Tag : Pre-Sale คอนโด

4 ผลลัพธ์
JW Station@Ramintra เป็นมากกว่าทุกความต้องการ : รีวิวคอนโด

JW Station@Ramintra เป็นมากกว่าทุกความต้องการ : รีวิวคอนโด

ผู้เขียนเชื่อเหลือเกินค่ะว่าคอนโดมิเนียมดีๆ มักจะช่วยสร้างแรงบันดาลใจในชีวิตได้มาก ยิ่งถ้าได้เป็นเจ้าของพื้นที่เองแล้วล่ะก็ การใช้ชีวิตในแต่ละวันคงเต็มไปด้วยความสุขและเติมความมีชีวิตชีวาได้เป็นอย่างดี เหมือนดั่งคอนโดฯ โครงการใหม่ล่าสุดจาก บริษัท เจ.ดับบลิว.เรียลเอสเตท ในเครือ JW Group ภายใต้ชื่อ JW Station@Ramintra ที่เป็นมากกว่าทุกความต้องการของชีวิต บนทำเลศักยภาพติดรถไฟฟ้าสายสีชมพู (สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ) พร้อมออกแบบคอนโดเป็นตึกสูงที่สุดในย่านมีนบุรี ด้วยความสูงถึง 20 ชั้น เพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายครบครัน ซึ่งกำลังจะเปิดพรีเซลเร็วๆ นี้ ทีมงานเราก็ไม่รอช้าที่จะเข้าไปเก็บห้องตัวอย่างมาฝากกันก่อน เผื่อใช้ประกอบการตัดสินใจเบื้องต้นค่ะ   โครงการ JW Station@Ramintra ตั้งอยู่ในทำเลที่จัดว่าน่าสนใจมากๆ ค่ะ ตัวโครงการด้านหน้าอยู่ติดถนนรามอินทรา ด้านข้างติดซอยรามอินทรา 86 ใกล้แยกมีนบุรี ที่เชื่อมต่อทั้งถนนรามอินทราและถนนเสรีไทย ซึ่งถือว่าเป็นทำเลที่ดีที่สุดในย่านนี้ เพราะมีความอุดมสมบูรณ์สูงครบเครื่องทั้งแหล่งงาน หน่วยราชการ สถานศึกษา ธนาคาร แหล่งช็อปปิ้งตั้งแต่ร้านค้า, ร้านอาหาร, โชว์รูมรถ ไปจนถึงตลาดมีนบุรี อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากห้างสรรพสินค้าอย่าง Makro รามอินทรา, Amorini, The Promanade, Fashion Island และ The Mall บางกะปิ อีกด้วย   สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ก็จัดว่าสะดวกสบายทั้งเข้าเมืองและออกเมืองค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าโครงการ JW Station@Ramintra ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่รามอินทรา ใกล้แยกมีนบุรี และยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงวงแหวนกาญจนาภิเษกในระยะเพียง 5 กิโลเมตรเท่านั้น จะเดินทางเข้าเมืองก็สามารถใช้ทางเชื่อมจากถนนรามอินทราไปออกถนนเษตรนวมินทร์ใช้วิ่งเข้าเมืองไปทางพหลโยธิน หรือขึ้นทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ตรงไปออกถนนเพชรบุรีและถนนสุขุมวิทก็เป็นเรื่องง่าย นอกจากนี้ยังสามารถใช้ถนนเสรีไทย วิ่งตรงไปลาดพร้าว ซึ่งเชื่อมต่อกับถนนหลักหลายเส้น ไม่ว่าจะศรีนครินทร์, นวมินทร์, รามคำแหง หรือจะออกเมืองไปทางหนองจอก มีนบุรี ขึ้นวงแหวนกาญจนาภิเษกไปสายไหม ไปรังสิต และอยุธยาก็สะดวกทั้งหมดค่ะ     ในส่วนของการเดินทางสำหรับคนที่ใช้รถสาธารณะก็จัดว่าสะดวกสบายทีเดียวค่ะ เพราะจุดเด่นของโครงการนั้นอยู่ติดรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีเศรษฐบุตรบำเพ็ญ ที่วิ่งจากแครายมาสิ้นสุดที่มีนบุรี โดยกำลังดำเนินก่อสร้างคาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2562 ซึ่งลูกบ้านสามารถนั่งรถไฟฟ้าไปเปลี่ยนเป็นสายสีส้มได้ที่สถานีมีนบุรี (อยู่ถัดไปเพียง 2 สถานี) ได้อีกด้วย โดยอนาคตสายสีส้มจะทำการเชื่อมต่อไปยังรถไฟฟ้าสายสีเหลืองโซนบางกะปิ-ลาดพร้าว เรียกว่าถ้าแล้วเสร็จเมื่อไหร่ลูกบ้านก็ยิ่งเดินทางสะดวกมากขึ้นเท่านั้นค่ะ ทั้งนี้ในส่วนของรถสาธารณะอื่นๆ ก็ยังเอื้อต่อความสะดวกเช่นกันค่ะ เพราะข้อดีของโครงการที่อยู่ติดใหญ่เส้นหลัก ทำให้มีรถโดยสารอย่าง รถเมล์, รถสองแถวสีแดง, แท๊กซี่ และวินมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด ทำให้การเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัวนั้นเป็นเรื่องง่ายและสะดวกสบายจริงๆ ค่ะ   ภาพรวมโครงการ JW Station@Ramintra โครงการ JW Station@Ramintra เป็นคอนโด High Rise 20 ชั้น ที่สูงที่สุดแห่งแรกในย่านมีนบุรี โดยชูคอนเซ็ปต์เก๋ๆ ว่า “Everything is more มากกว่าทุกความต้องการ” ออกแบบให้มีความเป็นส่วนตัวสูงสุดเพียง 275 ยูนิต มาพร้อมความโปร่งสบายที่มากกว่าด้วยเพดานสูงถึง 2.70 เมตร คุ้มค่ากับรูปแบบอาคารและแบบห้องที่โออ่าทันสมัยในสไตล์โมเดิร์น ทั้งยังให้ความสำคัญมากกว่าการอยู่อาศัยโดย Built in furniture ให้ทุกยูนิตและใช้นวัตกรรมที่เหนือกว่าคอนโดทั่วไปด้วยระบบ Smart Building รองรับการใช้งานด้วยความสะดวกสบายผ่าน Smartphone ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้เป็นอย่างดี   และด้วยคอนเซ็ปต์ที่ทางโครงการเน้นให้เป็นคอนโดฯ มากกว่าทุกความต้องการ Facility จึงจัดเต็มแบบไม่กั๊กกันเลยทีเดียวค่ะ เพราะมีสวนลอยฟ้าทั้ง Sky Loung และ Sky Garden พื้นที่พักผ่อนชมวิวแบบพาโนรามาชั้นสูงสุด นอกจากนี้ยังรองรับสุขภาพให้ลูกบ้านด้วยฟิตเนสเต็มรูปแบบ รวมไปจนถึงสระว่ายน้ำระบบเกลือที่มาพร้อม Jacuzzi ขณะเดียวกันก็เพิ่มความปลอดภัยของลูกบ้านที่มากกว่าด้วยระบบ Smart Building, Digital Doorlock, Keycard Access, CCTV 24 ชั่วโมง และที่จอดรถบนอาคารถึง 45% ซึ่งถือว่าครบถ้วนมากๆ สำหรับคอนโดมิเนียมราคาสบายเทียบเท่าคอนโด Low Rise แบบนี้ ภาพจำลองบรรยากาศด้านหน้าโครงการ JW Station@Ramintra ทางเข้าออกด้วยระบบ Access Card และไม้กั้น ภาพจำลองบรรยากาศ Lobby คุมโทนสีเข้ม เพิ่มความหรูหราด้วยพื้นหินอ่อน ภาพจำลองบริเวณโถงลิฟต์ชั้น 1 ตกแต่งในบรรยากาศหรูหรา ดูโอ่อ่ารับกับ Lobby ภาพจำลองห้องห้อง Fitness แบบครบวงจร พร้อมอุปกรณ์ออกกำลังกายที่ทันสมัย ภาพจำลองบรรยากาศในห้องฟิตเนส ที่โอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสทำให้ออกกำลังกายพร้อมชมวิวได้เต็มสายตา ภาพจำลองพื้นที่พักผ่อนบนชั้น 4 ที่มีสระว่ายน้ำพร้อม Jacuzzi ริมสระมีส่วนที่นั่งพร้อมหลังคาผ้าให้ความรู้สึกเหมือนอยู่รีสอร์ท ภาพจำลองบรรยากาศส่วน Sky Lounge บนชั้นดาดฟ้า ที่มีทั้ง Sky Lounge และ Sky Garden สำหรับการพักผ่อนและทำกิจกรรมต่างๆ ภาพจำลองพื้นที่นั่งพักผ่อนสำหรับชมวิวมุมสูงของโครงการ ซึ่งเป็นลานกิจกรรมบน Activity Arcade On The Roof     เปิดประตูห้องตัวอย่าง โครงการ JW Station@Ramintra เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ที่มียูนิตรวมทั้งหมด 275 ยูนิต แบ่งเป็น 1 Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 23.9 – 40 ตารางเมตร แบบ 2 Bedroom ขนาดเริ่มต้นที่ 37 – 57 ตารางเมตร สำหรับห้องตัวอย่างที่เราได้ไปชมกันในครั้งนี้ เป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาด 23.9 ตารางเมตร ที่มีเพดาานสูงถึง 2.70 เมตร ซึ่งมีจำนวนเยอะที่สุดในโครงการ ห้องแบบนี้จะมีลักษณะเป็นห้องแนวลึกนะคะ การจัดแบ่งพื้นที่ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน โดยจะแยกพื้นที่ครัวและห้องน้ำไว้ฝั่งเดียวกัน และมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางระหว่างพื้นที่นั่งเล่นกับห้องนอน   เปิดห้องเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยค่ะ ซึ่งมีที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่เล็กๆ สำหรับวางโต๊ะข้างได้อีกหน่อย ก่อนจะเข้าห้องนอนมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นให้เป็นสัดส่วนสวยงาม ภายในห้อง  Built-in ตู้ เตียง ไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ   ส่วนอีกโซนของห้อง เป็นห้องน้ำและห้องครัวนะคะ ซึ่งจะอยู่ติดกันโดยพื้นที่ครัวทางโครงการก็ Built-in เคาน์เตอร์และตู้เก็บของพร้อมเว้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นและเครื่องซักผ้ามาให้เรียบร้อย ทั้งยังมาพร้อมกับเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันอีกด้วย ขณะที่พื้นที่ตรงข้ามเคาน์เตอร์ยังมีที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ขนาด 2 ที่อีกด้วย ซึ่งข้อดีของห้องนี้คือครัวอยู่ติดระเบียงนะคะ ทำให้ลดปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวนระหว่างทำครัวได้ดี ระบบ VDO Phone ที่แจ้งเตือนลูกบ้านจากบริเวณ Lobby เวลามีคนมาหา พร้อมเห็นหน้าของแขกผู้มาเยือนด้วย โดยจะมีสัญญาณเตือนมาที่ห้องของลูกบ้านแบบอัติโนมัติ เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยค่ะ ทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งภายในห้องจะมาพร้อม Digital Doorlock และติดตั้งระบบ Smart Building รองรับการใช้งานด้วยความสะดวกสบายผ่าน Smartphone ไว้ที่ด้านข้างประตูด้วย ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีอยู่ในระยะที่กำลังดีนะคะ ไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็นคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งทางโครงการจะบิลต์อินมาให้เสร็จสรรพ ทั้งยังมีตู้เก็บแบบมีหน้าบานเปิด-ปิดของด้านข้างอีกด้วย ติดกันกับโซน Living Area จะเป็นห้องนอนนะคะ กซึ่งก็กั้นกลางด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอน ภายในห้องนอนถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่พักผ่อนอย่างเต็มที่เลยนะคะ จะเห็นได้ว่าพื้นที่โดยรอบเตียงนั้นสามารถเดินได้อย่างสบายๆ แถมถ้าใครอยากนอนดูทีวีก็สามารถติดทีวีที่ผนังโดยยังเหลือพื้นที่ให้เดินได้สะดวกเช่นเดิมค่ะ บริเวณข้างเตียงยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะข้างเหมือนดั่งห้องตัวอย่างเลยนะคะ ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เสื้อผ้ามาให้แล้วนะคะ ข้อดีคือลูกบ้านไม่ต้องเสียเงินซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่ม ออกมาจากห้องนอนจะเป็นพื้นที่ต่อเนื่องไปโซนครัวและห้องน้ำค่ะ ครัวจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมหลวมระหว่างเคาน์เตอร์และโต๊ะรับประทานอาหารไว้ด้วยกัน เคาน์เตอร์ครัวลูกบ้านจะได้ตามภาพตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการจะเว้นช่องสำหรับวางตู้เย็น ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้ามาให้เรียบร้อยแล้ว นอกจากนี้ทางโครงการยังแถมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันด้วยนะคะ ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวจะมีพื้นที่เพียงพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ขนาด 2 ที่ด้วยค่ะ ด้านในสุดของครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งก็มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้น ข้อดีที่ระเบียงอยู่ติดครัวก็สามารถลดกลิ่นและระบายอากาศเวลาประกอบอาหารได้ดีค่ะ พื้นที่ระเบียงด้านนอกค่อนข้างกว้างขวางทีเดียวค่ะ สามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ ทางโครงการจะติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ที่ด้านบนนะคะ ข้อดีคือไม่เปลืองเนื้อที่นั่นเองค่ะ กลับเข้ามาด้านใน ติดกันกับครัวจะเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งก็ยกธรณีสูงขึ้นมาหนึ่งเสต็ปเพื่อกันน้ำเปียกมาถึงพื้นด้านนอก ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่เปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน สุขภัณฑ์ที่ลูกบ้านจะได้รับก็ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางโถสุขภัณฑ์ไว้ตรงกลางห้อง พื้นที่เปียกจะกั้นด้านประตูกระจกนะคะ ซึ่งถ้าใครตัดสินใจซื้อในช่วงพรีเซลทางโครงการจะแถมบานเลื่อนกระจกกั้นพื้นที่เปียกให้ค่ะ แต่ถ้าหลังจากช่วงพรีเซลจะแค่ยกธรณีขึ้นมาเฉยๆ ค่ะ พื้นที่เปียกจะยกธรณีสูงขึ้นมานิดนึงนะคะ เพื่อกันน้ำเลอะมาฝั่งโซนแห้ง ภายในห้องอาบน้ำทางโครงการจะเจาะช่องไว้สำหรับวางของใช้ส่วนตัวให้ด้วยนะคะ     ห้องทั้งหมดของโครงการ JW Station@Ramintra จะขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in ตามที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยนะคะ ตู้เก็บของ เคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เครื่องปรับอากาศได้ครบ เรียกว่าพร้อมให้เข้าอยู่ในราคาเริ่มต้นที่ 1.79 ล้านบาท หรือ 75,000 บาท/ตารางเมตร ใครที่สนใจสามารถแวะเข้าไปที่สำนักงานขายได้เลยค่ะ โดยมีเจ้าหน้าที่พร้อมให้คำแนะนำและข้อมูลต่างๆ อย่างละเอียดยิบ จะได้ถือโอกาสสำรวจบรรยากาศจริงไปในตัวเลย และตอนนี้โครงการ JW Station@Ramintra กำลังมีโปรโมชั่นพิเศษรออยู่ด้วยนะคะ โดยจะเปิด Pre Sale วันที่ 27 กันยายน – 1 ตุลาคม 2560 พร้อมส่วนลดตารางเมตรละ 10,000 บาท ซึ่งจะเหลือเพียงตารางเมตรละ 65,000 บาทเท่านั้น พร้อมส่วนลดสูงสุดถึง 570,000* บาท เรียกว่าอยู่ในราคาเทียบเท่ากับคอนโด Low Rise เลยนะคะ แถมจองเพียง 10,000 บาท ทำสัญญา 25,000 บาท* ผ่อนดาวน์ 18 งวด เพียง 7,308 บาท/เดือน* เท่านั้น ซึ่งสามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ได้ที่ http://www.jwgroupthailand.com/register/   สำหรับคอนโดมีเนียมดีๆ ที่มีองค์ประกอบพร้อมทั้งการเดินทาง ระบบขนส่งมวลชน ที่สำคัญคือตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพ ดีไซน์ห้องสวยงามแต่งครบ คุ้มค่าทุกตารางเมตรขนาดนี้ บอกได้คำเดียวว่า "ไม่ควรมองข้ามค่ะ"
MARU Ekkamai 2 ความสุขที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ : รีวิวคอนโด

MARU Ekkamai 2 ความสุขที่โอบล้อมด้วยธรรมชาติ : รีวิวคอนโด

ในยุคสมัยที่ใครต่างให้ความสำคัญกับการเดินทาง คงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่นักถ้าผู้คนส่วนใหญ่มักเลือกซื้อคอนโดมิเนียมเป็นที่อยู่อาศัยมากกว่าบ้านเดี่ยวทั่วไป ด้วยการเดินทางที่สะดวกสบายเนื่องจากทำเลมักตั้งอยู่ใจกลางเมือง ตอบโจทย์ครบทุกไลฟ์สไตล์ และทำให้การใช้ชีวิตง่ายมากขึ้น เช่นเดียวกับโครงการ MARU EKKAMAI 2 (มารุ เอกมัย 2) คอนโดมิเนียมแบรนด์น้องใหม่จาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่โดดเด่นตั้งแต่การดีไซน์อาคารภายในและภายนอกอย่างพิถีพิถัน ตลอดจนจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลาง ที่สำคัญคือสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ ซึ่งแนวคิดทั้งหมดนี้ทางโครงการได้อ้างอิงมาจากผลวิจัยที่ว่า “การที่คนเรามีที่อยู่อาศัยใกล้ออฟฟิศจะทำให้มีความสุขมากขึ้น หรือการมีสัตว์เลี้ยงก็ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นเช่นกัน” ภาพจำลองรูปแบบอาคารโครงการ MARU EKKAMAI จำนวน 1 อาคาร 32 ชั้น ในสไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่าย คุมโทนสีขาวเทา   ทำเล และการเดินทาง MARU EKKAMAI 2 ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะโครงการตั้งอยู่ต้นซอยสุขุมวิท 63 หรือที่เราเรียกกันคุ้นชินว่าเอกมัย ซึ่งเป็นเอกมัยตอนใต้ระหว่างเอกมัยซอย 2 และซอย 4 อยู่ตรงข้ามกับอาคาร Bangkok Business Center เลยค่ะ อย่างที่ทราบกันดีว่าเอกมัยเป็นซอยคู่ขนานที่เชื่อมต่อกันระหว่างทองหล่อ (ถนนสุขุมวิทและเพชรบุรี) แหล่งไลฟ์สไตล์ของคนเมืองที่ฮอตฮิตอยู่เสมอ เพราะบรรยากาศโดยรอบค่อนข้างคึกคักตลอดทั้งช่วงเวลากลางวันและกลางคืน ทั้งยังรายล้อมไปด้วยร้านอาหารชิคๆ และคาเฟ่เก๋ๆ, สถานบันเทิงชื่อดัง, คอมมูนิตี้มอล ตลอดจนออฟฟิศและคอนโดระดับลักชัวรี่ที่นักลงทุนทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ด้วยความที่เป็นย่านอุดมสมบูรณ์สะดวกสบายทั้งการใช้ชีวิตและอยู่อาศัย การเดินทางเข้าออกเมืองก็สะดวกและคล่องตัวเช่นกันค่ะ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ อย่างที่ทราบกันดีแหละค่ะว่าถนนเอกมัยนั้นเชื่อมต่อระหว่างถนนสุขุมวิทและถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักที่จราจรค่อนข้างหนาแน่นด้วยปริมาณของกลุ่มคนที่อยู่อาศัยและทำงาน ที่มักสัญจรผ่านไปมาใช้ถนนเอกมัยเป็นเส้นทางสำหรับเข้า-ออกเมืองฝั่งสุขุมวิท แต่ข้อดีของโครงการ MARU EKKAMAI 2 คือตั้งอยู่บริเวณต้นซอยจึงได้เปรียบในเรื่องของการเดินทาง ไม่ต้องฝ่าฟันการจราจรที่ติดขัด ซึ่งเส้นเอกมัยก็มีทางลัดให้เลี่ยงรถติดได้หลายทางนะคะ เช่น ซอยเอกมัย 5, 19 และ 21 ใช้เชื่อมต่อกับเส้นทองหล่อ และซอยเอกมัย 12 และ 28 ที่เชื่อมกับต่อกับเส้นปรีดี พนมยงค์ ซึ่งเป็นถนนคู่ขนานที่อยู่ทั้ง 2 ฝั่ง ทั้งยังมีทางลัดที่ใช้เลี่ยงรถติดตรงปากซอยเอกมัยได้จากซอยเอกมัย 10 (ตรง Heath Land) ซึ่งสามารถใช้วิ่งลัดมาออกซอยสุขุมวิท 65 ได้ด้วยค่ะ นอกจากนี้การเดินทางมายังโครงการยังสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นถนนพระราม 4 ที่สามารถวิ่งออกไปลงสีลมหรือสามย่าน หรือจะใช้ถนนสุขุมวิทวิ่งไปออกเพลินจิต, ชิดลม, สยาม หรือใช้ถนนเพชรบุรีไปออกพญาไทก็ได้อีกเช่นกัน อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจุดขึ้นลงทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์, ทางพิเศษศรีรัช และทางพิเศษเฉลิมมหานคร ทั้งขาเข้าและออกเมือง เรียกได้ว่าสะดวกสบายอย่างแท้จริงเลยล่ะค่ะ   สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวกมากทีเดียวค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนสุขุมวิทจึงมีรถเมล์ รถแท็กซี่ รวมไปจนถึงวินมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด หรือหากจะใช้รถไฟฟ้าก็สามารถเดินไปขึ้น BTS สถานีเอกมัยได้ในระยะเพียง 450 เมตรเท่านั้น หากใครอยากเปลี่ยนสายไปนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ก็แค่นั่ง BTS ไปลงสถานีอโศก เพราะเป็นสถานี Interchange กับสถานีสุขุมวิท ซึ่งในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีเทาจากวัชรพลผ่านถนนประดิษฐ์มนูธรรมมา Interchange ที่สถานีทองหล่อ เรียกว่าถ้าเสร็จเรียบร้อยเมื่อไหร่การเดินทางก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้นค่ะ   คอนโดไลฟ์สไตล์คนเมืองที่เลี้ยงสัตว์ได้ MARU EKKAMAI 2 เป็นคอนโด High Rise สูง 32 ชั้น จำนวนยูนิตไม่มาก มาพร้อมที่จอดรถถึง 165 คัน หรือคิดเป็น 44.47%  แบ่งออกเป็นที่จอดรถปกติ 131 คัน และแบบ Autoparking 34 คัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Live More, Live Maru เน้นความเป็นคอนโด Pet Friendly & Wellness Living ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ทำงานนอกออฟฟิศหรือที่บ้าน และยังชอบพักผ่อน สังสรรค์กับเพื่อนๆ ตัวอาคารถูกออกแบบมาในสไตล์โมเดิร์น ดูเรียบง่ายสะอาดตา เน้นวัสดุธรรมชาติ แต่แฝงไว้ด้วยไอเดียใหม่ๆ อย่างพิถีพิถันในทุกรายละเอียด พื้นที่ใช้สอยภายในจัดวางอย่างเป็นสัดส่วนเอื้อต่อการใช้งาน โดยคำนึงถึงการอยู่อาศัย แต่ยังคงรสยิยมการตกแต่งแบบซุปเปอร์พรีเมี่ยมสไตล์เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ไว้เช่นเคย ภาพจำลองภายในห้อง Duplex - 1 Bedroom ที่มีขนาดให้เลือกตั้งแต่ 41.5 - 74.5 ตร.ม. ภายในห้องดูโปร่งโล่งด้วยเพดานสูงถึง 5.5 เมตร ได้รับการตกแต่งอย่างเรียบง่ายในสไตล์โมเดิร์นผสมผสานกลิ่นอายสไตล์เซนที่ลงตัวไปกับพื้นที่ใช้สอย เอื้อให้ใช้ประโยชน์สูงสุด สำหรับเอกลักษณ์สำคัญของคอนโดจาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ คือนโยบาย Pet-friendly ที่อนุญาตให้ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ โดยจัดสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดให้ลูกบ้านทุกยูนิตได้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข นอกจากความเป็นมิตรที่ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้อย่างสบายใจแล้ว ทางโครงการยังมีพื้นที่สำหรับอาบน้ำน้องหมา น้องแมว และพื้นที่สวนให้สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณได้วิ่งเล่นอย่างเพลิดเพลินโดยไม่ต้องหลบซ่อนอีกด้วยค่ะ ภาพจำลองภายในห้อง Quiet room ที่มีเฉพาะโครงการ Maru Ekkamai ออกแบบมาสำหรับให้ลูกบ้านใช้อ่านหนังสือหรือทำงานภายใต้บรรยากาศที่เงียบสงบ ภาพจำลองภายในห้อง Theater - Karaoke room รองรับการผ่อนคลายของลูกบ้าน ภาพบรรยากาศจำลองของห้อง Terrarium Workshop room ท่ามกลางสวนสวยให้ทัศนียภาพร่มรื่น แต่ยังคงรสนิยมการตกแต่งในรูปแบบซุปเปอร์พรีเมี่ยมสไตล์เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ในส่วนของ Facilities ต้องบอกเลยว่าทางโครงการจัดเตรียมพื้นที่ใช้สอยส่วนกลางไว้อย่างเต็มเปี่ยมจริงๆ ค่ะ เพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับวันพักผ่อนมากมายไม่ว่าจะเป็น ห้องฟิตเนส สระว่ายขนาดใหญ่ถึงครึ่งหนึ่งของสระโอลิมปิกที่มาพร้อมสระน้ำอุ่นให้ปรับอุณภูมิก่อนลงสระไว้ข้างๆ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่เน้นกิจกรรมอื่นๆ เช่น พื้นที่จอดรถจักรยาน มาพร้อมที่เติมลมยางแบบ automatic, EV Charger, Bark and Bike wash, Co-Creation Space, Co-Kitchen Space, Outdoor theater และ Quite Room ให้อ่านหนังสืออย่างสงบ ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นใกล้ต้นไม้เพื่อให้ลูกบ้านได้สัมผัสกับธรรมชาติมากขึ้น และยังมีสวนขนาดใหญ่อยู่บริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการเพื่อเป็นตัวกรองมลภาวะ ทั้งอากาศ และเสียงจากภายนอก เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจอย่างแท้จริง   เล่ารายละเอียดกันมาถึงจุดนี้แล้ว คงต้องบอกว่า MARU EKKAMAI 2 เป็นอีกหนึ่งโครงการคุณภาพจาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ที่น่าสนใจมากทีเดียวนะคะ ทั้งด้วยศักยภาพของทำเล และตัวโครงการเองที่มีการจัดสรรพื้นที่ในส่วนต่างๆ ไว้อย่างลงตัว ใครที่กำลังมองหาที่พักอาศัยใกล้รถไฟฟ้า เดินทางไปมาสะดวก อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติ ที่สำคัญคือสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ เราว่าโครงการนี้น่าจะตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี แถมยังอยู่ในราคาที่สามารถเอื้อมถึงด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 4.3 ล้านบาท หรือ 189,000 บาทต่อตารางเมตรเท่านั้น และจองเพียง 30,000 บาท สำหรับห้อง Studio กับ 1 Bedroom และ 60,000 บาท สำหรับห้อง 2 Bedroom บอกได้คำเดียวว่าไม่ควรมองข้ามเลยนะคะ แถมช่วงพรีเซลวันที่ 23-24 กันยายน 2560 นี้ ณ โรงแรม Bangkok Marriott Sukhumvit 57 ทางโครงการยังมีโปรโมชั่นให้ส่วนลดสูงสุดถึง 100,000 บาท* สำหรับใครที่สนใจสามารถลงทะเบียน เพื่อรับส่วนลดและสิทธิพิเศษ ได้ที่ http://bit.ly/2vASK2E  หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร. 084-416-7777
MARU Ladprao 15 ทางเลือกใหม่ของคนเมือง : รีวิวคอนโด

MARU Ladprao 15 ทางเลือกใหม่ของคนเมือง : รีวิวคอนโด

เพราะเราเชื่อว่าสิ่งที่จะทำให้คนมีความสุขมักเกิดจากการได้ทำในสิ่งที่ตัวเองรัก ได้อยู่ในพื้นที่ส่วนตัวท่ามกลางธรรมชาติ พร้อมสภาพแวดล้อมตามแบบที่ชอบและต้องการ ขึ้นอยู่กับว่าใครจะเลือกพอใจแบบไหน แต่ถ้าสองปัจจัยนี้ได้มาอยู่รวมกันแล้ว ความสุขในการดำเนินชีวิตของแต่ละวันก็คงเกิดขึ้นได้ทุกวัน จากปัจจัยที่กล่าวมาข้างต้น เชื่อไหมคะว่าจะมีอยู่ในคอนโดมิเนียมจริงๆ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่ชอบธรรมชาติ ใช้ชีวิตเรียบง่าย รักสัตว์ และกำลังมองหาคอนโดดีๆ บนทำเลศักยภาพ ไม่ควรพลาดโครงการที่เรานำมาแนะนำในวันนี้ค่ะ นั่นก็คือ “MARU Ladprao (มารุ ลาดพร้าว)” คอนโดมิเนียมแบรนด์น้องใหม่ล่าสุดจาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองที่อยากเลี้ยงสัตว์ไว้ในคอนโด และใช้ชีวิตท่ามกลางธรรมชาติอันหาได้ยากในมหานครคอนกรีต แต่จะมีรายละเอียดอะไรบ้าง ไปดูพร้อมๆ กันเลยค่ะ   ทำเลกลางเมือง เดินทางสะดวกสบาย โครงการ MARU Ladprao ตั้งอยู่บนพื้นที่เก่าของปั๊ม Susco ฝั่งขาเข้า ระหว่างซอยลาดพร้าว 15 และซอยลาดพร้าว 17 ซึ่งอยู่ห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีลาดพร้าวทางออก 3 แค่เพียง 80 เมตรเท่านั้น จัดว่าเป็นโซนลาดพร้าวตอนต้น เพราะอยู่ในช่วงห้าแยกลาดพร้าวและแยกรัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งทำเลบริเวณนี้ถือว่าเจริญและอุดมสมบูรณ์มากเพราะอย่างที่ทราบกันดีพื้นที่ 2 ฝั่งถนนลาดพร้าวรายล้อมไปด้วยร้านค้า, ตลาด, ร้านสะดวกซื้อ, ร้านยา, คลีนิกเสริมความงาม, คลีนิกทันตกรรม, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, สวนลุมไนท์บาซ่า รัชดาภิเษก และคอนโดมิเนียมมากมาย เรื่องอาหารการกินก็เลยค่อนข้างหาง่ายและสะดวกมากๆ หากใครอยากทานร้านอาหารดีๆ ในมื้อพิเศษก็แค่มุ่งตรงไปถนนโชคชัย 4 เส้นลาดพร้าววังหินและถนนนาคนิวาสที่อยู่ไม่ไกล ก็จะเจอร้านอาหารและแหล่งแฮงก์เอ้าท์เพียบอีกเช่นกัน นอกจากร้านค้าและร้านอาหาร ถ้าจะซื้อของใช้เข้าบ้านก็สามารถมุ่งตรงไปที่ Big C Extra + Homepro (อยู่ห่างเพียง 350 เมตร) หรือขยับไปอีกนิดก็จะเป็น Union Mall (ห่างเพียง 1.1 กิโลเมตร) และ Central Plaza ลาดพร้าว (ห่างเพียง 1.6 กิโลเมตร) ด้วยระยะทางที่แสนใกล้ หากใครยังช็อปปิ้งไม่หนำใจ จะไปต่อที่ตลาดนัดสวนจตุจักร, JJ Green หรือแต่เมเจอร์รัชโยธิน ก็สามารถไปถึงง่ายในเวลารวดเร็วด้วยค่ะ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ก็ค่อนข้างสะดวกทีเดียวค่ะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ ซึ่งถนนลาดพร้าวสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนเส้นอื่นได้อีกหลายสาย อาทิ ถนนรัชดาภิเษกที่ตัดกับถนนลาดพร้าว ตรงแยกลาดพร้าว-รัชดา สามารถวิ่งไปพระราม 9 ได้ หรือจะกลับรถไปถนนพหลโยธินที่สามารถวิ่งออกไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิต่อไปถึงอโศก หรือจะใช้ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้า การจราจรก็จะคล่องตัวกว่าค่ะ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางยกระดับอุตราภิมุข (ทางด่วนโทลล์เวย์) เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและศรีรัช ซึ่งสามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก หรือจะใช้ทางลัดไปออกถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ก็ไปได้ง่ายๆ จากซอยลาดพร้าว 41 และถนนโชคชัย 4 ที่ตัดเข้าถนนลาดพร้าววังหินและถนนนาคนิวาส เชื่อมกับถนนสุคนธสวัสดิ์ก็เป็นเรื่องที่สะดวกทีเดียวค่ะ ส่วนใครที่ไม่มีรถส่วนตัว เดินทางด้วยรถสาธารณะเป็นประจำก็สะดวกสบายไม่แพ้กันนะคะ เพราะบริเวณหน้าโครงการมีรถโดยสาร แท๊กซี่ และวินมอเตอร์ไซด์ผ่านไปมาอยู่ตลอด และอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าตัวโครงการอยู่ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดินในระยะที่เดินเท้าได้เพียง 80 เมตร ซึ่งอนาคตสถานีลาดพร้าวจะเป็นสถานี Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ส่วนสถานีพหลโยธินที่อยู่ถัดไป จะเป็นสถานี Interchange กับสายรถไฟฟ้าสายสีเขียวช่วงส่วนต่อขยาย หมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่กำลังดำเนินการก่อสร้าง ซึ่งถ้าเรียบร้อยเมื่อไหร่ ตัวเลือกในการเดินทางก็ยิ่งสะดวกสบายและมีมากขึ้นเท่านั้นค่ะ   นิยามใหม่ของการใช้ชีวิตที่ใช่กลางเมือง MARU Ladprao เป็นคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น จำนวนยูนิตไม่มาก มาพร้อมคอนเซ็ปต์ “One you need less, you will have more” ที่สะท้อนภาพชีวิตของคนเมือง แฝงแนวความคิดและความหมายดีๆ “แม้จะเหนื่อยจากการทำงานภายนอก แต่เมื่อได้กลับบ้านในที่ที่ได้เป็นของตัวเอง ก็มีความสุขแล้ว” ตัวอาคารจึงดีไซน์สไตล์โมเดิร์น เรียบง่ายสะอาดตาแต่แฝงไว้ด้วยความสนุกสนานรวมถึงไอเดียใหม่ๆ ที่ใส่ใจในทุกรายละเอียด จัดวางพื้นที่ใช้สอยสะดวกต่อการใช้งาน คำนึงถึงการอยู่อาศัย แต่ยังคงรสนิยมการตกแต่งแบบซุปเปอร์พรีเมี่ยมสไตล์เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ได้เป็นอย่างดี ภาพบรรยากาศจำลองห้องขนาด 30 ตร.ม. ที่ได้รับการออกแบบเอื้อต่อการพักผ่อนอย่างแท้จริง ภายในห้องดูกว้างขวาง เนื่องจากการจัด Lay out เป็นสัดส่วน  ภาพบรรยากาศส่วนของสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ถึงครึ่งหนึ่งของสระโอลิมปิก จะเห็นได้ว่าบริเวณข้างๆ มีสระน้ำอุ่นให้ปรับอุณหภูมิก่อนลงสระใหญ่ด้วย สำหรับพื้นที่ส่วนกลางบอกเลยค่ะว่าจัดเต็มและฉีกรูปแบบคอนโดฯ อื่นอย่างแท้จริง เพราะทางโครงการได้นำ Facility ที่เคยอยู่ใน Indoor ออกมาใช้ใน Outdoor มากขึ้น เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสกับธรรมชาติได้ออกมาใช้ชีวิตแบบไม่ต้องไปไหนไกล เช่น Co-Working Space ในสวน, โต๊ะ Pool กลางแจ้ง, Outdoor Theater, พื้นที่เชื่อมต่อภายนอกของ Co-Creation Space ซึ่ง MARU ตั้งใจทำให้ลูกบ้านหลีกหนีจากความวุ่นวายใจกลางเมือง หยุดใช้ Computer หรือโทรศัพท์ มาอยู่ในพื้นที่ส่วนกลางอันร่มรื่น เต็มไปด้วยต้นไม้ โดยพยายามใช้พันธุ์ไม้ที่ให้กลิ่นหอมในโครงการ เพื่อให้ทุกคนได้ออกมาหายใจ อยู่กับธรรมชาติมากขึ้น นอกจากนี้ยัง MARU ยังมีสวนขนาดใหญ่บริเวณด้านหน้าทางเข้าโครงการเพื่อเป็นตัวกรองมลภาวะทั้งอากาศและเสียงจากภายนอก และยังมี Wisdom Garden สวนที่ใช้พักผ่อนหรือสามารถใช้โต๊ะเล่นโกะเกมส์ได้ สำหรับใครที่ชอบปั่นจักรยานทางโครงการก็มีที่จอดรถจักยาน พร้อมที่เติมลมยางแบบ automatic และ Ev Charger, Bark and Bike wash คอยบริการด้วย และยังมี Trampoline ให้เด็กๆ ได้กระโดดเล่น มีสระว่ายน้ำขนาดใหญ่ถึงครึ่งหนึ่งของสระโอลิมปิก ซึ่งบริเวณข้างๆ จะมีสระน้ำอุ่นให้ปรับอุณหภูมิก่อนลงสระใหญ่ด้วยค่ะ ในส่วนของความเป็น “Pet-Friendly Condominium” โครงการ MARU Ladprao อนุญาตให้ลูกบ้านเลี้ยงสัตว์ได้เหมือนกับ โครงการอื่นๆ ของเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เลยค่ะ ซึ่งถือเป็นจุดขายอย่างหนึ่งที่สร้างความแตกต่างจากคอนโดมิเนียมอื่นในตลาด ดังนั้นภายในโครงการจึงมีการจัดสรรพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยง หรือ Pet Area เพื่อให้น้องหมา น้องแมว สัตว์เลี้ยงตัวโปรดของคุณได้ออกมาวิ่งเล่น ออกกำลังกายได้ แต่การจะอยู่ร่วมกันอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยนั้นก็จะมีกฏระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่ต้องปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยนะคะ ภาพบรรยากาศจำลองภายในห้อง Co-Creation Space ที่ดูโปร่งโล่งสบาย ล้อมรอบด้วยกระจกใสบานใหญ่ มองเห็นทัศนียภาพได้กว้างไกล ภายในห้องตกแต่งสไตล์มินิมอลกึ่งเซนที่เรียบง่ายและสงบ ภาพจำลองบริเวณ Lobby ที่มาในรูปแบบ Double Space 2 ชั้น รองรับลูกบ้านได้อย่างสบายๆ  ภาพบรรยากาศจำลองของ Star Gazing Deck ที่ทางโครงการตั้งใจออกแบบมารองรับลูกบ้านให้ขึ้นมาชมดาวในวันที่ฟ้าพราว และสามารถมองเห็นดาวบนพื้นเป็นกลุ่มดาวสิงโต (LEO)   โครงการ MARU Ladprao จัดว่าเป็นคอนโดมิเนียมที่น่าจับตาและคุ้มค่าแก่การลงทุนทั้งอยู่อาศัยเองและปล่อยเช่า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทำเลที่ตั้งตลอดจนพื้นที่ส่วนกลางที่ทาง เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ตั้งใจคิดและออกแบบมาเพื่อผู้อยู่อาศัยอย่างแท้จริง ซึ่งแนวคิดทั้งหมดนี้ก็อิงมาจากผลวิจัยที่บอกว่า “การที่คนเรามีที่อยู่อาศัยใกล้ออฟฟิศจะทำให้มีความสุขมากขึ้น หรือการมีสัตว์เลี้ยงก็ทำให้เรามีความสุขมากขึ้นเช่นกัน” เพราะองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดถูกจัดวางให้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติเพื่อให้ลูกบ้านได้ผ่อนคลายร่างกายและจิตใจอย่างสมบูรณ์แบบ สำหรับคนที่สนใจสามารถลงทะเบียนเพื่อรับส่วนลด 100,000 บาท* ได้ที่ http://bit.ly/2vASK2E หรือ www.marubymajor.com โทร 084-416-7777  ซึ่งจะจัด Pre-Sale ในวันที่ 23-24 กันยายน 2560 นี้ ณ โรงแรม Bangkok Marriott Sukhumvit 57 ในราคาเริ่มต้นเพียง 3.6 ล้าน
บรรยากาศงาน Pre-sale “The Saint Residences” คอนโดหรูบนทำเลห้าแยกลาดพร้าว : รีวิวคอนโด

บรรยากาศงาน Pre-sale “The Saint Residences” คอนโดหรูบนทำเลห้าแยกลาดพร้าว : รีวิวคอนโด

บริษัท ซาแลน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เปิดโครงการคอนโดหรูทำเลทองใกล้ห้าแยกลาดพร้าวภายใต้แบรนด์ The Saint Residences  ณ ห้องกรุงเทพ 2 โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัล ลาดพร้าว  พร้อมให้มีการ Pre-sale ไปเมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ซึ่งได้รับความสนใจเป็นอย่างมากตั้งแต่เปิดให้มีการลงทะเบียนล่วงหน้าผ่านทางเว็บไซต์ และผู้ที่เข้ามาชมรายละเอียดโครงการภายในงาน ดร.ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย ประธานกรรมการ บริษัท ซาแลน ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด สำหรับโครงการ The Saint Residences เป็นคอนโดมิเนียม สูง 41 ชั้น จำนวน 3 อาคาร บนที่ดิน 7 ไร่ โดยมีราคาเริ่มต้นที่อยู่ที่ 3.5 ล้านบาท ซึ่งเป็นการแตกไลน์ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มมหาวิทยาลัยเซนจอห์น โดยใช้ที่ดินที่เป็นส่วนของโรงเรียนเซนต์จอห์นเดิม บนทำเลทองห้าแยกลาดพร้าว มาพัฒนาให้เป็นคอนโดมิเนียมหรู ใกล้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีพหลโยธินและรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย สายสีเขียวเข้ม สถานีห้าแยกลาดพร้าว ในอนาคต เพื่อตอบโจทย์ Life Style ของคนเมือง ใกล้ชิดธรรมชาติด้วยวิวสวนสาธารณะใหญ่ 3 แห่ง ทั้งสวนจตุจักร, สวนรถไฟ และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ เพรียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก อาทิ สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ (ความยาวสระ 50 เมตร และ 25 เมตร) 2 สระ, ห้องฟิตเนส และห้องแอโรบิก (พร้อมอุปกรณ์มาตรฐานสากล), ห้องซาวน่า และห้องสตรีม, ทางเดิน - วิ่ง เพื่อสุขภาพ, สวนหย่อมลอยฟ้า (Sky Park), สนามเด็กเล่น พร้อมเครื่องเล่นพัฒนาทักษะ และ Pocket Garden, ล็อบบี้ทั้ง 3 อาคาร พร้อมล็อบบี้อเนกประสงค์ ขนาดใหญ่ สูง 15 เมตร, คลับเฮ้าล์ และ ห้องสมุด 2 ห้อง อีกทั้ง ร้านค้า จำนวน 4 ร้านด้วยกัน พร้อมกันนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่รักษาความความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง, CCTV - DVR ระบบกล้องวงจรปิด ที่ครอบคลุม พื้นที่ทุกตารางนิ้ว และคีย์การ์ด ที่เจาะจงเฉพาะชั้นที่อยู่อาศัย คุณภาพเดียวกับโรงแรม 5 ดาว  เพื่อความปลอดภัยของผู้พักอาศัย ที่ทาง เดอะ เซนต์ เรสิเดนเซส (The Saint Residences)  ให้ความสำคัญมาเป็นที่หนึ่งเสมอ Sky Park บนชั้นดาดฟ้า วิว 3 สวนสาธารณะใกล้โครงการ ทั้งสวนจตุจักร สวนรถไฟ และสวนสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ มุมมองจากสวนสาธารณะใกล้ๆ โครงการ คอนเซิร์ปโดยรวมของ โครงการ เดอะ เซนต์ เรสิเดนเซส (The Saint Residences) กำหนดให้อยู่ภายใต้ ความเป็น โมเดิร์นไนซ์ อีโค่และสังคมสีเขียว โดยเน้นพื้นที่สวนหย่อมลอยฟ้า และพื้นที่สันทนาการมากถึงกว่า 5,000 ตารางเมตร ซึ่งจำลองบรรยากาศสวนที่ร่มรื่น เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้รู้สึก ได้ผ่อนคลายจากการเหนื่อยล้า ตัวอาคาร เน้นความโปร่งสบาย เรียบหรู ส่วนในด้านของฟังก์ชั่น ภายในแต่ละห้อง ยังคงคอนเซิร์ปความเป็น ECO เช่นกัน เพื่อประโยชน์ใช้สอยสูงสุด โดยเฉพาะวัสดุตกแต่ง ที่มาพร้อมกับห้อง เป็นวัสดุที่คัดสรรมาในระดับเวิลด์คลาส เสมือนโรงแรมระดับ 5 ดาว อาทิ พื้นห้อง Engineering Wood, ห้องน้ำ ปูด้วย Compressed Marble, กระจก Tempered Glass, อ่างล้างหน้า Build In, ก๊อกน้ำแบบฝั่งผนัง, ชุดครัว Top หินสังเคราะห์ หน้าบาน  ปิดผิว Hi Gloss พร้อมอุปกรณ์ชุดครัว เหนือมาตรฐาน เช่น ไมโครเวฟโอเว่น, ตู้เสื้อผ้ากับชั้นวางทีวี ที่ดีไซน์มา อย่างกลมกลืนกับผนัง บรรยากาศการลงทะเบียนก่อนเข้างาน บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความคึกคัก ดร.ชัยณรงค์ มนเทียรวิเชียรฉาย ถ่ายภาพร่วมกับ นายชนะ นันทจันทูล (คนที่ 2 นับจากซ้าย) กรรมการผู้จัดการ บริษัท เซ็นจูรี่ 21 (ประเทศไทย) จำกัด สนใจรายละเอียดเกี่ยวกับโครงการ The Saint Residences เพิ่มเติมสามารถคลิ๊กอ่านได้ที่ www.reviewyourliving.com หรือ www.thesaint-residences.com หรือโทร 081-554-7575 , 081-554-3030