รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับโครงการ Le Baroque คอนโดมิเนียม Low Rise โครงการใหม่ติดถนนบางนา-ตราด กม.15 ซึ่งดำเนินงานก่อสร้างโดยบริษัทในเครือสี่พระยาก่อสร้างกรุ๊ป ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์ในวงการก่อสร้างและอสังหาริมทรัพย์มานานกว่า 65 ปี เริ่มน่าสนใจแล้วใช่มั้ยครับ ไปดูรายละเอียดกันเลยดีกว่า
รายละเอียดโครงการ
ราคาเริ่มต้น 60,000 บาท/ตารางเมตร เจ้าของโครงการ บริษัท โรแยลวิลล่า จํากัด, บริษัท โรแยลวิลล์ จํากัด, บริษัท ปาล์ม วิลล่า จํากัด ลักษณะคอนโด Low Rise สูง 7 ชั้น 5 อาคาร จำนวนห้อง 76 ยูนิต/อาคาร รวมทั้งหมด 380 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ ถนนบางนา-ตราด กม.15 ต.บางโฉลง อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เริ่มก่อสร้าง ปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ ปี 2560 ค่าส่วนกลาง 45 บาท/ตารางเมตร ค่ากองทุน 500 บาท/ตารางเมตร ทำเลที่ตั้งโครงการ โครงการ Le Baroque ตั้งอยู่บนถนนบางนา-ตราด ช่วง กม.15 ฝั่งขาเข้า เยื้องกับทางไปสนามบินสุวรรณภูมิเลยครับ เข้าซอยไพโอเนียร์มานิดเดียวก็จะเจอกับที่ตั้งโครงการแล้ว การเดินทางที่สะดวกที่สุดตอนนี้ก็เห็นจะเป็นเส้นทางถนนสายหลักอย่าง ถนนบางนา-ตราด หรือจะมาจากเส้นทางถนนกาญจนาภิเษก และถนนวงแหวนรอบนอกมาเข้าถนนบางนา-ตราดก็ได้เช่นกันครับ เพียงแค่วิ่งมาตามถนนบางนา-ตราด ผ่านแยกที่จะเลี้ยวไปสนามบินสุวรรณภูมิมาแล้ว อีกซักพักก็จะข้ามคลองบางโฉลง จากนั้นให้เตรียมออกทางคู่ขนานเพื่อขึ้นเกือกม้ากลับรถได้เลย หรือจะลองสังเกตุป้ายโรงพยาบาลเซ็นทรัลปาร์คทางด้านขวามือดูครับ จะได้ไม่พลาดขับรถเลยทางกลับรถไปไกล แผนที่การเดินทางรอบๆ โครงการ การเดินทางวันนี้เราเริ่มต้นกันที่ถนนบางนา-ตราด ขาออกเลยนะครับ มุ่งหน้าตามป้ายสนามบินสุวรรณภูมิไปเรื่อยๆ เลยครับ ตรงนี้ป้ายบอกไปออกซ้ายเพื่อไปถนนกาญจนาภิเษกหรือถนนวงแหวนรอบนอก ซึ่งสามารถไปสนามบินสุวรรณภูมิได้เหมือนกัน แต่เราตรงต่อไปก่อนนะครับ ตรงนี้เป็นสะพานข้ามแยกของถนนกิ่งแก้ว แสดงว่าใกล้ถึงทางออกแล้วล่ะครับ เลยถนนกิ่งแก้วมานิดหน่อย ก็จะเจอป้ายให้ชิดซ้ายเพื่อไปสนามบินสุวรรณภูมิ ให้เตรียมตัวชิดซ้ายไว้ แต่ยังไม่ต้องออกตรงนี้นะครับ ก่อนถึงทางออกคู่ขนานจะเจอสนามกอล์ฟ ธนา ซิตี้ ถือว่าเป็นจุดสังเกตที่ดีเลย เตรียมตัวออกทางคู่ขนานได้เลยครับ ถึงล่ะครับทางออก ออกมาแล้วก็ขึ้นสะพานกลับรถได้เลยนะครับ กลับรถมาฝั่งขาเข้าแล้วไม่ต้องไปสนใจป้ายสุวรรณภูมิแล้วนะครับ ตรงมาอีกหน่อยจะเจอตลาดบางโฉลง ค่อนข้างคึกคักทีเดียว เลยจากตลาดบางโฉลงมาก็ใกล้ถึงซอยไพโอเนีย ทางเข้าโครงการแล้วนะครับ สังเกตข้างทางจะมีป้ายบอกอยู่ ถึงแล้วครับซอยไพโอเนีย มีป้ายโครงการบอกอยู่ชัดเจน รับรองไม่ผิดซอยแน่นอน เลี้ยวซ้ายเข้าไปเลยครับ บรรยากาศภายในซอย จากปากซอยเข้ามาประมาณ 200 เมตร ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วครับ ตัวสำนักงานขายจะตั้งอยู่ที่หน้าสถานที่ก่อสร้างโครงการเลยนะครับ บริเวณหน้าปากซอยไพโอเนียร์ซึ่งเป็นที่ตั้งของโครงการ Le Baroque อยู่ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเขียวเข้มด้วยนะครับ ในอนาคตถ้ามีการก่อสร้างรถไฟฟ้าขึ้น สถานีที่คาดว่าน่าจะใกล้กับตัวโครงการมากที่สุดก็คือ สถานีบางโฉลง โดยทางโครงการก็เตรียมให้บริการรถรับส่งแบบมีค่าใช้จ่ายไว้ล่วงหน้าแล้วครับ ซึ่งลูกบ้านของโครงการก็จะเดินทางได้สะดวกยิ่งขึ้น โดยช่วงแรกให้บริการจากโครงการไปถึง BTS สถานีบางนา ถ้าหากมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายมาถึงก็จะขยายบริการไปด้วย ส่วนในปัจจุบันนอกจากการเดินทางด้วยรถส่วนตัวแล้ว ก็มีรถประจำทาง รถตู้วิ่งผ่านบริเวณปากซอยหลายสาย โดยเฉพาะบริเวณตลาดบางโฉลงก็จะเป็นจุดจอดรถ และเป็นคิวรถหลายสายเหมือนกันครับ ถือว่ายังสามารถเดินทางได้ค่อนข้างสะดวกถึงแม้จะไม่มีรถส่วนตัวก็ตาม วิเคราะห์รอบโครงการ ด้วยความที่ทำเลที่ตั้งของโครงการ Le Baroque อยู่บนถนนบางนา-ตราดฝั่งขาเข้านะครับ และในบริเวณนี้ก็ใกล้กับแหล่งชุมชมพอสมควรเลยเลยทีเดียว อีกทั้งยังแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อยู่ใกล้ทั้ง ตลาดบางโฉลง ซึ่งน่าจะเป็นที่พึ่งหลักๆ ในการจับจ่ายอาหารสด มีโรงพยาบาลเซ็นทรัลปาร์คอยู่ในบริเวณเดียวกัน นอกจากนี้พื้นที่รอบๆ ก็ยังมีห้างสรรพสินค้ายักษ์ใหญ่อย่าง Mega บางนา, IKEA, Big C หรือถ้าใกล้เข้ามาหน่อยก็จะมี Market Village, Home Pro, Tesco Lotus บริเวณใกล้แยกกิ่งแก้วซึ่งรวมร้านค้า ร้านอาหารดังๆ ไว้เยอะไม่แพ้ห้างในเมืองเลยครับ และบริเวณนี้ยังเป็นแหล่งชุมชนขนาดใหญ่ มีร้านรวงเยอะแยะบรรยากาศจึงคึกคักมากๆ ในขณะที่ถนนด้านขาออกฝั่งตรงข้ามยังมี Macro บางพลี อีกแห่งที่สามารถไปจับจ่ายซื้อของได้ เรียกได้ว่าถ้าไม่อยากออกไปไหนไกลๆ จากที่พัก ก็ไม่ต้องกลัวอดครับ นอกจากนี้ ในรัศมีรอบๆ โครงการยังมีสถาบันการศึกษาชื่อดังแวดล้อมอีกหลายแห่ง เช่น มหาวิทยาลัยหัวเฉียว มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ (ABAC) มหาวิทยาลัยรามคำแหง วิทยาเขตบางนา และ American School of Bangkok ครอบครัวไหนที่มีลูกๆ อยู่ในวัยเรียนก็หายห่วงเรื่องต้องเรียนไกลบ้านไปได้หน่อย โครงการ Le Baroque ประกอบไปด้วยอาคารพักอาศัยสูง 7 ชั้น ทั้งหมด 5 ตึกด้วยกัน แต่ละตึกจะมีห้องชุดจำนวน 76 ยูนิต รวม 380 ยูนิต โดยที่อาคารพักอาศัยทั้ง 5 ตึกนึ้ จะล้อมรอบพื้นที่ส่วนกลางเอาไว้ ซึ่งประกอบไปด้วย สระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือยาว 70 เมตร, สระจากุชซี่, ห้องออกกำลังกาย, อาคารสโมสร และสวนขนาดใหญ่ระหว่างอาคารพร้อมลู่วิ่ง ยังมีที่จอดรถบริเวณชั้นใต้ดินที่ขายกรรมสิทธิ์ตามเงื่อนไขการซื้อขายห้องชุด คีย์การ์ด ระบบรักษาความปลอดภัย และกล้องวงจรปิดตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงบริการ Shuttle Bus แบบมีค่าใช้จ่ายที่จะมีตามมาในอนาคต เรียกว่าทางโครงการมีการจัดเตรียม Facility ต่างๆ เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้านครบครันเลยทีเดียว โมเดลจำลองของอาคาร B ซึ่งเป็น 1 ใน 2 อาคาร ที่เริ่มก่อสร้างก่อนอาคารอื่นๆ และคาดว่าจะแล้วเสร็จทั้ง 2 อาคารในปลายปี 59 นี้ อาคาร B จะอยู่ติดกับสระว่ายน้ำ ที่อยู่ตรงกลางโครงการ สระว่ายน้ำความยาว 70 เมตร ที่วางอยู่ตรงกลางโครงการ เชื่อมต่อตั้งแต่หน้าโครงการยาวเข้าไปด้านใน ภาพ Perspective ของสระว่ายน้ำความยาว 70 เมตร ที่วางอยู่กลางโครงการ สวนสีเขียวที่มีขนาดเท่าๆ กับสระว่ายน้ำ จะเชื่อมต่อจากสระว่ายน้ำ ยาวเข้าไปจนถึงท้ายโครงการ ชั้นใต้ดินจะเป็นที่จอดรถทั้งหมด ห้องพักอาศัยจะเริ่มต้นตั้งแต่ชั้น 1 ขึ้นไป แต่ละขั้นจะมีห้องพักอาศัย 11 ยูนิต รวมทั้งอาคารจะมีทั้งหมด 76 ยูนิต ไซต์ก่อสร้างอยู่ด้านหลังสำนักงานขาย เริ่มก่อสร้างแล้ว 2 อาคาร กำหนดการแล้วเสร็จสิ้นปี 59 นี้ นอกเหนือจาก Facility ที่จัดเต็มมาแล้ว ในส่วนของการออกแบบตัวอาคารรวมถึงการตกแต่งส่วนต่างๆ ก็จัดเต็มไม่แพ้กัน เริ่มตั้งแต่การออกแบบที่ได้รับแรงบันดาลใจมากจากพระราชวังแวร์ซาย การตกแต่งภายนอกจึงดูหรูหราคลาสสิคในสไตล์บารอค (Baroque) พิเศษด้วยระบบการก่อสร้างแบบ Precast Concrete Panel ผนังคอนกรีตหล่อสำเร็จซึ่งเป็นนวัตกรรมล่าสุดของสี่พระยากรุ๊ป ที่มีการออกแบบให้ผนังมีลวดลายสวยงามในตัว มีความแข็งแรง ทนทาน ปราศจากปัญหาผนังร้าว และรั่วซึม ที่สำคัญตัวผนัง Precast แบบใหม่นี้ ยังสามารถผ่านการทดสอบการทนไฟได้นานกว่าที่มาตรฐานกำหนด (2 ชั่วโมง) อีกทั้งปิดทับผิวหนังภายในด้วยแผ่นยิปซั่มบอร์ดฉาบเรียบเพิ่มความเรียบเนียนสวยงามให้กับผนังและยังช่วยในเรื่องการเก็บเสียงจากภายในห้อง และลดเสียงรบกวนจากภายนอก ซึ่งเรื่องนี้ผมว่าสำคัญมากๆ ยิ่งตำแหน่งที่ตั้งของโครงการอยู่ห่างจากสนามบินสุวรรณภูมิไม่ไกล จึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่อาจได้ยินเสียงรบกวนจากเครื่องบินที่ขึ้นลงวันละหลายเที่ยว ในช่วงที่ผมเข้าไปดูห้องตัวอย่างที่โครงการ ต้องขอชมเลยครับว่าภายในห้องเงียบกว่าที่คิดไว้มากๆ แทบจะไม่ได้ยินเสียงเครื่องบิน หรือเสียงก่อสร้างจากภายนอกเลย ข้อดีของผนัง Precast ตัวใหม่จากสี่พระยากรุ๊ปตัวนี้ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้มากขึ้นจริงๆ ครับ และด้วยความที่เจ้าของโครงการมีโรงงานผลิตวัสดุก่อสร้าง เป็นเจ้าของนวัตกรรมใหม่ๆ อันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะ มีความชำนาญ และมีประสบการณ์ในการก่อสร้างมาเป็นระยะเวลานาน ดังนั้นวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาใช้จึงถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นผนัง Precast ตัวใหม่ล่าสุดที่เราได้กล่าวถึงไปแล้ว ประตูห้องพักที่ออกแบบมาโดยเฉพาะ มีความแน่นหนา ช่วยเก็บเสียง รวมถึงตัวห้องน้ำภายในห้องที่ใช้ห้องน้ำสำเร็จรูปมาตรฐานเดียวกับคอนโดมิเนียมโครงการใหญ่ๆ ในตลาด และวัสดุตัวอื่นๆ ที่ใช้แต่ของดีระดับท็อปเกรดแทบทั้งสิ้น นับว่าเป็นโครงการที่รวมของที่ดีที่สุดที่ทางสี่พระยากรุ๊ปมีมาไว้ที่นี่ทั้งหมดเลยก็ว่าได้ พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงห้องตัวอย่างของโครงการ Le Baroque กันแล้วครับ ทางโครงการมีห้องแบบ 1 Bedroom เท่านั้นนะครับ แต่จะต่างกันที่ขนาดห้อง และ Layout ที่ต่างกันไปตามตำแหน่งของห้อง ซึ่งห้องทั้งหมดจะขายแบบ Fully Furnished ซึ่งหน้าตาเฟอร์นิเจอร์ที่จะได้ก็เหมือนแบบในห้องตัวอย่างเลยครับ ไม่ว่าจะเป็นชุดโซฟา ชั้นวางทีวี เตียง ตู้เสื้อผ้า ชุดครัว พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศมาให้เรียบร้อย ฯลฯ เจ้าของห้องแค่หาซื้อข้าวของจำเป็นอีกนิดหน่อยเท่านั้น เราไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่าครับ เริ่มต้นที่ห้องแรก เป็นห้องขนาดประมาณ 30.70 ตารางเมตร มีการจัดวาง Layout ไว้ค่อนข้างดีเลยนะครับ แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 30.70 ตารางเมตร เริ่มต้นกันที่ประตูห้องก่อนเลยนะครับ ประตูห้องของที่นี่จะได้เป็นบานทึบ วงกบประตูจะเป็นอลูมิเนียมซึ่งจะช่วยใช้ปิดได้สนิทมายิ่งขึ้น และยังช่วยเก็บเสียงได้ดีด้วยครับ เปิดประตูเข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนนะครับ ฝ้าเพดานเล่นระดับส่วนสูงสุดฝ้าสูงถึง 2.65 เมตร โซฟาที่โครงการวางมาให้จะเป็นแบบ 2 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง แต่จริงๆ แล้วจะวางโซฟาใหญ่กว่านี้ก็ได้นะครับ เพราะยังมีที่เหลืออีกพอสมควร ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีถือว่ากว้างเลยนะครับ สามารถวางทีวีจอใหญ่ได้สบายๆ ชั้นวางทีวีโครงการการก็จัดมาให้เรียบร้อย ถัดจาก Living Area เข้ามาด้านในจะเป็นส่วนของห้องนอน ซึ่งจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 4 บาน ซึ่งทุกบานสามารถเลื่อนได้ จึงเลือกที่จะเลื่อนเปิดปิดได้ทุกทางเลยครับ โครงการวางเตียง 5 ฟุตมาให้นะครับ ทำให้พื้นที่รอบๆ เตียงยังเหลือให้วางโต๊ะข้างได้ หน้าต่างภายในห้องนอนจะได้บานใหญ่เลยนะครับ ด้านปลายเตียงเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้า 2 บาน ปลายเตียงมีที่เหลือพอให้เดินได้สะดวก ถ้าอยากมีทีวีไว้ในห้องนอนด้วย อาจจะต้องใช้แบบแขวนผนังแทน จากห้องนอนข้ามมาอีกฝั่งมาดูห้องน้ำกับห้องครัวที่อยู่เชื่อมต่อกัน ตรงนี้จะมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นไว้ด้วยนะครับ เพื่อไม่ให้กลิ่นจากการปรุงอาหารลอยเข้าไปในห้องนอน และ Living Area เรามาดูห้องครัวที่อยู่ทางซ้ายกันก่อน เคาน์เตอร์ครัวจะได้ขนาดประมาณนี้นะครับ ท็อปเป็นลามิเนตสีขาว ด้านล่างเป็นตู้เก็บของ ซิงค์ล่างจานทรงสีเหลี่ยมอยู่ติดกับตู้เย็น เตาไฟฟ้า 2 หัวของ MEX หรือเทียบเท่า มาพร้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน ด้านบนเป็นตู้เก็บของ พร้อมช่องวางไมโครเวฟ ด้านหลังเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ต่อจากครัวออกไปด้านนอกจะเป็นระเบียงเล็กๆ มีคอมเพรสเซอร์แอร์แขวนอยู่ด้านนอก พื้นที่ระเบียงจะไม่ใหญ่มากนะครับ แต่ก็พอจะมีพื้นที่ให้ใช้งานได้ จุดวางเครื่องซักผ้าจะอยู่ที่ระเบียงใต้คอมเพรสเซอร์แอร์ตรงนี้นะครับ ราวกันตกจะเป็นคอนกรีตปั้มลายแบบนี้มาจากโรงงานเลยนะครับ ซึ่งความแข็งแรงทนทานนั้นถือว่าหายห่วง กลับมาดูฝั่งห้องน้ำกันต่อ สุขภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำจะเป็นของ American Standard หรือเทียบเท่า อ่างล้างหน้าทรงสีเหลี่ยม เนื่องจากอ่างล้างหน้าขนาดไม่ใหญ่มาก และมีที่วางของได้ไม่มาก โครงการจึง Built ที่วางของมาให้รอบๆ อ่างล้างหน้าเรียบร้อย พร้อมกระจกเงาขนาดพอดีตัว ใกล้ๆ กันจะเป็นโถสุขภัณฑ์ ด้านในสุดเป็น Shower Room ที่มีกระจกเทมเปอร์กั้นมาให้อย่างเป็นสัดส่วน พื้นที่ในส่วน Shower Room ถือว่ากว้างขวางยืนอาบน้ำได้สะดวกดีนะครับ ชุดฝักบัวของ American Standard หรือเทียบเท่า หลังจากชมภาพนิ่งกันมาแล้ว เรามาดูภาพ 360 องศากันบ้างนะครับ จะได้เห็นภาพกว้างๆ ได้ชัดเจนขึ้น ส่วนห้องที่สองจะมีขนาดกว้างขึ้น โดยจะมีขนาดห้องอยู่ที่ประมาณ 41 ตารางเมตร ห้อง Type นี้ก็มีความน่าสนใจไม่แพ้กันครับ แปลนห้อง Type A ขนาดประมาณ 41 ตารางเมตร ห้องนี้ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาอีกหน่อยนะครับ เมื่อเปิดประตูเข้ามาแล้วมองตรงไปจะเห็น Living Area เรามาดูด้านขวามือกันก่อน ตรงนี้จะเป็นห้องครัวแบบปิดมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นอยู่ เข้ามาแล้วจะเจอเคาน์เตอร์ครัวแนวยาว คล้ายๆ กับห้องก่อนหน้านี้นะครับ แต่ขนาดจะยาวกว่า ด้านล่างจะเป็นตู้เก็บของ ช่องวางตู้เย็นจะอยู่ติดกับประตูกระจก ใกล้กับซิงค์ล้างจาน ขยับมาอีกฝั่งจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัวของ MEX หรือเทียบเท่า พร้อมกับฮูดดูดควันของ MEX หรือเทียบเท่าเหมือนกันครับ ด้านบนเป็นตู้เก็บของ พร้อมช่องวางไมโครเวฟ ระเบียงจะอยู่ด้านในติดต่อจากส่วนครัว พื้นที่ระเบียงจะได้ประมาณนี้นะครับ จุดวางเครื่องซักผ้าจะอยู่ที่นอกระเบียงตรงนี้ ราวกันตกจะเป็นคอนกรีตปั้มลายเหมือนกันครับ คอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนอยู่ด้านบน หัวหน้าเข้าหาระเบียง ออกมาจากห้องครัวจะเจอโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน วางอยู่หน้าห้องครัวพอดี ทำอาหารเสร็จก็ยกออกมาเสิร์ฟได้เลย ขยับเข้ามาข้างในสุดจะเป็นส่วน Living Area โซฟาที่โครงการวางมาให้จะได้แบบ 3 ที่นั่ง พร้อมโต๊ะกลาง ติดกับโซฟาจะได้หน้าต่างบานใหญ่เลยนะครับ หน้าต่างส่วนบนจะเป็นบานเลื่อน ส่วนล่างจะเป็นบาน Fix ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กันหน่อยจะเป็นชั้นวางทีวี ชั้นวางทีวีที่โครงการวางมาให้จะได้แบบนี้เลยนะครับ มุมมองจาก Living Area ย้อนกลับออกไปทางประตูห้อง จะเห็นว่าฝ้าเพดานเล่นระดับโดยรอบ ส่วนสูงฝ้าจะสูงถึง 2.65 เมตร จาก Living Area คราวนี้เราเข้าไปดูในห้องนอนกันต่อ ประตูห้องนอนจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อนแบบนี้นะครับ เตียงที่โครงการวางมาให้จะได้ขนาด 6 ฟุต เต็มพื้นที่เลยนะครับ แต่ก็ยังพอมีพื้นที่รอบๆ เตียงเหลือให้วางโต๊ะข้างได้อยู่ ห้อง Type นี้จะเป็นห้องมุมนะครับ จึงมีหน้าต่างที่หัวเตียงให้ด้วย ด้วยความที่เป็นห้องมุมหน้าต่างจึงได้ 2 ด้านแบบนี้ ช่วยให้แสงเข้ามาได้มาก ช่วยประหยัดไฟในตอนกลางวันได้อีกทางนึงด้วยนะครับ หน้าต่างฝั่งข้างเตียงจะได้บานใหญ่เหมือนใน Living Area อีกด้านนึงจะเป็นห้องน้ำ มีตู้เสื้อผ้า Built-in อยู่ด้านหน้าห้องน้ำด้วย ตู้เสื้อผ้าจะได้แบบ 2 บาน เลี้ยวเข้าไปดูในห้องน้ำกันต่อ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้จะคล้ายๆ กับห้องก่อนหน้านี้ที่เราดูมานะครับ อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยมของ American Standard หรือเทียบเท่า กระจกเงาอยู่ที่วางของเหนืออ่างล้างหน้า ตรงมุมห้องใกล้ๆ กับอ่างล้างหน้าจะมีชั้นวางของกระจุกกระจิกให้ด้วย ติดกันเป็นโถสุขภัณฑ์ Shower Room จะอยู่ด้านในสุดกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ พร้อมที่แขวนผ้าขนหนู พื้นที่ Shower Room จะไม่ได้เต็มพื้นที่เหมือนห้องเมื่อกี้นะครับ เนื่องจากติดโครงสร้าง ชุดฝักบัวของ American Standard หรือเทียบเท่าเช่นกันครับ ห้องชุดของ Le Baroque เหมาะกับอยู่อาศัยกัน 1-2 คน เน้นไปที่กลุ่มคนที่ทำงานในย่านนี้ นักศึกษามหาวิทยาลัยรอบๆ หรือครอบครัวเล็กมากกว่าการอยู่กันหลายๆ คนนะครับ เพราะห้องแบบ 1 Bedroom ทั้งหมดเลย ถ้าใครที่กำลังมองหาคอนโดซักห้องไว้อยู่เอง หรือจะไว้ลงทุนก็ดี โครงการนี้ถือว่าน่าสนใจไม่น้อยเลย ทั้งเรื่องทำเลที่ตั้งที่ยังคงเดินทางได้สะดวกแม้ไม่มีรถส่วนตัว และยังเตรียมพร้อมรอรับรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายในอนาคตได้อีก รวมถึงวัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างโครงการก็เลือกเกรดเดียวกับคอนโดโครงการใหญ่ๆ ก็ต้องบอกว่าคุ้มค่าเกินราคามากทีเดียวครับ