปดูชั้น 2 กันต่อเลยนะครับ ชั้น 2 เป็น Master Room นะครับ เตียงจะถูกวางไว้ติดกับหน้าต่างขนาดใหญ่ ที่หัวเตียงทั้ง 2 ด้าน จะติดโคมไฟอ่านหนังสือดีไซน์เก๋มาให้ด้วยนะครับ ด้านปลายเตียงจะมีพื้นที่เหลือพอให้ Built in ชั้นวางทีวีได้ครับ ตำแหน่งของแอร์ก็จะอยู่ที่ปลายเตียงครับ ตู้เสื้อผ้าจะอยู่ข้างเตียงอีกฝั่งนะครับ เป็นตู้ Built in แบบเต็มผนัง ด้านข้างก็จะเป็นห้องน้ำ เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อเลยดีกว่าครับ ด้านในห้องน้ำครับ โถสุขภัณฑ์เป็นแบบถังพักน้ำซ่อนผนัง อ่างล้างหน้า มีช่องเก็บของด้านล่างด้วยนะครับ กระจกส่องหน้าบานใหญ่ใช้ได้เลยครับ ส่วนอาบน้ำจะมีประตูกระจกกั้นนะครับ มีอ่างอาบน้ำอย่างที่บอกไว้ตอนแรกว่าสามารถควบคุมได้ด้วยระบบ Smart Home ติดตั้งให้ด้วย หรือจะยืนอาบก้มีชุดฝักบัวให้นะครับ ชุดฝักบัวที่ได้ครับ เราขึ้นไปต่อกันที่ชั้น 3 เลยดีกว่าครับ มองมุมกลับลงมา บันไดจะค่อนข้างแคบนะครับ เดินสวนกันอาจจะลำบากหน่อย เมื่อขึ้นมาแล้วจะมีโถงเล็กๆ ก่อนจะแยกย้ายเข้าห้องนะครับ โดยห้องนอนทั้ง 2 ห้องที่ชั้น 3 นี้ จะวาง Lay Out เหมือนกันเป๊ะเลยนะครับ จะแตกต่างกันที่โทนสีเท่านั้น ว่าแล้วเราไปดูห้องแรกกันก่อนเลยดีกว่าครับ ห้องนอนแรก โทนสีจะออก Soft หน่อยนะครับ มี Built in ทีวีแบบแขวนไว้ที่ปลายเตียง เตียงจะติดกับหน้าต่างเลยนะครับ จะมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือเพียงเล็กน้อย หน้าต่างจะเป็นบานสูงตั้งแต่พื้นจะเกือบถึงฝ้าด้านบนเลยครับ พื้นที่ปลายเตียงเหลือเล็กน้อย ตู้เสื้อผ้าจะถูกวางไว้ด้านหน้าประตูห้องแบบนี้ครับ มาดูอีกห้องนะครับ อย่างที่บอกว่าการวาง Lay Out จะเหมือนกันเป๊ะๆ เลยครับ โดยหันหัวเตียงเข้าหาผนังเดียวกัน ตู้เสื้อผ้าก็วางไว้ตำแหน่งเดียวกันครับ มองออกไปก็จะเป็นห้องน้ำ โดยทั้ง 2 ห้องนี้จะมีห้องน้ำร่วมกัน 1 ห้อง เดี๋ยวเราไปดูห้องน้ำกันเลยครับ ห้องสุดท้ายแล้ว ห้องน้ำจะอยู่ตรงกลางระหว่าง 2 ห้องเลยนะครับ เพื่อไม่ให้เกิดการได้เปรียบเสียเปรียบว่าใครจะเดินไกลกว่ากัน เค้าเตอร์อ่างล้างหน้าครับ เค้าเตอร์อ่างล้างหน้าจะเป็นรูปตัว L นะครับ ทำให้มีพื่นที่วางเครื่องสำอางของคุณผู้หญิงได้เยอะหน่อย แถมมีตู้ลอยติดให้อีกด้วย โถสุขภัณฑ์ค่อนข้างจะกว้างนะครับ ห้องอาบน้ำที่ชั้นนี้จะไม่มีอ่างอาบน้ำให้นะครับ แต่จะมี Rain Shower แทนครับ ความคุ้มค่าน่าลงทุน สำหรับโครงการ The Unique สุขุมวิท 62/1 น่าจะเหมาะกับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยอยู่ในทำเลใกล้รถไฟฟ้า และมีการเดินทางที่สะดวก ใกล้ทั้งทางด่วน และถนนสายหลักๆ ถึงแม้ว่าจะอยู่ในทำเลที่ค่อนไปทางสุขุมวิทตอนปลายแล้วก็ตาม แต่ก็น่าจะตอบโจทย์ได้ดีทั้งในแง่ของการเดินทางด้วยรถส่วนตัว และการพึ่งพารถไฟฟ้าบ้างเป็นครั้งคราว เพราะที่ตั้งโครงการเองก็ไม่ได้อยู่ใกล้รถไฟฟ้ามากนัก บรรยากาศโดยรอบโครงการเงียบสงบเหมาะกับการอยู่อาศัย แต่ก็ต้องแลกกับความอุดมสมบูรณ์และความสะดวกสบาย เนื่องจากไม่มีค่อยมีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อให้พึ่งพาในระยะใกล้ๆ เท่าไหร่ ยิ่งทางโครงการพยายามชุดจุดขายด้วยห้องแบบ Tri-Plex ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่มีพื้นที่ใช้สอยในระดับ 100 ตร.ม. โดยประมาณ จึงทำให้กลุ่มคนที่ต้องการห้องเล็กๆ หรือมองหาช่องทางไว้ลงทุนมีโอกาสค่อนข้างน้อย เพราะในซอยเดียวกันก็ยังมีคอนโดรายอื่นๆ อย่าง Chateau in town ที่เน้นขายห้องขนาดเล็กในราคาที่จับต้องได้ง่ายกว่าอยู่ด้วย ดังนั้นถ้าจะหาห้องไว้ลงทุนปล่อยเช่น โครงการอื่นจึงเป็นตัวเปรียบเทียบที่อาจทำให้ได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ามากกว่า แต่ถ้าใครที่ชอบที่อยู่อาศัยแบบมีไลฟ์สไตล์หน่อย และอยากได้ความสะดวกสบายด้านเทคโนโลยีภายในห้อง ห้องของโครงการThe Unique ก็อาจจะสะดุดตา สะดุดใจมากหน่อย แต่ยังไงก็แนะนำให้มาดูห้องตัวอย่างและทำเลที่จะสร้างจริงด้วยตัวเองดีกว่าครับ ของแบบนี้ต้องเลือกกันมากหน่อย เพื่อให้ได้ห้องที่ถูกใจและคุ้มค่าคุ้มราคามากที่สุด