ในทำเลใกล้กับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีพระราม 9 เราเคยพาไปดู Rhythm อโศก กันมาแล้ว คราวนี้บริษัท AP Thai ร่วมมือกับบริษัท Mitsubishi Estate Group ของญี่ปุ่น ทำโครงการ Rhythm อโศก 2 คอนโดมิเนียม High Rise ติดถนนอโศกดินแดงในย่าน New CBD ของกรุงเทพ เราเลยเข้าไปเก็บข้อมูลโครงการมาฝากกันครับ การเดินทาง เรื่องการเดินทางแน่นอนว่าสะดวกสบายด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ซึ่งตัวสถานีพระราม 9 อยู่ห่างจากที่ตั้งโครงการประมาณ 300-400 เมตรเท่านั้น เป็นระยะที่กำลังเดินได้สบายๆ ครับ แต่อาจจะลำบากนิดหน่อยถ้าฝนตกหนักๆ ตัวโครงการตั้งอยู่ริมถนนอโศก-ดินแดงฝั่งขาเข้า (มุ่งหน้าไปอโศก) หรืออยู่ตรงกันข้ามกับโครงการ Rhythm อโศก นั่นเอง หรือถ้าใครที่ต้องอาศัยการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า Airport Link ก็ถือว่าสะดวกเช่นกัน เพราะสถานีรถไฟฟ้า Airport Link มักกะสัน อยู่ห่างออกไปประมาณ 700 เมตรเท่านั้น ดังนั้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงมีทางเลือกอยู่พอสมควรเลยทีเดียว ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวก็ไม่ได้ยากเลยครับ จะมีก็แค่ปัญหารถติดเท่านั้นที่หลีกเลี่ยงได้ยาก ถนนสายอโศก-ดินแดงมีปริมาณรถหนาแน่นเกือบตลอดเวลา บริเวณรอบๆ มีทั้งถนนดินแดง ถนนรัชดา ถนนเพชรบุรี ซึ่งเป็นถนนสายหลักๆ ที่เราสามารถใช้เดินทางเข้าออกเมือง รวมถึงด่านทางด่วนพระราม 9 ก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลอีกด้วย สำหรับขาขึ้นก็สะดวกหน่อยเพราะออกจากโครงการไปหน่อยก็ เลี้ยวซ้ายขึ้นทางด่วนได้เลย ส่วนขาลงก็อาจจะต้องอ้อมไปกลับรถมาที่ตัวโครงการอีกรอบ ดูจากระยะทางแล้วก็ไม่ได้ไกลเท่าไหร่ แต่ช่วงเวลาเร่งด่วนก็รถติดเอาเรื่องเลยนะครับ จึงเสียเวลาในการเดินทางมากกว่าปกติพอสมควร การเดินทางโดยไม่ใช้รถส่วนตัว ถือว่าสะดวกใช้ได้เลย เพราะตัวโครงการติดถนนใหญ่ และรถราก็วิ่งคึกคักแทบจะตลอดเวลา โดยเฉพาะแท็กซี่ที่หาเรียกได้ง่ายที่สุด ดึกดื่นก็ยังหารถได้ง่ายครับ เพราะย่านนี้อยู่ใกล้แหล่งบันเทิงยามค่ำคืน ส่วนรถเมล์ และพี่วินมอเตอร์ไซค์คงไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ เพราะต้องเดินไปข้ามแยกไปถึงสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินนู่นเลย แผนที่โครงการ การเดินทางวันนี้ขอใช้ทางด่วนศรีรัชฝั่งขาออก มุ่งหน้ามาลงที่ถนนพระราม 9 เลยนะครับ เพราะถ้าลงถนนรัชดาภิเษกจะต้องไปกลับรถไกลพอสมควร ลงมาแล้วจะแยก แบบนี้ให้เลี้ยวซ้ายไปทางสี่แยก อ.ส.ม.ท. ตามป้ายเลยนะครับ เลี้ยวซ้ายมาแล้วก็จะเจอสีแยก อ.ส.ม.ท. เลี้ยวซ้ายอีกทีนะครับ เพื่อเข้าถนนพระราม 9 เลี้ยวซ้ายมาแล้วขับตรงมาอีกหน่อยนะครับ สำนักงานขายจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ เยื้องๆ กับเซ็นทรัล พระราม 9 ก่อนถึงแยกพระราม 9 ครับ สำนักงานขายโครงการ ส่วนที่ตั้งของโครงการนั้น จะตั้งอยู่บนถนนรัชดาภิเษกนะครับ เราออกจากสำนักงานขายมาแล้วขับตรงมาอีกนิดเดียวก็จะเจอสี่แยกพระราม 9 ให้เลี้ยวซ้ายไปทางถนนอโศกมนตรี ตามป้ายเลยครับ จากแยกพระราม 9 มาประมาณ 250 เมตร ก็ถึงที่ตั้งโครงการแล้วครับ สถานที่ก่อสร้างล้อมรั้วไว้อย่างมิดชิดนะครับ แต่ยังไม่เริ่มก่อสร้าง วิเคราะห์ตัวโครงการ ด้วยความที่ที่ตั้งโครงการ Rhythm อโศก 2 อยู่ในทำเลที่กำลังมีการเติบโตมาที่สุดย่านหนึ่งของกรุงเทพ บริเวณรอบๆ จึงมีคอนโดโครงการอื่นๆ ให้เปรียบเทียบกันเป็นจำนวนมาก ถ้านับเอาแค่ตึกที่จะอยู่ใกล้ๆ กับ Rhythm อโศก 2 ที่เห็นชัดๆ เลยก็คือ ตึกของ Rhythm อโศก ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามถนน ตึกนี้ถึงจะไม่ได้อยู่ในระยะประชิด แต่ก็มีผลต่อวิวของห้องด้านนี้พอสมควร หันไปทางแยกรัชดา-พระราม9 ก็มี Ideo Mobi พระราม 9 บังวิวอยู่นิดหน่อย ส่วนทางด้านหลังโครงการหันไปก็จะเจอทั้ง Aspire พระราม 9, Condolette Midst และ Ideo Mobi บังวิวไปเต็มๆ ห้องทางฝั่งนี้ (ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ) จึงค่อนข้างเสียเปรียบเรื่องวิวครับ ทั้งๆ ที่อยู่ในทิศทางที่ค่อนข้างดีเลยทีเดียว ดังนั้นถ้าอยากได้ห้องที่วิวดีหน่อยก็ต้องเลือกห้องทางฝั่งทิศใต้ ซึ่งจะได้วิวมุมกว้างสุด (เห็นทางด่วน) รองลงมาก็เป็นฝั่งตะวันตก ซึ่งมีแค่ตึก Rhythm อโศก เป็นตึกสูงแค่ตึกเดียวเท่านั้น สิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการ ในระยะไม่เกิน 500 เมตร จัดว่ามีตัวเลือกให้พึ่งพาได้พอสมควรเลย เริ่มตั้งแต่Central พระราม 9 ซึ่งยึดหัวหาดอยู่ที่แยกพระราม 9 คู่กับ Fotune Tower ที่มีทั้ง Tesco Lotus ศูนย์รวมอุปกรณ์ไอที และร้านค้าร้านอาหาร อยู่ในโซนพลาซ่าอีกเพียบ ถัดจาก Centralไปทางถนนพระราม 9 จะเป็นพื้นที่ของ G Land ซึ่งกำลังอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง ในอนาคตอันใกล้บริเวณนี้จะเป็นแหล่งรวมอาคารสำนักงาน อาคารตลาดหลักทรัพย์ และCommercial Building ที่ใหญ่มาก ปริมาณรถและคนก็จะเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันอีกหลายเท่าแน่ๆ เรื่องความเจริญทั้งอาหารการกิน ที่ทำงาน และแหล่งช็อปปิ้งจึงหายห่วง ถัดออกไปอีกหน่อยยังมี Esplanade, Big C หรือทางฝั่งสุขุมวิทก็มี Terminal 21 ด้วย อันนี้แค่ระยะใกล้ๆ นั่งรถไฟฟ้าไปแค่ 1-2 สถานีเท่านั้นเองนะครับ นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาล โรงเรียน สถานศึกษา มหาวิทยาลัย อยู่ในระยะที่สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าใต้ดินด้วย จึงจัดว่าเป็นทำเลที่สะดวกสบายมากๆ สำหรับคนที่ขยันเดินทางซักหน่อย ตัวโครงการ Rhythm อโศก 2 เป็นคอนโด High Rise ที่ร่วมกันออกแบบกับ บริษัท Mitsubishi Estate Group ของญี่ปุ่น รูปแบบอาคารเป็นแบบเรียบๆ ไม่หวือหวามาก มีการผสมผสานบรรยากาศแบบญี่ปุ่นเข้าไปตามส่วนต่างๆ เช่น สวนหินบริเวณหน้าล็อบบี้ ภายในล็อบบี้ที่เน้นความเรียบง่ายตามสไตล์ญี่ปุ่น และการวางผังห้องแบบ Inter-Locked เป็นต้น ยูนิตรวมทั้งหมดของโครงการคือ 346 ยูนิต ภายในอาคารสูง 30 ชั้น โดยพื้นที่อยู่อาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไปครับ ซึ่งที่ชั้น 8 จะถูกแบ่งเป็นพื้นที่ของ Main Facilities ด้วย บริเวณ Main Facilities จะมีทั้ง สระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย ห้องซาวน่าแยกชาย หญิง และห้อง Spa ตามมาตรฐานเลยครับ สำหรับห้องพักที่ชั้น 8 จะมีเพียง 10 ยูนิตเท่านั้น โดยทางโครงการพยายามออกแบบเพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้กับห้องบนชั้นนี้โดยแยกทางออกบริเวณโถงลิฟท์เป็นสองทาง เพื่อป้องกันการถูกรบกวนจากคนที่ลงมาใช้สอยส่วนกลางนั่นเอง พูดถึงลิฟท์โดยสารแล้ว ก็จะเห็นในแปลนว่าทางโครงการเตรียมลิฟท์โดยสารไว้ 2 ตัว และลิฟท์ขนของอีก 1 ตัว ซึ่งอัตราการใช้งานต่อลิฟท์โดยสาร 1 ตัวค่อนข้างหนาแน่นเลยทีเดียว (1:173) ในขณะที่จำนวนที่จอดรถทั้งหมดตั้งแต่ชั้น 1- 7 สามารถรองรับรถได้เพียง 136 คันเท่านั้น (ไม่รวมจอดซ้อนคัน) ซึ่งจะเป็นปัญหากับคนที่มีรถส่วนตัวมากๆ เพราะอาจจะเจอปัญหาที่จอดรถไม่เพียงพอ แล้วต้องแย่งที่จอดกันแบบใครมาก่อนได้ก่อน ใครที่ต้องใช้รถส่วนตัวเป็นหลักแน่ๆ คงต้องพิจารณาปัญหาตรงนี้เพิ่มขึ้นอีกข้อด้วย นอกเหนือจากนี้ก็เป็นเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีทั้งกล้องวงจรปิด CCTV, รปภ., Key Card เข้าอาคาร และลิฟท์แบบล็อคชั้น รวมถึงร้านค้า 1 ห้องที่บริเวณใต้อาคาร ซึ่งยังไม่รู้ว่าจะเป็นร้านอะไรกันแน่ เรามาเริ่มที่ชั้น G กันก่อนนะครับ ที่ชั้น G จะเป็น Lobby ที่เน้นความเรียบง่าย และมีสวนหินสไตล์ญี่ปุ่นอยู่ด้านหน้าโครงการ สวนหินสไตล์ญี่ปุ่นด้านหน้าโครงการ Lobby ที่เน้นความเรียบง่าย ชั้น 2 - 7 จะเป็นส่วนของที่จอดรถทั้งหมด รวมแล้วจอดได้ประมาณ 136 หรือคิดเป็น 40% ส่วนที่พักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 8 ซึ่งจะมาพร้อมกัน Facility หลักของโครงการทั้งฟิตเนสและสระว่ายน้ำ หน้าตาของสระว่ายน้ำบนชั้น 8 ครับ ตั้งแต่ชั้น 9 ขึ้นไปถึงชั้น 29 จะเป็นส่วนของห้องพักอาศัยทั้งหมด เฉลี่ยแล้วประมาณ 16 ยูนิตต่อชั้น พาชมห้องตัวอย่าง มาถึงห้องตัวอย่างกันบ้างครับ ทางโครงการ Rhythm อโศก 2 เตรียมห้องตัวอย่างไว้ 2 แบบนะครับ ซึ่งเป็นห้องแบบ 1 ห้องนอนในขนาด 28 ตร.ม. ทั้ง 2 ห้องเลย เริ่มต้นกันด้วยห้อง Type B01 กันก่อน เปิดประตูเข้ามาก็จะเจอห้องที่ตกแต่งในโทนเข้มขรึม ซ้ายมือเป็น Pantry ครัว และพื้นที่กินข้าวที่วางโต๊ะตัวสูงไว้ติดริมหน้าต่างเลย ทำให้มุมนี้มีความน่าสนใจเพิ่มขึ้น อีกฝั่งทางด้านหลังประตูทางเข้า เว้าพื้นที่เข้าไปทำชั้นเก็บของ ชั้นวางรองเท้า และวางเครื่องซักผ้าได้ลงตัวเป๊ะ โถงกลางห้องเป็น Living Area วางโซฟาชุดเล็กไว้ตรงข้ามกับทีวี ได้ระยะเต็มความกว้างของห้องซึ่งกำลังพอเหมาะพอดี ข้างๆ ชั้นวางทีวีเป็นห้องน้ำนะครับ ซึ่งภายในก็แบ่งพื้นที่ใช้สอยไว้ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว ทั้งโซนแห้งโซนเปียกที่กั้นด้วยประตูกระจก temper แต่ที่วางของในห้องน้ำน้อยไปหน่อยครับ โดยเฉพาะตรงอ่างล้างที่ตัวอ่างเป็นทรงกลมทำให้แทบจะไม่มีพื้นที่วางของเลย ออกมาดูโซนสุดท้ายของห้องกันบ้าง ที่ด้านหลังประตูกระจกบานเลื่อนขนาดใหญ่คือห้องนอน บริเวณปลายเตียงเป็นตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in ทำให้บริเวณปลายเตียงไม่สามารถแขวนทีวีเพิ่มได้ สำหรับคนที่ชอบนอนดูทีวีคงจะขัดใจเล็กน้อยก็ได้ครับ ผังห้อง Type B01 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องแล้วถ้ามองตรงไปจะเป็นส่วน Living Area ที่จะอยู่ติดกับห้องนอนนะครับ แต่ถ้ามองมาด้านซ้ายมือจะเป็นส่วนครัวแบบเปิดที่อยู่ด้านหน้าห้อง เคาน์เตอร์ครัวจะหน้าตาประมาณนี้นะครับ มีช่อใส่ไมโครเวฟอยู่ด้านล่าง ด้านบนจะเป็นชั้นลอยเก็บของ ส่วนตำแหน่งการวางอยู่เย็นจะอยู่ด้านซ้ายติดกับประตูห้อง ซิงค์หลุมจะอยู่ด้านติดกับตู้เย็น แต่ขนาดค่อนข้างเล็กไปหน่อยนะครับ เตาไฟฟ้า 2 หัว + ฮูดดูดควัน โต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน หันหน้าออกนอกหน้าต่าง เพิ่มบรรยากาศในการทานอาหารได้อีกแบบ ส่วนอีกฝั่งตรงข้ามกับครัว ด้านหลังประตูทางเข้า จะเว้าพื้นที่เข้าไปทำเป็นชั้นเก็บของ ชั้นวางรองเท้า และวางเครื่องซักผ้าได้ลงตัวเป๊ะ มาดูที่ส่วน Living Area กันต่อนะครับ ระยะห่างระหว่างโซฟากันทีวีกำลังพอดี ไม่ใกล้ ไม่ไกล จนเกินไป ชั้นวางทีวีจะวางได้ขนาดประมาณนี้นะครับ เนื่องจากถูกบีบจากทั้งฝั่งของห้องนอนและห้องน้ำ ตำแห่งวางแอร์ที่ห้องนั่งเล่นก็จะอยู่เหนือทีวีนี่แหละครับ มาดูส่วนของห้องนอนกันบ้างนะครับ สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้เลยครับ ด้านข้างเตียงมีพื้นที่เหลือนิดหน่อยให้วางโต๊ะข้างหรือโคมไฟได้ ห้องนอนจะถูกกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ขนาดใหญ่ ด้านปลายเตียงจะเป็นตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in ถ้าหากต้องการจะติดทีวีไว้ในห้องนอนด้วย ก็ต้องแขวนผนังไว้ตรงโต๊ะเครื่องแป้งนี่เลยครับ เพราะพื้นที่มีจำกัดจริงๆ ตำแหน่งของแอร์ในห้องนอนก็จะอยู่เหนือทีวี เราออกมาดูที่ห้องน้ำกันต่อนะครับ การวางสุขภัณฑ์ในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ใช้สอยไว้ค่อนข้างลงตัวเลยทีเดียว อ่างล้างหน้าทรงกลม พื้นที่วางของตรงอ่างล้างหน้าแทบไม่มีเลยครับ ระยะห่างของโถสุขภัณฑ์กำลังพอดีครับ ไม่แคบเกินไป ส่วนเปียกกั้นด้วยประตูกระจก Temper มาพร้อมกับชุดผักบัวและ Rain Shower ส่วนห้องแบบที่ 2 คือ Type B02 ซึ่งขนาดใกล้เคียงกัน แต่ Layout ห้องจะมีการแยกห้องนอนไว้อย่างชัดเจน เข้าห้องมาจะเจอ Pantry ครัวก่อนเช่นกัน ด้านหลังประตูห้องเป็นพื้นที่เว้าเข้าไป Built-in เป็นชั้นวางของ และที่วางเครื่องซักผ้า ถัดจากมุมนี้ไปจะเป็นประตูห้องน้ำ ภายในห้องน้ำก็มี Layout เหมือนกันกับห้องก่อนหน้านี้เลยครับ โซนด้านในติดกับหน้าต่างเป็น Living Area ซึ่งพื้นที่บริเวณนี้จะออกเป็นแนวลึก ทำระยะห่างระหว่างทีวีและโซฟาค่อนข้างแคบ ไม่เหมาะจะแขวนทีวีขนาดใหญ่ๆ ในขณะที่นอนจะถูกแบ่งพื้นที่ไว้ชัดเจนด้วยผนังทึบและมีประตูบานสวิงปิดมิดชิด ทำให้พื้นที่ห้องนอนมีความเป็นส่วนตัวสูง ในนอนพอวางเตียง 5 ฟุตเข้าไปแล้วก็เหลือพื้นที่ข้างเตียงและปลายเตียงอีกนิดหน่อยเท่านั้น ผนังด้านปลายเตียงสามารถแขวนทีวีเพิ่มได้ ในขณะที่อีกด้านของห้องจะมีตู้เสื้อผ้า และโต๊ะเครื่องแป้ง Built-in มาเต็มผนัง ภายในห้องนอนจึงตกแต่งอะไรเพิ่มเข้าไปอีกได้ไม่เยอะนัก ซึ่งถ้าใครมีเพื่อนมาเยี่ยมห้องบ่อยๆ และชอบที่จะยังคงมีพื้นที่ส่วนตัวอยู่อย่างชัดเจน ห้องแบบนี้น่าจะเหมาะกว่าครับ ผังห้อง Type B02 แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 28 ตารางเมตร เมื่อเข้ามาในห้องจะเจอกันส่วนของครัวอยู่ด้านซ้ายมือก่อนเลยนะครับ เคาน์เตอร์ครัวก็จะคล้ายๆ กับ Type B01 ฝั่งตรงข้ามก็จะเป็นส่วนที่เว้าเข้าไป ทำเป็นชั้นเก็บของและวางเครื่องซักผ้า ข้างๆ กันก็จะเป็นห้องน้ำ ที่จะอยู่ตรงข้ามกับส่วนครัวพอดี เดี๋ยวเราเข้าไปดูในห้องน้ำก่อนเลยนะครับ สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเหมือนกับห้อง Type B01 เลยนะครับ ส่วนการวาง Layout ก็จะคล้ายๆ กัน ส่วนเปียกจะกั้นด้วยประตูกระจก Temper มาพร้อมกับชุดผักบัวและ Rain Shower มีส่วนเว้าเล็กๆ ไว้สำหรับวางของในห้องอาบน้ำ เดินเลยห้องน้ำและครัวเข้ามาก็จะเป็นโต๊ะทานอาหารขนาด 2 ท่าน ก่อนถึงส่วน Living Area ระยะห่างระหว่างโซฟากับทีวีจะค่อนข้างแคบนะครับ ไม่เหมือนกับห้อง Type B01 จึงอาจจะมีข้อจำกัดในเรื่องของขนาดทีวี ข้างๆ กันจะเป็นหน้าต่างบาน Fix บานใหญ่ และบานกระทุ้ง 1 บาน มาต่อกันที่ห้องสุดท้ายคือห้องนอน ห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุต กำลังเหมาะเลยครับ จะมีพื้นที่ข้างเตียงเหลือนิดหน่อย แต่ด้านปลายเตียงจะไม่มีพื้นที่เหลือพอให้วางชั้นวางทีวีนะครับ จะต้องใช้ทีวีแบบแขวนผนังแทน ตำแหน่งการวางแอร์จะอยู่ปลายเตียงเหนือทีวี ส่วนข้างเตียงอีกด้านจะเป็นตู้เสื้อและโต๊ะเครื่องแป้ง จากที่ได้ดูห้องตัวอย่างทั้ง 2 ห้องแล้ว ต้องบอกว่าแต่ละห้องก็มีข้อดีข้อด้อยต่างกันออกไป แต่ที่แน่ๆ คือห้องทั้ง 2 แบบนี้ไม่มีระเบียงนะครับ ซึ่งอันนี้เป็นปัญหาใหญ่เลย เพราะมันไม่มีที่ให้ตากผ้า!! แล้วจะมีที่วางเครื่องซักผ้ามาให้เราซักผ้าแล้วไปตากที่ไหน ต่อให้เครื่องมีความสามารถในการปั่นผ้าให้หมาดจนเกือบแห้ง แต่ยังไงเราก็ยังต้องการพื้นที่ตากผ้าอยู่ดีใช่มั้ยครับ ต่อให้เลือกที่จะเอาเสื้อผ้าส่งร้านซักรีดทั้งหมด แต่ยังไงก็ต้องมีผ้าชิ้นเล็กชิ้นน้อยให้ต้องซักต้องตากอยู่ดี อันนี้ก็แล้วแต่นะครับ สำหรับบางคนอาจจะคิดว่าไม่เดือดร้อนก็ได้ นอกจากนี้เรื่อง Lay out ห้องที่ดูจากแปลนแล้วมีหน้าตาแปลก มีส่วนเว้า ส่วนเพิ่มตรงนั้นตรงนี้ ก็เนื่องจากการออกแบบตำแหน่งห้องในรูปแบบ Inter-Locked ซึ่งแต่ละห้องจะเหมือนจิ๊กซอร์แต่ละตัวที่เมื่อนำมาต่อกันแล้วจะเข้าล็อคลงตัวกันพอดี พื้นที่ในห้องจึงมีไม่ได้เป็นแค่ทรงสี่เหลี่ยมเรียบๆ อย่างโครงการอื่นๆ ครับ และอีกข้อที่ต้องตรวจสอบให้ดีๆ ก็คือ เรื่องเฟอร์นิเจอร์และวัสดุภายในห้องที่เราจะได้มาพร้อมห้องครับ เพราะบางชิ้นก็ไม่ได้มีหน้าตาเหมือนกับที่เห็นในห้องตัวอย่างนะครับ อาจจะแค่เทียบเคียง หรือหน้าตาต่างกันมากบ้างน้อยบ้าง และหลายๆ ชิ้นที่เห็นก็จัดไว้เพื่อการตกแต่งเท่านั้น อันนี้ต้องสอบถามกับพนักงานขายให้ละเอียดถี่ถ้วน ป้องกันการเข้าใจผิดเวลาที่เห็นห้องจริงครับ Type A04 แบบ Studio ขนาด 27 ตารางเมตร Type A13 แบบ Studio ขนาด 22.20 ตารางเมตร Type C07 แบบ 2 ห้องนอน ขนาด 42 ตารางเมตร ความคุ้มค่าน่าลงทุน อย่างที่บอกไปก่อนหน้านี้แล้วว่าทำเลที่ตั้งของ Rhythm อโศก 2 ตั้งอยู่ในย่านที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงมากที่สุดย่านหนึ่งในกรุงเทพ และบริเวณแวดล้อมก็ค่อนข้างพร้อมทั้งใกล้แหล่งสำนักงานเอกชน หน่วยงานราชการ สถานศึกษา แหล่งช็อปปิ้ง และแหล่งคมนาคมที่สำคัญของกรุงเทพทั้ง MRT และ Airport Link จึงเหมาะทั้งการจับจองไว้อยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน เนื่องจากมีแนวโน้มในการทำกำไรค่อนข้างมาก ในขณะที่ตัวห้องเองก็มีขนาดเริ่มต้นที่เล็กและอยู่ในเรทราคาที่จับต้องได้ง่ายขึ้น ยิ่งถ้าคนที่ต้องทำงานในระแวกนี้อยู่แล้ว การเลือกห้องในทำเลนี้ก็จะยิ่งสะดวกในการเดินทางมากขึ้น แต่ก็ใช่ว่าในระแวกนี้จะไม่มีโครงการอื่นๆ ไว้ให้เปรียบเทียบความต่างและความคุ้มค่าเลยนะครับ ในทางกลับกันกลับมีคอนโดโครงการอื่นๆ แวดล้อมเป็นจำนวนมาก ทีนี้ก็เหลือแค่เรื่องราคา สไตล์ ฟังก์ชั่นการใช้งาน และสาธารณูปโภคที่มีมาให้ ว่าโครงการไหนจะตอบโจทย์การใช้ชีวิตของแต่ละคนได้ดีกว่ากัน ในขณะที่ข้อดีจะมีอยู่มาก แต่ข้อด้อยก็ไม่ควรมองข้ามนะครับ ทั้งเรื่องจำนวนที่จอดรถที่ค่อนข้างน้อยถ้าเทียบว่าโครงการอยู่ในทำเลที่มีแนวโน้มว่าลูกบ้านส่วนใหญ่จะมีรถส่วนตัว ปัญหาการจารจรที่ติดหนักในชั่วโมงเร่งด่วนสำหรับคนที่ต้องเดินทางด้วยรถส่วนตัวเป็นหลัก และมลภาวะทางเสียง และมลภาวะทางอากาศจากฝุ่นควันที่อาจได้รับผลกระทบเนื่องจากคอนโดอยู่ติดริมถนนใหญ่ รวมถึงปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ในห้อง อย่างพื้นที่เว้าไป เว้ามา ทำให้การจัดตกแต่งห้องยากในบางที หรือการที่ไม่มีพื้นที่ระเบียงให้เลย ถึงบริเวณที่ใช้แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์จะมีหน้าต่างบานเลื่อนขนาดใหญ่ ที่เจ้าหน้าที่อ้อมแอ้มว่าเปิดออกไปได้ และพยายามทำให้เข้าใจเหมือนว่ามันคือระเบียง แต่ยังไงมันก็ไม่ใช่!! ในเมื่อมันไม่สามารถเปิดประตูเดินออกไปใช้งานอะไรได้ มันก็แทบจะไม่มีประโยชน์อะไร จะให้ยื่นออกไปตากผ้าก็ใช่เรื่อง และในความเป็นจริงมันก็ไม่มีทางเป็นไปได้ด้วยครับ อันนี้เลยอยากจะย้ำให้คิดให้รอบคอบอีกนิดว่า ถ้าเกิดต้องอยู่จริงๆ แล้วมันจะเกิดปัญหาตามมาหรือไม่ และตอบโจทย์การใช้ชีวิตเราได้มากน้อยแค่ไหน