Tag : Home Office

6 ผลลัพธ์
SMEs จะเลือกอะไรดีระหว่างเช่า Co-working Space กับ ซื้อ Home Office

SMEs จะเลือกอะไรดีระหว่างเช่า Co-working Space กับ ซื้อ Home Office

SMEs จะเลือกอะไรดีระหว่างเช่า Co-working Space กับ ซื้อ Home Office ระยะหลังมาคนรุ่นใหม่มักจะมีความใฝ่ฝันอยากจะมีธุรกิจเป็นของตัวเอง เป็นนายตัวเอง มีเวลาที่เป็นอิสระมากกว่า เป็นมนุษย์เงินเดือน โดยการเปิดบริษัทเริ่มต้นจากเล็กๆ ก็ย่อมต้องมีสถานที่ ซึ่งใช้เป็นออฟฟิศหลักในการทำงาน และในบทความนี้เราจะโฟกัสกันไปที่ 2 ตัวเลือกยอดฮิตที่สุดในปัจจุบันนี้ นั่นคือ Co-working Space กับโฮมออฟฟิศ   SMEs ย่อมาจาก Small and Medium Enterprises หมายถึง *บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก มีจำนวนการจ้างงาน ไม่เกิน 50 คน ไม่ว่าจะเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด บริษัทจำกัด หรือกิจการร่วมค้า ซึ่งการใช้สถานที่ทำเป็นออฟฟิศแล้วแต่ เงินทุนของแต่ละองค์กร เริ่มตั้งแต่ใช้บ้านเดิมของตัวเองเป็นออฟฟิศ เช่าพื้นที่ตาม Office Building เช่าพื้นที่ Co-working Space ซื้ออาคารพาณิชย์แล้วรีโนเวทใหม่ หรือซื้อ Home Office เป็นของตัวเอง ซึ่งทางเลือกในปัจจุบันนี้ก็มักจะมองไปที่ การเช่าพื้นที่ Co-working Space หรือไม่ก็ซื้อ Home Office เป็นของตัวเองไปเลย เพราะจะได้บรรยากาศการทำงาน ที่ฉีกกรอบจากห้องสี่เหลี่ยมมีคอกกั้นแต่ละโต๊ะแบบเดิมๆ ออกไปให้มีพื้นที่อิสระมากขึ้นดูแล้วไม่รู้สึกเคร่งเครียดจนเกินไป ซึ่งทั้งสองแบบนี้มีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป โดยเราจะลองมาดูกันค่ะว่าการเลือกสถานที่ทำออฟฟิศ ของทั้งสองอย่างนี้มีข้อดี-ข้อเสีย แตกต่างกันอย่างไรบ้าง     Co-working Space สถานที่ทำงานสุดฮิตของคน Gen Y ขวัญใจเหล่าฟรีแลนซ์ เพราะมีพื้นที่ทำงานให้เลือกหลายมุม ตกแต่งสวย เอื้อให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ใหม่ๆ มีหลากหลายราคาให้เลือกทั้งแบบคิดเป็นรายชั่วโมง รายวัน รายเดือน ไปจนถึงเช่าเปิดออฟฟิศเป็นรายปี และมักจะมีอุปกรณ์สำนักงาน เช่น เครื่องถ่ายเอกสาร เครื่องปริ้น เครื่องแฟกซ์ มี Wifi ฯลฯ รวมถึงเครื่องดื่มกับเบเกอรี่เอาไว้คอยบริการไปด้วย โดยรูปแบบมีทั้งที่เป็นร้านคาเฟ่จัดโซนสำหรับให้นั่งทำงานด้วย หรือแบบที่เป็น Co-working Space โดยเฉพาะ แบบที่ตั้งอยู่ในอาคารพาณิชย์ที่ได้ทำการรีโนเวทใหม่ อยู่ในคอนโดมิเนียม และที่ตั้งอยู่ใน Office Building ซึ่งจะมีพื้นที่ค่อนข้างมาก สามารถเช่าเป็นสำนักงานของ SMEs ได้เลย โดยข้อดีของการ เลือกเช่าออฟฟิศอยู่ใน Co-working Space คือความหยืดหยุ่นของพื้นที่ สามารถปรับเพิ่ม-ลดได้อยู่ตลอดตาม การขยายตัวของธุรกิจ รวมไปถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายที่สามารถควบคุมได้ค่อนข้างคงที่ ราคาถูกกว่าใน Office Building ขนาดใหญ่ และช่วยเรื่องความสัมพันธ์ของพนักงานไปด้วย คือแทนที่จะแบ่งโซนแต่ละแผนกออกจากกันก็ สามารถปรับพื้นที่ให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น   ความโดดเด่นอย่างหนึ่งคือ ทำเลที่ตั้งของ Co-working Space นั้นมักจะเน้นการเดินทางได้อย่างสะดวกสบาย อยู่ในเมืองใกล้รถไฟฟ้า และยังสามารถเปลี่ยนที่นั่งทำงานได้ตามความสะดวกของแต่ละวันที่อาจแตกต่างกันไป และยังเป็นการเปลี่ยนบรรยากาศการทำงานให้ดูไม่ซ้ำซากจำเจอีกด้วย บางแห่งมีการจัด event จัด workshop เพิ่มทักษะให้กับผู้ที่สนใจทั่วไปได้มีโอกาศเข้ามาเรียนรู้ร่วมกัน และเมื่อเราทำงานในพื้นที่เปิดเช่นนี้ก็จะมีโอกาส ได้รู้จักเพื่อนใหม่ ได้แลกเปลี่ยนมุมมองการทำงานซึ่งกันและกันจากคนที่ทำฟรีแลนซ์ ในสายงานเดียวกัน หรือสายใกล้เคียงกันจนเกิดเป็นสังคมของฟรีแลนซ์ขนาดย่อมขึ้นได้ แต่ถึงจะเป็นพื้นที่เปิดโล่งแบบไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ ก็ใช่ว่าทุกคนจะต้องชอบพื้นที่ลักษณะนี้ใช่ไหมคะ เพราะการทำงานในความเงียบสงบ เป็นส่วนตัวยังคงเป็นที่ต้องการ สำหรับบางคนที่ต้องการสมาธิในการทำงานมากๆ อยู่     Home Office ทุกวันนี้มีโครงการที่สร้างมาเพื่อให้ทำโฮมออฟฟิศเกิดขึ้นมากมายหลายแบรนด์ หลายทำเล โดยจะมีลักษณะคล้ายกัน คือเป็นอาคารสูงประมาณ 3 ชั้นขึ้นไป ผนังกับหลังคาแต่ละยูนิตติดกันคล้ายกับทาวน์โฮม แต่จะได้พื้นที่ใช้สอยมากกว่า ดีไซน์ทันสมัย ฟังก์ชั่นภายในเอื้อต่อการออกแบบสร้างสรรค์พื้นที่ได้ตามต้องการ ไม่เน้นส่วนกลางที่สวยงามมาก แต่จะเน้นให้มีพื้นที่จอดรถมากขึ้นทั้งสำหรับพนักงานเอง และสำหรับผู้ที่มาติดต่อ กับบริษัท มีระบบรักษาความปลอดภัยเช่นเดียวกันกับโครงการที่อยู่อาศัยแนวราบทั่วไป ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า Office Building และบางโครงการก็มีโปรโมชั่นมากมายออกมาชวนให้จับจอง เช่น การผ่อนงวดราคาถูกกว่าไปเช่า พื้นที่สำนักงานแต่ละเดือนอยู่หลายหมื่นบาท เป็นต้น   บรรยากาศภายใน Home Office เหมือนนั่งทำงานอยู่ในบ้านของตัวเอง ซึ่งส่วนใหญ่แล้วบริษัทที่ใช้โฮมออฟฟิศ เป็นที่ตั้งสำนักงานนั้นมักจะไม่เคร่งครัดเรื่องการแต่งตัวมากนัก ไม่ต้องใส่กางเกงสแล็ค เสื้อเชิ้ต หรือกระโปรง รองเท้าคัทชู แต่จะใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์มาทำงานก็ไม่มีกฎห้าม บางออฟฟิศก็จะมีมุมที่เป็นเหมือนห้องนั่งเล่น มีโซฟา ทีวีเอาไว้พักผ่อน มีห้องครัว โต๊ะทานอาหาร ให้ได้ทำอาหารเบาๆ กันเองในออฟฟิศ บางแห่งอนุญาตให้เลี้ยงสัตว์ได้ โดยสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดก็เพื่อลดความเครียดจากงาน สร้างบรรยากาศให้ปลอดโปร่ง เป็นวิธีเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน มากขึ้นอีกทางหนึ่ง หรือบางแห่งก็ปรับให้ชั้นบนสุดเป็นพื้นที่ส่วนตัว มีทั้งห้องนั่งเล่น ห้องนอนของเจ้าของ SMEs ไปเลยก็ได้ ซึ่งตรงนี้สามารถลดภาระของเจ้าของธุรกิจลงได้โดยทำออฟฟิศให้เป็นบ้านของตัวเองไปด้วยเสียเลย ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าส่วนกลางก็ถูกกว่า Office Building   แม้โครงการส่วนใหญ่จะมีข้อเสียอยู่บ้างในเรื่องของทำเล เพราะด้วยความที่เป็นอสังหาฯ แนวราบก็ย่อมจะต้องใช้ที่ดิน มากกว่าอาคารสูงที่อยู่ใจกลางเมือง แม้ว่าหลายโครงการมักจะอยู่ใกล้กับทางด่วน ทำให้สะดวกต่อพนักงาน ที่ขับรถมาทำงาน แต่จะอยู่ไกลจากระบบขนส่งสาธารณะโดยเฉพาะรถไฟฟ้าในปัจจุบัน รวมถึงเรื่องภาระหนี้สิน ของบริษัทที่จะมีมากกว่าการเช่า ทั้งราคาเบ็ดเสร็จของตัว Home Office รวมค่าตกแต่งภายในเพิ่มเติม ราคาอุปกรณ์สำนักงานต่างๆ ที่มักจะบานปลาย แถมยังมีค่าเสื่อมสภาพตามมาในอนาคตอีกด้วย   สุดท้ายแล้วตัวเลือกทั้งสองนี้มีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกัน แต่ที่สำคัญก็ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการ ให้เหมาะสมกับแต่ละองค์กรมากที่สุด               *ข้อมูลอ้างอิงจาก http://www.rd.go.th/publish/38056.0.html        
Nirvana @Work ลาดพร้าว-เกษตรนวมินทร์ : รีวิวทาวน์โฮม

Nirvana @Work ลาดพร้าว-เกษตรนวมินทร์ : รีวิวทาวน์โฮม

Nirvana @Work ลาดพร้าว-เกษตรนวมินทร์ โฮมออฟฟิศ 4.5 ชั้น สไตล์ Loft ทำเลติดถนนเกษตร-นวมินทร์ ตอบโจทย์การใช้งานได้เต็มที่ทุกตารางเมตร โครงการใหม่ล่าสุด Nirvana Development     รายละเอียดโครงการ   ราคาเริ่มต้น     รอข้อมูลจากโครงการ เจ้าของโครงการ     บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะโครงการ     โฮมออฟฟิศ 4.5 ชั้น จำนวน 48 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ    ถนนเกษตร-นวมินทร์ แขวงนวมินทร์ เขตบึ่งกุ่ม กรุงเทพฯ   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   โรงเรียนอนุบาลเลิศหล้า บุญถาวร ตลาดนัดรถไฟ เกษตร-นวมินทร์ The Walk เกษตร-นวมินทร์ The Crystal CDC Central East Ville Tesco Lotus Fashion Island แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย Type A  Loft Office 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร พื้นที่ใช้สอย 452 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ Type B  Loft Office 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร พื้นที่ใช้สอย 363 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ แบบบ้าน Type A Loft Office 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร พื้นที่ใช้สอย 452 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ แบบบ้าน Type B Loft Office 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร พื้นที่ใช้สอย 363 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ สิ่งอำนวยความสะดวก Securities 24 Hrs. CCTV Key Card Access Pocket garden between block plot Public Parking 43 Slots สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  1787 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.nirvana-group.com/th/project/at-work-ladprao-kaset-nawamin
Nirvana @Work Ramintra : รีวิวทาวน์โฮม

Nirvana @Work Ramintra : รีวิวทาวน์โฮม

Nirvana @Work Ramintra โฮมออฟฟิศ 4.5 ชั้น สไตล์ Loft ติดถนนรามอินทรา กม.2 ใกล้เซ็นทรัล รามอินทรา จํานวนเพียง 61 ยูนิต โครงการใหม่ล่าสุดจาก Nirvana Development รายละเอียดโครงการ   ราคาเริ่มต้น     15,900,000 บาท เจ้าของโครงการ     บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะโครงการ     โฮมออฟฟิศ 4.5 ชั้น จำนวน 61 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด     9 - 0 - 31.9 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนรามอินทรา แขวงอนุเสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพฯ สถานที่สำคัญใกล้เคียง   เซ็นทรัล รามอินทรา สนามกอล์ฟกองทัพบก มหาวิทยาลัยเกริก เทสโก้ โลตัส หลักสี่ วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร The Jas ลาดปลาเค้า แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย   Type A  Loft Office 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 8 เมตร พื้นที่ใช้สอย 452 ตารางเมตร 2 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 ที่จอดรถ Type B  Loft Office 4.5 ชั้น หน้ากว้าง 6 เมตร พื้นที่ใช้สอย 363 ตารางเมตร 1 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 2 ที่จอดรถ สิ่งอำนวยความสะดวก กล้อง CCTV รอบโครงการ เข้า-ออกด้วยระบบ Key Card ระบบรักษาความปลอดภัยและ CCTV 24 ชม. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  1787 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.nirvana-group.com/projects/atwork-ramintra/
District เอกมัย-รามอินทรา บ้านใหม่สไตล์โฮมออฟฟิศ เพื่อชีวิตที่ลงตัว : รีวิวทาวน์โฮม

District เอกมัย-รามอินทรา บ้านใหม่สไตล์โฮมออฟฟิศ เพื่อชีวิตที่ลงตัว : รีวิวทาวน์โฮม

จากที่ก่อนหน้านี้เราได้ไปสำรวจดูทำเลในย่านนวลจันทร์กันไปแล้ว รีวิวฉบับนี้เราจะเข้าไปดูที่ตัวโครงการ “District เอกมัย-รามอินทรา” กันบ้างครับ โครงการนี้เป็นที่อยู่อาศัยกึ่งบ้านกึ่งสำนักงาน หรือที่เรียกกันติดปากว่า Home Office นั่นแหละครับ ซึ่งเป็นโครงการล่าสุดจาก AP Property แถมยังเป็นรูปแบบดีไซน์ใหม่ล่าสุดภายใต้คอนเซปต์ Modern Luxury ที่จะสะท้อนความเป็นตัวตนอย่างมีสไตล์ เพื่อให้มุมมองธุรกิจและชีวิตส่วนตัวสอดคล้องไปได้อย่างกลมกลืน รายละเอียดจะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลยครับ       รายละเอียดโครงการ   ราคาเริ่มต้น     15,900,000 บาท เจ้าของโครงการ     บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ     โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น และ 4 ชั้น จำนวน 36 หลัง เนื้อที่ทั้งหมด    6 - 0 - 9.6 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยรามอินทรา 40 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ   ศักยภาพของที่ตั้งโครงการ   ถ้าพูดถึงย่าน “นวลจันทร์” ในปัจจุบัน จะเห็นว่าไม่ใช่พื้นที่ห่างไกลที่จะใช้คำว่าชานเมืองแบบเมื่อก่อนได้อีกแล้วนะครับ เพราะความเจริญต่างๆ ก็ขยายตัวมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเห็นได้อย่างชัดเจนในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา ทั้งการเดินทาง การกินอยู่ รวมถึงศักยภาพของทำเลในย่านนี้ก็ดีขึ้นเรื่อยๆ จึงทำให้ย่านนี้มีความเป็นเมืองที่พร้อมในการรองรับการทำธุรกิจ หรือเปิดกิจการมากขึ้นเรื่อยๆ ครับ   ในเรื่องของรายละเอียดเกี่ยวกับ Life Style ความน่าสนใจของทำเลที่ทำให้โครงการ District เลือกปักหมุดในย่านนี้ สามารถตามไปอ่านตัวรีวิวทำเลอย่างละเอียดได้ที่นี่ครับ "สำรวจทำเล โฮมออฟฟิศ โครงการใหม่ล่าสุด ย่านเอกมัย-รามอินทรา เพื่อชีวิตและธุรกิจที่ลงตัว"   ตำแหน่งที่ตั้งของโครงการ District เอกมัย-รามอินทรา ต้องบอกว่า เด่นในเรื่องของการเดินทางมากนะครับ ข้อแรกซอยรามอินทรา 40 ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ เชื่อมต่อกับถนนนวลจันทร์ ที่สามารถทะลุไปออกถนนเกษตรนวมินทร์ได้ แถมห่างออกไปเพียงแค่ 1 นาที ก็มีจุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และถนนสายสำคัญของย่านนี้อย่าง ถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือที่เรียกติดปากกันว่าถนนเลียบด่วนฯ ก็เป็นถนนสายหลักที่เชื่อมถนนสำคัญอีกหลายๆ สาย เข้าไว้ด้วยกันตั้งแต่หัวจรดท้ายถนน ดังนั้นไม่ว่าจะต้องการเดินทางไปยังมุมไหนของกรุงเทพก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร   เส้นทางเข้าออกโครงการหลักๆ ก็คือทางด้านถนนนวลจันทร์ พอเลี้ยวจากถนนประดิษฐ์มนูธรรมเข้ามาเล็กน้อย ก็จะเห็นป้ายซอยรามอินทรา 40 อยู่ทางซ้ายมือ เลี้ยวเข้ามาอีกไม่เกิน 200 เมตร จะเห็นโครงการอยู่ขวามือ หรือถ้าเลือกเดินทางมาจากถนนรามอินทรา ก็ให้สังเกตุป้ายซอยรามอินทรา 40 เอาไว้ให้ดี เลี้ยวเข้าซอยมาประมาณ 1.5 กม. ก็ถึงโครงการแล้วครับ การเดินทางวันนี้เราเริ่มจากถนนเกษร-นวมินทร์ กันเลยนะครับ เราตรงตามถนนเกษตร-นวมินทร์ มาเรื่อยๆ จะถึงแยกที่ตัดกับถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ให้เลี้ยวซ้ายตามป้ายถนนรามอินทราไปเลยนะครับ เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเลียบทางด่วน จากนั้นขับตรงต่อไปอีกเรื่อยๆ นะครับ ถึงตรงนี้จะตัดกับถนนรามอินทรา ฝั่งขวาจะเป็นสะพานข้ามถนนรามอินทรา เราชิดซ้ายไว้ไม่ต้องขึ้นสะพานนะครับ เดี๋ยวเราไปตรงไปกลับรถใต้สะพาน กลับรถใต้สะพานตรงนี้เลยนะครับ กลับรถมาแล้ว เราตรงกลับไปตามถนนเลียบทางด่วนเหมือนเดิม ตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นตลาดนัดเลียบทางด่วน อยู่ทางซ้ายมือ เลยมาอีกนิดหน่อยก็จะถึงถนนนวลจันทร์ สังเกตป้ายบอกทาง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนนวลจันทร์ไปเลยครับ เข้าถนนนวลจันทร์มาแล้วก็ตรงไปอีกนะครับ ตรงเข้ามานิดเดียวจะเจอสามแยก เลี้ยวซ้ายไปออกถนนรามอินทราตามป้าย เดี๋ยวเราเลี้ยวซ้ายที่สามแยกนี้เลยนะครับ เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรามอินทรา 40 มีป้ายโฆษณาของโครงการติดบอกทางอยู่ที่ปากซอยด้วย จากนั้นตรงเข้าไปในซอยรามอินทรา 40 อีกนิดเดียวก็ถึงโครงการแล้วหล่ะครับ ถึงแล้วครับที่ตั้งโครงการ District เอกมัย-รามอินทรา อยู่ฝั่งขวามือ ทางเข้าโครงการ   แต่ในอนาคตการเดินทางมายังโครงการจะสะดวกกว่านี้อีก ด้วยรถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ที่คาดว่าจะมีสถานีใกล้กับปากซอยรามอินทรา 40 เลยทีเดียว ถ้าหากอนุมัติการก่อสร้างเมื่อไหร่ ก็เชื่อได้ว่าความเจริญต่างๆ จะยิ่งแผ่ขยายมาเร็วกว่านี้อีกแน่นอน   Home Office รูปแบบใหม่ ดีไซน์ทันสมัย   Home Office ของ District เอกมัย-รามอินทรา มีให้เลือกด้วยกัน 2 แบบด้วยกัน คือ Home Office 4 ชั้น ที่มาพร้อมกับพื้นที่ใช้สอยประมาณ 360 ตร.ม. และ Home Office 3.5 ชั้น กับพื้นที่ใช้สอยประมาณ 173 ตร.ม. ซึ่งแบบบ้านที่เราจะพาไปดูกันก็คือ Home Office 4 ชั้นครับ   รูปร่างหน้าตาภายนอกอาคารถูกออกแบบมาเป็นคู่ หรือที่เรียกว่าบ้านแฝดนั่นแหละครับ ดูหรูหราทันสมัย ตามคอนเซปต์ Modern Luxury เลย หน้าบ้านกว้างถึง 8 เมตร สามารถจอดรถได้มากถึง 6 คันเลยทีเดียว ตัวอาคารเน้นใช้กระจกบานใหญ่ เพื่อให้ดูโปร่งสบายตา ไม่อึดอัด แล้วก็ช่วยให้รับแสงภายนอกได้ดีขึ้น ซึ่งภายในบ้านตัวอย่างก็มีการตกแต่งพื้นที่ใช้สอยในส่วนต่างๆ ไว้อย่างน่าสนใจทีเดียวครับ   ทางโครงการลองตกแต่ง Home Office หลังนี้ให้เป็นห้องเสื้อหรูสำหรับสาวๆ โดยพื้นที่ชั้นล่างหน้าร้านจัดเป็นรับรองลูกค้า และมุมโชว์สินค้า ตกแต่งด้วยพื้นเล่นระดับในโทนสีขาวสบายตา ในขณะที่ชั้น 2 เป็นโถงขนาดใหญ่เพื่อโชว์เสื้อผ้าสวยๆ ได้มากขึ้น มีห้องลองเสื้อ วางโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ไว้ด้วย นับว่าเป็นไอเดียในการตกแต่งไม่เลวเลยครับ ดูเรียบๆ แต่แฝงไว้ด้วยความโก้หรู หน้าทางเข้าเป็นประตูกระจกบานเลื่อน ด้านหน้าโครงการตกแต่งเป็นเคาน์เตอร์ Reception ด้านขวามมือเป็นพื้นที่ว่างสามารถจัดเป็นพื้นที่รับรองลูกค้า หรือโชว์สินค้าก็ได้ครับ เดี๋ยวเราเดินเข้าไปดูด้านในกันต่อ ห้องแรกจะเป็นห้องน้ำ อยู่ทางด้านขวามือ ห้องน้ำที่ชั้น 1 จะเป็นห้องน้ำหรับลูกค้าที่มาติดต่องานจึงมีเพียงอ่างล้างหน้ากับโถสุขภัณฑ์ อ่างล้างหน้าทรงกลม พร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว โถสุขภัณฑ์วางอยู่ใกล้ๆ กัน ถัดจากห้องน้ำเป็นห้องครัวแอบอยู่ด้านในสุด พื้นที่บริเวณห้องครัวถือว่ากว้างขวางเลยนะครับ ตรงข้ามห้องครัวเป็นบันไดขึ้นชั้น 2 สังเกตว่าจะมีห้องใต้บันไดไว้สำหรับทำเป็นห้องเก็บของได้ด้วย ขึ้นมาถึงชั้น 2 ตรงกับบันไดมีห้องน้ำอีก 1 ห้อง ห้องน้ำบนชั้น 2 จะคล้ายๆ กับที่ชั้น 1 ขึ้นมาบนชั้น 2 โครงการยังตกแต่งเป็นพื้นที่สำหรับโชว์สินค้า และมีพื้นที่สำหรับพบปะลูกค้า ที่มีความเป็นส่วนตัวมากกว่าชั้น 1 บันไดขึ้นไปที่ชั้น 3 พอขึ้นมาที่ชั้น 3 ทางโครงการตกแต่งให้เป็นออฟฟิศ จัดห้องทำงานให้ดูโล่งๆ เพื่อให้ทุกคนสามารถแชร์ไอเดียงานกันได้สะดวก นอกจากนี้ยังเพิ่มมุมหนังสือ และ Pantry ครัวเล็กๆ เอาไว้เตรียมเครื่องดื่มและของว่าง ช่วยเพิ่มบรรยากาศในการทำงานให้ไม่น่าเบื่อ และมีอิสระทางความคิดมากขึ้นด้วย ขึ้นมาถึงชั้น 3 จะเริ่มเป็นโซนออฟฟิศแล้วนะครับ ตรงกับบันไดโครงการทำเป็น Pantry เล็กๆ สำหรับพนักงานในออฟฟิศ ด้านหลัง Pantry จะเป็นห้องน้ำอีก 1 ห้อง การจัดวางและสุขภัณฑ์ที่ใช้จะคล้ายๆ กับห้องน้ำที่เราดูมาแล้วนะครับ แต่ห้องนี้จะมีพื้นที่สำหรับอาบน้ำมาให้ด้วย พื้นที่บนชั้น 3 โครงการตกแต่งเป็นโซนออฟฟิศสำหรับนั่งทำงาน ด้านขวามือตกแต่งเป็นที่นั่งสำหรับผู้บริหาร มีฉากบางๆ กั้น เนื่องจากเป็นออฟฟิศแฟชั่น การตกแต่งการจึงดูออกแนวแฟชั่นอย่างที่เห็น ฝั่งตรงข้ามเป็นพื้นที่สำหรับพนักงาน โครงการวางโต๊ะแนวยาวจัดเป็นโต๊ะทำงาน ได้หลายที่เลยนะครับ ประหยัดพื้นที่ไปอีกแบบ ขึ้นมาถึงชั้นบนสุด จะเป็นพื้นที่อยู่อาศัย พ้นบันไดมาก็จะเป็นห้องนั่งเล่นเลย พื้นที่ติดกันจะเป็นครัวเล็กๆ สำหรับทำอาหาร อาจจะไม่ได้เป็นครัวจริงจังมาก แต่ก็พร้อมใช้งานเลยนะครับ มีหน้าต่างระบายอาหารเรียบร้อย ในขณะที่พื้นที่อีกโซนจะแบ่งออกเป็น 2 ห้องนอน คือ Master Bedroom มีห้องน้ำในตัวอยู่ในโซนหน้าบ้าน และห้องนอนเล็กอยู่โซนกลางของชั้น จริงๆ ห้องนอนเล็กนี้สามารถดัดแปลงไปใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้อีกเยอะนะครับ ถ้าสมาชิกในครอบครัวมีไม่เยอะ จะจัดให้เป็นห้องทำงานเล็กๆ ห้องเก็บของ หรือห้องอเนกประสงค์อีกล้านไอเดียเลย ขึ้นมาที่ชั้น 4 จะเป็นชั้นสำหรับพักอาศัย ตรงหน้าบันไดโครงการตกแต่งเป็นส่วนครัวไว้ให้ดูเป็นไอเดีย Built in เป็นเคาน์เตอร์แนวยาว มี Island เล็กๆ เป็นที่นั่งรับประทานอาหาร ฝั่งตรงข้ามเป็น Living Area พื้นที่บริเวณ Living Area สามารถวางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้ ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีอยู่ในระยะที่ถือว่าไม่ใกล้เกินไป มุมมองจาก Living Area ไปที่ส่วนครัว จะเห็นทางออกไปบันไดหนีไฟอยู่ทางซ้ายมือ จาก Living Area จะเป็นทางเดินเข้าไปด้านใน ห้องแรกด้านขวามือจะเป็นห้องนอนเล็ก โครงการวางเตียงขนาด 3 ฟุตมาให้ดูเป็นไอเดีย อีกด้านโครงการ Built in เป็นตู้เสื้อผ้าบานสูงถึงเพดาน ฝั่งตรงข้ามห้องนอนเล็กจะเป็นห้องน้ำ พร้อมพื้นที่อาบน้ำ ไม่มีฉากกั้นให้นะครับ แต่จะดรอปพื้นลงไปเล็กน้อย ตรงเข้ามาด้านในสุดจะเป็นห้องนอน Master โครงการวางเตียงขนาด 6 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ปลายเตียง Built in เป็นกระจกกั้น พร้อมติดทีวีแบบแขวน เดี๋ยวไปดูที่ห้องน้ำกันต่อ หน้าทางเข้าห้องน้ำโครงการจะ Built in ตู้เสื้อเป็นแบบ Walk in Closet ตู้เสื้อผ้าอยู่ที่หน้าห้องน้ำ ที่โครงการ Built in ไว้ให้ดูเป็นไอเดีย มาถึงห้องน้ำกันบ้าง ห้องน้ำในห้องนอน Master จะใช้สุขภัณฑ์ต่างจากห้องน้ำที่เราดูมาแล้วทั้งหมดนะครับ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมกับกระจกเงา ฝั่งตรงข้ามเป็น Shower Box มีฉากกั้นมาให้เรียบร้อย อย่างที่บอกไปแล้วนะครับว่าตัวอาคารเน้นใช้กระจกเพื่อช่วยในการรับแสง พื้นที่แทบจะทุกส่วนของบ้านสามารถเปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ไม่เว้นแม้แต่โถงบันได ซึ่งจะมีหน้าต่างกระจกใหญ่ ทำให้ทางเดินบริเวณบันไดดูโล่งสบายตามากขึ้น และด้วยความที่ตัวอาคารถูกใช้งานให้เป็นออฟฟิศด้วย เรื่องความปลอดภัยก็สำคัญไม่แพ้กัน ทางโครงการออกแบบให้มีบันไดหนีไฟอยู่ทางด้านหลังอาคาร และมีประตูทางออกในทุกๆ ชั้น ช่องแสงที่โถงบันได บันไดหนีไฟบนชั้น 2 จะสังเกตเห็นทางด้านซ้ายมือ บันไดหนีไฟบริเวณครัวบนชั้น 4 และสุดท้ายก็คือเรื่องของ Facility ต่างๆ ภายในโครงการ ซึ่งทางโครงการก็จัดไว้ให้ค่อนข้างครบเลยครับ ทั้งสโมสร ฟิตเนส สวนสาธารณะ รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง และกล้อง CCTV รอบโครงการ เพื่อความสะดวกสบาย และความอุ่นใจของลูกบ้านทางโครงการก็ไม่ลืมให้ความใส่ใจทุกจุดอย่างเต็มที่นะครับ District เอกมัย-รามอินทรา สามารถตอบโจทย์คนที่กำลังมองหาบ้านแบบ Home Office ที่อยู่ในย่านที่เดินทางสะดวก แวดล้อมไปด้วยสาธารณูปโภคครบครัน และเอื้อประโยชน์ทั้งในแง่ของการประกอบกิจการธุรกิจต่างๆ พร้อมทั้งไม่ทิ้ง Life Style แบบคนเมืองที่สามารถออกไปพบปะลูกค้า หรือสังสรรค์หลังเลิกงานได้สบายๆ ในขณะเดียวกันพื้นที่ภายในบ้านก็กว้างมากพอให้สามารถปรับฟังก์ชั่นการใช้สอยได้ตามลักษณะธุรกิจ เติมเต็มทุกจินตนาการ ต่อยอดกิจการใหม่ได้อย่างไม่สิ้นสุด และยังมีพื้นที่อยู่อาศัยสบายๆ ที่คุณจะพบจังหวะใหม่ในการทำงานที่สอดคล้องไปกับชีวิตส่วนตัวได้อย่างกลมกลืนเลยทีเดียว
สำรวจทำเล โฮมออฟฟิศ โครงการใหม่ล่าสุด ย่านเอกมัย-รามอินทรา เพื่อชีวิตและธุรกิจที่ลงตัว : รีวิวทาวน์โฮม

สำรวจทำเล โฮมออฟฟิศ โครงการใหม่ล่าสุด ย่านเอกมัย-รามอินทรา เพื่อชีวิตและธุรกิจที่ลงตัว : รีวิวทาวน์โฮม

รีวิวฉบับนี้ เรากำลังพูดถึง District เอกมัย-รามอินทรา โครงการ Home Office สุดหรูย่านเอกมัย-รามอินทรา หนึ่งในทำเลที่แวดล้อมด้วยสังคมเมืองของคนรุ่นใหม่ที่น่าจับตาในเวลานี้ เพื่อให้ทุกคนเห็นสภาพแวดล้อมของสังคมที่ดีและคุณภาพชีวิตอันสะดวกสบาย ไปจนถึงละแวกโดยรอบที่เอื้ออำนวยต่อการอยู่อาศัยและทำธุรกิจในเวลาเดียวกัน เราจะมาพูดถึงความพิเศษที่ District เลือกปักหมุดทำเลในย่านนี้กันครับ Lifestyle สุดชิค ชีวิตแบบคนเมือง เริ่มตั้งแต่ตัวโครงการ District ที่เป็น Home Office ดีไซนต์ทันสมัยภายใต้คอนเซปต์ Modern Luxury เพื่อตอบโจทย์รูปแบบชีวิตที่ลงตัวของคนรุ่นใหม่ เพื่อให้จังหวะชีวิตและมุมมองธุรกิจเป็นหนึ่งเดียวกัน พร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการเพื่อการอยู่อาศัยที่ครบถ้วนสมบูรณ์ รวมถึงบริเวณโดยรอบของ District เอกมัย-รามอินทรา ก็แวดล้อมไปด้วย Community Place และบรรดาห้างสรรพสินค้าชั้นนำที่ขับรถไปได้ในเวลาไม่กี่นาที ตอบโจทย์การใช้ชีวิตตลอด 24 ชั่วโมง ด้วย Supermarket และ Grocery Store ชั้นนำที่เปิดให้บริการทั้งวันทั้งคืนอย่าง Foodland และ Max Value รวมถึง Tops Supermarket และ Tops Food Market ให้คนรักการทำอาหารได้จับจ่ายของเข้าครัว หรือจับจ่ายของอุปโภคบริโภคนำเข้าจากต่างประเทศ ทีนี้ไม่ว่าจะต้องทำงานอยู่ดึกแค่ไหนก็หายห่วง หรือว่าอยากเปลี่ยนบรรยากาศนั่งชิลร้านกาแฟ คาเฟ่เก๋ๆ ในละแวกนี้ก็มีให้เลือกเพียบ ทั้งใน Community Mall ชื่อดังประจำย่านอย่าง Crystal Design Center (CDC) และ The Crystal Park ที่มีคาเฟ่น่านั่งอยู่มากมาย ในขณะที่ห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ ชั้นนำก็ตั้งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล ที่ทันสมัยและชิคสุดในเวลานี้ต้องยกให้ Central Festival East Ville ห้างใหม่เลียบทางด่วนรามอินทราที่ดึงดูดทุกไลฟ์สไตล์ไว้อย่างไม่ตกเทรน หรือจะขยับไปอีกนิด ก็ยังมี Central Plaza Ladprao ที่คุ้นเคยไว้ให้อุ่นใจอีกแห่ง เรื่องชิคเรื่องช๊อปยังไม่หยุดอยู่แค่นี้ แหล่งช็อปสุดแนวทั้งตลาดนัดเลียบด่วน และตลาดนัดหัวมุม ก็เป็นอีกตัวเลือกบนถนนเลียบทางด่วนรามอินทราสำหรับวันสบายๆ ที่อยากอัพเดทเทรนวัยรุ่น หรือหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ เพื่อต่อยอดธุรกิจก็น่าสนใจไม่แพ้กัน Varity of Foods นานาร้านอาหารชื่อดัง ที่เลือกกินได้แบบไม่ซ้ำ บอกแล้วว่าใกล้ๆ กับโครงการ District เอกมัย​-รามอินทรานี่มีของดีเพียบ รอบโครงการก็เต็มไปด้วยร้านอาหารนานาชนิด อร่อยง่ายๆ ตลอดทั้งซอยรามอินทรา 40 และถนนนวลจันทร์ แต่ถ้าชีวิตคนเมืองต้องป๊อป ต้องชิค ร้านเด่นร้านดังก็มีให้เลือก Hangout ได้ไม่เว้นวัน ไม่ว่าจะเป็นนัดกินมื้อกลางวันแบบคลูๆ ที่ On The Table, Zen, กัลปพฤกษ์ หรือร้านก๋วยเตี๋ยวแม่ศรีเรือน ก็ไม่เลวสำหรับวันทำงาน ส่วนค่ำๆ ขอเลยเถิดอีกนิด จิบเครื่องดื่มเย็นๆ ที่ Est.33, Wine Connection, Wine I Love You ที่ CDC ก็รวบรวมไว้ครบในที่เดียว แต่ถ้ายังไม่พอ ขับรถต่อไปอีกหน่อยก็ถึง เอกมัย-ทองหล่อ ย่านปาร์ตี้แถวหน้าที่ไม่มีใครไม่รู้จัก แค่ใช้เส้นทางถนนหลักเลียบทางด่วนรามอินทราไปแค่นี้ก็สะดวกสุดๆ แล้ว เชื่อมต่อทุกการเดินทาง เข้าสู่ใจกลางเมืองได้ง่ายยิ่งกว่าใคร ประเด็นสำคัญในการเลือกซื้อบ้าน หรือหาที่ตั้งออฟฟิศก็คือ เรื่องของการเดินทาง แน่นอนว่า District เอกมัย-รามอินทรา อยู่ในทำเลที่ตอบโจทย์การเดินทางครบทุกข้อ เริ่มตั้งแต่ตำแหน่งของโครงการที่ใกล้ถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ มีด่านขึ้นลงอยู่ไม่ไกล เข้าซอยมาไม่ลึกก็เจอเลย สังเกตุเห็นได้ไม่ยากครับ ซึ่งเป็นเรื่องดีสำหรับการเปิดกิจการ อีกทั้งยังสามารถเข้าออกได้หลายทางอีกด้วย เช่น จากถนนรามอินทรา ก็ให้เข้ามาทางซอยรามอินทรา 40 หรือถ้ามาจากทางถนนเลียบทางด่วน ก็ให้เลี้ยวเข้าถนนนวลจันทร์ เข้ามานิดเดียวก็เห็นป้ายซอยรามอินทรา 40 เลี้ยวซ้ายมาอีกหน่อยก็ถึงโครงการแล้วครับ แค่เส้นทางหลักๆ สองอันนี้ก็อธิบายให้ใครต่อใครเข้าใจได้ง่ายแบบสุดๆ ข้อดีของทำเลบนถนนนวลจันทร์นี้ยังมีอีกเยอะทีเดียว เพราะถึงแม้จะเป็นถนนสายรอง แต่ก็เชื่อมต่อไปยังถนนหลายๆ เส้น ทั้งถนนเกษตร-นวมินทร์ ถนนประเสิรฐมนูกิจ ถนนพหลโยธิน ถนนลาดพร้าว ถนนวิภาวดี หรือไปถึงย่านสุขุมวิท เอกมัย-ทองหล่อก็ง่าย มีซอยให้ลัดเลาะมากมาย แถมมีถนนวงแหวนอยู่ใกล้ๆ ให้ใช้อีก ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ไหน หรือต้องติดต่องาน นัดลูกค้าไว้ในย่านใดก็จัดว่าสะดวกมากๆ ตอบโจทย์ในแง่ของการเดินทางเพื่อการติดต่อธุรกิจที่ง่ายแบบนี้นี่เอง จึงไม่น่าแปลกใจที่ทำเลในย่านนี้จะมีโครงการที่เป็น Home Office ค่อนข้างเยอะ นอกจากนี้การเดินทางที่สะดวกที่สุดสำหรับคนเมืองอย่างรถไฟฟ้าก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินฝันนะครับ เพราะที่ตั้งของ District อยู่ในเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีชมพู ที่ยังไงๆ ในอนาคตก็ต้องได้ใช้อย่างแน่นอน พอรถไฟฟ้ามาถึง การเดินทางก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะทำธุรกิจอะไรก็คงประสบความสำเร็จได้ไม่ยาก จากแผนที่จะเห็นโครงการ District เอกมัย-รามอินทรา อยู่ในซอยรามอินทรา 40 ที่เชื่อมต่อระหว่างถนนรามอินทรากับถนนนวลจันทร์ที่แยกมาจากถนนประดิษฐ์มนูธรรม หรือที่เรียกกันติดปากว่าถนนเลียบทางด่วนรามอินทรา ซึ่งถือเป็นเส้นหลักในการเดินทางในย่านนี้ นอกจากนี้ยังอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้น-ลงทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์อีกด้วย ส่วนบรรยากาศในย่านนี้จะเต็มไปด้วย Home Office, ร้านค้า และร้านอาหารต่างๆ มากมายเลยนะครับ ไล่ตั้งแต่หน้าปากซอยนวลจันทร์ด้านถนนประดิษฐ์มนูธรรม เรื่อยเข้าไปถึงในซอยรามอินทรา 40 และยาวเข้าไปในถนนนวลจันทร์ก็จะเต็มไปด้วย Office Building, Home Office และร้านค้าต่างๆ พอรวมทุกศักยภาพของทำเลที่ District เอกมัย-รามอินทรา เลือกปักหมุดในตำแหน่งนี้แล้ว ก็ต้องบอกว่าโครงการนี้ถือเป็น Home Office ที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก ปัจจัยโดยรอบสามารถตอบโจทย์การทำงาน และไลฟ์สไตล์ที่มีสีสัน ให้คุณมีแรงบันดาลใจในการทำงาน รวมถึงมีจังหวะชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบรอบด้านทั้งครอบครัวและธุรกิจ ถ้าคุณกำลังมองหา Home Office ในฝัน เราเชื่อว่า District เอกมัย-รามอินทรา เป็นหนึ่งในโครงการที่ดีที่สุดโครงการหนึ่งที่สำหรับคุณ สำหรับโครงการ District เอกมัย-รามอินทรา จะเปิดจองครั้งแรกในวันที่ 25-26 มิถุนายนนี้ ในราคาเริ่มต้น 8.9 - 15.9 ล้านบาท ใครสนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่นี่เลยนะครับ www.apthai.com/โฮมออฟฟิศ/district/district-ekkamai-ramintra/
DISTRICT เอกมัย-รามอินทรา : รีวิวทาวน์โฮม

DISTRICT เอกมัย-รามอินทรา : รีวิวทาวน์โฮม

DISTRICT เอกมัย-รามอินทรา โฮมออฟฟิศรูปแบบใหม่ในซอยรามอินทรา 40 ด้วยการออกแบบภายใต้ Concept Modern Luxury ทั้งการออกแบบภายนอกและภายใน อำนวยความสะดวกด้วย Private Parking 2-6 คัน ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างสมบูรณ์แบบด้วยพื้นที่ส่วนกลาง สโมสร และ ฟิตเนสภายในโครงการ โครงการใหม่ล่าสุดจาก AP เปิดจอง 25-26 มิถุนายนนี้ ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิพิเศษได้ที่ www.apthai.com     รายละเอียดโครงการ   ราคาเริ่มต้น     8.99 - 15.90 ล้านบาท เจ้าของโครงการ     บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ     โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น และ 4 ชั้น จำนวน 36 หลัง เนื้อที่ทั้งหมด    6 - 0 - 9.6 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ซอยรามอินทรา 40 แขวงนวลจันทร์ เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   สนามกอล์ฟนวลจันทร์    450 M โรงเรียนเลิสหล้า     3.5 KM Cristal Park     4.2 KM โรงพยาบาลพญาไท นวมินทร์     4.7 KM CDC     5 KM Tesco Lotus     5 KM Home Pro     5 KM Central Festival     5 KM โรงเรียนสตรีวิทยา 2     5 KM Central Plaza     7 KM มหาวิทยาลัยเกษตร     8 KM มหาวิทยาลัยศรีปทุม     9 KM แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย   โฮมออฟฟิศ 4 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 360.95 ตร.ม. จำนวน 24 ยูนิต พื้นที่จอดรถส่วนตัว 6 คัน โฮมออฟฟิศ 3.5 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 172.80 ตร.ม. จำนวน 12 ยูนิต พื้นที่จอดรถส่วนตัว 2-3 คัน   สิ่งอำนวยความสะดวก   สโมสร พร้อมห้องฟิตเนส สวนสาธารณะ ป้อมยามรักษาความปลอดภัย กล้อง CCTV รอบโครงการ ระบบสายไฟฟ้าปักเสาพาดสาย ตามแบบมาตราฐานการไฟฟ้านครหลวง ระบบท่อเมนประปา ตามแบบมาตราฐานการประปานครหลวง ถนนคอนกรีตหลักกว้าง 9 เมตร   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :  1623 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : www.apthai.com