Tag : Verve

2 ผลลัพธ์
SC ประกาศโรดแมป 3 ปี “SC RE-INVENTION 2020” ก้าวสู่การเป็น LIVING SOLUTIONS PROVIDER มั่นใจกวาดยอดขายรวมสามปี มากกว่า 60,000 ลบ. และรุกเปิด 19 โครงการใหม่ 19,000 ลบ. ในปี 2018

SC ประกาศโรดแมป 3 ปี “SC RE-INVENTION 2020” ก้าวสู่การเป็น LIVING SOLUTIONS PROVIDER มั่นใจกวาดยอดขายรวมสามปี มากกว่า 60,000 ลบ. และรุกเปิด 19 โครงการใหม่ 19,000 ลบ. ในปี 2018

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ประกาศวิชั่นและโรดแมปการเติบโตสามปีของ SC ว่า “ทุกองค์กรในโลกนี้กำลังถูกท้าทายอย่างรุนแรงเพราะ landscape ของโลกธุรกิจได้เปลี่ยนแปลงไป วิธีคิดแบบเดิมเริ่มใช้ไม่ได้ในบริบทใหม่ digital technology มีบทบาทอย่างมหาศาลในการสร้างความท้าทายครั้งนี้ทำให้เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของมนุษย์ทั้งในปัจจุบันและในอนาคตอย่างรวดเร็ว ภาพ landscape ใหม่ที่เกิดขึ้น คือ อุตสาหกรรมต่างๆ เชื่อมต่อกันกลายเป็น ecosystem ที่มีสมาชิกหลากหลาย และหลาย ecosystem ก็เชื่อมต่อกันเอง เกิดโมเดลธุรกิจใหม่นอกเหนือไปจาก products และ services นั่นคือ platforms และ solutions เกิดการร่วมงานของกลุ่ม 3 กลุ่มเพื่อตอบสนองความต้องการ  ของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้น กลุ่ม  1  incumbents หรือ stakeholders เดิมในอุตสาหกรรมเดิม กลุ่ม  2 tech entrepreneurs ทำงานเร็วและเกิดขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะอย่างของมนุษย์ กลุ่ม  3  digital giants บริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ มีแนวโน้มที่จะขยายขนาดและขอบเขตการทำธุรกิจครอบคลุมไปทุกอุตสาหกรรม tech entrepreneurs และ digital giants มีบทบาทสำคัญของการเชื่อมต่ออุตสาหกรรมต่างๆ เข้าด้วยกัน องค์กรในกลุ่ม 1 จะอยู่รอดและเติบโตอย่างยั่งยืน ต้องพร้อมปรับตัวอยู่เสมอ ร่วมทำงานกับกลุ่ม 2 และกลุ่ม 3 เพื่อให้ก้าวทันพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปของมนุษย์หรือผู้บริโภค ”   เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน SC จึงประกาศโรดแมปสามปี SC RE-INVENTION 2020 ตั้งเป้าหมายยอดขาย 24,000 ล้านบาท รายได้ 22,000 ล้านบาทในปี 2020 และยอดขายรวมสามปี 2018-2020 มากกว่า 60,000 ล้านบาท ปรับวิธีคิดจากการเป็น Developer ก้าวสู่การเป็น Living Solutions Provider ทำงานร่วมกับ partners หลากหลายใน ecosystem เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตของมนุษย์ได้ดียิ่งขึ้นบน landscape ใหม่นี้ โดยจะเติบโตด้วยกลยุทธ์ 4 ข้อคือ 1. RE-INVENTION จาก DEVELOPER สู่ LIVING SOLUTIONS PROVIDER ผ่าน 3D - D1  DIGITIZE ปรับเปลี่ยนระบบการทำงานจาก analog เป็น digital เพื่อจะได้นำ data ทั้งในส่วนการทำงานและความต้องการของลูกค้า (insights) มาวิเคราะห์และพัฒนาให้ดีขึ้น - D2 DESIGN ใช้หลัก human-centric ออกแบบสินค้า บริการ และโซลูชั่น (solutions) โดยเริ่มต้นที่ทำความเข้าใจปัญหา หรือ pain points ในการใช้ชีวิตของลูกค้า - D3  DEVELOP ประสานนวัตกรรม และพัฒนาที่อยู่อาศัยอย่างมีคุณภาพในทุกระดับราคา 2. CO-CREATION ด้วยการที่ SC ร่วมกับพันธมิตรในระบบ ecosystem ส่งมอบ living solutions (การพัฒนาที่อยู่อาศัยและบริการหลังการขาย โดย SC และสิ่งอื่นๆ โดยพันธมิตร) ให้ลูกค้าและชุมชนข้างเคียง เราเรียก living solutions platform ของเราว่า Rue Jai 3. QUALITY FIRST คุณภาพสินค้าและบริการเป็นเรื่องสำคัญเหนือสิ่งใด แบ่งเป็นสองส่วนคือ pre-transfer และ after-transfer 4. TOP-LINE GROWTH เติบโตในส่วน top-line ทั้งยอดขายและรายได้อสังหาฯ เพื่อขายทำหน้าที่หลักขับเคลื่อนการเติบโต ในขณะที่อสังหาฯ เพื่อเช่าทำหน้าที่เป็น secured income ซึ่งปัจจุบันมีพื้นที่อาคารสำนักงานเพื่อเช่ารวม 110,000 ตรม. มีสัดส่วนของกำไรสุทธิสูงถึง 1 ใน 4 อสังหาฯ เพื่อขายแบ่งออกเป็น แนวราบและแนวสูง แนวราบ โดยรักษาฐานผู้นำตลาดบ้านเดี่ยวราคามากกว่า 8 ล้านบาท และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดของบ้านเดี่ยวราคาต่ำกว่า 8 ล้านบาท  กับทาวน์โฮม 2-3 ล้านบาท ในปีนี้ SC จะขยายพื้นที่การพัฒนาโครงการไปจังหวัดฉะเชิงเทรา โดยเล็งเห็นโอกาสของการเติบโตของเมืองจากเมกะโปรเจค EEC ในปี 2020 สัดส่วนมูลค่ายอดขายแนวราบ กรุงเทพและต่างจังหวัดของ SC จะอยู่ที่ 90:10 แนวสูง  SC และ SCOPE บริษัทร่วมทุนที่ SC ถือหุ้นอยู่ 90% ภายใต้การนำของ CEO คุณยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ เตรียมพัฒนาโครงการใหม่แนวสูงในสามปีนี้รวมกว่า 10 โครงการ โดยสัดส่วนหลักของรายได้แนวสูงในสามปีนี้ จะมาจากการโอนของ 3 โครงการ super luxury คือ  SALADAENG ONE, BEATNIQ, และ 28 CHIDLOM” “ SC ตั้งเป้าหมายยอดขายและรายได้ปี 2018 ที่ 17,000 ล้านบาท ยอดขายเติบโตประมาณ 11% และ    เตรียมเปิด 19 โครงการใหม่ มูลค่า 19,000 ล้านบาท แบ่งเป็นแนวราบ 17 โครงการ มูลค่า15,000 ล้านบาท และ แนวสูง 2 โครงการ มูลค่า 4,000 ล้านบาท พร้อมกับเตรียมงบสำหรับซื้อที่ดินในปีนี้ 10,000 ล้านบาท” “ hi-light ของโครงการใหม่ในปีนี้ สำหรับแนวราบคือ township concept development จำนวน 2 โครงการ 2 ทำเล บนที่ดินผืนใหญ่ทำเลกรุงเทพตะวันออก บริเวณกรุงเทพกรีฑากว่า 115 ไร่ และกรุงเทพตะวันตก บางกระดี จ.ปทุมธานีกว่า 200 ไร่ ซึ่งจะเปิดขายครึ่งปีหลังของปี 2018 และนอกจากนี้  50% ของโครงการใหม่ปีนี้จะเป็นแบรนด์ PAVE และ VERVE ซึ่งเป็นบ้านเดี่ยวและทาวน์โฮมระดับราคา 2-5 ล้านบาท เพื่อรองรับการเติบโตของส่วนแบ่งตลาดแนวราบกลุ่มนี้ในช่วงปี 2018-2020 สำหรับแนวสูงคือ โครงการ CENTRIC รัชโยธิน ทำเลใกล้ BTS สถานีรัชโยธินเพียง 150 เมตร เป็นอาคารสูง 21 ชั้น เริ่มต้น 3.7 ล้านบาท เปิดพรีเซลส์มีนาคม 2018 นี้ มูลค่า 1,500 ล้านบาท กับ โครงการ  THE CREST สุขุมวิท 23 มูลค่าประมาณ 2,500 ล้านบาท จะเปิดขายประมาณไตรมาสสี่ของปี ” นายณัฐพงศ์ กล่าวสรุปว่า “ ในปี 2017 ที่ผ่านมา SC ทำยอดขายสร้างสถิติใหม่ทั้งยอดขายรวม 15,278 ล้านบาท และยอดขายแนวราบ 10,547 ล้านบาท ครอง market share อันดับ 1 บ้านเดี่ยว ราคามากกว่า 15 ล้านบาท และอันดับ 2 บ้านเดี่ยวรวมทุกระดับราคา ในขณะที่ยอดขายจากการบอกต่อ  สัดส่วนอยู่ที่ 18% แสดงถึงความมั่นใจที่ลูกค้ามีต่อเรา รวมถึงคุณภาพของที่อยู่อาศัยและบริการ ในปี 2018 บริบทได้เปลี่ยนแปลงไป เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืน SC จะไม่ยึดติดกับวิธีการเดิม เราพร้อม re-invent ตัวเองและทำงานร่วมกับพันธมิตรใน ecosystem เพื่อส่งมอบ living solutions ที่มีคุณภาพสูงสู่ลูกค้าของเรา ”
SC เติบโตทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ ครึ่งปีแรกกวาดยอดขายพุ่ง 44% ครึ่งปีหลังรุกแนวราบ ทุกระดับราคา เปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่า 11,450 ลบ. มุ่งตอบโจทย์ human-centric เพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับอนาคต มั่นใจรายได้ทะลุเป้า 20,000 ลบ. ในปี 2562

SC เติบโตทั้งบ้านเดี่ยวและคอนโดฯ ครึ่งปีแรกกวาดยอดขายพุ่ง 44% ครึ่งปีหลังรุกแนวราบ ทุกระดับราคา เปิด 9 โครงการใหม่ มูลค่า 11,450 ลบ. มุ่งตอบโจทย์ human-centric เพื่อที่อยู่อาศัยสำหรับอนาคต มั่นใจรายได้ทะลุเป้า 20,000 ลบ. ในปี 2562

นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลสำเร็จของการดำเนินธุรกิจช่วงครึ่งปีแรก โดยสรุป  2 เรื่อง คือ การเติบโตของยอดขาย โดยครึ่งปีแรกมียอดขายรวม 7,493 ล้านบาท เติบโต 44% (yoy) ซึ่งมาจากผลตอบรับที่ดีจากยอดขายแนวราบ 4,491 ล้านบาท เติบโต 14% (yoy)  กับยอดขายคอนโดฯ  3,002  ล้านบาท เติบโต 137% (yoy) สื่อออนไลน์มีประสิทธิภาพสูง โดยแนวราบในครึ่งปีแรกได้รับยอด walk-in จากสื่อนี้ถึง 30% ดังนั้นทำให้ค่าใช้จ่ายการตลาดลูกค้าแวะต่อคนลดลง 5 เท่าจาก Traditional media ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายการตลาดต่อยอดขายลดลง นายณัฐพงศ์ เปิดเผยถึงมุมมองเศรษฐกิจว่า  “จากที่ธนาคารแห่งประเทศไทยมีการปรับคาดการณ์ว่า  GDP ปีนี้จะเติบโตเพิ่มขึ้นจาก 3.2% เป็น 3.5% โดยปัจจัยหลักเป็นเรื่องการลงทุนภาครัฐ รวมถึงภาคการส่งออกและท่องเที่ยวที่มีการขยายตัวต่อเนื่อง ส่วนภาคลงทุนเอกชนและการบริโภคนั้นยังคงไม่เติบโตเท่าที่ควร  และสถานการณ์หนี้ยังมีความน่ากังวล ซึ่งจะส่งผลต่อการเติบโตของธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้  ณ ปลายไตรมาส 1/2560 สัดส่วนหนี้ครัวเรือนต่อ GDP ลดลงเหลือ 78.6% แต่สินเชื่อกลุ่มที่อยู่อาศัยขยายตัวแบบชะลอตัว สวนทางกับสัดส่วน housing NPLs ซึ่งปรับตัวสูงขึ้นอยู่ที่ 3.23%  ส่งผลต่อความเข้มงวดของธนาคารในการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่ไม่สามารถวางแผนการใช้เงินอนาคต อย่างไรก็ตาม SC มียอดปฏิเสธสินเชื่อธนาคารเฉพาะแนวราบในช่วงครึ่งปีแรกเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา สัดส่วนใกล้เคียงเดิมที่ประมาณ 10%  โดยสัดส่วนการชำระเงินสดโดยเฉพาะในกลุ่ม luxury segment สูงถึง 50% สูงกว่าปีที่ผ่านมา สรุปได้ว่า demand ในตลาดยังมีการเติบโต แต่สถานการณ์ของหนี้ทำให้ความสามารถในการใช้เงินอนาคตน้อยลง จึงมีแนวโน้มที่จะใช้เงินปัจจุบันมากขึ้น" นายณัฐพงศ์  กล่าวเพิ่มเติมว่า “SC มีความมั่นใจในเป้าหมายปีนี้ตามที่วางไว้ ด้วยยอดขาย 16,000 ล้านบาท และรายได้ 14,800 ล้านบาท โดยแผนครึ่งปีหลังจะเปิดแนวราบทุกระดับราคา จำนวน 9 โครงการใหม่ มูลค่า 11,450 ล้านบาท ซึ่งปลายปีจะเปิดแบรนด์ใหม่ชื่อ เวิร์ฟ (Verve) ทาวน์โฮม 2 ชั้น เริ่ม 2.59 ล้านบาท โครงการใหม่ทั้งหมดแบ่งเป็น  5 แบรนด์ ดังนี้ The Gentry  โครงการเดอะ เจนทริ พระราม 9 เริ่ม 30 ล้านบาท Bangkok Boulevard ได้แก่ โครงการบางกอก บูเลอวาร์ด รังสิต, สาทร-ราชพฤกษ์, ราชพฤกษ์-รัตนาธิเบศร์, แจ้งวัฒนะ  และ  สาทร-ปิ่นเกล้า เริ่ม 6-20 ล้านบาท Pave โครงการเพฟ รามอินทรา-วงแหวน เริ่ม 4 ล้านต้น Work Place โครงการเวิร์คเพลส แจ้งวัฒนะ เริ่ม 9 ล้านบาท Verve โครงการเวิร์ฟ เพชรเกษม 81 เริ่ม 59 ล้านบาท สรุปปีนี้ SC มีโครงการเพื่อขายทั้งหมด  44 โครงการ มูลค่า 44,135 ล้านบาท  แบ่งเป็น โครงการระหว่างการพัฒนา จำนวน 35 โครงการ พร้อมกับอีก 9 โครงการใหม่ในครึ่งปีหลัง นอกจากนี้ได้ปรับเพิ่มงบซื้อที่ดินเพิ่มเป็น 9,100 ล้านบาท” จากที่ SC ได้ประกาศยุทธศาสตร์เรื่อง human-centric innovation  เมื่อตอนต้นปี  หลังจากนั้นมีการขยายธุรกิจใหม่และลงทุนใน platform เรื่องบริการหลังการขายกับ tech startup “Fixzy” แผนครึ่งปีหลังจึงดำเนินตามยุทธศาสตร์  ดังนี้ ร่วมพัฒนา iOT smarthome platform ชื่อ “ Rue Jai ™ (รู้ใจ™)”  สำหรับลูกค้า SC ร่วมกับพันธมิตรทางธุรกิจ AIS ผู้ให้บริการ Digital Life Service Provider อันดับ 1 ของประเทศไทย ให้เป็น smarthome platform ที่พัฒนาโดยคนไทย และเพื่อคนไทย พร้อมจะเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆ นี้ SC 4.0 housing prototypes  ได้มีการใช้ design thinking ในการออกแบบ prototype สำหรับบ้านคอนเซปท์ในอนาคต โดยจะเริ่มเปิดตัวในโครงการต่างๆ ในช่วงไตรมาส 4/2560 นายณัฐพงศ์ สรุปอย่างมั่นใจว่า   “ด้วยแผนยุทธศาสตร์เชิงรุกทั้งหมดนี้ จะสนับสนุนและส่งเสริมแผนการเติบโตต่อเนื่อง 3 ปี ทำให้ SC มีรายได้ทะลุเป้าหมาย 20,000 ล้านบาท ในปี 2562”