ทำเลแนวรถไฟฟ้าสายสีม่วงกำลังได้รับความนิยมไม่น้อยสำหรับคนที่กำลังมองหาคอนโดในย่านรัตนาธิเบศร์ คอนโดในแถบนี้จึงมีให้เลือกมากมายหลายโครงการ ซึ่งครั้งนี้เราจะพาไปดูคอนโด Estes ของบริษัท อควาเรียส เอสเตท จำกัด ว่ามีจุดเด่นอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง การเดินทาง ตัวโครงการ Estes ตั้งอยู่ริมถนนรัตนาธิเบศร์ฝั่งขาเข้ากรุงเทพ ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าศรีพรสวรรค์ด้วยระยะทางเพียง 350 เมตร ซึ่งจัดว่าอยู่ในระยะที่สามารถเดินได้อย่างสบายๆ ดังนั้นการเดินทางไปยังที่ต่างๆ ด้วยรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงนี้จึงจัดว่าสะดวกอยู่พอตัว กว่าโครงการจะสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่ในปี 2560 รถไฟฟ้าก็เปิดให้บริการกันไปเรียบร้อยแล้ว เพราะมีกำหนดการว่ารถไฟฟ้าสายนี้จะเปิดให้บริการได้ในปี 2559 นั่นเอง สำหรับคนที่มีแนวโน้มจะย้ายที่อยู่อาศัยหรือว่าทำงานอยู่ในย่านนี้อยู่แล้ว ก็อาจจะลองดูโครงการนี้เอาไว้เป็นตัวเปรียบเทียบกับโครงการอื่นๆ ดูได้ ส่วนเรื่องการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว ก็สามารถเดินทางมาได้ง่ายจากถนนงามวงศ์วานผ่านแยกแครายมา เข้าสู่ถนนรัตนาธิเบศร์มุ่งหน้าไปบางบัวทอง ผ่านเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ที่อยู่ทางด้านขวามือแล้วก็เตรียมขึ้นสะพานกลับรถได้ทันที หลังจากที่กลับรถกลับมาแล้ว เราจะผ่านหน้าเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์อีกครั้ง พอขับรถเลยมาอีกประมาณ 500 เมตร ก็จะถึงทางเข้าโครงการ Estes พอดี แต่ถ้าวัดระยะทางกันแบบขี้โกงๆ หน่อย ก็เริ่มนับกันตั้งแต่เสาสุดท้ายของรั้วห้างมาถึงรั้วโครงการก็จะได้ระยะทาง 350 เมตรตามที่ทางโครงการคุยไว้พอดีครับ นอกจากนี้ถนนหนทางโดยรอบโครงการยังมีเส้นทางเลี่ยงเข้าเมืองได้อีกหลายทาง ทั้งถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรี ถนนติวานนท์ รวมถึงด่านทางด่วนที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล จะติดก็แต่ปัญหารถติดในช่วงเวลาเร่งด่วนของวันที่ติดกันจริงจังเป็นเรื่องเป็นราว ถ้าต้องเดินทางไปทำงานในเมือง หรือทำธุระในระแวกอื่นคงต้องเผื่อเวลากันให้ดีๆ แต่ถ้าเป็นการเดินทางไปทำงานในระแวกใกล้เคียงด้วยบริการรถสาธารณะอื่นๆ ก็ถือว่ามีตัวเลือกที่เยอะใช้ได้เลยล่ะ เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ จึงหาเรียก Taxi ได้ไม่ยาก รวมถึงรถเมล์ และมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็เรียกใช้บริการได้สะดวกเหมือนกัน วิเคราะห์ภาพรวมโครงการ บริเวณโดยรอบที่ตั้งโครงการอาจจะไม่ได้มีความพร้อมมากนัก สำหรับคนที่ต้องการความสะดวกสบายแบบคนเมือง เพราะรอบๆ ยังมีบรรยากาศแบบชานเมืองอยู่ ทั้งห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัลรัตนาธิเบศร์ และบิ๊กซีที่ไม่ได้หรูหรามีร้านค้ามากมายให้เลือกช๊อปปิ้ง แต่ถ้าจะให้มีตัวเลือกมากขึ้นมาอีกหน่อยก็คงต้องขยับออกมาในรัศมีประมาณ 5 กิโลเมตร ที่มีทั้ง The Mall งามวงศ์วาน, พันธุ์ทิพย์ พลาซ่า, The Esplanade รัตนาธิเบศร์ และ Tesco Lotus ซึ่งพอจะให้เราเปลี่ยนบรรยากาศในการจับจ่ายซื้อของได้บ้าง นอกจากนี้บริเวณรอบๆ โครงการก็ยังเป็นชุมชนบ้านพักอาศัยในแนวราบเสียเป็นส่วนใหญ่ จะมีอาคารสูงที่อยู่ในระยะประชิดก็แค่คอนโด City Home ทางด้านหลังที่ยังไงก็เลี่ยงกันไม่พ้นสำหรับห้องด้านนี้ที่อยู่ต่ำกว่าชั้น 20 ลงมา นอกนั้นก็ยังไม่มีโครงการอื่นๆ ขึ้นขนาบด้านข้างครับ ถึงเราจะบอกว่ารอบๆ มีบรรยากาศแบบชานเมืองอยู่ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสงบเงียบไปซะทีเดียวนะครับ เพราะการจราจรที่หนาแน่นเกือบตลอดวันและทุกวันบนถนนรัตนาธิเบศร์ รวมถึงยังมีรางรถไฟฟ้าผ่านหน้าโครงการ มลภาวะทางเสียงจึงเป็นเรื่องที่เลี่ยงได้ยาก ดังนั้นการเลือกตำแหน่งห้องนอกจากเรื่องทิศทางที่เหมาะสมแล้ว อาจจะต้องเก็บเรื่องพวกนี้ไปประกอบการพิจารณาด้วยเหมือนกัน คอนโด Estes รัตนาธิเบศร์ เป็นโครงการ High Rise สูง 36 ชั้น มียูนิตรวม 474 ยูนิต ภายใต้คอนเซปการออกแบบที่เน้นความแปลกใหม่และทันสมัย แตกต่างจากคอนโดโครงการอื่นๆ ทั่วไปในย่านเดียวกัน จุดเด่นอยู่ที่ระยะความสูงของห้องตั้งแต่พื้นจรดเพดานที่สูงถึง 3.6 เมตร ทำให้การจัดวาง Layout ภายในห้องต่างจากที่คุ้นเคยอยู่มาก นอกจากบรรยากาศแบบโปร่งโล่งเนื่องด้วยความสูงของเพดานแล้ว ทางโครงการยังเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในห้องด้วยการทำชั้นลอยเพิ่มขึ้นมา ถ้าใครได้เห็นห้องตัวอย่างก็คงจะสะดุดตา ถูกใจได้ไม่ยาก เพราะ Lay out ห้องแบบนี้หาไม่ได้ง่ายๆ เลยครับ สำหรับ Facility ต่างๆ นั้น ส่วนใหญ่จะกระจุกตัวกันอยู่ที่ชั้น 35, 36 และมีสวนบนดาดฟ้า ซึ่งจะแบ่งเป็นห้อง Fitness ห้องสันทนาการ ห้องเด็กเล่นพร้อมอุปกรณ์ และสวนหย่อมที่ชั้น 35 ส่วนที่ชั้น 36 จะเป็นสระว่ายน้ำทั้งสระเด็ก และสระผู้ใหญ่ นอกจากนี้ที่บริเวณชั้น 7 ยังมีพื้นที่สีเขียวเพิ่มเติมเป็นสวนขนาดเล็ก พร้อมห้องซักรีด และห้องเอนกประสงค์ สำหรับใช้เป็นที่พักผ่อนได้อีกด้วย ส่วนตัวแล้วถือว่าทางโครงการพยายามจัดมาให้เต็มที่และตกแต่งให้ดูน่าใช้งานดีนะครับ ส่วนเรื่องที่จอดรถทางโครงการจัดพื้นที่บริเวณชั้น 2-6 ไว้เป็นที่จอดรถ นับรวมแบบจอดซ้อนคันแล้วก็จอดได้แค่ 167 คัน หรือแค่ 35% เท่านั้น ซึ่งนับว่าน้อยมากสำหรับโครงการที่มีภาพลักษณ์เน้นความหรูหราแบบนี้ เพราะกลุ่มลูกค้าในระดับปานกลางที่จะมาซื้อห้องก็น่าจะมีรถส่วนตัวกันอยู่แล้ว เรื่องที่จอดรถไม่เพียงพอจึงอาจจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นได้ นอกเหนือจากนี้ ทางโครงการก็ยังมีระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง กล้อง CCTV และใช้วิธีเข้าออกด้วยระบบคีย์การ์ดที่โถงทางเข้าล็อปบี้ไม่ใช่คีย์การ์ดแบบล็อคชั้นแต่อย่างใด อาจจะน่าผิดหวังเล็กๆ สำหรับโครงการระดับนี้นะครับ พาชมห้องตัวอย่าง ด้วยการออกแบบให้เพดานห้องสูงถึง 3.6 เมตร นอกจากจะให้ข้อดีในเรื่องของความโปร่งสบายแล้ว ยังสามารถใช้สอยประโยชน์ได้อีกทางหนึ่งด้วยการต่อเติมชั้นลอยไว้ภายใน ทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งห้องที่มีชั้นลอยจะเริ่มที่ขนาด 30 ตร.ม. ขึ้นไป โดยพื้นที่ 30 ตร.ม. นี้ไม่ได้นับรวมพื้นที่ใช้สอยของชั้นลอยเข้าไปด้วยนะครับ เปิดเข้าห้องมาจะเป็นส่วนของห้องครัวก่อน โดยจะเป็นครัวแบบครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอน กั้นพื้นที่ไว้อย่างชัดเจน ด้านหนึ่งจัดเป็นเคาน์เตอร์ครัว พร้อมชั้นเก็บของทั้งด้านบนและด้านล่าง พื้นที่ครัวไม่ได้กว้างมากนัก เหมาะกับการทำครัว เตรียมอาหารเล็กๆ น้อยๆ ซะมากกว่า คนที่ชอบทำครัวอาจจะไม่ชอบเท่าไหร่ ส่วนอีกด้านเป็นห้องน้ำที่จัดฉากกั้นอาบน้ำ แยกส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้เรียบร้อยแล้ว ผ่านจากห้องครัวเข้ามาก็จะเป็นส่วนพื้นที่นั่งเล่น ซึ่งบริเวณนี้จะให้ความรู้สึกโปร่งสบายมากเพราะความสูงของเพดานนั่นเอง พื้นที่เชื่อมต่อกันกับห้องนั่งเล่นเป็นพื้นที่ของห้องทำงานอยู่ใต้ชั้นลอย หันหน้าออกรับแสงธรรมชาติพอดี เพดานของบริเวณนี้จะมีความสูงอยู่ที่ 2 เมตร ความสูงระดับนี้คงไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่สำหรับคนไทยไซส์มาตรฐานทั่วไป แต่สำหรับคนตัวสูงๆ อาจจะรู้สึกอึดอัดไปซักนิด ส่วนด้านบนของชั้นลอยที่จัดเป็นที่นอน มีความสูงอยู่แค่ 1.5 เมตรเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นปัญหาเรื่องการใช้งานมากนักถ้าเดินขึ้นไปแล้วล้มตัวลงนอนเลย ไม่ต้องยืนหรือเดินไปมาเพื่อทำกิจกรรมอื่นๆ อีก การใช้งานในส่วนนี้จึงไม่รู้สึกติดขัดซักเท่าไหร่
สำหรับห้องขนาดเล็กลงมาอีกหน่อยที่ 28 ตร.ม. จะเป็นห้องแบบ Studio ซึ่งจะไม่มีการต่อเติมชั้นลอยไว้ ในขณะที่ยังได้ระยะเพดานสูง 3.6 เมตรเหมือนกัน ห้องแบบนี้จึงดูชะลูดสูงผิดสัดส่วนปกติไปบ้าง โดย Layout ห้องจะลดพื้นที่ของส่วนห้องทำงานลง และขยับพื้นที่นั่งเล่น และห้องนอนมาใช้ร่วมกัน พอมีเฟอร์นิเจอร์จัดวางไว้เต็มที่แบบในห้องตัวอย่างแล้ว ห้องแบบนี้ก็ดูจะแคบไปซักหน่อย ต่างจากห้องไซส์ 30 ตร.ม. ไปเลย ทั้งๆ ที่พื้นที่ต่างกันแค่ 2 ตร.ม.เท่านั้น ส่วนห้องอีกแบบที่ทางโครงการมีให้เลือกด้วยก็คือห้องแบบ 2 ห้องนอน ในขนาด 46 ตร.ม. ขึ้นไป ซึ่งห้องแบบนี้ก็จะมีส่วนต่อเติมที่เป็นชั้นลอยไว้ในห้องนอนเล็กเหมือนกัน แต่จะมี Layout การใช้งานที่ดูเหมือนจะลงตัวน้อยกว่าแบบ 30 ตร.ม.
ห้องทั้งหมดของทางโครงการขายมาแบบ Fully Furnished จริงๆ คือจัดมาหนัก จัดมาเต็ม ในห้องตัวอย่างเห็นอย่างไงห้องจริงก็ได้แบบเหมือนกันเป๊ะทุกประการ รวมไปถึงเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในห้องก็มีแถมมาให้ด้วย จัดมาให้เต็มที่แบบนี้พอสร้างเสร็จ หิ้วแค่กระเป๋าเสื้อผ้าก็พร้อมเข้าอยู่ได้ทันที ส่วนวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทางโครงการเลือกมาให้ก็จัดมาได้คุ้มราคาเหมือนกัน อันนี้จึงถือเป็นอีกจุดเด่นหนึ่งที่เพิ่มแรงจูงใจในการซื้อได้ ถึงแม้ราคาต่อตารางเมตรของ Estes จะสูงกว่าโครงการอื่นๆ ในระแวกเดียวกันก็ตาม ความคุ้มค่าการลงทุน สำหรับพื้นที่ในแถบรัตนาธิเบศร์นี้ ถือว่ามีโครงการคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมาไม่น้อย โดยมีหลากหลายระดับราคาให้เลือกเปรียบเทียบ ซึ่งโครงการ Estes นี้ ก็ถือว่าพยายามหาจุดแข็งให้ตัวเองแตกต่างจากตลาดรอบๆ อยู่พอสมควร ทั้งเรื่องดีไซน์การออกแบบห้อง การขายห้องมาให้แบบ Fully Furnished จัดเต็มทุกรายการ และการจัด Facility มาให้อย่างครบครัน อีกทั้งยังมีสถานีรถไฟฟ้า MRT ตั้งอยู่ใกล้ๆ อีกด้วย Estes จึงดูเหมือนจะเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยสำหรับคนที่ทำงานอยู่ในระแวกใกล้เคียงนี้ เช่น ศูนย์ราชการจังหวัดนนทบุรี กระทรวงสาธารณสุข หรือศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ ที่พอจะมีกำลังซื้อและมีไลฟ์สไตล์ที่ชอบความทันสมัยไม่เหมือนใคร เพราะด้วยการออกแบบห้องที่มีเอกลักษณ์ แตกต่างจากคอนโดทั่วไปที่เราคุ้นเคยนี่เอง ที่ทำให้เราต้องแลกมาด้วยราคาต่อตารางเมตรที่แพงกว่าโครงการในระแวกเดียวกัน นอกจากนี้ในบริเวณใกล้เคียงตั้งแต่ถนนรัตนาธิเบศร์-ถนนติวานนท์ที่มีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านก็ไม่ได้เป็นศูนย์รวมแหล่งธุรกิจใหญ่ๆ ที่จะมีพนักงานออฟฟิศที่มีกำลังในการจ่ายค่าเช่าห้องราคา 12,000 บาทต่อเดือนได้อย่างสบายๆ ไร้กังวล ดังนั้นการปล่อยห้องเช่าหรือขายต่อจึงอาจจะมีแนวโน้มในการทำกำไรได้ยาก และถ้าหากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีประเด็นเรื่องการซื้อคอนโดเพื่อหวังทำกำไรจากการลงทุนมาประกอบการตัดสินใจด้วยแล้ว อาจจะต้องชั่งน้ำหนักวัดใจกันหลายๆ รอบหน่อยนะครับ