Tag : the prime rama 9-ramkhamhaeng 21

2 ผลลัพธ์
เดอะไพร์ม พระราม 9-รามคำแหง 21 โฮมออฟฟิศสไตล์โมเดิร์น ที่ลงตัวทั้งธุรกิจและการอยู่อาศัย : รีวิวทาวน์โฮม

เดอะไพร์ม พระราม 9-รามคำแหง 21 โฮมออฟฟิศสไตล์โมเดิร์น ที่ลงตัวทั้งธุรกิจและการอยู่อาศัย : รีวิวทาวน์โฮม

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูโครงการ “เดอะไพร์ม พระราม 9 – รามคำแหง” หนึ่งในทำเลศักยภาพที่แวดล้อมไปด้วยสังคมเมืองเพียบพร้อมด้วยความสะดวกสบายและน่าลงทุนในขณะนี้ ซึ่งเป็นโครงการของ บริษัท เดอะไพร์ม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นที่อยู่อาศัยกึ่งบ้านกึ่งสำนักงาน หรือที่เรียกกันว่า Home Office นั่นเองค่ะ พื้นที่ของโครงการแบ่งออกเป็นอาคารพาณิชย์ 3 ชั้นพร้อมชั้นลอย และโฮมออฟฟิศ 3 ชั้น ดีไซน์ในสไตล์โมเดิร์นสะท้อนความเป็นตัวตนของคนรุ่นใหม่ให้สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจและชีวิตส่วนตัวไปพร้อมๆ กัน แต่รายละเอียดจะมีอะไรบ้าง ตามไปดูกันเลยค่ะ     เริ่มต้นจากรายละเอียดโครงการ “เดอะไพร์มพระราม 9 – รามคำแหง” กันก่อนเลย ราคาเริ่มต้น : 3.45 ล้านบาท เจ้าของโครงการ : บริษัท เดอะไพร์ม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ลักษณะโครงการ : อาคารพาณิชย์ 3 ชั้นพร้อมชั้นลอย และโฮมออฟฟิศ 3 ชั้น จำนวนทั้งหมด : 67 ยูนิต เนื้อที่ทั้งหมด : 4-2-84 ไร่ รูปกรรมสิทธิ : สิทธิการเช่าที่ดินพร้อมอาคารระยะยาว 30 ปี เจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน : กรมพุทธศาสนา ที่ตั้งโครงการ : ถนน นวศรี (ซอยรามคำแหง 21) แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ โครงการ เดอะไพร์ม พระราม 9 – รามคำแหง 21 เป็นโครงการที่ให้กรรมสิทธิ์ในรูปแบบ การเซ้ง หรือ การเช่าที่ดินระยะยาว  นะคะ โดยมีระยะเวลาเซ้งตามสัญญาอยู่ที่ 30 ปี ส่วนใครที่ยังสงสัยว่า การเซ้ง หรือ การเช่าที่ดินระยะยาว คืออะไร สามารถคลิกอ่านได้ที่ลิงค์นี้ค่ะ https://goo.gl/NgLZug   ศักยภาพของที่ตั้งโครงการ   แน่นอนค่ะว่าปัจจุบันย่าน “พระราม 9 – รามคำแหง” เป็นทำเลทองที่ความเจริญต่างๆ ขยายตัวมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งในเรื่องของการเดินทาง การกินอยู่ รวมถึงศักยภาพของทำเลกลางเมืองที่พร้อมรองรับการทำธุรกิจหรือเปิดกิจการมากขึ้นเรื่อยๆ  สำหรับการเดินทางมายังโครงการ “เดอะไพร์ม พระราม 9 – รามคำแหง 21” ก็สามารถเลือกได้หลายเส้นทางค่ะ เพราะถนนนวศรี (ซอยรามคำแหง 21) ที่ตั้งโครงการนั้นเชื่อมโยงเข้ากับถนนศรีวราและถนนประดิษฐ์มนูธรรม (เลียบด่วน) ต่อติดทุกเส้นทางใจกลางเมืองรวดเร็วทันใจด้วยด่านทางด่วน (รามอินทรา-อาจณรงค์) ซึ่งทางด่วนสายนี้สามารถเชื่อมต่อเข้ากับมอเตอร์เวย์ได้อีกด้วยค่ะ สำหรับคนที่ไม่มีรถส่วนตัวนั้นสามารถเดินทางมายัง โครงการ เดอะไพร์ม พระราม 9 – รามคำแหง 21 ได้โดยรถไฟฟ้า Airport Rail Link (ห่างจากสถานีรามคำแหง 2 กิโลเมตร) เรือแสนแสบ ท่าเรือเดอะมอลล์ 3 (ห่างจากท่าเรือเพียง 320 เมตร) หรือรถประจำทางก็มีให้เลือกมากกว่า 10 สาย อาทิ สาย 171, 204, 168, 520, 95, 126 ทั้งนี้ในอนาคตการเดินทางมายังโครงการก็จะยิ่งสะดวกมากขึ้นค่ะ เพราะอยู่ไม่ไกลจากรถไฟฟ้าสายสีส้ม (หน้า The Mall รามคำแหง) และสายสีเทา (โครงการในอนาคตเร็วๆ นี้)  ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางได้มากขึ้นไปอีกค่ะ ส่วนบริเวณรอบโครงการก็แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า, สถานศึกษาหลายระดับชั้น, สถานพยาบาล, ศูนย์ราชการใกล้เคียง และสถานที่ออกกำลังกาย ซึ่งอยู่ในระยะที่เดินทางได้สะดวกทีเดียวค่ะ   พาชมโครงการ เดอะไพร์ม พระราม 9 – รามคำแหง 21   ปัจจุบันโครงการ “เดอะไพร์ม พระราม 9 – รามคำแหง 21” สร้างเสร็จพร้อมขายเกินครึ่งและมีลูกบ้านเริ่มย้ายเข้ามาอยู่แล้วนะคะ แต่ก็มีลูกบ้านบางส่วนที่รอตกแต่ง ต่อเติม โดยทางโครงการมีอาคารให้เลือกถึง 4 แบบด้วยกันคือ อาคารพาณิชย์ 3 ชั้น พร้อมชั้นลอย พื้นที่ใช้สอย 135 และ 140 ตร.ม. กับ Home Office 3 ชั้น ในพื้นที่ใช้สอย 127.50 - 150 ตรม. และ 300 ตารางเมตร ซึ่งโซนด้านหน้าโครงการจะเป็นพื้นที่ของตึกแถวอาคารพาณิชย์ ส่วนด้านในจะเป็น Home Office นั่นเองค่ะ ทั้งนี้ตลอดแนวถนนในซอยรามคำแหง 21 ส่วนใหญ่จะเป็นอาคารพาณิชย์ มีร้านค้า ร้านอาหารและร้านสะดวกซื้อที่เช่าที่ดินระยะยาวอยู่มากมายค่ะ เพราะเป็นย่านที่อยู่อาศัยเก่าควบคู่กับการทำธุรกิจ ถนนภายในโครงการกว้าง 9.45 เมตร สำหรับแบบบ้านที่เราจะพาไปดูวันนี้ คือ อาคารพาณิชย์  3 ชั้น พร้อมชั้นลอย พื้นที่ใช้สอย 135 ตร.ม. และ Home Office 3 ชั้น พื้นที่ใช้สอย 127.50-150 ตรม. ค่ะ Shop House ดีไซน์ทันสมัย เรามาเริ่มที่อาคารพาณิชย์ด้านหน้าโครงการ “เดอะไพร์ม พระราม 9 – รามคำแหง 21”  กันก่อนเลยดีกว่าค่ะ หน้าบ้านกว้าง 4.25 เมตร ลึก 9 เมตร รูปร่างหน้าตาภายนอกอาคารดีไซน์ในรูปแบบ  Modern Tropical แต่ยังผสมผสานการออกแบบที่ใช้เส้นสายเรียบง่ายผสมความเป็นธรรมชาติ ตกแต่งด้านหน้าด้วยระแนงเหล็ก บางช่วงเจาะช่องสี่เหลี่ยมเพื่อเพิ่มความโปร่งแสงและลดทอนความแข็งของวัสดุ เน้นการใช้กระจกบานใหญ่ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวันนั่นเองค่ะ สำหรับการตกแต่งลูกบ้านสามารถเลือกจัดฟังก์ชั่นได้ตามใจชอบค่ะ เพราะโครงการได้เตรียมพื้นที่อย่างกว้างขวางไว้ให้แล้ว แบบบ้าน Shop House แบบบ้าน Shop House จะอยู่ติดถนนในซอยเลยนะค่ะ เหมาะกับการทำเป็นร้านค้าหรือร้านอาหารตามชื่อของแบบบ้านเลยค่ะ แปลนของชั้น 1 โครงการวางแบบแปลนมาให้ดูเป็นร้านอาหารมีโต๊ะสำหรับลูกค้าและเคาน์เตอร์ของร้านอยู่ด้านใน บริเวณชั้น 1 จะเป็นพื้นที่สำหรับค้าขาย วางสินค้าโชว์หรือเป็นพื้นที่สำหรับต้อนรับลูกค้า เพดานจะสูงพอสมควรนะคะ เพราะ Type นี้จะมีชั้นลอยให้ด้วย ช่วยให้บริเวณชั้น 1 ดูโล่งโปร่งดีค่ะ แปลนของชั้นลอย พื้นที่บริเวณชั้นลอยเราสามารถเลือกใช้งานได้ตามใจชอบเลยนะค่ะ ขั้นมาที่ชั้น 2 ในแปลนโครงการจะตกแต่งเป็นส่วนของที่พักอาศัย พื้นที่บนชั้น 2 กว้างขวางดีนะคะ เราจะตกแต่งเป็นส่วนของที่พักอาศัยอย่าง Living Area เหมือนในแปลนโครงการก็ได้ หรือว่าจะเพิ่มพื้นที่ค้าขายขึ้นมาบนชั้น 2 ก็ได้นะคะ ส่วนพื้นที่ 3 จะเป็นห้อง Master Bedroom ขนาดใหญ่ พื้นที่บนชั้น 3 ตามแปลนโครงการตกแต่งเป็นห้องนอน อยู่ติดกับระเบียงขนาดใหญ่ ให้ความรู้สึกเหมือนห้อง Penthouse เลยค่ะ Home Office ดีไซน์ใหม่ ลงตัวทั้งชีวิตและธุรกิจ ในส่วนของ Home Office ที่เราพามาชมครั้งนี้ จะมีพื้นที่ใช้สอย 150 ตรม. แบ่งเป็น 3 ชั้น Type นี้ หน้าบ้านจะกว้าง 5 เมตร มีพื้นที่จอดรถได้ 2 คัน รูปร่างหน้าตาอาคารภายนอกถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์น เน้นสีเทาและสีขาว เพิ่มลูกเล่นให้น่าสนใจมากขึ้นโดยปรับระดับสีให้มีความเข้มอ่อนไม่เท่ากันทำให้ภาพรวมของอาคารดูทันสมัย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังจัดสรรพื้นที่ฟังก์ชั่นใช้งานในบ้านให้ลงตัวทั้งการทำงานและการใช้ชีวิตส่วนตัว โดยชั้น 3 ออกแบบให้เป็นที่พักอาศัยแบบ Exclusive Penthouse Master Bedroom ให้ความรู้สึกส่วนตัวเหมือนอยู่ Penthhouse หรูบนคอนโดฯ เลยค่ะ แบบบ้าน Home Office พื้นที่หน้าบ้านกว้างประมาณ 5 เมตร สามารถจอดรถได้ 2 คัน ประตูทางเข้าบ้านจะเป็นประตูกระจกบานเลื่อน 2 ตอน แปลนบ้านทั้ง 3 ชั้น ก่อนอื่นเรามาดูภาพ Perspective ของโครงการที่ตกแต่งมาให้ดูกันก่อนะคะ เริ่มจากชั้น 1 ที่เป็นเหมือน Lobby ของบริษัท มีพื้นที่รับรองและเคาน์เตอร์ Reception ขึ้นมาด้านบนอาจจะเป็นห้องของผู้บริหาร พร้อมพื้นที่รับรองแขก และมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะทำงานของพนักงานในบริษัท บนชั้น 3 จะเป็นพื้นที่สำหรับห้องนอนขนาดใหญ่ พื้นที่ขนาดใหญ่ที่ชั้น 1 เหมาะสำหรับเป็น Lobby ต้อนรับแขกของบริษัท ใต้บันไดจะมีห้องเก็บของเล็กๆ ซ่อนอยู่ ที่ชั้น 1 จะมีห้องน้ำให้ 1 ห้องนะคะ แต่ไม่มีพื้นที่อาบน้ำ เข้ามาด้านในสุดจะเป็นพื้นที่หลังบ้าน คราวนี้เราขึ้นไปดูบนชั้น 2 กันต่อดีกว่านะคะ ขึ้นมาที่ชั้น 2 จะเจอห้องน้ำก่อนเลยนะคะ ก่อนที่จะแยกออกเป็น 2 ห้อง ห้องน้ำที่ชั้น 2 จะมีพื้นที่สำหรับอาบน้ำด้วยนะคะ ห้องแรกเหมาะจะทำเป็นห้องนอนเหมือนในแปลนของโครงการเลยนะคะ ด้วยขนาดที่กว้างขวาง และมีระเบียงขนาดใหญ่ หรือจะตกแต่งเป็นห้องทำงานของผู้บริหารก็ได้อีกแบบ ระเบียงขนาดใหญ่เป็นประตูบานเลื่อน 2 ตอน กว้างเต็มพื้นที่ห้องเลยค่ะ อีกห้องจะอยู่ฝั่งตรงข้ามกัน ด้วยขนาดพื้นที่ใกล้เคียงกัน ในแปลนโครงการทำเป็นห้องทำงานของพรักงาน ขึ้นมาที่ชั้น 3 จะเป็นพื้นที่สำหรับห้องนอน Master Bedroom บนชั้น 3 จะเป็นพื้นที่ของห้องนอนทั้งหมดเลยนะคะ สามารถเลือกตกแต่งกันได้ตามใจชอบเลย ระเบียงจะได้ขนาดใหญ่เหมือนชั้น 2 โครงการแบ่งพื้นที่สำหรับทำห้องแต่งตัวแบบ Walk-in Closet ไว้ให้เรียบร้อย พื้นที่วางตู้เสื้อผ้าบริเวณ Walk-in Closet ค่อนข้างใหญ่เลยนะคะ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ในบริเวณเดียวกัน พร้อมพื้นที่อาบน้ำขนาดใหญ่ พื้นที่หน้าบ้านของแต่ละ Type ทุกยูนิตจะมีหน้ากว้างและพื้นที่ใช้สอยไม่เท่ากันนะคะ แต่การแบ่งฟังก์ชั่นห้องและการออกแบบอาคารด้านนอกจะเป็นสไตล์เดียวกันทั้งหมด อันนี้ก็แล้วแต่ความต้องการของลูกค้าเลยค่ะว่าชอบแบบไหน บ้านหลังไหนใช้พื้นที่คุ้มค่ามากกว่ากัน นอกจากเรื่องของขนาดพื้นที่ใช้สอยแล้ว ถ้าลูกค้าคนไหนตั้งใจจะเปิดร้านทำการค้า ทำกิจการส่วนตัว เราแนะนำให้เลือกซื้ออาคารพาณิชย์ด้านหน้าโครงการค่ะ เพราะที่ดินจะอยู่ติดถนนนวศรี (ซอยรามคำแหง 21) ทำให้มีโอกาสค้าขายได้ดีขึ้นค่ะ   โครงการ “เดอะไพร์ม พระราม 9 – รามคำแหง 21” นับว่าเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจนะคะ เพราะราคาไม่สูงมากถ้าเทียบกับโครงการอื่นในทำเลใกล้ๆ กัน แม้จะมีข้อจำกัดในเรื่องของ ‘การเซ้ง’ หรือ สิทธิการเช่าที่ดินในระยะยาว 30 ปี อยู่บ้างแต่ไม่ต้องกังวลใจไปค่ะ เพราะเมื่อหมดสัญญาเราก็สามารถต่อสัญญาได้อีก และเจ้าของที่ดินไม่สามารถขอเรียกคืนก่อนหมดสัญญาเช่าได้ค่ะ ใครที่กำลังมองหาบ้านสักหลังไว้ประกอบธุรกิจ อาคารพาณิชย์และ Home Office โครงการนี้น่าจะตอบโจทย์ได้ดีนะคะ แถมราคาก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล ยิ่งถ้าคุ้นชินกับทำเลทองย่านนี้อยู่แล้วก็น่าจะเห็นถึงศักยภาพที่คุ้มค่าแก่การลงทุนได้ชัดเจนขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเส้นทางคมนาคมที่เชื่อมต่อทุกเส้นทางใจกลางเมือง หรือสาธารณูปโภคที่ครบครันบริเวณรอบๆ โครงการก็ล้วนแต่ตอบโจทย์ความต้องการของชีวิตได้เป็นอย่างดีค่ะ แล้วถ้าในอนาคตรถไฟฟ้าสายสีส้ม และสีเทาเปิดให้บริการเมื่อไหร่ ความสะดวกสบายก็ยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น จนถึงตอนนั้นราคาบ้านคงสูงลิ่วไปไกลเกินคว้าแล้วค่ะ สำหรับคนที่สนใจสามารถเข้าไปเยี่ยมชมโครงการและบ้านตัวอย่างได้นะคะ เพื่อช่วยประกอบการตัดสินใจได้ง่ายขึ้น หรือจะสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 088-535-5556-7 หรือ http://theprimeliving.com/
“เซ้ง” อีกหนึ่งทางเลือกในตลาดอสังหาฯ

“เซ้ง” อีกหนึ่งทางเลือกในตลาดอสังหาฯ

เคยสงสัยไหมคะว่า ‘การเซ้ง’ คืออะไร? ถ้าให้อธิบายแบบเข้าใจง่ายๆ ก็คือ การเช่าระยะยาว หรือเรียกแบบทางการว่า การรับช่วงสิทธิที่ต้องทำสัญญาโอนให้เช่านั่นเอง ซึ่งการเซ้งเป็นอีกวิธีหนึ่งที่นิยมทำกันในแวดวงธุรกิจค่ะ เพราะผู้ประกอบการส่วนใหญ่มักจะเซ้งอาคารพาณิชย์หรือพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าเพื่อทำการค้า เหตุผลที่ต้องเซ้งและไม่ซื้อขาดก็เนื่องจาก เจ้าของอาจไม่ต้องการขายที่ดิน หรืออสังหาริมทรัพย์นั้นๆ เพราะเป็นสมบัติของตระกูล, พื้นที่บริเวณนั้นเป็นของราชพัศดุ, เป็นพื้นที่ในส่วนของทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ หรือ ที่ดินส่วนนั้นอาจเป็นของสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นต้น โดยส่วนใหญ่แล้วทำเลที่มีการปล่อยเซ้ง มักจะมีศักยภาพในด้านต่างๆ สูง เช่น มีทำเลอยู่กลางใจเมือง เดินทางสะดวกสบาย และสามารถใช้ประโยชน์อื่นๆ ได้ในอนาคต สำหรับการเซ้งที่ทีมงาน Review Your Living หยิบยกมาพูดถึงในวันนี้ก็คือ การเซ้งที่ดินเปล่าค่ะ เรียกง่ายๆ ก็คือ "สิทธิการเช่าที่ดินในระยะยาว" ซึ่งอาจจะมีระยะเวลาในการเซ้ง 20 ปี, 25 ปี, 30 ปี หรือแล้วแต่การประเมิน โดยเจ้าของที่ดินไม่สามารถขอเรียกคืนก่อนหมดสัญญาเช่าได้ค่ะ หลายคนอาจจะคิดว่าการเซ้งที่ดินเปล่ามาก่อสร้างอาคารนั้นเป็นการเสี่ยงหรือเปล่า และมีข้อดี - ข้อเสียอย่างไร? วันนี้ทีมงานรวบรวมคำตอบมาให้คุณแล้วค่ะ ข้อดี 1. ราคาถูกกว่าการซื้อขาดบ้านโครงการอื่น เนื่องจากที่ดินปล่อยเซ้งนั้นทำเลมักจะดีกว่า เพราะมักอยู่ในจุดศูนย์กลางธุรกิจ แวดล้อมไปด้วยความสะดวกสบายใจกลางเมือง   2. ได้สิทธิ์เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์การเซ้งต่อ ในกรณีที่ย้ายออกหรือเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ก่อนหมดอายุสัญญา   3. สามารถขายกรรมสิทธิ์ต่อได้ ยิ่งถ้าราคาประเมินที่ดินสูงขึ้นเท่าไหร่ราคาเซ้งก็สูงขึ้นด้วย ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนรูปแบบหนึ่งที่น่าสนใจนะคะ เพราะมีโอกาสได้กำไรด้วยค่ะ   ข้อเสีย 1. ไม่ได้ครอบครองโดยเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดินนั้นโดยตรง เพราะเป็นการเช่าระยะยาวนั่นเอง   2. ต้องคอยต่อสัญญาใหม่เมื่อครบอายุสัญญาเซ้ง ซึ่งเจ้าของที่ดินมีสิทธิ์ในการพิจารณจะให้เราต่อสัญญาหรือไม่ก็ได้ ** ในกรณีที่ผู้เซ้งเล็งเห็นว่าศักยภาพของทำเลดี มีการวางแผนจะลงทุนสิ่งปลูกสร้างด้วยเงินลงทุนจำนวนมาก และต้องการป้องกันปัญหาการต่อสัญญาไม่ได้ในภายหลัง ผู้เซ้งอาจจะเจรจาขอเพิ่มข้อตกลงในสัญญา ให้เจ้าของที่ดินยินยอมให้ทำการต่อสัญญาเซ้งในภายหลัง โดยอาจจะเพิ่มข้อเสนอเรื่องราคา หรือผลตอบแทนอื่นๆ ไว้ล่วงหน้า ซึ่งเรื่องนี้ก็ขึ้นอยู่กับการเจรจาหาข้อตกลงระหว่างทั้งสองฝ่ายนะคะ อ่านมาถึงตรงนี้ เชื่อว่าหลายคนคงจะได้ข้อมูลเรื่อง “การเซ้งอสังหาริมทรัพย์” ไปไม่มากก็น้อยนะคะ หากใครกำลังสนใจจะลงทุนกับการเซ้งบ้านซักแห่ง เรามีโครงการที่น่าสนใจมาแนะนำกันค่ะ โครงการ “เดอะไพร์ม พระราม 9 - รามคำแหง 21” เป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ เนื่องจากเป็นที่ดินบนทำเลศักยภาพ (ซอยรามคำแหง 21) สามารถเดินทางได้สะดวกสบายทั้งการเดินทางด้วยรถส่วนตัว และระบบขนส่งมวลชน ทั้งรถไฟฟ้า เรือด่วนแสนแสบ และรถประจำทาง อีกทั้งถนนหนทางในย่านนี้ก็เชื่อมต่อเข้าสู่ใจกลางเมืองได้หลายเส้นทางเลยค่ะ ในส่วนของการอยู่อาศัยทำเลในแถบนี้ยังแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ห้างสรรพสินค้า สถานพยาบาล สถานศึกษา ศูนย์ราชการ และสถานที่สำคัญๆ อีกหลายแห่งเลยทีเดียว ทั้งนี้โครงการ เดอะไพร์ม พระราม 9 - รามคำแหง 21 มีบริษัท เดอะไพร์ม พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เป็นผู้ถือกรรมสิทธิ์เซ้งที่ดินจากสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ได้จัดสรรและพัฒนาที่ดินเป็น โฮมออฟฟิศ และอาคารพาณิชย์ สูง 3 ชั้นครึ่ง และเปิดให้เราสามารถเป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์การเซ้งที่ดินพร้อมตัวอาคารที่สร้างขึ้นเป็นระยะเวลานานถึง 30 ปี ด้วยราคาเริ่มต้นเพียง 3.45 ล้านบาท ซึ่งโฮมออฟฟิศและอาคารพาณิชย์ในทำเลนี้เหมาะสำหรับการทำธุรกิจ รวมถึงการอยู่อาศัย ด้วยการออกแบบในสไตล์โมเดิร์น เพื่อการดำเนินชีวิตคุณภาพไปพร้อมกับการทำธุรกิจ.... มาร่วมสัมผัสความคุ้มค่าที่ลงตัวทั้งด้านธุรกิจและชีวิตส่วนตัวได้แล้ววันนี้ที่ เดอะไพร์ม พระราม 9 - รามคำแหง 21 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.theprimeliving.com