Tag : Noble

15 ผลลัพธ์
เปิด 5 กลยุทธ์ “ธงชัย” หลังกลับมาบริหาร “Noble” หวังติดอันดับ Top10

เปิด 5 กลยุทธ์ “ธงชัย” หลังกลับมาบริหาร “Noble” หวังติดอันดับ Top10

หลังจาก​ “ธงชัย บุศราพันธ์” โบกมืออำลาบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ Noble ไปในช่วงปลายปี 2555 ด้วยเหตุผลต้องการเป็นเจ้าของกิจการของตัวเอง จำใจทิ้งเก้าอี้รองประธานกรรมการและกรรมการผู้จัด ซึ่งบริหารงานโนเบิลมานานถึง 17 ปี ไปร่วมทุนกับครอบครัวลิปตพัลลภ พัฒนา โครงการคอนโดมิเนียมหรู พาร์ค 24 ซอยสุขุมวิท 24 ภายใต้บริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด ในเครือพราวเรียลเอสเตท โดยดำรงตำแหน่งซีอีโอ และผู้ถือหุ้นในสัดส่วน 30%   ส่วนบริษัท โนเบิลฯ อยู่ภายใต้การบริหารงานของ นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานกรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร นับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันที่ 25 เมษายน 2562 ที่ผ่านมาได้แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทมีมติแต่งตั้ง นายกิตติ ธนากิจอำนวย ให้ดำรงตำแหน่งเป็นประธานกิตติคุณ และแต่งตั้ง นายธงชัย บุศราพันธ์  ให้ดำรงตำแหน่งประธานกรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม และกรรมการผู้จัดการ ของบริษัทโดยมีผลตั้งแต่วันที่ 25 เมษายน 2562 เป็นต้นไป นั่นหมายความว่า “ธงชัย บุศราพันธ์” หวนกลับมาบริหารโนเบิลอีกครั้ง หลังจากหันหลังให้เป็นระยะเวลาประมาณ ​7 ปี   กลับมาถือหุ้นใหญ่ การกลับมาของ “ธงชัย บุศราพันธ์” ครั้งนี้ เป็นการกลับมาที่มีความเป็นเจ้าของ มากกว่าแค่ผู้บริหาร เพราะมีการซื้อขายหุ้นกันแบบบิ๊กล็อต ส่งผลให้มีการปรับโครงผู้ถือหุ้นของบริษัทใหม่   โดยปัจจุบันมีผู้ถือหุ้นใหญ่ 3 รายได้แก่ 1.นายธงชัย บุศราพันธ์ ถือหุ้นในสัดส่วน 23.3% 2.บริษัท เอ็นคราวน์ จำกัด (nCrowne Pte. Ltd.) ถือหุ้นในสัดส่วน 24.9% ซึ่งบริษัทนี้อยู่ในเครือของ ฟัลครัม-โกลบอล แคปิตอล (Fulcrum Global Capital) ซึ่งมีนายแฟรงค์ เหลียง เป็นผู้ถือหุ้น 100% และ 3.บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (BTSG) ถือหุ้นในสัดส่วน 9.9% ส่วนหุ้นที่เหลือเป็นผู้ถือหุ้นรายย่อยและอื่นๆ วางเป้าติด Top 10 อสังหาฯ ไม่เพียงแต่การกลับมาจะเป็นหนึ่งผู้ถือหุ้นหลักแล้ว “ธงชัย บุศราพันธ์” ยังมีเป้าหมายครั้งสำคัญ คือ การสร้างการเติบโตให้กับ “โนเบิล” เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ขนาดกลาง หรือการติดอันดับ Top10 จากช่วงที่ผ่านมาเป็นผู้ประกอบการขนาดเล็ก ด้วยยอดขายไม่กี่พันล้านบาท ซึ่งการจะเป็นผู้ประกอบการขนาดกลางได้นั้น จะต้องมียอดขายหรือการพัฒนาโครงการที่เป็นระดับหมื่นล้านบาท   เป้าหมายของโนเบิลนับจากนี้ในระยะ 3 ปีข้างหน้าจึงต้องการสร้างยอดขายรวมกว่า 30,000 ล้านบาท หรือมียอดขายปีละไม่น้อยกว่า 10,000-12,000 ล้านบาท และมียอดรับรู้รายได้ปีละ 10,000 ล้านบาท มีอัตราผลตอบแทนต่อหุ้นที่เพิ่มขึ้น 2 เท่าจาก 15% เป็น 30% และรักษาอัตราส่วนของหนี้ต่อทุนสุทธิที่ 1.5 เท่า ซึ่งในแต่ละปีโนเบิลจะพัฒนาโครงการใหม่ปีละ 4-5 โครงการ จากเดิมปีละ 1-2 โครงการ โดยตั้งงบซื้อที่ดินไว้ปีละ 3,000 ล้านบาท   เฉพาะแผนธุรกิจในปีนี้ ได้เตรียมพัฒนาโครงการใหม่ 4-5 โครงการมูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขาย 10,000-12,000 ล้านบาท และยอดรับรู้รายได้ 10,000 ล้านบาท ปัจจุบันบริษัทมีสต๊อก 17,000 ล้านบาท ในจำนวนนี้เป็นสต๊อกสร้างเสร็จพร้อมโอน 6,000 ล้านบาท และมียอดขายรอโอน (Backlog) มูลค่า 17,000 ล้านบาท คาดาว่าปีนี้จะสามารถรับรู้รายได้ประมาณ 3,000 ล้านบาท   “คุณกิตติ เขาอยากจะวางมือ ตอนที่ลาออกไป เพราะอยากทำของตัวเอง ไปทำธุรกิจจนมีตังค์ กลับมาครั้งนี้อยากเป็น 1 ใน 10 ของผู้ประกอบการอสังหาฯ และอยากเห็นบริษัทยั่งยืน ทำผลประกอบการ ผลตอบแทนผู้ถือหุ้นเหมาะสม เรามาไม่ได้กะอยู่แค่ 1-2 ปี แต่ลงทุนระยะยาว ถ้าไม่มี Sleep mode ช่วง 7 ปีที่ไม่ได้บริหาร ตอนนี้ก็น่าจะทำยอดขายได้ปีละ 15,000-20,000 ล้านบาท”   เตรียม 5 กลยุทย์สร้างความสำเร็จ เมื่อ “ธงชัย บุศราพันธ์” กลับมาและหวังจะทำให้โนเบิลกลับมาเติบโต และมีขนาดองค์กรที่ใหญ่ขึ้น จึงต้องเตรียมกลยุทธ์และแผนธุรกิจไปสู่เป้าหมายดังกล่าว และนี่คือ 5 กลยุทธ์ที่จะมาลุยธุรกิจอสังหาฯ นับจากนี้ 1.ระบายสต๊อก โครงการที่มีอยู่ในปัจจุบันมูลค่า 17,000 ล้านบาท ซึ่งโครงการสร้างเสร็จพร้อมโอนมูลค่า 6,000 ล้านบาท โดยถือว่าเป็นต้นทุนเดิมที่หากขายจะได้รับกำไรทันที   “ปัจจุบันบริษัทมีหลายโครงการที่พร้อมขายแต่ไม่ได้เร่งขาย ซึ่งยังเป็นต้นทุนเดิม เช่น ที่ดินโครงการเพลินจิต ซื้อมาตารางวาละ 1.3 ล้านบาท ตอนนี้แถวนี้ขายตารางวาละ 2 ล้านบาท ทุกอย่างเพิ่มขึ้นหมด ไม่ว่าจะเป็นค่าก่อสร้างเพิ่ม ที่ดินเพิ่ม โนเบิลเพลินจิตยังบันทึกราคาเดิม 140,000 บาทต่อตารางเมตร เราขายได้เกิน 140,000 บาท ก็เป็นกำไรทั้งหมด ตอนนี้สามารถทำกำไรได้ทันที 3,300 ล้านบาท ถ้าขายสต็อกสินค้าทั้งหมด”   2.ขายพื้นที่รีเทลสร้างรายได้  ปัจจุบันบริษัทมีโครงการที่ติดถนนใหญ่ และภายในมีพื้นที่รีเทล 4 โครงการมูลค่ารวมเกือบ 3,000 ล้านบาท ที่สามารถขายให้ผู้สนใจ และนำเงินที่ได้มาลงทุนพัฒนาโครงกาต่อ เพราะหากปล่อยเช่าจะได้ผลตอบแทนเพียง 5-7% เท่านั้น เช่น พื้นที่คอมเมอร์เชียลที่โครงการโนเบิล เพลินจิต ขายให้กลุ่มบีทีเอสไปมูลค่าประมาณ 800 ล้านบาท สามารถนำเงินไปลงทุนได้ผลตอบแทนทันที 30-40% เป็นผลตอบแทนให้ผู้ถือหุ้นได้ทันที   “สินทรัพย์เหล่านี้ จะมีต้นทุนการจัดการ และเหมาะสมกับผู้ต้องการลงทุนระยะยาวที่ไม่ต้องการความเสี่ยง แต่บริษัทเรา ถ้าเอาเงินที่ขายได้ไปลงทุนได้ผลตอบแทนได้ 30-40% ดีกว่า มันไม่ make sense สำหรับเรา ขายให้เขาแล้วเช่ากลับดีกว่า” 3.ขยายตลาดกลุ่ม ลูกค้าชาวต่างชาติ  ทั้งรูปแบบการพัฒนาโครงการภายในประเทศทำตลาดกับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ  และนำโครงการไปขายในตลาดต่างประทศ​ การไปพัฒนาโครงการในต่างประเทศเพื่อขายให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติ ซึ่งอาศัยจุดแข็งของบริษัท เอ็นคราวน์ จำกัด กลุ่มผู้ถือหุ้นต่างชาติที่เป็นนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ในประเทศจีน ฮ่องกง สิงค์โปร์และอื่นๆ และมีเครือข่ายที่เป็นบริษัทตัวแทนนายหน้าอสังหาฯกว่า 400 รายและมีตัวแทนรายย่อยกว่า 6,000 ราย อยู่ในประเทศจีนกว่า 80% โดยปีนี้ตั้งเป้าหมายยอดขายจากลูกค้าต่างประเทศ 4,000 ล้านบาท ซึ่งช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมาทำยอดขายได้แล้ว 1,500 ล้านบาท โดยกลุ่มลูกค้าหลักเป็นชาวจีน 70% ส่วนปีที่ผ่านมามียอดขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติ 2,500 ล้านบาท และเป็นกลุ่มชาวจีน 70% “ช่วงแรกๆ ที่ทำโครงการ Park 24 เอาโครงการไปขายปักกิ่ง เชี่ยงไฮ้ กวางโจว เซินเจิ้น และตลาดเริ่มกระจายจึงขยาย 20 เมืองรองที่มีประชากร 30 ล้านคนต่อเมือง เช่น เฉินตู ฉงฉิ่ง ตอนนนี้เริ่มเอาไปขายเมืองระดับรองลงไปอีก ที่มีนับ100 เมือง ที่มีประชากร 5-10 ล้านคนต่อเมือง ไซส์ของตลาดใหญ่มโหฬาร”   4.การบริหาร Product Mix และ Portfolio  ขยายตลาดไปยังกลุ่มสินค้าราคาอื่นๆ ซึ่งในอดีตโนเบิลพัฒนาโครงการเฉลี่ยปีละ 5,000 ล้านบาท ถ้าจะสร้างการเติบโตปีละ 10,000 ล้าน จะต้องการกระจายไปสินค้าไปในกลุ่มตลาดอื่น และในทำเลใหม่ๆ ด้วย โดยไม่จำกัดเฉพาะทำเลที่อยู่ในพื้นที่ใจกลางเมืองเท่านั้น แต่ยังคงเป็นแนวเส้นทางรถไฟฟ้า  โดยเฉพาะที่อยู่ระหว่างการพัฒนาและจะเกิดขึ้นมาในอนาคต เช่น สายสีชมพู สายสีเหลือง การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมระดับราคา 1-1.5 แสนบาทต่อตารางเมตร หรือราคา 4-5 ล้านบาทต่อยูนิต การลงทุนโครงการระดับซุปเปอร์ลักชัวรี่ รวมถึงการลงทุนโครงการแนวราบ   “เมื่อก่อนเข้าใจว่าลูกค้าต้องการซื้อทำเล CBD แต่จริงๆ หากต้องการซื้อเพื่อให้ได้กำไร จะต้องกระจายไปในทำเลอื่นๆ แต่ยังเดินทางสะดวก ตลาดต่างชาติสนใจทำเลใหม่ๆ ลูกค้ารับได้เดินทางสัก 1 ชั่วโมงเขาก็รับได้ ซึ่งถ้าต้องการให้ได้กำไรต้องไปซื้อนอกเมืองด้วย ต่อไปฐานตลาดจะกว้างขึ้น”   5.เร่งปิดโครงการใหม่ เพื่อให้มีสต๊อกสินค้ารอขาย สำหรับการรับรู้รายได้ปีละ 10,000 ล้านบาท ตามที่ได้วางเป้าหมายเอาไว้    
โนเบิล เกเบิล คันโซ วัชรพล จัดหนัก อยู่ฟรี 3 ปี* ทุกหลัง

โนเบิล เกเบิล คันโซ วัชรพล จัดหนัก อยู่ฟรี 3 ปี* ทุกหลัง

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ส่งแคมเปญสุดพิเศษ เพิ่มอรรถรสแห่งความคุ้มด้วยโปรโมชั่น อยู่ฟรี 3 ปี* ทุกหลัง ฟรีค่าส่วนกลางและเงินกองทุนรวมมูลค่ากว่า 2.9 ล้านบาท* กับโครงการ โนเบิล เกเบิล คันโซ วัชรพล (Noble Gable Kanso Watcharapol) บ้านพร้อมอยู่ในราคาเริ่มต้นเพียง 5 ล้านบาท*   โนเบิล เกเบิล คันโซ วัชรพล (Noble Gable Kanso Watcharapol) โครงการบ้านพร้อมอยู่ กับออกแบบภายใต้คอนเซปต์ “คิดอย่างเซน อยู่อย่างเซน” ผสานงานออกแบบสถาปัตยกรรมสะท้อนถึงวิถีการใช้ชีวิตในแบบญี่ปุ่น สร้างสรรค์องค์ประกอบที่เป็นอัตลักษณ์แฝงสุนทรียะของธรรมชาติไว้ในทุกรายละเอียด ให้คุณปล่อยชีวิตให้เป็นอิสระในพื้นที่ส่วนตัวผสานความเรียบง่ายเข้ากับทุกมุมของบ้านอย่างลงตัว   สัมผัสความสุขแบบวิถีเซน พร้อมรับข้อเสนอรวมมูลค่าสูงสุด 2.9 ล้านบาท* ได้ตั้งแต่วันที่ 18 มีนาคมนี้ 2562 จำนวนจำกัด* ณ โครงการ Noble Gable Watcharapol ระหว่างซอยเพิ่มสิน 21 และ 23 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โทร. 02–251–9955 หรือ www.noblehome.com      
โนเบิลฯ อัดแคมเปญ “ฮอตที่สุดในย่าน” ส่งแบรนด์ “รีวอลฟ์” คอนโดแต่งครบพร้อมอยู่ เริ่มต้นเพียง 3.4 ล้าน*

โนเบิลฯ อัดแคมเปญ “ฮอตที่สุดในย่าน” ส่งแบรนด์ “รีวอลฟ์” คอนโดแต่งครบพร้อมอยู่ เริ่มต้นเพียง 3.4 ล้าน*

โนเบิลฯ ส่งแคมเปญใหม่ “ฮอตที่สุดในย่าน” รวม 2 คอนโดพร้อมอยู่ใจกลางรัชดา โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา และ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 จัดเต็มแต่งครบ ฟรีเฟอร์ฯ พร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า ให้เข้าอยู่ได้ทันที บนทำเลศักยภาพ ติด MRT ศูนย์วัฒนธรรม เริ่มต้นเพียง 3.4 ล้าน* ชมห้องตัวอย่างพร้อมสัมผัสบรรยากาศโครงการจริงได้แล้ววันนี้ที่สำนักงานขายโครงการ   คุณธีรพล  วรนิธิพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า โนเบิลฯ ได้จัดโปรโมชั่นสำหรับลูกค้าที่มองหาคอนโดฯ ในย่านรัชดา ด้วยการเปิดตัวแคมเปญใหม่ “ฮอตที่สุดในย่าน” กับ 2 โครงการพร้อมอยู่ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา และ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 ที่มีจุดเด่นของทำเลศักยภาพใจกลางรัชดา ย่านศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ (New CBD) ติดรถไฟฟ้า MRT ศูนย์วัฒนธรรมเพียง 80 เมตร ตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่บนทำเลที่ลงตัวที่สุด โดยทั้ง 2 โครงการที่นำมาจัดแคมเปญในครั้งนี้มีขนาดห้องชุดให้เลือกตั้งแต่แบบ 1 ห้องนอน และแบบ 2 ห้องนอน ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.4 ล้านบาทเท่านั้น*   โครงการโนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา และ โนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 ออกแบบด้วยแนวคิด “Revolve Living” ที่ปรับทุกฟังก์ชั่นของพื้นที่ใช้สอย ให้ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองที่ทันสมัยได้อย่างลงตัวบนสุดยอดทำเลศักยภาพใจกลางรัชดา ซึ่งปัจจุบันนับเป็นย่านธุรกิจการค้าสำคัญแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้งมอลล์ สถานศึกษา และอาคารสำนักงานต่างๆ ส่งผลให้ย่านนี้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการเป็นจุดเชื่อมต่อของเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มที่จะทำให้ย่านรัชดาเป็นอีกทำเลสำคัญที่สามารถเชื่อมต่อไปได้ทุกที่ สำหรับลูกค้าที่สนใจ สามารถชมห้องตัวอย่างจริงได้วันนี้ ที่สำนักงานขายโนเบิล รีวอลฟ์ รัชดา 2 ติด MRT ศูนย์วัฒนธรรม ลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลดออนไลน์ 50,000 บาท* ได้ที่ www.noblehome.com สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 02-251-9955      
โนเบิล ประกาศผลการดำเนินงานปี 2561 พร้อมด้วยความแข็งแกร่งของปี 2562

โนเบิล ประกาศผลการดำเนินงานปี 2561 พร้อมด้วยความแข็งแกร่งของปี 2562

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ประกาศผลการดำเนินงานประจําปีสิ้นสุด วันที่ 31 ธันวาคม 2561 บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิจำนวน 987.0 ล้านบาท โดยบริษัทฯ มีรายได้จำนวน 5,152.9 ล้านบาท อัตราส่วนกำไรขั้นต้นคิดเป็นร้อยละ 43.4 และมีอัตราส่วนกำไรสุทธิร้อยละ 19.2 กำไรต่อหุ้นขั้นพื้นฐานจำนวน 2.16 บาทต่อหุ้น   “สำหรับปี 2561 นับว่าเป็นปีที่ดีของบริษัทฯ ซึ่งผลสำเร็จมาจากปัจจัยพื้นฐานที่ดี เป็นแรงผลักดันที่จะส่งผลต่อเนื่องไปยังปี 2562 และในอนาคตตามที่บริษัทได้คาดการณ์” กล่าวโดยนาย แฟรงค์ เหลียง รองประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม “สำหรับปี 2561 ที่ผ่านมา บริษัทฯ สร้างยอดขายกว่า 9,800 ล้านบาท ซึ่งส่งผลให้บริษัทฯ มียอดขายที่รอรับรู้รายได้ในอนาคตเป็นจำนวนประมาณ 17,700 ล้านบาท สำหรับไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จจากการส่งเสริมการขายโครงการที่ก่อสร้างแล้วเสร็จเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โครงการ โนเบิล เพลินจิต ซึ่งมียอดจองกว่า 150 ยูนิต และมีการโอนกรรมสิทธิ์แล้วในต้นปี 2562”   “ในเดือน ธันวาคม 2561 บริษัทฯ ได้จำหน่ายที่ดินเปล่าจำนวนสองแปลง และได้ดำเนินการโอนกรรมสิทธิ์ในเดือนมกราคมและเดือนกุมภาพันธ์ 2562 อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ มีแผนงานในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าภายในไตรมาสที่ 2 ของปี 2562 บริษัทฯ จะเปิดขายโครงการที่อยู่อาศัยประมาณ 2 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 3,000 ล้านบาท” กล่าวโดยนาย แฟรงค์ เหลียง “บริษัทฯ คาดหวังว่าปี 2562 นี้และปีต่อๆ ไปในอนาคตข้างหน้าจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของโนเบิลที่จะก้าวไปสู่จุดที่สูงกว่าที่เคยเป็นมา”   บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมใหม่ และสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของการอยู่อาศัย เพื่อตอบสนองความต้องการ พร้อมนำคุณภาพที่ดีกว่ามาสู่ลูกค้า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจประเภทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัย ซึ่งมีทั้งรูปแบบของบ้านเดี่ยว อาคารชุดพักอาศัยทั้งเชิงราบและตึกสูง   ณ เดือน ธันวาคม 2561 บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการแล้วรวมทั้งสิ้น 47 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่พัฒนาและเปิดการขายก่อนปี 2545 จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 4,800 ล้านบาท และโครงการที่เปิดการขายตั้งแต่ปี 2545 ถึงปี 2561 มีจำนวน 39 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 83,000 ล้านบาท    
โนเบิล ประกาศเงินปันผล 6.9 บาทต่อหุ้น ผลจากการประกอบการที่แข็งแกร่ง

โนเบิล ประกาศเงินปันผล 6.9 บาทต่อหุ้น ผลจากการประกอบการที่แข็งแกร่ง

คณะกรรมการบริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ได้มีมติอนุมัติการจ่ายเงินปันผลพิเศษระหว่างกาลประจำไตรมาสที่สาม ปี 2561 ในอัตรา 6.9 บาทต่อหุ้น ซึ่งการปันผลดังกล่าวนับได้ว่า เป็นเงินปันผลในอัตราสูงสุดเป็นประวัติการณ์ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ มา ทั้งนี้เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงความตั้งใจของคณะกรรมการบริษัทฯ ที่จะสร้างมูลค่าให้แก่ผู้ถือหุ้น และสร้างความมั่นใจในกระแสเงินสดในอนาคตของบริษัทฯ   “การอนุมัติจ่ายเงินปันผลครั้งนี้ บริษัทฯ มีสองวัตถุประสงค์ กล่าวคือ ประการแรกบริษัทฯ ต้องการที่จะตอบแทนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ เนื่องจากในช่วงระยะเวลา 7 ปีที่ผ่านมาบริษัทฯ มีอัตราการจ่ายเงินปันผลสะสมต่อกำไรสุทธิเพียง 16% เมื่อเทียบกับการจ่ายเงินปันผลในอุตสาหกรรมที่อยู่ในอัตราประมาณ 48% ทำให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ ได้รับผลตอบแทนที่ค่อนข้างต่ำกว่าค่าเฉลี่ย และอีกประการหนึ่งคือ การที่บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายเพื่อรับรู้รายได้ในอนาคตเมื่อสิ้นไตรมาสที่ 3 ปี 2561 เป็นจำนวนถึง 16,800 ล้านบาทและยอดขายดังกล่าวจะทยอยรับรู้รายได้ตั้งแต่ไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 เป็นต้นไป” กล่าวโดยนาย แฟรงค์ ฟง คึ่น เหลียง รองประธานกรรมการ และ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม   นายแฟรงค์ยังกล่าวต่อไปอีกว่า “การอนุมัติการจ่ายเงินปันผลครั้งนี้ยังได้แสดงถึงเจตนารมณ์ของคณะกรรมการบริษัทฯ และผู้บริหารที่จะสร้างผลตอบแทนสูงสุดให้แก่ผู้ถือหุ้นอย่างต่อเนื่องต่อไปในอนาคต โดยที่การจ่ายเงินปันผลครั้งนี้เป็นการจ่ายเงินปันผลที่เกิดขึ้นจากกระแสเงินสดจากการดำเนินการของบริษัทฯ มิได้เกิดจากการออกตราสารหนี้ หรือ สร้างหนี้เพิ่มแต่ประการใด อัตราส่วนหนี้สินทางการเงินต่อ ส่วนของทุนของบริษัทฯ (Net Interest Bearing Debt to Equity Ratio) มีค่าต่ำกว่า 2.5 เท่า (ซึ่งเป็นค่าที่บริษัทฯ ได้มีการตกลงในการรักษาสัดส่วนหนี้สินทางการเงินต่อทุน ระหว่างผู้ถือหุ้นกู้ และเจ้าหนี้สถาบันการเงิน กับบริษัทฯ) โดยที่บริษัทฯ คาดการณ์ต่อไปว่าภายในสิ้นปี 2562 อัตราส่วนดังกล่าวจะมีแนวโน้มที่จะลดลงอยู่ที่ระดับประมาณ 2.1 เท่า   นอกจากนี้ บริษัทฯ มีแผนการลงทุนอย่างต่อเนื่อง โดยในปี 2562 บริษัทฯ ได้วางแผนลงทุนจัดหาซื้อที่ดินใหม่เพื่อพัฒนาโครงการเป็นจำนวน 2.5 พันล้านบาท อีกทั้งบริษัทฯ มีสินค้าคงเหลือที่เกิดจาก โครงการที่สร้างเสร็จแล้ว และ โครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการอีกจำนวนหนึ่งอีกด้วย นอกจากนี้ในไตรมาสที่ 1 ปี 2562 บริษัทฯ ยังมียอดขายที่น่าพอใจจากตลาดต่างประเทศ ดังนั้น บริษัทฯ จึงไม่มีความกังวลใด ๆ กับการบริหารกระแสเงินสด รวมถึงผลประกอบการของทางบริษัทฯ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต”   ราคาหลักทรัพย์ NOBLE ณ สิ้นวันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562 มีค่าเท่ากับ 20.00 บาท เปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้น 1.50 บาท เทียบเป็น 8.11%   บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้บุกเบิกและเป็นผู้นำในด้านนวัตกรรมใหม่ และสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวของการอยู่อาศัย เพื่อตอบสนองความต้องการ พร้อมนำคุณภาพที่ดีกว่ามาสู่ลูกค้า บริษัทฯ ประกอบธุรกิจประเภทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัย ซึ่งมีทั้งรูปแบบของบ้านเดี่ยว อาคารชุดพักอาศัยทั้งเชิงราบและตึกสูง   ณ เดือน พฤศจิกายน 2561 บริษัทฯ ได้พัฒนาโครงการแล้วรวมทั้งสิ้น 46 โครงการ แบ่งเป็นโครงการที่พัฒนาและเปิดการขายก่อนปี 2545 จำนวน 8 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,800 ล้านบาท และโครงการที่เปิดการขายตั้งแต่ปี 2545 ถึงปี 2561 มีจำนวน 38 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 81,700 ล้านบาท      
โนเบิลฯ ตอกย้ำความสำเร็จเผยโฉมคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ “โนเบิล เพลินจิต” ที่สุดแห่งประสบการณ์ของการใช้ชีวิตใจกลางเมือง

โนเบิลฯ ตอกย้ำความสำเร็จเผยโฉมคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ “โนเบิล เพลินจิต” ที่สุดแห่งประสบการณ์ของการใช้ชีวิตใจกลางเมือง

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เดินหน้าสร้างปรากฎการณ์ที่สุดของความภาคภูมิใจ เผยโฉมตึก “Noble Ploenchit” (โนเบิล เพลินจิต) ตอกย้ำความสำเร็จของการเป็นผู้นำพัฒนา สุดยอดคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ ภายใต้คอนเซปต์ “Centre of Universe”   นายกิตติ  ธนากิจอำนวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)  กล่าวว่า “Noble Ploenchit  ก่อสร้างแล้วเสร็จถือเป็นอีกหนึ่งความภาคภูมิใจของโนเบิล ด้วยประสบการณ์และความเชื่อในการบรรจงสร้างสรรค์ทุกรายละเอียดอย่างประณีตและดีที่สุดตลอดระยะเวลา 5 ปี ภายใต้แนวคิดการอยู่อาศัยของชีวิตอนาคตที่มองไปข้างหน้า แต่ยังคงมีรากฐานที่เชื่อมโยงกับอดีต โดยไอเดียการสร้างเมืองแนวสูงที่มีพื้นที่สีเขียว (Vertical Garden City) ของ Le Corbusier  ปรมาจารย์ด้านสถาปัตยกรรมผู้วางรากฐานให้กับอาคารในสไตล์ Modernism ได้ถูกนำมาใช้เป็นคอนเซ็ปต์พื้นฐานในการสร้างสรรค์โครงการผ่านการผสมผสาน อาคาร ผู้คน เทคโนโลยี และธรรมชาติเข้าไว้ด้วยกันอย่างสมดุลบนพื้นที่ใจกลางเมืองกว่า 9 ไร่ เริ่มจากการวางผังเมืองที่คำนึงถึงมิติของโครงข่ายเมืองและสิ่งแวดล้อม ตัวอาคารมีรูปแบบเรียบง่ายเส้นสายน้อยแต่มากในรายละเอียดแสดงถึงสัจจะตามปรัชญาการออกแบบโมเดิร์นนิสต์ เพื่อให้เป็นที่สุดของทุกมิติและทุกรายละเอียดของโครงการ เพราะทุกยูนิตและทุกตารางนิ้วของโครงการได้คัดสรรสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อมอบสุนทรียแห่งการใช้ชีวิตให้แก่ลูกค้า โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา Noble Ploenchit  ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าที่ให้ความเชื่อมั่นในศักยภาพการพัฒนาโครงการระดับไฮเอนด์มาโดยตลอดส่งผลให้ปัจจุบันมียอดขายไปแล้วกว่า 60 % และสำหรับแผนการดำเนินธุรกิจภายในปีนี้ บริษัทฯยังเดินหน้าต่อไปอย่างมั่นคงด้วยกลยุทธ์การพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพสูง (High End) ที่มีทั้งความหรูหรา (Luxury High End) และสามารถเข้าถึงได้ (Affordable High End) เพื่อนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดแก่ลูกค้าต่อไป" ด้าน นายศิระ อุดล  ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า "โครงการ Noble Ploenchit  เป็นที่สุดของความภาคภูมิใจของโนเบิล โดยทีมงานทุกท่านได้ทุ่มเทในการ คัดสรรวัสดุและเทคโนโลยีการก่อสร้างที่ออกแบบให้ คอนกรีต เหล็กและกระจก มีความลงตัวไปกับรายละเอียดที่แวดล้อมอยู่รอบด้าน รวมถึงความใส่ใจในรายละเอียดของการเลือกใช้วัสดุเฉพาะจุด อาทิ แพทเทิร์นของหินอ่อนจากอิตาลีที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากดีเทลภายใน บาเซโลนาพาวิเลียน หรือแม้แต่การเลือกใช้วัสดุโดยคำนึงถึงจังหวะที่สอดคล้องกับสเปซทางสถาปัตยกรรม พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกเหนือระดับต่างๆภายในโครงการฯ เพื่อให้มั่นใจว่า Noble Ploenchit นี้จะเป็นศูนย์กลางของการใช้ชีวิต บนพื้นที่กว่า 9 ไร่ จำนวน 1,444  ยูนิต โดยมีตั้งแต่ขนาด 1 ห้องนอนขึ้นไป จนถึงขนาดเพนท์เฮ้าส์ พร้อมที่จอดรถใต้ดิน มูลค่าโครงการรวมกว่า 18,000 ล้านบาท สำหรับภายในโครงการ  Noble Ploenchit  ประกอบด้วยอาคาร Noble Building รีเทลสเปซแห่งใหม่ใจกลางเมืองย่านเพลินจิต ภายในประกอบไปด้วย ร้านค้าต่างๆ คาเฟ่สุดชิค และ Noble Space พื้นที่พิเศษสำหรับสมาชิกโนเบิล ตัวอาคารภายนอกถูกดีไซน์ด้วยรูปทรงของพื้นผิวอาคารที่พลิ้วไหวในสไตล์ Futuristic และการออกแบบแสงที่เปลี่ยนมิติไปทุกโมงยาม ตั้งแต่เช้าจรดค่ำให้ความรู้สึกของความเคลื่อนไหวที่ไม่เคยหยุดนิ่ง จนอาจกล่าวได้ว่า Noble Building คือสถาปัตยกรรมแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่จะปลุกสีสันและความมีชีวิตชีวาให้กับย่านเพลินจิตในอนาคต โดยทีมสถาปนิกยังออกแบบให้อาคารแห่งนี้เป็นเสมือนพื้นที่กันชนที่ช่วยสร้างความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น และยังออกแบบ Skywalk ในชั้นสองของอาคารให้เชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพลินจิต เพื่อสร้างความสะดวกสบายในการเดินทางให้กับผู้พักอาศัยตั้งแต่ก้าวออกจากประตูไปสู่ทุกจุดหมายได้อย่างไร้รอยต่อ  พร้อมกลุ่มอาคารคอนโดมิเนียมที่ประกอบด้วย  อาคาร A ความสูง 14 ชั้น, อาคาร B ความสูง 51, อาคาร C ความสูง 45 ชั้น และสวนสวยลอยฟ้าบนยอดตึกในแต่ละอาคาร ซึ่งแต่ละแห่งถูกออกแบบให้มีฟังก์ชั่นและดีไซน์ที่แตกต่างกันตามมุมมองของเส้นขอบฟ้า เรียกได้ว่าคงมีไม่กี่แห่งในกรุงเทพฯที่เราจะสามารถชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าผ่านพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่อย่างบางกระเจ้า ขณะเดียวกันในบริเวณพื้นที่เชื่อมต่อของกลุ่มอาคารต่างๆ ยังมีการออกแบบพื้นที่สวนกว่า 4 ไร่ ที่กระจายตัวทั่วทั้งโครงการ ซึ่งภูมิสถาปนิกต่างเลือกสรรพืชพันธุ์ไม้อย่างพิถีพิถัน เพื่อสร้างภูมิทัศน์ภายนอกให้สอดคล้องกับตัวอาคาร โดยมีการเลือกใช้ไม้ยืนต้นที่มีฟอร์มสง่างาม ช่วยให้ร่มเงาและลดทอนความสูงของตัวอาคาร  ในขณะที่ไม้พุ่มและไม้ใบสร้างความมีชีวิตชีวา ที่สำคัญคือต้นไม้เหล่านี้ไม่ได้มีหน้าที่เพียงแค่ให้ออกซิเจนกับผู้พักอาศัยเท่านั้น ทว่าสวนในแต่ละโซนยังออกแบบให้เป็นพื้นที่กันชนเพื่อสร้างความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยอีกด้วย นอกจากนั้นแล้ว โครงการ Noble Ploenchit ยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเหนือระดับ ที่ตั้งใจออกแบบให้คุณรู้สึกสงบตัดขาดจากโลกภายนอกที่วุ่นวายและผ่อนคลายไม่ว่าจะเป็น สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 45 เมตร , ฟิตเนสที่มีอุปกรณ์ได้มาตราฐานโลก และส่วนตัวด้วยนวัตกรรมเหนือระดับ Private Lift  สำหรับทุกยูนิตที่สร้างความเป็นส่วนตัวพร้อมขับเคลื่อนด้วยสปีดสูงสุดเดินทางจากชั้นล่างถึงชั้นสูงสุดของอาคารด้วยเวลาที่น้อยกว่า 60 วินาที โดยภายในทุกห้องของโถงลิฟท์ยังประดับด้วยคอลเลกชั่นงานศิลปะที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อโครงการนี้โดยเฉพาะเสมือนเป็นแกลเลอรีส่วนตัวที่จะทำให้ผู้อยู่อาศัยสัมผัสถึงความเอ็กซ์คลูซีฟในทุกๆครั้งที่เดินทางสู่บ้านแห่งนี้ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งแห่งความภาคภูมิใจกับที่สุดของสถาปัตยกรรมแห่งอนาคตได้แล้ววันนี้ กับโครงการ Noble Ploenchit สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหรือนัดหมายเข้าชมโครงการจริงโทร.02-251-9955 หรือ www.noblehome.com
โนเบิลฯ มั่นใจตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน เดินหน้าเปิดตัว “Noble BE19” ชูจุดเด่นทำเลศักยภาพใจกลางเมืองสุขุมวิท-อโศก พร้อม Superior Facilities แบบจัดเต็ม ด้วยราคาเริ่มต้น 6.2 ล้านบาท

โนเบิลฯ มั่นใจตลาดคอนโดมิเนียมระดับบน เดินหน้าเปิดตัว “Noble BE19” ชูจุดเด่นทำเลศักยภาพใจกลางเมืองสุขุมวิท-อโศก พร้อม Superior Facilities แบบจัดเต็ม ด้วยราคาเริ่มต้น 6.2 ล้านบาท

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเกมรุกตลาดคอนโดมิเนียมระดับบนเดินหน้าผุดโปรเจ็คต์ใหม่ “Noble BE19” (โนเบิล บีไนน์ทีน) ภายใต้สโลแกน “Living Seamlessly” เชื่อมชีวิตใหม่ ให้ไร้รอยต่อ ชูจุดเด่นทำเลศักยภาพใจกลางเมืองสุขุมวิท-อโศก พร้อมจัดเต็มกับ Facilities ระดับพรีเมี่ยม นายกิตติ  ธนากิจอำนวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน)เปิดเผยว่า “ปัจจุบันตลาดคอนโดฯใจกลางเมืองอย่างสุขุมวิทแนวรถไฟฟ้ายังคงได้รับความนิยมและเติบโตอย่างต่อเนื่อง  แม้ภาพรวมตลาดอสังหาฯในขณะนี้จะเกิดการชะลอตัวอยู่บ้าง อย่างไรก็ดีบริษัทฯเชื่อมั่นว่าในส่วนของตลาดคอนโดฯระดับบนในกรุงเทพฯนั้นยังคงเป็นกลุ่มตลาดที่ลูกค้ามีกำลังซื้อและได้รับความนิยมจากคนไทยและชาวต่างชาติที่นิยมซื้อเพื่ออยู่อาศัยและปล่อยเช่าลงทุน  โดยล่าสุดบริษัทฯเดินหน้าเปิดตัวคอนโดมิเนียมใหม่ “Noble BE19” บนสุดยอดไพร์มโลเคชั่นใจกลางเมืองสุขุมวิท-อโศก  ด้วยมูลค่าโครงการประมาณ 5,900 ล้านบาท  พร้อมทั้งเตรียมแผนธุรกิจเจาะตลาดกลุ่มนักลงทุนระดับบนในต่างประเทศรวมถึงประเทศเพื่อนบ้าน AEC ที่มีอัตราการเข้ามาใช้บริการด้านสุขภาพในสถานพยาบาลเอกชนระดับพรีเมียมในกรุงเทพฯเป็นจำนวนมาก  รวมถึงการออกโรดโชว์และการทำกิจกรรมโฆษณาประชาสัมพันธ์ เพื่อจับกลุ่มนักลงทุนที่มีรายได้สูงและกำลังมองหาแหล่งลงทุนใหม่จากสภาพเศรษฐกิจโลกผันผวน  ซึ่งเรามองว่าตลาดอสังหาฯในกรุงเทพฯนั้นยังคงเป็นแหล่งลงทุนที่ให้ผลตอบแทนสูงกว่าตลาดอสังหาฯในฮ่องกง สิงคโปร์ จีน และใต้หวัน  ด้วยเม็ดเงินที่น้อยกว่าเพราะราคา Property ต่อตารางเมตรในกรุงเทพฯ  ยังคงมีราคาถูกกว่าเมื่อเทียบกับในต่างประเทศประมาณ 40 กว่าเปอร์เซ็นต์ขึ้นไป  ในขณะที่อัตราผลตอบแทนต่อการปล่อยเช่าเราสูงกว่า ด้านนายธีรพล วรนิธิพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเพิ่มเติมว่า “หลังจากประสบความสำเร็จจากการปิดการขายโครงการ Noble Recole ในวันแรกที่เปิดจองเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ทางบริษัทฯจึงได้วางนโยบายในการพัฒนาโครงการ “Noble BE19”  ในย่านสุขุมวิท-อโศกอีกครั้ง เนื่องจากทำเลดังกล่าวถือเป็นย่านหัวใจหลักของกรุงเทพฯ (Hub of Bangkok) อีกทั้งยังเพียบพร้อมไปด้วยการคมนาคมที่สะดวกสบายหลากหลายรูปแบบ  ใกล้ BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท สามารถเชื่อมต่อสู่เส้นทางต่างๆ ทั่วมหานครได้อย่างไร้รอยต่อและครบครันไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ รวมไปถึงแหล่งธุรกิจ โรงเรียน โรงพยาบาลชั้นนำ ฯลฯ ที่สามารถตอบสนองความต้องการและเข้าถึงไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ดังนั้นไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อลงทุนย่อมถือเป็นสินทรัพย์ที่มีความคุ้มค่าในการครอบครอง คอนเซปต์การดีไซน์ยังคงเน้นความเป็นเอกลักษณ์สไตล์โนเบิลที่ผสมผสานความเรียบหรูและคลาสสิคของสถาปัตยกรรม ในสไตล์โมเดิร์น อาคารที่พักอาศัยประกอบด้วย Tower A สูง 48 ชั้น 1 อาคาร และอาคาร Tower B สูง 27 ชั้น 1 อาคาร รวมจำนวน 586 ยูนิต ขนาดพื้นที่โครงการ 3-2-95 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 5,900 ล้านบาท โดยมีห้องพักหลากขนาดหลายสไตล์ เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้า เริ่มตั้งแต่  1 ห้องนอน ขนาด 33 ตารางเมตร ไปจนถึง 50 ตารางเมตร  ส่วนยูนิตประเภท 2 ห้องนอน  เริ่มต้นที่ขนาด 51 ตารางเมตร ไปจนถึง 73 ตารางเมตร รวมถึงเพนท์เฮาส์ แบบ 2 ห้องนอนและ 3 ห้องนอน ขนาด 86-146 ตารางเมตร ซึ่งความพิเศษของห้องพักทุกยูนิต ถูกออกแบบให้โปร่งโล่งสบายด้วย Floor to ceiling สูงถึง 3 เมตร พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันแบบจัดเต็ม (Superior Facilities) ทั้ง 2 อาคาร ประกอบด้วย Indoor & Semi-Outdoor Lobby, Lobby Lounge , Lap Pool, Sky Jacuzzi Pool  & Reclining Pool , Recreation Area, Sky Fitness , Sky Lounge & Game Room, Sauna,Steam, English Contemporary Garden ชั้น 3, ชั้น 19  และ ชั้น 23, BBQ Area, Playground, Meeting Room และ Laundry Room  พร้อมอุ่นใจด้วยระบบรักษาความปลอดภัยเต็มรูปแบบ ด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) ,ระบบเข้าออกโครงการอัตโนมัติแบบ Access Control และ Key Card พร้อม Digital door lock ทุกห้องและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมงให้กับผู้อยู่อาศัยบนที่สุดของทำเลใจกลางสุขุมวิท-อโศก ใกล้ BTS อโศก และ MRT สุขุมวิท ในราคาเริ่มต้น 6.2 ล้านบาท” เชื่อมชีวิตใหม่  ให้ไร้รอยต่อกับคอนโดมิเนียม “Noble BE19” ได้วันนี้ ใกล้ BTS อโศกและ MRT สุขุมวิท เพียง 500 เมตร เปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่างและลงทะเบียนรับสิทธิ์จองได้ตั้งแต่วันที่ 4 - 17 มีนาคม 2559 ที่สำนักงานขายและเปิดจองวันที่ 20 มีนาคม 2559 ณ โรงแรมดิโอกุระ เพรสทีจ (The Okura Prestige Bangkok) ติด BTS เพลินจิต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โทร. 02-251-9955 หรือ www.noblehome.com
“Noble BE33” คอนโดใหม่ใจกลางสุขุมวิท ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง “The EM District”

“Noble BE33” คอนโดใหม่ใจกลางสุขุมวิท ใกล้แหล่งช้อปปิ้ง “The EM District”

เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสเห็นความเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญในย่านธุรกิจของกรุงเทพอย่างสุขุมวิท เพราะมีการเปิดตัว “The EM District”แหล่งช็อปปิ้งชั้นนำแห่งใหม่ใจกลางสุขุมวิท เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า เพราะมีสถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์จอดถึงที่ ทำให้ละแวกนี้ ธุรกิจต่างๆ คึกคักกันไปตามๆ กัน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เพราะหากดูกันที่ราคาค่าเช่าที่พักคอนโดของย่านนี้ เริ่มต้นกันตั้งแต่ 30,000 บาทต่อเดือน จนถึงหลักแสนเลยก็มี ส่วนคอนโดประเภทซื้อขาย ก็ไม่ต้องพูดถึง เริ่มกันตั้งแต่ระดับ 7 ล้านจนถึงสิบล้านขึ้นไป  และไม่รู้ว่าในอนาคตราคาคอนโดทั้งขายและเช่าจะดันขึ้นไปสูงอีกแค่ไหน  หากใครกำลังมองหาช่องทางลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ จะจับจองคอนโดย่านนี้เอาไว้ซักหลังก็ไม่เลวเลยทีเดียว! ลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลโครงการและ ส่วนลด 100,000 บาท ได้ที่ http://goo.gl/TZLRf2  
โนเบิลฯ ฉลองครบรอบ 25 ปี ตอกย้ำจุดยืนแบรนด์อสังหาฯคิดต่างและความเป็นเจ้าตลาดคอนโดใจกลางเมือง พร้อมเปิดตัว Noble BE33 ลักซ์ชัวรีคอนโดบนถนนสุขุมวิท33

โนเบิลฯ ฉลองครบรอบ 25 ปี ตอกย้ำจุดยืนแบรนด์อสังหาฯคิดต่างและความเป็นเจ้าตลาดคอนโดใจกลางเมือง พร้อมเปิดตัว Noble BE33 ลักซ์ชัวรีคอนโดบนถนนสุขุมวิท33

โนเบิลฯ ฉลองครบรอบ 25 ปี ตอกย้ำจุดยืนแบรนด์อสังหาฯคิดต่างและความเป็นเจ้าตลาดคอนโดใจกลางเมือง พร้อมเปิดตัว Noble BE33 ลักซ์ชัวรีคอนโดบนถนนสุขุมวิท33              บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) ฉลองครบรอบ 25 ปี ตอกย้ำจุดยืนในความเป็นแบรนด์อสังหาฯคิดต่าง ที่ไม่เคยคิดและมองอะไรเหมือนใคร ภายใต้แนวคิด “be different” ซึ่งเป็นปรัชญาความเชื่อที่อยู่ในดีเอ็นเอของโนเบิลมาตลอด 25 ปี พร้อมเดินหน้าย้ำความเป็นเจ้าตลาดคอนโดใจกลางเมืองด้วยการเปิดตัวคอนโดฯระดับไฮเอนด์โครงการแรกบนถนนสุขุมวิท33 ด้วยงบประมาณกว่า 80 ล้านบาท                   นายกิตติ ธนากิจอำนวย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวเปิดเผยว่า “ในวาระฉลองครอบรอบ 25 ปีของโนเบิล ทางโนเบิลได้จัดทำแคมเปญคอร์เปอร์เรทชุด “Believe in Your Soul” ตอกย้ำแนวคิด “be different, be noble” ปรัชญาความเชื่อที่อยู่ในดีเอ็นเอของแโนเบิลมาตลอด 25 ปี แนวคิดดังกล่าวถูกถ่ายทอดผ่านการออกแบบที่อยู่อาศัยและกำหนดความเป็นไปได้ใหม่ๆในการใช้ชีวิต นับตั้งแต่อดีตที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าโครงการต่างๆของโนเบิลก้าวข้ามความธรรมดาและเหนือความคาดหมายของผู้อยู่อาศัย อาทิเช่น โครงการ โนเบิล พาร์ค คอนโดมิเนียมเชิงราบสไตล์คอนโดเฮาส์ ปี 1991 ที่ถือเป็นการปฏิวัติวงการอสังหาริมทรัพย์ในยุคนั้นเป็นอย่างมาก ด้วยการออกแบบบ้านเป็นกลุ่ม Cluster ที่ดึงเอาถนนออกจากหน้าบ้านและจอดรถไว้รวมกันเป็นส่วนกลางเพื่อให้หน้าบ้านมีพื้นที่พักผ่อนที่เป็นส่วนกลางขนาดใหญ่ ร่มรื่นและปลอดภัยจากรถที่วิ่งเข้าออก โครงการ Noble Home บ้านเดี่ยวหลังคาโค้ง บ้านแนวใหม่ที่มีความริเริ่มทั้งในแง่การออกแบบและการเลือกใช้วัสดุก่อสร้าง โครงการ นีโอ ซิตี้ คอนโดมิเนียมเชิงราบและบ้านเดี่ยวเชิงขยาย อาคารสูง 3 ชั้น ชั้นละ2 ยูนิต แต่ละยูนิตมีจุดเด่นที่แตกต่างกันออกไป ส่วนบ้านเดี่ยวเชิงขยายมีการออกแบบให้พร้อมขยายต่อเติมได้ถึง 4 ขั้นตอนตามจังหวะการใช้ชีวิต จนกระทั่งเข้าสู่ยุคปัจจุบัน โนเบิลยังคงยืนอยู่บนธุรกิจอสังหาฯที่นำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตที่แตกต่างภายใต้บริบทแบบใหม่ของคนเมืองที่เกาะติดไปกับความเจริญเติบโตของกรุงเทพมหานครที่เปลี่ยนแปลงไป เช่น การออกแบบบ้านฟอร์ม L Shape และ U Shape อย่าง โครงการโนเบิล ทารา และโนเบิลวานา ที่มีการใช้สเปซที่กระชับและเกิดพื้นที่ว่างภายใน (Personal space) ทำให้ผู้อยู่อาศัยได้ใกล้ชิดธรรมชาติไม่ว่าจะอยู่ส่วนใดของบ้าน และอีกหนึ่งแนวคิดการอยู่อาศัยแบบคนเมืองในรูปแบบคอนโดมิเนียมบนพื้นที่ขนาดพอเหมาะในเมืองเศรษฐกิจใหญ่ที่กำลังขยายตัวอย่างรวดเร็วอย่างกรุงเทพฯ เพื่อให้คนรุ่นใหม่สามารถเป็นเจ้าของและใช้ชีวิตได้อย่างลงตัวภายใต้คอนเซปต์ Revolve Living ทำให้ห้องขนาด 25-28 ตารางเมตร มีพื้นที่ใช้สอยหน้ากว้างถึง 5 เมตร เป็นได้ทั้งห้องนอน ห้องนั่งเล่น และห้องทำงานกับ โครงการโนเบิล รีวอล์ฟ รวมถึง โครงการโนเบิล เพลินจิต อาคารสูงระฟ้าสไตล์ Minimalism ท่ามกลางสวนขนาดใหญ่ 4 ไร่ ให้ความเป็นส่วนตัวสูงสุดด้วย “Private Lift”        ทุกยูนิต และโครงการแนวสูงและแนวราบต่างๆอีกมากมาย เป็นต้น” Noble BE33              สำหรับโครงการแนวสูงหรือคอนโดมิเนียมโปรเจกต์แรกของปีนี้ คือ “Noble BE33” (โนเบิล บีเทอร์ตี้ทรี) คอนโดมิเนียมใหม่ใจกลางแหล่งไลฟ์สไตล์ทุกรูปแบบบนถนนสุขุมวิท33 ภายใต้สโลแกน “FLIP TO REVEAL YOURSELF พลิกให้พบตัวคุณ” เพียง 320 เมตรจาก Sky Walk และ BTS พร้อมพงษ์ (ทางขึ้นลงอนาคต) ในราคาเริ่มต้น 210,000 บาทต่อตารางเมตร   นายศิระ อุดล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “จากความสำเร็จที่ผ่านมาการเปิดตัวโครงการในย่านสุขุมวิทของโนเบิลฯ ได้รับการตอบรับที่ดีมาโดยตลอด และปัจจุบันตลาดคอนโดฯย่านใจกลางเมืองอย่างสุขุมวิทแนวรถไฟฟ้าก็ยังคงมีกระแสความต้องการอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสุขุมวิทถือเป็นหนึ่งในย่านที่อยู่อาศัยระดับไฮเอนด์ใจกลางเมืองที่ได้รับความนิยมจากคนไทยและชาวต่างชาติที่สนใจซื้อเพื่ออยู่เองและปล่อยเช่าลงทุน ซึ่งในปีที่ผ่านมาพบว่าจำนวนชาวต่างชาติที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยมีจำนวนเพิ่มสูงขึ้นถึง 77,000 กว่าคน โดยทำเลสุขุมวิท สาทร ลุมพินียังคงเป็นทำเลที่อยู่อาศัยที่ได้รับความนิยมสูงสุดในกลุ่มนี้ โดยเฉพาะเส้นสุขุมวิทซึ่งถือเป็นสุดยอดของทำเลย่านธุรกิจการค้าสำหรับชนชั้นสูง(CBD Grade A) อัตราความต้องการของพื้นที่สำนักงาน และที่พักอาศัยสูงขึ้นมากเพราะเป็นถนนที่เกาะติดแนวรถไฟฟ้าสามารถเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าใต้ดิน แอร์พอร์ตลิงค์และรถไฟฟ้าสายอนาคตได้อย่างสะดวกสบาย ดังนั้นเพื่อตอบสนองกับการเติบโตของกรุงเทพมหานคร โนเบิลฯจึงเดินหน้าเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ “Noble BE33” บนสุดยอดทำเลยุทธศาสตร์ย่านสุขุมวิท33 ใจกลางย่านธุรกิจสำคัญของกรุงเทพฯ โครงการ Noble BE33 โดดเด่นด้วยศักยภาพของทำเลที่รายล้อมไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ระดับไฮเอนด์ ใกล้ District แห่งใหม่ของแฟชั่นอย่างศูนย์การค้าระดับเวิลด์คลาส ดิ เอ็มโพเรียม โฉมใหม่ และดิ เอ็มควอเทียร์ ตลอดจนดิ เอ็มสเฟียร์ที่จะทำการเปิดในอนาคต รวมถึงแหล่งธุรกิจ โรงเรียน โรงพยาบาลชั้นนำ ฯลฯ ที่สามารถเข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตทั้งกลางวันและกลางคืนรองรับไลฟ์สไตล์อันหลากหลายของคนรุ่นใหม่ ดังนั้นไม่ว่าจะซื้อเพื่ออยู่อาศัยหรือเพื่อลงทุนย่อมถือเป็นความคุ้มค่าอย่างแน่นอน คอนเซปต์การดีไซน์เราให้ความสำคัญกับการผสมผสานในเรื่องของดีไซน์ที่มีกลิ่นอายความเป็นเอกลักษณ์สไตล์โนเบิล องค์ประกอบภายนอกและภายในอาคารถูกออกแบบอย่างประณีตเรียบหรูไร้กาลเวลาในสไตล์โมเดิร์น ด้วยอาคารที่พักอาศัย สูง 31 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 277 ยูนิต ขนาดพื้นที่โครงการ 2-0-5.91 ไร่ มูลค่าโครงการประมาณ 3,300 ล้านบาท โดยมีห้องพักขนาดประมาณ 34-43 ตารางเมตร สำหรับยูนิตประเภท   1 ห้องนอน ห้องพักขนาดประมาณ 51-69 ตารางเมตร สำหรับยูนิตประเภท 2 ห้องนอน ห้องพักขนาดประมาณ 76 ตารางเมตร สำหรับยูนิตประเภท 3 ห้องนอน และเพนท์เฮ้าส์ ขนาดประมาณ 109 -139 ตารางเมตร พิเศษสุดกับโถงทางเดินแบบ Single Corridor เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับผู้อยู่อาศัยทุกๆยูนิต และที่สำคัญยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับพรีเมี่ยม ไม่ว่าจะเป็น Reflective Lobby ขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบด้วยกระจกเงารอบด้านที่พร้อมพลิกมุมมองระหว่างวันสะท้อนความร่มรื่นจากสวนภายนอก และให้ความสว่างไสวด้วยแสงไฟจากภายในระหว่างค่ำคืน พร้อมแยกส่วน Semi-Outdoor Lobby เชื่อมต่อกับพื้นที่สวนส่วนกลางกว่า 1,000        ตารางเมตร ที่แวดล้อมด้วยพันธุ์ไม้หลากชนิดให้ร่มเงา และความเป็นส่วนตัวจากความวุ่นวายของเมือง เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ผ่อนคลายกับพื้นที่สวนเสมือนดั่งสวนหลังบ้านของครอบครัว สระว่ายน้ำ Sky Infinity Edge Pool สูงระฟ้า ยาว 25 เมตร เปิดรับมุมมอง 180 องศา ที่มาพร้อมกับ Sky Garden พื้นที่สีเขียว และ Sky Fitness ให้คุณฟิตพร้อมกับชมวิวมหานครได้อย่างเต็มที่ นอกจากนี้ยังเพิ่มความมั่นใจในความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ด้วยกล้องวงจรปิด (CCTV) และเพิ่มระบบรักษาความปลอดภัยด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยด้วยคีย์การ์ด (Key Card Access) ทุกห้อง และย้ำความมั่นใจกับ รปภ.ที่ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชม.  ในราคาเริ่มต้น 210,000 บาทต่อตารางเมตร พลิกให้พบตัวคุณกับคอนโดมิเนียมใหม่ “Noble BE33” ได้วันนี้เพียง 320 เมตรจาก Sky Walk และ BTS พร้อมพงษ์ (ทางขึ้นลงในอนาคต) เปิดให้เข้าชมห้องตัวอย่าง และลงทะเบียนรับสิทธิ์จองได้ตั้งแต่วันที่ 5 - 18 มิถุนายน 2558 ที่สำนักงานขาย และเปิดจองวันที่ 21 มิถุนายน 2558 ณ โรงแรมดิโอกุระเพรสทีจ (The Okura Prestige Bangkok) ติด BTS เพลินจิต สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่ โทร. 02-251-9955 หรือ www.noblehome.com
Noble BE 33 Sukhumvit : รีวิวคอนโด

Noble BE 33 Sukhumvit : รีวิวคอนโด

สวัสดีแฟนเพจทุกท่านครับ วันนี้เราจะพาไปชมคอนโดใจกลางเมือง ที่เพิ่งเปิดตัวไปพร้อมกับงานแถลงข่าวครบรอบ 25 ปี ของ Noble Development  ชื่อโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33 ห่างจากรถไฟฟ้า BTS พร้อมพงษ์ และ The EM District ในระยะที่สามารถเดินได้ จะน่าสนใจขนาดไหน ตามผมไปดูกันเลยดีกว่าครับ อ่อ..ลืมบอกไปครับ หากสนใจโครงการ สามารถลงทะเบียนผ่านทาง http://goo.gl/TFpM99 เพื่อรับส่วนลดพิเศษ 100,000 บาท ได้ภายในวันที่ 18 มิ.ย. นี้เท่านั้น !! การเดินทาง ตัวโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 33 ห่างจากสถานี BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 650 เมตร ถือว่าอยู่ในระยะที่สามารถเดินได้ (ถ้าไม่ใช่ช่วงที่อากาศร้อนตับแล่บนะครับ ฮ่าๆ ) สำหรับตัวสถานี BTS พร้อมพงษ์จะอยู่ใจกลาง ล้อมรอบด้วยศูนย์การค้าหรูอย่าง The Em District ที่เป็นการรวมตัวกันของ 3 ห้างระดับท็อปของ The Mall Group อย่าง The Emporium ที่ตั้งอยู่ในย่านพร้อมพงษ์นี้มาอย่างยาวนาน ส่วนฝั่งตรงข้ามเป็น The EmQuartier ห้างสรรพสินค้าน้องใหม่สุดหรู ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ไปได้ไม่นาน และอีกแห่งจะอยู่ฝั่งเดียวกับ The Emporium แต่ถูกกั้นกลางด้วยสวนเบญจสิริ คือ  The EmSphere ที่กำลังก่อสร้างอยู่ฝั่งตรงข้ามซอยสุขุมวิท 33 เพราะฉะนั้นแล้วเรื่องสาธารณูปโภคในย่านนี้ถือว่าหายห่วงเลยครับ ทั้งเรื่องของกิน ของใช้ การเดินทางก็สะดวกสบาย ถ้าจุดหมายปลายทางอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้า ก็แทบจะไม่ต้องใช้รถยนต์ส่วนตัวกันเลย นอกจากในห้างสรรพสินค้าแล้ว บริเวณรอบๆ ก็ยังมีร้านอาหารให้เลือกกันเยอะแยะเลยครับ ทั้งอาหารฝรั่ง หรืออาหารญี่ปุ่น เพราะย่านนี้จะอุดมไปด้วยชาวต่างชาติมากมาย โดยเฉพาะชาวญี่ปุ่น แผนที่ของโครงการ เราเริ่มกันที่สถานี BTS พร้อมพงษ์เลยนะครับ เดินลงมาแล้วก็จะเจอสภาพแบบนี้เลยครับ ผู้คนพลุกพล่านแทบจะทุกวัน ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ตัวสถานีจะมี Sky Walk เชื่อมต่อกับห้างทั้ง 2 ฝั่ง ด้านซ้ายมือจะเป็นทางเข้าห้าง Emporium เดินเลยมาอีกหน่อยทางเดินก็จะหรูหราขึ้น ปูพรหมแดงต้อนรับกันเลยทีเดียว ด้านขวามือจะเป็นทางเข้าห้าง EmQuartier ส่วนด้านซ้ายจะเป็นทางเข้าอีกทางของ Emporium จากตัวสถานี Sky Walk ทอดยาวมาถึงสวนเบญจสิริ บรรยากาศบนถนนสุขุมวิท ที่ถนนโล่งแบบนี้ เราไม่ค่อยได้เห็นกันเท่าไหร่ ทางลงด้านซ้ายมือจะเป็นฝั่งสวนเบญจสิริ ซึ่งเป็นแหล่งพักผ่อน และที่ออกกำลังของคนในย่านนี้ สวนเบญจสิริแห่งนี้ตั้งอยู่บนที่ดินขนาด 29 ไร่ ของกรมอุตุนิยมวิทยา สร้างขึ้นในสมัยรัฐบาล พลเอกชาติชาย ชุณหะวัณ เนื่องในวโรกาสที่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ มีพระชนมพรรษาครบ 60 พรรษาในปีพ.ศ. 2535 ภายในสวนมีประติมากรรมที่งดงาม และเป็นชิ้นงานสำคัญของศิลปินระดับชาติที่ร่วมใจกันถวายเป็นการเทิดพระเกียรติฯ แบ่งเป็นส่วนต่างๆ ที่สามารถเข้าไปทำกิจกรรมต่างๆ ได้ นอกจากนั้นยังมีลานกีฬา อยู่ในส่วนพื้นที่รอบนอก สำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกายและกีฬากลางแจ้ง ประกอบไปด้วย สนามตระกร้อ สนามวอลเล่ย์บอล สนามบาสเก็ตบอล ลานสเก็ต สวนสุขภาพ สนามเด็กเล่น และสระว่ายน้ำ ขนาด 12.5 x 25 เมตร และยังมีดนตรีในสวน เป็นส่วนที่จัดแสดงดนตรีในแนวไทย หรือสากล ตามโปรแกรมการแสดงดนตรีวันเสาร์-อาทิตย์ ในช่วงเย็นที่จัดหมุนเวียนไปตามสวนสาธารณะหลายแห่งทั่วกรุงเทพมหานคร ส่วนทางลงด้านขวามือจะเป็น จะเป็นทางลงมายังถนนสุขุมวิท ฝั่งซอยเลขคี่ เราต้องลงฝั่งนี้แหละครับ เพื่อเดินไปซอยสุขุมวิท 33 ลงมาจากสถานีได้ไม่ไกล จะเจอซอยสุขุมวิท 33/1 เป็นแหล่งใหญ่ของชาวญี่ปุ่น หรือที่รู้จักกันในนาม Japanese Town ภายในซอยก็จะมีร้านอาหาร ให้เลือกกันมากมายจนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว เดินมาอีกหน่อยจะเจอร้าน Subway ถัดมาจะเจอ Villa Market ที่ขายสินค้าทั้งของกิน ของใช้ เดินมาอีกหน่อย ก่อนถึงซอยสุขุมวิท 33 จะเจอร้าน Gute Express เป็นร้านเบเกอรี่เล็กๆ น่ารักๆ สไตล์ญี่ปุ่น ให้เลือกซื้อก่อนกลับเข้าคอนโด ติดกับร้าน Gute Express เป็น UBC II Building อาคารสมัชชาวาณิช 2 อาคารสำนักงาน มีธนาคารกรุงไทยกับธนาคารกสิกรไทย อยู่หน้าอาคาร หลังจากเดินมาจนเหงื่อซึม ก็ถึงแล้วล่ะครับ ซอยสุขุมวิท 33 ฝั่งตรงข้ามจะเห็นสถานที่ก่อสร้าง EmSphere ถ้าสร้างเสร็จแล้วไม่รู้ว่าจะมี Sky Walk ทอดยาวมาถึง EmSphere รึเปล่า ถ้ามีจริงก็คงจะดีนะครับ หน้าปากซอยยังมีร้านสะดวกซื้อสัญชาติญี่ปุ่นอย่าง Family Mart อยู่อีกด้วย บรรยากาศภายในซอยนะครับ มีพี่วินคอยให้บริการอยู่ปากซอยด้วย อัตราค่าบริการคร่าวๆ ตามนี้เลยครับ จากปากซอยเข้ามาประมาณ 350 เมตร ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วล่ะครับ วิเคราะห์โครงการ โครงการ Noble BE 33 Sukhumvit เป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น ที่ออกแบบมาในสไตล์เรียบ หรู และสวยงาม ตามแบบฉบับของโนเบิล โดยโครงการนี้จะเน้นให้เห็นเส้นตัดของแนวตั้งกับแนวนอนชัดเจนกว่าโครงการที่ผ่านๆ มา เรียกได้ว่าเป็น Timeless Design ที่จะยังคงสวยงาม ทันสมัย อยู่แบบนี้ไปอีกหลายปี ตัวโครงการจะหันไป 2 ด้าน คือด้านหน้าโครงการที่ติดกับซอยสุขุมวิท 33 จะเป็นทิศตะวันออก ได้วิวทางซอยทองหล่อ ส่วนด้านหลังโครงการเป็นทิศตะวันตก ได้วิวทางอโศก แม้ว่าจะต้องหันไปรับแดดเต็มๆ ทั้ง 2 ด้าน แต่ก็แลกมาด้วย City View ใจกลางกรุงเทพฯ สำหรับ Master Plan ของโครงการเรายังไม่มีให้ชมนะครับ ดูจากโมเดลจำลองของตัวอาคารประกอบกันไปก่อนแล้วกันนะครับ เริ่มจากทางเข้าโครงการจะใช้ทางเข้าเดียวเป็นถนน 2 เลน กว้าง 6 เมตร ก่อนที่จะลงไปจอดรถที่ชั้นใต้ดิน ที่มีทั้งหมด 5 ชั้น สามารถจอดรถได้ประมาณ 67% ของจำนวนห้องพัก ( 187 คัน ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ที่ชั้น G จะเป็น Lobby มีทั้งส่วนที่เป็น Indoor และแบบ Semi Outdoor เชื่อมต่อกับสวนด้านนอก โซนแรกจะเป็น Indoor Lobby ตกแต่งด้วยกระจกโค้ง ที่ทางโครงการบอกมาว่าในตอนกลางวันกระจกจะสะท้อนแสงกลมกลืนไปกับสภาพแวดล้อมรอบๆ ส่วนในเวลากลางคืนเห็น Interior ที่อยู่ด้านใน Lobby อย่างสวยงาม โดย Lobby ส่วนนี้จะมาพร้อมกับ Drop-Off มีจุดจอดรถรับ-ส่ง ด้านหน้า Lobby อีกโซนหนึ่งจะเป็น Semi Outdoor Lobby เชื่อมต่อออกมาสู่สวนสีเขียวด้านนอก ที่ทางโครงการบอกว่าเน้นการปลูกต้นให้เหมือนป่ามากที่สุด เลยจาก Lobby เข้ามาด้านในจะเป็น Lift Hall จะมีลิฟท์ทั้งหมด 3 ตัว แบ่งเป็น Private Lift 2 ตัว และ Service Lift อีก 1 ตัว อยู่ตรงกลางอาคารแบบ Single Loaded Corridor และมีบันไดหนีไฟอยู่ด้านข้างทั้ง 2 ด้าน ตั้งแต่ชั้น 2-28 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด มีแบบห้อง 1-3 ห้องนอน คละเคล้ากันไป ส่วน Facility หลักของโครงการจะอยู่ที่ชั้น 29 ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ระบบน้ำเกลือ ฟิตเนส ห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้อง Stream แยกชาย-หญิง ขยับขึ้นไปที่ชั้น 30-31 จะเป็นห้อง Penthouse ที่มีอยู่เพียง 4 ยูนิต แบ่งเป็นชั้นละ 2 ยูนิต รูปทรงของอาคารออกแบบมาในสไตล์เรียบหรู โดยห้องพักอาศัยจะหันหน้าไปใน 2 ทิศทาง คือทิศตะวันตกและทิศตะวันออก ด้านหน้าโครงการที่หันออกมาทางซอยสุขุมวิท 33 จะเป็นทิศตะวันออก ได้วิวทางซอยทองหล่อ ส่วนด้านหลังโครงการจะหันไปทางทิศตะวันตก ได้วิวทางอโศก ห้อง Type ที่อยู่หัวมุม จะได้ระเบียงเล็กๆ ด้านข้างด้วย ด้านบนที่ชั้น 29 จะเป็น Facility หลักของโครงการ ทั้งสระว่ายน้ำแบบ Infinity Edge Pool ระบบน้ำเกลือ ห้องฟิตเนส ห้องประชุมอเนกประสงค์ และห้อง Stream แยกชาย หญิง ส่วนที่ชั้น 30-31 จะเป็นห้อง Penthouse ขนาดใหญ่ที่มีเพียงแค่ 4 ยูนิต ชั้นละ 2 ยูนิต บรรยากาศสระว่ายน้ำบนชั้น 29 ที่ชั้น G จะเป็น Lobby มีทั้งแบบ Indoor ที่มาพร้อมกับ Drop-Off และแบบ Semi Outdoor ที่มีสวนสีเขียวล้อมรอบ Lobby โซนแรกจะตกแต่งด้วยกระจกโค้ง ให้ความสวยงาม โดยในเวลากลางวันจะสะท้อนสภาพแวดล้อมรอบๆ ส่วนในเวลากลางคืนจะเห็น Interior ที่อยู่ด้านใน ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby บรรยากาศจำลองภายนอก Lobby ในเวลากลางวัน กระจกโค้งที่ Lobby จะเป็นเหมือนกระจกเงา สะท้อนสิ่งแวดล้อมรอบๆ แต่ในเวลากลางคืน จะส้อนให้เห็น Interior ต่างๆ ที่อยู่ภายใน Lobby Lobby อีกโซนจะเป็น Semi Outdoor Lobby เชื่อมต่อกับสวนสีเขียวภายนอก มุมมองจาก Lobby ออกมาที่สวนด้านนอก ทางเข้าโครงการจะเข้าออกทางเดียว เป็นถนน 2 เลน กว้าง 6 เมตร ก่อนลงไปที่จอดรถชั้นใต้ดิน ที่มีทั้งหมด 5 ชั้น ภาพบรรยากาศ Lift Hall ที่บริเวณ Lobby พาชมห้องตัวอย่าง แบบห้องของโครงการจะมีทั้งหมด 4 แบบนะครับ ประกอบด้วยแบบ 1 ห้องนอน มี 2 ขนาด เริ่มต้นที่ 34.25 ตารางเมตร และขนาดประมาณ 40-43 ตารางเมตร ต่อมาเป็นแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 51 - 69 ตารางเมตร แบบ 3 ห้องนอน ขนาด 76 ตารางเมตร และ Penthouse ขนาด 109-139 ตารางเมตร สำหรับห้องตัวอย่างที่โครงการเตรียมไว้ให้ชมนั้น จะมีอยู่ 2 แบบ แบบแรกจะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาดประมาณ ประมาณ 43 ตารางเมตร และอีกแบบเป็นห้อง 3 ห้องนอน ขนาด 76 ตารางเมตร โดยโครงการจะขายแบบ Fully Fitted ลูกบ้านจะได้ในส่วนของห้องครัวประกอบด้วยเคาน์เตอร์ครัว พร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างเตาไฟฟ้า 2 หัว, ฮูดดูดควัน, ไมโครเวฟ และตู้เย็น Built in ตามแบบที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยนะครับ นอกจากนั้นยังมีตู้เสื้อผ้า Built in ที่มีให้ในห้องนอนทุกห้อง และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำด้วย สำหรับแอร์ที่ใช้ โครงการจะใช้แอร์แบบฝังฝ้า ทุกอยู่นิตจะได้แอร์ที่ห้องนอน และ Living Area มาดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่าครับ แบบแรกเป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 43 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ของห้องค่อนข้างลงตัว พื้นที่ที่ให้มาสามารถใช้งานได้จริง โดยลักษณะห้องจะแบ่งออกเป็น 2 โซน เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเจอกับส่วน Dining Living ก่อนนะครับ ด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิด ที่จัดชุดเคาน์เตอร์ครัวและเครื่องใช้ไฟฟ้ามาให้อย่างครบครัน และที่ติดกับครัวจะเป็นส่วน Dining Area ที่สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่าน ขยับเข้าไปด้านในจะเป็น Living Area และอีกด้านจะเป็นส่วนของห้องนอน และมีห้องน้ำอยู่ด้านใน ห้องนี้จะได้แอร์ 2 จุด คือที่ Living Area และในห้องนอน ประตูห้องจะเป็นบานสูง 2.4 เมตร ผิวลามิเนตลายไม้ ประตูจะใช้ระบบ Digital Door Lock ซึ่งคีย์การ์ดจะมีขนาดเล็กและบางกว่าคีย์การ์ดแบบทั่วไป พื้นห้องจะเป็นลามิเนตเกรดพรีเมี่ยม ที่ทำเลียบแบบผิวไม้ เวลาสัมผัสจะให้ควมรู้สึกเหมือนไม้จริงๆ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Dinning Living ก่อนเลยนะครับ ด้านขวามือจะเป็นเคาน์เตอร์ครัวแนวยาว ที่มีฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน โดยโครงการจะให้เครื่องใช้ไฟฟ้ามาด้วย 4 รายการ คือตู้เย็น Built in, โมโครเวฟ, เตาไฟฟ้า 2 หัว และฮูดดูดควัน เครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดจะให้ของ Smeg ด้านซ้ายสุดที่ติดกับผนังห้องจะเป็นตู้เย็น Built in เปิดออกมาก็จะมี 2 ส่วน ตัวท็อปครัวจะเป็นแนวยาว ด้านบนจะเป็นไมโครเวฟ ติดกันจะเป็นตู้ลอยเก็บของ มีจุดที่วางเครื่องซักอยู่ด้านล่าง แต่ตัวเครื่องซักผ้าไม่ได้ให้ด้วยนะครับ ซิ้งล่างจานแบบหลุม มีความลึกพอสมควร ขยับมาอีกจะเป็นเตาไฟฟ้า 2 หัว มาพร้อมฮูดดูดควันแบบฝัง ตรงข้ามกับครัว จะเป็นส่วน Dining Area ที่มีพื้นที่ค่อนข้างกว้าง สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 4 ท่านได้เลย ด้านในสุดจะเป็นส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวี สามารถวางโซฟา L Shape 4 ที่นั่ง ได้เลยครับ ที่ Living Area ที่มีระเบียงให้ด้วยนะครับ พื้นที่ระเบียงจะดูเล็กไปสักหน่อย ความกว้างประมาณ 55 ซม. อาจจะใช้ประโยชน์ได้ไม่มาก ออกไปยืนรับลม ชมวิว พอไหวอยู่ จุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ที่ระเบียงนี่แหละครับ มีฉากอลูมิเนียมปิดกั้นไว้อย่างเป็นสัดส่วน เฟรมกระจกที่ระเบียงจะมีความสูง 2.95 เมตร ซึ่งสูงกว่าเพดานห้องที่มีความสูง 2.75 เมตร มาดูกันต่อที่ห้องนอน พื้นที่ในห้องนอนถือว่ากว้างขวางอยู่นะครับ วางเตียง 5 ฟุต กำลังดีจะได้ไม่ดูอึดอัดเกินไป แต่ถ้าใครชอบเตียงใหญ่ๆ จัดเตียง King Size ก็ยังไหวนะครับ พื้นที่ปลายเตียงมีที่พอให้เดินผ่านได้ ถ้าจะเอาทีวีไว้ในห้องนอนด้วย ก็คงต้องใช้แบบแขวนผนัง ในห้องนอนก็มีระเบียงให้อีกนะครับ ขนาดก็จะเท่าๆ กับที่ Living Area ไม่สามารถเดินเชื่อมกับระเบียงที่ Living Area ได้นะครับ เพราะมีจุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์กั้นอยู่ ข้างเตียงอีกด้านก็มีระเบียงเล็กๆ ให้อีกจุดหนึ่ง จุดนี้จะเป็นระเบียงที่อยู่ด้านข้างอาคาร ฝั่งตรงข้ามจะเป็นทางเดินเข้าไปห้องน้ำ ที่หน้าห้องน้ำจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in เป็นบานกระจกยาวตลอดแนว แต่สเปคที่ได้จริงๆ จะไม่ใช่แบบนี้นะครับ ห้องจริงบานกระจกจะเป็นกระจกขุ่นๆ ส่วนเฟรมอลูมิเนียมก็จะไม่ใช่สีทองแบบที่เห็น จะเป็นเฟรมอลูมิเนียมสีธรรมขาติ เราเข้ามาดูในห้องน้ำกันบ้าง การจัดวาง Layout ในห้องน้ำจะมีลักษณะแบบนี้นะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้ในห้องน้ำทั้งหมดจะใช้ของ TOTO พื้นห้องน้ำจะเป็นกระเบื้องลายหิน ขนาด 60x60 ซม. อ่างล้างหน้าทรงสี่เหลี่ยม พร้อมกับเคาน์เตอร์ยาว กระจกเงาที่ได้ที่จะเป็นแนวยาวตามเคาน์เตอร์เลยครับ เคาน์เตอร์ยาวเท่าไหน กระจกเงาก็ยาวเท่านั้น Lighting ที่กระจกเงาเป็นแนวยาวทั้งด้านบน ด้านล่าง นี่โครงการก็ติดให้ด้วยนะครับ กระจกเงาสามารถเปิดปิดได้ มีตู้เก็บของซ่อนอยู่ด้วย โถสุขภัณฑ์ที่ได้จะเป็นแบบอัตโนมัติของ TOTO อีกด้านจะเป็นอ่างอาบน้ำแบบนั่ง ให้มาด้วย ซึ่งอ่างอาบน้ำแบบนี้จะได้ทุกยูนิต ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower แบบต่อมาเป็นแบบ 3 ห้องนอน พื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นมาเป็นขนาด 76 ตารางเมตร การจัดวาง Layout ของห้องนี้จะดูเป็นสัดส่วนมากขึ้น เมื่อเข้ามาในห้องแล้วจะเป็นทาง Corridor ยาวเข้าไปในห้องก่อนที่จะเจอกับห้องครัวที่แอบเข้ามุมอยู่ แม้ว่าขนาดจะดูเล็กกระทัดรัดไปสักหน่อย แต่เรื่องฟังก์ชั่นการใช้งานก็ยังครบครันเหมือนเดิม ถัดเข้ามาจะเป็นส่วนของ Dining Area ที่ให้มาค่อนข้างกว้างพอสมควร สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่าน ได้สบายๆ ขยับเข้ามาด้านในอีกจะเป็น Living Area ที่อยู่ตรงกลางระหว่างห้องนอนใหญ่ทั้ง 2 ห้อง ที่มีขนาดพอๆ กัน ซึ่งแต่ละห้องก็จะมีห้องน้ำในตัวแยกต่างหาก ส่วนห้องนอนเล็กจะแยกมาอยู่ฝั่งตรงข้าม จะมีห้องน้ำรวมอยู่ที่หน้าห้อง ซึ่งสามารถเข้าได้ 2 ด้าน ทั้งจากทางห้องนอนเล็ก และทาง Dining Area โดยห้องนี้จะได้แอร์ทั้งหมด 4 จุด คือที่ห้องนอนทั้ง 3 ห้อง และที่ Living Area อีก 1 จุด เข้ามาให้ห้องแลเวจะเป็นทาง Corridor ยาว ตรงนี้ผนังทั้ง 2 ด้านโครงการตกแต่งเป็นตู้เก็บของและตู้โชว์เป็นไอเดีย แต่ห้องจริงจะเป็นผนังปูน ไม่มีตู้ Built in มาให้ด้วยนะครับ เดินเข้ามาอีกหน่อยจะเป็นห้องครัวที่แอบเข้ามุมอยู่ ฟังก์ชั่นการใช้งานก็จะเหมือนกันกับครัวของแบบ 1 ห้องนอน เมื่อสักครู่นะครับ พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าก็ได้เหมือนๆ กัน ฝั่งตรงข้ามเยื้องๆ กับครัว จะเป็นส่วน Dining Area เป็นแนวยาวทอดไปหา Living Area ตรงนี้สามารถวางโต๊ะทานอาหารขนาด 6 ท่าน ได้เลย ถัดเข้ามาด้านในจะเป็น Living Area อยู่ตรงกลางระหว่าง ห้องนอนใหญ่ทั้ง 2 ห้อง Living Area จะมีขนาดพอๆ กับห้องแบบ 1 ห้องนอน มีระเบียงให้เหมือนกัน ขนาดของระเบียงก็จะเท่าๆ กัน ออกมาที่ระเบียงด้านขวาจะเป็นจุดที่วางคอมเพรสเซอร์แอร์ ส่วนด้านซ้ายมือจะเป็นแผงคอนกรีตกั้นไว้ เพื่อความสวยงามของโครงสร้างด้านนอก เรมาดูห้องนอนทางซ้ายมือกันก่อน ขนาดห้องจะใกล้เคียงกับห้องแบบ 1 ห้องนอน การจัดวาง Layout ต่างๆ ก็จะคล้ายๆ กัน ในห้องนอนก็จะมีระเบียงอีก 1 จุด อีกด้านจะเป็นห้องน้ำ มีตู้เสื้อ Built in อยู่หน้าห้องน้ำทั้ง 2 ด้าน อย่างที่บอกนะครับ ว่าเฟรมอลูมิเนียมที่ตู้เสื้อผ้า ในห้องจริงๆ จะไม่ได้สีทองแบบนี้นะครับ จะเป็นอลูมิเนียมสีธรรมชาติ ด้านในห้องน้ำ การจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนกับแบบ 1 ห้องนอน ข้ามมาดูที่ห้องนอนใหญ่อีกห้อง ห้องนี้เป็นห้อง Master Bedroom นะครับ การจัดวาง Layout จะเหมือนกันเลย แต่ห้องน้ำจะแอบเล็กกว่านิดหน่อย อีกด้านก็จะเป็นห้องน้ำ มีตู้เสื้อผ้า Built in อยู่หน้าห้องน้ำเหมือนกัน ซึ่งการจัดวาง Layout และสุขภัณฑ์ที่ใช้ก็จะเหมือนๆ กัน โถสุขภัณฑ์ของห้อง Master Bedroom จะพิเศษกว่าห้องน้ำห้องอื่นๆ จะเป็นโถสุขภัณฑ์แบบอัตโนมัตินะครับ มาดูที่ห้องสุดท้ายเป็นห้องนอนเล็ก ตรงนี้จะมีห้องน้ำแยกออกมา 1 ห้อง แต่สามารถเข้าได้ 2 ด้าน ทั้งจากด้านห้องนอนเล็ก และจาก Dining Living ห้องนอนเล็กนี้สามารถวางเตียงขนาด 3.5 ฟุต ได้นะครับ แต่ทางโครงการตกแต่งเห็นเป็นเหมือนห้องนั่งเล่นอีกห้อง ด้วยการวาง Daybed แทน ในห้องนอนเล็กก็จะมีตู้เสื้อผ้าให้อีก 1 ตู้ เป็นหน้าบานสไลด์ ในห้องนอนเล็กนี้ก็มีระเบียงเล็กๆ ให้อีกด้วยนะครับ มองจากห้องนอนเล็กเข้าไปในห้องน้ำ ห้องน้ำห้องนี้จะมีขนาดเล็กกว่าแบบที่อยู่ในห้องนอนใหญ่นะครับ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าก็จะเป็นเคาน์เตอร์เล็กๆ แต่สุขภัณฑ์ที่ใช้ก็เป็นของ TOTO เหมือนเดิม และอีกอย่างที่ห้องน้ำนี้แตกต่างจากห้องอื่น คือจะไม่ได้อ่างอาบน้ำ แต่จะมีเป็น Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ให้แทนครับ โดยรวมแล้วโครงการ Noble BE 33 Sukhumvit ถือว่าอยู่ในทำเลใจกลางเมืองอย่างแท้จริง สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการครบครัน ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางที่สะดวกสบาย แม้ว่าจะไม่อยู่ติดสถานีรถไฟฟ้า แต่ก็ถือว่ายังอยู่ระยะที่สามารถเดินได้ อีกทั้งห้างสรรพสินค้า แหล่งช้อปปิ้งต่างๆ ทั้งของกิน ของใช้ มีให้เลือกมากมาย และอยู่ไม่ไกลจากโครงการนัก หากซื้อเพื่ออยู่อาศัยก็เหมาะกับคนที่ทำงานอยู่ในเมือง หรืออยู่ตามแนวรถไฟฟ้า แต่อาจจะต้องแลกมากับความพลุกพล่าน เนื่องจากเป็นแหล่งช้อปปิ้งใจกลางเมือง คนที่ชอบความสงบ และต้องการความเป็นส่วนตัว อาจจะต้องคิดหนักหน่อยนะครับ ส่วนเรื่องการซื้อเพื่อลงทุน ก็อาจจะหาผู้เช่าได้ไม่ยาก เนื่องจากอยู่ใกล้รถไฟฟ้า และแหล่งออฟฟิศต่างๆ แถมยังเป็นแหล่งใหญ่ของชาวญี่ปุ่นอีกด้วย จึงเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจในย่านนี้
Noble Gable วัชรพล : รีวิวบ้าน

Noble Gable วัชรพล : รีวิวบ้าน

Noble Gable วัชรพล โครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้นสไตล์โพสต์โมเดิร์น บนถนนเพิ่มสิน โครงการใหม่ล่าสุดจาก Noble Development รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    6,900,000 บาท เจ้าของโครงการ   บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ลักษณะโครงการ   บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 266 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ   ถ.เพิ่มสิน แขวงคลองถนน เขตสายไหม กรุงเทพ เริ่มก่อสร้าง   ปี 2558 คาดว่าจะแล้วเสร็จ   ปี 2559 สถานที่สำคัญใกล้เคียง บิ๊กซี ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ โรงพยาบาลสายไหม โรงพยาบาลภูมิพลฯ แบบบ้านและขนาดพื้นที่ใช้สอย SEMI : ที่ดิน 35.9 – 64.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 157 ตร.ม. AETO : ที่ดิน 51 – 62 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 169 ตร.ม. PYRA : ที่ดิน 56.4 – 82.6ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม. แบบบ้าน SEMI ขนาดที่ดิน 35.9 – 64.4 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 157 ตร.ม. แบบบ้าน AETO ขนาดที่ดิน 51 – 62 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 169 ตร.ม. แบบบ้าน PYRA ขนาดที่ดิน 56.4 – 82.6 ตร.วา พื้นที่ใช้สอย 190 ตร.ม. สิ่งอำนวยความสะดวก CCTV 2 จุด ระหว่างทางเข้า-ออกโครงการ Pass Card ควบคุมการเข้า-ออก สวนสาธารณะ สระว่ายน้ำ Fitness รปภ. 24 ชั่วโมง สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร :   099-445-3699 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม :    www.noblehome.com
โนเบิล เปิดเกมรุกตลาดแนวราบ ผุดบ้านเดี่ยวดีไซน์ต่าง “Noble Gable Watcharapol” ชูจุดขาย Privacy Space

โนเบิล เปิดเกมรุกตลาดแนวราบ ผุดบ้านเดี่ยวดีไซน์ต่าง “Noble Gable Watcharapol” ชูจุดขาย Privacy Space

บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเกมรุกตลาดแนวราบ ผุดบ้านเดี่ยวโครงการใหม่  “โนเบิล เกเบิล วัชรพล” (Noble Gable Watcharapol) ชูจุดขายภายใต้สโลแกน “แผ่ความสุข...ให้เต็มพื้นที่” บ้านที่ถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่เพิ่มมากขึ้นตอบโจทย์ทุกฟังก์ชั่นบ้านที่ครบครัน ให้คุณเต็มที่กับสเปซทั้งภายในและภายนอกได้อย่างลงตัวบนทำเลศักยภาพใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา-วงแหวนรอบนอก ในราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท นายธีรพล  วรนิธิพงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “แม้ว่าปัจจุบันตลาดคอนโดมิเนียมถือเป็นที่พักอาศัยที่ได้รับความนิยมสูงสุด โดยเฉพาะคอนโดมิเนียมที่ตั้งอยู่บนทำเลที่ใกล้ระบบคมนาคมที่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการเดินทาง ซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญในการใช้ชีวิตในเมืองท่ามกลางสภาพการจราจรในปัจจุบัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่ต้องเผชิญคือพื้นที่ที่จำกัดซึ่งหากต้องการพื้นที่กว้างราคาก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย  การอยู่อาศัยในแนวราบจึงยังคงตอบโจทย์กับกลุ่มคนที่เริ่มชีวิตคู่หรือวางแผนการใช้ชีวิตเพื่อรองรับครอบครัวขยายมากขึ้นทำให้ตลาดบ้านเดี่ยวยังคงเป็นที่ต้องการ และยังคงมีดีมานด์ที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อตอบสนองกับความต้องการของผู้อยู่อาศัยในกลุ่มนี้ โนเบิลฯ จึงกลับมารุกตลาดแนวราบอีกครั้ง ภายใต้แบรนด์ใหม่ “Noble Gable Watcharapol”  โครงการบ้านเดี่ยวและบ้านแฝด สไตล์ Modern Contemporary โดดเด่นด้วยดีไซน์ที่แตกต่างเป็นเอกลักษณ์ของโนเบิล ด้วยแรงบันดาลใจที่ต้องการออกแบบบ้านเสมือนกล่องของขวัญที่อัดแน่นด้วยความสุข พร้อมการดีไซน์ให้ทุกพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกถูกใช้ประโยชน์อย่างคุ้มค่าครบครัน ไม่ว่าจะเป็น ส่วนของห้องครัว ห้องนั่งเล่น ห้องอาหาร และส่วนของสนาม  พร้อมทั้งหน้าต่างของตัวบ้านยังสูงจรดฝ้าทำให้บ้านดูโปร่งโล่งสบายตา นอกจากนี้แปลนบ้าน และตัวบ้านยังถูกออกแบบโดยยึดหลักการจัดวางแบบ Privacy Space เน้นช่องเปิดเฉพาะด้านข้างและด้านหลังพร้อมกับแนวรั้วสูงถึง 2 เมตร เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้พื้นที่ทั้งภายในและภายนอกได้อย่างเป็นส่วนตัว และเต็มที่กับกิจกรรมแห่งความสุขในครอบครัวได้อย่างลงตัว พร้อมคลับเฮาส์แบบ Open Space ที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้ใหญ่บนพื้นที่กว้างขวางทำให้ผู้อยู่อาศัยมีกิจกรรมต่างๆได้มากมาย ภายในโครงการยังมีที่จอดจักรยาน สนามเด็กเล่น ฟิตเนส และสระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ที่ปูด้วยหินภูเขาไฟช่วยสะท้อนเงาภาพโดยรอบให้ความรู้สึกเสมือนได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติอย่างแท้จริง และยังมี Looped Handicapped หรือทางลาดสำหรับ Wheelchair (รถเข็น) เพื่อให้คนชราหรือผู้พิการสามารถใช้งานได้อย่างทั่วถึงทุกพื้นที่ของคลับเฮาส์  โครงการนี้อยู่ตั้งบนทำเลศักยภาพถนน  เพิ่มสิน-วัชรพลที่สามารถเชื่อมต่อด้านคมนาคมไปยังถนนสายหลักอื่นๆได้อีกมากมาย ทั้งเส้นสายไหม  พหลโยธิน    เลียบทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ที่เข้าสู่ใจกลางเมืองได้อย่างรวดเร็ว  นอกจากนี้ยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครันที่รองรับไลฟ์สไตล์อันหลากหลาย อาทิ ศูนย์การค้าแฟชั่นไอส์แลนด์ เดอะพรอมานาด เซ็นทรัลพลาซ่ารามอินทรา เพลินนารี่มอลล์ โรงพยาบาลสายไหม และโรงเรียนสารสาสน์วิเทศสายไหม เป็นต้น   โครงการ  “Noble Gable Watcharapol” ตั้งอยู่บนพื้นที่ 49 ไร่ จำนวน 266 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,200 ล้านบาท ประกอบด้วยแบบบ้านสไตล์ Modern Contemporary ทั้งหมด 3 แบบ คือ 1.) บ้านเดี่ยว (PYRA) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 190 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว พร้อมที่จอดรถ 2 คัน  2.) บ้านเดี่ยว (AETO) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 169 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น 1 ห้องครัว พร้อมที่จอดรถ 2 คัน   3.) บ้านแฝด (SEMI) ขนาดพื้นที่ใช้สอย 157 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องนั่งเล่น  1 ห้องครัว พร้อมที่จอดรถ 2 คัน  อีกทั้งยังเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ไม่ว่าจะเป็นคลับเฮ้าส์วิวพาโนรามากว้างสุดสายตา สวนธรรมชาติพื้นที่สีเขียว สระว่ายน้ำระบบเกลือและฟิตเนส ให้ความปลอดภัยสูงสุดแก่ผู้อยู่อาศัย ด้วยระบบโทรทัศน์วงจรปิด หรือCCTVและพนักงานรักษาความปลอดภัยตลอด24 ชั่วโมง ไม่ว่าจะเลือกแบบบ้านขนาดไหน ลงตัวสำหรับทุกชีวิตครบทุกความต้องการ ทั้งห้องครัว ห้องอาหาร ห้องนั่งเล่น ทุกห้องเปิดรับวิวสนามหญ้าส่วนตัว ไม่ว่าจะออกกำลังกาย ปลูกสวนผักออแกนิคหรือจะปิคนิคชิลๆก็ทำได้เต็มที่ ในราคาเริ่มต้น 6.9 ล้านบาท” มาใช้ชีวิตเต็มที่กับพื้นที่เพิ่มได้แล้ววันนี้ที่โครงการ “Noble Gable Watcharapol” เปิดจองและรับข้อเสนอพิเศษสูงสุดถึง 900,000 บาท ในงาน Spread Happiness วันที่ 28 ก.พ. - 1 มี.ค. นี้ ณ โครงการ Noble Gable Watcharapol ระหว่างซอยเพิ่มสิน 21 และ 23 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมที่โทร. 02-251-9955หรือ www.noblehome.com
NOBLE เพลินจิต : รีวิวคอนโด

NOBLE เพลินจิต : รีวิวคอนโด

โครงการ: NOBLE เพลินจิต (PREVIEW)   ราคา เริ่มต้น 8,600,000 บาท บาท/ตารางเมตร 215,800 บาท เจ้าของโครงการ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จุดเด่น คอนโดหรู ตั้งอยู่บนถนนเพลินจิต ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีเพลินจิต เดินทางสะดวกใก้ลจุดขึ้นลงทางด่วน รายล้อมไปด้วยแหล่ง Shopping Mall หรูใจกลางกรุงเทพ จุดด้อย โปรโมชั่น ปีที่สร้างเสร็จ ปี 2560 ที่ตั้ง: NOBLE เพลินจิต (PREVIEW) ลักษณะคอนโด High Rise เนื้อที่ทั้งหมด 9-0-92.40 ไร่ ที่ตั้ง ถนนเพลินจิต แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ พิกัดโครงการ 13.743483,100.548440 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS เพลินจิต สถานที่สำคัญใกล้เคียง Central Embassy Central ชิดลม Central World อาคาร Park Venture อาคารมหาทุน พลาซ่า ธ.กรุงไทย สำนักงานใหญ่ สถานทูต สหรัฐ อเมริกา สถานทูต อังกฤษ ลักษณะโครงการ: NOBLE เพลินจิต (PREVIEW) ประเภทห้องที่มี 1 Bedroom 2 Bedroom 3 Bedroom Penthouse (สระว่ายน้ำส่วนตัว) Duplex ขนาดห้องที่มี ขนาดตั้งแต่ 39.86 – 244.74 ตร.ม. จำนวนตึก 3 อาคาร จำนวนชั้น Tower A : 14 ชั้น /Tower B : 51 ชั้น /Tower C : 46 ชั้น จำนวนห้อง 1,442 ยูนิต ส่วนกลาง: NOBLE เพลินจิต (PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด ประมาณ 1,000 คัน หรือคิดเป็น 70% ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 60 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 600 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ขนาด 8×22 เมตร ระบบเกลือ ฟิตเนส สวนสวยขนาดใหญ่กว่า 4 ไร่ ลิฟต์ส่วนตัว และ ส่วนกลาง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย และ กล้องวงจรปิด ประตู Key Card สตรีม ทางเดินเชื่อมจากสถานีรถไฟฟ้าสู่โครงการ   เพิ่มเติม: NOBLE เพลินจิต (PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-251-9955 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.noblehome.com/condominium/ploenchit ข้อมูล ณ วันที่
Noble Ploenchit : รีวิวคอนโด

Noble Ploenchit : รีวิวคอนโด

กลางสี่แยกเพลินจิตตอนนี้ คงไม่มีใครไม่รู้จักโครงการ Noble เพลินจิต คอนโด High Rise ที่กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้าง ซึ่งเป็นหนึ่งในโครงการที่ฮ๊อตสุดๆ ในชั่วโมงนี้ เพราะด้วยทำเลที่อยู่ใจกลางเมืองที่มีความเจริญถึงขีดสุด และแวดล้อมไปด้วยแหล่งช็อปปิ้งสุดหรู อาคารสำนักงานขนาดใหญ่ โรงแรมระดับ 5 ดาว รวมถึงสถานที่สำคัญต่างๆ อีกมากมาย ยิ่งทางโครงการได้แจ้งข้อมูลเพิ่มเติมมาด้วยว่า มีการปรับปรุง ตกแต่งห้องตัวอย่างใหม่ แถมมีโปรโมชั่นใหม่แกะกล่องที่น่าสนใจมากๆ ทางทีมงานเลยรีบเข้าไปเก็บภาพห้องตัวอย่างมาอัพเดทกันครับ การเดินทาง พูดถึงเรื่องการเดินทางมายังโครงการ Noble เพลินจิต คงไม่มีวิธีไหนสะดวกไปกว่าการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS อีกแล้ว เพราะตัวสถานีเพลินจิตมีบันไดจ่ออยู่ถึงหน้าโครงการ แถมเมื่อโครงการแล้วเสร็จ Sky Walk ของตัวสถานีจะเชื่อมต่อเข้าไปยังโครงการด้วย ซึ่งสถานีรถไฟฟ้าเพลินจิตนี้ต้องบอกว่าเป็นสถานีที่มีเส้นทาง Sky Walk เชื่อมต่อครอบคลุมไปทั้งพื้นที่เลยทีเดียว เรียกว่าไม่ต้องเสียเวลาเดินลงจากสถานีไปเดินริมฟุตบาท หรือข้ามทางม้าลายตรงสี่แยกให้เสียเวลา หลายอาคารที่อยู่รอบๆ สถานีนี้มีสะพานเชื่อมต่อเข้าตัวอาคารเหมือนกันหมดครับ ไม่มีใครยอมน้อยหน้าใครเลย ดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเลยได้คะแนนด้านความสะดวกสบายไปเต็มๆ แถมยังรวดเร็วกำหนดเวลาได้ค่อนข้างแน่นอน ไม่ต้องปวดหัวกับปัญหารถติดด้วย เว้นแต่ช่วงเวลาเร่งด่วนที่ปริมาณคนโดยสารแน่นเกินไปหน่อยเท่านั้นเองครับ สถานีที่ใกล้ที่สุดก็ตามชื่อโครงการเลยครับ คือสถานีเพลินจิต ถ้ามาจากทางหมอชิต ออกจากรถไฟฟ้ามาแล้วก็จะเห็นโครงการที่กำลังก่อสร้างอยู่เลยนะครับ แต่ถ้ามาจากทางอ่อนนุชก็จะเห็นตึกมหาทุนพลาซ่า ซึ่งจะอยู่ตรงข้ามกันโครงการ ลงมาแล้วจะมีป้ายบอกทางเยอะแยะเลยนะครับ เราตามป้ายทางออก 1, 2 ไปเลยนะครับ ทางออก 2 จะเป็นทางเชื่อมเข้าตึก Park Venture ทางที่เราจะขึ้นไปดูห้องตัวอย่างกันครับ ส่วนทางออก 1 จะเป็นบันไดลงไปฝั่งที่ตั้งโครงการ ถ้าโครงการสร้างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทางออก 1 นี่แหละครับที่น่าจะเป็นทางเชื่อมเข้าโครงการ หากเดินตรงไปจะเป็น Sky Walk เชื่อไปยังตึก Wave Place และห้าง Central Embassy สำหรับการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็ต้องบอกว่า สะดวกสบายตามสมควร เพราะทางโครงการเตรียมเส้นทางเข้าออกไว้ให้หลายทาง ทั้งทางด้านหน้าจากฝั่งถนนเพลินจิต ทางด้านหลังโครงการซึ่งอยู่ในซอยนายเลิศ และทางฝั่งถนนวิทยุที่ใช้ทางเชื่อมกับพื้นที่จอดรถของอาคาร Wave Place (Home Pro) นั่นเอง แต่ติดปัญหาที่ถนนเพลินจิตมีเกาะกลางกั้นยาวตลอดทั้งเส้น แถมยังไม่มีจุดกลับรถอีก ถ้าขับมาผิดฝั่งก็ต้องเลยตามเลย แล้วค่อยหาทางกลับมาที่โครงการกันอีกรอบ ไหนจะถนนวิทยุที่หาที่กลับรถยากอีก ข้อจำกัดในการขับรถมายังโครงการจึงเพิ่มเงื่อนไขมากขึ้น ถ้าจะให้ดีต้องศึกษาทางหนีทีไล่ของเส้นทางรอบๆ บริเวณนี้ให้ดีครับ เพราะมีซอยเล็กซอยน้อยเป็นตัวช่วยได้เยอะพอสมควร แผนที่แสดงให้เห็นทางเข้า-ออกโครงการที่มีทั้งหมด 3 ทาง ซึ่งทางเข้า-ออกหลักจะเป็นหมายเลข 1 ด้านที่ติดกันถนนเพลินจิต ทางที่ 2 จะเป็นฝั่งซอยนายเลิศ ส่วนทางที่ 3 จะเป็นฝั่งถนนวิทยุ ผ่านตึก Wave Place ก่อนเข้าโครงการ ทีนี้มาดูเส้นทางการเดินทางโดยรถยนต์กันบ้าง จากถนนสาทรสามารถใช้เส้นทางถนนวิทยุมาถึงแยกเพลินจิตได้เลย แล้วค่อยไปเลี้ยวเข้าตึก Wave Place หรือซอยนายเลิศก็ได้ ส่วนถ้ามาจากฝั่งสุขุมวิทก็ตรงมาเข้าถนนเพลินจิตได้เลย แต่จำไว้นิดนึงนะครับว่า ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนเพลินจิตฝั่งเหนือ จึงต้องเบี่ยงรถมาอีกฟากของถนน ถ้าขับเพลินๆ ชิดซ้ายมาทางด้านฝั่งเพลินจิตใต้ก็คงต้องเลยยาวกันไป แล้วค่อยกลับตัวว่าจะเข้าซอยหลังสวนแล้วกลับมาทางถนนวิทยุ หรือจะเลยยาวไปถึงแยกราชประสงค์ดี เช่นเดียวกันกับด้านลงทางด่วนนะครับ ให้ลงฝั่งเพลินจิตเหนือ จะได้เลี้ยวเข้าโครงการได้ง่ายหน่อย ส่วนด้านขาขึ้นทางด่วน ก็มีด่านเก็บเงินอยู่ใกล้ๆ กับทางโครงการเลย จะออกนอกเมืองหรือข้ามไปฝั่งอื่นๆ ของกรุงเทพฯก็สะดวกครับ เลี้ยวออกจากโครงการมาไม่เกิน 300 เมตรเท่านั้น โดยภาพรวมแล้วการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็จัดว่าไม่แย่นะครับ ถนนบริเวณหน้าโครงการวิ่งสวนเลนมาจากทางแยกราชประสงค์ได้หนึ่งเลน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เรื่องปัญหารถติดก็ยังคงหนักหน่วงเอาเรื่องสำหรับย่านนี้ ต้องเป็นนอกช่วงเวลาเร่งด่วนเท่านั้นที่การจารจรยังลื่นไหลมากหน่อย แต่ถ้าช่วงเช้า-เย็นนี่สิรถจะติดหนักหนาเอาการเลย ซึ่งปัญหานี้ก็หลีกเลี่ยงกันยากหน่อย ยังไงชีวิตคนเมืองก็หนีไม่พ้นปัญหารถติดอยู่แล้วล่ะครับ เริ่มจากทางลงทางด่วนเลยนะครับ ให้เราชิดซ้ายเพื่อที่จะลงเพลินจิตฝั่งเหนือ ลงทางด่วนมาแล้วให้ชิดขวาไว้นะครับ เพื่อรอที่จะเลี้ยวขวาไปทางถนนวิทยุ ถ้าเลี้ยวซ้ายไปจะเข้าถนนสุขุมวิทไปทางนานา อโศก เลี้ยวขวามานิดเดียวจะเห็นทางขึ้นทางด่วนตรงนี้แหละครับ ที่ลูกบ้านโนเบิล เพลินจิต อาจจะได้ใช้ประจำ เลยจากจุดขึ้นทางด่วนมาจะเจอสถานี BTS เพลินจิต ก็ใกล้ถึงโครงการแล้วครับ จากนั้นก็ถึงโครงการแล้วครับ แต่ตอนนี้ยังเข้าไม่ได้นะครับ เค้ากำลังก่อสร้างอยู่ ^_^ ส่วนการเดินทางไปที่สำนักงานขายที่ตึก Park Venture ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามโครงการ ต้องมาลงทางด่วนอีกฝั่งนึงคือฝั่งเพลินจิตใต้นะครับ เริ่มจากทางลงทางด่วนเพลินจิตนะครับ ให้ชิดขวาไว้เพื่อที่จะตรงไปลงเพลินจิตฝั่งใต้ เบี่ยงออกทางขวา ตามป้ายเพลินจิตใต้ไปเลยครับ มองไปทางด้านขวามือก็จะเห็นตึกสูงๆ ที่กำลังก่อสร้างอยู่ นั่นคือโครงการ Noble เพลินจิต นี่แหละครับ ลงสะพานมาแล้วขับชิดซ้ายยาวๆ เลยนะครับ จะเจอทางออกด้านซ้ายมือ ให้เรากลับรถไปทางถนนเพลินจิต กลับรถมาแล้วจะเป็นถนน 2 เลน เลียบทางด่วนย้อนกลับไปทางเพลินจิตครับ ออกมาถึงถนนเพลินจิตแล้วก็เลี้ยวซ้ายเลยครับ เลี้ยวซ้ายมานิดเดียวก็เจอ BTS สถานีเพลินจิตแล้วครับ จะผ่านตึกมหาทุนพลาซ่าที่อยู่ติดกับ BTS จากนั้นก็จะเจอตึก Park Venture แล้วล่ะครับ นอกเหนือจากนี้ การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็เห็นจะมีแต่พี่วินมอเตอร์ไซค์รับจ้างนี่แหละครับที่น่าจะเป็นที่พึ่งพาได้ดี ยิ่งถ้ารีบๆ นี่คงต้องใช้บริการกันซักหน่อย ซึ่งหน้าโครงการก็มีวินมอเตอร์ไซค์อยู่แล้วด้วย ออกมาจากโครงการก็โดดขึ้นรถได้เลย แต่ถ้าไม่ถนัดกับรถสองล้อ จากหน้าโครงการก็สามารถหาเรียกรถตุ๊กตุ๊ก สามล้อ หรือรถแท็กซี่ได้ง่ายไม่แพ้กัน รวมถึงรถเมล์ก็เช่นกันครับ เอาไว้เป็นทางเลือกในการเดินทางสำหรับวันที่ไม่อยากขับรถ วิเคราะห์ทำเลรอบโครงการ ปัจจุบันโครงการ Noble  เพลินจิต อยู่ในระหว่างก่อสร้าง ซึ่งคืบหน้าไปได้มากแล้ว ถ้าใครมีโอกาสผ่านไปผ่านมาบริเวณแยกเพลินจิต ก็คงจะได้เห็นภาพตึกที่กำลังก่อสร้างสูงมากกว่า 40 ชั้นแล้วในตอนนี้ แน่นอนว่าโครงการฮ็อตฮิตระดับนี้ก็ย่อมได้รับความสนใจเป็นจำนวนมาก เท่าที่รู้มาก็เห็นว่าห้องส่วนใหญ่ก็ถูกจับจองกันไปเยอะแล้ว ถ้าใครที่สนใจก็ลองแวะเข้าไปชมห้องตัวอย่างกันได้ที่สำนักงานขาย ซึ่งตั้งอยู่ที่ชั้น 16 ของอาคาร Park Ventures ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามนั่นเอง ทีนี้เรามาดูรอบตัวโครงการกันก่อนดีกว่า ซึ่งแน่นอนว่าบริเวณนี้มี Landmark สำคัญๆ อยู่หลายแห่งด้วยกัน ทั้ง Central Embassy, สถานฑูตอังกฤษ, โรงแรมปาร์คนายเลิศ, ตึกมหาทุน, เพลินจิตเซ็นเตอร์, โรงแรม Novotel และ โรงแรม The Okura Prestige อันนี้แค่บริเวณใกล้ๆ ตัวสถานีเพลินจิตแบบคร่าวๆ เท่านั้นนะครับ ยิ่งถ้าเลยไปทางแยกราชประสงค์ ก็ยังมีโรงแรมใหญ่ๆ ห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารหรูมีชื่อ และโรงเรียนเอกชนชื่อดัง ซึ่งแต่ละสถานที่ก็เป็นที่รู้จักกันดี เลยไม่ต้องสาธยายอะไรให้ยืดยาว เอาเป็นว่าศักยภาพเรื่องการอยู่อาศัยในย่านนี้เรียกว่าเพียบพร้อม ครบถ้วนในทุกๆ ด้าน สาธารณูปโภคต่างๆ ก็ครบครัน โรงเรียน โรงพยาบาล หน่วยงานราชการ เอกชนล้วนแวดล้อมอยู่รอบตัวเลยทีเดียว สำหรับตัวโครงการ Noble เพลินจิต เป็นโครงการใหญ่ ประกอบไปด้วย 3 อาคารหลักซึ่งเป็นส่วนที่พักอาศัย และอีกหนึ่งอาคารทางด้านหน้าติดถนนเพลินจิตที่ทางโครงการจัดไว้เป็นศูนย์รวมร้านค้า ร้านอาหาร และเป็นจุดเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าด้วย ซึ่งในส่วนนี้ทางโครงการจะเป็นผู้ดูแลเอง จากโมเดลที่เราเห็นในสำนักงานขาย จะเห็นได้ว่าแต่ละอาคารก็มีจุดเด่นจุดด้อยที่แตกต่างกันออกไป เริ่มตั้งแต่อาคาร A ซึ่งอยู่ทางด้านในสุดของโครงการ มีความสูงแค่ 14 ชั้น เป็นตึกที่เตี้ยที่สุดและแน่นอนว่าอยู่ในตำแหน่งที่ถูกอาคารรอบๆ บังวิวซะมิดเลย แต่กลับได้เปรียบในเรื่องอยู่ใกล้กับพื้นที่ส่วนกลางมากที่สุด ถัดมาเป็นอาคาร B ที่อยู่ตรงกลาง สูง 51 ชั้น ตึกนี้จะวางตัวในแนวทิศเหนือใต้ เท่าที่รู้มาห้องพักส่วนใหญ่ในอาคารนี้จึงถูกจับจองไปอย่างรวดเร็ว เพราะไหนจะได้เรื่องวิวที่ดีกว่าอาคาร A และอยู่ในทิศทางที่ไม่ร้อนแดด จึงไม่น่าแปลกใจถ้าห้องฝั่งทิศใต้จะถูกจองเต็มก่อนเพื่อน ในขณะที่อาคาร C ซึ่งอยู่ทางด้านหน้าโครงการ สูง 45 ชั้น กลับวางตัวในแนวทิศตะวันออก-ตะวันตก แน่นอนว่าอาจจะเสียเปรียบในเรื่องทิศทางห้องที่หันรับแดดแบบเต็มๆ แต่กลับได้เปรียบในเรื่องวิวมากกว่าเพราะถูกบังวิวน้อยกว่า และเดินเข้าจากทางหน้าโครงการใกล้กว่าด้วย ทางเชื่อมจากสถานี BTS เพลินจิต เข้าตัวโครงการที่ตึก D บนพื้นที่กว่า 9 ไร่ของโครงการ เราจะมีเพื่อนบ้านมากกว่า 1,400 ยูนิตเลยทีเดียว ถือว่าเป็นจำนวนที่เยอะไม่ใช่เล่นเลยนะครับ พื้นที่ส่วนกลางหลักๆ แล้วจะอยู่ระหว่างอาคาร A และอาคาร​ B ซึ่งจะมีทั้ง สระว่ายน้ำ แยกสระเด็กกับจากุชชี่ไว้ต่างหาก ห้องออกกำลังกาย ห้องสตรีม สนามบาสเก็ตบอล และสวนหย่อม โดยพื้นที่สีเขียวนี่จะมีทั้งโซนด้านหน้า และสวนบนดาดฟ้าของอาคารด้วย คิดเป็นพื้นที่รวมก็ราวๆ 4 ไร่เห็นจะได้ ถ้าว่ากันตามตรงแล้วด้วยจำนวนยูนิตรวมมากกว่า 1,400 ยูนิต กับพื้นที่ส่วนกลางแค่นี้ ก็คงไม่น่าจะเพียงพอต่อการใช้งานจริงซักเท่าไหร่ เช่นเดียวกับพื้นที่จอดรถของโครงการ ถึงแม้จะจัดมาให้มากถึง 70% แล้วก็ตาม แต่โครงการระดับนี้ที่ราคาค่าห้องทะลุ 10 ล้าน เรื่องที่จอดรถน่าจะต้องมีให้มากกว่านี้อีกหน่อย เพราะอย่างไรแล้วลูกบ้านแต่ละยูนิตก็น่าจะต้องมีรถส่วนตัวกันอยู่แล้ว เผลอๆ จะมีมากกว่ายูนิตละ 1 คันด้วยซ้ำไป ทีนี้ปัญหาเรื่องที่จอดรถไม่เพียงพอก็อาจจะมีโอกาสเกิดขึ้นได้เหมือนกันนะครับ จุดเด่นหนึ่งของโครงการ Noble เพลินจิต ก็คือการชูเรื่อง Private Elevator ได้ยินเพียงแค่นี้ ความรู้สึก Elegant และ Exclusive ก็ผุดขึ้นในมโนภาพทันที แน่นอนล่ะครับมีใครไม่ชอบความรู้สึกพิเศษของการมีลิฟท์ส่วนตัวมาจอดถึงหน้าประตูห้องบ้าง ซึ่งทางโครงการออกแบบมาให้ห้องพักทุกห้องมีโถงลิฟท์หน้าห้อง โดยในหนึ่งชั้นจึงมีสองห้องที่ใช้ลิฟท์ร่วมกันนั่นเอง แต่ในทางกลับกัน ด้วยความที่ถูกออกแบบมาให้ลิฟท์มีลักษณะการใช้งานแบบส่วนตัว ดังนั้นเราจึงไม่มีผู้ร่วมโดยสารลิฟท์ตัวเดียวกันแน่นอน ซึ่งถ้าหากขณะนั้นมีลูกบ้านห้องอื่นๆ ใช้งานลิฟท์อยู่ เราก็ต้องรอจนลิฟท์ไปส่งถึงจุดหมายก่อน ค่อยวิ่งกลับมารับลูกบ้านห้องถัดไป นอกจากลิฟท์ส่วนตัวแล้ว ทางโครงการก็จัดลิฟท์โดยสารส่วนกลางไว้สำหรับแต่ละตึกด้วยเช่นกัน อย่างน้อยก็น่าจะเอาไว้ใช้สำหรับโดยสารไปยังชั้นที่เป็นส่วนกลางได้นั่นเอง ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นภาพรวมทั้งหมดของตัวโครงการที่เราเก็บข้อมูลมาจากการเยี่ยมชมในครั้งนี้ อาคาร A จะสูง 14 ชั้น เป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนทั้งหมด ทุกห้องจะหันหน้าเข้าหาสระว่ายน้ำ โมเดลบริเวณสระว่ายน้ำที่อยู่ระหว่างตึก A กับตึก B อาคาร B จะเป็นอาคารที่สูงที่สุดคือ 51 ชั้น ห้องส่วนใหญ่หันไปทางทิศเหนือและใต้ โดยทิศเหนือวิวจะโล่ง ส่วนทิศใต้ส่วนใหญ่วิวจะติด Park Venture อาคาร C สูง 46 ชั้น ห้องส่วนใหญ่จะหันไปทางทิศตะวันออก และทิศตะวันตก ทิศตะวันตกจะหันไปทางตึก Wave Place ส่วนทิศตะวันออกจะหันไปด้านทางด่วน ฝั่งนี้ข้อดีคือไม่มีตึกสูงบังวิว แต่ข้อเสียก็คือตอนเช้าก็จะได้รับแดดเต็มๆ พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงในส่วนของห้องตัวอย่างของ Noble เพลินจิตกันบ้าง อย่างที่บอกไปแล้วว่าทางโครงการมีการปรับปรุง ตกแต่งห้องตัวอย่างใหม่ทั้งหมด ซึ่งเราได้มีโอกาสเข้าไปเก็บภาพห้องใหม่มาให้ชมกันด้วย โดยห้องตัวอย่างที่ทางโครงการจัดมาในครั้งนี้จะเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอน ซึ่งคอนเซปต์ยังคงเน้นความโมเดิร์น ดูโอ่โถงอยู่สบาย โดยเราขออธิบายภาพรวมของลักษณะห้องให้เห็นก่อนละกันครับ ส่วนรายละเอียดปลีกย่อย ค่อยตามไปดูในรูปประกอบอีกครั้งนะครับ เมื่อเราเปิดประตูห้องจากส่วนกลางเข้ามาจะเจอกับโถงลิฟท์ส่วนตัวก่อน ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะจัดแบ่งการใช้งานไว้ร่วมกับ ห้องเก็บคอมเพรสเซอร์แอร์ ตู้เก็บของ และชั้นเก็บรองเท้าที่ทางโครงการ Build-in มาให้เรียบร้อย หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมคอมเพรสเซอร์แอร์จึงเอามาแขวนไว้ด้านใน แทนที่จะเป็นด้านนอกตรงระเบียงเหมือนโครงการอื่นๆ ทั่วไป ซึ่งเราเองก็อดสงสัยไม่ได้เช่นกัน สอบถามกับพนักงานขายแล้วก็ได้ความว่า ทางโครงการเลือกใช้วิธีการระบายความร้อนด้วยน้ำเหมือนกับที่โรงแรมใหญ่ๆ เค้าใช้กัน ดังนั้นทั้งเรื่องความร้อนและเรื่องเสียงดังรบกวนจึงหมดห่วงกันไปได้ ด้านล่างของห้องเก็บคอมเพรสเซอร์ทางโครงการใช้เป็นที่วางเครื่องซักผ้าฝาหน้า แต่เวลาใช้งานจริงๆ อาจจะไม่สะดวกเท่าไหร่ ถัดจากโถงลิฟท์เข้าไป จะมีประตูห้องอีกชั้น เปิดเข้าไปยังพื้นที่ห้องจริงๆ ซักที เข้ามาปุ๊ปก็จะเจอพื้นที่ครัว ซึ่งจัดการ Build-in ไว้ให้แล้วทั้งหมด และเห็นว่าปรับเปลี่ยนตรงส่วนของตู้เย็นให้ Build-in ซ่อนไว้หลังตู้ทั้งหมด ดูแล้วก็เป็นระเบียบเรียบร้อยดีทีเดียว ส่วนเครื่องครัวทั้งหมดจะได้ตามที่เห็นในห้องตัวอย่าง หรือเทียบเท่า ซึ่งก็ให้มาทั้งเตาไฟฟ้า ตัวดูดควัน และเตาไมโครเวฟ พร้อมใช้งานกันเลย ถัดเข้ามาก็จะเป็นส่วนของ Living Area และห้องนอน โดยทางโครงการมีให้เลือกระหว่างห้องแบบที่ใช้บานสไลด์กันห้องนอน กับห้องที่กันห้องนอนแยกไว้เป็นสัดเป็นส่วนชัดเจน ซึ่งก็แล้วแต่ว่าใครจะถูกใจห้องแบบไหนมากกว่ากัน แต่โดยภาพรวมแล้ว ห้องสองแบบนี้ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก เพียงแต่ให้ความรู้สึกในการอยู่อาศัยที่ต่างกันออกไปเท่านั้นเอง ฝ้าเพดานภายในห้องสูงเกือบ 2.7 เมตรนะครับ ทุกห้องเป็นแอร์แบบฝังฝ้าเพดาน อะไรที่เราเห็นในห้องตัวอย่างแบบใหม่นี้ มันจะเป็นสิ่งที่เราจะได้มาพร้อมห้องทั้งหมดนะครับ ทางโครงการมีการปรับโปรโมชั่นใหม่ จัดกันมาอย่างจุใจ โดยจะขายกันมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ทุกชิ้น ตกแต่งเสร็จพร้อมเข้าอยู่ โต๊ะ ตู้ เตียง เครื่องครัว เครื่องใช้ไฟฟ้าเป๊ะทุกชิ้น ขาดแค่ของตกแต่งห้องสวยๆ งาม แล้วก็ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัวแค่นั้นเอง เรามาดูแบบแรกกันก่อนนะครับ จะเป็นห้อง 1 ห้องนอน ขนาด 46.80 ตารางเมตร ลิฟท์ส่วนตัวของแต่ละห้องจะเปิดได้ 2 ด้านนะครับ เท่ากับว่าลิฟท์ 1 ตัวจะใช้ร่วมกัน 2 ห้องในแนวราบ ออกจากลิฟท์มาจะมีโถงเล็กๆ โถงตรงนี้จะเป็นสำหรับวางเครื่องซักผ้า แต่ต้องใช้แบบฝาหน้านะครับ ส่วนด้านบนจะเป็นจุดวางคอมเพรสเซอร์แอร์ ถัดมาจะเป็นตู้ 2 ตอน ด้านล่างจะเป็นตู้เก็บรองเท้า ออกจากลิฟท์มาก็ถอดรองเท้าเก็บใส่ตู้ได้เลย ด้านบนจะเป็นตู้เก็บของทั่วไป คราวนี้เราเข้าไปดูด้านในกันต่อเลยดีกว่า เข้ามาในห้องก็จะเป็นส่วนของครัว และโต๊ะทานอาหารก่อนเลยครับ เคาน์เตอร์ครัวขนาดจะกระทัดรัดประมาณนี้นะครับ ซิงค์ล้างจานแบบฝังของ Mex เตาไฟฟ้า 2 หัวของ smeg มาพร้อมฮูดดูดควันยี่ห้อเดียวกัน โต๊ะทานอาหารจะมีที่นั่งทั้งแบบยาวติดกับผนังและเก้าอีกแยกอีกต่างหาก ข้างๆ กับเคาน์เตอร์ครัวจะมีตู้เก็บของเล็กๆ Built in ไว้ติดกับผนัง ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นส่วนของห้องนอน ระหว่างห้องนอนกับห้องครัวจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ภายในห้องนอนเหมือนจะรวมห้องนั่งเล่นไว้ด้วยนะครับ เพราะพื้นที่ปลายเตียงจะวางทีวีและโซฟาไว้ด้วย แต่ระยะห่างค่อนข้างจะแคบไปสักหน่อย ถ้าจะวางทีวีจอใหญ่ๆ คงต้องนั่งดูอยู่บนที่นอนถึงจะได้ระยะครับ ถ้านั่งที่โซฟาอาจจะใกล้เกินไป โซฟาที่ได้จะประมาณนี้ครับ เป็นโซฟาขนาด 3 ที่นั่ง ชั้นวางทีวีเล็กๆ แต่ถ้าใช้ทีวีแบบแขวนผนังจะได้พื้นที่วางของเพิ่มขึ้นอีก ขยับขึ้นมาดูที่เตียงนอน สามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้ตามใจชอบเลยครับ แต่ถ้าวางเตียง 5 ฟุต จะดูไม่อึดอัดเท่าไหร่ มีพื้นที่ข้างเตียงเหลือให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้อีก แอร์จะเป็นแบบฝังฝ้านะครับ หันเข้าหาเตียงแบบนี้ ห้องน้ำจะอยู่ข้างๆ เตียงแบบนี้เลย การจัดวางสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำก็ประมาณนี้ครับ กระจกส่องหน้าจะได้บานยาวเต็มพื้นที่คู่กับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ที่กระจกส่องหน้าทั้ง 2 ฝั่งสามารถเปิดได้แบบนี้นะครับ จะเป็นช่องไว้สำหรับเก็บของเล็กๆ อยู่ทั้ง 2 ด้าน อ่างล้างหน้าจะใช้ของ Kohler จะเป็นเคาน์เตอร์ยาว ทำให้มีที่วางของได้เยอะดีครับ ใต้อ่างล้างหน้ามีช่องเก็บของให้อีกต่างหาก โถสุขภัณฑ์จะวางอยู่ข้างเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า ใช้สุขภัณฑ์ของ Kohler เหมือนกันครับ อีกด้านจะเป็นตู้เสื้อผ้า Built in ฝังผนังอยู่ในห้องน้ำให้เลยนะครับ ตู้จะเป็นบานเปิดแบบนี้นะครับ จะได้ 2 ตู้ ด้านในสุดของห้องน้ำจะเป็น Shower Box กั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ชุดฝักบัว จะมี Rain Shower ให้ด้วย ขนาดของ Shower Box อาจจะพอดีตัวอยู่สักหน่อยนะครับ แต่ก็ไม่ถือว่าเล็กจนดูอึดอัด ออกมาดูที่อีกฝั่งของเตียง จะเป็นระเบียงที่ยาวตลอดแนวของห้อง ระเบียงจะใช้ประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน สำหรับเปิดปิด จะเป็นออกจะเป็น 3 บล็อคนะครับ เราออกมาดูด้านนอก ขนาดของระเบียงจะเป็นระเบียงเล็กๆ แบบนี้นะครับ อาจจะใช้งานได้ไม่เต็มที่สักเท่าไหร่ ระเบียงจะถูกกั้นด้วยแผงคอนกรีตแบบนี้นะครับ เพื่อความสวยงามของโครงสร้างด้านนอก ส่วนอีกห้องจะเป็นแบบ 1 ห้องนอนเหมือนกันครับ แต่ขนาดจะใหญ่ขึ้นมาหน่อยประมาณ 58 ตารางเมตร หน้าตาภายใน Private Lift ของแต่ล่ะห้อง จะมีประตูเข้าออก 2 ด้าน ใช้ร่วมกัน 2 ห้อง ออกมาจากลิฟท์แล้วก็จะเจอโถงเล็กๆ เหมือนห้องก่อนหน้านี้นะครับ มีตู้เก็บเครื่องซักผ้าและคอมเพรสเซอร์แอร์ เหมือนกัน ข้างๆ กันก็เป็นตู้เก็บของ เก็บรองเท้า เข้ามาดูในห้องกันต่อเลยครับ เข้ามาแล้วจะเจอส่วนของครัวก่อนเลยครับ ข้างๆ เคาน์เตอร์ครัวจะมีตู้เย็น Built in ฝังผนังไว้ให้ด้วยนะครับ ด้านบนเป็นตู้ลอยเก็บของ เตาไฟฟ้าเซรามิค 2 หัว ของ smeg ฮูดดูดควันก็ของ smeg เหมือนกันนะครับ แต่ไม่ได้ถ่ายรูปมาให้ดูด้วย ^_^ ใต้ซิ้งค์ล้างจานจะตู้เก็บของและถังขยะเล็กๆ ถัดมาจะเป็นลิ้นชัก 3 ชั้น สำหรับเก็บจาน ชาม ช้อน ส้อม ช่องวางไมโครเวฟจะอยู่ติดกับลิ้นชัก ฝั่งตรงข้ามกับส่วนครัวจะเป็นมุมโต๊ะทานอาหาร ขนาด 4 ท่าน ที่ผนัง Built in เป็นตู้โชว์ ทำให้ดูโปร่งขึ้นเยอะเลยครับ ต่อจากโต๊ะทานอาหาร เดี๋ยวเราไปดูที่ Living Area กันต่อ ส่วน Living Area ที่มีพื้นที่กว้างขวางกว่าห้องเมื่อกี้พอสมควร ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาจึงได้ระยะมากขึ้น สามารถวางทีวีจอใหญ่ได้ตามใจเลยครับ สามารถวางโซฟาตัวยาว และเก้าอี้ อาร์มแชร์อีก 2 ตัวได้สบายๆ ส่วนชั้นวางทีวี Built in มาให้พร้อมกับตู้โชว์ ระเบียงเล็กๆ อยู่ติดกับส่วน Living Area ระเบียงจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน ที่ระเบียงจะดรอปพื้นลงมาอีกนิดหน่อยนะครับ ขยับเข้ามาดูกันต่อที่ห้องนอน ห้องนอนสามารถวางเตียง 5-6 ฟุตได้ตามใจชอบเลยครับ ปลายเตียง Built in เป็นชั้นวางทีวี พร้อมกับตู้บานโปร่งแสง ภายในห้องนอนก็จะมีระเบียงเล็กๆ ให้อีก 2 ช่อง ส่วนอีกด้านของห้องนอนจะเป็นห้องน้ำ ที่หน้าห้องน้ำจะมีตู้เสื้อผ้าให้ก่อน 1 ตู้ การจัดวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะคล้ายๆ กับห้อง Type แรกเลยนะครับ เคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าแนวยาว ตัวท็อปเป็นหินแกรนิต ตู้เก็บของใต้อ่างล่างหน้า ที่กระจกส่องหน้ามีตู้เก็บของเล็กๆ ซ่อนอยู่เหมือนกัน ฝั่งตรงข้ามจะมีตู้เสื้อผ้าให้อีก 1 ตู้ Shower Box จะอยู่ติดกับตู้เสื้อผ้า ใน Shower Box จะดรอปพื้นลงมานิดหน่อยนะครับ เพื่อไม่ให้น้ำไหลออกไปส่วนอื่น ชุดฝักบัวและ Rain Shower ส่วนโถสุขภัณฑ์จะหลบเข้ามาอยู่ด้านในต่อจาก Shower Box ว่ากันมาด้วยเรื่องจุดเด่นของห้องแล้วก็ขอเอ่ยถึงข้อด้อยเล็กๆ น้อยๆที่สะดุดความรู้สึกเราซักหน่อยดีกว่า ซึ่งก็คือ “ระเบียง” ในแต่ละห้องทางโครงการมีระเบียงมาให้นะครับ แต่พื้นที่ระเบียงกว้างแค่ 60 เซนติเมตรเท่านั้น แถมยังไม่สามารถเปิดได้เต็มหน้ากว้างห้องอีก เนื่องจากติดที่โครงสร้างของตัวอาคารที่เป็นโครงเหล็กจากด้านนอก ทำให้ระเบียงที่ได้มาทั้งเล็กและแคบ อาจจะใช้งานลำบากหน่อยไม่ว่าจะตากผ้า หรือปลูกต้นไม้ก็มีพื้นที่จำกัดมากครับ แต่ถ้าจะออกไปยืนชมวิว รับลมเย็นๆ ก็พอไหวอยู่นะ ถ้าบ้านไหนต้องซักผ้าทีละเยอะๆ อาจจะมีปัญหาเรื่องพื้นที่ในการตากผ้ากันหน่อย ซึ่งก็พอจะแก้ไขได้ด้วยการซื้อเครื่องอบผ้ามาใช้อีกซักตัว หรือส่งเสื้อผ้าไปร้านซักรีดเลยก็สะดวกดีนะครับ นอกเหนือจากนี้ในส่วนอื่นๆ ก็ถือว่าออกแบบมาได้ดีทีเดียวเลย ส่วนใครจะถูกใจห้องแบบไหนมากกว่ากัน หรืออยากได้ห้องใหญ่ที่เป็นแบบห้อง combine ก็ลองเข้าไปเยี่ยมชมที่สำนักงานขายกันดูครับ ยังไงซะสิบปากว่าก็ไม่เท่าตาเห็น การได้เห็นห้องด้วยตาตัวเองก็ย่อมดีกว่าเป็นไหนๆ จริงมั้ยครับ
Noble Revolve รัชดา 2 : รีวิวคอนโด

Noble Revolve รัชดา 2 : รีวิวคอนโด

Noble Revolve รัชดา 2 คอนโด High Rise ในซอยรัชดา 6 ติดทางขึ้นรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีศูนย์วัฒนธรรม แค่บอกทำเลที่ตั้งก็ดึงดูดความสนใจได้ไม่ยาก ซึ่งก็ไม่ได้เกินจริงเลยเพราะขึ้นจากรถไฟฟ้าใต้ดินมา เดินเลี้ยวเข้าซอยรัชดา 6 ด้วยระยะทางไม่ถึง 100 เมตรดีก็เข้าตึกแล้ว สำหรับคนที่อาศัยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินเป็นหลักจึงจัดว่าสะดวกมากๆ ส่วนระบบขนส่งมวลชนในรูปแบบอื่นๆ ก็มีให้พึ่งพาเยอะ ทั้งรถแท็กซี่ และรถเมล์อีกหลายสาย ซึ่งป้ายรถเมล์ก็อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนั่นแหละ ทั้งกลางวัน กลางคืนมีรถราวิ่งขวักไขว่เกือบ 24 ชั่วโมง เพราะถัดขึ้นไปอีกซอยเป็นแหล่งรวมสถานบันเทิงยามราตรีที่ขึ้นชื่อ ช่วงกลางวันนอกจากพวกสำนักงานออฟฟิศใหญ่อย่างทรูคอร์ปฯ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ และตึก AIA ที่จะเปิดในอนาคตแล้ว บริเวณโดยรอบยังแวดล้อมไปด้วยตึกสำนักงานยิบย่อย รวมถึงห้างสรรพสินค้าอย่าง Central พระราม 9, Big C, Lotus, Home Pro, Fortune Tower และEsplanade ที่อยู่ในระยะเดินถึงทั้งหมด ย่านนี้จึงอุดมสมบูรณ์มากตามแบบฉบับคนเมือง ซึ่งการที่มีคนเยอะ สำนักงานแยะ ก็มาพร้อมกับการจารจรที่ติดขัดขึ้นเหมือนเงา การเดินทางด้วยรถส่วนตัวจากโครงการจึงหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องเจอกับปัญหารถติดอย่างหนักในช่วงเช้าและเย็น เพราะต้องผ่านแยกพระราม 9 เท่านั้นถึงจะต่อไปยังโซนอื่นๆ ของกรุงเทพได้   ใช้ทางด่วนมุ่งหน้าสนามบินสุวรรณภูมิ สังเกตทางลงถนนรัชดาภิเษก (สี่แยกพระราม 9) ใช้ทางลงถนนรัชดาภิเษก เมื่อลงจากทางด่วน จะบังคับเลี้ยวซ้ายเพื่อไปยังสี่แยกพระราม 9 ตรงไปยังสี่แยกพระราม 9 ตรงผ่านสี่แยกพระราม 9 ไป เมื่อผ่านสี่แยกมาแล้ว จะพบห้างฟอร์จูน ทาวน์อยู่ทางซ้าย และห้าง Central พระราม 9 ทางด้านขวา หากมองตรงไปจะเป็น Lotus พระราม 9 ให้ชิดขวากลับรถ สังเกตจุดกลับรถอยู่ก่อนถึงห้าง Esplanade ตรงไปจะผ่านสถานี MRT ศูนย์วัฒนธรรม เลี้ยวซ้ายเข้าซอยรัชดา 6 เพื่อเข้าไปยังโครงการ   ถึงตัวอาคารของ Noble Revolve 2 จะตั้งอยู่คู่กับโครงการแรกเลย แต่ทางเข้าออกของโครงการไม่ใช้ร่วมกัน Facility ต่างๆ รวมถึงพื้นที่ของโครงการก็แยกออกจากกันอย่างสิ้นเชิง จะคล้ายคลึงกันก็แต่ Lay out การออกแบบห้อง และสถาปัตยกรรมภายนอกของตัวอาคารที่เกือบจะเป็นคู่แฝด แต่คนละฝา ขนาดห้องเริ่มต้นที่ 22.37 ตร.ม. เป็นห้องเล็กสุดตามราคาเริ่มต้น ซึ่งมีอยู่เพียงชั้นละ 1 ห้องเท่านั้น ส่วนห้องที่มีให้เลือกมากที่สุดคือห้องแบบ 1 ห้องนอน ขนาด 25 ตร.ม. โดยที่แปลนห้องแต่ละตำแหน่งก็มีพื้นที่บวก-ลบต่างกันนิดหน่อย ขยับไปอีกทีก็เป็นห้องแบบ 2 ห้องนอน ที่ 38.6 ตร.ม. ไปจนถึงขนาดเกือบ 53 ตร.ม.   ที่สำนักงานขายวันที่เข้าไป ยังเปิดให้ชมได้แค่ห้องแบบ 2 ห้องนอน ส่วนห้องแบบ 1 ห้องนอนกำลังปรับตกแต่งใหม่ จึงมีภาพมาให้ชมแค่ห้องแบบ 2 ห้องนอนเท่านั้น ห้องจริงๆ ที่ทางโครงการขายให้จะเป็นห้องเปล่าๆ มีแค่สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และเคาน์เตอร์ครัวเท่านั้น ที่เหลือในห้องตัวอย่างเป็นการตกแต่งเพื่อล่อตาล่อใจล้วนๆ ทั้งกำแพงกั้นห้องนอนเล็กที่เอาออกเปิดพื้นที่ให้โล่ง และปรับเปลี่ยนเป็นพื้นที่นั่งเล่นแทน ตามด้วยเฟอร์นิเจอร์อะคริลิคใสๆ ที่เลื่อนสลับตำแหน่ง ปรับพื้นที่ห้องได้ ก็เป็นไปเพื่อการขายล้วนๆ ถ้าอยากจะตกแต่งให้เหมือนห้องตัวอย่างคงต้องเตรียมเงินไว้อีกเยอะ การที่ขายมาแบบเป็นห้องเปล่าๆ อาจจะมีข้อดีตรงที่ลูกบ้านไม่ถูกจำกัดไอเดียเรื่องการตกแต่ง ใครที่คิดจะซื้อจึงต้องคิดถึงเรื่องเงินค่าตกแต่งห้องเผื่อไว้ด้วย   ประตูห้องเป็นคันโยก และล็อคธรรมดา ไม่ใช่ระบบดิจิตอลล็อค เปิดเข้าห้องมาขวามือจะเป็น Pantry ครัว และตรงหน้าคือพื้นที่กินข้าวติดระเบียง เคาน์เตอร์ครัว Built มาเรียบร้อย พร้อม top หินแกรนิต ด้านล่างเว้นช่องวางเครื่องซักผ้าไว้ให้ด้วย เตาไฟฟ้าแบบ 2 หัว ยี่ห้อ MEX เครื่องดูดควันเข้าชุดยี่ห้อเดียวกัน ซิงค์ล้างจานเป็นแบบฝัง โต๊ะกินข้าวขนาด 4 ที่นั่งติดระเบียง ประตูกระจกบานเลื่อนที่ระเบียง รางเลื่อนประตูกระจก สามารถเปิดออกไปที่ระเบียงได้ แต่พื้นที่ระเบียงของห้องก็แคบจะใช้ประโยชน์แทบไม่ได้เลย พื้นที่นั่งเล่นมุมนี้ ใช้พื้นที่ของห้องนอนเล็กจัดวางชุดโซฟา จึงทำให้พื้นที่ห้องดูกว้างขึ้น ในห้องตัวอย่างแบบ 2 ห้องนอน มีการเอาผนังห้องนอนเล็กออก ทำให้พื้นที่ห้องดูเชื่อมต่อถึงกันให้ความรู้สึกโปร่งกว่าเดิม ห้องน้ำเล็กใช้กระเบื้องโทนสีเทา โถสุขภัณฑ์ในห้องน้ำเล็ก ก๊อกอ่างล้างหน้าของ GROHE ห้องอาบน้ำกั้นด้วยกระจกเทมเปอร์ ชุดก๊อกฝักบัว ชุดฝักบัวอาบน้ำ สวิตช์ไฟมาตรฐานยี่ห้อ panasonic โถงทางเดินในห้อง บริเวณห้องนั่งเล่น ซึ่งให้พื้นที่ของห้องนอนเล็กมาจัดแต่งใหม่ พอทุบกำแพงของห้องนอนเล็กออกไป ก็จะทำให้สามารถจัดสรรพื้นที่เพื่อใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้ พอไม่มีกำแพงห้องนอนเล็ก ภายให้ห้องจึงดูโปร่งสบายตามากขึ้น ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ master bedroom ปลายเตียงวางโซฟาแบบ 2 ที่นั่งไว้สำหรับนั่งดูทีวีได้ ผนังห้องนอน bulit ตู้เก็บของ และทำเป็นชั้นวางทีวีด้วย มองไปทางประตูทางเข้าห้องนอนใหญ่จะเห็นมุมแต่งตัวหน้าห้องน้ำ ภาพรวมห้องน้ำในห้องนอนใหญ่ วัสดุ สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำเป็นไปตามมาตรฐาน ภายในห้องน้ำกั้นพื้นที่ห้องอาบน้ำมาให้แล้ว ชุดก๊อกของฝักบัวในห้องน้ำใหญ่ ชุดฝักบัวพร้อม Rain Shower พื้นห้องอาบน้ำดร๊อปลงไปเล็กน้อย ธรณีห้องน้ำเป็นหินเทียมสีดำ ก่อไว้ไม่สูงนัก จากที่ได้ดูห้องตัวอย่างแบบ 2 ห้องนอนแล้ว ลองจินตนาการห้องโล่งๆ และมีกำแพงกั้นห้องนอนเล็กเข้าไปอีก ต้องบอกว่า Lay out ห้องไม่ได้ดูกว้างขวางลงตัวเท่าไร ออกจะดูอึดอัดไปเสียด้วยซ้ำ วัสดุที่มากับห้องก็เป็นไปตามมาตรฐานปกติ ในโครงการระดับนี้ถือว่าจัดของแถมมาได้ไม่สมราคานัก เรื่อง Facility ที่ทางโครงการเตรียมไว้ให้ก็ดูครบครันดี ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวน ห้องซักรีด และร้านค้า แต่เมื่อเทียบกับจำนวน 755 ยูนิตแล้ว เลยกลายเป็นมี Facility ไม่พอต่อจำนวนคนไปเลย และยังเรื่องที่จอดรถที่จอดได้เพียง 305 คัน รวมจอดซ้อนคันแล้วด้วย เรื่องนี้จึงเป็นปัญหาใหญ่แน่ๆ ถ้าลูกบ้านเกินครึ่งโครงการมีรถส่วนตัว อีกประเด็นที่ลืมไม่ได้เลยคือเรื่องตำแหน่งห้อง ซึ่งจะต้องเลือกทิศ เลือกมุมกันดีๆ หน่อย เพราะรอบโครงการมีอาคารใกล้เคียงบังวิวเกือบรอบทุกทิศ ดังนั้นจึงต้องมองทิศกันให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจ บางห้องอาจจะอยู่สูงพ้นแนวตึกรอบๆ แต่ก็อาจจะแลกมากับทิศทางของแสงแดดยามบ่ายที่จะทำให้ห้องร้อน หรือบางห้องถูกบังมุม วิวไม่สวย ไม่ค่อยเป็นส่วนตัว แต่ไม่ต้องกลัวแดดร้อน อันนี้ก็แล้วแต่จะเลือกเอาตามสะดวกใจนะครับ สำหรับ Noble Revolve รัชดา 2 อยู่ในทำเลที่ถือว่าเป็นไข่แดงของรัชดา ซึ่งทำเลในแถบนี้กำลังอยู่ในช่วงพัฒนาไปสู่ความเป็นศูนย์กลางธุรกิจใหม่ใจกลางเมือง ในอนาคตอันใกล้นี้จะมีอาคารสำนักงานขนาดใหญ่เปิดอีกหลายตึก ซึ่งกลุ่มคนทำงานจะเยอะขึ้นอย่างแน่นอน ดังนั้นในแง่ของศักยภาพด้านการเติบโตของพื้นที่ในแถบนี้จึงมีสูง แต่ก็อย่าลืมพิจารณาปัจจัยแวดล้อมอื่นๆ ประกอบควบคู่กันไปด้วย เพราะ Noble Revolve รัชดา 2 เปิดตัวไว้ในราคาที่ค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ ในระแวกใกล้เคียง การจะทำกำไรในระยะสั้นจึงเป็นเรื่องยาก หรือถ้าจะหวังซื้อไว้เก็งกำไรในระยะยาว ก็ยังต้องรอดูกันต่อไปอีกระยะว่าราคาจะขึ้นไปถึงระดับไหน