Tag : THE CREST

2 ผลลัพธ์
SC ชูทิศทาง 5 ปี “NEXT is NOW” ปี 62 รุกเปิด 13 โครงการใหม่

SC ชูทิศทาง 5 ปี “NEXT is NOW” ปี 62 รุกเปิด 13 โครงการใหม่

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ชูทิศทาง 5 ปี 2562-2566 “NEXT is NOW” ทำอนาคตให้เกิดขึ้นจริง สร้าง living solutions ให้จับต้องได้ เพื่อส่งมอบสู่ผู้อยู่อาศัย หลังประกาศวิชั่นอนาคตก้าวสู่การเป็น living solutions provider ในปี 61 ที่ผ่านมา โดยขับเคลื่อน SC ผ่าน 3 เป้าหมายหลัก (objectives ) คือ   1. “SC ASSET Profit Growth” กำไรดี หนี้ลด มุ่งสร้างการเติบโตของกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง ตั้งเป้าหมายกำไรสุทธิ 2,000 ล้านบาท ในปี 62สู่ 3,000 ล้านบาท ในปี 66   2. “SC ASSET is Quality” เติบโตโดยรักษาระดับมาตรฐานคุณภาพสูง SC Family จะเติบโตจาก 20,000 ครอบครัว ปี 62 เป็น 35,000ครอบครัว ปี 66 คุณภาพเป็น top priority ในการขับเคลื่อนบริษัท   3. “SC ASSET as Living Solutions Provider” รู้ใจผู้อยู่อาศัย ประสานนวัตกรรมสู่ที่อยู่อาศัยและบริการ    ทำ living solutions ให้เกิดขึ้นจริง ส่งมอบสู่ผู้อยู่อาศัยอย่างจับต้องได้   หัวใจสำคัญของความสำเร็จขององค์กร คือ บุคลากรองค์กร และสิ่งที่ขับเคลื่อนบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ คือ วัฒนธรรมองค์กร ต้นปี 62 SC ได้ประกาศวัฒนธรรมองค์กรใหม่ที่มีชื่อว่า #SKYDIVE สู่การเป็น living solutions provider โดยมีค่านิยม (core values) 4 อย่างคือ care, courage, collaboration, continuous improvement     สำหรับปี 2562 นายณัฐพงศ์  กล่าวว่า “SC ตั้งเป้ารายได้ 19,000 ล้านบาท เติบโต 22% แบ่งสัดส่วนแนวราบ-แนวสูง-เพื่อเช่า ในสัดส่วน 60-35-5 พร้อมกับเป้ายอดขาย 22,000 ล้านบาท เติบโต 46%  โดยการเติบโตของรายได้และยอดขาย มาจากโครงการเปิดขายทั้งหมดรวม 59 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 62,700 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการต่อเนื่อง 46 โครงการ มูลค่ารวม 40,000 ล้านบาท พร้อมรุกเปิดอีก 13 โครงการใหม่ มูลค่า 22,700 ล้านบาท ได้แก่ แนวราบ 9 โครงการใหม่ มูลค่า 6,500 ล้านบาท มีทั้งโครงการบ้านและทาวน์โฮมซีรีย์ใหม่ในทุกระดับราคา แบ่งเป็นกลุ่มระดับราคาน้อยกว่า 8 ล้านบาท  ประมาณ 71% กับ กลุ่มระดับราคามากกว่า 8  ล้านบาท  ประมาณ 29%   โดยข้อมูลจาก Area (Agency Real Estate Affairs) สรุปเมื่อปี 2561 ชี้ว่า บ้านเดี่ยวจาก SC ในกลุ่มบ้านราคามากกว่า 8 ล้านบาทขึ้นไป  ครองอันดับ 1 มี Market Share ถึง 14% ส่วนบ้านระดับราคา น้อยกว่า 5 ล้านบาท   เติบโตจาก Top 10 มาอยู่อันดับ 4 ด้วย Market Share 6%   พร้อมกับแนวสูง 4 โครงการใหม่  มูลค่า 16,200 ล้านบาท  แบ่งเป็น SC พัฒนา 2 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ The Crest  (เดอะเครสท์)  ได้แก่   1. โครงการ The Crest Park Residences ขนาดพื้นที่ประมาณ 2 ไร่ มูลค่า 3,500 ล้านบาท บนที่ดิน Prime ที่สุดของห้าแยกลาดพร้าว เพียง 75 เมตร ถึง MRT พหลโยธิน ใกล้กับศูนย์การค้า ชั้นนำอย่างเซ็นทรัล ลาดพร้าว ใกล้สวนจตุจักร และสวนรถไฟ ทำให้ได้วิวสวนพื้นที่กว่า 700 ไร่ โดยพัฒนาภายใต้บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด (SC NNR1 Co.,Ltd.) บริษัทร่วมทุนระหว่าง SC กับ Nishitetsu Group ยักษ์ใหญ่และผู้นำในภูมิภาคคิวชูของประเทศญี่ปุ่น   2. โครงการ The Crest Asoke Residences บนพื้นที่กว่า 1 ไร่ 2 งาน มูลค่า 2,500 ล้านบาท ทำเลสุขุมวิท 23 เพียง 450 เมตรถึง MRT สุขุมวิท และ BTS สถานีอโศก ย่านใจกลางธุรกิจที่ผสมผสานความสะดวกสบาย และความเงียบสงบเป็นส่วนตัว อีกทั้งเป็นจุดเชื่อมต่อพื้นที่ lifestyle ใกล้แหล่งท่องเที่ยวและชอปปิ้ง ในย่านทองหล่อ พร้อมพงษ์ และอโศกและ พัฒนาโดยบริษัท สโคป จำกัด  อีก 2 คอนโดฯ ระดับ Super Luxury  มูลค่า 10,200 ล้านบาท ทำเลหลังสวน ศูนย์รวมธุรกิจใจกลางเมือง และทำเลติด  BTS สถานีทองหล่อ   บางส่วนของ living solutions ที่ทั้งเกิดขึ้นจริงแล้ว และ กำลังจะเกิดขึ้นจริงในครึ่งปีแรก ปี 62 ดังนี้   - “Baan Rue Jai application” พร้อมให้ผู้อยู่อาศัยในโครงการโดย SC ทั้งหมดกว่า 20,000 ครอบครัวดาวน์โหลดได้แล้ววันนี้ มี feature เบื้องต้นคือ สื่อสารกับเจ้าหน้าที่ SC, แจ้งซ่อม, และตรวจสอบคุณภาพอากาศ (AQI) บริเวณใกล้เคียงที่อยู่อาศัย และ SC จะเพิ่ม feature ใหม่ๆอีก 6-7 อย่าง ภายในครึ่งปีแรกนี้   - “Rue Jai Subscription” ช่วยเรื่องบ้าน จัดการเรื่องชีวิต  เป็น feature ล่าสุด ช่วยอำนวยความสะดวกรายเดือน พร้อมให้บริการบน application ครั้งแรก 7 มี.ค. 62 นี้ โดยเสนอแพคเกจรายเดือนเริ่มต้น เดือนละ 1,990 บาท ครอบคลุมบริการดูแลที่อยู่อาศัย เช่น ดูแลสวน, ซัก อบ รีด, ทำความสะอาดบ้าน รวมไปถึงบริการอื่นๆ ในอนาคต ที่ไม่ได้จำกัดแค่เรื่องที่อยู่อาศัยเท่านั้น   - “Mr. Holmes” หุ่นยนต์ตรวจการอัจฉริยะสัญชาติสิงคโปร์ตัวแรกในประเทศไทย ทำหน้าที่ดูแลความปลอดภัยรอบโครงการ The Neighbourhood บางกระดี เป็นก้าวแรกของการใช้หุ่นยนต์ทำงานร่วมกับ รปภ.ที่เป็นมนุษย์   - “Project Agora” เป็นโครงการความร่วมมือระหว่าง SC X IDEO Tokyo บริษัท ออกแบบโซลูชั่นระดับโลก ผู้นำแนวคิด human-centered design และใช้ design thinking มาสร้างงานออกแบบพื้นที่ “Third Space” ซึ่งเป็นพื้นที่ส่วนกลางแนวคิดใหม่ในโครงการของ SC ในแบบที่ไม่เคยมีบริษัท ไหนทำมาก่อน   - “Project Computational” เป็นการทดลองนวัตกรรมการออกแบบผังโครงการครั้งแรกของวงการอสังหาฯไทย ร่วมกันระหว่าง SC X Fire One One โดยให้คอมพิวเตอร์เรียนรู้การออกแบบผังโครงการ เพื่อเป็นก้าวแรกสำหรับสร้าง AI ที่จะออกแบบผังโครงการให้ SC ในอนาคต และก้าวต่อไปจะเป็นการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์นักออกแบบและ AI นักออกแบบ   ทั้งนี้ในปี 2561 SC มีผลการดำเนินงานที่ดีเติบโตทั้งรายได้และกำไร โดยมีรายได้จากการดำเนินงาน 15,616 ล้านบาท เติบโต 25% กำไรสุทธิ1,782 ล้านบาท เติบโต 42% พร้อมมียอดขาย 15,022 ล้านบาท นอกจากนี้ในที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทฯ ได้มีมติเห็นชอบนำเสนอจ่ายเงินปันผลประจำปี 2561 ในอัตรา 0.16 บาทต่อหุ้น ในวันที่ 23 พฤษภาคม 2562 โดยจะนำเสนอขออนุมัติที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นวันที่ 25 เมษายนนี้ ต่อไป      
SC โชว์ครึ่งปีแรกเติบโต 44 % ครึ่งปีหลังรุกเปิด 15 โครงการใหม่ กว่า 15,000 ลบ.พร้อมมุ่ง re-invent สู่การเป็น Living Solutions Provider

SC โชว์ครึ่งปีแรกเติบโต 44 % ครึ่งปีหลังรุกเปิด 15 โครงการใหม่ กว่า 15,000 ลบ.พร้อมมุ่ง re-invent สู่การเป็น Living Solutions Provider

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำ สรุปผลการดำเนินงานที่ดีที่ผ่านมาว่า “ ในช่วงครึ่งปีแรก SC เติบโตทั้งรายได้และกำไรสุทธิ สรุปดังนี้ 1. มีรายได้รวม 6,652 ล้านบาท เติบโต 44% (yoy) โดยรายได้หลักมาจากโครงการเพื่อขาย 6,223 ล้านบาท คิดเป็น 94% ของรายได้รวม ประกอบด้วย 1.1 รายได้จากการขายแนวราบ 4,522 ล้านบาท เติบโต 49% (yoy) ทั้งนี้เมื่อเทียบกับกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา การเติบโตของแนวราบมีความโดดเด่นใน 3 กลุ่ม ได้แก่ • บ้านหรูราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป เติบโต 67% • บ้านราคา 8-20 ล้านบาท เติบโต 512% • ขณะที่ราคาน้อยกว่า 5 ล้านบาท เติบโต 132% 1.2 และเป็นรายได้จากการขายคอนโดฯ 1,701 ล้านบาท เติบโต 49% (yoy) เช่นกัน ส่วนใหญ่มาจากการโอนโครงการ SALADAENG ONE (ศาลาแดง วัน) 1,119 ล้านบาท และที่เหลือ 582 ล้านบาท มาจากคอนโดฯ สร้างเสร็จพร้อมอยู่จากโครงการ CHAMBERS (แชมเบอร์ส), CENTRIC (เซ็นทริค) และ THE CREST (เดอะเครสท์)     2. สำหรับกำไรสุทธิ 704 ล้านบาท เติบโต 107% (yoy) ด้วย 2 สาเหตุหลัก คือ 2.1 มีรายได้เติบโตทั้งแนวราบและแนวสูง โดยเริ่มโอนคอนโดฯ SALADAENG ONE (ศาลาแดง วัน) ในไตรมาส 2     2.2 การบริหารค่าใช้จ่ายมีประสิทธิภาพดีขึ้น ทั้งด้านการตลาด ด้วยรายได้ที่เติบโต 49% แต่มีค่าใช้จ่ายการตลาดลดลง 13% โดยได้มีการทำ JBP (Joint Business Partner) กับ Google และใช้การตลาดออนไลน์สูงกว่าปีที่ผ่านมาเกือบ 100% พร้อมกับค่าใช้จ่ายในการบริหารโครงการแนวราบเฉลี่ยลดลง 15%     สำหรับยอดขายรวมครึ่งปีแรกเท่ากับ 7,235 ล้านบาท โดยมาจากแนวราบและแนวสูงในสัดส่วน 70% และ 30%โดย ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 บริษัทและบริษัทย่อยมีสินทรัพย์รวมและหนี้สินรวมเท่ากับ 41,711 ล้านบาท และ 26,583 ล้านบาทตามลำดับ     ในครึ่งปีหลัง SC จะมีโครงการเปิดขายรวมทั้งสิ้น 51 โครงการ มูลค่ารวม 47,000 ล้านบาท แบ่งเป็น 15 โครงการใหม่ มูลค่า 15,000 ล้านบาท และโครงการต่อเนื่อง 36 โครงการ มูลค่า 32,000 ล้านบาท ขณะที่ยอดขาย รอโอนหรือ Backlog เท่ากับ 10,730 ล้านบาท โดย 45% จะรับรู้รายได้ในปี 2561 ทำให้มั่นใจว่า SC จะทำได้ตามเป้ายอดขายและรายได้ของปีนี้ที่ 17,000 ล้านบาท ”     โดยแผนเปิด 15 โครงการใหม่ แบ่งเป็น คอนโดฯ 1 โครงการ คือ แชมเบอร์ส อ่อนนุช สเตชั่น มูลค่าโครงการ 1,700 ล้านบาท ราคา 3-5 ล้านบาท พร้อมกับโครงการแนวราบทุกระดับราคา จำนวน 14 โครงการ มูลค่ารวม 13,300 ล้านบาท ดังนี้ บ้านราคา 3-60 ล้านบาท จำนวน 10 โครงการ ได้แก่ 1. เดอะ เจนทริ เอกมัย-ลาดพร้าว 2. แกรนด์ บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา-เสรีไทย 3. บางกอก บูเลอวาร์ด ศรีนครินทร์-บางนา 4. บางกอก บูเลอวาร์ด พระราม 9-2 5. บางกอก บูเลอวาร์ด รามอินทรา-เสรีไทย 6. เวนิว ติวานนท์-รังสิต 7. เวนิว เวสต์เกต 8. เวนิว พระราม 9 9. เพฟ ปิ่นเกล้า-ศาลายา 10. เพฟ มอเตอร์เวย์-ฉะเชิงเทรา ทาวน์โฮม 2 โครงการ และ โฮมออฟฟิศ 1 โครงการ ราคา 2-10 ล้านบาท ได้แก่ 11. เวิร์ฟ ติวานนท์-รังสิต 12. เวิร์ฟ พระราม 9 13. เวิร์คเพลส เพชรเกษม 81-2 พร้อมกับแบรนด์ใหม่ชื่อ “V Compound” เป็นบ้านและทาวน์โฮม ราคา 3-7 ล้านบาท 14. โครงการวี คอมพาวด์ ราชพฤกษ์-ปิ่นเกล้า     ด้วยกลยุทธ์ Re-invention 2020 ที่มุ่งสู่การเป็น Living Solutions Provider มีความคืบหน้าไปแล้วตามแผน ดังนี้ 1. ร่วมพัฒนา Baan Rue Jai Application กับบริษัท ไฟร์ วัน วัน จำกัด เพื่อสร้างประสบการณ์การสื่อสารที่ใกล้ชิดระหว่าง SC และ ชาว SC Family พร้อมให้ดาวน์โหลดทั้งระบบ iOS และ Android ไตรมาส 4 นี้ โดย 2 feature สำคัญเป็นการแจ้งซ่อม และ One-on-One Conversation ที่ชาว SC Family สามารถติดต่อ SC และติดตามสถานะงานซ่อมได้ทุกที่ตลอด 24 ชม. และหลังจากนี้จะมี feature ใหม่ๆ เพิ่มเข้ามาทุก ๆ ไตรมาส ผ่านวิธีคิดอย่างเข้าใจและรู้ใจผู้ใช้ (human-centric) 2. มีการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจหลากหลายใน ecosystem นำร่องโดยการจัดสรรพื้นที่จำนวน 6 ไร่ บริเวณด้านหน้าของที่ดินบางกะดี จ.ปทุมธานี ขนาด 240 ไร่ เพื่อพัฒนาพื้นที่สาธารณะให้เกิดประโยชน์สูงสุดแก่ผู้อยู่อาศัยและชุมชนในย่าน 3. เริ่มปรับปรุงพื้นที่กว่า 1,500 ตร.ม. บริเวณชั้น 14 ณ อาคารชินวัตร 3 สำนักงานใหญ่ เป็น co-working space เพื่อส่งเสริมการทำงาน (co-creation) ร่วมกับ Startup หรือกลุ่มพันธมิตรธุรกิจต่างๆ พร้อมเปิดใช้ไตรมาส 2/2562 4. ร่วมกับบริษัทที่ปรึกษาชั้นนำ Slingshot Group ปรับวัฒนธรรมองค์กร เพื่อรองรับการเติบโตในบริบทใหม่ สำหรับทุกคนในองค์กร และ คนรุ่นใหม่ที่จะเข้าร่วมงานกับ SC ในอนาคต     นายณัฐพงศ์กล่าวสรุปว่า “ บริบทใหม่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของ landscape ในการทำธุรกิจ SC จะเติบโตต่อไปอย่างยั่งยืน โดยเป็น Living Solutions Provider ผสานนวัตกรรมเข้ากับที่อยู่อาศัย เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในปัจจุบันและอนาคต เราพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ เรียนรู้พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงอยู่เสมอของมนุษย์ผู้อยู่อาศัย แต่ 2 สิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลง คือ คุณภาพสูง และ ความจริงใจจาก SC ”