ตั้งแต่ต้นปีมา เราจะเห็นว่า AP เปิดตัวโครงการแบรนด์ “Life” ไปแล้ว 2 โครงการ นั่นคือ “Life Ladprao” และ “Life ๑ Wireless” ซึ่งแต่ละทำเลที่เปิดมาก็สร้างกระแส เรียกเสียงว้าวได้ตลอดๆ เป็นที่จับตามอง และให้การตอบรับชนิดที่ว่าเปิดให้จองแต่ละทีแทบจะต้องกางเสื่อต่อคิวล่วงหน้ากันก่อนวันเปิดจองเลยทีเดียว แม้แต่ต่อที่ Life ๑ Wireless เปิดให้จองออนไลน์ยอดจองก็หมดเกลี้ยงในพริบตาอีก พูดถึงแบรนด์ “Life” ต้องบอกว่าทาง AP มีการปรับเปลี่ยนลุคของแบรนด์ให้ดูหรูหรา และทันสมัยมากขึ้นกว่าเดิมเยอะเลย ทั้งตัวอาคารที่ใส่ใจเรื่องการดีไซน์ให้มีมิติแปลกตา พร้อมกับจัดหนักในส่วนของ Facility ส่วนกลาง เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองให้มากขึ้น โดยยังไม่ทิ้งจุดเด่นเรื่องทำเลที่เดินทางสะดวกและใกล้รถไฟฟ้า จากเสียงตอบรับที่ผ่านมาเป็นเครื่องการันตีได้ว่า Life คือแบรนด์หนึ่งของ AP ที่ประสบความสำเร็จมากๆ ในปีนี้ ดังนั้นเมื่อมาถึง Life ตัวสุดท้ายของปี จึงต้องเปิดให้ดัง ปังให้สุด กับ “Life Asoke-Rama 9”
ปักหมุด New CBD - “อโศก - พระราม 9” ทำเลในฝัน
ทำเลในย่าน “อโศก - พระราม 9” ถูกพูดถึงอยู่บ่อยครั้ง และหลายๆ ครั้งก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่า ทำเลในย่านนี้ยังคงเป็นที่ต้องการของตลาด มีทั้งศักยภาพในการลงทุน และความเหมาะสมสำหรับการอยู่อาศัย รวมถึงแนวโน้มของราคาที่อยู่อาศัยในย่านนี้มีแต่จะสูงขึ้นเรื่อยๆ เราคงไม่ต้องเจาะลึกถึงศักยภาพทำเลไปมากกว่านี้ให้เสียเวลา แต่จะพาเข้าประเด็นถึงทำเลที่ตั้งโครงการ Life Asoke-Rama 9 กันเลย Life Asoke-Rama 9 ได้ที่ดินริมถนนอโศก-ดินแดง ห่างจากแยกพระราม 9 นิดเดียวเอง จากตัวโครงการไปยังสถานีรถไฟฟ้า MRT พระราม 9 มีระยะห่างเพียง 300 เมตรเท่านั้น ในรัศมี 2-3 กิโลเมตรรอบ โครงการจัดว่าอุดมสมบูรณ์ และเพียบพร้อมไปด้วยสาธารณูปโภคต่างๆ มากมาย ทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งช็อปปิ้ง ร้านอาหาร แหล่ง Hangout สถาบันการศึกษา โรงพยาบาล อาคารสำนักงานอีกเพียบ ที่ตั้งของโครงการอยู่ติดกับถนนอโศก-ดินแดง ใกล้กับแยกพระราม 9 นิดเดียวเอง การเดินทางมายังโครงการสะดวกมากๆ สามารถเลือกได้หลายเส้นทาง รวมถึงหลายวิธีการเดินทาง เช่น รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน Airport Rail Link เลยขึ้นไปอีกหน่อยก็เป็นสถานี Interchange กับสายสีเขียวด้วย หรือจะเลือกการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ทั้งรถเมล์ แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็มีให้เลือกใช้บริการได้เกือบ 24 ชั่วโมงเลย ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีส้มเพิ่มเติมขึ้นมา เชื่อมต่อกันที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม การเดินทางด้วยรถไฟฟ้าในอนาคตก็จะสะดวกมากขึ้นไปอีกแน่นอน นอกจากนี้การเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็มีความสะดวกไม่แพ้กัน เพราะสามารถเข้า-ออกโครงการได้ 2 ทาง คือ จากทางด้านถนนอโศก-ดินแดง (ซอยไม้ดัด ข้างๆ Rhythm Asoke) และทางด้านถนนจตุรทิศ ถนนเส้นนี้ใช้เป็นทางเลี่ยงรถติดบนถนนอโศก-ดินแดงได้ดี ตรงมาจากพญาไทแป๊บเดียวก็ถึงโครงการแล้ว นอกจากนี้ห่างออกไปไม่ไกลยังมีด่านทางด่วนพระราม 9 การเดินทางไปยังส่วนต่างๆ ของกรุงเทพมหานครจึงเป็นเรื่องที่ง่ายดาย
Life Asoke-Rama 9
Life Asoke-Rama 9 เปิดภาพแรกมาด้วยความหรูหราอลังการของ Facility ที่อัดแน่นอยู่บน Rooftop ซึ่งทำให้เราอยากทำความรู้จักกับโครงการนี้ให้มากขึ้น จะได้ไม่พลาดโอกาสเป็นเจ้าของคอนโด Life เหมือนที่ผ่านมา ไหนๆ ก็เปิดมาด้วยเรื่อง Facility แล้ว เราเลยจะพาไปส่องข้อมูลของโครงการ Life Asoke-Rama 9 ให้ครบทุกซอกมุมกันไปเลย ได้ยินมาว่าแค่พื้นที่ส่วนกลางบน Rooftop ก็มีขนาดรวมกว่า 1.5 ไร่แล้ว บวกรวมกับพื้นที่สวนรอบๆ โครงการ และ Pocket Garden ที่ชั้นต่างๆ อีก รวมๆ แล้วพื้นที่ส่วนกลางของ Life Asoke-Rama 9 ก็มีมากถึง 7.5 ไร่เลยทีเดียว แปลนของ Facility บนชั้น Rooftop ชั้น 44 - 45
Highlight อยู่ที่บริเวณ Rooftop ซึ่งรวบรวม Facility หลักๆ ไว้มากมาย ยกตัวอย่างเช่น สระว่ายน้ำ ที่มีมากถึง 3 สระ อันแรกเป็น Lap Pool ขนาดมาตรฐานโอลิมปิก 50 เมตร ใช้ว่ายออกกำลังกายได้สบายๆ ขณะเดียวกันเหนือขึ้นไปด้านบนสระ เพิ่มสระกระจกลอยฟ้าแบบ Aquarium Sky Pool เปิดรับวิวรอบตัวเหมือนได้แหวกว่ายท่ามกลางหมู่ดาวกันไปเลย ส่วนสระสุดท้ายมีขนาด 45 เมตร ซึ่งมาพร้อมกับ Jacuzzi เพื่อการผ่อนคลายโดยเฉพาะ พื้นที่บนยอดตึกเปิดรับวิวได้แบบ 360 องศา เปิดมุมมองของ City View ได้สวยเต็มตา ดังนั้น Facility ส่วนใหญ่จึงถูกออกแบบมาให้เปิดรับวิวได้ทุกมุม เช่น Sky Lounge หันไปทางพระราม 9 และ Amplitheater หันไปทางมักกะสัน, Sky Deck ชมวิวตึก Super Tower รวมถึงห้อง Fitness ใหญ่อลังการด้วยพื้นที่มากถึง 2 ชั้น พื้นที่ส่วนกลางบนดาดฟ้ามีการเล่นระดับพื้นที่เพื่อเพิ่มลูกเล่นให้กับ Facility ให้มีความสวยงามแปลกตา และเพิ่มมุมพักผ่อนชมวิวให้มากขึ้น ลูกบ้านทุกยูนิตจะได้มีโอกาสใช้ได้อย่างเต็มที่ Sky Deck ชมวิว Super Tower จากบนยอดตึกของโครงการ ภาพจำลองของพื้นที่ Amplitheater ที่หันหน้าไปทางมักกะสัน Sky Lounge เปิดรับ City View ได้สวยงามเต็มตามากๆ Sky Fitness กินพื้นที่มาถึง 2 ชั้นเลยทีเดียว
นอกจาก Facility บนชั้นดาดฟ้าแล้ว ที่บริเวณชั้น 7 และชั้น 36 ยังทำเป็น Pocket Garden เพิ่มพื้นที่พักผ่อนสบายตาให้มากขึ้นไปอีก โดยพื้นที่บริเวณชั้น 7 จัดแบ่งเป็นสวนร่มรื่นขนาดใหญ่ พร้อมมุมนั่งทำงานส่วนตัว (มี wifi บริการทุกจุด) ในขณะที่อีกด้านเป็นเหมือนลานอเนกประสงค์สำหรับทำกิจกรรม ออกกำลังกายท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวสบายตา แต่ถ้าอยากนั่งเล่นชม Super Tower แบบสงบๆ Pocket Garden ที่บริเวณชั้น 36 น่าจะเหมาะ เพราะถูกออกแบบเป็นระเบียงกว้าง พร้อมด้วยขอบระเบียงกระจกที่เปิดโล่งให้วิวสวยปรากฏชัดสุดสายตา ความอลังการของพื้นที่ส่วนกลางยังไม่ได้หมดแต่เพียงเท่านี้ เพราะที่บริเวณรอบๆ โครงการตั้งแต่บริเวณทางเข้ายังร่วมรื่นไปด้วยสวนขนาดใหญ่ กินพื้นที่บริเวณชั้นล่างมากถึง 3 ไร่ ซึ่งประกอบไปด้วย Pavilion 2 แห่ง พร้อมมุมนั่งเล่นพักผ่อนใต้ร่มไม้ และ Jogging Track รอบสวน Pavillion ในสวน พื้นที่สำหรับพักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางร่มไม้ใหญ่รอบโครงการ ด้วยความที่ตัวอาคารถูกออกแบบมาให้เป็น 2 Tower ดังนั้น Lobby ของโครงการจึงแบ่งเป็น 2 แห่ง โดย Lobby ของแต่ละ Tower ก็มีความสวยงามอลังการไม่แพ้กันเลยทีเดียว โดย Lobby ของ Tower A มีฝ้าเพดานสูงถึง 4.4 เมตร ออกแบบมาอย่างหรูหราด้วยลวดลายเส้นสายโลหะที่ออกแบบมาเป็นอย่างดี เพิ่มเติมด้วยมุมนั่งพัก ผ่อน ที่สามารถใช้เป็นจุดนัดหมาย มุมรับแขก หรือมุมนั่งทำงานก็ได้ เพราะมีบริการ wifi ทั่วพื้นที่ บริเวณด้านหน้าทางเข้าของโครงการ Life Asoke-Rama 9 จุด Drop Off บริเวณ Tower B หรูหราด้วยการตกแต่งด้วยแสงไฟ และลวดลายจากโลหะสีทอง Lobby A พร้อมพื้นที่ทำงาน มุมอ่านหนังสือ เปิดรับวิวสวนสีเขียวสบายตา พร้อม wifi ทั่วพื้นที่ส่วนกลาง Lobby B ฝ้าเพดานสูงถึง 4.4 เมตร ทำให้บรรยากาศโปร่งสบาย พร้อมมุมนั่งเล่นเป็นส่วนตัว
ขยับมาดูที่ Lobby ของ Tower B กันบ้าง ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะมีบริเวณกว้างขวาง โปร่งสบายตามากๆ ด้วยฝ้าเพดานสูงถึง 6 เมตร ทำให้ Lobby นี้ถูกออกแบบมาให้มีฟังก์ชั่นการใช้งานที่มากกว่า ทั้งพื้นที่ของ Co-Working Space, บริเวณชั้นลอยมี Private Meeting Room พร้อม Automation Control Panel และสัญญาน wifi เป็นพื้นที่ที่ลูกบ้านสามารถมาใช้เป็นห้องประชุมงานได้ด้วย นอกจากนี้ทาง AP ยังตั้งใจออกแบบให้ Lobby แห่งนี้มีความหรูหราอลังการมากกว่าที่ไหนๆ ด้วยกระจกบานใหญ่จรดฝ้า 6 เมตรที่จะเปิดรับวิวสวนได้อย่างเต็มที่ เชื่อว่า Lobby ของ Life Asoke-Rama 9 น่าจะเป็น Lobby ที่สวยอลังการที่สุดแห่งหนึ่งเลยทีเดียว Lobby ของ Tower B อลังการด้วยฝ้าเพดานสูงถึง 6 เมตร มีมุมทำงานเป็นสัดส่วน แถมยังเพิ่มพื้นที่ชั้นลอยจัดเป็น Co-Working Space และตั้งใจ Design ให้มีมุมอ่านหนังสือแบบ Cocoon เพื่อความเป็นส่วนตัว Co-Working Space และ Meeting Room พร้อมอุปกรณ์ครบครัน สามารถใช้นัดหมายประชุมงานได้สบายๆ
จากพื้นที่ส่วนกลางที่ยกตัวอย่างมา หลายคนอาจจะเริ่มเห็นได้ชัดเจนแล้วว่าทาง AP ตั้งใจจัดมาให้เต็มที่แค่ไหน แต่ก็ต้องออกตัวไว้ก่อนว่านี่เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เราสามารถเก็บข้อมูลมาฝากกันได้ Facility ของจริงภายในโครงการยังมีรายละเอียดอีกมากจนไม่สามารถบรรยายได้หมดในคราวเดียว ส่วนต่อไปที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ส่วนของที่พักอาศัย เราเชื่อว่าหลายๆ คนอยากจะรู้แล้วว่า โครงการ Life Asoke-Rama 9 มีห้อง Type ไหนให้เลือกบ้าง แจ้งให้ทราบกันก่อนว่าห้องทั้งหมด 2,248 ยูนิตของโครงการขายให้แบบ Fully Fitted และมีการออกแบบใหม่ด้วยคอนเซปต์การจัดวางพื้นที่แบบ Inter Lock ทำให้ห้องมีหน้ากว้างมากขึ้น เพื่อเน้นในการเปิดรับวิวได้อย่างเต็มที่ ซึ่งจุดเด่นที่เห็นได้ชัดจากการออกแบบด้วยระบบ Inter Lock นี้ จะทำให้ห้อง Studio 27.5 ตร.ม. กับห้อง 1 Bedroom Plus 35.5 ตร.ม. ถูกวางคู่กันเสมอ ดังนั้นห้อง Studio จะได้หน้ากว้างที่มากเกือบ 5 เมตร เลยทีเดียว บรรยากาศภายในห้อง Studio ก็จะโปร่งสบายมากขึ้นกว่าเดิม ขนาดห้องเริ่มต้นที่ Studio 25 - 27.5 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม.,1 Bedroom Plus ขนาด 35 – 40 ตร.ม. และ 2 Bedroom 45- 58 ตร.ม. ซึ่งภายในห้องก็ออกแบบมาเป็นอย่างดี เพื่อให้ตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนเมืองได้รอบด้าน สำหรับใครที่สนใจ รีบคลิกลงทะเบียน https://goo.gl/w6m2Gd รับส่วนลดเพิ่ม 300,000 บาท* จะได้ไม่พลาดโอกาสเป็นเจ้าของ Life Asoke-Rama 9 แล้วเตรียมตัวให้พร้อมสำหรับการจอง โดยแบ่งเป็น – รอบ AP iBooking จองผ่านระบบออนไลน์ในวันที่ 8 พ.ย. นี้ และ Pre-Sale ที่สำนักงานขาย ในวันที่ 11-12 พ.ย. นี้