Tag : Whizdom 101

2 ผลลัพธ์
MQDC ประกาศความสำเร็จ WHIZDOM 101ยอดจองทะลุเป้าเตรียมเปิดโครงการใหม่ “Whizdom Inspire”

MQDC ประกาศความสำเร็จ WHIZDOM 101ยอดจองทะลุเป้าเตรียมเปิดโครงการใหม่ “Whizdom Inspire”

แมกโนเลีย ประกาศความสำเร็จของโครงการ WHIZDOM 101 พร้อมขอบคุณคู่ค้าพันธมิตร ในงาน THANK YOU PARTY ตอกย้ำความเป็นผู้นำโครงการมิกซ์ยูสคุณภาพยอดเยี่ยมแห่งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยแนวคิดเมืองอัจฉริยะ Smart City และเป็น Third Place ที่ตอบโจทย์เรื่อง Creating Shared Value (CSV)  จับมือ “ทรู ดิจิทัล พาร์ค” (True Digital Park) พัฒนาศูนย์กลางด้านดิจิทัลของไทยใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เตรียมเปิดตัว “Whizdom Inspire” คอนโดมิเนียมที่สร้างแรงบันดาลใจพร้อมไอเดียใหม่ๆ อย่างไร้ขีดจำกัด  และ Innovative Lifestyle Complex ที่สมบูรณ์แบบไตรมาส 4 ปีนี้ นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด(MQDC) ในเครือบริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า โครงการ WHIZDOM 101 (วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน) ถือเป็นหนึ่งในความภาคภูมิใจ และความสำเร็จของ MQDC ในด้านการพัฒนาโครงการมิกซ์ยูสคุณภาพชั้นนำของประเทศไทย ที่ได้รับรางวัลระดับประเทศและนานาชาติ ด้วยรางวัลด้านแนวคิดเมืองอัจฉริยะ Smart Cities – Clean Energy จากกระทรวงพลังงาน และยังได้รับรางวัลจากเวทีระดับโลกด้านโครงการมิกซ์ยูสยอดเยี่ยม (Best Mixed-use Development Thailand) จากเอเชียแปซิฟิก พรอพเพอร์ตี้ อวอร์ด (Asia Pacific Property Award) ประจำปี 2016-2017 และล่าสุดเมื่อปลายปี 2560 ยังได้รับรางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 ทางด้านความยั่งยืน จากเวที AEC Excellence Awards เมืองลาสเวกัส ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยมีโครงการเข้าประกวด 145 โครงการ จาก 32 ประเทศทั่วโลก ซึ่ง “วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน” ถือเป็นโครงการแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ได้รับรางวัลนี้ MQDC เราได้มุ่งมั่นพัฒนาโครงการฯ ด้วยนวัตกรรมการอยู่อาศัยแบบยั่งยืน (Sustainnovation) เพื่อช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ทั้งผู้อยู่อาศัย และชุมชนโดยรอบ แมกโนเลียฯ ได้ให้ความสำคัญในการทำวิจัยและพัฒนาเพื่อสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์และนวัตกรรมที่เป็นประโยชน์ต่อผู้บริโภค ช่วยสร้างระบบนิเวศน์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างมูลค่าเพิ่ม ตลอดจนสร้างความเป็นอยู่ที่ดีให้กับทุกสรรพสิ่งและเป็นประโยชน์ต่อสังคม ทำให้โครงการ “วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน” ได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าและคู่ค้าพันธมิตรต่างๆ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการขายทั้ง 3 ส่วน ประกอบด้วย ที่พักอาศัย คอนโดมิเนียม “วิสซ์ดอม คอนเนค” (Whizdom Connect Sukhumvit) ประมาณ 90% และ “วิสซ์ดอม เอสเซ้นส์” (Whizdom Essence)ประมาณ 80% ร้านค้าในพื้นที่ Innovative Lifestyle Complex มียอดจองพื้นที่กว่า 80% ทั้งร้านอาหารชื่อดัง ซุปเปอร์มาร์เก็ต และร้านค้าไลฟ์สไตล์เพื่อรองรับการใช้ชีวิตในทุกๆ วัน และพื้นที่สำนักงานบรรลุเป้าการขาย 100% โดยวิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน ได้จับมือกับ “ทรู ดิจิทัล พาร์ค” (True Digital Park) ในการพัฒนาเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลของไทยที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เน้นสร้าง Startup Ecosystem แบบครบวงจร ด้วยแนวคิด Open Innovation จากการรวมตัวกันของบริษัทข้ามชาติขนาดใหญ่ เหล่าสตาร์ทอัพและผู้ประกอบการ นักลงทุน สำหรับความคืบหน้าและมูลค่าโดยรวมของโครงการ “วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน” มูลค่าประมาณ 30,000 ล้านบาท โดยมีโครงการที่พักอาศัยส่วนแรก ประกอบด้วย คอนโดมิเนียม High-Rise จำนวน 3 อาคาร ที่ทุกยูนิตจะมีความพิเศษด้วย "Home Intelligent Systems" เทคโนโลยีอันทันสมัยและชาญฉลาดที่ทำให้ผู้พักอาศัยสามารถควบคุมและสั่งการทำงานของอุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ในบ้านแม้อยู่นอกบ้าน จะเริ่มส่งมอบพื้นที่คอนโดมิเนียม “วิสซ์ดอม คอนเนค” ต้นเดือนมีนาคม 2561 และจะเตรียมเปิดโครงการใหม่ “วิสซ์ดอม อินสปาย” (Whizdom Inspire) เจาะกลุ่มนิวเจนฯ ที่เต็มไปด้วย Passion ใส่ใจสิ่งแวดล้อม รับผิดชอบต่อสังคม ดูแลสุขภาพ และพิถีพิถันในการใช้ชีวิต ให้คนรุ่นใหม่สามารถสร้างแรงบันดาลใจได้ด้วยตัวเองอย่างไร้ขีดจำกัด พร้อมสังคมคุณภาพ และ Innovative Lifestyle Complex ที่สมบูรณ์แบบ เพื่อรองรับการใช้ชีวิตที่ดีในทุกๆ วัน ภาพรวมดำเนินงานไปแล้วกว่า 80% และคาดว่าจะพร้อมเปิดตัว Innovative Lifestyle Complex “วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน” ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 2561 นายสุทธา เรืองชัยไพบูลย์ ประธานผู้อำนวยการ MQDC กล่าวถึงวัตถุประสงค์การจัดงาน MQDC ประกาศความสำเร็จของโครงการ WHIZDOM 101 พร้อมขอบคุณคู่ค้าพันธมิตรต่างๆ ในงาน THANK YOU PARTY และเปิดเผยถึงวัตถุประสงค์ในการจัดงานว่า วัตถุประสงค์การจัดงานนี้เพื่อเป็นการขอบคุณสื่อมวลชน คู่ค้าพันธมิตร และลูกค้าทุกท่านที่ให้การสนับสนุนโครงการ “วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน” อย่างต่อเนื่อง และเพื่อเป็นการแจ้งความคืบหน้าและความสำเร็จของโครงการฯ เชื่อว่าเมื่อ “วิสซ์ดอม วัน-โอ-วัน” พร้อมเปิดให้บริการจะเป็นหนึ่งในโครงการมิกซ์ยูสคุณภาพยอดเยี่ยมแห่งแรกในประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยแนวคิดเมืองอัจฉริยะ Smart City และเป็น Third Place ที่ตอบโจทย์เรื่อง Creating Shared Value (CSV) และ นวัตกรรมการอยู่อาศัยแบบยั่งยืน (Sustainnovation) ที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายและทันสมัยที่สุด อีกทั้งจะเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่สำหรับคนกรุงเทพฯ ด้วยสังคมคุณภาพ และ Innovative Lifestyle Complex ที่สมบูรณ์แบบ เพื่อรองรับการใช้ชีวิตที่ดีในทุกๆ วัน ซึ่งตรงกับความเป็น smart city ของ WHIZDOM 101 ด้วยคอนเซ็ปต์ The Great Good Place โดยโครงการฯ ได้รับความสนใจจากต่างประเทศเป็นอย่างมาก ซึ่งเรามีความยินดี หากท่านใดสนใจก็สามารถนำคอนเซ็ปต์ไปต่อยอดในการพัฒนาโครงการได้ เพื่อเป็นประโยชน์ต่อสังคมส่วนรวม ด้านกิจกรรมการตลาดโครงการฯ ให้ความสำคัญต่อกิจกรรมการตลาดเป็นอย่างมาก เพราะโครงการมิกซ์ยูสคุณภาพ ต้องเน้นการพัฒนาด้วยแนวคิดเมืองอัจฉริยะ Smart City การเป็น Third Place ที่ทุกท่านสามารถมาใช้ชีวิตได้ นอกจากบ้านและที่ทำงาน เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ และเพิ่มคุณค่าให้กับสังคม Creating Shared Value (CSV) และ การพัฒนานวัตกรรมการอยู่อาศัยแบบยั่งยืน Sustainnovation เป็นเรื่องใหม่สำหรับสังคมที่จะเข้าใจและนำไปประยุกต์ใช้ และทั้งหมดนี้เป็นเทรนด์ที่กำลังจะมาอย่างแน่นอน เมื่อโครงการ WHIZDOM 101 เปิดแล้ว จะเป็นการเสริมศักยภาพ เพิ่มคุณค่า Value Added ให้ชุมชนโดยรอบซึ่งจะเป็น platform ให้ชุมชนมาใช้ประโยชน์ ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่สร้างประสบการณ์ให้กับทุกท่าน พร้อมตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่ดีในทุกๆ วัน
โครงการ Mixed-Use บิ๊กโปรเจคตอบโจทย์คนยุคใหม่

โครงการ Mixed-Use บิ๊กโปรเจคตอบโจทย์คนยุคใหม่

  ราคาที่ดินในประเทศไทยเพิ่มสูงขึ้นทุกปี ยิ่งทำเลที่มีการเดินทางสะดวกเข้าถึงง่าย ที่ดินแปลงสวยก็ยิ่งเป็นที่หมายปองของเหล่าผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ต้องการจับจองที่ดินสวยๆ ทำเลเหมาะสมแก่การพัฒนาโครงการต่อไป ซึ่งทุกวันนี้ก็เริ่มหายากมากขึ้นทุกที การพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมเพียงอย่างเดียวก็อาจจะไม่เพียงพออีกต่อไป ในระยะ 6-7 ปีหลังเราจึงได้ยินคำว่าโครงการ Mixed-Use กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น โครงการ Mixed-Use คืออาคารที่ผสมผสานระหว่างที่อยู่อาศัยกับอสังหาริมทรัพย์เชิงพาณิชย์ อาคารแบบมิกซ์ยูสจึงเป็นโครงการที่มีทั้งศูนย์การค้า โรงแรม ออฟฟิศ คอนโดมิเนียม รวมอยู่ในโครงการเดียวกัน แล้วแต่ว่าโครงการไหนจะมีการจัดการพื้นที่ในอาคารอย่างไร โดยหากมองในมุมของผู้อยู่อาศัยในคอนโดมิเนียมโครงการมิกซ์ยูสลักษณะนี้จะสามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตของคนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี เพราะไม่ต้องเดินทางออกไปไหนก็มีสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ที่อาคารที่พักอาศัยของตัวเองอย่างครบครัน รวมถึงผู้เข้าพักในส่วนของโรงแรมเองทางโครงการก็สามารถอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวได้มากยิ่งขึ้น และในมุมมองของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอง มิกซ์ยูสจะขยายโอกาสในการสร้างรายได้ประจำจากสัญญาเช่า, การขายกรรมสิทธิ์ ได้ผลกำไรระยะยาวให้กับ Developer ไม่ใช่เฉพาะการซื้อ-ขาย คอนโดเพียงอย่างเดียว เป็นการสร้างประโยชน์จากที่ดินราคาแพงได้อย่างคุ้มค่า เมื่อใน 1 โครงการ เกิดการใช้ประโยชน์อย่างหลากหลาย พื้นที่ใช้สอยก็ย่อมมากขึ้นตามไปด้วย กลายเป็นบิ๊กโปรเจคทุ่มทุนสร้างจากหลากหลายค่ายที่ต่างก็จับจองทำเลที่ดีที่สุดสร้างอาณาจักรขึ้นมา ซึ่งคาดว่าภายในอีก 2-3 ปีนับจากนี้ เราก็จะเริ่มได้เห็นโครงการลักษณะนี้เสร็จสมบูรณ์ไปทีละโครงการ เช่น โรงแรมดุสิตธานี และ CPN ร่วมกันพัฒนาพื้นที่ของโรงแรมดุสิตาธานี บริเวณหัวมุมสี่แยกศาลาแดง หลังจากได้ต่อสัญญาเช่าระยาวอีก 60 ปี จากสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ให้เป็นโครงการที่มีทั้งโรงแรมดุสิตธานี, อาคารสำนักงาน, ที่พักอาศัย, และพื้นที่ค้าปลีก มูลค่าโครงการ 36,000 ล้านบาท แอมไชน่าทาวน์ โครงการสไตล์โมเดิร์น ไชนีส บนถนนเจริญกรุง โครงการนี้แบ่งออกเป็น 2 อาคาร ประกอบไปด้วยศูนย์การค้า ที่มีทั้งอาหารสตรีทฟู้ดแบบเยาวราช, ร้านอาหารชื่อดัง, สินค้าแฟชั่น, อัญมณี รวมถึงเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว ส่วนอาคารที่ 2 จะเป็นคอนโดมิเนียมสูง 8 ชั้น แบบสัญญาเช่า 30 ปี มูลค่าโครงการรวม 4,000 ล้านบาท SINGHA COMPLEX ตั้งอยู่บนที่ดินเดิมของสถานทูตญี่ปุ่น ถนนอโศก-เพรชบุรีตัดใหม่ เป็น 2 อาคาร แบ่งเป็นพื้นที่สำนักงานเกรดเอ, พื้นที่ค้าปลีก, คอนโดระดับลักชัวรี่ มูลค่าโครงการไม่รวมที่ดินกว่า 4,000 ล้านบาท Whizdom 101 โครงการอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีปุณณวิถี มากับคอนเซ็ป The great good place มีทั้งสโมสรกีฬาและสุขภาพ, สำนักงาน co-working space, และที่พักอาศัยอีก 3 อาคาร งบประมาณการลงทุนประมาณ 30,000 ล้านบาท ICONSIAM อีกหนึ่งโครงการชื่อดังที่หลายคนรอคอย บนถนนเจริญนคร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ประกอบไปด้วยศูนย์การค้า, คอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่, พิพิธภัณฑ์ศูนย์รวมมรดกทางประวัติศาสตร์และภูมิปัญญาไทย, ภัตาคารหรูจากทั่วโลก, ศูนย์ประชุม ฯลฯ งบประมาณการลงทุนประมาณ 50,000 ล้านบาท One Bangkok อีกโครงการระดับบิ๊กพื้นที่ 104 ไร่ ตรงหัวมุมสี่แยกวิทยุ ประกอบไปด้วยอาคารสำนักงาน 5 อาคาร, โรงแรมระดับลักชัวรี่ 5 แห่ง, ที่พักอาศัยระดับอัลตร้าลักชัวรี่ 3 อาคาร, พื้นที่ค้าปลีก, พื้นที่ทำกิจกรรม แสดงศิลปวัฒนธรรมต่างๆ มูลค่าการลงทุนสูงถึง 120,000 ล้านบาท The Super Tower หลายคนรู้จักชื่อนี้เป็นอย่างดี เพราะหากสร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อไรก็จะกลายเป็นอาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทยถึง 615 เมตร ประกอบไปด้วยสำนักงาน ระดับพรีเมี่ยม, โรงแรมระดับ 6 ดาว, ศูนย์ประชุม, ภัตตาคารลอยฟ้า ตั้งอยู่ในย่าน New CBD อย่างพระราม 9 มูลค่าการลงทุนประมาณ 18,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่าโครงการ Mixed-Use นั้นสร้างประโยชน์มหาศาลได้รอบด้านให้กับทั้งเจ้าของโครงการ ผู้อาศัย ผู้ใช้บริการภายในอาคาร และยังเป็นการใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่าที่สุดในยุคที่ราคาที่ดินพุ่งสูงจนน่าตกใจ ซึ่งทั้งหมดรวมอยู่เพียงโครงการเดียว เป็น All In One อย่างมีประสิทธิภาพ