หากพูดถึงย่านเศรษฐกิจในบ้านเราที่มีความเจริญรุดหน้าด้วยโครงสร้างพื้นฐานที่ดี ขณะเดียวกันก็เพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ก็คงจะหนีไม่พ้น CBD เดิมอย่างสีลม-สาทร และ New CBD ที่พระราม 9 แต่นับจากนี้ต่อไปในอนาคตอีกเพียง 4-5 ปี เริ่มมีหลายคนพูดถึงกันแล้ว นั่นคือบริเวณกรุงเทพฯ โซนเหนืออย่างบางซื่อ-พหลโยธินช่วงห้าแยกลาดพร้าวไปจนถึงช่วงสะพานใหม่ ซึ่งทุกวันนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็วจนเป็นที่น่าจับตามองว่าจะกลายเป็น New CBD ต่อไปถัดจากพระราม 9 ถนนพหลโยธิน (ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1) เป็นถนนสายสำคัญสายหนึ่งในประเทศไทยก็ว่าได้ เพราะมีจุดเริ่มต้นจากอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นกม. ที่ 0 ยาวขึ้นไปทางภาคเหนือจรดด่านชายแดนไทย-พม่าที่ อ.แม่สาย จ.เชียงราย รวมระยะทางแล้วก็เกือบ 1,000 กิโลเมตร โดยความน่าสนใจจะเริ่มตั้งแต่จตุจักร ตรงไปผ่านห้าแยกลาดพร้าว แยกรัชโยธิน แยกเกษตร วงเวียนหลักสี่ สะพานใหม่ไปจนบรรจบกับถนนวิภาวดีรังสิต ด้วยความเติบโตของเมืองอย่างไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะช่วงห้าแยกลาดพร้าวเป็นต้นไปนั้น กลายเป็นทำเลทองแห่งหนึ่งที่มีราคาที่ดินพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเกือบ 100% แถมที่ดินติดริมถนนใหญ่ยังค่อนข้างหาได้ยากขึ้น เพราะหลายจุดจะเป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการ ขณะเดียวกันก็ยังเป็นช่วงถนนที่สามารถเชื่อมต่อไปยังถนน และสถานที่สำคัญได้มากมาย เรามาเริ่มดูจากถนนพหลโยธินช่วงห้าแยกลาดพร้าว เพราะถือเป็นด่านสำคัญที่เปรียบเสมือนเป็นสัญญาณว่านี่คือจุดเริ่มต้นของความเป็นเมืองอย่างกรุงเทพฯ ซึ่งมีถนนหลายสายตัดกันทั้งวิภาวดีรังสิต ถนนสายสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างกรุงเทพฯ ออกปริมณฑลสู่ต่างจังหวัดทางภาคเหนือ-ตะวันออกเฉียงเหนือ โดยมีทางพิเศษอุตราภิมุข (โทลเวย์) พาดผ่านตลอดทั้งสาย ถนนลาดพร้าว แหล่งที่อยู่อาศัยสำคัญสายหนึ่งของกรุงเทพฯ ซึ่งกำลังจะมีรถไฟฟ้าสายสีเหลืองเกิดขึ้น และถนนพหลโยธิน ถัดมาที่แยกรัชโยธินตัดกับถนนรัชดาภิเษก เป็นถนนที่เชื่อมต่อกับถนนสายอื่นๆ จนคล้ายวงกลมระหว่างกรุงเทพฯ กับฝั่งธนบุรี ซึ่งแต่ละช่วงของวงกลมนี้ต่างก็มีความสำคัญไม่แพ้กัน ส่วนแยกเกษตรจะตัดกับถนนประเสริฐมนูกิจและถนนงามวงศ์วาน ก็เป็นแหล่งไลฟ์สไตล์ของเหล่านักศึกษา แน่นอนว่าจะตามมาด้วยอาหารอร่อยๆ ราคาไม่แพงอยู่มากมาย สุดท้ายที่ช่วงวงเวียนหลักสี่ไปจนบรรจบกับถนนวิภาวดีรังสิต มีทั้งถนนแจ้งวัฒนะ ถนนรามอินทราตัดผ่าน และยังเป็นจุดที่ใกล้กับสนามบินดอนเมืองมากที่สุดของถนนเส้นนี้ ทำให้ตามกฏหมายแล้วจะมีอาคารสูงได้ไม่เกิน 45 เมตร ซึ่งการเดินทางจากช่วงนี้ไปสนามบินดอนเมืองหากใช้แยกคปอ. เข้าสู่ถนนธูปะเตมีย์ จะใช้เวลาไม่เกิน 20 นาที ด้านระบบขนส่งสาธารณะอันสะดวกสบาย ใช้เวลาในการเดินทางน้อยที่สุด คงจะหนีไม่พ้นรถไฟฟ้าที่ใครหลายคนรอคอยให้มาถึงใกล้กับที่อยู่อาศัยของตัวเอง เพื่อเป็นทางเลือกการเดินทางได้ง่ายที่สุด ซึ่งสิ่งสำคัญสำหรับการมาของรถไฟฟ้าคือการนำพาความเติบโตของเมืองมาด้วย เพราะเมื่อการเดินสะดวกแล้วก็จะนำพาคนให้เข้าถึงได้ง่าย จึงเกิดสิ่งอำนวยความสะดวกตามมาด้วยไม่ว่าจะเป็นห้างสรรพสินค้า คอมมูนิตี้มอลล์ ไฮเปอร์มาร์เกต ร้านขายสินค้า-บริการต่างๆ ที่จะช่วยอำนวยความสะดวกในการดำรงชีวิตประวัน รวมถึงที่อยู่อาศัยใหม่ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นสถานีรถไฟฟ้าที่เป็นจุด Interchange ก็จะยิ่งเป็นตัวเลือกในการเดินทางได้หลากหลายยิ่งขึ้น รถไฟฟ้าที่กำลังเกิดขึ้นในเส้นทางนี้ หลักๆ ก็คือสถานีกลางบางซื่อ (คาดว่าเริ่มเปิดให้บริการปี 2567 และเสร็จสมบูรณ์ปี 2577) ศูนย์กลางโลจิสติกส์ครบวงจรบนพื้นที่กว่า 2,000 ไร่ ซึ่งจะมีรถไฟฟ้า, รถไฟความเร็วสูงหลายสายมาอยู่เป็นจุดเริ่มต้นสายที่นี่ รวมถึงเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์ ศูนย์การค้า แหล่งบันเทิงต่างๆ ศูนย์กีฬาขนาดใหญ่ ศูนย์ประชุมนานาชาติ ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟความเร็วสูง แหล่งสำนักงาน ฯลฯ และอีกสายหนึ่งที่ก็มีความสำคัญเช่นกัน คือรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต (คาดว่าเปิดให้บริการปี 2563) โดยเป็นการเชื่อมต่อมาจากสายสีเขียว สถานีหมอชิตในปัจจุบัน ซึ่งสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้จะมีเส้นทางผ่านห้าแยกลาดพร้าวตรงยาวไปผ่านแยกรัชโยธิน แยกเกษตร วงเวียนหลักสี่จนถึงสะพานใหม่ แล้วเบี่ยงขวาเข้าสู่ถนนลำลูกกาช่วงต้น สำหรับสถานีที่เป็นจุด Interchange ในเส้นทางส่วนต่อขยายนี้ก็จะมีตั้งแต่สถานีห้าแยกลาดพร้าวกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน สถานีพหลโยธินในปัจจุบัน แยกรัชโยธินกับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองส่วนต่อขยาย สถานีพหลโยธิน 24 แยกเกษตรกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล แคราย-ลำสาลี (คาดว่าเปิดให้บริการปี 2567) และวงเวียนหลักสี่ กับสายสีชมพู แคราย-มีนบุรี (คาดว่าเปิดให้บริการปี 2564)
ในบรรดาจุด Interchange ของรถไฟฟ้าสายนี้ที่กล่าวกันไปแล้ว จุดที่น่าสนใจมากที่สุดเห็นจะเป็นอะไรไปไม่ได้ นอกเสียจากบริเวณวงเวียนหลักสี่ ซึ่งเป็น Interchange ระหว่างสายสีเขียว สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ กับสายสีชมพู สถานีวงเวียนหลักสี่ เพราะทั้ง 2 สายจะวิ่งผ่านสถานที่สำคัญหลากหลาย โดยสายสีชมพูจะวิ่งผ่านถนนรามอินทราที่เป็นแหล่งชุมชนเดิม รวมถึงหมู่บ้านแนวราบเสียส่วนใหญ่ มีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งห้างสรรพสินค้าใหญ่ๆ อย่างเซ็นทรัลรามอินทรา แฟชั่นไอซ์แลนด์ รวมถึงคอมมูนิตี้อยู่ 2-3 แห่ง เชื่อมต่อไปยังถนนแจ้งวัฒนะที่เป็นแหล่งออฟฟิศของทั้งเอกชน รัฐวิสาหกิจ และราชการอยู่หลายแห่งเกือบตลอดเส้นทาง ไปจนถึงปากเกร็ดแหล่งชุมชนดั่งเดิมและของกินอร่อยๆ มากมาย และยังมีจุด Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บางซื่อ-รังสิต (คาดว่าเปิดให้บริการปี 2563) บริเวณไอทีสแควร์ ที่จะวิ่งตรงเข้าสู่สถานีกลางบางซื่อ HUB แห่งการเดินทางระดับอาเซียน ส่วนสายสีเขียวหากเรามองจุดสำคัญตลอดสองข้างทางของรถไฟฟ้าเส้นนี้ตั้งแต่สยาม-หมอชิต เข้าสู่ส่วนต่อขยายตั้งแต่ห้าแยกลาดพร้าว ซึ่งเมื่อไล่เรียงสิ่งอำนวยความสะดวกรวมทั้งสถานที่สำคัญ เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนี่ยนมอลล์ เมเจอร์รัชโยธิน ตลาดบางเขน มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีปทุม ตลาดยิ่งเจริญ โรงพยาบาลภูมิพลอดุลยเดช และสถานที่ราชการหลายแห่ง เป็นต้น ไปจนถึงถนนลำลูกกา สถานีคูคต ก็จะเห็นได้ชัดว่าเป็นสายสำคัญมากสายหนึ่งในบ้านเรา ซึ่งทุกวันนี้ทั้งสายสีเขียวส่วนต่อขยาย กับสายสีชมพูกำลังดำเนินการก่อสร้างกันอยู่ เป็นรถไฟฟ้าในอนาคตที่ไม่ได้มีเพียงแค่ความคาดหวังจะให้เกิดขึ้นเท่านั้น แต่เป็นสายที่จะเกิดขึ้นจริงแน่นอนในอนาคตอันใกล้เข้ามาทุกขณะ ปัจจัยหลายสิ่งหลายอย่างตามที่เล่ามาทั้งหมดนี้ประกอบกันจนส่งให้ทำเลนี้เป็นที่หมายปองของการอยู่อาศัยสำหรับใครหลายคน ไม่ว่าจะเป็นนักศึกษาในสถาบันใกล้เคียง คนทำงานย่านรามอินทรา-แจ้งวัฒนะ ใช้รถไฟฟ้าสายสีชมพูแคราย-มีนบุรี ได้อย่างสะดวก หรือกลุ่มคนทำงานในเมืองที่ขยับออกมาจากคอนโดมิเนียมในตัวเมืองที่มีราคาสูง แต่การเดินทางยังคงสะดวกด้วยรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต–สะพานใหม่–คูคต แม้กระทั่งคนที่อยู่อาศัยในย่านเดิมแล้วต้องการขยับขยาย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากความคุ้นเคยเดิม
Knightsbridge Phaholyothin Interchange
คอนโดมิเนียม High Rise 15 ชั้น 726 ยูนิต 1 อาคาร ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ทาวเวอร์ ลิฟท์ 6 ตัว แยกลิฟท์เซอร์วิช 2 ตัว ที่จอดรถ 40% มาแบบ Fully Furnished เฟอร์นิเจอร์ครบพร้อมเข้าอยู่ บนเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 5 ไร่ ตัวโครงการ Knightsbridge Phaholyothin Interchange ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินขาออก ก่อนถึงซอยพหลโยธิน 57 เยื้องกับเทสโก้โลตัส สาขาหลักสี่ประมาณ 100 เมตร ซึ่งจะอยู่ห่างจากจุด Interchange ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ กับสายสีชมพู สถานีวงเวียนหลักสี่ โดยไม่ต้องข้ามถนนก็สามารถเดินได้เพียง 250 เมตร อยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ ซึ่งมาในราคาเริ่มต้น 2.49 ล้านบาท
Floor Plan โครงการจะมีลักษณะคล้ายรูปตัว C กับตัว I เชื่อมต่อกันเป็นอาคารเดียวกัน แต่จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ทาวเวอร์ คือ ทาวเวอร์ A ด้านหน้าโครงการ และทาวเวอร์ B ล้อมรอบส่วนกลาง ชั้น 3 จะเป็นชั้นเริ่มต้นของยูนิตพักอาศัย ชั้น 4-5 เป็นศูนย์กลางของ Facility กลางโครงการ ซึ่งมีการวางอาคารให้ตรงส่วนกลางนี้สามารถรับลมธรรมชาติเข้ามาได้อย่างทั่วถึง
Unit Plan
ความพิเศษอย่างหนึ่งตรงที่แบบห้องมีให้เลือกมากมายถึง 20 แบบ ขนาดห้องมีตั้งแต่ 1 Bedroom 23.3 ไปจนถึง Duplex 51.20 ตร.ม. แต่ละขนาดก็จะมีมาให้เลือกต่างกัน เพื่อตอบสนองไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย เช่น ยูนิตขนาดเริ่มต้นของโครงการ 23.30 ตร.ม. มีให้เลือก 2 แบบ ทั้งแบบแนวลึก Living Room กับ Bedroom อยู่ในโซนเดียวกัน และแบบ Duplex ยก Bedroom ขึ้นไปไว้ที่ชั้นลอย เพิ่มความเป็นส่วนตัวยิ่งขึ้น เป็น Type ที่แยกทุกห้องออกจากกันอย่างเป็นสัดส่วน โดยมีพื้นที่กลางห้องมากขึ้น ซึ่งจะมีการ Built in โต๊ะทำงานเพิ่มมาให้ตามไปด้วย ยูนิตที่มี 1 Bedroom อยู่ชั้นบน แต่เพิ่มห้องอเนกประสงค์มาให้อีก 1 ห้อง ที่ชั้นล่างเชื่อมต่อกับระเบียง ซึ่งเราสามารถดัดแปลงห้องได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องชมภาพยนตร์ หรือแม้แต่ห้องนอนอีกห้องก็ยังได้ ยูนิตแบบ Penthouse 2 Bedroom ขนาด 48.90 ตร.ม. ก็มีมาให้เลือกทั้ง 2 แบบ คือ แบบชั้นเดียว กับ Duplex ยูนิตขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ 51.20 ตร.ม. ที่จัดมาให้ถึง 3 ห้องนอน แบ่งเป็นชั้นล่าง 2 ห้องนอน และชั้นบนอีก 1 ห้องนอน แต่ละห้องนอนก็จะมีความพิเศษแตกต่างกันอย่างห้องนอนแรก จะมีระเบียงส่วนตัว ห้องนอนที่ 2 มีห้องน้ำในตัว และห้องนอนชั้นบนจะกั้น Walk In Closet
บรรยากาศภายในห้อง
Living Room โปร่งด้วยกระจกใสที่สามารถมองทะลุผ่านห้องนอนออกไปด้านนอก และยังช่วยเพิ่งแสงสว่างทำให้ห้องดูไม่อึดอัด Space แนวลึก ได้พื้นที่อย่างเป็นสัดส่วน ห้องนอนส่วนตัว พร้อม Built in ตู้เสื้อผ้า มุมโต๊ะเครื่องแป้ง หรือโต๊ะทำงาน Built in มาให้พร้อมใช้งาน ห้องน้ำได้สุขภัณฑ์ทุกอย่างมาครบเซตตามที่เห็นพร้อมฉากกั้นกระจก ห้องครัวปิดแยกออกเป็นสัดส่วน และยังเชื่อมต่อกับระเบียงห้อง ทำให้มีการระบายอากาศ และความชื้นภายในครัวได้ดี Facility รวมพื้นที่แล้ว 3,700 ตร.ม. เริ่มตั้งแต่หน้าโครงการเข้าไปที่ชั้น G ภายในอาคาร สิ่งอำนวยความสะดวกหลักชั้น 4-5 และ Rooftop ที่เราจะได้เห็นมุมมองเส้นขอบฟ้าของกรุงเทพฯ โซนเหนืออย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน สำหรับโครงการนี้รวมแล้วจะแบ่งโซน Facility เอาไว้มากถึง 30 โซน เช่น Grand Lobby, Co-working space, Business room, Swimming pool, Curve Jacuzzi, Sunken lounge, Coin operate vending machine, Yoga room, Fit club, The Excited Sky bridge, Sky lounge, Sky sunset party, Sky BBQ area ฯลฯ เปิดมุมมอง Sky Bridge เห็นสนามบินดอนเมืองโดยไร้อาคารสูงบดบัง ทำให้ Knightsbridge Phaholyothin Interchange สามารถสร้างแรงบันดาลใจใหม่ๆ บนทำเลที่หาได้ยากเต็มที ด้วยระยะ 250 เมตรถึงสถานีรถไฟฟ้าที่เป็น Interchange ระหว่างสายสีเขียวกับสายสีชมพู แต่ราคาเริ่มต้นเพียง 2.49 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าคอนโดมิเนียมจะแล้วเสร็จปี 2563 พร้อมๆ กับรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายจะเปิดให้ใช้บริการพอดี คลิกลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดพิเศษ >>> https://bit.ly/2v2rFH3 เบอร์โทรศัพท์ติดต่อ 061-401-7000