Tag : เอกมัย - ทองหล่อ

ESTAR  เปิดชม ควินทารา ภูม สุขุมวิท 39  ยอดนิยมในย่าน ขายแล้วกว่า 70%

ESTAR  เปิดชม ควินทารา ภูม สุขุมวิท 39  ยอดนิยมในย่าน ขายแล้วกว่า 70%

บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดชมโครงการ “ควินทารา ภูม สุขุมวิท 39” หนึ่งในโครงการที่อยู่อาศัยของ ESTAR ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ มั่นใจทำเลสุขุมวิทที่ตอบโจทย์ทั้งอยู่เองหรือลงทุน ลุยตลาดคอนโดต่อเนื่องด้วยโครงการ ควินทารา มาย'เซน พร้อมพงษ์     นายไพโรจน์ วัฒนวโรดม กรรมการผู้จัดการ  บริษัท อีสเทอร์น สตาร์ เรียล เอสเตท จำกัด (มหาชน) หรือ ESTAR เปิดเผยว่า ที่ผ่านมา ESTAR ได้พัฒนาโครงการแนวสูงบนเส้นทำเลสุขุมวิท ได้แก่ โครงการควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42, โครงการควินทารา อาเท่ สุขุมวิท 52 และโครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้ากลุ่มเป้าหมายอย่างมาก โดยเห็นได้จากเป้ายอดขายของทั้ง 3 โครงการนี้ ไม่ว่าจะเป็น   โครงการควินทารา ทรีเฮาส์ สุขุมวิท 42 ที่บริษัทสามารถปิดยอดขายไปได้ 100% เป็นที่เรียบร้อยแล้ว เ โครงการควินทารา อาเท่ สุขุมวิท 52 ที่ตอนนี้ยอดขายไต่ระดับมาแตะถึง 98% โดยคาดว่าจะปิดการขายและพร้อมโอนภายในปีนี้ โครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 ตอนนี้ยอดขายเป็นที่น่าพอใจอย่างมาก อยู่ที่ 70%   ซึ่งจากความนิยมในโปรดักส์จะสอดคล้องกับกลุ่มเป้าหมายที่อยู่บนทำเลเศรษฐกิจใจกลางเมือง จึงทำให้ ESTAR มั่นใจในทำเลพร้อมกับเดินหน้าขยายโครงการมูลค่า 1,000 ล้านบาท โครงการควินทารา มาย'เซน พร้อมพงษ์ ไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา     “จากการวิเคราะห์ในศักยภาพทำเล พร้อมพงษ์ จัดอยู่หนึ่งใน 3 ของทำเลที่มีศักยภาพมากบนเส้นถนนสุขุมวิท  เป็นทำเลโซนชั้นในของเมือง อีกทั้งเส้นพร้อมพงษ์ยังเป็นย่านที่อยู่อาศัยชั้นดี เต็มไปด้วยบ้านหลังใหญ่และต้นไม้ขนาดใหญ่ จึงมีสภาพแวดล้อมที่ดี เงียบ สงบ และนับวันที่ดินจะหายาก จึงคุ้มค่าทั้งการซื้ออยู่อาศัยเองและซื้อไว้ลงทุนปล่อยเช่า ซึ่ง ณ ปัจจุบันราคาที่อยู่อาศัยย่านพร้อมพงษ์อยู่ที่ 220,000 บาท/ตร.ม.และจากความเป็นทำเลชั้นดี บริษัทจึงได้นำพื้นที่กว่า 2 ไร่ ที่ตั้งอยู่ในซอยพร้อมพงษ์ หรือซอยสุขุมวิท 39 มาพัฒนาเป็นโครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 คอนโดมิเนียมประเภท Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 323 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,300 ล้านบาท โดยออกแบบให้เป็นห้องชุดแบบ 1 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 28-38 ตร.ม. และแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ตั้งแต่ 58-64 ตร.ม. ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.99 ล้านบาท หากเมื่อคำนวณแล้วราคาขายเฉลี่ยของโครงการอยู่ที่ ประมาณ 100,000 บาท/ตร.ม. ซึ่งถือว่าราคาดีและคุ้มที่สุดในทำเลนี้ เนื่องจากพร้อมพงษ์เป็นทำเลยอดนิยมของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงประชากรแฝงที่เข้ามาทำงานในย่านดังกล่าว” นายไพโรจน์ กล่าวถึงกลุ่มลูกค้าในย่านพร้อมพงษ์ หลักๆ แบ่งสัดส่วนเป็น 51% ส่วนใหญ่เป็นพนักงานบริษัทเอกชน ย่านพร้อมพงษ์-อโศก พนักงงานโรงแรม รวมถึงบุคลากรจากโรงพยาบาลชั้นนำ และ 21% คือกลุ่มเจ้าของกิจการในรัศมีรอบโครงการ รวมถึงกลุ่มผู้ปกครอง นักศึกษามหาวิทยาลัยในย่านนั้น นอกจากนี้อีก 8% จะเป็นพนักงานใน หน่วยงานภาครัฐต่างๆ และอื่นๆ อีก 20% จะเป็นลูกค้าที่ตั้งใจเข้ามาซื้อเพื่อการลงทุน โครงการควินทารา ภูม สุขุมวิท 39 ถูกวางคอนเซปต์และการออกแบบที่ให้สอดคล้องกับพื้นที่ทำเล โดยหยิบยกเอกลักษณ์ของบ้านเรือนไทย “เรือนไทยหมู่” มาสร้างเสน่ห์ความงดงามให้กับการอยู่อาศัย เชื่อมโยงอารมณ์ความรู้สึกเหมือนอยู่บ้านด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่ชั้น 4 ที่ออกแบบให้ เสมือนชานพักผ่อนของทุกคนครอบครัว พร้อมสวนสวยที่ทอดยาวต่อเนื่องตลอดแนวอาคาร สร้างทัศนียภาพที่สวยงามและสอดคล้องเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ ขณะที่การเดินทางสัญจรเข้า-ออก โครงการนั้น แม้จะอยู่ในซอย แต่ก็ถือว่าอยู่ในทำเลที่เชื่อมต่อ เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ รถยนต์ และสามารถเข้าออกได้หลากหลายเส้นทางทั้งทางอโศก สุขุมวิท ทองหล่อ และเพชรบุรี นอกจากนี้ยังรายล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกชั้นนำบนย่านลักชัวรี สไตล์ ได้แก่ ศูนย์การค้าเอ็มควอเทียเอ็มโพเรียม อาหาร คาเฟ่ จำนวนมาก นอกจากนี้ยังใกล้กับสถาบันการศึกษา ไม่ว่าจะเป็นมหาวิทยาศรีนครินทวิโรฒ ประสานมิตร โรงเรียนวัฒนาวิทยาลัย โรงเรียนนานาชาติเอกมัย รวมไปถึงโรงพยาบาลชั้นนำ อาทิ โรงพยาบาลสมิติเวช โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลคามิลเลียน เป็นต้น นายไพโรจน์ กล่าวเพิ่มเติมสำหรับการลงทุนพัฒนาล่าสุดที่อยู่ในทำเลพร้อมพงษ์ในจุดเดียวกันและจะพัฒนาใกล้เคียงในลักษณะเดียวกัน ซึ่งจะอยู่ในโปรดักส์ควินทารา มาย’ ซีรีย์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Creator of Life’s Pleasures” คือโครงการควินทารา มาย'เซน พร้อมพงษ์ มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท คอนโดมิเนียม 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 276 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ 2 ไร่ ราคาเริ่มต้นที่คุ้มค่า เพียง 2.49 ล้านบาท มีจุดเด่น ดีไซน์สไตล์วิถีความเป็นเซน คือเรียบง่าย สบาย และลงตัว การออกแบบห้องพักที่ทั้งแบบสตูดิโอ 1 ห้องนอน และมีขนาดแบบ 1 ห้องนอนใหญ่ อีกทั้งยังมีแบบ 2 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้น 21-65 ตร.ม. ซึ่งขณะนี้อยู่ในระหว่างการก่อสร้าง โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จและพร้อมเปิดตัวในช่วงไตรมาส 4/2024 อย่างไรก็ตาม ตอนนี้โครงการควินทารา มาย'เซน พร้อมพงษ์ มียอดพรีเซลแล้วกว่า 50% ทั้งนี้บริษัทฯ คาดการณ์สถานการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ครึ่งหลังต่อจากนี้ อันเนื่องจากปัญหา อันได้แก่ ภาวะหนี้ครัวเรือนที่สูงขึ้น ขณะที่ประชากรในประเทศไทยเป็นสังคมสูงวัยมากขึ้น สำหรับในประชากรกลุ่ม Gen Z ก็จะมีวิถีชีวิตที่เปลี่ยนไป คือนิยมเช่าบ้านมากกว่าซื้อ อีกทั้งในส่วนของราคาที่ดินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ทำให้ต้นทุนการก่อสร้างสูง ที่อยู่ อาศัยจึงปรับขึ้นสูงตาม จึงทำให้ผู้บริโภคหันไปอยู่ทำเลนอกเมืองมากขึ้น แต่ก็จะมีต้นทุนค่าครองชีพและเดินทางที่ตามมา ซึ่งภายใต้ข้อจำกัดเบื้องต้นจากปัจจัยดังกล่าว จึงทำให้ ESTAR มุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยบนความคุ้มค่า คุ้มราคา และมีไลฟ์สไตล์ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคให้มากที่สุด และหากทางภาครัฐมีส่วนช่วยในการสนับสนุนหรือเพิ่มนโยบายการซื้อบ้านหลังแรกอย่างอีกครั้ง พร้อมปรับเกณฑ์มาตรการ LTV ใหม่ เอื้อต่อการกู้ซื้อบ้านและคอนโดหลังแรก ก็จะเอื้อประโยชน์ให้กับลูกค้าและสร้างความคล่องตัวในภาคอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น นายไพโรจน์ กล่าวสรุป   บทความน่าสนใจ ESTAR เปิดตัวผู้บริหารคนใหม่ ไพโรจน์ วัฒนวโรดม ปรับใหญ่รุกตลาดบ้าน    
เอ็นริช  ลุยตลาดบ้านเดี่ยวซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่  เปิด ARCH Sukhumvit 39 ใจกลางสุขุมวิท

เอ็นริช ลุยตลาดบ้านเดี่ยวซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ เปิด ARCH Sukhumvit 39 ใจกลางสุขุมวิท

เอ็นริช เดินหน้าพัฒนาโครงการบ้านระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ “ARCH Sukhumvit 39” มูลค่า 835 ล้านบาท บนทำเลหรู สุขุมวิท 39 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การอยู่อาศัยแบบลักชัวรี่ ภายใต้แนวคิด Guiding You to Practical Living  เพียง 12 หลัง   นางสาวสุพิชา ณัฐสุวรรณพล ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารธุรกิจ กลุ่มบริษัทเอ็นริช เปิดเผยว่า หลังจากกลุ่มบริษัทเอ็นริช ประสบความสำเร็จจากการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ทั้งในกรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก อาทิ โครงการ THE MARQ Exquisite ราชพฤกษ์-จรัญสนิทวงศ์ บ้านเดี่ยวระดับลักซ์ชัวรี่ ซึ่งเป็นการร่วมมือกันพัฒนาโครงการระหว่างกลุ่มบริษัทเอ็นริช กับบริษัท ไซบุแก๊ส โฮลดิ้ง จำกัด (Saibu Gas Holdings Co.,Ltd.) ยักษ์ใหญ่ด้านพลังงานจากประเทศญี่ปุ่น ซึ่งก่อตั้งมานานกว่า 90 ปี ที่เลือกลงทุนในโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับคุณภาพทั่วโลก   โดยโครงการมีการออกแบบพื้นที่ใช้สอยในบ้านผสานแนวคิดการจัดบ้านแบบ "คอนมาริ" ในสไตล์ มาริเอะ คอนโดะ ร่วมกับตัวแทนที่ปรึกษาระดับมาสเตอร์ ควบคู่กับการการออกแบบทางสถาปัตยกรรมที่สวยงาม ตอบรับกับการอยู่อาศัยของทุกคนในครอบครัว ส่งผลให้โครงการประสบความสำเร็จ และสามารถปิดโครงการได้ภายในระยะเวลาอันรวดเร็ว และด้วยความสำเร็จจากโครงการ  THE MARQ Exquisite ราชพฤกษ์-จรัญสนิทวงศ์ ทางบริษัท ไซบุแก๊ส ก็ยังคงเชื่อมั่น และร่วมพัฒนาโปรเจกต์กับเอ็นริชในโครงการ ARCH Sukhumvit 39   นอกจากนี้ กลุ่มบริษัทเอ็นริช ยังพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรูปแบบต่างๆ อาทิ บ้านเดี่ยว ทาวน์โฮมคอนโดมิเนียม ทั้งในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างเช่น ดุสิตดีทู เรสซิเดนเซส หัวหิน อีกทั้งยังกวาดรางวัลระดับนานาชาติมามากมาย อาทิ Asia Pacific Property Awards และ Thailand Property Award เป็นเครื่องยืนยันได้ถึงความมุ่งมั่นที่จะเป็นเลิศในการพัฒนาที่อยู่อาศัย ที่ตอบสนองทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรม และฟังก์ชันการใช้งาน โดยการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ของกลุ่มบริษัทเอ็นริช มุ่งเน้นการสร้างความแตกต่างของการอยู่อาศัย ภายใต้แนวคิดหลัก คือ  Guiding You to Practical Living ที่เริ่มต้นจากการทำความเข้าใจรูปแบบการใช้ชีวิต รับฟังความต้องการจากผู้อยู่อาศัยจริง รวมทั้งนำไลฟ์สไตส์มาผสานกับนวัตกรรม ที่เอื้ออำนวยต่อวิถีชีวิตยุคใหม่ มาพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้กับลูกค้า รวมถึงการพัฒนาที่ให้ความสำคัญในเรื่องของความงามทางสถาปัตยกรรม และสุนทรียะในการใช้ชีวิต จึงทำให้โครงการมีความโดดเด่น และสอดรับกับเทรนด์การอยู่อาศัยในปัจจุบันสำหรับทุกคนในครอบครัว นางสาวสุพิชา กล่าวอีกว่า จากความสำเร็จของการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยระดับลักซ์ชัวรี่ต่าง ๆ ที่ผ่านมา รวมถึงแนวคิดการพัฒนาโครงการ ที่มุ่งเน้นการเติมเต็มทุกประสบการณ์การอยู่อาศัยให้เหมาะสม และลงตัวที่สุด บริษัทจึงเดินหน้าพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยประกาศความพร้อมกับโครงการระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ บนทำเลที่ดีที่สุดของถนนสุขุมวิทภายใต้ชื่อ “ARCH Sukhumvit 39”   สำหรับโครงการ ARCH Sukhumvit 39 พัฒนาเป็นโครงการบ้านระดับซุปเปอร์ลักซ์ชัวรี่ ด้วยดีไซน์แบบ Modern Classic เน้นการออกแบบรูปทรง ARCH ทำให้โครงการโดดเด่น มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บนที่ดิน 2 ไร่ จำนวน 12 หลัง พื้นที่ใช้สอย 535-839 ตร.ม. ขนาด 4-5 ห้องนอน และที่จอดรถ 4-6 คัน* พร้อมลิฟต์ส่วนตัว ในราคาเริ่มต้น 65 ล้านบาท* โดยมีกำหนดเปิดตัวอย่างเป็นทางการเดือนกรกฎาคม 2566 นี้ เราใส่ใจเรื่องทำเลของโครงการที่เราจะพัฒนาเป็นอันดับต้นๆ เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการเดินทาง และแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ซึ่งโครงการ ARCH Sukhumvit 39 อยู่ในทำเลที่เป็น CBD  ของกรุงเทพฯ ที่นับวันยิ่งหายากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับพื้นที่โดยรอบโครงการ ได้รับการพัฒนาจนพรั่งพร้อมด้วยแหล่งอำนวยความสะดวก ที่ทำให้การใช้ชีวิตสะดวกและง่ายดาย อาทิ  บีทีเอสพร้อมพงษ์ ศูนย์การค้าเอ็มโพเรียม เอ็มควอเทียร์ ซึ่งเป็นแหล่งช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ระดับโลก รวมถึงโครงการเอ็มสเฟียร์ที่กำลังจะเปิดให้บริการในช่วงปลายปี 2566 ซึ่งโครงการต่าง ๆ ดังกล่าวมีระยะห่างจากโครงการระยะเดินทางเพียง 10 นาทีเท่านั้น นอกจากนี้โครงการ ARCH Sukhumvit 39 ยังมีเส้นทางลัดเชื่อมต่อไปย่านทองหล่อ-เอกมัย ย่านไลฟสไตล์คนเมือง หรือย่านอโศก ย่านธุรกิจสำคัญได้อย่างง่ายดาย และยังตั้งอยู่ใกล้กับโรงพยาบาลชั้นนำ อย่าง โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท ใกล้โรงเรียนที่มีชื่อเสียงระดับประเทศและโรงเรียนนานาชาติอีกด้วย   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เอ็นริช ทุ่ม 1,500 ล้านบาท ผุดโครงการคอนโดมิเนียม-โรงแรม ใจกลางเมืองหัวหิน ภายใต้แบรนด์ “ดุสิตดีทู”
PARC Ekkamai-Pattanakarn    คอนโดแนวคิดใหม่ ที่ให้คุณได้ “พัก” ในแบบของคุณเอง

PARC Ekkamai-Pattanakarn    คอนโดแนวคิดใหม่ ที่ให้คุณได้ “พัก” ในแบบของคุณเอง

Supalai Parc เอกมัย-พัฒนาการ   เป็นโครงการที่นำเอาคำว่า PARC ซึ่งแปลว่า สวน ในภาษาฝรั่งเศส มาตีความให้เข้าถึงได้ในแบบศุภาลัย  โดยโครงการที่ได้เอาสถาปัตยกรรม Iconic ในฝรั่งเศสมาไว้ในโครงการ เช่น การจำลองฐานของ หอไอเฟล มาไว้ใน Eiffel Pavilion พร้อม Fountain Plaza ที่บริเวณสวน Green Buffer หน้าโครงการ  สีของอาคารถูกวาดให้เป็นส่วนโค้งโดดเด่นในแบบ ฝรั่งเศส     Supalai Parc เอกมัย-พัฒนาการ    โครงการมีพื้นที่ถึง 13-0-97 ไร่   ใช้พื้นที่สีเขียว 4 ไร่อยู่ระหว่าง 2 อาคาร โครงการนี้ให้พื้นที่ส่วนกลางเยอะมาก กับค่าส่วนกลาง เพียง 39 บาทต่อตารางเมตรคุ้มค่ามากกก  มาดูกันว่า 39 บาทต่อตารางเมตรได้อะไรบ้าง Franch Parc สวนสไตล์ฝรั่งเศษขนาดใหญ่ จะมีน้ำพุใหญ่กลางสระบัวJogging ที่ยาวถึง 1 กม. สระว่ายน้ำ  Olympic Pool และหายากไม่ค่อยมีโครงการไหนทำ  Street Basketball ใครชอบก็มีให้เล่น ห้องฟิตเนส Game Room ห้องทำงาน ห้องWork Shop Sky Lounge นั่งชิวดูวิวกรุงเทพ     ส่งมอบนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ชีวิตของคนรุ่นใหม่ ทั้งด้านเทคโนโลยีและด้านสุขภาพ จุดรับกล่องพัสดุและ Food Delivery ให้มีระเบียบมากขึ้นด้วยจุด Food Drop และ  Drop Store และแก้ปัญหาแบบที่ไม่เคยมีใครคิดทำมาก่อน เมื่อสัมภาระล้นห้องด้วย Parc Storage  เอาพื้นที่ส่วนหนึ่งในแต่ละ Floor ทำเป็นห้อง Storage เก็บของสำหรับลูกบ้านโดยเฉพาะ ชั้นนึงมีเพียง 2-3 ยูนิต “พื้นที่นี้ขายแต่ราคาจะถูกกว่าห้องปกติ30,000 บาท” มีโฉนด มีจอดรถ สำหรับลุกบ้านสายสะสมของ หรือ ลูกบ้านจะมีธุรกิจทำเป็นห้องเก็บสต๊อกของได้เลย     Supalai Parc เอกมัย-พัฒนาการ  คอนโดมิเนียม 2 อาคาร อาคาร A สูง 30 ชั้น จำนวน 1 อาคาร  อาคาร B สูง 27 ชั้น จำนวน 1 อาคาร  มีแบบห้องทั้งหมด 6 แบบด้วยกัน คือ Studio : ขนาดพื้นที่ใช้สอย 30.0 ตร.ม. One Bedroom : ขนาดพื้นที่ใช้สอย 34.0 - 35.5 ตร.ม. One Bedroom Plus : ขนาดพื้นที่ใช้สอย 40.0 - 46.0 ตร.ม. Two Bedroom (1 Bathroom) : ขนาดพื้นที่ใช้สอย 46.0 - 56.0 ตร.ม. Two Bedroom (2 Bathroom) : ขนาดพื้นที่ใช้สอย 60.5 - 78.0 ตร.ม. Three Bedroom : ขนาดพื้นที่ใช้สอย 80.5 - 100.0 ตร.ม.     Supalai Parc เอกมัย-พัฒนาการ  เดินทางสะดวกทั้งรถส่วนตัวและรถสาธารณะ จะไปทองหล่อ เอกมัยและถนนสุขุมวิทก็ไม่ไกล ใกล้ทางด่วน ใกล้แอร์พอร์ตลิงก์ รถไฟฟ้าสายสีเขียว ทำให้การเดินทางเข้าสู่ใจกลางกรุงเทพได้ไม่ยาก รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายในราคาเริ่มต้นเพียง 1.89 ล้านบาท  หรือเฉลี่ยทั้งโครงการเพียง 70,000 บาท/ตร.ม. เท่านั้น                 โครงการน่าสนใจ คอนโดฯวิวทะเล ใจกลางหัวหิน “ศุภาลัย บลูเวล” City Home ดีไซน์ใหม่ ราคาสบายกระเป๋า เริ่ม 1.09 ล้านบาท “รัชดา-วงศ์สว่าง” น่าอยู่อย่างไร?
[PR News] PF เปิดตัวคอนโดโครงการใหม่ “ไอคอนโด แอคทีฟ พัฒนาการ”

[PR News] PF เปิดตัวคอนโดโครงการใหม่ “ไอคอนโด แอคทีฟ พัฒนาการ”

พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค เปิดตัวโครงการใหม่ “ไอคอนโด แอคทีฟ พัฒนาการ” ทำเลติดถนนพัฒนาการ  ติดโรงพยาบาลสินแพทย์แห่งใหม่ ภายใต้แนวคิด "Active" สะท้อนความไม่หยุดนิ่ง ชูจุดเด่นเน้นตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์ เอาใจสายแอคทีฟด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกรูปแบบใหม่ๆ ปรับภาพลักษณ์ให้ทันสมัยมากขึ้น   นายวงศกรณ์ ประสิทธิ์วิภาต กรรมการผู้จัดการ บริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PF เปิดเผยว่า บริษัทได้เปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ภายใต้แบรนด์ไอคอนโด ได้แก่ ไอคอนโด แอคทีฟ พัฒนาการ จับตลาดกลุ่มคนรุ่นใหม่วัยเริ่มต้นทำงาน รวมถึงกลุ่มนักศึกษา ด้วยการเลือกทำเลที่ตั้งบนถนนพัฒนาการที่เชื่อมต่อย่านธุรกิจเอกมัย ทองหล่อ และยังใกล้มหาวิทยาลัย โดยเปิดตัวด้วยภาพลักษณ์ใหม่ที่ทันสมัยมากขึ้น ภายใต้แนวคิด "Active" สะท้อนถึงความไม่หยุดนิ่ง เพื่อมอบประสบการณ์ใหม่ๆ ที่ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมายคนรุ่นใหม่  และตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มผู้บริโภคในปัจจุบันได้อย่างตรงจุด ไอคอนโด แอททีฟ พัฒนาการ ตั้งอยู่บนทำเลถนนพัฒนาการ 37 โดยอยู่ติดกับโรงพยาบาลสินแพทย์แห่งใหม่ สามารถเดินถึงทั้งมหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิตและสถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่นในไม่กี่นาที  เดินทางสะดวกสบายใกล้รถไฟฟ้า 2 สาย ทั้งแอร์พอร์ตลิงค์และรถไฟฟ้าสายสีเหลือง และใกล้ทางด่วน 2 เส้นหลัก ได้แก่ ทางพิเศษศรีรัชและทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ใกล้สิ่งอำนวยความสะดวกในชีวิตประจำวัน ทั้ง โลตัสพัฒนาการ เเม็กซ์แวลูพัฒนาการ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ โรงเรียนปาณยาพัฒนาการ แม็คโครสำนักงานใหญ่ เป็นทำเลเมืองที่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยที่สุดแห่งหนึ่งในวันนี้   โครงการมีพื้นที่ 5 ไร่ เป็นคอนโดมิเนียมในสไตล์โมเดิร์น 8 ชั้น 2 อาคาร จำนวนรวม 445 ยูนิต แบ่งเป็นอาคาร A จำนวน 231 ยูนิต และ อาคาร B จำนวน 214 ยูนิต  ออกแบบให้ตัวอาคารโอบล้อมสระว่ายน้ำและสวนพักผ่อน เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้ความเป็นส่วนตัว และสามารถออกมาใช้งานพื้นที่ส่วนกลางได้อย่างสะดวก รูปแบบห้องประกอบด้วย ห้อง 1 Bedroom ขนาด 24 –30 ตร.ม. และ ห้อง 2 Bedroom ขนาด 45.7 ตร.ม. ทุกห้องตกแต่งเฟอร์นิเจอร์ครบชุดแบบ Fully Furnished นอกเหนือจากความสะดวกสบายในชีวิตประจำวันแล้ว  โครงการยังมีจุดเด่นที่เน้นตอบโจทย์ด้านไลฟ์สไตล์ให้กับผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น การออกแบบให้มีพื้นที่รองรับทั้งจุดรับส่งอาหารและห้องจัดเก็บพัสดุ ฟิตเนสที่มีอุปกรณ์รูปแบบใหม่ๆ อาทิเช่น จักรยานออกกำลัง แบบ Virtual Cycling  กระจกออกกำลังกายอัจฉริยะ Fitness Mirror ที่เหมือนมีเทรนเนอร์ส่วนตัว ระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Face Recognition ระบบสแกนทะเบียนรถเข้าออก ตลอดจนมีการนำนวัตกรรมมาใช้เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ทั้ง ระบบไอออนกำจัดเชื้อโรคในอากาศ SCG Bi-ion ให้คุณภาพอากาศที่ดีทั้งในล็อบบี้ ฟิตเนส และ Co-working Space ทุกห้องพักติดตั้งเครื่องปรับอากาศที่สามารถกรองฝุ่น PM 2.5 และ ประตูห้องระบบ Digital Door Lock ที่สามารถควบคุมด้วยแอปพลิเคชั่นบนสมาร์ทโฟน ทั้งปลอดภัยและสะดวกสบาย    “ไอคอนโด แอคทีฟ พัฒนาการ” จะเปิดให้ชมห้องตัวอย่าง และเปิดจองในช่วงพรีเซล วันที่ 10-11 มิถุนายนนี้ ด้วยราคาเริ่มต้น 2.2 ล้านบาท   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -เพอร์เฟค เปิดแผนธุรกิจ 2566 พร้อมเปิด 14 โครงการใหม่ มูลค่า 17,700 ล้าน -[PR News] เพอร์เฟค เดินหน้าเปิด 4 โครงการใหม่ในไตรมาส 2
“อาณา พระรามเก้า” บ้านหรูเพื่อคนโลกส่วนตัวสูง

“อาณา พระรามเก้า” บ้านหรูเพื่อคนโลกส่วนตัวสูง

อาณา พระรามเก้า ทำเลพระราม 9 ทำเลฮอตฮิตสุดของบ้านหรูที่ใกล้เมือง  หลายดีเวลลอปเปอร์จับจองพื้นที่ทำบ้านหรูที่แครมว่า ใกล้เมืองสุดๆ รวมถึงวันนี้  ดีเวล แกรนด์ แอสเสท พามาดูโครงการใหม่  “อาณา พระรามเก้า” (ARNA RAMA 9) เป็นบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ ชูคอนเซ็ปต์ “MY CURATED SANCTUARY” และ การตกแต่งสไตล์ Modern Italian Design ผสานความคลาสสิกร่วมสมัยและไม่ทิ้งความหรูหรา และอีกความสุดของคนที่มีโลกส่วนตัวสุง เพราะโครงการมีเพียง 8 ครอบครัวเท่านั้นที่จะได้อยู่ในบ้านพรีเมี่ยมโครงการนี้      อาณา พระรามเก้า เหมาะสำหรับคนมีโลกส่วนตัวสูง มีความเป็นส่วนตัวมากเพราะมีเพียงจำนวน 8 ยูนิต เท่านั้น บนพื้นที่โครงการรวม 1 - 1 - 64 ไร่ โดดเด่นด้วยที่ตั้งบนทำเลพระราม 9 ซอย 39 ที่สามารถเชื่อมต่อถนนพระราม 9, รามคำแหง, เอกมัย, ทองหล่อ, สุขุมวิท ใกล้จุด ขึ้น – ลงทางด่วนพิเศษศรีรัชและทางด่วนพิเศษฉลองรัช และใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้มสถานีรามคำแหง 12 ที่กำลังจะเสร็จในอนาคต อีกทั้งยังแวดล้อมไปด้วยร้านอาหาร, แหล่งชอปปิง, สถานศึกษาชื่อดัง, โรงพยาบาลชั้นนำ เป็นต้น     อาณา พระรามเก้า ตัวบ้านได้รับการออกแบบสไตล์ “Modern Italian Design” ที่มีการผสมสานความคลาสสิกและความร่วมสมัย เข้าด้วยกันได้อย่างกลมกลืน มีเอกลักษณ์ แต่ยังคงไว้ซึ่งความหรูหรา เหนือกาลเวลา มีการวาง Space layout ให้ปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามความต้องการ บ้านถูกออกเป็น 3 ชั้น พร้อมดาดฟ้าทำเป็น Rooftop Garden พื้นที่อเนกประสงค์บริเวณดาดฟ้า   ที่สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันการใช้งานตามไลฟ์สไตล์ อาทิ ฟิตเนสส่วนตัว หรือสวนลอยฟ้าที่สามารถมองวิว  แบบพาโนรามา พิเศษกับความสูงเพดาน  3 - 3.6 เมตร ให้ความรู้สึกโล่ง โปร่ง สบาย   พร้อมรับแสงธรรมชาติและเชื่อมต่อกับพื้นที่สีเขียวรอบบ้าน พื้นบ้านและบันไดปูด้วยไม้สักไม้จริง  เพื่อความแข็งแรงทำให้ทุกสัมผัสรู้สึกแน่นแข็งแรง  เพิ่ม  Well-being ทุกหลังด้วยระบบเทคโนโลยี nanoe™ X ซึ่งเป็นการใช้ประโยชน์จากพลังของอนุมูลไฮดรอกซิลในการยับยั้งเชื้อไวรัสในอากาศ มลพิษและกลิ่นไม่พึงประสงค์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ฯลฯ   แบบบ้านมีให้เลือกทั้งหมด 2 Type ได้แก่  Type A จำนวน 5 ยูนิต ที่ดินขนาด 44.20 - 45.60 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 515 ตารางเมตร จำนวน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 3 มีลิฟท์ ที่จอดรถ   Type B จำนวน 3 ยูนิต ที่ดินขนาด 56.40 – 56.80 ตารางวา พื้นที่ใช้สอย 611 ตารางเมตร จำนวน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 4 ที่จอดรถ ลิฟท์และสระว่ายน้ำส่วนตัวยาว 10 เมตร พร้อมระบบน้ำแร่ Ionizer เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม กับคุณสมบัติพิเศษไม่ระคายเคืองดวงตาและผิวหนัง โดยทุกยูนิตเป็นแบบ Fully Fitted อีกทั้งที่จอดรถรองรับระบบ EV Charger   โอบล้อมด้วยพื้นที่สีเขียวกับบรรยากาศธรรมชาติอันร่มรื่น โดยมีการวางผังเพื่อเก็บรักษาต้นจามจุรีอายุกว่า 50 ปีของพื้นที่เดิม และคงไว้ซึ่งเสน่ห์ดั่งเดิมของชุมชนรอบๆ แห่งนี้ การรักษาความปลอดภัยด้วยระบบกล้องวงจรปิดรอบโครงการและเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง    “Private Home, for Private One บ้านที่เข้าใจคนโลก(ความสุข)ส่วนตัวสูง”  กับ “อาณา พระรามเก้า” บ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่โครงการใหม่ล่าสุดบนทำเลพระราม 9 - รามคำแหง ราคา 39.9 - 73ล้านบาท   บทความหน้าสนใจ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส คฤหาสน์ 200 ล้าน ณ พัฒนาการ “Park Heritage”บ้านที่ไร้กาลเวลาเพื่อส่งต่อรุ่นสู่รุ่น
“บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์” บ้านแฝดและทาวน์โฮมสไตล์ นิวยอร์ก

“บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์” บ้านแฝดและทาวน์โฮมสไตล์ นิวยอร์ก

บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์  โครงการบ้านแฝดและทาวน์โฮมสุดหรูที่โดดเด่นด้วยดีไซน์มีสไตล์ เหมือนอยู่ในบ้านกลางนิวยอร์ก พัฒนาโดย “อยู่เจริญเอสเตทส” (U Charoen Estate) U Charoen Estate บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ โครงการตั้งอยู่บนถนนนาคนิวาส ซอย 6 ในโซนลาดพร้าวเข้าออกได้หลายช่องทาง ที่ใกล้ทางด่วนเพียง 5 นาที และจะเดินทางเข้าเอกมัยทองหล่อก็ใช้เวลาไม่นาน  โครงการตั้งอยู่บนที่ดิน 4 ไร่ ให้ความส่วนตัวเพราะมีแค่ 28 ยูนิต  ราคาเริ่มต้นที่ 38 ล้านบาทจนถึง 50 ล้านบาท โลเคชั่นดีรายล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้ง ร้านอาหารอร่อย ใกล้แหล่งงานภาครัฐและเอกชน  โครงการอยู่ด้านหลังห้างเซ็นทรัล อีสต์วิลล์ เพียง300 เมตร  แหล่งรวมสิ่งอำนวยความสะดวกในย่านเรียบด่วน  การเดินทางสะดวกใกล้จุดขึ้นลงทางด่วน และเข้าสู่กลางเมือง อย่างเอกมัย ทองหล่อ ก็ใช้เวลาไม่นาน   ส่วนไฮไลท์ของโครงการ บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ ได้รับแรงบันดาลใจจากการใช้ชีวิตของผู้คนในในย่านสุดหรูของมหานครนิวยอร์ก อย่างย่าน Upper Eastside เช่น Madison, Lexington และ Park Avenue มาตอบโจทย์ผู้บริโภค ที่มีไลฟ์สไตล์ชอบการท่องเที่ยว และงานศิลปะ ด้านการออกแบบบ้านแฝดและทาวน์โฮม สามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชันให้ตรงตามต้องการ หรือแม้แต่การจัดเป็นโฮมออฟฟิศก็สามารถจัดทำได้เช่นกัน และยังคงความเป็นส่วนตัว สอดคล้องกับพฤติกรรมความต้องการของผู้อยู่อาศัย การออกแบบในสไตล์ Modern Palladian โดยแรงบันดาลใจจากการใช้ชีวิตของผู้คนในมหานครนิวยอร์ก และยังทันสมัยเพราะทุกหลัง Smart Home Automation  และ ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ทุกหลัง จุดเด่นของบ้านเป็นบ้านหน้ากว้าง 12 เมตรจอดรถสูงสุดได้ 4 คัน   “บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์”  มีความเป็นส่วนตัวสุง ด้วยจำนวนเพียง 28 ยูนิต โดยมีแบบบ้าน 2 รูปแบบ ได้แก่ ทาวน์โฮม 4 ชั้น 3 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้น 40 ตารางวา จำนวน 20 หลัง และ บ้านแฝด 3 ชั้น และ 2 ชั้นลอย 3 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้น 44.2 ตารางวา เพียง 8 หลัง ราคาเริ่มต้น ที่มาหน้ากว้าง 12 เมตรที่สามารถจอดรถได้ถึง 4 คัน 3 ห้องนอนและมีห้องสำหรับแม่บ้าน พร้อมฟังชั่นปรับเปลี่ยนได้ตามความต้องการของทุกคน ส่วนกลาง พื้นที่ส่วนกลางมีพื้นที่สีเขียวพร้อมต้นไม้ใหญ่  โอบล้อมด้วยพืชพันธุ์ไม้หอมของไทย เช่น ลำดวน และปีป มีคลับเฮ้าส์ ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำระบบน้ำเกลือ ฟิตเนส และห้องประชุม รวมถึงสนามกว้างขวาง ที่รองรับกิจกรรมกลางแจ้งได้หลากหลาย มาพร้อม โคเวอคกิ้ง สเปส และ คุกกิ้งสเปส จัดปาร์ตี้บาร์บีคิวกันได้เลย   บ้านอยู่เจริญ อีสต์วิลล์ ตอนนี้บ้านตัวอย่างมีให้ชมครบทั้งบ้านแฝดและทาวน์โฮม  โครงการมูลค่ากว่า 1000 ล้าน ที่ตั้งใจยก มหานครนิวยอร์ก มาวางที่เรียบด่วนรามอินทรา สนใจเยี่ยมชมโครงการกันได้แล้ว     บทความน่าสนใจ One Atelier Phaholyothin ไพรเวท เรสซิเดนซ์ Luxury townhome เอกสิทธิ์เพียง 13 ครอบครัวเท่านั้น DEMI Sathu 49 บ้านที่พัฒนา มาเพื่อคุณ The Haute กาญจนา–สาทร Vertical Biz Villa บ้านที่เป็นได้ทุกอย่างในทุกจังหวะของชีวิต  
ริสแลนด์ โชว์ยอดขายปี 65 ทะลุเป้ากว่า 6,900 ล้านบาท

ริสแลนด์ โชว์ยอดขายปี 65 ทะลุเป้ากว่า 6,900 ล้านบาท

ริสแลนด์ ประเทศไทย กลุ่มพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่ระดับโลกสัญชาติฮ่องกง โชว์ยอดขายปี 2565 กวาดรายได้รวมกว่า 6,900 ล้านบาท จากทั้งหมด 7 โครงการ พร้อมรุกตลาดออนไลน์เจาะกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ล่าสุดจัดงานเปิดตึกโครงการ คลาวด์ ทองหล่อ - เพชรบุรี คอนโดมิเนียมไฮไรส์ ราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท คาดปิดการขายได้ภายในไตรมาส 3 ปี 2567   นายสวี่ โจว ผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการขายและการตลาด ประจำภูมิภาคไทย บริษัท ริสแลนด์ (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า ผลประกอบการในปี 2565 ที่ผ่านมา สามารถกวาดยอดขายได้กว่า 6,900 ล้านบาท จากทั้งหมด 7 โครงการ  ประกอบด้วยโครงการบ้านเดี่ยว 1 โครงการ โครงการคอนโดมิเนียม 4 โครงการ และโครงการมิกซ์ยูส 2 โครงการ   โดยปัจจัยความสำเร็จมาจากแนวคิดของริสแลนด์ ซึ่งกล้าที่จะลอง และกล้าที่จะเปลี่ยน จึงมีการปรับเปลี่ยนกลยุทธ์และแผนการดำเนินงานให้สอดคล้องกับสถานการณ์ โดยมีการปรับราคาบางส่วนให้เหมาะสมกับราคาตลาด รวมถึงนโยบายส่วนลดพิเศษอื่นๆ ที่ตอบโจทย์ความต้องของลูกค้าตามสภาพเศษฐกิจในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา และมุ่งเน้นทำการตลาด และการขายผ่านช่องทางออนไลน์ให้มากยิ่งขึ้น เพื่อรองรับกับพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป อีกทั้งยังเพิ่มช่องทางการขายผ่านตัวแทนขายในต่างประเทศเพื่ออำนวยความสะดวกให้กลุ่มลูกค้าต่างชาติ ในช่วงที่มีการควบคุมการเดินทางระหว่างประเทศ สำหรับปี 2566 บริษัทวางเป้าหมายรายได้รวมอยู่ที่ 6,808 ล้านบาท โดยยังไม่มีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้  แต่มีการวางแผนในระยะยาวมองหาและสะสมที่ดินแปลงใหม่ๆ ที่มีศักยภาพเพื่อวางแผนที่จะเปิดตัวโครงการในอนาคตในช่วงเวลาที่เหมาะสม โดยในปี 2566 บริษัทมีแผนจะจัดอีเว้นท์ใหญ่รวมทุกโครงการ เช่นงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งที่ 43 พร้อมรับข้อเสนอพิเศษต่างๆภายในงาน และงานเปิดตัวอาคารไฮไรส์ โครงการ เดอะลิฟวิ่น เพชรเกษม ในช่วงกลางปีนี้   สำหรับภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปี 2566 ภาพรวมจะยังคงพัฒนาไปอย่างต่อเนื่อง แนวโน้มราคาจะเพิ่มขึ้นอย่างเหมาะสมประมาณร้อยละ 3 ถึง 8 เมื่อเทียบกับปี 2565 เพื่อป้องกันแรงกดดันจากเงินเฟ้อ โดยผลกระทบของเงินเฟ้อทำให้ต้นทุนหลัก เช่น ค่าก่อสร้าง ค่าแรงงาน ค่าไฟฟ้า และอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ส่วนอุปทานคอนโดมิเนียมในย่านทองหล่อ เอกมัย โดยคาดการณ์ว่า ภายในสิ้นปี 2566 จะมีจำนวนคอนโดมิเนียมใหม่เปิดขายสะสมสูงประมาณ 6,000 ยูนิต มีอัตราการดูดซับของตลาดกว่า 70 - 80% และมีอัตราผลตอบแทนการลงทุนประมาณ 5-6 %   ล่าสุด ได้จัดงานเปิดตึกโครงการ คลาวด์ ทองหล่อ – เพชรบุรี คอนโดมิเนียมไฮไรส์บนถนนเพชรบุรี ให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมตึกจริง ห้องจริง วิวจริง เป็นครั้งแรก จัดเต็มด้วยพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 4,000 ตารางเมตร โดดเด่นด้วยความสูงถึง 55 ชั้น กว่า 202 เมตร พร้อม Sky Facilities Full Function และสระว่ายน้ำบนชั้นลอยฟ้ารับวิวเมืองรอบทิศทางแบบ 360 องศา ออกแบบให้ความหรูหราและเป็นส่วนตัวด้วยเพียง 14 ห้องต่อชั้น และในราคาเริ่มต้นเพียง 3.2 ล้านบาท อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -ริสแลนด์ ไม่หวั่นสงครามราคาคอนโด อัพราคา 10%  “เดอะลิฟวิ่น รามคำแหง” -ริสแลนด์ ยังไปต่อด้วยกลยุทธ์ “Think Global, Act Local” ปั้นโปรเจ็กต์ปีละหมื่นล้านสู้โควิด-19
ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส คฤหาสน์ 200 ล้าน ณ พัฒนาการ

ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส คฤหาสน์ 200 ล้าน ณ พัฒนาการ

ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส บ้านเดี่ยว Super Luxury      สิงห์ เอสเตท เปิดตัว ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส บ้านเดี่ยว Super Luxury ราคาเกือบ200 ล้าน  สุดยอดของความเป็นส่วนตัวเพราะ ทั้งโครงการมีบ้านเพียงแค่ 28 ยูนิต   ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส บ้านเดี่ยว Super Luxury ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซสโครงการการเดินทางสะดวก สามารถเชื่อมต่อไปยังเส้นสุขุมวิท ทองหล่อ เอกมัย เพียง 5 กิโลเมตร หรือเชื่อมต่อโซนเศรษฐกิจใหม่อย่างถนนพระราม 9 ก็ไม่ไกลมากนัก   ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส บ้านเดี่ยว Super Luxury โครงการ ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส ตั้งอยู่พัฒนาการ 32 เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ตั้งอยู่บนพื้นที่โครงการ 23-3-40 ไร่ ที่สุดของความเป็นส่วนตัวเพราะมีเพียง 28 หลัง ที่ดินบ้านเริ่มต้น 125-219 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 551-682 ตร.ม. ฟังก์ชันบ้าน 4-5 ห้องนอน พร้อมที่จอดรถ 4-8 คัน มูลค่าโครงการ 2,900 ล้านบาท ถ้าใครเคยไปชม สันติบุรี เดอะ เรสซิเดนเซส จัดว่า ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส ก็หรูหราไม่แพ้กัน     ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส เป็นบ้านเดี่ยวขนาดใหญ่ ภายใต้แนวคิด Modernism Tropical Architecture เชื่อมต่อฟังก์ชันที่ลงตัว ทุกคนในบ้านมีพื้นที่ส่วนตัว ห้องนอน ห้องน้ำส่วนตัว แต่ก็สามารถเชื่อมต่อเพื่อทำกิจกรรมร่วมกันกับคนในบ้านได้อย่างสบาย ทางเดินที่เชื่อมหากัน  บ้านทุกหลังมีห้องพักสำหรับผู้สูงอายุ มีทางลาดและห้องน้ำกว้างขวางเพื่อรองรับวีลแชร์  บ้านทุกแบบยังดีไซน์ เพดาน สูงถึง 3.3 เมตร ช่วยให้บ้านดูโปร่งโล่ง วัสดุเลือกใช้แบรนด์ชั้นนำระดับโลกอย่าง Duravit หรือ Hansgrohe and Axor ด้านชุดครัวเลือกใช้แบรนด์นำเข้าจากเยอรมนี     แบบบ้านมีให้เลือก   Residence l        ที่ดินเริ่มต้น 125 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 551 ตร.ม. 4 ห้องนอน 4 ที่จอดรถ Residence ll      ที่ดินเริ่มต้น 152 ตร.ม. พื้นที่ใช้สอย 682 ตร.ม. 5 ห้องนอน จอดรถได้สูงสุด 8 คัน Residences lll   ที่ดินเริ่มต้น 219 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 820 ตร.ม. 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ จอดรถได้สูงสุด 8 คัน   ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส ให้พื่นที่ส่วนกลางจัดเต็ม ให้สิ่งอำนวยความสะดวกเพียบ  สระว่ายน้ำ จากุซซี่ ซาวน์น่า สนามเด็กเล่น Jogging track ระยะทาง 1 กิโลเมตร ห้องยิมที่ติดตั้งอุปกรณ์ออกกำลังกายจาก Technogym แบรนด์อันดับ 1 ของโลก  ความปลอดหายห่วง รปภ.และกล้อง CCTV 24 ชั่วโมง    ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส โดยการพัฒนาของ สิงห์ เอสเตท ที่ตั้งใจสร้างคุณค่า ชู 3 ปรัชญา ‘คุณภาพที่ดีที่สุด สุขภาพที่ดีที่สุด ดุลยภาพที่ดีที่สุด’  คุณภาพที่ดีที่สุด: Legacy in everyday comforts  ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส นอกจากวัสดุและฟังก์ชันต่างๆ ในระดับ Best in Class แล้ว ยังให้ความสำคัญกับวิธีคิดในการสร้างบ้านเพื่อคุณภาพที่ดีที่สุด ด้วยการใส่ใจในรายละเอียดของความสะดวกสบายและความปลอดภัยของผู้อยู่อาศัย มีการออกแบบทุกพื้นที่ภายในบ้านให้ตอบโจทย์กิจกรรมของทุกคนในครอบครัว  แนวความคิดที่คิดเผื่อถึงแสงสว่างจากแสงธรรมชาติส่องถึง เพิ่มความรู้สึกโปร่งโล่งมากยิ่งขึ้น สุขภาพที่ดีที่สุด: Legacy for your wellness  ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส สุขภาพเป็นสิ่งสำคัญ ใส่รายละเอียดของบ้านเพื่อสร้างสุขภาพที่ดีทั้งร่างกายและจิตใจ เริ่มตั้งแต่การออกแบบบ้านที่เย็นสบาย ผนังของบ้านมี2 ชั้น สะท้อนความร้อน ช่วยให้บ้านเย็นสบาย เลือกใช้ประตูหน้าต่างที่เก็บเสียง ให้ความเงียบสงบเมื่ออยู่ภายในบ้าน และการออกแบบทิศทางลมแบบรวมทั้งติดตั้งระบบระบายอากาศเข้าไปทุกหลัง เพื่อช่วยให้อากาศถ่ายเทและป้องกันฝุ่น PM2.5 รวมถึง  ระบบน้ำประปาภายในโครงการที่ผ่านการกรองอีกชั้นที่ได้มาตรฐาน ดุลยภาพที่ดีที่สุด: Legacy for a better world  ศิรนินทร์ เรสซิเดนเซส โดยสิงห์ เอสเตท เน้นถึงความยั่งยืนของผู้อยู่อาศัยและสิ่งแวดล้อมภายในโครงการ ด้วยการแบ่งพื้นที่ส่วนกลางและส่วนตัว ให้พื้นที่กับธรรมชาติมากเป็นพิเศษ เพื่อความสดชื่นของผู้อยู่อาศัย และพลังงานที่ใช้ในพื้นที่ส่วนกลางได้จาก Solar Power บนหลังคาของบ้านทุกหลัง เป็นพลังงานสะอาดที่นำกลับมาใช้ในพื้นที่ส่วนกลาง เพื่อเป็นการประหยัดพลังงานสำหรับผู้อยู่อาศัย   บทความน่าสนใจ “Park Heritage”บ้านที่ไร้กาลเวลาเพื่อส่งต่อรุ่นสู่รุ่น “มอลตัน เกทส์ กรุงเทพกรีฑา” ออกแบบดี-สังคมดี-พักผ่อนดี-บริการดี-สัมผัสดี-สุขภาพดี Mulberry Grove The Forestias Villas บ้านคลัสเตอร์ แนวคิดใหม่เพื่อความสุขที่เพิ่มขึ้นของทุกเจเนอเรชั่นในครอบครัว
“Park Heritage”บ้านที่ไร้กาลเวลาเพื่อส่งต่อรุ่นสู่รุ่น

“Park Heritage”บ้านที่ไร้กาลเวลาเพื่อส่งต่อรุ่นสู่รุ่น

“Park Heritage”บ้านที่ไร้กาลเวลาเพื่อส่งต่อรุ่นสู่รุ่น Park Heritage โครงการอยู่ บริเวณซอยพัฒนาการ 20 แยก 8 โดยอยู่ก่อนอุโมงค์ทางลอดพัฒนาการ-รามคำแหง-ถาวรธวัช ที่ใช้เป็นเส้นทางหลีกเลี่ยงรถติดและเดินทางเข้าสู่กรุงเทพฯ ชั้นใน ได้อย่างสะดวกเร้วขึ้น เชื่อมต่อถนนสายสำคัญ อาทิ สุขุมวิท, ทองหล่อ, เอกมัย, เพชรบุรี และพระราม 9 รวมถึงอยู่ใกล้ทางพิเศษฉลองรัช  เพียง 1.7 กม. และไม่ไกลรถไฟฟ้าถึง 5 สาย ได้แก่ สายสีเขียว, สายสีน้ำเงิน, แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีรามคำแหง, สายสีเหลืองที่จะเปิดให้บริการในปี 2566 “Park Heritage”บ้านที่ไร้กาลเวลาเพื่อส่งต่อรุ่นสู่รุ่น Park Heritage โครงการที่สร้างจากแนวคิด “Multidimensional Integration” โดยเป็นการนำแรงบันดาลใจจากธรรมชาติมาผสานการออกแบบสถาปัตยกรรมและภูมิสถาปัตยกรรม โดยการทำงานร่วมกับ “สถาบันอาศรมศิลป์” ในการออกแบบโครงการทั้งด้านแลนด์สเคปและสถาปัตยกรรม จุดเด่นของ Park Heritage  คือความ Privacy มีการจัดผังโครงการเป็น Cluster Zone ที่ไม่สามารถทะลุผ่านกันได้ และออกแบบให้บ้านที่ติดกับถนนหลักหันหลังบ้านกับถนนเพื่อให้ความส่วนตัวเป็นหลัก  และมีความกลมกลืนเป็นส่วนหนึ่งกับอุโมงค์ต้นไม้ที่โครงการวางไว้ที่ถนนหลักเข้าโครงการ     Park Heritage   มาพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก Clubhouse สูง 3 ชั้น มีห้องMeeting Room ห้องFitness ครบเครื่องออกกำลังกายสุดทันสมัยระดับ TOP  สระว่ายน้ำระบบเกลือ Infinity Edge Pool, Pool Terrace, Concierge Service, สวนสาธารณะและพื้นที่สีเขียว, ระบบสายไฟฟ้าลงใต้ดิน กล้อง CCTV พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม พื้นที่สีเขียว The Heritage Garden 3 โซน ได้แก่ มุมนั่งพักผ่อนรูปแบบ Sunken Lounge และ Terrace รวมถึงมีสวนบ่อน้ำให้ได้ผ่อนคลายกับธรรมชาติ  ภายในโครงการร่มรื่น มีรั้วต้นไม้แบ่งเป็น Cluster Zone แต่ละโซนมีจำนวนหลังไม่มาก ออกแบบให้ทุกพื้นที่ของโครงการฯ ผสมผสานกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน การต้นไม้ก็เลือกใช้ไม้ฟอร์มสวยขนาดใหญ่ ถนนหลักที่เป็นอุโมงค์ต้นจามจุรีปกคลุมทอดยาวไปจนสุดโครงการฯ   Park Heritage เป็นโครงการบ้านแบบวิลล่าหรู 3 ชั้น สไตล์ Modern Classic ตั้งอยู่บนพื้นที่ 12-3-55.5 ไร่ เป็นบ้านเดี่ยวระดับลักชัวรี่ 3 ชั้น สไตล์ Modern Classic จำนวน 32 หลัง ขนาดที่ดิน 60 – 133 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 471 – 778 ตารางเมตร ติดตั้งลิฟต์และมีสระว่ายน้ำส่วนตัว ฟังก์ชันบ้าน 4 ห้องนอน, 6-7 ห้องน้ำ, 1 ห้องอเนกประสงค์, 1 ห้องพระ, 1 ห้องแม่บ้าน พร้อมที่จอดรถ 3-4 คัน Park Heritage ในส่วนของ บ้านให้ความสำคัญกับการอยู่อาศัยสำหรับทุกคนทุกวัย การตกแต่งร่วมสมัยอยู่ได้นานไม่เบื่อ เพื่อการส่งต่อรุ่นสู่รุ่น บ้านมี 3 แบบ 3 ขนาด   1.แบบบ้าน S  The Luxury of Nature ให้ความงามจากธรรมชาติเป็นแหล่งกำเนิดของความหรูหรา ด้วยการเชื่อมต่อสวนส่วนตัวภายนอกสู่พื้นที่การอยู่อาศัยอย่างลงตัว พร้อมจัดวางพื้นที่แบบเปิดโล่งและมัลติฟังก์ชันที่เพิ่มขึ้น พื้นที่ใช้สอย 471 ตร.ม. ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องเเม่บ้าน 3 ที่จอดรถ พร้อมลิฟต์ภายในบ้าน     2.แบบบ้าน M - Naturally Crafted  พื้นที่ใช้สอย 568 ตร.ม. มี 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องพระ 1 พื้นที่อเนกประสงค์ 1 ห้องเเม่บ้าน 4 ที่จอดรถ พร้อมลิฟต์และสระว่ายน้ำส่วนตัว แนวคิดของผู้แสวงหาความสุขกับการนำสิ่งที่ดีเข้ามาในชีวิต โดยมีการตกแต่งภายในแบบร่วมสมัยที่แสดงให้เห็นถึงการผสมผสานอย่างลงตัวของสไตล์และรายละเอียดที่ซับซ้อน   3.แบบบ้าน L - French Classic Elegance ออกแบบโดยเน้นถึงความหรูหราและโอ่อ่ากว้างขวางของการอยู่อาศัย แต่สามารถปรับเปลี่ยนพื้นที่ได้ตามความต้องการ ให้ความสำคัญกับการสร้างปฏิสัมพันธ์ของคนทุกรุ่นในครอบครัว พื้นที่ใช้สอย 778 ตร.ม. ประกอบด้วย 4 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องเอ็นเตอร์เทนเมนต์ 1 ห้องพระ 1 พื้นที่อเนกประสงค์ จอดรถได้ 5 คัน พร้อมลิฟต์และสระว่ายน้ำส่วนตัว     ทั้ง3แบบ อยู่บนที่ดินตั้งแต่ 60-133 ตร.ว. ราคาเริ่มต้น 49-95 ล้านบาท   Park Heritage บ้านสำหรับผู้ที่ต้องการเน้นพื้นที่ใช้สอย มีความเป็นส่วนตัวมาก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมือง  กลุ่มครอบครัวใหญ่,กลุ่มผู้ปกครองโรงเรียนนานาชาติที่มองหาที่อยู่อาศัยที่ใกล้โรงเรียนลูก, กลุ่มแพทย์และบุคลากรที่ทำงานในโรงพยาบาลใกล้เคียง, กลุ่มผู้อยู่อาศัยอยู่ในคอนโดมิเนียมโซนสุขุมวิท หรือ CBD ที่ต้องการขยับขยาย จุดเด่นของโครงการ Park Heritage  คือโครงการที่ถูกออกแบบสไตล์ Modern Classic เพื่อส่งต่อรุ่นสู่รุ่น แบบบ้านที่ร่วมสมัยไม่ว่าจะเปลี่ยนไปรุ่นไหน บ้านก็ยังคงน่าอยู่และทันสมัยตลอดเวลา  บ้านเหนือการเวลาจริงๆ     บทความน่าสนใจ “MITTI”  ความสุขที่ไม่มีวันหมดอายุ เปิดไอเดีย “ณพน เจนธรรมนุกูล” ปั้น สัมมากร สู่องค์กร 100 ปี สัมมากร ส่งโครงการมิตติ จับตลาดบ้าน 4-7 ล้าน ประเดิมโซน​ ชัยพฤกษ์-วงแหวน
ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เปิด 5 ทำเลที่อยู่อาศัย คนสนใจซื้อ-เช่า มากสุด รอบครึ่งปีแรก 65

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เปิด 5 ทำเลที่อยู่อาศัย คนสนใจซื้อ-เช่า มากสุด รอบครึ่งปีแรก 65

ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เผยผลสำรวจครึ่งปีแรก พบผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อที่อยู่ พร้อมเปลี่ยนเป็นการเช่าแทน มีแค่ 16% พร้อมซื้ออสังหาฯ ภายใน 1 ปี ขณะที่ผลสำรวจกรุงเทพฯ ยังเป็นจังหวัดถูกค้นหาอสังหาฯ มากสุด ส่วนทำเลฮอต ยังเป็นแนวรถไฟฟ้า MRT พระราม 9 และสวนหลวง  คนกรุงเลือกซื้อ ส่วนเขตบางนา ตลาดเช่ามาแรง   แม้ว่าปัจจุบันสภาพเศรษฐกิจยังคงชะลอตัว และมีปัจจัยที่ส่งผลกระทบ ไม่ว่าจะเป็นภาวะเงินเฟ้อ ผลกระทบจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน รวมถึงอัตราดอกเบี้ยที่มีแนวโน้มสูงขึ้น ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของผู้บริโภค รวมถึงกำลังซื้อในภาพรวม แต่ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยก็ยังคงมีอยู่ แม้ว่าจะลดลงจากช่วงก่อนหน้า เพราะผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้ออสังหาริมทรัพย์ และได้เปลี่ยนมาเป็นรูปแบบเช่าอาศัยอยู่แทน   โดยข้อมูลจาก ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ (DDproperty) เว็บไซต์มาร์เก็ตเพลสด้านอสังหาริมทรัพย์ รายงานว่า ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2565 มีผู้เข้าเยี่ยมชมในเว็บไซตของดีดีพร็อพเพอร์ตี้ เพื่อดูประกาศขายอสังหาฯ ลดลง 14% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วง 6 เดือนก่อนหน้า เพราะผลกระทบจากปัจจัยลบต่าง ๆ ดังกล่าว ขณะที่ความต้องการเช่าที่อยู่อาศัยมีเพิ่มมากขึ้น เห็นได้จากในบางทำเลมีความต้องการเช่าที่เติบโตอย่างน่าสนใจ   นอกจากนี้  จากการสำควรความเห็นของผู้บริโภคต่อตลาดที่อยู่อาศัย (DDproperty’s Thailand Consumer Sentiment Study)  ล่าสุด ยังพบว่า มีผู้บริโภคเพียง 16% เท่านั้น ที่พร้อมจะซื้อบ้านภายใน 1 ปีข้างหน้า  โดยพฤติกรรมการค้นหาที่อยู่อาศัยผ่านช่องทางออนไลน์ของคนหาบ้านยุคปัจจุบัน สัดส่วน 50% จะพิมพ์คำค้นหาตามสิ่งที่ตัวเองต้องการหรือสนใจ (Free Text) ขณะที่อีกกลุ่มจะใช้คำค้นหา (Keyword) เกี่ยวกับทำเลที่ตั้งของอสังหาฯ แบบเฉพาะเจาะจง เช่น ค้นหาด้วยจังหวัด, เขต/อำเภอ, แขวง/ตำบล คิดเป็นสัดส่วน 40% ของการค้นหาทั้งหมด   โดยพบว่า  “สถานีรถไฟฟ้า” ถือเป็นหนึ่งในกลุ่มคำค้นหายอดนิยมและมาแรงในยุคนี้ ซึ่งมีสัดส่วน 10% ของการค้นหาทั้งหมด สะท้อนให้เห็นว่าทำเลแนวรถไฟฟ้ายังเป็นอีกปัจจัยสำคัญในการค้นหาที่อยู่อาศัยของคนหาบ้าน โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคที่อาศัยอยู่ในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ที่ต้องการหลีกเลี่ยงปัญหารถติด จึงเลือกทำเลที่อยู่อาศัยที่สะดวกในการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแทน กรุงเทพฯ ยืนหนึ่งถูกค้นหาอสังหาฯ มากสุด  กรุงเทพมหานคร ยังคงได้รับความนิยมสูงสุด ในการค้นหาอสังหาฯ มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ส่วนอันดับ 2-10 มีดังนี้ ​  2.เชียงใหม่ 3.นนทบุรี 4.ชลบุรี 5.สมุทรปราการ 6.ปทุมธานี 7.ภูเก็ต 8.ประจวบคีรีขันธ์  9.เมืองพัทยา และ 10.นครราชสีมา   โดยจะเห็นได้ว่า การค้นหาที่อยู่อาศัยส่วนใหญ่จะอยู่ในจังหวัดปริมณฑล ที่ได้รับอานิสงส์ความเจริญจากเมืองหลวง รวมทั้งหัวเมืองท่องเที่ยวที่ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน ซึ่งเป็นผลจากเทรนด์ Workcation ได้รับความนิยมในช่วงที่มีการแพร่ระบาดฯ รูปแบบการทำงานที่ได้ท่องเที่ยวและพักผ่อนในเวลาเดียวกัน กลายเป็นอีกปัจจัยที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคมองหาบ้านพักตากอากาศในหัวเมืองท่องเที่ยวมากขึ้น MRT พระราม 9  ทำเลยอดนิยมอันดับ 1 แนวรถไฟฟ้า ทำเลแนวรถไฟฟ้าเป็นอีกตัวเลือกที่ได้รับความนิยมเมื่อค้นหาที่อยู่อาศัย โดยจากผลสำรวจของดีดี พร็อพเพอร์ตี้  ผู้บริโภคมากกว่าครึ่ง (51%) มองว่าโครงการที่อยู่อาศัยที่เดินทางสะดวก ด้วยระบบขนส่งสาธารณะ เป็นปัจจัยภายนอกที่มีความสำคัญอันดับต้น ๆ โดยทำเลแนวรถไฟฟ้าที่มีการค้นหามากที่สุดในช่วงครึ่งปีแรก 2565 ส่วนใหญ่อยู่ในทำเลที่เป็นแหล่งงาน มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบโจทย์การใช้ชีวิตวิถีคนเมือง   โดย 10 สถานีรถไฟฟ้าที่เป็นทำเลยอดนิยมในกลุ่มคนค้นหาอสังหาฯ ช่วงครึ่งปีแรก 2565 อันดับ 1 ได้แก่ MRT พระราม 9 อีกหนึ่งทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ ตามมาด้วยอันดับ 2 BTS อ่อนนุช อันดับ 3 BTS อารีย์ อันดับ 4 BTS อโศก อันดับ 5 BTS พร้อมพงษ์ อันดับ 6 BTS เอกมัย อันดับ 7 MRT ห้วยขวาง​ อันดับ 8 BTS อุดมสุข  อันดับ 9 BTS ทองหล่อ และอันดับ 10 BTS สะพานควาย “สวนหลวง” ครองใจคนซื้อชาวกรุง “บางนา” มาแรงในตลาดเช่า ด้านตลาดอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ มีความเคลื่อนไหวน่าจับตามองและมีโครงการใหม่เปิดตัวอย่างต่อเนื่อง ผนวกกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ เห็นได้ชัดจากจำนวนการเข้าชมประกาศอสังหาฯ สำหรับขายบนเว็บไซต์ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ พบว่า  “สวนหลวง” กลายเป็นทำเลในกรุงเทพฯ ที่ได้รับความสนใจซื้อมากที่สุดในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยระดับกลางถึงระดับบนที่ได้รับอานิสงส์จากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง   ขณะที่จำนวนการเข้าชมประกาศอสังหาฯ ให้เช่าบนเว็บไซต์ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ​ พบว่า “บางนา” เป็นทำเลที่ได้รับความสนใจเช่ามากที่สุดในช่วงครึ่งปีแรก ด้วยปัจจัยบวกที่สนับสนุนการเติบโตจากโครงการรถไฟฟ้าที่เชื่อมต่อเมืองระหว่างกรุงเทพฯ กับสมุทรปราการ ใกล้แหล่งงาน ประกอบกับการพัฒนาโครงการเมกะโปรเจค (Mega Project) และโครงการที่อยู่อาศัยอีกหลายโครงการ 5 ทำเลในกรุงเทพฯ ที่ได้รับความสนใจซื้อมากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ได้แก่  อันดับ 1 แขวงสวนหลวง เขตสวนหลวง อันดับ 2 แขวงบางจาก เขตพระโขนง อันดับ 3 แขวงบางนา เขตบางนา อันดับ 4 แขวงลาดพร้าว เขตลาดพร้าว อันดับ 5 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา 5 ทำเลในกรุงเทพฯ ที่ได้รับความสนใจเช่ามากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ได้แก่  อันดับ 1 แขวงบางนา เขตบางนา อันดับ 2 แขวงบางจาก เขตพระโขนง อันดับ 3 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา อันดับ 4 แขวงห้วยขวาง เขตห้วยขวาง อันดับ 5 แขวงพระโขนง เขตคลองเตย ราคาขาย-เช่าอสังหาฯ เมืองกรุงยังไม่ฟื้น อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาราคาขายที่อยู่อาศัยโดยรวมทุกประเภทอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในช่วงครึ่งปีแรกนี้ยังไม่มีการปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยพบว่ามีราคากลางเฉลี่ยอยู่ที่ 106,000 บาท/ตารางเมตร ลดลง 5% จากปีก่อนหน้า และลดลงถึง 18% เมื่อเทียบกับช่วงที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดฯ (ไตรมาส 4 ปี 2562) ช่วงเวลานี้จึงถือเป็นโอกาสอันดีและเหมาะสมสำหรับผู้บริโภคที่ต้องการเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยและมีความพร้อมทางการเงิน ก่อนที่จะมีการปรับขึ้นราคาขายอสังหาฯ และดอกเบี้ยในช่วงครึ่งปีหลังนี้   ขณะที่อัตราค่าเช่าที่อยู่อาศัยโดยรวมทุกประเภทอสังหาฯ ในกรุงเทพฯ มีค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 485 บาท/ตารางเมตร/เดือน ลดลง 3% จากปีก่อนหน้า และลดลง 13% เมื่อเทียบกับช่วงที่ยังไม่มีการแพร่ระบาดฯ อย่างไรก็ดี แม้คอนโดมิเนียมจะเป็นอสังหาฯ ประเภทเดียวที่ค่าเช่าลดลง 3% จากปีก่อนหน้า แต่ก็ยังมีความต้องการเช่าอยู่ไม่น้อยและมีกลุ่มเป้าหมายที่ชัดเจนอย่างคนวัยทำงานและนักศึกษา ทำให้มีอัตราค่าเช่าคอนโดฯ เฉลี่ยอยู่ที่ 500 บาท/ตารางเมตร/เดือน ขณะที่โครงการที่อยู่อาศัยแนวราบยังได้รับความนิยมต่อเนื่องในตลาดเช่าและมีทิศทางเติบโต บ้านเดี่ยวมีค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 320 บาท/ตารางเมตร/เดือน โตถึง 28% จากปีก่อนหน้า ส่วนทาวน์เฮ้าส์มีค่าเช่าเฉลี่ยอยู่ที่ 210 บาท/ตารางเมตร/เดือน โต 7% จากปีก่อนหน้า “สมุทรปราการ” คว้าอันดับ 1 ตลาดซื้อ-เช่าอสังหาฯ ปริมณฑล เทรนด์ Work from Home ในช่วงการแพร่ระบาดฯ ส่งผลให้ผู้บริโภคมองหาที่อยู่อาศัยในทำเลรอบนอกของกรุงเทพฯ มากขึ้น ทำให้ที่อยู่อาศัยย่านชานเมืองและปริมณฑลกลายเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในด้านราคาที่ย่อมเยากว่า จากจำนวนการเข้าชมประกาศอสังหาฯ สำหรับขายในเขตปริมณฑลบนเว็บไซต์ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ ​ พบว่า สมุทรปราการเป็นจังหวัดปริมณฑลที่ได้รับความสนใจซื้อและเช่าอสังหาฯ มากที่สุดในครึ่งแรกของปี 2565 โดยได้รับปัจจัยบวกมาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ส่วนต่อขยาย ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ที่ช่วยให้การเดินทางมาทำงานหรือเรียนในย่านใจกลางเมืองสะดวกสบายมากขึ้น 5 ทำเลในเขตปริมณฑลที่ได้รับความสนใจซื้อมากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ได้แก่  อันดับ 1 ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ อันดับ 2 ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี อันดับ 3 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ อันดับ 4 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ อันดับ 5 ตำบลคูคต อำเภอลำลูกกา จังหวัดปทุมธานี 5 ทำเลในเขตปริมณฑล ที่ได้รับความสนใจเช่ามากที่สุดในช่วงครึ่งแรกของปี 2565 ได้แก่  อันดับ 1 ตำบลสำโรงเหนือ อำเภอเมืองสมุทรปราการ จังหวัดสมุทรปราการ อันดับ 2 ตำบลบางกระสอ อำเภอเมืองนนทบุรี จังหวัดนนทบุรี อันดับ 3 ตำบลบางแก้ว อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ อันดับ 4 ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี อันดับ 5 ตำบลปากเกร็ด อำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี อ่ายบทความที่เกี่ยวข้อง -ดีดีพร็อพเพอร์ตี้ คาดตลาดอสังหาฯ ปี 65 มีแววฟื้น ลุ้นมาตรการรัฐ-การคุมโควิดหนุน  
อนันดา  เตรียม take off รับเปิดเมือง  กับ 6 เรื่องสร้างความมั่นใจโตก้าวกระโดด

อนันดา เตรียม take off รับเปิดเมือง กับ 6 เรื่องสร้างความมั่นใจโตก้าวกระโดด

อนันดา อนันดา พร้อม take off รับเปิดเมือง โชว์ 6 ศักยภาพหนุนสร้างการเติบโต  เดินหน้าเปิด 7 โครงการใหม่ ปรับพอร์ตเพิ่มแนวราบเปิด Pool Villa หรูกลางเมือง เตรียมส่งมอบใน 2 ปีกว่า 58,725 ล้านมั่นใจเติบโตแกร่ง 3 ปีจากนี้ เตรียมรับรู้รายได้จาก 2 โครงการกว่า 6,000 ล้าน   ดูเหมือนการเปิดประเทศ ต้อนรับชาวต่างชาติเข้ามาเที่ยวเมืองไทย เป็นสัญญาณบวกที่สร้างความมั่นใจให้ใครต่อใครได้มากมาย แม้กระทั่งดีเวลลอปเปอร์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ขายบ้านขายคอนโด อย่าง บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ที่เห็นสัญญาบวกที่ว่า ก็ออกมาเปิดแถลงข่าวในธีม อนันดาฯ พร้อม take off รับเปิดเมือง (ANANDA READY FOR TAKEOFF)   แน่นอน การเปิดประเทศแล้วมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาได้สะดวก คงเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้เศรษฐกิจภายในประเทศ ได้กำลังซื้อจากชาวต่างชาติเข้ามาเป็นตัวช่วยกระตุ้นสำคัญ และไม่ใช่แค่นักท่องเที่ยวเพื่อการพักผ่อนเท่านั้น แต่ยังหมายความรวมถึงกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ  รวมถึงนักลงทุนที่เดินทางเข้ามา เพื่อเลือกซื้ออสังหาฯ ของไทยด้วย จากก่อนหน้าที่เดินทางมาได้ไม่สะดวก คนที่ซื้อไว้แล้วยังไม่ได้โอนกรรมสิทธิ์ จังหวะนี้ก็น่าจะได้เวลาเหมาะสมที่จะได้โอนกันเสียที   นอกจากปัจจัยเรื่องการเปิดประเทศ  ที่จะเป็นตัวเพิ่มดีมานด์ของอสังหาฯ แล้ว อนันดา มีความพร้อมอะไรบ้าง ที่จะรองรับกำลังซื้อเหล่านั้น รวมไปถึงมีแผนอะไร ที่จะได้แสวงหาโอกาสจากทิศทางการตลาดที่ปรับตัวดีขึ้น แม้ว่าปัจจัยลบจะยังมีให้เห็นบ้าง อย่างราคาน้ำมัน ต้นทุนค่าวัสดุก่อสร้างที่ปรับเพิ่มขึ้น ภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลงไป และยังไม่ได้กลับมาเติบโตเป็นปกติ ยังมีกำลังซื้ออีกจำนวนมากที่ได้รับผลกระทบ   นายชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า สถานการณ์ภาพรวมประเทศเริ่มมีแนวโน้มในทิศทางดีขึ้นจากการเปิดเมืองมากขึ้น  เห็นได้จากนักท่องเที่ยวเริ่มกลับมามากขึ้น การจองห้องพักโรงแรมเพิ่มขึ้น รถติดมากขึ้น รวมถึงการปลดล็อกระบบ "Test & Go" ส่งผลให้ประชาชนเริ่มกลับมาใช้ชีวิตคล้ายปกติมากขึ้น และที่สำคัญการกลับมาของวิถีชีวิตของคนเมือง แต่ก็ยังมีปัจจัยในเรื่องการปรับขึ้นของราคาที่ดิน ราคาน้ำมัน และการก่อสร้าง ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการอสังหาฯ ต้องเตรียมความพร้อมรับมือกับการปรับราคาในครั้งนี้ สำหรับอนันดา นั้นถือว่าการเปิดเมืองเป็นโอกาสที่ดี เพราะ ยังมีสินค้าพร้อมอยู่ พร้อมส่งมอบในราคาต้นทุนเดิมให้กับลูกค้าได้เลือกสรรมากมาย และยังคงเชื่อมั่นในศักยภาพคอนโดติดรถไฟฟ้า ที่ยังเป็นสินค้าที่สามารถตอบโจทย์ความต้องการในการใช้ชีวิตคนเมืองได้เป็นอย่างดี 6 ปัจจัยหนุนอนันดา โตก้าวกระโดด 1.สต็อกพร้อมขาย 58,725 ล้านบาท อนันดา มีสต็อกพร้อมขายที่สามารถรับรู้รายได้ระหว่างปี 2565-2567  แบ่งตามพอร์ตดังนี้ คือ -โครงการที่เป็น RTM (READY TO MOVE) มูลค่า 29,324 ล้านบาท  เป็นกลุ่มคอนโด 18 โปรเจ็กต์ มูลค่า 22,637 ล้านบาท และบ้านแนวราบอีก 13 โปรเจ็กต์ มูลค่า 6,687 ล้านบาท -โครงการที่จะสร้างเสร็จ ในปี 2565-2567  มูลค่า 19,397 ล้านบาท แบ่งเป็น ในปี 2565 จำนวน 2 โครงการมูลค่า 10,509 ล้านบาท ปี 2566 จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 4,955 ล้านบาท และปี 2567 จำนวน 1 โครงการ มูลค่า 3,933 ล้านบาท -โครงการใหม่ 3 โครงการ จาก 7 โครงการ ที่จะสามารถรับรู้รายได้ปี 2565-2567 มูลค่า 10,004 ล้านบาท ซึ่งสามารถรองรับการเติบโตในอีก 3 ปีข้างหน้า แบ่งเป็นโครงการคอนโด 1 โครงการและบ้านแนวราบอีก 2 โครงการ 2.การเพิ่มพอร์ตบ้าน 11,778 ล้านบาท ในตลาดบ้านแนวราบ อนันดา มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยในปีที่ผ่านมีมียอดขายบ้านแนวราบ 2,053 ล้านบาทจากจำนวน 13 โครงการ ซึ่งเติบโตจากปี 2563 37% และมียอดโอนกรรมสิทธิ์ในปีที่ผ่านมา 1,916 ล้านบาท เติบโต 27% จากปี 2563 ในขณะที่ภาพรวมตลาดเติบโตเพียง 10% เท่านั้น   ปัจจุบันอนันดา ยังมีโครงการบ้านแนวราบขายอยู่ 13 โครงการ มูลค่า 6,687 ล้านบาท ในปีนี่จะเปิดเพิ่ม 2 โครงการ รวมมูลค่า 5,091 ล้านบาท ได้แก่ แบรนด์ใหม่อีก 1 แบรนด์มูลค่า 1,041 ล้านบาท และโครงการ ARTALE ASOKE-RAMA9 โครงการ Pool Villa หรูกลางใจเมือง มูลค่า 4,050 ล้านบาท ซึ่งขณะนี้มียอดพรีบุ๊คกิ้งแล้วกว่า 20% และอยู่ในลิสต์ที่เตรียมซื้ออีก 20% คิดเป็นสัดส่วนยอดขายแล้วประมาณ​1,600 ล้านบาท 3.ผนึก 107 เอเย่นต์ขายลูกค้าต่างชาติ สำหรับตลาดต่างประเทศ ปัจจุบันมีการทำงานร่วมกับเอเย่นต์ 107 ราย ที่ช่วยในการทำตลาดและการขาย โดยพบว่าปัจจุบันยอดขายในกลุ่มต่างชาติ ไม่มีคนจีนเข้ามาซื้อ เนื่องจากชาวจีนยังไม่สามารถเดินทางออกนอกประเทศได้ แต่มีกลุ่มลูกค้าจากประเทศเพื่อนบ้านที่เข้ามาซื้อ ล่าสุด ทำยอดขายได้ 100 ล้านบาทจากยอดขายของชาวเมียนมาและสปป.ลาว 4.เปิดตัว 7 โครงการใหม่ ส่วนแผนการเปิดโครงการใหม่ทั้ง 7 โครงการ มูลค่ากว่า 29,098 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโดมิเนียม 5 โครงการ และโครงการแนวราบ 2 โครงการ โดยจะมีแบรนด์ใหม่ 3 แบรนด์ออกมาทำตลาด ได้แก่ แบรนด์บ้านแนวราบ ที่ยังไม่เปิดตัว 1 โครงการ ในย่านติวานนท์-แจ้งวัฒนะ แบรนด์ COCO PARC คอนโดที่จะสร้างเสร็จก่อนขาย ซึ่งมีการให้บริการแบบโรงแรมในเครือดุสิตธานี และคอนโดแบรนด์ CULTURE 5.เตรียมปิดการขาย 6 โครงการ ในปีนี้ อนันดา ยังมีอีก 6 โครงการ ที่เตรียมจะปิดการขายภายในปีนี้ มูลค่ากว่า 9,812 ล้านบาท ได้แก่ โครงการอาร์เทล เอกมัย – รามอินทรา มูลค่า 1,531 ล้านบาท  โครงการไอดีโอ สาทร-วงเวียนใหญ่ มูลค่า 2,352 ล้านบาท โครงการไอดีโอ รัชดา- สุทธิสาร มูลค่า 1,527 ล้านบาท โครงการไอดีโอ โมบิ สุขุมวิท 66 มูลค่า 2,155 ล้านบาท โครงการยูนิโอ สุขุมวิท 72 เฟส 2 มูลค่า 1,866 ล้านบาท และโครงการยูนิโอ ทาวน์ เพชรเกษม 110 มูลค่า 383 ล้านบาท 6.เพิ่มพอร์ตรายได้ประจำ 20% นอกจากการพัฒนาบ้านและคอนโดเพื่อขายแล้ว อนันดา ยังมีการรับรู้รายได้ประจำ จากธุรกิจเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ด้วย โ่ดยปัจจุบันโครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ คาดว่าสามารถรับกระแสเงินสดที่เป็นรายได้ประจำสม่ำเสมอ (Recurring Income) จาก 5 โครงการเซอร์วิสอพารท์เม้นท์อย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้เริ่มเปิดดำเนินการโครงการซัมเมอร์เซ็ต พระราม 9 ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา และจะมีการเปิดโครงการอย่างต่อเนื่องอีก 4 โครงการ คือโครงการแอสคอทท์  ทองหล่อ บางกอก  โครงการแอสคอทท์ เอ็มบาสซี สาทร โครงการไลฟ์ สุขุมวิท 8 บางกอก และโครงการซัมเมอร์เซ็ต พัทยา ในเดือน กรกฎาคม สิงหาคม กันยายน ตุลาคม ในปีนี้ เดือนละ 1 โครงการตามลำดับ ซึ่งสัดส่วนของรายได้ประจำคาดว่าจะมีประมาณ 20% จากโครงการทั้งหมด ในส่วนของการเติบโตคาดว่าในไตรมาส 2 จะเริ่มทำยอดขายและรับรู้รายได้อย่างก้าวกระโดด จากการเตรียมรับรู้รายได้จาก 2 โครงการสร้างเสร็จใหม่ล่าสุด มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท   อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง -อนันดาฯ เผยผลงาน Q1/64 ทำยอดขายกว่า 3,979 ล้านบาท แต่กำไรธุรกิจหลักเหลือ 38.8 ล้าน
[PR News]โนเบิลเปิดตัว Noble Curate “ตัวคุณกำหนดทุกสิ่ง” ร่วมกับ 6 ไอคอนสถาปนิกไทย

[PR News]โนเบิลเปิดตัว Noble Curate “ตัวคุณกำหนดทุกสิ่ง” ร่วมกับ 6 ไอคอนสถาปนิกไทย

Noble Curate บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE สร้างบรรทัดฐานใหม่ของความเหนือระดับกับโครงการบ้านระดับลักซ์ชัวรี่ Noble Curate (โนเบิล คิวเรท) บนที่สุดแห่งทำเล ติดคริสตัล พาร์ค เอกมัย-รามอินทรา ภายใต้คอนเซ็ปต์ Curate Your Creation ครั้งแรกในประเทศไทยกับโครงการบ้านสรรสร้างนิยามใหม่ของการออกแบบที่ให้ “ตัวคุณกำหนดทุกสิ่ง” แบบ Ultimate Personalization ให้บ้านเป็นสถาปัตยกรรมที่บ่งบอกถึงความเป็นตัวตน ตอบสนองทุกรายละเอียดความต้องการของผู้ครอบครอง  โดย 6 สถาปนิกระดับไอคอนของประเทศไทย บนที่ดินติดถนนประดิษฐ์มนูญธรรมเพียง 15 ผืน เริ่ม 80 ล้านบาท*   นายศิระ อุดล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารสายงานพัฒนาธุรกิจ บริษัท โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า พัฒนาโครงการ Noble Curate ที่ถือเป็นนิยามใหม่ของคำว่าลักซ์ชัวรี่ที่แตกต่างไปจากรูปแบบที่มีมาทั้งหมดในเมืองไทย นอกจากตัวโครงการที่อยู่บนทำเลที่มีศักยภาพสูงสุดแล้ว อีกสิ่งที่สำคัญ คือ การที่ผู้ครอบครองทุกหลังได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการออกแบบบ้านร่วมกับสถาปนิกระดับแนวหน้าของประเทศไทย เจ้าของบ้านได้มีส่วนในการสร้างสรรค์บ้านอย่างเต็มที่ทั้งด้านดีไซน์และฟังก์ชันการใช้งาน พร้อมบริการ Noble Bespoke Service ที่จะคอยเป็นที่ปรึกษา ดูแลและประสานงานตั้งแต่แบบร่างจนบ้านเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งเป็นครั้งแรกของโนเบิลที่มีบริการพิเศษนี้มอบให้กับลูกค้า   Noble Curate คือ โครงการที่อยู่อาศัยโครงการแรกที่ให้ผู้ครอบครองที่ดินมีส่วนร่วมในทุกรายละเอียดของการสร้างสรรค์บ้านกับ 1 ใน 6 ไอคอนระสถาปนิกไทยดับแนว โดยมีบริการ Noble Bespoke Service หรือบริการให้คำปรึกษาและดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมผู้เชี่ยวชาญของโนเบิลในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเลือกแปลงที่ดินที่ใช่ การออกแบบ ประสานงานกับสถาปนิก วิศวกร และนักออกแบบ การขออนุญาตจากหน่วยราชการ การคัดเลือกทีมงานผู้รับเหมา การควบคุมงานก่อสร้างให้เป็นไปตามแผนภายใต้งบประมาณที่กำหนด จนกระทั่งบ้านเสร็จสมบูรณ์พร้อมย้ายเข้าอยู่   ตัวโครงการตั้งอยู่บนที่ดินรวมกว่า 9.3 ไร่ ติดถนนประดิษมนูญธรรม ห่างจากคริสตัล พาร์ค เอกมัย-รามอินทรา เพียง 300 เมตร โดยจะมีเพียง 15 ครอบครัวที่ได้ครอบครองที่ดินแปลงสวย 15 แปลงที่มีขนาดให้เลือกสรรตั้งแต่ 161-247 ตารางวา เหมาะสำหรับการสร้างบ้านขนาด 1,000 ตารางเมตรขึ้นไป ในระดับราคาที่ดินเริ่มต้น 80 ล้านบาท*   เพียบพร้อมด้วยสาธารณูปโภคส่วนกลางระดับลักซ์ชัวรี่อย่าง The Curator Club คลับเฮ้าส์ ที่เชื่อมต่อพื้นที่ภายในสู่ธรรมชาติภายนอกได้อย่างลื่นไหล ภายในประกอบด้วย Clubhouse Garden พื้นที่สวนสวยพร้อม Pavilion ใกล้ชิดธรรมชาติอันแสนสงบและเป็นส่วนตัว Curator Pool สระว่ายน้ำท่ามกลางสวนสวยให้ลูกบ้านได้ผ่อนคลายได้ตลอดทั้งวัน ห้องฟิตเนส Curator Gym  ที่รวบรวมอุปกรณ์ระดับพรีเมียม Bespoke Lounge ห้องประชุมส่วนตัวที่ออกแบบอย่างเรียบหรูมีสไตล์ พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน Curator Exclusive Club เลานจ์ดีไซน์เรียบหรู ที่ลูกบ้านสามารถใช้พักผ่อนหย่อนใจ หรือพบปะสังสรรค์กับเพื่อนฝูงในบรรยากาศสบายๆ และเป็นส่วนตัว รวมถึง Curator Kids Club พื้นที่สร้างสรรค์ให้เด็กๆ สามารถเติมแต่ง จินตนาการ พร้อมการเรียนรู้ได้อย่างสนุกสนาน   ทำเลถนนเลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา ถือเป็นทำเลที่พักอาศัยแนวราบ ด้วยการวางผังเมืองถนนที่ถือว่าเป็นต้นแบบของถนนยุคใหม่ในรูปแบบของ Avenue  ในต่างประเทศ สภาพแวดล้อมที่ร่มรื่นด้วยต้นไม้เรียงรายตลอดเส้นทาง และเพียบพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตอย่างครบวงจร ทั้งแหล่งช้อปปิ้งและไลฟ์สไตล์ ศูนย์การค้า คอมมูนิตี้มอล ร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่มากมาย เดินทางสะดวก เชื่อมโยงสู่ย่านศูนย์กลางธุรกิจและไลฟ์สไตล์ชั้นนำ อย่างเอกมัยและทองหล่อในระยะทางไม่เกิน 10 กม. ใกล้ทางด่วนฉลองรัชที่สามารถเดินทางสู่พื้นที่ต่าง ๆ ของกรุงเทพและปริมณฑลอย่างรวดเร็ว อีกทั้งยังอยู่บนเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีเทา (วัชรพล-ทองหล่อ) โดยมีสถานีโยธินพัฒนาอยู่ห่างจากโครงการเพียง 200 เมตร ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการทำ EIA ซึ่งคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2565 นี้   โดยสถาปนิกทั้ง 6 ท่านที่ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการออกแบบในโครงการนี้ ล้วนเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางด้วยสไตล์การออกแบบที่มีภาษาและลายเซ็นเฉพาะตัวที่โดดเด่น แตกต่าง เข้าใจความต้องการและความชื่นชอบที่หลากหลายแบบ Ultimate Personalization ของลูกค้ากลุ่มผู้มีความมั่งคั่งระดับสูง (HNWI) ได้เป็นอย่างดี จึงมีความเชี่ยวชาญในการทำความเข้าใจและช่วยเหลือลูกค้าถึงความต้องการของตนเองได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ตลอดจนนำเสนอแนวคิดที่เหนือกว่าความต้องการหรือความคาดหมาย เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้กับเจ้าของบ้าน” นายศิระกล่าว A49HD: ชนะ สัมพลัง รองกรรมการผู้จัดการบริษัทสถาปนิก 49 เฮาส์ดีไซน์ จำกัด บริษัทออกแบบสถาปัตยกรรมอันดับต้น ๆ ของไทย โดดเด่นด้วยผลงานดีไซน์ที่เข้าใจทั้งธรรมชาติแวดล้อม ชีวิต และการใช้สอย นำผสมผสานสร้างพื้นที่ชีวิตที่ลงตัว DBALP: ดวงฤทธิ์ บุนนาค ซึ่งเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางด้วยแนวคิดในการออกแบบที่แตกต่าง กับงานสไตล์โมเดิร์น ที่แฝงความเรียบง่ายไว้อย่างน่าสนใจ ภายใต้หลักเหตุและผล BOON DESIGN: บุญเลิศ เหมวิจิตรพันธ์ เจ้าของผลงานที่ได้รับรางวัลมาแล้วมากมายทั้งในระดับประเทศและต่างประเทศ ด้วยการออกแบบที่เรียบง่าย แต่ลึกซึ้ง และการผสมผสานหลักธรรมชาติเข้ากับงานดีไซน์อย่างแยบยล VIN VARAVARN ARCHITECTS: หม่อมหลวงวรุตม์ วรวรรณ เจ้าของผลงานดีไซน์ที่โดดเด่นและเป็นที่ยอมรับทั้งในเมืองไทยและต่างประเทศ ด้วยแนวคิดที่ให้คุณค่างานออกแบบเน้นฟังก์ชันและการเลือกใช้วัสดุก่อสร้างบนความเป็นไปได้ ภายใต้บริบทที่กลมกลืนกับสิ่งแวดล้อม AAd (Ayutt and Associates Design): อยุทธ์ มหาโสม สถาปนิกรุ่นใหม่ที่เป็นที่จับตามองด้วยประสบการณ์การทำงานอย่างยาวนานในต่างประเทศและเอกลักษณ์การดีไซน์ที่คำนึงถึงบริบทด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและผู้ใช้งานอาคาร WARchitect: ธาวิน หาญบุญเศรษฐ สร้างชื่อเสียงด้วยผลงานดีไซน์ที่ฉีกกฏเกณฑ์เดิม ๆ แต่แฝงไว้ด้วยฟังก์ชั่นที่ใช้งานได้จริง และกลิ่นอายความลักซ์ชัวรี่ผ่านการใช้สเปซที่แตกต่าง “หากลองจินตนาการเมื่อโครงการนี้แล้วเสร็จ จะเป็นโครงการบ้านพักอาศัยเพียงแห่งเดียวในไทย ที่เปรียบเหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์งานศิลปะและสถาปัตยกรรม ที่ซึ่งรวมผลงานของ 6 สถาปนิกระดับประเทศไว้ด้วยกัน เป็นสิ่งที่ไม่สามารถหาได้จากที่ไหนอีกแล้ว ซึ่งนับเป็นคุณค่าที่เหนือระดับอย่างแท้จริงของ Noble Curate ที่ไม่มีโครงการอื่นใดเสมอเหมือน” นายศิระกล่าว www.noblehome.com   บทความน่าสนใจ เปิด 5 กลยุทธ์ “ธงชัย” หลังกลับมาบริหาร “Noble” หวังติดอันดับ Top10 รีวิวคอนโดย่านลาซาล ติดถนนใหญ่ Nue Noble ศรีนครินทร์-ลาซาล NOBLE PLOENCHIT-โนเบิล เพลินจิต : รีวิวคอนโด
โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จ่ายปันผลเพิ่มหุ้นละ 0.08 บาท พร้อมแผนปี 65 เปิดโครงการใหม่ 47,700 ล้าน

โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จ่ายปันผลเพิ่มหุ้นละ 0.08 บาท พร้อมแผนปี 65 เปิดโครงการใหม่ 47,700 ล้าน

โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ ประกาศจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังปี 64  หุ้นละ 0.08 บาท รวมทั้งปีจ่าย 0.43 บาทต่อหุ้น จ่อขึ้น XD 9 พ.ค.65 แม้ปี 64 ทำรายได้ลด 32% เหลือ 7,430 ล้าน แต่ยังทำกำไรกว่า 932 ล้าน​ หลังเจอล็อกดาวน์ประเทศ ปี 65 ยังเดินหน้าเปิดโปรเจ็กต์ใหม่ 18 โครงการ  มูลค่ารวม 47,700 ล้าน     นายธงชัย บุศราพันธ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหารร่วม บริษัท  โนเบิล ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ NOBLE  เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2565 มีมติอนุมัติการจัดสรรกำไรสุทธิงวดปี 2564 เพื่อจ่ายเงินปันผลสำหรับผลประกอบการครึ่งปีหลังของปี 2564 ให้แก่ผู้ถือหุ้นในอัตรา 0.08 บาทต่อหุ้น หรือคิดเป็นผลประกอบการทั้งปี 2564 ที่อัตรารวม 0.43 บาทต่อหุ้น คิดเป็นอัตราผลตอบแทนปันผล (Dividend Yield) ที่ประมาณ 7%   โดยจะนำเสนอเข้าที่ประชุมสามัญผู้ถือหุ้นในวันที่ 28 เมษายน 2565 เพื่อทำการอนุมัติและกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 10 พฤษภาคม 2565  และกำหนดวันที่ไม่ได้รับสิทธิปันผล (XD) ในวันที่ 9 พฤษภาคม 2565 เพื่อกำหนดจ่ายเงินปันผลในวันที่ 26 พฤษภาคม 2565 เจอพิษล็อกดาวน์ รายได้ปี 64 ลด 32% สำหรับผลการดำเนินงานปี 2564  บริษัทมีรายได้รวม 7,430 ล้านบาท ลดลง 32%  และกำไรสุทธิอยู่ที่ 932 ล้านบาท ลดลง 50% เมื่อเทียบจากปีก่อน  ส่วนอัตรากำไรสุทธิ (Net Profit Margin) ลดลงอยู่ที่ระดับกว่า 12.5% และอัตรากำไรขั้นต้น (Gross Profit Margin) อยู่ที่ระดับ 33.0% ลดลงจากปีก่อน เนื่องจากมีการทำแคมเปญสำหรับโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่   รวมถึงภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จนส่งผลให้เศรษฐกิจในประเทศหยุดชะงักจากมาตรการคุ้มเข้มเพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ จนนำไปสู่การออกมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงการปิดแคมป์คนงาน ซึ่งปัจจัยดังกล่าวนอกจากส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภคแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อภาคการดำเนินธุรกิจด้วยเช่นเดียวกัน ในช่วงเดือนเมษายน 2564 ภาครัฐได้คุมเข้มมาตรการล็อกดาวน์ และการปิดแคมป์คนงาน ส่งผลต่อ Sentiment ของกลุ่มผู้ประกอบการอสังหาฯ รวมถึงกลุ่มผู้บริโภคและฉุดให้กำลังผู้บริโภคลดลง ขณะที่ภาคธุรกิจโดยเฉพาะกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ รวมทั้ง NOBLE ต้องเลื่อนแผนเปิดตัวโครงการใหม่ออกไป และปรับกลยุทธ์มุ่งเน้นทยอยการขายโครงการเดิมที่มีในพอร์ต เพื่อระบายโครงการเดิมเพื่อเป็นการลดความเสี่ยงทางการเงิน   อย่างไรก็ตามภาคอสังหาฯเริ่มกลับมาฟื้นตัวในช่วงไตรมาส 4/2564 จากนโยบายกระตุ้นมาตรการของภาครัฐ ทั้งการผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ รวมถึงมาตรการผ่อนคลายหลักเกณฑ์การกำกับดูแลสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยและสินเชื่ออื่นที่เกี่ยวเนื่องกับสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย (มาตรการ LTV) เป็นการชั่วคราว โดยกำหนดให้เพดานอัตราส่วนเงินให้สินเชื่อต่อมูลค่าหลักประกัน (LTV ratio) เป็น 100 % (จากเดิม 70% - 90%)  ซึ่งส่งผลเชิงบวกต่อภาคธุรกิจอสังหาฯ​​ ขณะที่ยอดขาย ในปี 2564 อยู่ที่ระดับ 8,035 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 22% จากปี 2563 จากการขายโครงการที่สร้างเสร็จพร้อมอยู่  5,700 ล้านบาท และมาจากการขายโครงการเปิดใหม่และโครงการที่อยู่ระหว่างการก่อสร้างอีกประมาณ 2,335 ล้านบาท แบ่งเป็นลูกค้าภายในประเทศ 71% และลูกค้าต่างชาติ 29%   สำหรับยอดขายกลุ่มลูกค้าต่างชาติ บริษัทมีส่วนแบ่งตลาด​​ 52% ของยอดขายรวมทุกผู้ประกอบการในการขายคอนโดมิเนียมในกรุงเทพฯและปริมณฑล ส่วนปี 2564 บริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ 3 โครงการ มูลค่า 6,900 ล้านบาท ได้แก่ โครงการโนเบิล ฟอร์ม ทองหล่อ โครงการนิว โนเบิล เซ็นเตอร์ บางนา และโครงการนิว โนเบิล คอนเนค เฮ้าส์ ดอนเมือง แผนธุรกิจปี 65  เปิด 18 โปรเจ็กต์ สำหรับทิศทางธุรกิจในปี 2565  บริษัทวางเป้ายอดขาย  28,000 ล้านบาท และรายได้  11,000 ล้านบาท พร้อมทั้งเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่จำนวน 18 โครงการ มูลค่าโครงการรวมประมาณ 47,700 ล้านบาท โดยบางโครงการเป็นโครงการที่เลื่อนเปิดมาจากปี 2564   ทั้งนี้บริษัทได้วางเป้าหมาย เพื่อขยายพอร์ตสัดส่วนของการพัฒนาโครงการแนวราบ และโครงการคอนโดแบบ Low Rise มากขึ้น เพื่อเป็นการกระจายความเสี่ยงและกระจายสินค้าให้หลากหลาย ครอบคลุมทุกทิศของกรุงเทพฯ อาทิ โซนราชพฤกษ์ เอกมัย บางนา และกรุงเทพกรีฑา เป็นต้น   โดยช่วงต้นปี 2565 บริษัท ได้เปิดตัวโครงการพร้อมกัน 5 โครงการ  ได้แก่ โครงการนิว โนเบิล ดิสทริค อาร์ 9 โครงการนิว โนเบิล เมกา พลัส บางนา และโครงการนิว โนเบิล ซี-สแควร์ สวนหลวง สเตชั่น ซึ่งทั้ง 3 โครงการเป็นโครงการติดห้างสรรพสินค้า นอกจากนี้ ยังมีโครงการนิว โนเบิล อีโว อารีย์ และโครงการนิว โนเบิล คอนเน็กซ์ คอนโด ดอนเมือง ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี สะท้อนจากยอดขายสองเดือนแรกสำหรับ 5 โครงการรวมมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาท และรวมยอดขายจากทุกโครงการเป็นมูลค่ากว่า 5,000 ล้านบาท ขณะเดียวกันบริษัทฯยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่เพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง   ในปี 2565  บริษัทยังวางแผนลงทุนในสหราชอาณาจักร ด้วยการการลงทุนซื้อสินทรัพย์อย่างต่อเนื่อง โดยกลยุทธ์จะเปลี่ยนการลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ทั้งอาคาร มาเป็นการซื้อแบบ Bulk ยูนิต หรือการซื้อเป็นจำนวนหลาย ๆ ห้อง (Bulk Deal) แทน เนื่องจากการซื้อเป็นจำนวนยูนิตจะมีการแข่งขั้นที่น้อยกว่าการซื้อทั้งอาคาร   โดยได้วางเป้าหมายจะซื้อสินทรัพย์อสังหาฯ ในประเทศอังกฤษ จำนวน 550 ยูนิต ภายใต้วงเงินลงทุน 100 ล้านปอนด์สเตอร์ลิง ( NOBLE จะลงทุน 45% ตามสัดส่วน) ในเบื้องต้นคาดว่าภายในไตรมาสแรกของปีนี้จะมีการซื้อสินทรัพย์จำนวน 70 ยูนิต   อ่านข่าวเพิ่มเติม 5 ไฮไลท์แผนธุรกิจปี 64 “โนเบิล” กับแนวทางสู่ Top5 ผู้นำอสังหาฯ ไทย
แอสคอทท์ ทองหล่อ เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ มาตรฐานโรงแรม 5 ดาว

แอสคอทท์ ทองหล่อ เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ มาตรฐานโรงแรม 5 ดาว

แอสคอทท์ ทองหล่อ เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ มาตรฐานโรงแรม 5 ดาว เปลี่ยนจากที่ต้องซื้อยู่เอง แล้วย้ายมาอยู่เซอร์วิสอพาร์ทเมนท์ที่ดูแลเราแบบโรงแรม 5 ดาว ไม่ต้องดูแลรักษา ทำความสะอาดห้อง พร้อมมีการบริการ ที่เหมือนอยู่โรงแรมชั้นนำ โดยบริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน)  เปิดตัวธุรกิจใหม่ บุกตลาด “Serviced Apartment” ร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลก “The Ascott Limited” หรือ “Ascott” เตรียมเปิดตัว 4 โครงการใหม่ รวม 1,400 ยูนิต มูลค่าโครงการกว่า 1 หมื่นล้านบาท และโครงการที่พาเรามาเยี่ยมชมวันนี้ แอสคอทท์ ทองหล่อ   โครงการแอสคอทท์ ทองหล่อ บางกอก  โครงการความร่วมมือกับ แอสคอทท์ (Ascott) ซึ่งเป็นอันดับหนึ่งในผู้ประกอบการธุรกิจเซอร์วิสเรสซิเดนซ์ระดับลักชัวรี่ชั้นนำของโลก  มีมูลค่าโครงการ 1,035 ล้านบาทเป็นโครงการเซอร์วิสอพาร์ตเม้นท์บนถนนสุขุมวิท Ascott Thonglor Bangkok  ความสูง 41 ชั้น มีห้องพักทั้งหมด 451 ห้องพัก ตั้งแต่ห้องพักขนาดเริ่มต้นที่ 35 ตร.ม. ไปจนถึงห้องพักอาศัย 3 ห้องนอนขนาด 140 ตร.ม. ห้อง 35 ตรม.ให้ได้เลือกเข้าพักมากถึง 225 ห้อง ทุกห้อง มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์พร้อมเข้าอยู่ได้เลย     รวมถึง พื้นที่ส่วนกลางที่ สระน้ำ ฟิตเนส โยคะสตูดิโอ เลานจ์ และห้องเล่นสำหรับเด็ก บาร์ริมสระ ห้องซาวน่า ห้องอบไอน้ำ และห้องอาหารที่เปิดให้บริการตลอดทั้งวัน  นอกจากนี้ยังมีระบบสาธารณูปโภคภายในโครงการ อาทิ ไฟฟ้า, น้ำประปา, โทรศัพท์, ระบบบำบัดน้ำเสีย และ ระบบป้องกันอัคคีภัย พร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง     อีกทั้งยังใกล้แหล่งไลฟ์สไตล์ และสถานที่สำคัญ รวมทั้งห้างสรรพสินค้าชั้นนำ เช่น เมเจอร์ซีนีเพล็กซ์ เอกมัย, เอท ทองหล่อ, เอ็มโพเรี่ยม, เอ็มควอเทียร์, เจ อเวนิว ทองหล่อ และ โรงพยาบาลสุขุมวิท อีกด้วย โครงการตั้งอยู่ริมถนนใหญ่สุขุมวิทบริเวณปากซอยสุขุมวิท 59 ใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ทองหล่อ เพียงแค่ 200 เมตร  650 เมตรถึงปากซอยเอกมัย Ascott Thonglor Bangkok  เหมาะมากกับทั้ง Expat และพนักงานทั่วไปที่ทำงานในย่านนี้   บทความน่าสนใจ Ideo Chula-Samyan ใกล้ MRT สามย่าน 400 เมตร รีวิวคอนโดใกล้บีทีเอสพระโขนง IDEO Sukhumvit-Rama 4      
[PR News] งานออกแบบฟาซาด 3 มิติ สะท้อนเสน่ห์อาคารคอนกรีตยุคก่อน จากนวัตกรรมงานก่อสร้าง “CPAC 3D PRINTING SOLUTION”  

[PR News] งานออกแบบฟาซาด 3 มิติ สะท้อนเสน่ห์อาคารคอนกรีตยุคก่อน จากนวัตกรรมงานก่อสร้าง “CPAC 3D PRINTING SOLUTION”  

 “CPAC 3D Printing Solution” นวัตกรรมการก่อสร้าง 3 มิติ จาก CPAC Green Solution เป็นอีกหนึ่งผลงานสร้างสรรค์ที่ถูกนำมาร่วมจัดแสดงนิทรรศการในงาน “Bangkok Design Week 2022” (BKKDW2022) ณ บริเวณที่ว่าการไปรษณีย์กลาง โซนเจริญกรุง-ตลาดน้อย ภายใต้ชื่อ “3D Concrete Printing Pavilion – Design Possibility With A Façade” โดยเป็นการพิมพ์ตัวฟาซาด 3 มิติ สะท้อนให้เห็นถึงเสน่ห์ของอาคารคอนกรีตในสมัยก่อนได้อย่างสวยงามและมีมิติโดดเด่นด้วยเส้นสายที่เรียงเป็นแพทเทิร์นต่อกันเป็นชั้นๆ พร้อมนำเสนอออกมาในรูปแบบพาวิลเลียน ผ่านกระบวนการก่อสร้างแบบ “Turn Waste to Value” ซึ่งเป็นการผลิตก่อนนำมาติดตั้ง  โดยไม่ก่อให้เกิดมลภาวะทางสิ่งแวดล้อม เรียกว่าเป็นการสร้างผลประโยชน์คืนกลับสู่สังคม เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Go Green) ตามแนวทาง ESG 4 Plus ของ SCG คือ มุ่ง Net Zero – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ – Plus เป็นธรรม โปร่งใส ตอกย้ำแนวคิด CPAC Green Solution ได้เป็นอย่างดี!   งานออกแบบฟาซาด 3 มิติ สะท้อนเสน่ห์อาคารคอนกรีตยุคก่อน จากนวัตกรรมงานก่อสร้าง “CPAC 3D PRINTING SOLUTION”  “CPAC 3D Printing Solution” เป็นนวัตกรรมการก่อสร้าง 3 มิติ จาก CPAC Green Solution ซึ่งใช้โปรแกรมคอมพิวเตอร์เข้ามาช่วยในเรื่องการออกแบบและควบคุมการก่อสร้างด้วยการใช้เครื่องจักร 3D Printer สามารถปริ๊นท์ขึ้นรูปผนังอาคารพื้นที่มากกว่า 150 ตารางเมตร ในระยะเวลา 7 วัน เป็นการลดระยะเวลาก่อสร้างลง 66% ลดการใช้แรงงานน้อยลง 50% ถือเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมก่อสร้างของประเทศไทย และยังนำมาประยุกต์ใช้ในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์คอนกรีตตกแต่งอื่นๆ ได้ อาทิ เฟอร์นิเจอร์ ฯลฯ นับว่าเป็นอีกหนึ่งผลงานสร้างสรรค์ทั้งในเรื่องของการก่อสร้าง (Construction) และการตกแต่ง (Decorate) ที่นอกจากจะเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมแล้ว ยังตอบโจทย์เหล่าดีไซเนอร์และนักออกแบบยุคใหม่ให้สามารถสร้าง Material ของตัวเองได้แบบไร้ขีดจำกัด สำหรับ “3D Concrete Printing Pavilion – Design Possibility With A Façade” เป็นผลงานการออกแบบโดย นายพิพิธ โค้วสุวรรณ Design Director แห่ง Salt and Pepper Studio ซึ่งเผยว่า “ด้วยเจตนารมณ์แรกที่มีความสนใจในตัวนวัตกรรม CPAC 3D Printing Solution ซึ่งเป็นความต้องการพื้นฐานของเหล่านักดีไซเนอร์อยู่แล้ว จึงมีแนวคิดที่อยากจะนำคอนกรีตของซีแพค มาออกแบบเป็นตัวฟาซาด เน้นเส้นสายที่เรียงเป็นแพทเทิร์นต่อกันเป็นชั้นๆ และนำเสนอออกมาในรูปแบบพาวิลเลียน เพื่อดึงดูดสายตาให้คนเข้ามาชมผลงาน   “ทั้งนี้ การยกนวัตกรรม “CPAC 3D Printing Solution” มาร่วมจัดแสดงในงาน งานนิทรรศการออกแบบ “Bangkok Design Week 2022” ในปีนี้ ซึ่งมาในธีม ‘Co With Creation คิด สร้าง ทางรอด’ เป็นการตอบโจทย์ทั้งในแง่ของ Co With Eco นวัตกรรมการออกแบบแห่งอนาคตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม, Co With Culture สะท้อนแนวคิดการออกแบบงานสถาปัตยกรรม เมื่อย้อนกลับไปเมื่อ 50 ปีที่แล้วในกรุงเทพ แนวคิดในการใช้อาคาร การรื้อฟื้นอาคาร คอนกรีตให้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งได้ และสุดท้ายคือ Co With Futureความรู้สึกว่าเราอยู่ในจุด Future is Now! เพราะโลกอนาคตก็คือปัจจุบัน การสร้างสรรค์งานออกแบบเพื่อต่อยอดวิถีชีวิตยิ่งต้องคิดให้ล้ำ” “การตีโจทย์ของการออกแบบตัวฟาซาดครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากแนวคิดของทางซีแพคเอง ซึ่งเป็นลักษณะของ โมดูล่าร์ นำมาต่อกันจนเกิดเป็นรูปแบบฟาซาดที่มีแพทเทิร์นหลากหลายและยังคงมีมิติและมีเสน่ห์ของชั้นคอนกรีตที่เรียงต่อกันเป็นชั้นๆ โดยลักษณะของฟาซาดคอนกรีตที่สร้างด้วย “CPAC 3D Printing Solution” เป็นเทคโนโลยีการพิมพ์แบบ 3 มิติ ขนาด 4.65 x 2.6 เมตร สูง 3.50 เมตร ซึ่งเป็น Scale ที่ถูกลดลงมาเพื่อความปลอดภัยในเรื่องความสูงของโครงสร้าง เนื่องจากเป็นอาคารที่จะจัดแสดงอยู่บนโครงสร้างชั่วคราวเป็นระยะเวลา 1 สัปดาห์ ทั้งนี้ตัวผลงานฟาซาด ได้ใช้ระยะเวลาในการพิมพ์เพียง 3 วัน เท่านั้น ก่อนนำมาติดตั้งบริเวณหน้างานโดยใช้ระยะเวลาเพียง 2 วัน เป็นการลดระยะเวลาการทำงาน ลดการก่อสร้างที่ไม่เหลือ Waste ลดการใช้วัสดุและทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี CPAC 3D Printing Solution มีศักยภาพที่จะสร้างสิ่งก่อสร้างที่มีรูปทรงซับซ้อน และสามารถนำวัสดุกลับมาใช้ใหม่ได้อีกด้วย เรียกว่าเป็นอีกหนึ่งนวัตกรรมที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนได้”    ร่วมค้นหาแรงบันดาลใจในนิทรรศการงานออกแบบ “Bangkok Design Week 2022” ระหว่างวันที่ 5- 13 ก.พ.นี้ โดย “CPAC 3D Printing Solution” จะจัดตั้งอยู่บริเวณที่ว่าการไปรษณีย์กลาง โซนเจริญกรุง-ตลาดน้อย พร้อมด้วยโปรแกรมจากนักออกแบบที่น่าสนใจอีกมากมาย กระจายตัวไปบนพื้นที่ย่านเศรษฐกิจสร้างสรรค์ ถึง 5 ย่าน ได้แก่ เจริญกรุง - ตลาดน้อย, สามย่าน, อารีย์ - ประดิพัทธ์, ทองหล่อ – เอกมัย, พระนคร และสามารถรับชมผ่านช่องทางออนไลน์ได้   บทความที่เกี่ยวข้อง Bangkok Design Week 2022 กรุงเทพฯ เมืองสร้างสรรค์ ก่อผนัง.. ต้องใช้วัสดุเท่าไหร่? คำนวนได้ง่ายๆ ด้วยตัวเอง    
Bangkok Design Week 2022 กรุงเทพฯ เมืองสร้างสรรค์

Bangkok Design Week 2022 กรุงเทพฯ เมืองสร้างสรรค์

เริ่มแล้ว Bangkok Design Week 2022 เรียกง่ายๆภาษาชาวบ้าน งานออกแบบกรุงเทพฯ 2565 งานแทรกตัวอยู่ใน 5 ย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ ในธีม “Co With Creation คิด สร้าง ทางรอด” อยู่ยังไงในยุค โควิด-19 Bangkok Design Week 2022  งานจัด 9 วันโปรแกรมสุดแน่นกว่า 200 โปรแกรม ที่ชวนศิลปิน นักออกแบบ ร่วมกับชุมชม มาช่วยกันแบ่งปันไอเดียว่าเราจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับโรคระบาดได้อย่างไร แบบมีทางรอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องพื้นที่ จิตใจ สิ่งแวดล้อม หรือวัฒนธรรม ใส่แสงสีเสียง ปลุกสีสันของเมืองกรุงเทพฯ งานถูกจัดวางกระจายตัวไปตามย่านต่างๆทั่วเมือง ผ่านการนำเสนอ 5 เรื่อง Co with Space การออกแบบพื้นที่ Co with Mental Health งานออกแบบเพื่อดูแลจิตใจในยุคโควิด Co with Eco ออกแบบเพื่อสิ่งแวดล้อม Co with Culture งานออกแบบวัฒนธรรม และ Co with Future การออกแบบเพื่ออนาคต งานแทรกตัวอยู่ใน 5 ย่าน เจริญกรุง ตลาดน้อย, สามย่าน, อารีย์-ประดิพัทธ์, ทองหล่อ-เอกมัย และ พระนคร บางลำพู เด่นๆ ที่ ห้างนิวเวิลด์ ที่ได้รับความร่วมมือ จาก ม.ศิลปากรในการสร้างสีสรรค์ในตัวอาคารเก่าให้กลับมามีชีวิต อีกส่วนที่บริเวณเสาชิงช้า ที่โรงพิมพ์บำรุงนุกูลกิจ เป็นโรงพิมพ์แห่งแรกในใประเทศไทย อาคารอนุลักษณ์สร้างขึ้นในสมัย รัชกาลที่ 5 เทศกาลงานออกแบบกรุงเทพฯ จัดขึ้นระหว่างวันที่ 5 - 13 กุมภาพันธ์ 2565 ด้วยมาตรการป้องกันโรค ก่อนเข้าชมอาจต้องมีการจอง ตามรอบเพื่อจำกัดจำนวนคน สำหรับนิทรรศการทั่วไปสามารถเข้าชมได้ตามเวลาของสถานที่นั้นๆ อาจยุ่งยากช้าหน่อยแต่ปลอดภัยไว้ก่อน แผนที่จัดแสดงงานในย่านต่างๆ :https://linktr.ee/BKKDW บทความที่เกี่ยวข้อง ชมออฟฟิศใหม่ “เจียไต๋” ก้าวสู่ปีที่ 100 กับแนวคิด  Work – Life Balance6 สูตรลับ ปรับกลยุทธ์ธุรกิจอาหารต้องรอดในยุคโควิด-19 “Dr.PRINC คุณหมอใจดี” บริการปรึกษาแพทย์ฟรี !! ช่วงโควิด-19
พฤกษา เรียลเอสเตท  อัดแคมเปญพร้อมเปิด 9 โครงการใหม่ Q4  ดันเป้ารายได้ 32,000 ล้าน

พฤกษา เรียลเอสเตท อัดแคมเปญพร้อมเปิด 9 โครงการใหม่ Q4 ดันเป้ารายได้ 32,000 ล้าน

“พฤกษา เรียลเอสเตท” ลุยทำตลาด ปั้นยอดขายและรายได้โค้งท้ายปี เตรียมเปิด 9 โครงการใหม่  8,540 ล้าน พร้อมโอน 7 คอนโดมูลค่า 6,000 ล้าน มั่นใจผลงานทั้งปีตามเป้าหมาย ทำรายได้ 32,000 ล้านบาท   "พฤกษา เรียลเอสเตท" ถือว่าเป็น 1 ในผู้ประกอบการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ พัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยรายใหญ่ของไทย ซึ่งมีทั้งโครงการคอนโดมิเนียม ทาวน์เฮ้าส์ และบ้านเดี่ยว กระจายอยู่ทั่วทุกมุมของกรุงเทพฯ และปริมณฑล และมีสินค้าหลากหลายราคา แต่สินค้าที่ถือเป็นพระเอกหลัก คงเป็นกลุ่มระดับระคาต่ำกว่า 5 ล้านบาท เพราะ "พฤกษา เรียลเอสเตท" มีสินค้ากลุ่มนี้อยู่ในพอร์ตจำนวนมาก แต่จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ที่มีรุนแรงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปีที่ผ่านมา ส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อและความเชื่อมั่นของผู้บริโภคส่วนใหญ่ และที่ได้รับผลกระทบหนักก็คือ กลุ่มลูกค้าระดับกลาง-ล่าง เพราะเป็นกลุ่มที่มีความอ่อนไหวต่อภาวะเศรษฐกิจมากกว่ากลุ่มอื่น   ผลกระทบของโควิด-19 ส่งผลกระทบให้เห็นอย่างชัดเจน จากผละประกอบการของ "พฤกษา เรียลเอสเตท" ในช่วงไตรมาส 3 ที่ลดลงต่ำกว่าไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ซึ่งนอกจากเป็นผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว ช่วงไตรมาส 3 ของทุกปีก็ถือเป็นช่วงโลว์ซีซั่นของการขายอสังหาฯ ด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ถือว่าเป็นช่วงเวลาสำคัญ ที่หลายบริษัทใช้เป็นโอกาสในการสร้างยอดขายและรายได้ ให้กลับมาเติบโตตามเป้าหมายได้อีกครั้ง เพราะเป็นจังหวะโค้งท้ายของปีที่ผู้บริโภคจะตัดสินใจซื้อบ้านหรือคอนโด และผู้ประกอบการก็พร้อมจะจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย  เพื่อทำยอดขายและรายได้ให้ได้ตามแผนที่วางไว้ตั้งแต่ต้นปี ซึ่งเป้าหมายยอยขายปีนี้วางไว้ 28,000 ล้านบาท รายได้ 32,000 ล้านบาท กับการเปิดโครงการใหม่ 31 โครงการ มูลค่า 21,580 ล้านบาท Q4 ลุยโอน 7 โปรเจ็กต์ เปิดใหม่อีก 9 แผนการสร้างยอดขายและรายได้ในช่วงโค้งท้ายของปี “พฤกษา เรียลเอสเตท” ได้เตรียม 3 กลยุทธ์สำคัญไว้ดังนี้ 1.โอน7 คอนโดมูลค่า 6,000 ล้าน เพิ่มรายได้ ในไตรมาสสุดท้าย บริษัทจะเริ่มโอนคอนโดรวม 7 โครงการ มูลค่ากว่า 6,000 ล้านบาท ได้แก่ เดอะรีเสิร์ฟ สาทร, เดอะไพรเวซี่ เตาปูนอินเตอร์เชนจ์,  แชปเตอร์ ทองหล่อ 25, แชปเตอร์วัน โฟลว์ บางโพ, เดอะไพรเวซี่ S101, พลัมคอนโด สุขุมวิท 97.1 และเดอะทรี พัฒนาการ-เอกมัย 2.เปิด 9 โครงการใหม่ High Value Project ในทำเลเด่น โดยมีมูลค่ารวม 8,540 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการทาวน์เฮ้าส์​ 5 โครงการ มูลค่า 3,620 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 3 โครงการมูลค่า 4,010 ล้านบาท และคอนโด 1 โครงการมูลค่า 910 ล้านบาท 3.โปรโมท กลยุทธ์แคมเปญดิจิทัล และโปรโมชั่น ต่อเนื่อง ที่ผ่านมาการทำตลาดออนไลน์ของพฤกษา ถือว่าประสบความสำเร็จและสามารถเพิ่มยอดขายกลับมาได้มากพอสมควร โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงที่เกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมีการล็อกดาวน์กลุ่มลูกค้าไม่สามารถเดินทางไปเยี่ยมชมโครงการได้ ซึ่งที่ผ่านมาเว็บไซต์ของพฤกษา มีลูกค้าใหม่เข้าเยี่ยมชมคิดเป็น 92% จากผู้ชม 5.7 ล้านคน เติบโต 93% เมื่อเทียบกับปีก่อน นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน)  เปิดเผยว่า ไตรมาสสุดท้ายได้เตรียมจัดแคมเปญ “ลดเด็ด ยกกำลัง 3”​ เพื่อขานรับนโยบายการผ่อนปรนมาตรการ LTV  ซึ่งจะทำให้ลูกค้าสามารถกู้ได้ 100% ไม่ต้องวางเงินดาวน์แล้ว พฤกษายังช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ได้แก่ 1.แคมเปญจัด ใหญ่! ลดใหญ่  แห่งปี 2.ไม่งอก! ไม่มีค่าใช้งอก เพราะฟรีค่าโอน อยู่ฟรี ฟรีค่าส่วนกลาง สูงสุด 3 ปี* 3.พิเศษ! ปลดล็อก LTV กู้สุงสุด 110% ฟรีดาวน์ พร้อมสิทธิและข้อเสนอพิเศษเพิ่มเติมจากธนาคารพันธมิตร โดยมีโครงการบ้านเดี่ยว ทาวน์โฮม คอนโดพร้อมอยู่กว่า 140 โครงการ 1,500 ยูนิต ที่เข้าร่วมด้วยราคาเริ่มต้น 1.29 ล้านบาท ถึง 31 ธ.ค. 64 ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑลในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา มีมูลค่า 223,614 ล้านบาท เติบโต 7%  โดยตลาดบ้านเดี่ยวเติบโตสูงขึ้นอย่างชัดเจนถึง 30% ในขณะที่เซกเมนต์อื่นยังติดลบ หรือทรงตัว Q3 โดยโควิดทุบยอดขาย-รายได้ สำหรับผลประกอบการในไตรมาส 3 ที่ผ่านมา เป็นไปตามภาพรวมของธุรกิจอสังหาฯ ที่โดยส่วนใหญ่จะมียอดขายและรายลดลงจากไตรมาสก่อนหน้า ซึ่งผลประกอบการของ “พฤกษา เรียลเอสเตท” ก็มีทิศทางเดียวกัน และมีไฮไลท์ผลการดำเนินงานดังนี้ -ยอดขายมีมูลค่า 5,902 ล้านบาท ลดลง 10% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งทำได้ 6,584 ล้านบาท และลดลง 18% เมื่อเทียบกับไตรมาส 2 ของปี 2564 ที่มีมูลค่า 7,225 ล้านบาท -รายได้มีมูลค่า 5,970 ล้านบาท ลดลง 6% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีมูลค่า 6,353 ล้านบาท และลดลง 6% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า ที่มีมูลค่า 6,334 ล้านบาท -กำไรสุทธิ 331 ล้านบาท ลดลง 45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีมูลค่า 603 ล้านบาท และลดลง 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้าที่มีมูลค่า 427 ล้านบาท -สินค้าคงค้างในไตรมาส 3 มีมูลค่า 7,411 ล้านบาท ลดลงถึง 57% นับตั้งแต่ไตรมาส 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งมีสินค้าคงค้างมูลค่า 17,223 ล้านบาท   สำหรับช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมาบริษัทเปิดตัวโครงการใหม่ 7 โครงการมูลค่า 4,192 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโด 1 โครงการมูลค่า 4,192 ล้านบาท และทาวนเฮ้าส์ 6 โครงการมูลค่า 3,708 ล้านบาท 9 เดือนยอดขายโต 24%  แม้ว่าผลการดำเนินงานเฉพาะในไตรมาส 3 ของ​ “พฤกษา เรียลเอสเตท” จะชะลอตัวลง แต่หากนับรวมการดำเนินงานมาตั้งแต่ต้นปี หรือช่วง 9 เดือนแรกที่ผ่านมา ยังถือว่าเป็นไปตามแผนงานและเป้าหมายที่บริษัทได้วางไว้ โดยมีไฮไลท์ผลการดำเนินงานดังนี้ -ยอดขาย 9 เดือนแรกได้ 20,067 ล้านบาท เติบโต 24% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทำรายได้ 19,192 ล้านบาท -รายได้ช่วง 9 เดือน มูลค่า 19,192 ล้านบาท ลดลง 2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้า ที่มีมูลค่า 19.661 ล้านบาท -กำไรสุทธิ 1,364 ล้านบาท ลดลง 30% จากช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมาซึ่งมีกำไรสุทธิ 1,942 ล้านบาท   นายปิยะ กล่าวอีกว่า ช่วง 9 เดือนที่ผ่านมา บริษัทเปิดโครงการใหม่ไปแล้ว 22 โครงการ มูลค่า 13,040  ล้านบาท  ซึ่งสถานการณ์ในช่วง 9 เดือนที่ผ่านมายังค่อนข้างมีความกดดัน มีปัจจัยลบจากภาวะเศรษฐกิจและการล็อกดาวน์ ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดโครงการออกไป แต่ภาพรวมผลประกอบการยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ดี  และสามารถลดสินค้าคงค้างลงไปได้ถึง 57% จากปีก่อน   โดยปัจจุบันบริษัทมียอดขายที่รอรับรู้รายได้ (Backlog) ที่ 22,958 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการคอนโด มูลค่า 19,367 ล้านบาท บ้านเดี่ยว มูลค่า 973 ล้านบาท และทาวน์เฮ้าส์ มูลค่า 2,618 ล้านบาท โดยจะรับรู้ต่อเนื่องตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 2568   สำหรับทิศทางธุรกิจอสังหาฯ ในอนาคตมองว่า ยังมีปัจจัยบวกสำคัญ คือ  การฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลแก และ​เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัว ซึ่งเป็นผลมาจากจีดีพีมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ซึ่งคาดว่าปี 2565 เศรษฐกิจจะเติบโตในอัตรา 4.5  จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีจีดีพี 1.0 และยังมีปัจจัยบวกจากการเปิดประเทศ รวมถึงมาตรการปลดล็อก LTV ด้วย   แต่ขณะเดียวกันปัจจัยที่ยังกังวลจะยังเป็น 3 เรื่องสำคัญ คือ 1.ความเสี่ยงจากการกลายพันธุ์ของโควิด-19 2.กำลังซื้อยังต่ำในกลุ่มระดับกลางและล่าง และ​ 3.ภาวะหนี้ครัวเรือนที่ยังอยู่ระดับสูง 89.6% และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ซึ่งมีอัตรา 3.7%    
ผลประกอบการ แสนสิริ Q2/63  รายได้ทะลุหมื่นล้าน แต่กำไรลดกว่า 9%

ผลประกอบการ แสนสิริ Q2/63 รายได้ทะลุหมื่นล้าน แต่กำไรลดกว่า 9%

แสนสิริ ทำรายได้รวมไตรมาส 2 กว่า 11,306 ล้าน สูงสุดในตลาดอสังหาฯ แต่โดนผลกระทบโควิด-19 ทำกำไรลดกว่า 9.49% ส่วน 6 เดือนแรกของปีกำไรหายไปกว่าครึ่ง มั่นใจครึ่งปีหลังยังกวาดยอดขายและรายได้ต่อเนื่อง เตรียมโอนโครงการสร้างแล้วเสร็จอีก 5 โครงการ พร้อมเปิดโปรเจ็กต์ใหม่ไตรมาส 4 อีก 10 โครงการมูลค่ากว่า 11,700 ล้าน   สำหรับผลการดำเนินงานของบริษัทอสังหาริมทรัพย์  ที่จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ช่วงไตรมาส 2 ที่ผ่านมา ถือว่าในภาพรวมหลายบริษัทยังคงสามารถสร้างการเติบโตได้ ท่ามกลางภาวะการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยบริษัทที่ทำรายได้สูงสุดในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาฯ  คงต้องยกให้กับ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) ที่มีรายได้ระดับหมื่นล้านบาท ขึ้นเป็นเบอร์ 1 ของอุตสาหกรรมไปเรียบร้อยแล้ว รายได้รวมทะลุหมื่นล้าน แสนสิริ มีรายได้รวม ในไตรมาสที่ 2 จำนวน 11,306 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 164% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน  4,285 ล้านบาท สาเหตุของการเพิ่มขึ้น เป็นเพราะรายได้จากการขายโครงการเพื่อขายที่เพิ่มขึ้นมากถึง 309% ทำให้ภาพรวมช่วง 6 เดือนแรก แสนสิริรายได้จากโครงการเพื่อขายเพิ่มขึ้นถึง 112% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  ส่วนรายได้ช่วง 6 เดือนแรกของปี 2563  มีจำนวน 17,929 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 64% เมื่อเทียบกับรายได้รวมจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีจำนวน 10,923 ล้านบาท สำหรับรายได้ในช่วงไตรมาส 2 ของแสนสิริและบริษัทย่อย มีรายได้ธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 10,338 ล้านบาท แบ่งออกเป็น -โครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 4,917 ล้านบาท -โครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 4,062 ล้านบาท -โครงการทาวน์เฮาส์ จำนวน 1,077 ล้านบาท -โครงการมิกซ์ จำนวน 282 ล้านบาท   โครงการบ้านเดี่ยว จำนวน 4,917 ล้านบาท  เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 1,651 ล้านบาท ซึ่งมาจาก 3 โครงการหัก ได้แก่ โครงการบ้านแสนสิริ พัฒนาการ เศรษฐสิริ กรุงเทพกรีฑา และเศรษฐสิริ จรัญ-ปิ่นเกล้า 2 มีมูลค่ารวม 1,372 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13% ของรายได้จากโครงการเพื่อขายทั้งหมด   รายได้จากการขายโครงการทาวน์เฮาส์ ในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา มีจำนวน 1,077 ล้านบาท  ปรับเพิ่มขึ้นจากจำนวน 480 ล้านบาทในไตรมาสที่ 2 ปี​ 2562 ซึ่งมาจากรายได้หลักของ 4 โครงการทาวน์เฮาส์ ได้แก่ โครงการสิริเพลส สุขสวัสดิ์ - พระราม3 โครงการไทเกอร์เลน โครงการสิริเพลส เพชรเกษม-สาย 4 และโครงการสิริเพลส จรัญฯ-ปิ่นเกล้า ซึ่งทั้ง 4โครงการ มีรายได้รวม​ 452 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 4% ของรายได้จากโครงการเพื่อขายทั้งหมด ส่วนรายได้จากการขายโครงการมิกซ์  มีจำนวน 282 ล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากจำนวน 7 ล้านบาท จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งรายได้หลักมาจากโครงการอณาสิริ บางใหญ่   รายได้จากการขายโครงการคอนโดมิเนียม ปรับเพิ่มขึ้น 950% จากจำนวน 387 ล้านบาทใน ไตรมาสที่ 2 ปีที่ผ่านมา เป็นจำนวน 4,062 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ ซึ่ง​รายได้ส่วนใหญ่มาจาก 3 โครงการหลัก ได้แก่ โครงการคาวะ เฮาส์ โครงการเดอะโมนูเมนต์ ทองหล่อ และโครงการดีคอนโด ริน  ทั้ง 3 โครงการ มีรายได้รวมจำนวน​ 2,429 ล้านบาท คิดเป็น 23% ของรายได้จากโครงการเพื่อขายทั้งหมด 6 เดือนแรกกำไรลดกว่า 50% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าแสนสิริจะสามารถทำรายได้เติบโต แต่ในส่วนของกำไรสุทธิ ในไตรมาส 2 พบว่ามีอัตรากำไรลดลง 9.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยมีกำไรสุทธิจำนวน  258.16 ล้านบาท ส่วนในไตรมาส 2 ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 285.23 ล้านบาท  โดยอัตรากำไรสุทธิคิดเป็น 2.3% ของรายได้รวม ปรับลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มี อัตรากำไรสุทธิ 6.7% ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการขาดทุนของธุรกิจการบริหารโรงแรม เพราะเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 และการเพิ่มขึ้นของต้นทุนทางการเงินและค่าใช้จ่ายภาษีเงินได้ ซึ่งภาพรวมในช่วง 6 เดือนแรก มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 320 ล้านบาท  ลดลง 53.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ที่มีจำนวน 690 ล้านบาท   นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) (SIRI) เปิดเผยว่า ในครึ่งปีแรกบริษัทมีผลงานการโอนที่โดดเด่น ล่าสุด มียอดโอนโครงการที่อยู่อาศัยทุกประเภทที่สร้างเสร็จสมบูรณ์ และส่งมอบให้กับลูกค้าไปแล้วถึง 28,200 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดโอนเฉพาะไตรมาสที่ 2 สูงถึง 25,200 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นยอดโอนกรรมสิทธิ์ที่ทำสถิติสูงสุดใหม่ ทั้งในรอบครึ่งปีและรายไตรมาสตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ตุน Backlog 5.4 หมื่นล้าน นอกจากนี้ บริษัทยังมียอดขายรอโอน (Backlog) (รวมโครงการร่วมทุนในคอนโดมิเนียม) มูลค่ารวมประมาณ 54,100 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การพัฒนาของแสนสิริ 40,000 ล้านบาท และยอดขายรอโอนจากโครงการภายใต้การร่วมทุนอีก 14,000 ล้านบาท ที่จะทยอยรับรู้ไปจนถึงปี 2566 ซึ่งช่วยสร้างผลงานการโอนให้เป็นไปตามเป้าหมายในปีนี้ 42,000 ล้านบาท สำหรับยอดขาย (Presale) ในช่วง 7 เดือนของปี 2563 บริษัทมียอดขายรวมแล้วกว่า 25,000 ล้านบาท คิดเป็น 70% จากเป้าหมายยอดขายทั้งปี  35,000 ล้านบาท แบ่งเป็นยอดขายจากโครงการแนวราบถึง 16,200 ล้านบาท เติบโต 110% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และคิดเป็น 85% ของเป้าหมายยอดขายแนวราบทั้งปีที่ตั้งไว้ 19,000 ล้านบาท   กุญแจสำคัญ ซึ่งจะผลักดันสู่ผลการดำเนินงานที่ดีต่อเนื่องในครึ่งปีหลัง คือการบริหารเงินสดในมือที่ดี ที่จะส่งผลให้แสนสิริเป็นองค์กรที่มีสภาพคล่องสูง มีกระแสเงินสดที่มีความพร้อมในการดำเนินธุรกิจ ล่าสุดบริษัทมีสภาพคล่องในมือรวม 12,000 ล้านบาท ไตรมาส 4 เปิดอีก 10 โปรเจ็กต์ ขณะที่ปัจจัยสำคัญที่จะผลักดันแสนสิริ ให้บรรลุเป้าหมายการโอน สู่การสร้างรายได้ที่ดีต่อเนื่องในปีนี้มาจากแผนการโอนคอนโดมิเนียมสร้างเสร็จใหม่ อีก 5 โครงการใหม่ มูลค่าโครงการรวม 16,200 ล้านบาท ได้แก่ เดอะ เบส สะพานใหม่ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 21 – 23 สิงหาคมนี้ ,โอกะ เฮาส์ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 18 – 20 กันยายน, XT เอกมัย เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 2 – 4 ตุลาคม, ลา ฮาบานา หัวหิน เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 16 – 18 ตุลาคม และดีคอนโด ธาร จรัญฯ เริ่มโอนกรรมสิทธิ์โครงการวันที่ 30 ตุลาคม ถึง 1 พฤศจิกายน 2563   ด้านแผนการเปิดตัวโครงการใหม่  เตรียมเปิดตัวในช่วงไตรมาสที่ 4 อีกจำนวน  10 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 11,700 ล้านบาท แบ่งการพัฒนาเป็นการเปิดตัวบ้านเดี่ยว จำนวน 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 5,500 ล้านบาท บ้านและทาวน์โฮมภายใต้แบรนด์ อณาสิริ 4 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 4,200 ล้านบาท และทาวน์โฮมแบรนด์ สิริ เพลส 3 โครงการ มูลค่าโครงการรวม 2,000 ล้านบาท รวมทั้งบริษัทยังมีแผนเปิดตัวคอนโดมิเนียมโครงการใหม่ ภายใต้แบรนด์ เดอะ เบส ในชื่อและทำเล “เดอะ เบส อีส-บางแค” มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท ในวันที่ 26 – 27 กันยายนนี้อีกด้วย  
รวมโปรโมชั่น “บ้าน-คอนโดฯ” สู้ไวรัสโควิด-19

รวมโปรโมชั่น “บ้าน-คอนโดฯ” สู้ไวรัสโควิด-19

ระยะเวลาปี 2563 เดินทางมาเกือบจะหมดไตรมาสแรกของปีกันแล้ว แวดวงอสังหาริมทรัพย์ดูเหมือนจะเงียบเหงา ดีเวลลอปเปอร์ส่วนใหญ่แทบไม่มีใครเปิดโครงการใหม่ออกขาย ส่วนใหญ่จะกินบุญเก่ากับโครงการเดิมๆ ที่เปิดขายมาก่อนหน้า เพราะสถานการณ์ปีนี้ เต็มไปด้วยปัจจัยลบที่ส่งผลกระทบต่อเนื่องมาจากปีที่ผ่านมา  และต้นปีนี้ยังมีปัญหาไวรัสโควิด-19 มาซ้ำเติมให้เจ็บหนักกันไปอีก   สิ่งหนึ่งที่ดีเวลลอปเปอร์ทำกันตอนนี้ คงหนีไม่พ้นการจัดโปรโมชั่น เพื่อเรียกยอดขาย และหาแนวทางในการกระตุ้นยอดขายให้มากขึ้น จากสถานการณ์ที่เต็มไปด้วยปัจจัยลบ มาดูกันว่าตอนนี้มีโปรโมชั่นจากผู้ประกอบการอะไรออกมากันบ้าง เมเจอร์ จัด LAST CHANCE!! LUCKY NO.9 เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จัดโปร LAST CHANCE!! LUCKY NO.9  ส่งท้ายกับ คอนโดฯ 8 โครงการ ทำเลใจกลางเมือง ใกล้รถไฟฟ้า ราคาพิเศษเริ่ม 2.9 ล้านบาท รับโปรโมชั่นฟรี 9 รายการ พร้อมลุ้นรับ On Top ส่วนลดเพิ่มสูงสุด 200,000 บาท   นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทประสบความสำเร็จจากแคมเปญ “LUCKY NO.9 เฮง 9 ต่อ รับฟรี 9 อย่าง” จึงได้จัดแคมเปญต่อเนื่องโอกาสสุดท้าย สำหรับผู้ที่ต้องการเลือกซื้อคอนโดฯ ใจกลางเมืองใกล้รถไฟฟ้า กับแคมเปญ LAST CHANCE!! LUCKY NO.9  ฟรี! โปรโมชั่นกว่า 9 รายการ ด้วยฟรีค่าโอนฯ, ส่วนกลาง, เงินกองทุน, ประกันและติดตั้งมิเตอร์ไฟ, บัตรกำนัลเฟอร์นิเจอร์และเครื่องใช้ไฟฟ้า, ที่พักสุดชิคจาก Centra Maris Resort Jomtien และแก็ตเจต โดนใจ IPhone 11   โดยบริษัทได้คัดสรร 8 โครงการ พร้อมอยู่ มาจัดแคมเปญครั้งนี้  อาทิ  โครงการเอ็ม จตุจักร ใกล้ BTS หมอชิต และ สะพานควาย, MRT จตุจักร และ กำแพงเพชร  โครงการมาเอสโตร19 รัชดา19 – วิภา ทำเลใจกลางรัชดาฯ ใกล้ MRT สถานีรัชดาภิเษก โครงการมาเอสโตร 03 รัชดา – พระราม 9 ใกล้ MRT สถานีพระราม 9, สถานีศูนย์วัฒนธรรม Airport Link สถานีมักกะสัน และใกล้จุดขึ้นลงทางด่วนพิเศษศรีรัช  โครงการมาเอสโตร 14 สยาม – ราชเทวี ทำเลศักยภาพ 'ราชเทวี' ใกล้รถไฟฟ้า BTS ราชเทวี เพียง 300 เมตร สถานีเดียวถึงสยาม นอกจากนี้ยังมีโครงการเมทริส พระราม 9 - รามคำแหง ทำเลติดริม ถ.พระราม 9 และถนนรามคำแหง ใกล้ MRT รามคำแหง 12  โครงารเมทริส พัฒนาการ – เอกมัย ตั้งอยู่บนถนนพัฒนาการ ใกล้ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ โครงการเอ็ม ทองหล่อ 10 ใกล้ BTS ทองหล่อ และโครงการมาเอสโตร 01 สาทร-เย็นอากาศ ทำเลย่านธุรกิจ ใกล้ BTS ศาลาแดง และ MRT ลุมพินี   ขณะเดียวกันในวันที่ 21-22 มีนาคมนี้ บริษัทได้เพิ่มข้อเสนอสุดพิเศษ ลุ้นรับส่วนลด On Top สูงสุดถึง 200,000 บาท** ในงาน Event ที่ Sales Gallery สำหรับ 6 โครงการ ได้แก่  เอ็ม จตุจักร, มาเอสโตร19 รัชดา19 – วิภา, มาเอสโตร 03 รัชดา – พระราม 9, มาเอสโตร 14  สยาม – ราชเทวี, เมทริส พระราม 9 – รามคำแหง และเมทริส พัฒนาการ – เอกมัย  อีกด้วย   ตลาดอสังหาฯ ปีนี้ยังคงเติบโต แต่ไม่ได้หวือหวามากนัก มั่นใจว่าตลาดยังมีเรียลดีมานด์ มีความต้องการที่อยู่อาศัยอย่างแท้จริง  เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จัด NC EXPO 2020 เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง  เปิดแคมเปญใหญ่ NC EXPO 2020   Hot Price Hot Zone  ผนึก 8 แบงค์ มอบอัตราดอกเบี้ยพิเศษ ชูมหกรรมบ้าน เอ็น.ซี  9 แบรนด์คุณภาพ รีบจอง ภายใน 31 มีนาคมนี้   นายสมนึก ตันฑเทอดธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็น.ซี. เฮ้าส์ซิ่ง จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึง แคมเปญใหญ่ต้นปี 2020  “NC EXPO 2020 Hot Price Hot Zone” นำโครงการบ้าน-คอนโดฯ พร้อมอยู่ 9 โครงการทุกทำเล จัดราคาพิเศษ และได้รับแคมเปญพิเศษ อาทิ G1 GOLD  ซื้อบ้านได้ทอง  สูงสุด 20 บาท  G2 GIFT ซื้อบ้านรับของแถม ครบคุ้ม อุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า G3 GIFT VOUCHER ตกแต่งบ้าน มูลค่าสูง ถึง 100,000 บาท G4 GIVE AWAY ซึ่งเป็นการร่วมสมทบเงินมอบส่วนหนึ่ง เพื่อโครงการรักษ์โลก  ทุกยอดโอน 1 ล้านบาท ร่วมบริจาคสนับสนุน ด้านการคัดแยกขยะลดปัญหาสิ่งแวดล้อม และ G5 GET MORE  รับส่วนลดสูงสุด 2 ล้านบาท  ฟรีทุกค่าใช้จ่ายวันโอนกรรมสิทธ์ ทุกรายการ กรณีโอนเร็ว ภายในเดือนมีนาคม รับ iPhone 11 Pro Max ,IPad gen 7,Apple Wach ,Air Pods ความมั่นใจแคมเปญใหญ่ NC EXPO 2020 Hot Price Hot Zone จะสามารถทำยอดขายกว่า  270 ล้านบาท นอกจากนี้ บริษัทยังได้ร่วมกับ 8 สถาบันการเงิน ให้อัตราดอกเบี้ยพิเศษ ได้แก่ ธนาคารไทยพาณิชย์กู้สูงสุด 110% ธนาคารออมสิน ดอกเบี้ยพิเศษ 2.7% 3 ปี ธนาคารกสิกรไทย รับดอกเบี้ย 3.32%นาน 3 ปี ธนาคารทหารไทย รับดอกเบี้ย 2.89 % 3 ปี ฟรีค่าประกันอัคคีภัย ธนาคารกรุงไทย ดอกเบี้ยพิเศษ 0.99% ปีแรก ธนาคารกรุงศรี รับดอกเบี้ยคงที่ 1% นาน 1 ปี พร้อมฟรี จดจำนอง ธนาคารอาคารสงเคราะห์ กู้ได้วงเงินสูงสุด 110%  และ LH Bank รับดอกเบี้ยเริ่มเต้น 2.9% หรือผ่อนต่ำล้านละ 3,500 บาท  (2ปีแรก ) “อัลติจูด” แจกประกันโควิด-19   “อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์” ลุยตลาดแนวราบ เจาะกลุ่มผู้ซื้อที่อยู่อาศัยเพื่ออยู่จริง เตรียมแจกประกันภัยโควิด-19 สำหรับผู้เข้าชมโครงการ ตั้งเป้ายอดขาย 2,000 ล้านบาท     นายชยพล หรรรุ่งโรจน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อัลติจูด ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ภายใต้แบรนด์ "ALTITUDE" เปิดเผยว่า ภาคธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในปีนี้แม้จะได้รับผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจโดยรวมที่ชะลอตัว และจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่กระทบกับทั้งประเทศไทยและทั่วโลก บริษัทฯ ได้ตระหนักและคำนึงถึงสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยมีการปรับตัวในการดำเนินธุรกิจมาตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ซึ่งในปี 2563 จึงยังเน้นย้ำกลยุทธ์การเติบโตด้วยธุรกิจร่วมทุนและรับจัดการและพัฒนาสินทรัพย์ (Turnkey Asset Development) เป็นการขับเคลื่อนธุรกิจด้วยโครงการร่วมทุนและร่วมค้า เพื่อเป็นการแก้เกมเศรษฐกิจช่วงขาลง   สำหรับเป้าหมายยอดขายปี 2563 ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 2,000 ล้านบาท ใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา นับเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดจากปี 2561 ซึ่งเป็นผลมาจากการดำเนินตามกลยุทธ์ธุรกิจ และกลยุทธ์การตลาดที่บริษัท วางไว้ได้อย่างถูกต้อง และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 บริษัทได้ตระหนักและให้ความสำคัญด้านความปลอดภัยกับผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน จึงได้ซื้อประกันภัยโควิด-19 มอบให้กับพนักงาน และผู้เข้าเยี่ยมชมโครงการของอัลติจูด ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป โดยผู้ต้องการเข้าชมโครงการต้องลงทะเบียนผ่านเว็บไซต์ของบริษัท www.altiude.co.th แสนสิริ จัดโปรลื่นปรื้ด แสนสิริ เปิดเกมส์รุกหนักไตรมาสแรกปี 63  ยกทัพโครงการพร้อมอยู่และเปิดขายใน 55 โครงการทั่วประเทศ จัดแคมเปญใหญ่ “โปรลื่นปรื้ด”  ตั้งเป้ากวาดยอดขายแคมเปญ 3,000 ล้านบาท กระตุ้นตลาดอสังหาฯ คึกคัก ดันยอดขายปิดไตรมาสแรก   นายอุทัย  อุทัยแสงสุข  ประธานผู้บริหารสายงานปฎิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ได้ลุยสร้างยอดขายและกระตุ้นตลาดอสังหาฯ ตั้งแต่ไตรมาสแรก ด้วยราคาและและข้อเสนอพิเศษแบบไม่เคยมีใครให้มาก่อน กับแคมเปญ “โปรลื่นปรื้ด” ล้มทุกโปร ลื่นทุกข้อเสนอ ยกทัพโครงการพร้อมอยู่และเปิดขายใน 55 โครงการทั่วประเทศ ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียม และทาวน์โฮม มาจัดราคาพิเศษ พร้อมข้อเสนอพิเศษทางการเงินจาก 3 ธนาคารชั้นนำ ทั้งธนาคารไทยพาณิชย์ ธนาคารกรุงไทย และธนาคารออมสิน ที่จะร่วมมอบอัตราดอกเบี้ยสุดพิเศษเฉพาะลูกค้าแสนสิริอีกด้วย   ตัวอย่างโครงการที่ร่วมแคมเปญ อาทิ ดีคอนโด แคมปัส กำแพงแสน เริ่มต้นเพียง 890,000 บาท  ดีคอนโด แคมปัส โดม รังสิต เริ่มต้นเพียง 1.69 ล้านบาท ทาวน์โฮมแบรนด์สิริ เพลส ราชพฤกษ์ – 346  ราคาพิเศษเริ่มเพียง 1.89 ล้านบาท มิกซ์โปรดักส์ รวมบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และทาวน์โฮมไว้ในโครงการเดียว อณาสิริ มะลิวัลย์ ขอนแก่น ราคาพิเศษเริ่มเพียง 2.29 ล้านบาท และคณาสิริ บนหลายทำเล อาทิ บางนา, พระราม 2, ราชพฤกษ์ – 346 ราคาพิเศษเริ่มเพียง 3.99 ล้านบาท สราญสิริ โคราช ราคาพิเศษเริ่ม 4.99 ล้านบาท และบ้านเดี่ยวแบรนด์บุราสิริ ราคาพิเศษเฉพาะในงาน เริ่ม 4.99 บ้านเดี่ยวแบรนด์เศรษฐสิริ ราคาพิเศษเฉพาะในงาน เริ่ม 5.99 ล้านบาท   ไฮไลท์ที่น่าสนใจของแคมเปญ ยังลุ้นเป็นเจ้าของยูนิตราคาสุดพิเศษ ใน 12 คอนโดฯ พร้อมอยู่ อาทิ ลา กาซิต้า หัวหิน ลุ้นรับราคาพิเศษ 1.79 ล้านบาท เดอะ เบส ไฮท์ อุดรธานี ลุ้นรับราคาพิเศษเพียง 1.39 ล้านบาท  เดอะ เบส เพชรเกษม ลุ้นรับราคาพิเศษเพียง 1.79 ล้านบาท และเดอะ เบส สุขุมวิท 50 ลุ้นรับราคาพิเศษ 1.99 ล้านบาท สำหรับโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮม นอกจากพบแปลงสวยราคาพิเศษในทุกโครงการ ทุกทำเลแล้ว ยังมีโปรโมชั่นจัดเต็มส่วนลดสูงสุดกว่า 1 ล้านบาท ให้คุณเป็นเจ้าของบ้านได้ง่ายที่สุด เพราะแสนสิริจ่ายให้ทั้งหมด ทั้งค่าจดจำนอง ค่าโอนกรรมสิทธิ์ และค่าส่วนกลางสูงสุด ถึง 10 ปี   คาดว่าแคมเปญนี้จะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า และสามารถทำยอดขายได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 3,000 ล้านบาท และยังจะช่วยผลักดันให้ยอดขายในช่วงไตรมาสแรกเป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้  
แสนสิริ เปิดโปรเจ็กต์ใหม่ ปั้นยอดขายโต 40%

แสนสิริ เปิดโปรเจ็กต์ใหม่ ปั้นยอดขายโต 40%

แสนสิริ เปิดโปรเจ็กต์ใหม่ 24,000 ล้าน หวังสร้างยอดขายโต 40% มุ่งจับตลาดกำลังซื้อระดับกลางลงล่าง กลุ่มราคา 1.5-5 ล้าน ปั้นรายได้ 24,000 ล้าน ไม่หวั่นลูกค้าจีน 2,000 ล้าน ยกเลิกซื้อคอนโดฯ เหตุได้เงินดาวน์ตุนไว้แล้ว 30% พร้อมนำกลับมาขายใหม่ทำกำไร   นายวันจักร์ บุรณศิริ ประธานผู้บริหารสายงานการเงินและสนับสนุนธุรกิจ บริษัทแสนสิริ จำกัด (มหาชน) หรือ SIRI เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจในปี 2563 ว่า แสนสิริวางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 18 โครงการ รวมมูลค่า 24,000 ล้านบาท แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,800 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 6 โครงการ มูลค่ารวม 8,600 ล้านบาท และทาวน์โฮม และมิกซ์ โปรเจกต์ 6 โครงการ มูลค่ารวม 6,600 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในเซกเมนต์ Medium และ Affordable เป็นหลัก หรือระดับราคา 1.5-5 ล้านบาท เพื่อให้บริษัทเป็นแบรนด์ที่เข้าถึงง่ายในกลยุทธ์ด้านการวางราคาขาย ขณะเดียวก็ยังคงขยายฐานลูกค้าในเซกเมนต์ Luxury และ Super Luxury  ด้วยคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ภายใต้ Sansiri Luxury Collection อาทิ 98 ไวร์เลส, เดอะ โมนูเมนต์ ทองหล่อ, คุณ บาย ยู และบ้านแสนสิริ โดยคาดว่าจะสามารถสร้างยอดขาย 29,000 ล้านบาทในปี 2563 เติบโตขึ้น 40% จากปีก่อนที่มียอดขาย 21,000 ล้านบาท รวมทั้งวางเป้าหมายการโอนไว้ 33,000 ล้านบาท นอกจากนี้ แสนสิริยังมียอดขายรอโอนรองรับการเติบโตระยะยาวในอีก 4 ปี อีกถึง 47,500 ล้านบาท ซึ่งช่วยสร้างความมั่นใจให้แสนสิริได้เป็นอย่างดี และเสริมความแข็งแกร่งในทุกสภาวะเศรษฐกิจ ตั้งเป้ายอดขาย 63 โต 40% โดยบริษัทตั้งเป้าหมายยอดขายในปีนี้มูลค่า 29,000 ล้านบาท เติบโต 40% จากปีก่อนที่มียอดขาย 21,000 ล้านบาท วางเป้าหมายการโอน 33,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมามียอดโอน 31,000 ล้านบาท ซึ่งบริษัทยังมียอดขายรอโอน 47,500 ล้านบาท ซึ่งจะทยอยโอนไปอีก 4 ปีข้างหน้า แบ่งรับรู้รายได้ภายในปีนี้ 24,000 ล้านบาทในจำนวนนี้เป็นของบริษัทร่วมทุน 14,000 ล้านบาท เป็นของแสนสิริ 10,000 ล้านบาท   ยอดขายกว่า 62% ของปี 2562 มาจากความสำเร็จของยอดขายแนวราบในปีที่ผ่านมา อาทิ แบรนด์ทาวน์โฮม ‘สิริ เพลส’, แบรนด์บ้านเดี่ยว ‘บุราสิริ’, ‘คณาสิริ’ ราชพฤกษ์-346 และ ‘เศรษฐสิริ’ จรัญฯ – ปิ่นเกล้า 2 ขณะที่กลุ่มคอนโดมิเนียม ได้รับการตอบรับที่ดีจากการโอนคอนโดมิเนียมที่สร้างเสร็จพร้อมโอน อาทิ เดอะ ไลน์ สุขุมวิท 101,  เดอะ ไลน์ พหล-ประดิพัทธ์, เดอะ เบส สุขุมวิท 50, เดอะ เบส เพชรเกษม, ทากะ เฮาส์, ดีคอนโด แคมปัส โดม รังสิต และดีคอนโด หาดใหญ่ วางยุทธศาสตร์ “Made for Life…Made for Everyone” ด้านนายอุทัย อุทัยแสงสุข ประธานผู้บริหารสายงานปฏิบัติการ บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปีนี้ บริษัทได้วางยุทธศาสตร์ “Made for Life…Made for Everyone” เพื่อสร้างภาพแบรนด์ที่จับต้องง่ายขึ้น และเป็น “แบรนด์ที่ทุกคนเข้าถึงได้” โดยได้กำหนดกลยุทธ์สำคัญที่จะตอบสนองความต้องการของลูกค้าในทุกเซกเมนต์ ได้แก่ การเดินหน้ามุ่งพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยคุณภาพ ครอบคลุมความต้องการที่หลากหลาย โฟกัสในตลาดกลุ่มใหญ่ที่มีดีมานด์  ด้วยการพัฒนาโครงการ ภายใต้แบรนด์ดีคอนโด, เดอะเบส, สิริ เพลส, อณาสิริและสราญสิริ รวมทั้งขยายการพัฒนาโครงการไปในย่าน Community ใกล้เมืองในราคาเข้าถึงง่าย  ตลอดจนพัฒนาโครงการไปในทำเลใหม่ๆ อาทิ ทำเลย่านสุวรรณภูมิด้วย สราญสิริ ศรีวารี และการเข้าไปยังทำเลป่าคลอก ภูเก็ต ของแบรนด์อณาสิริ ส่วนคอนโดมิเนียม แสนสิริมีการเตรียมส่งมอบโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ 8 โครงการ ในปีนี้ ได้แก่ ดีคอนโด ริน เชียงใหม่, ดีคอนโด บลิซ ศรีราชา, เดอะ เบส เซ็นทรัล ภูเก็ต, เดอะ เบส สะพานใหม่,เอ็กซ์ที เอกมัย, เอ็กซ์ที  ห้วยขวาง, คาวะ เฮาส์ และลา ฮาบาน่า หัวหิน” โดยมียอดขายแล้ว 60% จากมูลค่าโครงการรวม 24,000 ล้านบาท  ในปีนี้แสนสิริยังมีการขยายารลงทุน ในโรงงานพรีคาสต์ เพื่อรองรับการพัฒนาโครงการอย่างต่อเนื่อง โดยจะเปิดตัวโรงงานพรีคาสต์แห่งที่ 3 และ 4  ซึ่งจะส่งผลให้สามารถเพิ่มกำลังการผลิตจาก 700,000 ตารางเมตรต่อปี เพิ่มขึ้นเป็น 1,200,000 ตารางเมตร  รองรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยจาก 2,000 ยูนิต เพิ่มขึ้นเป็น 3,500 ยูนิต ไม่ห่วงชาวจีนยกเลิก ตุนเงินดาวน์แล้ว 30% สำหรับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะลูกค้าชาวจีน บริษัทได้รับผลกระทบมาตั้งแต่ เกิดเหตุการณ์สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ซึ่งทำให้ยอดขายของกลุ่มลูกค้าต่างชาติลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยยอดขายที่เคยทำได้กว่า 10,000 ล้านบาท ในปี 2561 ลดลงเหลือประมาณ 3,000 ล้านบาท ในปี 2562 ซึ่งมีกลุ่มลูกค้าชาวจีนประมาณ 50%   ปัจจุบันบริษัทมีกลุ่มลูกค้าชาวจีนประมาณ 500 ราย ซื้อคอนโดฯ คิดเป็นมูลค่า 2,000 ล้านบาท ใน 8 โครงการ ที่จะเริ่มก่อสร้างแล้วเสร็จและโอนในปีนี้ โดยโครงการแรกจะเริ่มโอนในช่วงไตรมาส 2 ซึ่งหากปัญหาไวรัสโควิค-19 ไม่ยุติ หรือยังมีผลกระทบต่อเนื่อง บริษัทมีแนวทางในการผ่อนปรนการโอน อาจจะเป็นการยืดระยะเวลาออกไป แต่อย่างไรก็ตาม กลุ่มลูกค้าชาวจีนไม่น่าจะเป็นปัญหา หากทำการยกเลิกเนื่องจากมีการวางเงินดาวน์สูงในอัตรา 30% หากลูกค้ายกเลิก บริษัทยังมีรายได้และสามารถนำกลับมาขายใหม่ได้  
รีวิวคอนโด เอกมัย “Mulberry Grove Sukhumvit” Super Luxury Residence เพื่อทุกคนในครอบครัว

รีวิวคอนโด เอกมัย “Mulberry Grove Sukhumvit” Super Luxury Residence เพื่อทุกคนในครอบครัว

Mulberry Grove แบรนด์ที่ทำออกมาเพื่อคนทุก Generation ในครอบครัวอาศัยอยู่ร่วมกันได้อย่างสะดวกสบายในพื้นที่ซึ่งเป็น Super Luxury Residence โดยถูกออกแบบและพัฒนามาจากงานวิจัยร่วมกับศูนย์วิจัยและนวัตกรรม รวมถึงงานวิจัยจากทั่วโลก ทุกรายละเอียดในโครงการจึงเต็มไปด้วยสิ่งที่ถูกคิดขึ้นมา เพื่อความเป็นอยู่ที่ทำให้เกิดคุณภาพชีวิตดี ผสานกับเทคโนโลยี บริการเสริมที่จะช่วยทำให้เกิดความสะดวกสบายในชีวิตแบบฉบับ Luxury ภายใต้คอนเซ็ปต์ "Intergeneration ตอบรับการอยู่อาศัยในทุกช่วงวัย" ชื่อโครงการ Mulberry Grove Sukhumvit (มัลเบอร์รี่ โกรฟ สุขุมวิท)  เจ้าของโครงการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ที่ตั้งโครงการ  ถ.สุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตวัฒนา กรุงเทพฯ 10110  พื้นที่โครงการ  2-2-1.2 ไร่  ลักษณะโครงการ High Rise  จำนวนอาคาร 1 อาคาร  จำนวนชั้น  37 ชั้น จำนวนยูนิต 287 ยูนิต  ขนาดห้อง  1 BEDROOM 47.00-56.50 ตร.ม. 2 BEDROOM  87.00-114.00 ตร.ม. ที่จอดรถ 100% (Auto Parking+Conventional Parking) สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง   ราคาเริ่มต้น 8.9 ล้านบาท* ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร เริ่มต้นประมาณ 175,000 บาท/ตร.ม. จุดเด่นโครงการ Mulls Greeting Gallery, Care Givers Office, Gourmet Courtyalcnglish Courtyard Intergeneration Courtyard, EV Charger Driver's Lounge, Private Study Studio, The Mulberry's Library, Children's Room, Infinity Sky Pool, Thermal Pool, Hydrotherapy Pool Children's Pool, Sky-high Gym Studio, Private Spa. Private Style Atelier, Private Sky-high Onsen, Sauna Yoga Suite, Ballet Suite, Patio Gym, Golf Simulator & Entertainment Room, ​Grand Private Living & Dining Room, BBQ Garden, Residence Lounge, Family Living Room, Game Room & Pool Table Children's Play Room ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีเอกมัย (250 เมตร) สถานที่ใกล้เคียง Big C เอกมัย, Major เอกมัย,​ Rain Hill, Gateway เอกมัย, J Avenue ทองหล่อ, Tops ทองหล่อ, โรงพยาบาลสุขุมวิท, โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท, โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท, โรงเรียนนานาชาติ St. Andrews, โรงเรียนนานาชาติ Kids Academy, โรงเรียนนานาชาติ Bangkok Prep, โรงเรียนนานาชาติเวลล์ส, โรงเรียนนานาชาติ OISCA   ที่สุดของ Facilities ของคอนโดย่านเอกมัย   ห้องตัวอย่าง Mulberry Grove Sukhumvit รายละเอียดคอนโด เอกมัย โครงการ Mulberry Grove Sukhumvit เพิ่มเติม Mulberry Grove Sukhumvit โครงการอื่นๆ จาก MQDC Whizdom Asoke-Sukhumvit Whizdom Station Ratchada–Thapra THE FORESTIAS by MQDC  
[PR News] เมเจอร์ฯ ขนคอนโดฯ 13 โครงการ จัดแคมเปญให้มากกว่ามาตรการรัฐ

[PR News] เมเจอร์ฯ ขนคอนโดฯ 13 โครงการ จัดแคมเปญให้มากกว่ามาตรการรัฐ

“เมเจอร์” ขนคอนโดฯ 13 โครงการ 5 โซน จัดแคมเปญ “เมเจอร์ฯ ฉีกกฎ ลดสูงสุด 5 ล้าน ฟรี 5 รายการ” กระตุ้นตลาดเรียลดีมานด์ ให้คนไทยมีที่อยู่อาศัย หนุนมาตรการภาครัฐ   นางสาวเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลได้ออกมาตรการต่างๆ เพื่อกระตุ้นตลาดอสังหาริมทรัพย์ ในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ บริษัทจึงได้ร่วมสนับสนุนมาตรการดังกล่าว ด้วยการจัดแคมเปญเพื่อให้กลุ่มลูกค้าเรียลดีมานด์ ได้ซื้อที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ด้วยการจัดแคมเปญการตลาด “เมเจอร์ฯ ฉีกกฎ ลดสูงสุด 5 ล้าน ฟรี 5 รายการ” ด้วยการนำโครงการคอนโดมิเนียมพร้อมอยู่ 13 โครงการ ใน 5 โซน ในราคาเริ่มต้นตั้งแต่ 2.75 – 18.5 ล้านบาท จนถึงเดือนธันวาคมนี้ “แคมเปญดังกล่าวถือว่าบริษัทได้ให้สิทธิพิเศษมากกว่ามาตรการรัฐ จะเป็นโอกาสที่ดีที่ให้ผู้บริโภคได้มีโอกาสเลือกซื้อคอนโดมิเนียมที่มีคุณภาพ บนทำเลดีใจกลางเมืองใกล้รถไฟฟ้าและศูนย์การค้าชั้นนำ ในราคาที่ดีที่สุด” สำหรับ 5 โซนของโครงการคอนโดฯ​ ที่ได้นำมาร่วมรายการครั้งนี้  ได้แก่ โซน CBD, New CBD, ราชเทวี-อนุสาวรีย์ชัยฯ, จตุจักร และพัทยา ส่วนโปรโมชั่นที่บริษัทได้มอบให้ลูกค้าโดยไม่ต้องจ่ายเพิ่ม ได้แก่ ค่าจดจำนอง ค่าโอนกรรมสิทธิ์ ค่าส่วนกลาง กองทุนและประกันมิเตอร์ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังมอบส่วนลดสูงสุดถึง 5 ล้านบาท โดย 13 โครงการ  5 โซน ที่ร่วมจัดแคมเปญในครั้งนี้ ประกอบด้วย โซน CBD ได้แก่ โครงการมาเอสโตร 01 สาทร – เย็นอากาศ เพียง 5 นาทีสู่ย่านธุรกิจ ใกล้ BTS ศาลาแดง และ MRT ลุมพินี ราคาเริ่มต้น 4.79 ล้านบาท, มาเอสโตร 02 ร่วมฤดี คอนโดใจกลางร่วมฤดี 2 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 8.5 ล้านบาท, มาเอสโตร 39 สุขุมวิท 39  เพียง 4 นาที สู่ BTS พร้อมพงษ์ 2 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 7.8 ล้านบาท, เอ็ม สีลม ยูนิตน้อยเป็นส่วนตัว ใกล้ BTS ช่องนนทรี ราคาเริ่มต้น 16 ล้านบาท, เอ็ม ทองหล่อ ใช้ชีวิตใจกลางเมือง ใกล้ BTS ทองหล่อ เอกมัย ราคาเริ่มต้น 4.79 ล้านบาท                                                                                                                                โซน New CBD ได้แก่ โครงการมาเอสโตร 03 เพียง 5 นาทีสู่เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ใกล้ MRT พระราม 9 ราคาเริ่มต้นที่ 3.3 ล้านบาท, มาเอสโตร 19 ใกล้ MRT รัชดา สะดวกเชื่อมต่อ 3 เส้นทาง รัชดาฯ วิภาฯ ลาดพร้าว ราคาเริ่มต้นที่ 2.75 ล้านบาท, เมทริส พระราม9 – รามคำแหง คอนโดใหม่ พร้อมเข้าอยู่ธ.ค. 62 ติดทั้งถนนรามคำแหงและพระราม 9 ราคาเริ่มต้น 2.9 ล้านบาท โซนราชเทวี – อนุสาวรีย์ชัยฯ ได้แก่ โครงการมาเอสโตร 07 อนุสาวรีย์ชัยฯ เพียง 80 ม. BTS Skywalk อนุเสาวรีย์ฯ 3 นาที สู่ BTS อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 9.2 ล้านบาท, มาเอสโตร 12 ราชเทวี ติดถนนเพชรบุรี ใกล้ BTS ราชเทวี 2 ห้องนอน ราคาเริ่มต้น 9.9 ล้านบาท, มาเอสโตร 14 สยาม –ราชเทวี เพียง 4 นาที สู่สยามฯ 300 ม. สู่ BTS ราชเทวี ราคาเริ่มต้น 3.99 ล้านบาท   โซนจตุจักร ได้แก่ โครงการเอ็ม จตุจักร คอนโดที่ให้ส่วนกลางกว่า 2 ไร่ ใกล้ BTS สะพานควาย ราคาเริ่มต้น 3.69 ล้านบาท และสุดท้ายโซนพัทยา กับ รีเฟล็คชั่น จอมเทียน บีช พัทยา คอนโดหรู วิวทะเล 180 องศา ทุกห้อง ราคาเริ่มต้น 18.5 ล้านบาท เป็นต้น   รายละเอียดเพิ่มเติมทุกโครงการจาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์  
รีวิวคอนโดติดทางด่วน เมทริส พัฒนาการ–เอกมัย

รีวิวคอนโดติดทางด่วน เมทริส พัฒนาการ–เอกมัย

เมทริส พัฒนาการ–เอกมัย คอนโดมิเนียมจาก Major Development ติดทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ เชื่อมต่อเข้าถนนเพชรบุรีได้อย่างง่ายดาย เพียง 5 นาที ถึงเอกมัย-ทองหล่อ และยังใกล้กับแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีรามคำแหง    เมทริส พัฒนาการ–เอกมัย มีการออกแบบภายในได้แรงบันดาลใจจากยุค Mid- Century Modern สไตล์เรียบเท่บนเส้นสายที่โค้งมน เรียบง่าย แต่มีชีวิตชีวา อย่างการใช้โทนสีที่มีเอกลักษณ์อย่าง สีเหลือง Mustard หรือ สีเขียว Sage ประกอบกับวัสดุปูนเปลือย ผิวสัมผัสไม้ ตัดกับความหรูหราจากหินอ่อน  เพื่อสร้างจุดเด่นให้กับพื้นที่อย่างแตกต่าง และสิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการที่หลากหลาย ทั้ง Indoor-Outdoor รองรับไดุ้กความต้องการไม่ว่าจะชอบออกกำลังกายหรือพักผ่อน ชื่อโครงการ Metris Pattanakarn-Ekkamai (เมทริส พัฒนาการ–เอกมัย)  เจ้าของโครงการ บริษัท เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เอสเตท จำกัด ที่ตั้งโครงการ ซ.พัฒนาการ 12 ถ.พัฒนาการ เขตสวนหลวง แขวงสวนหลวง กรุงเทพฯ 10240  พื้นที่โครงการ 2-1-65 ไร่  ลักษณะโครงการ High Rise  จำนวนอาคาร 1 อาคาร  จำนวนชั้น 29 ชั้น จำนวนยูนิต 341 ยูนิต  ขนาดห้อง  1 Bedroom 1 Bathroom 29.80 – 31.30 ตร.ม. 2 Bedroom 1 Bathroom 53.40-54.30 ตร.ม. 2 Bedroom 2 Bathroom 57.10-61.90 ตร.ม.   เฟอร์นิเจอร์ Fully Fitted  ที่จอดรถ 46% สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง Lobby, Co-Working Space, Pet Zone, Meeting Room, Jogging Track, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, ซาวน่า, Jogging Track, ลานบาสเก็ตบอล, ลานบาร์บีคิว, CCTV, เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.  ปีที่สร้างเสร็จ เดือนกุมภาพันธ์ 2564 ราคาเริ่มต้น 2.5 ล้านบาท  ราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตร ประมาณ 90,000 บาท/ตร.ม. จุดเด่นโครงการ 100 เมตร จาก ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ด่านพัฒนาการ 1, เลี้ยงสัตว์ได้ โดยมีลานสำหรับสัตว์เลี้ยงที่ส่วนกลางโดยเฉพาะ ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง แอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีรามคำแหง จุดขึ้น-ลงทางด่วน ทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ ด่านพัฒนาการ 1 สถานที่ใกล้เคียง Food Land, The Mall รามคำแหง, สนามราชมังคลากีฬาสถาน, London Street, Tesco Lotus, MaxValue , รพ.เพชรเวช, รพ.กรุงเทพ, สถาบันเทคโนโลยีไทย-ญี่ปุ่น, ม.เกษมบัณฑิต, ม.อัสสัมชัญ  ภาพ Facilities ภาพห้องตัวอย่าง   รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม เมทริส พัฒนาการ–เอกมัย   ข่าวอื่นๆ จาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ ประเดิมบ้านเดี่ยวระดับ Super Luxury คอนโดฯ ริมหาดพัทยามาแรง “นาจอมเทียน” ฮอต เมเจอร์ฯ ขนคอนโดฯ 13 โครงการ จัดแคมเปญ
รีวิวคอนโดใกล้บีทีเอสพระโขนง IDEO Sukhumvit-Rama 4

รีวิวคอนโดใกล้บีทีเอสพระโขนง IDEO Sukhumvit-Rama 4

IDEO Sukhumvit-Rama 4 คอนโดมิเนียมที่อยู่ช่วงต้นถ.พระราม 4 อยู่ในระยะที่สามารถเดินไปถึงคอมมูนิตี้มอลล์อย่าง Summer Hill ที่อยู่ติดกับ BTS พระโขนง เพียง 350 เมตร จากโครงการ อยู่ใกล้เอกมัย-ทองหล่อ แต่ได้ความเป็นส่วนตัวมากกว่า ชื่อโครงการ IDEO Sukhumvit-Rama 4 (ไอดีโอ สุขุมวิท-พระราม 4 )  เจ้าของโครงการ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ 10110 พื้นที่โครงการ  3-2-51.5 ไร่ ลักษณะโครงการ High Rise  จำนวนอาคาร 1 อาคาร  จำนวนชั้น 32 ชั้น  จำนวนยูนิต 642 ยูนิต  ขนาดห้อง  Studio ขนาด 5 ตร.ม. 1 Bedroom 34.5 ตร.ม. 1 Bedroom Plus 44 ตร.ม. 2 Bedroom 2 Bath 66 ตร.ม. 2 Bedroom 2 Bath 74 ตร.ม. Penthouse (3 Bedroom) 88 – 133 ตร.ม.   เฟอร์นิเจอร์ Fully Fitted  ที่จอดรถ 56% สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง Private Lobby, Urban Courtyard, Digital Mailbox Room, Co-Creative Space, Meeting Room, 24-Hr Fitness Center, Semi-Outdoor Playtivity, Swimming Pool, Aqua Exercise Equipment, Garden, Floating Pavilion, Sky Lounge, Semi-Outdoor Sky Deck ปีที่สร้างเสร็จ 2565 ราคาเริ่มต้น 3.59 ล้านบาท  จุดเด่นโครงการ เพดานห้องสูง 2.9 เมตร ใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีพระโขนง 350 เมตร ฟิตเนสส่วนกลางเปิด 24 ชั่วโมง   ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง รถไฟฟ้าสายสีเขียว สถานีพระโขนง  จุดขึ้น-ลงทางด่วน ทางด่วนเฉลิมมหานคร, ทางด่วนฉลองรัช ด่านพระโขนง สถานที่ใกล้เคียง Summer Hill, Big C, Tesco Lotus, K-Village, สวนเพลิน มาร์เก็ต, โรงพยาบาลกล้วยน้ำไท, มหาวิทยาลัยกรุงเทพ กล้วยน้ำไท, โรงพยาบาลสุขุมวิท, โรงเรียนศรีวิกรม์       รายละเอียดโครงการเพิ่มเติม  IDEO Sukhumvit-Rama4   ข่าวอื่นๆ จากอนันดา  อนันดาฯ ยึดเบอร์ 1 คอนโดติดรถไฟฟ้า  อนันดาฯ จับมือ ช้อปปี้ เปิดเกมรุกบุกตลาดอีคอมเมิร์ซ อนันดาฯโชว์กำไรโต 61%