Tag : singha complex

6 ผลลัพธ์
สิงห์ เอสเตท ปั้นแบรนด์สู่ความพรีเมียมระดับโลก เดินหน้าIPO ธุรกิจโรงแรมครั้งแรก

สิงห์ เอสเตท ปั้นแบรนด์สู่ความพรีเมียมระดับโลก เดินหน้าIPO ธุรกิจโรงแรมครั้งแรก

แม้จะก่อตั้งบริษัทมาได้เพียง 5 ปี แต่สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กลับสามารถโชว์ศักยภาพขยายธุรกิจไปไกลทั่วโลก ตอกย้ำวิสัยทัศน์ในการก้าวขึ้นสู่ “Global Holding Company” ประกาศเดินหน้าธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท ในนามบริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) เพื่อรองรับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง มุ่งสู่การเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโรมแรมชั้นนำระดับนานาชาติ   นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เผยว่า สำหรับสิงห์ เอสเตท ปัจจุบันมีธุรกิจด้านการลงทุนและพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในสามส่วนหลัก ได้แก่   Residential ธุรกิจที่อยู่อาศัย ปัจจุบันที่มีทั้งหมด 21 โครงการ ซึ่งในปีนี้จะรับรู้รายได้อย่างต่อเนื่องจากโครงการ THE ESSE ASOK, Santiburi The Residences, Banyan Tree Residence Riverside Bangkok และ THE ESSE at SINGHA COMPLEX ที่จะเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ประมาณไตรมาส 3-4 ปีนี้   Commercial ธุรกิจอาคารสำนักงานทั้ง Prime Real Estate Investment Trust และอาคารสำนักงานให้เช่าอย่าง SINGHA COMPLEX ที่ตอนนี้มีพื้นที่ว่างเหลือเพียง 10%   Hospitality ธุรกิจโรงแรม รีสอร์ท ทั้งที่เป็นเจ้าของแบรนด์เอง การซื้อแบรนด์มาบริหาร การเข้าไปบริหารจัดการให้ และการร่วมทุน ซึ่งตั้งอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวสำคัญระดับโลกกระจายอยู่ใน 5 ประเทศ 3 ภูมิภาคทั้งหมด 39 แห่งในปีนี้ (จากเดิม 37 แห่ง) รวมทั้งหมด 4,647 ห้อง   “สำหรับปี 2019 นี้ถือเป็นปีแห่งการเริ่มเก็บเกี่ยวที่สำคัญมากสำหรับ สิงห์ เอสเตท เพราะตั้งแต่เริ่มก่อตั้งองค์กรเมื่อปี 2014 ก็มีการลงทุนเรื่อยมา จนในปีนี้จะเริ่มรับรู้รายได้เต็มจากการลงทุนทั้ง 3 ธุรกิจ ซึ่งเราสามารถทำทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางเอาไว้ตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทปี 2014 ที่แรกเริ่มนั้นมีมูลค่าสินทรัพย์รวม 9,000 ล้านบาท จนถึงปัจจุบันมีมูลค่าสินทรัพย์ 60,000 ล้านบาท เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดดถึง 700% ซึ่งเป็นส่วนของธุรกิจโรงแรม 26,000 ล้านบาท”   หลังจากที่นำธุรกิจต่างๆ เข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ โดยเริ่มจากบริษัทเนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) กองทรัสต์ Sprime สำหรับธุรกิจอาคารสำนักงาน และล่าสุดกับธุรกิจ Hospitality อย่างบริษัทเอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) เน้นสินค้าที่เป็นพรีเมียมเท่านั้น และการขยายธุรกิจไปทั่วโลก รวมถึงการพัฒนาอย่างยั่งยืนก็จะทำให้ปี 2019 นี้ บริษัทฯ จะก้าวสู่ความเป็น Global Holding Company อย่างสมบูรณ์   นายเดิร์ก เดอ ไคย์เปอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท จำกัด (มหาชน) หรือ SHR กล่าวถึงธุรกิจโรงแรม รีสอร์ทว่า บริษัทมีวิสัยทัศน์ที่จะเป็นผู้ลงทุนและบริหารจัดการโรงแรม รีสอร์ท ในระดับพรีเมียมมอบความแตกต่างให้กับลูกค้าด้วยประสบการณ์การพักผ่อนท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดีและกิจกรรมอันหลากหลาย ใส่ไอเดียความคิดสร้างสรรค์ลงไปแล้วออกแบบมาเพื่อความยั่งยืน โดยเราให้ความสำคัญกับการกำหนดทิศทางธุรกิจเพื่อการเติบโตและรักษาสมดุลในสังคม ชุมชนและสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน   ปัจจุบัน SHR มีโรงแรมทั้งหมด 39 แห่งกระจายอยู่ทั่วโลก เช่น สาธารณรัฐมัลดีฟส์ สาธารณรัฐหมู่เกาะฟิจิ สาธารณรัฐมอริเชียส สหราชอาณาจักร และประเทศไทยโดยมีการแบ่งกลุ่มทรัพย์สินตามลักษณะการประกอบธุรกิจ ได้แก่   -โรงแรมที่บริษัทฯ บริหารจัดการเอง คือ โรงแรม พีพี ไอส์แลนด์ วิลเลจ บีช รีสอร์ท และ โรงแรมสันติบุรี เกาะสมุย   -โรงแรมในสหราชอาณาจักร จำนวน 29 แห่ง ดำเนินงานภายใต้แบรนด์ Mercure และแบรนด์ Holiday Inn   -โรงแรม Outrigger ซึ่งเป็นกลุ่มโรงแรมจำนวน 6 แห่งที่ดำเนินกิจการภายใต้แบรนด์ Outrigger   -โครงการ ครอสโรดส์ (CROSSROADS) เฟส 1 ซึ่งเป็นการพัฒนาโครงการบนเกาะจำนวน 3 เกาะ ในสาธารณรัฐมัลดีฟส์ ประกอบด้วย โรงแรม 2 แห่ง ได้แก่ โรงแรม SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton และโรงแรม Hard Rock Hotel Maldives รวมถึงศูนย์รวมการให้บริการ เพื่อการพักผ่อนและสิ่งบันเทิงในโครงการ Marina @ CROSSROADS และเกาะที่อยู่ระหว่างการพัฒนาเป็นโรงแรมอีก 1 เกาะ   มีอัตราการเข้าพักของแต่ละตลาดคือ ในสหราขอาณาจักร​ 71% ในประเทศไทย​ ประมาณ​ 76% และในตลาดต่างประเทศอื่นๆ​ เฉลี่ย​ 80% ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในภูมิภาคเอเชีย ในส่วนของมัลดีฟส์ โครงการยังอยู่ระหว่างก่อสร้าง​ แต่ยอด​ Occupancy เฉลี่ยของตลาดอยู่ที่​ 70-71% ซึ่งคาดว่าเมื่อเริ่มเปิดดำเนินงาน​น่าจะมียอด​พอๆ​ กัน   ทั้งนี้มีแผนการพัฒนาแบรนด์ใหม่ “SAii” โดยจะเริ่มใช้ในโรงแรมแห่งใหม่ที่มีชื่อว่า “SAii Lagoon Maldives, Curio Collection by Hilton” ที่ตั้งอยู่ในโครงการ CROSSROADSเฟส 1นอกจากนี้ยังมองหาโอกาสใหม่ๆ ที่จะทำให้สามารถทำธุรกิจโรงแรมระดับกลางค่อนไประดับบน (Upper Mid-scale) ได้อย่างต่อเนื่องในอนาคตซึ่งปัจจัยในการเลือกที่จะเข้าไปลงทุนในแต่ละสถานที่จะต้องประกอบไปด้วยการอยู่ในแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวที่มีกำลังซื้อสูง ทำเลของโครงการที่ดี งบในการพัฒนา​ สามารถพัฒนาแบบ​ Greenfield หรือพัฒนาแบบ​ Brownfieldและได้ตั้งเป้าในปี 2025 ว่าจะมีโรงแรม รีสอร์ทรวม 75 แห่งทั่วโลก   นางฐิติมา รุ่งขวัญศิริโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวปิดท้ายว่า SHR มีทุนจดทะเบียน 17,000 ล้านบาท โดยชำระไปส่วนหนึ่งแล้ว 1 หมื่นล้าน โดยธุรกิจโรงแรมนี้ถือเป็นธุรกิจที่สามารถสร้างรายได้หมุนเวียนที่สร้างรายได้แบบต่อเนื่องหรือที่เรียกว่า recurring income ให้กับสิงห์ เอสเตท โดยในปี 2018 ที่ผ่านมา SHR ถือเป็นหนึ่งในรายได้หลักคิดเป็น 1 ใน 3 สิงห์ เอสเตท โดยในปี 2018 ที่ผ่านมา รายได้นับเป็น 40% ของรายได้ทั้งหมดของ Singha Estateจากการให้เช่าโรงแรม รีสอร์ท 37 แห่งทั่วโลก   “การนำเอา SHR เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยก็เพื่อสร้างเสถียรภาพให้มีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้นกับองค์กร ทำให้เป็นแหล่งระดมทุนที่มีศักยภาพ เพิ่มความคล่องตัวในการทำธุรกิจ และเพิ่มโอกาสในการขยายทางธุรกิจ เพื่อตอบโจทย์ด้านกลยุทธ์ในการเติบโตต่อไป”   ขณะนี้ได้ทำการยื่น Filing กับ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แล้วเมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม โดยวางแผนเสนอขายหุ้นIPO ทั้งในและต่างประเทศเป็นจำนวนไม่เกิน 40% ของทุนชำระแล้ว ซึ่งจะยังคงสัดส่วนการถือหุ้นใหญ่ใน SHRไม่ต่ำกว่า 51% และคาดว่าจะสามารถเปิดเทรดในตลาดได้ประมาณไตรมาสที่ 3 ของปีนี้ สามารถตรวจสอบรายละเอียดของการเสนอขายหลักทรัพย์จากแบบรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และร่างหนังสือชี้ชวนของ เอส โฮเทล แอนด์ รีสอร์ท ได้ทาง www.sec.or.th และ www.shotelsresorts.com      
รีจัส เดินหน้าขยายความสำเร็จเปิดสาขาที่ 21 ณ สิงห์ คอมเพล็กซ์

รีจัส เดินหน้าขยายความสำเร็จเปิดสาขาที่ 21 ณ สิงห์ คอมเพล็กซ์

รีจัส เดินหน้าขยายความสำเร็จเปิดสาขาที่ 21 ณ สิงห์ คอมเพล็กซ์ ใจกลางเมืองย่านธุรกิจแห่งใหม่ ตอกย้ำตำแหน่งผู้นำด้านการให้บริการพื้นที่ทำงานอันยืดหยุ่นและเปี่ยมด้วยนวัตกรรม   รีจัส (Regus) ผู้นำด้านการให้บริการพื้นที่สำนักงานระดับโลก ประกาศเปิดตัวสาขาใหม่ล่าสุดบนพื้นที่ชั้น 30 อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ สำนักงานเกรดเอสุดทันสมัยแห่งใหม่ โดยสาขาใหม่แห่งนี้นับเป็นสาขาที่ 21 ในประเทศไทยที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ใจกลางเมืองห่างจากรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีเพชรบุรีและรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์สถานีมักกะสันเพียงไม่กี่ก้าว     รีจัส สาขาใหม่ตั้งอยู่บนชั้น 30 อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ที่มีพื้นที่บริการครอบคลุมกว่า 1,134 ตารางฟุต โดยแบ่งเป็นพื้นที่สำนักงานทั้งหมด 73 ห้อง พื้นที่ทำงานกว่า 200 ที่นั่ง และห้องประชุม 2 ห้อง เพื่อรองรับความต้องการขององค์กรธุรกิจและบุคคลทั่วไปที่มองหาพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นได้อย่างไม่มีที่ใดให้บริการมาก่อน พร้อมดื่มด่ำกับวิวถนนอโศกมนตรีและถนนเพชรบุรีใจกลางกรุงเทพฯ อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกสำหรับออฟฟิศพร้อมใช้งาน ระบบอินเตอร์เน็ตรองรับการใช้งานทางธุรกิจและบริการโทรศัพท์ รวมถึงห้องครัว บริการทำความสะอาดและพนักงานต้อนรับตลอด 24 ชั่วโมง ซึ่งช่วยลดความยุ่งยากในการทำงาน และสร้างบรรยากาศที่ดีในการทำงานมากยิ่งขึ้น   นอกจากนี้ รีจัสยังนำเสนอบริการเหนือระดับมากกว่าการเป็นเพียงพื้นที่การทำงานแบบเดิมๆ เช่น บริการออฟฟิศเสมือนจริง พร้อมที่อยู่สำหรับส่งเอกสารบนทำเลย่านธุรกิจใจกลางเมือง ตลอดจนบริการให้ความช่วยเหลือผู้ใช้บริการที่ต้องการโยกย้ายพื้นที่ทำงานจากสาขาหนึ่งมายังอีกสาขาหนึ่งของรีจัสที่มีสาขาให้บริการทั่วกรุงเทพฯ รีจัสมีเครือข่ายสำนักงานให้เช่า พื้นที่การทำงานและพื้นที่จัดประชุมสำหรับให้บริการจำนวนถึง 3,300 แห่ง ใน 110 ประเทศทั่วโลก     คุณโนเอล โค้ก ผู้อำนวยการใหญ่ รีจัส ประจำประเทศไทย ไต้หวัน และเกาหลี เผยว่า “การเปิดตัวรีจัสสาขาที่ 21 ณ อาคารสิงห์ คอมเพล็กซ์ เพื่อตอกย้ำว่าย่านศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่นี้ยังคงเป็นทำเลธุรกิจที่ดึงดูดความสนใจทั้งคนไทยและคนต่างชาติ พื้นที่ย่านอโศก-เพชรบุรีเป็นที่รู้จักกันดีในกลุ่มวิชาชีพสายงานต่างๆ และคนทำงานยุคดิจิทัลแบบไร้ออฟฟิศที่ต้องการความก้าวหน้าในหน้าที่การงานในเมืองที่ขยายตัวอย่างรวดเร็ว สาขาใหม่นี้สะดวกมากสำหรับเหล่าสตาร์ทอัพ บริษัทขนาดเล็กและกลาง รวมถึงองค์กรขนาดใหญ่และฟรีแลนซ์ต่างๆ ด้วยพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นได้ สะดวกสบาย ตลอดจนรองรับการทำงานยุคดิจิทัลเป็นอย่างดี”   “การเปิดสาขาใหม่นี้เป็นส่วนหนึ่งของพันธกิจของรีจัสในการขยายสาขาอย่างต่อเนื่องในพื้นที่ที่มีศักยภาพ รวมทั้งตอบสนองความต้องการพื้นที่ทำงานที่ยืดหยุ่นได้ที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทั่วประเทศไทย ดังนั้น เราจึงพยายามอย่างต่อเนื่องเพื่อปรับปรุงและมอบประสบการณ์การทำงานที่สะดวกสบายและยืดหยุ่นได้ดีที่สุด ซึ่งจะช่วยอำนวยความสะดวกให้ผู้ใช้บริการเกิดความคิดสร้างสรรค์มากยิ่งขึ้นในการทำงาน” คุณโนเอล โค้ก กล่าวเสริม     สิงห์ คอมเพล็กซ์ คือ อาคารมิกซ์ยูสชั้นนำแห่งใหม่เกรดเอ สูง 42 ชั้น ที่รายล้อมไปด้วยสถานที่ที่มีชื่อเสียงมากมายด้วยทำเลที่ตั้งนำเสนอที่สุดแห่งความสะดวกสบายสำหรับผู้เช่าและผู้มาเยือนไล่เรียงตั้งแต่โรงแรมระดับห้าดาวไปจนถึงศูนย์การประชุมระดับโลก ศูนย์การค้าระดับพรีเมี่ยมไปจนถึงตลาดนัด และร้านค้าชุมชน อาคารแห่งนี้จึงสะท้อนการใช้ชีวิตแบบคนเมืองในเมืองที่มีพลวัตสูงได้เป็นอย่างดี   สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับ รีจัส ณ สิงห์ คอมเพล็กซ์หรือสนใจเยี่ยมชมพื้นที่สำนักงานให้เช่า สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ที่ www.regus.co.th          
SINGHA COMPLEX ครบทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง

SINGHA COMPLEX ครบทุกไลฟ์สไตล์คนเมือง

เมื่อไม่นานมานี้ SINGHA COMPLEX  จัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการอย่างยิ่งใหญ่อลังการสมกับเป็น Luxury Mixed Use Complex ใจกลางอโศก ซึ่ง SINGHA COMPLEX แห่งนี้ได้เปิดให้ใช้บริการอย่างเต็มรูปแบบในส่วนของ Office Building กับ Retail 4 ชั้น ที่เราจะพาไปเดินเล่นชมบรรยากาศกันในบทความนี้ค่ะ อย่ารอช้า นั่ง MRT ไปลงที่สถานีเพชรบุรี ทางออกที่ 2 แล้วไปเดินเล่นกันค่ะ   SINGHA COMPLEX จะประกอบไปด้วย Office Building 42 ชั้น, Retail 4 ชั้น ที่เราจะพาไปเดินเล่นกันในครั้งนี้ และอาคารสูงด้านหลังที่ยังก่อสร้างกันอยู่จะเป็นคอนโดมิเนียมที่ชื่อว่า THE ESSE @SINGHA COMPLEX รวมทั้งหมดแล้วมีพื้นที่ประมาณ 11 ไร่ และด้วยเหตุที่ตั้งอยู่ตรงหัวมุมสี่แยกพอดี(เดิมคือสถาณฑูตญี่ปุ่น) จึงมีทางเข้า-ออก อยู่ 2 ทางค่ะ คือฝั่งถ.เพชรบุรี กับถ.อโศกมนตรี ซึ่งการออกแบบทางสถาปัตยกรรมนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากสีสัน เส้นสายตามธรรมชาติของรวงข้าวบาเล่ย์สีทอง กลายเป็นอาคารที่ดูทันสมัย สง่างาม โอ่งโถ่งสมกับเป็นอาคารออฟฟิศเกรดพรีเมี่ยมอย่างที่ทางสิงห์เองตั้งใจเอาไว้     ฝั่งอาคารที่เป็น Retail เราจะเห็นต้นจามจุรี 3 ต้นใหญ่วางตัวเรียงกันอยู่ริมสี่แยกอโศก-เพชรบุรี แบบที่เห็นนี้มีมาตั้งแต่ยังเป็นสถาณฑูตญี่ปุ่น ซึ่งทางสิงห์ตั้งใจเก็บรักษาเอาไว้ เพื่อให้อยู่คู่กับสถานที่แห่งนี้ต่อไป   The Bistro @SINGHACOMPLEX ลานเบียร์เป็นของคู่กันกับฤดูหนาว ซึ่งตรงนี้จะมีไปจนถึงวันที่ 13 ม.ค. 62 เวลา 17.00-24.00 น.   เรามาเริ่มเข้าไปสำรวจด้านในกันค่ะ ที่นี่เปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 9.00-23.00 น. ก้าวแรกที่เข้าไปเลยก็จะพบกับ Top Daily ที่มีทั้งของสด ขนม ผลไม้ เครื่องดื่ม เบเกอร์รี่ เวชภัณฑ์ ฯลฯ เรียกได้ว่าครบครันใช้ได้ทีเดียวค่ะ นอกจากนี้ในบริเวณชั้น G ก็จะมีทั้งร้านกาแฟ ขนม อาหารแบบเบาๆ และธนาคารค่ะ   ขึ้นไปกันที่ชั้น L1 ค่ะ ก็จะมีทั้งธนาคาร ร้านอาหารญี่ปุ่น ร้านขนม และโซน Beauty&Health Care เช่น Kazan By Sushi Yanma, Gyu Kaku, King Kong Sweets, ปั้นคำหอม, Cut&Curl, SCB ฯลฯ   L2 เป็นร้านอาหารไทย อาหารฟิวชั่น เช่น bangkok bold kitchen, กล่องชา 24, คาเฟ่อเมซอน ฯลฯ  และยังเป็นโซนเริ่มต้นของ Amphitheatre สถานที่สำหรับนั่งพักผ่อน หรือหลบมุมทำงาน ซึ่งเป็นไฮไลท์ของ SINGHA COMPLEX แห่งนี้ค่ะ   สุดท้ายที่ชั้น L3 ค่ะ จะขาดไปไม่ได้เลยคือร้าน EST.33 จากสิงห์ทางเอง ร้านซาลาเปาโกอ้วนเจ้าดังจากหาดใหญ่ และโซน Amphitheatre ที่เป็น Co-Working Space ในบรรยากาศร่มรื่นสบายตาแบบที่แทบไม่น่าเชื่อเลยว่ากำลังนั่งอยู่ท่ามกลางเมืองใหญ่อันแสนจะวุ่นวายภายนอก มาพร้อม Free Super Wifi ชาวฟรีแลนซ์เห็นแล้วจะต้องชอบค่ะ     SINGHA COMPLEX แม้จะมีพื้นที่ในส่วนของ Retail ไม่มากเหมือนห้างสรรพิสินค้าใหญ่ๆ แต่ข้อดีก็คือความไม่วุ่นวายนี่แหละค่ะ ทำให้เป็นอีกหนึ่งใน Co-Working Space ที่น่าสนใจ(ฟรีด้วยนะ) ได้เปลี่ยนบรรยากาศนั่งทำงาน เดินทางสะดวกไม่ว่าจะด้วยรถไฟฟ้าหรือรถยนต์ส่วนตัว ถ้าหิวก็มีอะไรให้เลือกทานหลายรูปแบบ ซึ่งแต่ละชั้นสามารถจัดโซนได้ดีทีเดียวค่ะ เรียกได้ว่าครบทุกไลฟ์สไตล์คนเมืองจริงๆ              
“สิงห์ คอมเพล็กซ์” โครงการลักชัวรีมิกซ์ ยูส แห่งแรกในย่านอโศก-เพชรบุรี พร้อมเปิดอย่างเป็นทางการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านการผสมผสานแนวคิดในทุกมิติอย่างลงตัว

“สิงห์ คอมเพล็กซ์” โครงการลักชัวรีมิกซ์ ยูส แห่งแรกในย่านอโศก-เพชรบุรี พร้อมเปิดอย่างเป็นทางการ ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ผ่านการผสมผสานแนวคิดในทุกมิติอย่างลงตัว

บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดตัว ‘สิงห์ คอมเพล็กซ์’ เดอะ ลักชัวรี มิกซ์ ยูส คอมเพล็กซ์ โครงการลักชัวรี มิกซ์ ยูส บริเวณหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรีอย่างเป็นทางการ โครงการตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 11 ไร่ ประกอบไปด้วย อาคารสำนักงานเกรดเอ “ดิ ออฟฟิศ แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์” 42 ชั้น ที่มีโซนพื้นที่ค้าปลีกรวมร้านค้าและร้านอาหารชื่อดังกว่า 30 ร้าน และคอนโดมิเนียมลักชัวรี “ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์” สูง 39 ชั้น จำนวน 319 ยูนิต โดดเด่นด้วยแนวคิดในการออกแบบอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียด พร้อมเติมเต็มไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ จากทำเลที่ตั้งเดิมของสถานทูตญี่ปุ่น ณ บริเวณหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรี สู่ทำเลศักยภาพในย่านเขตธุรกิจใหม่ของกรุงเทพมหานคร การเป็นจุดศูนย์กลางคมนาคม ติดกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินสถานีเพชรบุรี ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ ท่าเรืออโศกคลองแสนแสบ และทางพิเศษศรีรัช ทำให้ สิงห์ เอสเตท บริษัทชั้นนำ ด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนในประเทศไทยและต่างประเทศ นำโดยนายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหารของบริษัทฯ เล็งเห็นศักยภาพของทำเลที่ตั้งดังกล่าว จึงตัดสินใจพัฒนาโครงการ “สิงห์ คอมเพล็กซ์” (SINGHA COMPLEX) โครงการลักชัวรี มิกซ์ ยูส แห่งแรกของย่านอโศก-เพชรบุรี บนพื้นที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานแห่งนี้ นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าว “สิงห์ คอมเพล็กซ์ สะท้อนให้เห็นวิสัยทัศน์ที่ต้องการเพิ่มมูลค่าให้กับพื้นที่ประวัติศาสตร์ รวมถึงกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจเพื่อเจาะตลาดพรีเมียมของบริษัทฯ ผ่านการพัฒนาและออกแบบอย่างพิถีพิถัน ใส่ใจในทุกรายละเอียด มีการจัดสรรพื้นที่ใช้สอยในส่วนของอาคารสำนักงาน พื้นที่ค้าปลีก และคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรีให้สามารถรองรับการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อการจัดการทรัพยากรที่มีประสิทธิภาพมากที่สุด บนพื้นฐานของความตั้งใจของ สิงห์ เอสเตท ที่จะนำเสนอสิ่งใหม่ในการใช้ชีวิต (Premier Lifestyle Developer) ส่งมอบคุณภาพที่ดีที่สุดทั้งสินค้าและบริการ และที่สำคัญคือการส่งเสริมสังคมและสภาพแวดล้อมให้ยั่งยืน” โดย สิงห์ คอมเพล็กซ์ มุ่งเน้นการสร้างประสบการณของผู้คนเพื่อให้ทุกวินาทีของการใช้ชีวิตครบถ้วน ด้วยการจัดพื้นที่ได้อย่างลงตัว ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตได้อย่างสมบูรณ์แบบ ระหว่างการทำงาน พักผ่อน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและการบริการระดับมืออาชีพ ผ่านมิติการใช้ชีวิตทั้ง 4 ด้าน คือ การเดินทางและการเชื่อมโยงทุกการใช้ชีวิต (Life Associated) เชื่อมโยงทุกการเดินทางอย่างสะดวกเพื่อคืนเวลาในการใช้ชีวิต สร้างสมดุลทั้งทำงาน พักผ่อน และสังสรรค์กับเพื่อนฝูงภายในที่เดียว การตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่มีเอกลักษณ์เพื่อสะท้อนตัวตนของคนยุคใหม่ (Life Characteristics) ค้นหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ในการทำงาน ใช้ชีวิตกับสังคมคุณภาพ พร้อมรับพลังงานจากสิ่งดี ๆ รอบตัว การใช้ชีวิตทุกวันให้เป็นโอกาสพิเศษ (Life Exclusivity) สีสันใหม่ของชีวิต ถูกสร้างจากความพิถีพิถันในรายละเอียด และบริการที่เป็นเลิศ เพื่อมอบประสบการณ์และโอกาสที่พิเศษยิ่งกว่า และการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนในทุกมิติ (Life Dimension) แสงแดดที่พอเพียง อุณหภูมิที่พอเหมาะ และมีเวลาที่มีคุณภาพ ก่อเกิดเป็นความสุขในทุกมิติ   สิงห์ คอมเพล็กซ์ ประกอบด้วย คอนโดมิเนียมลักชัวรี “ดิ เอส แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์” (THE ESSE at SINGHA COMPLEX) ความสูง 39 ชั้น จำนวน 319 ยูนิต ซึ่งจะมีการส่งมอบให้กับลูกค้าในช่วงปลายปี 2562 และอาคารสำนักงานให้เช่าพร้อมพื้นที่ค้าปลีกให้เช่า ความสูง 42 ชั้น แบ่งเป็น อาคารสำนักงานเกรดเอ “ดิ ออฟฟิศ แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์” (THE OFFICE at SINGHA COMPLEX) สมาร์ทออฟฟิศแห่งใหม่บนถนนอโศก เพชรบุรี โดดเด่นออกแบบด้วยการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยการใช้ชีวิตทำงาน และส่วนพื้นที่ค้าปลีก ซึ่งเป็นศูนย์รวมร้านค้าและร้านอาหารชื่อดังกว่า 30 ร้าน พร้อมมีพื้นที่สำหรับการพักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่ออกกำลังกายลู่วิ่งจ็อกกิ้งบนดาดฟ้า (Rooftop Jogging Track) และพื้นที่ทำงานแบบ Co-working space ซึ่งอยู่ในส่วนของ “Amphitheatre” เป็นพื้นที่พักผ่อนหย่อนใจที่เปิดให้ผู้มาใช้บริการสามารถทำงานและพักผ่อนได้ตามอัธยาศัย รวมทั้งการบริการระดับมืออาชีพตามมาตรฐานโรงแรมห้าดาว นอกจากนั้นเพื่อรองรับการใช้ชีวิตในยุคดิจิตอล พร้อมเติมเต็มประสบการณ์ด้านการใช้ชีวิตแบบ SMART LIFE มีบริการ Super WIFI ความเร็วสูงถึง 1GB/Sec. ให้บริการฟรี เรียกได้ว่าเชื่อมโยงทุกแง่มุมของการใช้ชีวิตของคนยุคใหม่ได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นแง่มุมการทำงาน การพักผ่อน หรือการพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูง ทั้งนี้ สิงห์ คอมเพล็กซ์ ยังได้รับการออกแบบมาให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและส่งเสริมคุณภาพชีวิตของชุมชน ตามหลักกลยุทธ์ในการพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืนของ สิงห์ เอสเตท ที่ให้ความสำคัญกับศักยภาพของทำเลที่ตั้ง และการสร้างสรรค์งานที่มีคุณภาพ โดยเฉพาะรายละเอียดที่จะสร้างความยั่งยืนให้แก่สิ่งแวดล้อมและชุมชนรอบข้าง นายนริศกล่าว “โครงการ สิงห์ คอมเพล็กซ์ สะท้อนให้เห็นแนวคิดในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน (Sustainable Development) อย่างชัดเจน เริ่มตั้งแต่การเลือกที่จะรักษาต้นไม้ใหญ่ที่มีอยู่ในพื้นที่แต่เดิมไว้เพราะต้นจามจุรีสามต้นนี้เป็นสัญลักษณ์ของอโศก และการออกแบบพื้นที่สีเขียวทั้งภายในและภายนอกอาคารภายใต้แนวคิด Urban Sanctuary นอกจากนี้เรายังให้ความสำคัญเรื่องความสวยงามควบคู่ไปกับการเลือกใช้นวัตกรรมอัจฉริยะ เช่น การออกแบบฟินสีทองที่สร้างความโดดเด่นสวยงามให้ตัวอาคารภายนอก ในขณะเดียวกันได้เลือกติดตั้งกระจก Double Glazed ทั้งอาคารเพื่อช่วยในเรื่องลดความร้อน ป้องกันแสงยูวี กันเสียงจากภายนอก และสามารถนำแสงธรรมชาติมาใช้ในอาคาร รวมถึงการออกแบบที่ได้การรับรองมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) ซึ่งเป็นมาตรฐานอาคารเพื่อสิ่งแวดล้อมระดับสากล” ร่วมสัมผัสประสบการณ์การใช้ชีวิตอันสมบูรณ์แบบที่ สิงห์ คอมเพล็กซ์ โครงการลักชัวรี มิกซ์ ยูส แห่งแรกในย่านอโศก-เพชรบุรี ที่รวบรวมทุกรายละเอียดเพื่อเติมเต็มทุกความต้องการของไลฟ์สไตล์คนยุคใหม่ไว้อย่างลงตัวได้แล้ววันนี้ ติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ Facebook.com/SinghaComplex          
SINGHA COMPLEX พร้อมเปิดให้บริการตุลาคมนี้  เผยยอดจองพื้นที่ออฟฟิศพุ่งแล้วกว่า 75% – รีเทลพุ่งแล้วกว่า 80%

SINGHA COMPLEX พร้อมเปิดให้บริการตุลาคมนี้ เผยยอดจองพื้นที่ออฟฟิศพุ่งแล้วกว่า 75% – รีเทลพุ่งแล้วกว่า 80%

สิงห์ เอสเตท พร้อมเปิดโปรเจกต์แฟล็กชิปโครงการแรกย่านอโศก-เพชรบุรี “สิงห์ คอมเพล็กซ์” (SINGHA COMPLEX) ช่วงเดือนตุลาคมนี้ ปัจจุบันสร้างแล้วเสร็จกว่า 95% โดยส่วนพื้นที่ “ดิ ออฟฟิศ แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์” มียอดผู้เช่าแล้วกว่า 75% ขณะที่ส่วนรีเทลปิดการขายไปแล้วกว่า 80% นายนริศ เชยกลิ่น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สิงห์ เอสเตท จำกัด (มหาชน) บริษัทชั้นนำด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์และการลงทุนทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ (Premier Property Development and Investment Holding Company)กล่าวว่า “สำหรับโปรเจกต์แฟล็กชิป SINGHA COMPLEX ซึ่งเป็นโครงการมิกซ์ ยูส ใจกลางธุรกิจย่านอโศก- เพชรบุรี ขณะนี้งานก่อสร้างคืบหน้าแล้วกว่า 95% และคาดว่าจะเสร็จสมบูรณ์พร้อมเปิดให้เข้าใช้บริการได้ประมาณเดือนตุลาคม พร้อมแผนจัดงานเปิดตัวอย่างเป็นทางการในช่วงปลายปี ด้านการปล่อยเช่าพื้นที่ในส่วนอาคารสำนักงานเกรดเอ “ดิ ออฟฟิศ แอท สิงห์ คอมเพล็กซ์ (The Office at SINGHA COMPLEX)” ปัจจุบันได้มีบริษัทชั้นนำทั้งไทยและต่างชาติสนใจเข้าทำสัญญาเช่าพื้นที่แล้วกว่า 35,000ตารางเมตร หรือคิดเป็น 75% ส่วนพื้นที่รีเทลปัจจุบันได้มีผู้สนใจเช่าพื้นที่แล้วกว่า 80% รวมแล้วกว่า 30 ร้าน ประกอบด้วย ร้านอาหารชั้นนำที่เลือกสรรมาให้มีความหลากหลาย มินิซูเปอร์มาร์เก็ตที่มีความครบครัน เพื่อให้สามารถตอบโจทย์ความชื่นชอบของลูกค้าได้ทุกไลฟ์สไตล์ นอกจากนั้นยังมีไฮไลต์เป็นร้านคาเฟ่และเบเกอรี่ชื่อดังระดับโลกที่มาเปิดตัวในประเทศไทยเป็นครั้งแรกอย่าง กองทาน เชอร์เรียร์ (Gontran Cherrier)รวมถึง คาเฟ่ เดล มาร์ (Café del Mar) บีชคลับชื่อดังระดับโลกที่จะมาเปิดร้านอาหารคอนเซปท์ใหม่ครั้งแรกในกรุงเทพมหานคร โครงการ สิงห์ คอมเพล็กซ์ (SINGHA COMPLEX) เป็นโครงการแบบ Mixed-use Complex ประกอบด้วย อาคารสำนักงานเกรดเอ พื้นที่ค้าปลีก และคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี ที่พัฒนาขึ้นบนพื้นที่ดิน 11ไร่ บริเวณหัวมุมถนนอโศก-เพชรบุรี โดยส่วนพื้นที่อาคารสำนักงานมีความสูง 42 ชั้น และส่วนรีเทลเป็นอาคารสูง 4 ชั้น ขนาดพื้นที่รวม 2 อาคารประมาณ120,000 ตารางเมตร และมีมูลค่าก่อสร้างรวมกว่า4,200 ล้านบาท (ไม่รวมมูลค่าที่ดิน)  
โครงการ Mixed-Use บิ๊กโปรเจคตอบโจทย์คนยุคใหม่

โครงการ Mixed-Use บิ๊กโปรเจคตอบโจทย์คนยุคใหม่

  ราคาที่ดินในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ยิ่งทำเลที่มีการเดินทางสะดวกเข้าถึงง่าย ที่ดินแปลงสวยก็ยิ่งเป็นที่หมายปองของเหล่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการจับจองที่ดินสวยๆ ทำเลเหมาะสมแก่การพัฒนาโครงการต่อไป ซึ่งทุกวันนี้ก็เริ่มหายากมากขึ้นทุกที การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป ในระยะ 6-7 ปีหลังเราจึงได้ยินคำว่าโครงการ Mixed-Use กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น โครงการ Mixed-Use คืออาคารที่ผสมผสานระหว่างที่อยู่อาศัยกับอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ อาคารแบบมิกซ์ยูสจึงเป็นโครงการที่มีทั้งศูนย์การค้า โรงแรม ออฟฟิศ คอนโดมิเนียม รวมอยู่ในโครงการเดียวกัน แล้วแต่ว่าโครงการไหนจะมีการจัดการพื้นที่ในอาคารอย่างไร โดยหากมองในมุมของผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมโครงการมิกซ์ยูสลักษณะนี้จะสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ต้องเดินทางออกไปไหนก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ที่อาคารที่พักอาศัยของตัวเองอย่างครบครัน รวมถึงผู้เข้าพักในส่วนของโรงแรมเองทางโครงการก็สามารถอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น และในมุมมองของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอง มิกซ์ยูสจะขยายโอกาสในการสร้างรายได้ประจำจากสัญญาเช่า, การขายกรรมสิทธิ์ ได้ผลกำไรระยะยาวให้กับ Developer ไม่ใช่เฉพาะการซื้อ-ขาย คอนโดเพียงอย่างเดียว เป็นการสร้างประโยชน์จากที่ดินราคาแพงได้อย่างคุ้มค่า เมื่อใน 1 โครงการ เกิดการใช้ประโยชน์อย่างหลากหลาย พื้นที่ใช้สอยก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย กลายเป็นบิ๊กโปรเจคทุ่มทุนสร้างจากหลากหลายค่ายที่ต่างก็จับจองทำเลที่ดีที่สุดสร้างอาณาจักรขึ้นมา ซึ่งคาดว่าภายในอีก 2-3 ปีนับจากนี้ เราก็จะเริ่มได้เห็นโครงการลักษณะนี้เสร็จสมบูรณ์ไปทีละโครงการ เช่น โรงแรมดุสิตธานี และ CPN ร่วมกันพัฒนาพื้นที่ของโรงแรมดุสิตาธานี บริเวณหัวมุมสี่แยกศาลาแดง หลังจากได้ต่อสัญญาเช่าระยาวอีก 60 ปี จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้เป็นโครงการที่มีทั้งโรงแรมดุสิตธานี, อาคารสำนักงาน, ที่พักอาศัย, และพื้นที่ค้าปลีก มูลค่าโครงการ 36,000 ล้านบาท แอมไชน่าทาวน์ โครงการสไตล์โมเดิร์น ไชนีส บนถนนเจริญกรุง โครงการนี้แบ่งออกเป็น 2 อาคาร ประกอบไปด้วยศูนย์การค้า ที่มีทั้งอาหารสตรีทฟู้ดแบบเยาวราช, ร้านอาหารชื่อดัง, สินค้าแฟชั่น, อัญมณี รวมถึงเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ส่วนอาคารที่ 2 จะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น แบบสัญญาเช่า 30 ปี มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท SINGHA COMPLEX ตั้งอยู่บนที่ดินเดิมของสถานทูตญี่ปุ่น ถนนอโศก-เพรชบุรีตัดใหม่ เป็น 2 อาคาร แบ่งเป็นพื้นที่สำนักงานเกรดเอ, พื้นที่ค้าปลีก, คอนโดระดับลักชัวรี่ มูลค่าโครงการไม่รวมที่ดินกว่า 4,000 ล้านบาท Whizdom 101 โครงการอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีปุณณวิถี มากับคอนเซ็ป The great good place มีทั้งสโมสรกีฬาและสุขภาพ, สำนักงาน co-working space, และที่พักอาศัยอีก 3 อาคาร งบประมาณการลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท ICONSIAM อีกหนึ่งโครงการชื่อดังที่หลายคนรอคอย บนถนนเจริญนคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบไปด้วยศูนย์การค้า, คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่, พิพิธภัณฑ์ศูนย์รวมมรดกทางประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาไทย, ภัตาคารหรูจากทั่วโลก, ศูนย์ประชุม ฯลฯ งบประมาณการลงทุนประมาณ 50,000 ล้านบาท One Bangkok อีกโครงการระดับบิ๊กพื้นที่ 104 ไร่ ตรงหัวมุมสี่แยกวิทยุ ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงาน 5 อาคาร, โรงแรมระดับลักชัวรี่ 5 แห่ง, ที่พักอาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี่ 3 อาคาร, พื้นที่ค้าปลีก, พื้นที่ทำกิจกรรม แสดงศิลปวัฒนธรรมต่างๆ มูลค่าการลงทุนสูงถึง 120,000 ล้านบาท The Super Tower หลายคนรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี เพราะหากสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อไรก็จะกลายเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทยถึง 615 เมตร ประกอบไปด้วยสำนักงาน ระดับพรีเมี่ยม, โรงแรมระดับ 6 ดาว, ศูนย์ประชุม, ภัตตาคารลอยฟ้า ตั้งอยู่ในย่าน New CBD อย่างพระราม 9 มูลค่าการลงทุนประมาณ 18,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าโครงการ Mixed-Use นั้นสร้างประโยชน์มหาศาลได้รอบด้านให้กับทั้งเจ้าของโครงการ ผู้อาศัย ผู้ใช้บริการภายในอาคาร และยังเป็นการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุดในยุคที่ราคาที่ดินพุ่งสูงจนน่าตกใจ ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่เพียงโครงการเดียว เป็น All In One อย่างมีประสิทธิภาพ