Tag : PARK ORIGIN

4 ผลลัพธ์
ออริจิ้น ฉลองครบรอบ 10 ปี เปิดตัว “The Origin” คอนโดแบรนด์ใหม่ ดึง “ซันนี่” เป็น Brand Ambassador

ออริจิ้น ฉลองครบรอบ 10 ปี เปิดตัว “The Origin” คอนโดแบรนด์ใหม่ ดึง “ซันนี่” เป็น Brand Ambassador

ออริจิ้น ฉลองครบรอบ 10 ปี เปิดตัว “The Origin” คอนโดแบรนด์ใหม่เจาะ New Gen ชู Empathy ตอบโจทย์ลูกค้า พร้อมดึง “ซันนี่” เป็น Brand Ambassador   ออริจิ้น ปรับเซ็กเมนต์ธุรกิจสอดรับตลาดอสังหาฯปี 62 พร้อมเปิดตัวแบรนด์ “The Origin” ลุยตลาดคอนโด เพิ่มโอกาสเจาะกลุ่มวัยรุ่น-สะท้อนความเป็นตัวตน ชูแนวทาง “Empathy” ทุกกลุ่มธุรกิจ หนุน Smart Products และ Excellent Services สร้างมาตรฐานเหนือระดับดึงดูดใจลูกค้า ดึง “ซันนี่” นั่งแท่น Brand Ambassador คนใหม่ กระตุ้นการจดจำพร้อมเติบโตอย่างยั่งยืน ปี 62 จ่อเปิดโครงการอสังหาฯเพื่อขายกว่า 26,000 ล้านบาท เตรียมเปิดให้บริการโรงแรม 2 แห่งปลายปีนี้ มั่นใจโกยยอดขายทั้งปีกว่า 28,000 ล้านบาท และรายได้อีกกว่า 19,000 ล้านบาท   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร เปิดเผยว่า เพื่อเป็นการปรับแผนธุรกิจให้สอดรับกับแนวโน้มตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการเปลี่ยนแปลงในปี 2562 ทำให้โครงการเปิดใหม่ในปีนี้จะประกอบด้วย 3 แบรนด์หลัก ได้แก่ 1.พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) แบรนด์คอนโดมิเนียม เจาะกลุ่ม Young Rich & Success อายุ 30-45 ปี ที่ชื่นชอบ lifestyle และ lifestage ในทำเล CBD และ New CBD ราคาขายประมาณ 4-6 ล้านบาทต่อยูนิต 2.ดิ ออริจิ้น (The Origin) แบรนด์คอนโดมิเนียม เจาะกลุ่มลูกค้าNew Gen วัยเริ่มต้นทำงาน (First Jobber and First Home Buyer) อายุประมาณ 24-28 ปีที่มีแนวคิด Smart Finance เปลี่ยนค่าเช่าเป็นทรัพย์สิน ซื้อคอนโดตามแนวรถไฟฟ้า ในย่านส่วนต่อขยายธุรกิจ (EBD) ราคาขายประมาณ 1.6-2.4 ล้านบาท และ 3.บริทาเนีย (Britania) แบรนด์โครงการแนวราบทั้งทาวน์โฮม บ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ที่มี Smart Design เจาะกลุ่มวัยเริ่มต้นครอบครัว อายุ 28-45 ปี ในระดับราคา 2.5-6 ล้านบาท   “จากความโดดเด่นในการวิจัยการตลาด และความคิดสร้างสรรค์ในการพัฒนาสินค้าและบริการ บริษัทมั่นใจว่า Brand Segmentation ที่มีความชัดเจน และ Price Point ที่แม่นยำในลูกค้าเป้าหมายแต่ละกลุ่ม จะทำให้บริษัทสามารถตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่จะมีการปรับตัวครั้งใหญ่จาก Macro Prudential Policy ของธนาคารแห่งประเทศไทย” นายพีระพงศ์ กล่าว   ทั้งนี้ จุดแข็งสำคัญที่ทำให้บริษัทมัดใจผู้บริโภคได้คือเรื่องความเข้าใจลูกค้า (Empathy) ทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทต่างตระหนักถึงความต้องการของลูกค้าในแต่ละกลุ่มเป็นอย่างดี ส่งผลให้บริษัทจะต่อยอดเรื่อง Empathy ผ่าน 2 เรื่องได้แก่ 1.Smart Products พัฒนาสินค้าทุกประเภทให้มีฟังก์ชันที่ตอบโจทย์มากยิ่งขึ้น ประกอบกับนำ Smart Technology เข้ามาช่วยเติมเต็ม 2.Excellenct Services มอบบริการเหนือระดับที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้ายุคใหม่ พร้อมปลูกฝังจิตสำนึกพนักงานทุกคนในด้านการบริการแบบนึกถึงใจเขาใจเรา     นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ปีนี้บริษัทยังสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับวงการอสังหาริมทรัพย์อีกครั้ง กับการเปิดตัว Brand Ambassador คนใหม่ คือซันนี่ สุวรรณเมธานนท์ ซุปตาร์แถวหน้าของเมืองไทยที่มี Character ความเป็น Romantic Comedy มาช่วยสะท้อนถึงบุคลิกแบรนด์ต่างๆ ในเครือออริจิ้น ขณะเดียวกัน จะตอกย้ำภาพเรื่อง Empathy ให้ผู้บริโภคได้เห็นทั้งเรื่อง Smart Products และ Excellent Services ชัดเจนมากขึ้น โดยจะมีโฆษณาตัวแรกขึ้นในวันที่ 1ก.พ.นี้   สำหรับผลประกอบการในปี 2561 ถือว่าเป็นไปได้อย่างยอดเยี่ยม สามารถสร้างยอดขายรวมได้มากกว่า 27,500 ล้านบาท ส่วนปี 2562 นั้น บริษัทตั้งเป้าจะเปิดโครงการอสังหาฯเพื่อขาย มูลค่าโครงการรวมกว่า 26,000 ล้านบาท ประกอบด้วย 1.แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น 3 โครงการในทำเลราชเทวี พระราม 4 และอีก 1 โครงการในย่าน New CBD มูลค่ารวมประมาณ 9,000 ล้านบาท 2.แบรนด์ดิ ออริจิ้น 7 โครงการในย่านยอดนิยมสำหรับ New Gen ได้แก่ สุขุมวิท รัชดา ลาดพร้าว รามคำแหง และรามอินทรา มูลค่ารวมประมาณ 9,000 ล้านบาท 3.โครงการมิกซ์ยูสใหม่ Origin District Rayong มูลค่า 2,000 ล้านบาท และ4.แบรนด์บริทาเนีย 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 6,000 ล้านบาท ตั้งเป้ายอดขายจากทั้งโครงการเก่าและใหม่รวมกันไว้ที่ 28,000 ล้านบาท ขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน จะเปิดตัวโรงแรมใหม่ทั้งสิ้น 2 โครงการ ทำให้ปีนี้ทุกกลุ่มธุรกิจของบริษัทจะมีการเติบโตและรายได้ที่หลากหลายมากขึ้น ส่งผลให้บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมไว้ที่ 19,000 ล้านบาท   ด้านนางศุภลักษณ์ จันทร์พิทักษ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น เฮ้าส์ จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจโครงการแนวราบในเครือออริจิ้น กล่าวว่า จากเดิมที่เป็นกลุ่มธุรกิจย่อยของเครือในปีที่ผ่านมา มาปีนี้บริษัทพร้อมขับเคลื่อนนำโครงการแนวราบแบรนด์บริทาเนียขึ้นมาเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจหลักของออริจิ้น โดยโฆษณาชิ้นแรกที่มี Brand Ambassador มาแสดงนั้นจะช่วยสะท้อนภาพลักษณ์ที่แตกต่างของแบรนด์บริทาเนียให้อยู่ในการรับรู้ของผู้บริโภค รวมถึงเป็นการเปิดตัวแบรนด์บริทาเนียสู่ตลาดแนวราบ และส่งเสริมให้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดดต่อไป   “Empathy ในธุรกิจโครงการแนวราบของออริจิ้นนั้น ได้ส่งมอบทั้ง Smart Products และ Excellent Services ในทำเลที่ติดเส้นทางคมนาคมหลัก เดินทางเข้าเมืองได้สะดวกและอยู่ใกล้แหล่งงานที่มีการเติบโตสูง โดยเฉพาะกรุงเทพฯโซนตะวันออก บางนา และ EEC จากความประทับใจของลูกค้า พิสูจน์ความสำเร็จได้จากยอดขาย Pre-event ในช่วงคริสต์มาสที่ผ่านมา กับ 3 โครงการใหม่ คือ บริทาเนีย เมกะทาวน์ บางนา, บริทาเนีย บางนา กม. 12, และ บริทาเนีย วงแหวน-หทัยราษฎร์ ซึ่งเรามียอดขายมากถึง 1,000 ล้านบาทภายในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ใหม่ในการขายบ้านจัดสรรแบบPresale” นางศุภลักษณ์ กล่าว   ด้านนางกมลวรรณ วิปุลากร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท วัน ออริจิ้น จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนในเครือออริจิ้น กล่าวว่า ปี 2562 เป็นปีที่เห็นความสำเร็จของแผนการขยายงานอย่างชัดเจน โดยการก่อสร้างโรงแรมทั้ง 5 แห่งที่ประกาศเปิดตัวไปก่อนหน้านี้ ถือว่าเป็นไปได้อย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะโรงแรม Staybridge Suites Bangkok Thonglor และโรงแรม Holiday Inn & Suites Sriracha ที่ก่อสร้างได้เร็วกว่าแผน และคาดว่าน่าจะเปิดให้บริการได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ และทยอยสร้างรายได้กลับเข้าสู่บริษัท อีกทั้งปี 2562 นี้ บริษัทมีแผนจะเปิดตัว 2 โครงการใหม่ ทั้งโรงแรมในกรุงเทพฯ และมิกซ์ยูสครบวงจรแห่งใหม่ในจังหวัดระยอง ที่จะมีการเติบโตสูงจากการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและ Smart Park ในมาบตาพุด ที่จะเป็นศูนย์กลางแห่งใหม่ของ EEC   “ความต้องการเข้าพักของธุรกิจโรงแรมในประเทศไทยยังคงเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพราะประเทศไทยยังคงเป็นจุดหมายที่สำคัญของโลกทั้งในแง่การท่องเที่ยวและการทำธุรกิจ จากความเข้าใจธุรกิจ ความเข้าใจความต้องการของลูกค้าที่หลากหลาย และความร่วมมือกับเชนผู้บริหารระดับโลก ทำให้เราสามารถรังสรรค์ Smart Products และมั่นใจในการส่งมอบ Excellent Services ให้แก่ลูกค้าของเรา” นางกมลวรรณ กล่าว   นายธนา ต่อสหะกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด บริษัทที่ดูแลธุรกิจบริการในเครือออริจิ้น กล่าวว่า พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จะถือเป็นกลุ่มธุรกิจสำคัญของออริจิ้นที่นำเรื่อง Excellent Services และ Smart Brokerage มาส่งมอบให้แก่ลูกค้าทุกกลุ่ม เช่น ในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย ด้วยวิสัยทัศน์ของเครือไม่ได้เพียงต้องการขายสินค้าแล้วจากไป แต่ต้องการส่งมอบการอยู่อาศัยและประสบการณ์การใช้ชีวิตที่ดีที่สุดให้แก่ลูกค้า   “Insight ของกลุ่มคนรุ่นใหม่ในปัจจุบัน คือเติบโตมาจากครอบครัวที่ได้รับการเอาใจใส่เป็นอย่างดี มีคนคอยทำทุกอย่างให้ เมื่อมาอยู่คอนโดหรือบ้านจัดสรรยุคใหม่ จึงต้องการบริการต่างๆ ในทุกช่วงเวลาของการใช้ชีวิต บริการ Fully Services ครบวงจรในการใช้ชีวิตของพรีโม จึงเป็น Excellent Services ที่เติมเต็มความสุขของการอยู่อาศัย” นายธนา กล่าว   ทั้งนี้ พรีโม มีบริการ After Sales Service ครบวงจร ผ่านบริษัทย่อย 6 บริษัท ส่งมอบ Excellent Services ที่ได้รับการการันตีโดยมาตรฐาน ISO 9001 ทั้งด้าน Property Management และด้าน Home Service เป็นรายแรกของไทย ให้แก่ผู้อยู่อาศัยตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาเป็นลูกบ้านออริจิ้น พรีโมยังมี Service Application ผ่านแอปพลิเคชั่น BUTLER รวบรวมทุกงานบริการเอาไว้อย่างครบวงจร และในปี 2562 พรีโมไม่ได้มีเป้าหมายเพียงส่งมอบบริการสุดพิเศษนี้ให้เฉพาะลูกบ้านออริจิ้น แต่ยังเปิดกว้างการขยาย Excellent Services เข้าไปช่วยดูแลลูกค้าในโครงการที่อยู่อาศัยทุกแบรนด์ทุกประเภท เพื่อเป็น Living Partner ส่งมอบความสุขให้แก่ทุกคน   สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมาแล้ว 51 โครงการ เช่น แบรนด์ PARK ORIGIN, KnightsBridge, Notting Hill, Kensington และ Britania รวมมูลค่าโครงการกว่า 84,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร        
“ORI” อวดยอดขายทะยานเกินเป้ากว่า 25,000 ล้านบาท  จากการเปิดโครงการใหม่ “พาร์ค ออริจิ้นทองหล่อ”  หนุนผลประกอบการทั้งปีโตตามเป้า

“ORI” อวดยอดขายทะยานเกินเป้ากว่า 25,000 ล้านบาท จากการเปิดโครงการใหม่ “พาร์ค ออริจิ้นทองหล่อ” หนุนผลประกอบการทั้งปีโตตามเป้า

“ออริจิ้น” ปลื้มยอดขายโครงการแฟล็กชิพฉลุยทั้ง 2 ทำเล “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท” กวาดยอดขายทะลุ 80% ด้าน “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” โกยยอด 74% ทันทีหลังจบพรีเซล 24 พ.ย. ตอกย้ำความต้องการที่อยู่อาศัยคุณภาพ มั่นใจหนุนผลประกอบการปีนี้โตตามเป้า     นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า หลังจากประกาศเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมแฟล็กชิพภายใต้แบรนด์ใหม่ “พาร์ค ออริจิ้น” ไป 2 โครงการ ใน 2 ทำเลศักยภาพ ได้แก่ 1.พาร์ค ออริจิ้น พญาไท (PARK ORIGIN Phayathai) มูลค่าโครงการ 4,600 ล้านบาท และ 2.พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ (PARK ORIGIN Thonglor) มูลค่าโครงการ 12,000 ล้านบาท บริษัทได้รับกระแสตอบรับอย่างดีเยี่ยม โดยพาร์ค ออริจิ้น พญาไท เริ่มเปิดพรีเซลอย่างเป็นทางการไปเมื่อ 30 ก.ย. ปัจจุบัน มียอดขายแล้วถึงกว่า 80% ขณะที่พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ เพิ่งเปิด Exclusive Presale เมื่อวันที่ 24 พ.ย.ที่ผ่านมา สามารถกวาดยอดขายได้แล้วถึง 74%     “แบรนด์พาร์ค ออริจิ้น เป็นแบรนด์ใหม่ที่ทีมงานออริจิ้นทุกคนมุ่งมั่นและทุ่มเทในการสร้างสรรค์ เพื่อให้เกิดเป็นแบรนด์ที่อยู่อาศัยที่ลงตัว ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างสมบูรณ์ภายใต้คอนเซ็ปต์ A Perfect Living Platform ยอดขายที่เกิดขึ้นจึงสะท้อนถึงสภาพของตลาดที่ยังคงให้ความสำคัญกับการซื้อที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพและตอบโจทย์การใช้ชีวิตได้อย่างแท้จริง” นายพีระพงศ์ กล่าว     ทั้งนี้ โครงการพาร์ค ออริจิ้นทั้ง 2 โครงการ จะถูกพัฒนาในรูปแบบของโครงการมิกซ์ยูส โดยมีสิ่งอำนวยความสะดวกอื่นๆ ควบคู่กับคอนโดมิเนียมด้วย อาทิ โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ สำนักงานให้เช่า ยอดขายของทั้ง 2 โครงการ จึงสะท้อนถึงความต้องการที่อยู่อาศัยที่ครบวงจรในรูปแบบของโครงการมิกซ์ยูสอีกด้วย ในปี 2562 บริษัทยังคงมีแผนจะพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสควบคู่กับคอนโดมิเนียมแบรนด์พาร์ค ออริจิ้น อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค     นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ผลประกอบการในปี 2561 นี้ น่าจะสามารถเติบโตได้ตามเป้า โดยในส่วนของยอดขายนั้น บริษัทตั้งเป้าทั้งปีไว้ที่ 24,000 ล้านบาท เฉพาะช่วง 3 ไตรมาสแรก สามารถทำได้แล้ว 22,400 ล้านบาท หากรวมกับยอดขายที่เพิ่งเกิดขึ้นของโครงการพาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ จะทำให้ยอดขายทะลุเกิน 25,000 ล้านบาท ขณะที่ด้านรายได้นั้น ก็ยังคงมีโครงการสร้างเสร็จใหม่ที่ทยอยรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่อง เช่น 1.โครงการนอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท105 (Notting Hill Sukhumvit 105) และ 2.โครงการนอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์ (Notting Hill Jatujak-Interchange) รวมถึงการประสบความสำเร็จจากการโอนโครงการใหญ่อย่างโครงการ พาร์ค 24 (PARK24) ซึ่งทำให้อัตราหนี้สินต่อทุน (IBD/E) ของบริษัทลดลงเหลือ 1.49 เท่าในไตรมาสที่ผ่านมา และคาดว่าจะลดลงเหลือ 1.35 เท่า ในการปิดงวดไตรมาส 4 นี้          
“ORI” จ่อโอนโครงการใหม่สร้างเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ส่งโปรโดนใจตลาดพร้อมลุยเปิดขายโครงการต่อเนื่อง

“ORI” จ่อโอนโครงการใหม่สร้างเสร็จพร้อมรับรู้รายได้ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท ส่งโปรโดนใจตลาดพร้อมลุยเปิดขายโครงการต่อเนื่อง

ออริจิ้น เผยเตรียมทยอยโอนกรรมสิทธิ์โครงการสร้างเสร็จใหม่ไตรมาส 4 เพิ่ม 2 โครงการ มูลค่ากว่า 3,000 ล้านบาท หลังงานก่อสร้างรุดหน้า ติดเครื่องลุยแคมเปญทางการตลาด มั่นใจภาพรวมทั้งปีเป็นไปตามแผน   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า ในไตรมาส 4 บริษัทมีโครงการใหม่แล้วเสร็จพร้อมโอน ได้แก่ โครงการนอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท105 (Notting Hill Sukhumvit 105) มูลค่าโครงการ 2,350 ล้านบาท ที่สร้างเสร็จเร็วกว่าแผน พร้อมโอนกรรมสิทธิ์ได้ทันที ทั้งนี้มี Secure Backlog แล้วถึง 80% และโครงการนอตติ้ง ฮิลล์ จตุจักร อินเตอร์เชนจ์ (Notting Hill Jatujak-Interchange) มูลค่าโครงการ 650 ล้านบาท ซึ่งมี Secure Backlog แล้วถึงกว่า 95%  ผนวกกับบริษัทมีความตั้งใจดำเนินงานก่อสร้างอย่างเต็มที่ให้แล้วเสร็จตามแผน ทำให้บริษัทมีความมั่นใจว่าการรู้รายได้จะเป็นไปอย่างต่อเนื่อง   “ในขณะเดียวกัน ช่วงไตรมาส 4 บริษัทเดินหน้าเปิดขายโครงการใหม่อย่างเป็นทางการอีก 3 โครงการ ได้แก่ 1.โครงการพารค์ ออริจิ้น ทองหล่อ มูลค่าโครงการ 12,000 ล้านบาท 2.โครงการบริทาเนียเมกา ทาวน์ บางนา มูลค่าโครงการ  1,900 ล้านบาท และ 3. โครงการบริทาเนียบางนา สุวรรณภูมิ มูลค่าโครงการ  1,000 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการกว่า 14,900 ล้านบาท”   นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า ที่ผ่านมากระแสการตอบรับกับแคมเปญต่างๆ ของบริษัทนั้น ได้รับการตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถตอบสนองความต้องการของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี สังเกตได้จากการจัดงานอีเวนท์ในครั้งที่ผ่านๆ มา เช่น งาน Origin Shock Price ณ ลานแฟชั่น ฮอลล์ ศูนย์การค้า สยาม พารากอน ที่ช่วยให้ผู้บริโภคในทุกเซ็กเมนต์มีโอกาสเข้าถึงโครงการที่อยู่อาศัยได้ง่ายขึ้น จนสามารถกวาดยอดขายไปได้มากกว่า 240 ล้านบาท ในเวลา 2 วัน หรือจากโปรโมชั่น Last Minute แซงมาตรการรัฐ ก็ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างล้นหลาม   ทั้งนี้ จากยอดขายและผลประการดำเนินงานที่ทำได้ดีตลอดช่วง 10 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบการทุกด้าน ทั้งยอดขาย รายได้ ในปีนี้ จะสามารถเป็นไปได้ตามเป้าหมายที่วางไว้   สำหรับบริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 54 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 82,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร          
“ออริจิ้น” โชว์ผลประกอบการดีต่อเนื่อง 9 เดือนแรกของปีกวาดยอดขายไปแล้วมากกว่า 20,000 ล้านบาท “พาร์ค ออริจิ้น” ยอดขายฉลุย โครงการสร้างเสร็จทยอยรับรู้รายได้ก่อนกำหนด

“ออริจิ้น” โชว์ผลประกอบการดีต่อเนื่อง 9 เดือนแรกของปีกวาดยอดขายไปแล้วมากกว่า 20,000 ล้านบาท “พาร์ค ออริจิ้น” ยอดขายฉลุย โครงการสร้างเสร็จทยอยรับรู้รายได้ก่อนกำหนด

ออริจิ้น โชว์ผลประกอบการเยี่ยมต่อเนื่อง หลังขยายอาณาจักรครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ แบรนด์ใหม่ “พาร์ค ออริจิ้น” 2 โครงการ พญาไท และทองหล่อกวาดยอดขายทะลุเป้า โครงการสร้างเสร็จ พาร์ค 24 เฟส 2 ทยอยโอนกรรมสิทธิ์และรับรู้รายได้ก่อนกำหนดกว่า 2 ไตรมาส คาดชำระคืนเงินกู้ธนาคารหมดภายในสิ้นปีนี้ มั่นใจสิ้นปียอดขายทะลุ 2.4 หมื่นล้านบาทตามเป้า   นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ พาร์ค ออริจิ้น (PARK ORIGIN) ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge) นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill) เคนซิงตัน (Kensington) และโครงการแนวราบแบรนด์ บริทาเนีย (Britania) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานของบริษัท9 เดือนแรกของปี ถือว่าเติบโตได้อย่างยอดเยี่ยม ปัจจุบัน มียอดขายแล้วกว่า 2 หมื่นล้านบาท เป็นผลจากโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ “พาร์ค ออริจิ้น” แบรนด์คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่ สามารถสร้างยอดขายได้ทะลุเป้า เริ่มจากโครงการ “พาร์ค ออริจิ้น พญาไท” สามารถกวาดยอดขายไปได้แล้วกว่า 75% หรือมากกว่า 3,500 ล้านบาท โดยเพิ่งเริ่มเปิดขายอย่างเป็นทางการไปช่วงปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ขณะเดียวกัน โครงการแฟล็กชิพที่เพิ่งเปิดตัว “พาร์ค ออริจิ้น ทองหล่อ” ก็สามารถกวาดยอดขายไปได้มากกว่า 40% หรือมากกว่า 5,000 ล้านบาท โดยที่ยังไม่ได้เปิดขายอย่างเป็นทางการ “บริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายทั้งปีที่ระดับ 24,000 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรกของปีบริษัทมียอดขายสะสมทะลุ 20,000 ล้านบาทไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของบริษัทที่สามารถนำเสนอโครงการที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง ทำให้บริษัทมั่นใจว่าผลประกอบทั้งปีจะเติบโตเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้” นายพีระพงศ์ กล่าว ในส่วนของโครงการ พาร์ค 24 เฟส 1 มูลค่าโครงการประมาน 6,000 ล้านบาท ปัจจุบันโอนไปแล้วกว่า 75% และชำระคืนหนี้ธนาคารหมดแล้ว และในส่วนของ เฟส 2 มูลค่าโครงการประมาน 11,100 ล้านบาท ที่สร้างเสร็จและโอนได้ก่อนกำหนด จากแผนเดิมที่จะเสร็จในไตรมาส 4  สามารถก่อสร้างได้เสร็จและเริ่มโอนได้ตั้งแต่มิถุนายนที่ผ่านมา ปัจจุบันโอนไปแล้วกว่า 20% เหลือคืนหนี้ธนาคารเพียง 2,500 ล้านโดยคาดว่าจะสามารถโอนเพิ่มและชำระคืนหนี้ได้หมดภายในสิ้นปีนี้ ทั้งนี้พาร์ค 24 เฟส 2 ยังคงมี Backlog รอโอนอีกกว่า 4,700 ล้านบาท นอกจากนี้บริษัทยังมีสภาพคล่อง และกระแสเงินสดหมุนเวียนอย่างต่อเนื่องเพียงพอกับการพัฒนาโครงการที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงการซื้อที่ดินเพื่อรองรับแผนการเติบโตของบริษัทในอนาคต   “ปีนี้เป็นปีที่เราขยายธุรกิจคอนโดมิเนียมจนครอบคลุมทุกเซ็กเมนต์ และเริ่มเดินหน้าประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งธุรกิจโครงการแนวราบ ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียน เช่น โรงแรม คอมมูนิตี้มอลล์ โครงการมิกซ์ยูส ตามวิสัยทัศน์ในการสร้างอาณาจักรออริจิ้น หรือ The Empire of Origin และถือเป็นนิมิตหมายอันดีที่การดำเนินการสามารถเป็นไปได้ตามเป้าหมาย สามารถสร้างผลประกอบการที่ยั่งยืนให้แก่บริษัท และเป็นแกนสำคัญที่ช่วยให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคครอบคลุมทุกกลุ่ม”   นายพีระพงศ์ กล่าวอีกว่า บริษัทให้ความสำคัญกับทุกกระบวนการในการดำเนินงานของบริษัท และมีพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างหลากหลายในการดำเนินธุรกิจตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ จึงทำให้มั่นใจได้ว่า บริษัทสามารถเติบโตไปในอนาคตได้อย่างยั่งยืน   บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 54 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 82,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร