Tag : ORI

6 ผลลัพธ์
ORI-KBank เปิดดีลร่วมทุน “BUTLER” แอปแรกของเมืองไทยที่รวมทุกงานบริการให้ชีวิตง่ายในแอปเดียว

ORI-KBank เปิดดีลร่วมทุน “BUTLER” แอปแรกของเมืองไทยที่รวมทุกงานบริการให้ชีวิตง่ายในแอปเดียว

“ออริจิ้น” จับมือ “กสิกรไทย” เปิดดีลร่วมทุนบริษัทในเครือ “ดิจิตอล บัตเลอร์” ผู้พัฒนาแอปและแพลทฟอร์ม BUTLER ที่รวมทุกพันธมิตรด้านงานบริการไว้ในแอปเดียว ทั้งแม่บ้าน-ดูแลรักษาบ้าน-ซักอบรีด และการเชื่อมโยงนิติบุคคล-ลูกบ้าน เตรียมยกระดับรูปแบบการชำระเงินและช่องทางการให้บริการหลังร่วมทุน พร้อมเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆ ตอบโจทย์ผู้บริโภคครบวงจร นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (Park Origin) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า บริษัทและธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank ได้ลงนามสัญญาร่วมทุนในบริษัท ดิจิตอล บัตเลอร์ จำกัด บริษัทย่อยในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ซึ่งเป็นผู้พัฒนาแอปพลิเคชันและแพลทฟอร์ม BUTLER แอปและแพลทฟอร์มแรกของเมืองไทยที่รวมทุกงานบริการให้ชีวิตง่ายในแอปเดียว   “เราและธนาคารกสิกรไทยต่างมีวิสัยทัศน์ร่วมกันในการนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยตอบโจทย์การใช้ชีวิตของผู้บริโภคอย่างครบวงจร ความร่วมมือระหว่างกันในครั้งนี้ จึงถือเป็นการผสานจุดแข็งระหว่างผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์และธนาคารพาณิชย์ชั้นนำ มาต่อยอดให้เกิดดิจิทัล แพลทฟอร์มที่อำนวยความสะดวกผ่านบริการต่างๆ ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ” นายพีระพงศ์ กล่าว ทั้งนี้ BUTLER เป็นแอปพลิเคชันและแพลทฟอร์มด้านการจัดการชุมชนและสังคม (Community Management Platform) ที่รวบรวมทุกงานบริการเอาไว้อย่างครบวงจร เช่น บริการแม่บ้าน บริการดูแลรักษาบ้าน บริการซักอบรีด ผ่านการรวบรวมและร่วมมือกับบริการจากหลากหลายพันธมิตรไว้ในแอปเดียว อาทิ Seekster, Fixzy, Helpdee, Betagro, JP Insurance นอกจากนี้ BUTLER ยังพัฒนาแพลทฟอร์มเชื่อมโยงนิติบุคคลกับผู้อยู่อาศัยในโครงการ พนักงาน ตลอดจนบริการของพันธมิตร มีฟังก์ชันตั้งแต่การดูและจัดการตารางกิจกรรมภายในของนิติบุคคล การใช้พื้นที่ส่วนกลาง ภาพรวมแผนงบประมาณ แจ้งค่าน้ำค่าไฟพร้อมทำการชำระผ่านระบบชำระเงินออนไลน์ได้ทันที รับแจ้งซ่อมและปัญหาการบริการต่างๆ พร้อมทั้งติดตามสถานะได้ทันที แชทคุยกับผู้จัดการนิติโดยตรง บริหารจัดการพนักงาน ตลอดจนดูตารางงานของพันธมิตรที่เข้ามาทำงานในพื้นที่โครงการ ช่วยแก้ไขปัญหาและอำนวยความสะดวกให้แก่ทั้งนิติบุคคลโครงการที่อยู่อาศัยและผู้อยู่อาศัย   ภายหลังการดำเนินการซื้อ-ขายหุ้นของบริษัท ดิจิตอล บัตเลอร์ จำกัด เสร็จสิ้น บริษัทจะมีสัดส่วนการถือหุ้นในดิจิตอล บัตเลอร์ ประมาณ 52% ผ่านบริษัท พรีโม พร็อพเพอร์ตี้ โซลูชั่น จำกัด บริษัทย่อยที่ดูแลธุรกิจบริการทั้งหมดในเครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ขณะที่กลุ่มผู้ก่อตั้งดิจิตอล บัตเลอร์ จะถือหุ้นในสัดส่วนประมาณ 35% และธนาคารกสิกรไทย ถือหุ้นในสัดส่วน 10% ด้านนายพัชร สมะลาภา กรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank กล่าวว่า ธนาคารยังคงเดินหน้ากลยุทธ์ในการร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำในแต่ละธุรกิจ ภายใต้คอนเซ็ปต์ Better Together ด้วยการผสานจุดแข็งของแต่ละฝ่าย เพื่อร่วมกันนำเสนอบริการที่ดีที่สุดให้กับการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในทุกๆ วัน สำหรับ BUTLER ภายใต้เครือออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ ถือเป็นแพลทฟอร์มศักยภาพที่ช่วยเชื่อมโยงระหว่างผู้ให้บริการเข้ากับผู้ใช้บริการ และเชื่อมโยงผู้อยู่อาศัยเข้ากับนิติบุคคล ขณะเดียวกัน BUTLER ยังรวบรวมทุกบริการความสะดวกของการใช้ชีวิตไว้ในแอปเดียว และสามารถชำระเงินค่าใช้บริการและค่าสาธารณูปโภคผ่านช่องทางออนไลน์ได้ทันที ตอบโจทย์การอยู่อาศัยยุคดิจิทัล จึงเป็นสาเหตุสำคัญให้บริษัทตัดสินใจเข้าร่วมทุนในครั้งนี้   เบื้องต้น ธนาคารกสิกรไทย จะเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและรูปแบบการชำระเงินให้มีความสะดวกและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มช่องทางการเข้าถึงบริการของ BUTLER ให้ลูกค้าธนาคารผ่านช่องทางต่างๆ ของทางธนาคาร อาทิ K Plus เป็นต้น นอกจากนี้ ในอนาคตมีแผนที่จะพิจารณาความร่วมมือต่างๆ เพิ่มขึ้น ต่อไป หลังจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา BUTLER มีนิติบุคคลโครงการต่างๆ สนใจลงชื่อเข้าร่วมใช้งานแล้วมากกว่า 500 โครงการ และยังมีแผนจะพัฒนาฟีเจอร์ใหม่ๆ เพิ่มอย่างต่อเนื่อง การเชื่อมโยงการใช้ชีวิตของผู้บริโภคเข้ากับสตาร์ทอัพและร้านค้าในชุมชนของตัวเอง การสร้าง Community Media ที่ให้บุคคลในโครงการที่อยู่อาศัยเดียวกันสามารถติดต่อสื่อสารกันได้สะดวกยิ่งขึ้น   ผู้สนใจบริการของ BUTLER สามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันได้แล้ววันนี้ทั้งใน App Store และ Play Store หรือคลิก www.digitalbutler.co.th สำหรับนิติบุคคลที่สนใจบริการของ BUTLER สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.butlerjuristic.com        
“ORI” อวดยอดขายทะยานเกินเป้ากว่า 25,000 ล้านบาท  จากการเปิดโครงการใหม่ “พาร์ค ออริจิ้นทองหล่อ”  หนุนผลประกอบการทั้งปีโตตามเป้า

“ORI” อวดยอดขายทะยานเกินเป้ากว่า 25,000 ล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ “พาร์ค ออริจิ้นทองหล่อ” หนุนผลประกอบการทั้งปีโตตามเป้า

“ออริจิ้น” ปลื้มยอดขายโครงการแฟล็กชิพฉลุยทั้ง 2 ทำเล “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท” กวาดยอดขายทะลุ 80% ด้าน “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” โกยยอด 74% ทันทีหลังจบพรีเซล 24 พ.ย. ตอกย้ำความต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพ มั่นใจหนุนผลประกอบการปีนี้โตตามเป้า     นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า หลังจากประกาศเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแฟล็กชิพภายใต้แบรนด์ใหม่ “พาร์ค ออริจิ้น” ไป 2 โครงการ ใน 2 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ 1.พาร์ค ออริจิ้น พญาไท (PARK ORIGIN Phayathai) มูลค่าโครงการ 4,600 ล้านบาท และ 2.พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (PARK ORIGIN Thonglor) มูลค่าโครงการ 12,000 ล้านบาท บริษัทได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยพาร์ค ออริจิ้น พญาไท เริ่มเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการไปเมื่อ 30 ก.ย. ปัจจุบัน มียอดขายแล้วถึงกว่า 80% ขณะที่พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ เพิ่งเปิด Exclusive Presale เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา สามารถกวาดยอดขายได้แล้วถึง 74%     “แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น เป็นแบรนด์ใหม่ที่ทีมงานออริจิ้นทุกคนมุ่งมั่นและทุ่มเทในการสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดเป็นแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ลงตัว ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ A Perfect Living Platform ยอดขายที่เกิดขึ้นจึงสะท้อนถึงสภาพของตลาดที่ยังคงให้ความสำคัญกับการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริง” นายพีระพงศ์ กล่าว     ทั้งนี้ โครงการพาร์ค ออริจิ้นทั้ง 2 โครงการ จะถูกพัฒนาในรูปแบบของโครงการมิกซ์ยูส โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ควบคู่กับคอนโดมิเนียมด้วย อาทิ โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ สำนักงานให้เช่า ยอดขายของทั้ง 2 โครงการ จึงสะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่ครบวงจรในรูปแบบของโครงการมิกซ์ยูสอีกด้วย ในปี 2562 บริษัทยังคงมีแผนจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสควบคู่กับคอนโดมิเนียมแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค     นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการในปี 2561 นี้ น่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้า โดยในส่วนของยอดขายนั้น บริษัทตั้งเป้าทั้งปีไว้ที่ 24,000 ล้านบาท เฉพาะช่วง 3 ไตรมาสแรก สามารถทำได้แล้ว 22,400 ล้านบาท หากรวมกับยอดขายที่เพิ่งเกิดขึ้นของโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จะทำให้ยอดขายทะลุเกิน 25,000 ล้านบาท ขณะที่ด้านรายได้นั้น ก็ยังคงมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่ทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง เช่น 1.โครงการนอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท105 (Notting Hill Sukhumvit 105) และ 2.โครงการนอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์ (Notting Hill Jatujak-Interchange) รวมถึงการประสบความสำเร็จจากการโอนโครงการใหญ่อย่างโครงการ พาร์ค 24 (PARK24) ซึ่งทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (IBD/E) ของบริษัทลดลงเหลือ 1.49 เท่าในไตรมาสที่ผ่านมา และคาดว่าจะลดลงเหลือ 1.35 เท่า ในการปิดงวดไตรมาส 4 นี้          
“ORI” จ่อโอนโครงการใหม่สร้างเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ส่งโปรโดนใจตลาดพร้อมลุยเปิดขายโครงการต่อเนื่อง

“ORI” จ่อโอนโครงการใหม่สร้างเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ส่งโปรโดนใจตลาดพร้อมลุยเปิดขายโครงการต่อเนื่อง

ออริจิ้น เผยเตรียมทยอยโอนกรรมสิทธิ์โครงการสร้างเสร็จใหม่ไตรมาส 4 เพิ่ม 2 โครงการ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท หลังงานก่อสร้างรุดหน้า ติดเครื่องลุยแคมเปญทางการตลาด มั่นใจภาพรวมทั้งปีเป็นไปตามแผน   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4 บริษัทมีโครงการใหม่แล้วเสร็จพร้อมโอน ได้แก่ โครงการนอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท105 (Notting Hill Sukhumvit 105) มูลค่าโครงการ 2,350 ล้านบาท ที่สร้างเสร็จเร็วกว่าแผน พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันที ทั้งนี้มี Secure Backlog แล้วถึง 80% และโครงการนอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์ (Notting Hill Jatujak-Interchange) มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท ซึ่งมี Secure Backlog แล้วถึงกว่า 95%  ผนวกกับบริษัทมีความตั้งใจดำเนินงานก่อสร้างอย่างเต็มที่ให้แล้วเสร็จตามแผน ทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่าการรู้รายได้จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง   “ในขณะเดียวกัน ช่วงไตรมาส 4 บริษัทเดินหน้าเปิดขายโครงการใหม่อย่างเป็นทางการอีก 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการพารค์ ออริจิ้น ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 12,000 ล้านบาท 2.โครงการบริทาเนียเมกา ทาวน์ บางนา มูลค่าโครงการ  1,900 ล้านบาท และ 3. โครงการบริทาเนียบางนา สุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการ  1,000 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการกว่า 14,900 ล้านบาท”   นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากระแสการตอบรับกับแคมเปญต่างๆ ของบริษัทนั้น ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี สังเกตได้จากการจัดงานอีเวนท์ในครั้งที่ผ่านๆ มา เช่น งาน Origin Shock Price ณ ลานแฟชั่น ฮอลล์ ศูนย์การค้า สยาม พารากอน ที่ช่วยให้ผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนต์มีโอกาสเข้าถึงโครงการที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น จนสามารถกวาดยอดขายไปได้มากกว่า 240 ล้านบาท ในเวลา 2 วัน หรือจากโปรโมชั่น Last Minute แซงมาตรการรัฐ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างล้นหลาม   ทั้งนี้ จากยอดขายและผลประการดำเนินงานที่ทำได้ดีตลอดช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการทุกด้าน ทั้งยอดขาย รายได้ ในปีนี้ จะสามารถเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้   สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 54 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 82,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร          
“ออริจิ้น” สยายปีกลุยใจกลางสุขุมวิท ผุด “ออริจิ้น 24” อาณาจักรมิกซ์ยูสรอบพาร์ค 24

“ออริจิ้น” สยายปีกลุยใจกลางสุขุมวิท ผุด “ออริจิ้น 24” อาณาจักรมิกซ์ยูสรอบพาร์ค 24

“ออริจิ้น” สร้างอาณาจักรใหม่กลางเมือง ผุดมิกซ์ยูสโรงแรม-เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์-ออฟฟิศเช่า-คอมมูนิตี้มอลล์ “ออริจิ้น 24” มูลค่า 4,000 ล้านบาท ตรงข้ามพาร์ค 24 ปูพรมทำเลอสังหาฯครบวงจร เสริมแกร่งศักยภาพทำเลสุขุมวิท 24 มั่นใจกำลังซื้อไทย-ต่างชาติโตทะยานหลังโครงการแล้วเสร็จ เผยความคืบหน้าล่าสุดโครงการพาร์ค 24 อนาคตสดใสทยอยโอนกรรมสิทธิ์คึกคัก นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ เคนซิงตัน, นอตติ้ง ฮิลล์, ไนท์บริดจ์ และพาร์ค เปิดเผยว่า ในปี 2561 บริษัทมีแผนพัฒนาอาณาจักรใหม่กลางเมืองภายใต้ชื่อ “ออริจิ้น 24” เป็นโครงการมิกซ์ยูส ประกอบด้วย สำนักงานเช่า โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ คอมมูนิตี้มอลล์ รวมมูลค่าโครงการกว่า 4,000 ล้านบาท บริเวณตรงข้ามโครงการพาร์ค 24 ซึ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซัวรี่ มูลค่าโครงการกว่า 1.7 หมื่นล้านบาท “พาร์ค 24 ถือเป็นโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักซัวรี่ที่มีศักยภาพยอดเยี่ยมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว การพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสออริจิ้น 24 ขึ้นมาอยู่ตรงข้ามกัน จะยิ่งทำให้ทำเลนี้มีทั้งที่อยู่อาศัย แหล่งช้อปปิ้ง สถานที่ทำงาน โรงแรม กลายเป็นทำเลที่มีอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เติมเต็มไลฟ์สไตล์และตอบโจทย์ความต้องการการทำงานและการใช้ชีวิตใจกลางเมืองของผู้คน เสริมแกร่งศักยภาพทำเลสุขุมวิท 24 ขณะเดียวกัน จะทำให้ออริจิ้นมีโครงการในทำเลนี้รวมมูลค่าโครงการกว่า 2.1 หมื่นล้านบาท” นายพีระพงศ์ กล่าว ปัจจุบัน ทำเลสุขุมวิทตอนกลางยังคงเป็นที่ต้องการของทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ สังเกตจากสถานการณ์ออฟฟิศเช่าในพื้นที่ใกล้ BTS พร้อมพงษ์ขณะนี้ มีอัตราการการเช่าอยู่ที่มากกว่า 90% ขณะที่พื้นที่นี้ยังมีนักลงทุนชาวญี่ปุ่นหน้าใหม่สนใจเข้ามาตั้งออฟฟิศในย่านนี้อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้อยู่ใกล้ชุมชนคนญี่ปุ่นด้วยกัน สะท้อนว่าในอนาคต หากไม่มีโครงการออฟฟิศเช่าใหม่ๆ ขึ้นมารองรับ พื้นที่นี้จะมีซัพพลายออฟฟิศเช่าไม่เพียงพอตอบโจทย์ความต้องการของตลาด ขณะเดียวกัน เมื่อมีความต้องการออฟฟิศสำหรับชาวต่างชาติเพิ่มขึ้น ความต้องการเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน ขณะที่สถานการณ์อัตราการเข้าพัก (Occupancy Rate) โดยเฉลี่ยของโรงแรมในย่านนี้จะอยู่ที่ประมาณ 80% ซึ่งเป็นอัตราที่ค่อนข้างสูง และยังมีความต้องการโรงแรมใหม่ๆ ขึ้นมารองรับชาวต่างชาติที่จะเข้ามาติดต่องานกับสำนักงานต่างๆ ใจกลางสุขุมวิท ด้านความต้องการสถานที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์นั้น แม้ปัจจุบันภายในย่านเดียวกันนี้จะมีศูนย์การค้าขนาดใหญ่อยู่หลายแห่ง แต่ยังมีช่องว่างสำหรับตลาดผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียม โรงแรม และเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ระดับลักซัวรี่ใน ซ.สุขุมวิท 24 ที่ต้องการไลฟ์สไตล์ ร้านอาหารและซูเปอร์มาร์เก็ตดีๆ ที่สามารถเดินมาได้ในระยะไม่กี่ก้าว เฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยในพาร์ค 24 เกือบ 2,000 ยูนิตและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์อีกกว่า 2,000 ยูนิตในย่านนี้ จะทำให้มีผู้เข้าใช้บริการคอมมูนิตี้มอลล์แห่งนี้อย่างต่อเนื่อง นายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า โครงการออริจิ้น 24 เป็นโครงการมิกซ์ยูสแบบลีสโฮลด์ ตั้งอยู่ในซอยสุขุมวิท 24 ห่างจาก BTS พร้อมพงษ์ประมาณ 500 เมตร บนที่ดินขนาดกว่า 4 ไร่ ประกอบด้วย 2 อาคาร แบ่งเป็นโรงแรมและเซอร์วิสอพาร์ทเมนท์กว่า 400 ห้อง พื้นที่คอมมูนิตี้มอลล์ ขนาดกว่า 3,500 ตร.ม. และพื้นที่สำนักงานให้เช่าขนาดกว่า 4,000 ตร.ม. คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างช่วงไตรมาส 4/2561 และคาดว่าจะก่อสร้างแล้วเสร็จทั้งหมดในช่วงไตรมาส 2/2564 ส่วนโครงการ พาร์ค 24 มูลค่าโครงการรวม 17,000 ล้านบาท ปัจจุบัน มียอดขายแล้ว มูลค่าประมาณ 11,000 ล้านบาท โดยเป็นยอดขายสัดส่วนชาวต่างชาติประมาณ 4,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วนที่ระดับ 40% และคนไทยประมาณ 60% ล่าสุดเฟส 1 มีมูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท มียอดขายแล้วประมาณ 4,500 ล้านบาท โดยบริษัทตั้งเป้าหมายจะรับรู้รายได้จากสัดส่วนดังกล่าว 3,000 ล้านบาท ปัจจุบันก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์ และทยอยโอนกรรมสิทธิ์แล้ว ส่วนเฟส 2 คาดว่าจะเริ่มโอนได้ในไตรมาส 4 ปี 2561 ขณะที่ทิศทางการพัฒนาแบรนด์พาร์คในช่วงหลังจากนี้ จะยังคงมุ่งพัฒนาในทำเลใจกลางเมือง เจาะตลาดกลุ่มลักซัวรี่ทั้งชาวไทยและต่างชาติ โดยมีการร่วมออกแบบพัฒนากับดีไซเนอร์ต่างชาติ เพื่อให้รูปลักษณ์โครงการมีความโดดเด่นและเป็นเอกลักษณ์  มีส่วนกลางขนาดใหญ่และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเมือง และเน้นพื้นที่สีเขียวที่มีขนาดใหญ่ โดยแต่ละโครงการจะมีรูปแบบการดีไซน์ที่แตกต่างกันไป เน้นทำเลใจกลางเมือง ด้านนายธงชัย บุศราพันธ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พราวด์ เรสซิเดนซ์ จำกัด กล่าวว่า ทั้งกำลังซื้อ ความต้องการอยู่อาศัย ความต้องการไลฟ์สไตล์ในย่านนี้ยังมีโอกาสเติบโต อาณาจักรอสังหาฯออริจิ้น 24 ที่มีทั้งที่อยู่อาศัย ที่ทำงาน สถานที่พักผ่อนอยู่รวมกันอย่างครบวงจรในทำเล Luxury Residence Zone ใกล้รถไฟฟ้า จะยิ่งช่วยกระตุ้นให้ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่มีกำลังซื้อตัดสินใจเข้ามาอยู่อาศัยในย่านนี้ รวมถึงในโครงการพาร์ค 24 ได้ง่ายขึ้น ล่าสุด โครงการพาร์ค 24 ได้จัดแคมเปญสุดพิเศษสำหรับผู้ที่ลงทะเบียนที่เว็บไซต์ www.park24.co.th รับสิทธิ์อยู่ฟรี 1 ปี พร้อมส่วนลดสูงสุด 1 แสนบาท สามารถลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันนี้ - 31 ธ.ค.60 ปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 43 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 44,000 ล้านบาท  2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
ออริจิ้น จัดกิจกรรม Good Time with Origin Family เชิญลูกบ้านเข้าร่วมกิจกรรมฝึกสติ

ออริจิ้น จัดกิจกรรม Good Time with Origin Family เชิญลูกบ้านเข้าร่วมกิจกรรมฝึกสติ

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ “ORI” จัดกิจกรรมเพื่อเอาใจลูกบ้านอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุด ได้จัดกิจกรรม Good Time with Origin Family เชิญชวนลูกบ้านจากหลากหลายโครงการในเครือออริจิ้น เข้ากิจกรรม พร้อมเปิดประสบการณ์ใหม่ “พับกลีบดอกบัวเจริญสติ” จุดเริ่มต้นแห่งสมาธิ สติ ปัญญา และสัมผัสรสชาติของชาคุณภาพ หลากหลายรสชาติสุดพิเศษ เพื่อเป็นการขอบคุณลูกบ้านและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างลูกบ้านและองค์กร พร้อมยังเป็นการมอบความสุขให้กับลูกบ้านในช่วงวันหยุด ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากลูกบ้าน  ณ ร้านชาปัญญา สุขุมวิท 59 เมื่อเร็วๆ นี้
บอร์ด ORI ใจป้ำ ไฟเขียวปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดในอัตรา 0.104 บาทต่อหุ้น

บอร์ด ORI ใจป้ำ ไฟเขียวปันผลระหว่างกาลเป็นเงินสดในอัตรา 0.104 บาทต่อหุ้น

บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ “ORI”  ประกาศจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท ในอัตราหุ้นละ 0.104 บาท เป็นไปตามนโยบายของบริษัท ที่ต้องการจ่ายปันผลอย่างสม่ำเสมอ โดยกำหนดจ่ายในวันที่ 12 กันยายน 2559 มองแนวโน้มผลงานครึ่งหลังของปีนี้ โตต่อเนื่อง อานิสงส์ดอกเบี้ยทรงตัวอยู่ในระดับต่ำ มีโครงการสร้างเสร็จพร้อมเสิร์ฟได้ทันที มั่นใจทั้งปียอดขายทะลุเป้า 7,500 ล้านบาท และ่เป้าหมายรายได้ที่ 4,000 ล้านบาท นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ภายใต้ชื่อหลักทรัพย์ “ORI” เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2559 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ได้มีมติอนุมัติให้บริษัท จ่ายเงินปันผลระหว่างกาลให้แก่ผู้ถือหุ้นของบริษัท สำหรับผลการดำเนินงานตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559 ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2559 ในอัตราหุ้นละ 0.104 บาท รวมเป็นเงินประมาณ  68.67 ล้านบาท โดยมีกำหนดจ่ายในวันที่ 12 กันยายน 2559 ซึ่งการจ่ายเงินปันผลระหว่างกาลเป็นไปตามนโยบายของบริษัท “บริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 2559 ไว้ที่ 4,000 ล้านบาท ซึ่งในครึ่งปีแรกการรับรู้รายได้ยังเป็นไปตามแผน ในส่วนด้านยอดขาย ปัจจุบันสถานการณ์ในไตรมาสที่สองยังคงรักษาอัตราการเติบโตในเรื่องของยอดขาย การควบคุมต้นทุนค่าใช้จ่ายให้อยู่ในระดับที่เหมาะสม และได้วางงบลงทุนสำหรับการพัฒนาสินค้าใหม่ๆ ที่จะใช้ในไตรมาส 3 และไตรมาส 4 ไว้เรียบร้อยแล้ว จึงเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยหนุนภาพรวมธุรกิจให้เติบโตแข็งแกร่งขึ้นในอนาคต” นายพีระพงศ์กล่าว บริษัทมั่นใจยอดขายปีนี้เติบโตมากกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้ 7,500 ล้านบาท หลังจากปัจจุบันสามารถทำยอดขายไปได้แล้วกว่า 4,500 ล้านบาท นอกจากนี้ ปัจจุบันบริษัทมียอดขายรอโอน (Backlog) อยู่ที่ 9,700 ล้านบาท โดยจะทยอยรับรู้รายได้ภายในปีนี้ประมาณ 4,000 ล้านบาท และที่เหลือคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้ภายในปี 2560 – 2561