แม้ว่า “บดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ” ลูกชายคนสุดท้องของนางสมพร จึงรุ่งเรืองกิจ เจ้าของอาณาจักรไทยซัมมิท เพิ่งจะเข้ามารับช่วงต่อบริหารบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด จากพี่ชาย คือ นายสกุลกร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่ต้องไปดูแลกิจการของกลุ่มไทยซัมมิท แทนพี่ชายคนโต คือ นายธนากร จึงรุ่งเรืองกิจ ที่หันไปเล่นการเมืองได้เพียงระยะเวลาปีกว่าๆ เท่านั้น แต่นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ในฐานะประธานเจ้าหน้าที่บริหารในวัย 26 ปี ก็มีความมุ่งมั่นและพร้อมจะนำพาธุรกิจอสังหาริมทรัยพ์ของตระกูล ให้เติบโตและก้าวขึ้นมาเป็นที่รู้จักกับคนในวงการ “เราอยากเป็นองค์กรคนรุ่นใหม่ ให้คนจดจำว่าเราเป็นเรียลเอสเตทที่ออกสินค้าไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ เหมือนกับอนันดา ดีเวลลอปเมนท์” สร้างจุดขายด้วย เทคโนโลยี+ไลฟ์สไตล์
ด้วยการเป็นคนรุ่นใหม่ ทำให้นายบดินทร์ธร วางเป้าหมายที่จะขับเคลื่อนบริษัท ให้มีภาพลักษณ์เป็นคนรุ่นใหม่ พัฒนาสินค้าออกมาตอบโจทย์ความต้องการของคนรุ่นใหม่เป็นหลัก โดยหยิบเอาเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการสร้างความแตกต่างให้กับโครงการ อาทิ ใช้ระบบ AI, Face Recognition, Big Data และ Drone เป็นต้น นอกจากนี้ยังหยิบเอาไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ที่สนใจในเรื่องสุขภาพมาผสมผสานกับโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนาด้วย อาทิ เลนส์สำหรับวิ่ง และจักรยานภายในโครงการ การจัดพื้นที่ออกกำลังกายที่มีระบบและอุปกรณ์อำนวยความสะดวกต่างๆ เป็นต้น ซึ่งไม่เพียงแต่จะเอาแนวคิดดังกล่าวเข้ามาใช้ในการพัฒนาโครงการเท่านั้น แต่ยังวางแผนต่อยอดสร้างเป็นธุรกิจด้วย แตกธุรกิจออฟฟิศให้เช่า-โรงแรม
ด้วยแนวคิดคนรุ่นใหม่ที่มองเห็นโอกาสและการเติบโตในธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ทำให้บริษัทวางแผนขยายธุรกิจเพิ่มในส่นของโลจิสติกส์ เพื่อรองรับธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ด้วยการใช้ที่ดินของตระกูลที่มีอยู่ในอำเภอศรีราชาและจังหวัดชลบุรีมาพัฒนา ซึ่งรูปแบบการพัฒนายังไม่ได้กำหนดและปิดกั้นหากจะมีพันธมิตรเข้ามาร่วมทุนด้วย นอกจากนี้ ยังมองเห็นโอกาสในตลาดสำนักงานให้เช่า โดยอาจจะนำเอาตึกไทยซัมมิททาวเวอร์เข้ามาบริหาร ภายหลังจากมีการปรับโครงสร้างธุรกิจของกลุ่มไทยซัมมิทเรียบร้อยแล้ว และยังจะนำเอาอาคารสำนักงานที่อยู่ในกรุงลอนดอน มูลค่า 60 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 24,000 ล้านบาท ของตระกูลเข้ามาร่วมบริหารด้วยเช่นกัน หรือแม้แต่ธุรกิจโรงแรมหากมีโอกาสก็พร้อมจะนำเอาเข้ามาเสริมพอร์ตให้กับบริษัทด้วย ซึ่งตอนนี้ก็อยู่ระหว่างการศึกษาและมองหาโอกาสความเป็นไปได้ ลุยแนวราบ ลดความเสี่ยง
การติดเบรกของแบงก์ชาติ ด้วยการออกมาตรการ LTV ซึ่งเป็นการลดระดับความร้อนแรงของตลาดคอนโดมิเนียม ทำให้ภาพรวมของตลาดในปีนี้ ผู้ประกอบการแทบจะทุกรายหันไปเพิ่มพอร์ตธุรกิจในแนวราบกันมากขึ้น ไม่เว้นแต่เรียลเอสแสท ซึ่งปีนี้เตรียมพัฒนา 2 โครงการแนวราบรวมมูลค่าโครงการ 2,700 ล้านบาท โครงการแรก ได้แก่ โครงการเดอะเซนส์ บางนา-สุวรรณภูมิ ทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว บนที่ดินกว่า 23 ไร่ จำนวน 150 ยูนิต มูลค่า 800 ล้านบาท ราคาขาย 2-3 ล้านบาท ส่วนโครงการที่ 2 ได้แก่ โครงการวิรัณยา บางนา-สุวรรณภูมิ โครงการบ้านเดี่ยว พัฒนาบนพื้นที่กว่า 40 ไร่ จำนวน 180 ยูนิต มูลค่า 1,900 ล้านบาท ราคาขายเฉลี่ย 7 ล้านบาท ซึ่งช่วงที่ผ่านมาบริษัทมีการพัฒนาโครงการไปแล้วรวม 12 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 14,000 ล้านบาท ส่วนปีนี้บริษัทคาดว่าจะมียอดโอนประมาณ 2,700 ล้านบาท และยอดขายประมาณ 2,700 ล้านบาทเช่นกัน “หลายดีเวลอปเปอร์โฟกัสแนวราบ เพราะสภาพคล่องเร็วกว่า เราเองก็ไม่ได้ลงทุนอะไรมากมายแบ่งเป็นเฟส เฟสแรกไม่ใหญ่ และการผ่อนให้ลูกค้าผ่อนนานขึ้น เป็นผลจากมาตรการควบคุมของแบงก์ชาติ จากปกติ 6 เดือนอาจจะเพิ่มขึ้นเป็น 8-9 เดือน ถ้าบ้านเสร็จแล้ว แต่ยังโอนไม่ได้ก็จะผ่อนต่อไปอีก 2-3 เดือน” แผน 4 ปีนำบริษัทสู่ “มหาชน”
ปัจจุบันบริษัทถือว่ามีสินทรัพย์ประมาณ 8,000-9,000 ล้านบาท ในอนาคตภายในปี 2565 คาดว่าจะสามารถสร้างสินทรัพย์ได้ถึง 15,000 ล้านบาท ด้วยแนวทางการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการขยายธุรกิจอื่นๆ เพิ่มเติม โดยกลยุทธ์สำคัญที่จะนำมาใช้คือ การมองหาทำเลพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพ การศึกษาพฤติกรรมของลูกค้า และคู่แข่ง การเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการด้วยการใช้นวัตกรรม เทคโนโลยี และผนวกกับการพัฒนาโครงการให้เข้าไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายด้วย ซึ่งแต่ละปีจะพัฒนาโครงการแนวสูงประมาณ 1 โครงการ และแนวราบประมาณ 2-3 โครงการเพื่อสร้างยอดขายปีละ 5,000-6,000 ล้านบาท และภายในปี 2565 คาดว่าจะนำบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จด้วย