บริษัทที่ปรึกษาและบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ เจแอลแอล เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ประเทศไทยมีการซื้อขายเกิดขึ้นรวมมูลค่าทั้งสิ้นมากกว่า 10,700 ล้านบาท จากการซื้อขายโรงแรม 4 โรงในกรุงเทพฯ และ 1 โรงในพัทยา เทียบกับปี 2559 ที่มีการซื้อขายโรงแรมเกิดขึ้นทั้งปี รวมมูลค่าประมาณ 9,600 ล้านบาท นายไมค์ แบทเชเลอร์ หัวหน้าฝ่ายขายภาคพื้นเอเชีย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล กล่าวว่า “การซื้อขายที่มีมูลค่าสูงในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ นอกจากจะแสดงให้เห็นว่านักลงทุนยังคงมีความสนใจในการลงทุนซื้อโรงแรมในไทยสูงแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่มีต่อภาคการท่องเที่ยวของไทยในระยะยาวอีกด้วย” “ผู้ซื้อประกอบด้วยทั้งนักลงทุนไทยและนักลงทุนจากต่างชาติ โดยนักลงทุนต่างชาติรายล่าสุดที่ซื้อโรงแรมในไทยคือ โฮเทล เอทตี้วัน (Hotel81) และกลุ่มคาร์ลตัน โฮเทล ซึ่งเป็นทุนจากสิงคโปร์ทั้งสองราย ตอกย้ำสถานภาพของไทยในฐานะหนึ่งในจุดหมายการลงทุนด้านโรงแรมที่ได้รับความสนใจมากที่สุดในภูมิภาคนี้” นายแบทเชเลอร์กล่าว การลงทุนซื้อขายโรงแรมล่าสุดในครึ่งแรกปีนี้ คือการเข้าซื้อพอร์ตโรงแรมพรีเมียร์ อินน์ โดยโฮเทล เอทตี้วันจากสิงคโปร์ ประกอบด้วยโรงแรมสองโรงที่กรุงเทพฯ และพัทยา จำนวนห้องพักรวม 388 ห้อง ซึ่งนับเป็นก้าวแรกโฮเทล เอทตี้วันในการเข้ามาลงทุนในภาคธุรกิจโรงแรมของไทย ทั้งนี้ บริษัทได้มอบหมายให้ทราเวลลอดจ์ (Travelodge) เข้ามาเป็นผู้บริหารโรงแรมที่เพิ่งซื้อ นายจักรกริช จักรพันธุ์ ณ อยุธยา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล กล่าวว่า “การซื้อพอร์ตโรงแรมพรีเมียร์ อินน์ ครั้งนี้ นับเป็นครั้งแรกที่โฮเทล เอทตี้วัน ซึ่งมีโรงแรมในความครอบครองมากที่สุดในสิงคโปร์ ลงทุนซื้อโรงแรมในต่างประเทศ ส่วนผู้ขายคือกลุ่มวิทเบรด (Whitbread) ซึ่งมีโรงแรมในความครอบครองมากที่สุดในอังกฤษ โดยมีเจแอลแอลเป็นตัวแทนในการจัดการซื้อขายข้ามประเทศในครั้งนี้” ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา กลุ่มคาร์ลตัน โฮเทล จากสิงคโปร์ได้เข้าซื้อโครงการโรงแรมที่หยุดการก่อสร้างค้างไว้ในกรุงเทพฯ ด้วยมูลค่า 2,400 ล้านบาท โดยโครงการดังกล่าวตั้งอยู่หัวมุมปากซอยสุขุมวิท 27 ประกอบด้วยที่ดิน 2 ไร่ 2 งาน 34.3 ตารางวา และอาคารโรงแรมความสูง 34 ชั้นที่ยังสร้างไม่เสร็จ โดยเจแอลแอลทำหน้าที่เป็นตัวแทนเจ้าของเดิม คือ บริษัท กรุงเทพบริหาร จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัท พริ้นซิเพิล แคปิตอล จำกัด (มหาชน) ในการหาผู้ซื้อ ทั้งนี้ โรงแรมดังกล่าวซึ่งมีห้องพัก 342 ห้องจะมีการก่อสร้างต่อจนแล้วเสร็จในปี 2562 และคาดว่าจะใช้ชื่อคาร์ลตัน โฮเทล นายการัณย์ คานิเยาว ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายขาย หน่วยธุรกิจบริการการลงทุนด้านโรงแรม เจแอลแอล กล่าวว่า “การซื้อโครงการโรงแรมโดยกลุ่มคาร์ลตัน โฮเทล นับเป็นการลงทุนซื้อโรงแรมรายการใหญ่ที่สุดบนถนนสุขุมวิท และนับเป็นราคาสูงสุดเท่าที่เคยมีการซื้อขายเกิดขึ้น หากคิดมูลค่าราคาต่อห้องพักหลังก่อสร้างต่อจนเสร็จ” ส่วนอีกสองโรงแรมที่มีการเปลี่ยนมือในช่วงครึ่งแรกของปีนี้ ได้แก่ โรงแรมบางกอกเอดิชั่น บูติค โฮเต็ล และโรงแรมสวิสโซเทล นายเลิศปาร์ค ซึ่งกรณีของโรงแรมสวิสโซเทล นายเลิศปาร์ค แม้จะมีการเปิดเผยการซื้อขายในปี 2559 แต่ธุรกรรมการซื้อขายได้รับการดำเนินการเสร็จสิ้นในปีนี้ เจแอลแอล คาดว่า การลงทุนซื้อขายโรงแรมในไทยสำหรับทั้งปีนี้ จะมีมูลค่ารวมทั้งสิ้นมากกว่า 14,000 ล้านบาท ส่วนในปี 2559 ที่ผ่านมา มีการซื้อขายโรงแรมในไทยทั้งหมดมากกว่า 10 โรงในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ๆ รวมมูลค่าทั้งสิ้น 9,600 ล้านบาท โดยในจำนวนนี้ เป็นโรงแรมที่เจแอลแอลเป็นตัวแทนการขายจำนวน 5 โรงในกรุงเทพฯ ภูเก็ต สมุย ศรีราชา และเชียงราย