Tag : คอนโดกลางเมือง

4 ผลลัพธ์
MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI นิยามใหม่ของการใช้ชีวิต..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI นิยามใหม่ของการใช้ชีวิต..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

ต้องยอมรับจริงๆ ค่ะว่าการเดินทางเป็นปัจจัยสำคัญข้อหนึ่งสำหรับการตัดสินใจเลือกที่อยู่อาศัย ซึ่งย่านฮอตฮิตใจกลางเมืองอย่าง “สยาม-ราชเทวี” ก็เป็นอีกพิกัดหนึ่งที่หลายคนมาดหมายอยากอยู่อาศัย เพราะแวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ส่งผลให้ดีเวลลอปเปอร์เลือกปักหมุดสร้างคอนโดมีเนียมขึ้นมามากมาย ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็เห็นแต่คอนโดฯ เป็นตึกสูงหน้าตาซ้ำกันไปหมด แถมรูปแบบห้องก็เป็นพิมพ์เดียวกันดูอึดอัดไม่น่าอยู่เอาซะเลย     ถ้าใครกำลังตามหาคอนโดดีไซน์สวยงามไม่เหมือนใครอยู่ล่ะก็ โครงการ "MAESTRO 14 SIAM-RATCHATHEWI (มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี)" ในตระกูล มาเอสโตร เรสซิเด้นซ์  (Maestro Residences) จาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ถือว่าเป็นคำตอบที่ดีของชีวิตคุณเลยค่ะ เพราะที่นี่ไม่เหมือนคอนโดอื่นๆ ตั้งแต่คอนเซ็ปต์ออกแบบที่ผสมผสานความลงตัวของสถาปัตยกรรมแบบคอนเทมโพรารีเข้าไว้ด้วยกัน อีกทั้งยังสะดวกสบายด้วยที่ตั้งอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี เพียง 300 เมตร และใช้เวลาเพียง 5 นาทีถึงสยาม แหล่งช็อปปิ้งใจกลางเมืองของวัยรุ่น นอกจากนี้พื้นที่โครงการยังมีความเป็นส่วนตัวเนื่องจากตั้งอยู่ในซอย ทำให้ภายในมีพื้นที่โล่งกว้างท่ามกลางความเป็นธรรมชาติแม้อยู่ใจกลางเมือง จนทำให้รู้สึกว่านี่แหละมันคือคอนโดที่เป็นเหมือน “บ้าน” จริงๆ   สำหรับโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่ใจกลางเมือง เงียบสงบเนื่องจากอยู่ในซอยเพชรบุรี 12 ตัดกับซอยพญานาค โดยเป็นซอยที่อยู่ติดกับ BTS สถานีราชเทวี จุดเด่นของโครงการคือตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ CBD, แหล่งงาน, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย สามารถเชื่อมต่อออกไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก ตอบโจทย์ลูกบ้านทั้งคนมีรถและไม่มี โดยมีให้เลือกหลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเข้าหรือออกเมือง พร้อมทั้งอยู่ใกล้ทางด่วนยมราช และมีซอยย่อยที่ลัดเลาะไปได้โดยไม่ต้องใช้เส้นหลัก ที่สำคัญตัวโครงการสามารถเข้าออกได้ถึง 3 ทาง ทั้งจากถนนเพชรบุรี เข้าตรงซอยเพชรบุรี 12, ถนนพญาไท เข้าตรงซอยพญานาค และสามารถทะลุออกถนนบรรทัดทองได้ ซึ่งก็ช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงคับคั่งได้เป็นอย่างดี     ใครที่เดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสะดวกสุดๆ ไปเลยค่ะ เพราะอย่างที่บอกไปข้างต้นว่าตัวโครงการตั้งอยู่ในซอยเพชรบุรี 12 ตัดกับซอยพญานาคที่อยู่ติดรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวี บริเวณหน้าซอยพญานาคก็มีวินมอเตอร์ไซค์ให้ใช้บริการ และมีรถเมล์, รถแท็กซี่ผ่านไปมาตลอดทั้งวัน นอกจากนี้ยังมีเรือโดยสารคลองแสนแสบที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการ ท่าเรือที่ใกล้ที่สุดคือท่าเรือสะพานหัวช้าง ที่สำคัญตัวโครงการอยู่ห่างจาก BTS ราชเทวีเพียง 300 เมตร ก็ถึงบันไดเลื่อนขึ้นตัวสถานีแล้วค่ะ โดยเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ แถมข้างทางก็เป็นแหล่งชุมชนทำให้ไม่รู้สึกเปล่าเปลี่ยว ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้าการเดินทางเลย ด้วยความที่เป็นย่านที่พักอาศัยจึงค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เพราะในซอยจะมีร้านอาหาร Street food รวมไปจนถึงร้านค้าต่างๆ ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยตลอดเช้ายันค่ำ หรือขยับข้ามฝั่งตรงข้ามไปก็มี Coco Walk แหล่งไลฟ์สไตล์ ที่มีร้านแฮงก์เอ้าท์ และคาเฟ่ต่างๆ ใครอยากไปช็อปปิ้งก็สามารถใช้ BTS จากสถานีราชเทวีนั่งรถไปสถานีเดียวก็จะถึงสถานีสยาม จุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลมที่มีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามแสควร์วัน, สยามดิสคัฟเวอรี่, มาบุญครอง และจามจุรีสแควร์ หรือถัดไปอีกหน่อยถนนราชประสงค์ก็จะเป็นเซ็นทรัลเวิลด์แล้วค่ะ แถมยังรายล้อมไปด้วยสถานที่ศึกษาชั้นนำ เช่น จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา เรียกได้ว่าโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม - ราชเทวี เหมาะสำหรับชีวิตคนเมืองที่แท้จริง   1. วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS นะคะ โดยนั่งมาลงที่สถานีราชเทวี 2. สำหรับทางออกรถไฟฟ้าไปโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี จะอยู่ที่ทางออก 1 ค่ะ 3. เดินลงบันได BTS มาให้สังเกตที่ซอยพญานาคก็เดินเข้าไปเลยค่ะ 4. ปากซอยพญานาคจะเป็นที่ตั้งของโรงแรมเอเชียนะคะ ทำให้มีรถและผู้คนผ่านไปมาตลอด ไม่เปลี่ยวแน่นอน 5. เดินตรงเข้ามาในซอยจะพบกับร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมถึงร้านชื่อดังอย่าง Sushi Masa ด้วย 6. นอกจากร้านอาหารก็มีร้านคาเฟ่น่ารักๆ อย่าง Lazy Mary ด้วยนะ 7. เดินตรงเข้าไปอีกหน่อยจะพบกับเซเว่นค่ะ จากจุดนี้ก็สังเกตให้ดีจะเห็นว่ามีป้ายสีส้มด้านขวาชี้พิกัดโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี อยู่ด้วย 8. เดินเลี้ยวเข้ามาในซอยข้างเซเว่นไม่ทันเหนื่อยก็ถึงโครงการแล้วค่ะ   เจาะลึกโครงการ   โครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี เป็นคอนโด Low Rise 1 อาคาร สูง 8 ชั้น พร้อมที่จอดรถชั้นใต้ดิน จำนวน 179 ยูนิต บนที่ดิน 1-1-59 ไร่ ด้วยขนาดห้องชุดตั้งแต่ 26.72 – 64.81 ตารางเมตร โดยทางโครงการเน้นการออกแบบที่ผสานกับธรรมชาติ เริ่มตั้งแต่บริเวณคอนโดจะมีพื้นที่สีเขียวล้อมรอบช่วยเพิ่มบรรยากาศของธรรมชาติ ถึงแม้จะอยู่กลางเมืองก็ตาม ด้านการออกแบบของสถาปัตยกรรมก็ออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ จากการผสมผสานรูปแบบคอนเทมโพรารี เข้ากับความมินิมอล ออกมาเป็นรูปแบบศิลปะแนวคอนเทม – มินิมอลลิซึม (Contem – Minimalism) ที่ตอบโจทย์ชีวิตยุคใหม่ด้วยความพิถีพิถันและใส่ใจทุกรายละเอียด ความอบอุ่น สุขุม ทันสมัยได้ถูกนำมารวมกันและนำมาตกแต่งภายในคอนโดมิเนียมและห้องพักด้วยความมีชีวิตชีวาและความงามสไตล์สแกดิเนเวียน เรโทร ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ที่คัดสรรเป็นอย่างดี โทนสีพาสเทล และวัสดุโลหะที่เข้ากันอย่างลงตัว ถือเป็นการเริ่มต้นชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบเมื่อความหรูหราสไตล์ยุโรปได้มาผสมผสานกับความทันสมัยอย่างลงตัว มาเอสโตร 14 จึงถือเป็นคอนโดฯ ที่น่าสนใจในย่านสยาม – ราชเทวี อีกโครงการหนึ่ง   ในส่วนของ Facilities เรียกว่าครบครันทีเดียว เพราะถึงแม้ตัวโครงการจะตั้งอยู่ใจกลางเมือง แต่ก็ยังใส่ใจในเรื่องการใช้ชีวิตของลูกบ้านที่ต้อง Balance ระหว่างการทำงานและการพักผ่อน รวมถึงการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติและสัตว์เลี้ยง ซึ่งเอกลักษณ์สำคัญของคอนโดจาก เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) คือนโยบาย Pet-friendly ที่อนุญาตให้ลูกบ้านสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ โดยจัดสภาพแวดล้อมที่เป็นมิตรกับสัตว์เลี้ยงตัวโปรดให้ลูกบ้านทุกยูนิต และมีกฎระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดให้อยู่ร่วมกันอย่างเป็นสุข อาทิ  - การนำสัตว์เลี้ยงทุกชนิดมาเลี้ยง จะต้องขออนุญาตฝ่ายบริหารอาคารฯ และลงทะเบียนประวัติสัตว์เลี้ยงไว้เป็นข้อมูล โดยชำระค่าธรรมเนียมในการลงทะเบียน จำนวน 3,600 บาท/ต่อตัว/ต่อปี (ค่าใช้จ่ายนี้จะนำมาเป็นกองทุนในการทำความสะอาดพื้นที่ส่วนกลางและลงน้ำยาฆ่าเชื้อทุกสัปดาห์) - ชำระเงินประกันความเสียหายจำนวน 5,000 บาท/ต่อตัว (เรียกเก็บครั้งแรกครั้งเดียว) และจะคืนให้เมื่อเจ้าของห้องชุดเลิกเลี้ยงสัตว์/สัตว์เลี้ยงเสียชีวิต และไม่พบการกระทำผิดระเบียบข้อบังคับการเลี้ยงสัตว์ในอาคารชุดและ/หรือพบความเสียหายใดๆ เกิดขึ้นกับเจ้าของห้องชุด/เจ้าของร่วม/อาคารชุดรวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง) - สัตว์เลี้ยงที่เจ้าของห้องชุดจะเลี้ยง จะต้องมีน้ำหนักไม่เกิน 15 กิโลกรัม เมื่อโตเต็มที่ เจ้าของห้องชุดสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ไม่เกินจำนวนดังต่อไปนี้ 1 ตัว / พื้นที่น้อยกว่า 50 ตร.ม. และไม่เกิน 50 ตร.ม. 2 ตัว / พื้นที่ 100 ตารางเมตร 3 ตัว / พื้นที่ 150 ตารางเมตร เป็นต้นไป (จำนวนสูงสุดของสัตว์เลี้ยงจะมีได้ไม่เกิน 3 ตัวต่อ 1 ห้องชุดเท่านั้น) - สัตว์เลี้ยงจะต้องมีสายผูก/จูงและมีผู้ดูแลตลอดเวลาที่อยู่บริเวณพื้นที่ส่วนกลาง กฎระเบียบ ข้อห้าม ในการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงภายในโครงการ รวมถึงบทลงโทษ กรณีไม่ปฏิบัติตามกฎ สามารถสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เจ้าหน้าที่ประจำโครงการ   ไม่เพียงเท่านี้ทางโครงการยังออกแบบให้มีสิ่งอำนวยความสะดวกรองรับความสุขของลูกบ้านอย่างครบครัน เริ่มตั้งแต่พื้นที่ชั้น 1 ที่มีจุดจอดรับส่ง และแร็คจอดจักรยาน เมื่อเดินเข้ามาจะพบกับล็อบบี้, ห้องจดหมาย, ห้องซักรีด รวมถึงสระว่ายน้ำใจกลางโครงการที่ล้อมรอบด้วยต้นไม้ นอกจากนี้ยังมีห้องสตีมและซาวน่า มีโซนอ่านหนังสือ และสวนเพื่อให้มาอ่านหนังสือเล่มโปรด ขยับมาที่ชั้น 2 ก็มีสวนเพื่อการเรียนรู้ หากใครอยากออกกำลังกายในร่มก็เพียงแค่กดลิฟท์ขึ้นไปที่ชั้น 9 ก็จะพบกับห้องฟิตเนสที่เต็มไปด้วยอุปกรณ์มากมาย หรือถ้ารักการสังสรรค์ทางโครงการก็มี Party Patio, ห้องคาราโอเกะ, ลานบาร์บีคิวที่ชั้นดาดฟ้าพร้อม Sky Lounge, Sky Cabana เพื่อให้เป็นสถานที่แห่งความสุขของลูกบ้านทุกช่วงเวลา แถมยังมีความปลอดภัยสูงเพราะทางโครงการออกแบบให้ลูกบ้านทุกยูนิตใช้คีย์การ์ดแบบล็อคชั้นซึ่งขึ้นไปได้เฉพาะชั้นตัวเองและส่วนกลางเท่านั้น อีกทั้งยังให้ความรู้สึกอุ่นใจไปกับกล้องวงจรปิด และรปภ. ที่คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง จาก Master Plan จะมีทางเข้าโครงการจุดเดียวนะคะ และมีจุด Drop-off ก่อนจะเข้าสู่ Lobby ซึ่งแบ่งออกเป็นพื้นที่ส่วนกลาง และห้องพักอาศัยประมาณ 5 ห้อง สำหรับที่จอดรถจะอยู่บริเวณชั้นใต้ดินค่ะ สระว่ายน้ำถูกออกแบบไว้ตรงกลางโครงการเลยนะคะ จากภาพจะเห็นว่ามีบันไดเชื่อมต่อไปยังสวนเพื่อการเรียนรู้บริเวณชั้น 2 ด้วย บริเวณริมสระจัดวางเตียงนอนอาบแดดสีขาวสบายตาไว้รองรับความสุขของลูกบ้าน จากภาพจะเห็นว่าบริเวณรอบๆ สระว่ายน้ำจะถูกโอบล้อมไปด้วยความเขียวขจีไม้ประดับนานาพรรณ ขยับเข้ามาที่พื้นที่ส่วนกลางด้านใน บริเวณชั้น 1 นอกจากมีสระว่ายแล้วยังมีห้อง Library อีกด้วย ภายในห้องดูกว้างขวางและเงียบสงบ โดยทางโครงการจัดวางชุดโต๊ะ เก้าอี้ โซฟาแบบเข้าชุดไว้หลากหลายมุม หากลูกบ้านคนไหนต้องการทำงานหรือทำการบ้านเงียบๆ ก็สามารถเลือกใช้มุมเคาน์เตอร์ ที่ออกแบบมาพร้อมรองรับอุปกรณ์สายชาร์ตต่างๆ หรือใครอยากติวการบ้านกับเพื่อน, มีครูมาสอนพิเศษจะเลือกนั่งเป็นมุมนี้ก็ดูลงตัว ก่อนจะพาไปดูส่วนกลางชั้นอื่นๆ เมื่อเดินไปยังโถงลิฟท์จะพบกับส่วนของห้องจดหมายก่อนนะคะ สำหรับแปลนชั้น 2-8 จะเป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมดค่ะ โดยความพิเศษของชั้น 2 ทางโครงการได้ออกแบบสวนเพื่อการเรียนรู้มาไว้รองรับลูกบ้านด้วย สำหรับสวนเพื่อการเรียนรู้จะมีบันไดเชื่อมต่อกับสระว่ายน้ำบริเวณชั้น 1 ด้วยนะคะ บรรยากาศบริเวณสวนเพื่อการเรียนรู้ชั้น 2 ค่อนข้างร่มรื่นและผ่อนคลายทีเดียว เหมาะแก่การมานั่งอ่านหนังสือสบายๆ ทางโครงการจัดวางที่นั่งไว้ให้เลือกสรรหลากหลายมุมทีเดียวค่ะ แปลนของพื้นที่ชั้น 9 นะคะ ซึ่งจะรวม Facilities ส่วนกลางหลักๆ โดยจัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่ส่วนกลางที่กระจายอยู่ในพื้นที่ชั้น 1 และชั้น 2 บริเวณชั้นดาดฟ้าถูกจัดสรรให้เป็นพื้นที่รองรับความสุขลูกบ้านหลากหลายมุมทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น ลานโยคะ, สนามเด็กเล่น, ลานบาร์บีคิว, สกายเลาจน์, ห้องคาราโอเกะ และ pet zone จากภาพจะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าแม้ทางโครงการจะออกแบบให้มีพื้นที่นั่งเล่นหลากหลายมุมแค่ไหน แต่ก็ยังมีรั้วระแนงเล็กๆ สีดำกั้นแยกระหว่างคนกับสัตว์เลี้ยงไม่ให้รบกวนกัน และอยู่ร่วมกันอย่างสุขใจ ลานบาร์บีคิวที่ออกแบบมาพร้อมรองรับปาร์ตี้เล็กๆ ของลูกบ้าน นอกจากมีที่นั่งรองรับลูกบ้านมากมายแล้ว ในส่วนของลานบาร์บีคิว ยังมาพร้อมเตาและอ่างล่างมือด้วย บรรยากาศบริเวณดาดฟ้าชั้น 9 ในมุมกว้าง จะเห็นได้ว่าทางโครงการใส่ใจตั้งแต่พื้นที่พักผ่อนและมุมส่วนตัวมากมาย รวมถึงนำความเขียวขจีของต้นไม้มาประดับประดาให้ลูกบ้านรู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอยู่เสมอ แม้ว่าจะอยู่ใจกลางเมืองก็ตาม นอกจากมีมุมพักผ่อนให้เลือกสรรมากมายแล้ว ยังมีฟิตเนสอยู่ที่บริเวณชั้น 9 อีกด้วย ภายในห้องฟิตเนสโอบล้อมไปด้วยหน้าต่างกระจกใสให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายพร้อมกับชมวิวเมืองอย่างเพลิดเพลิน พื้นที่ติดกับห้องฟิตเนสนั้นจะเป็นส่วนของห้อง Karaoke ค่ะ ภายในห้องคาราโอเกะมาพร้อมกับโซฟาตัวยาว และชุดโฮมเธียร์เตอร์เพื่อรองรับกิจกรรมสังสรรค์ของลูกบ้านอย่างเต็มเปี่ยม   เปิดประตูห้องตัวอย่างที่พร้อมเข้าอยู่แล้ววันนี้   สำหรับโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี มีแบบห้องหลักๆ อยู่ 3 แบบ คือ 1 Bedroom Suite ขนาด 26.72 - 30.91 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 32-35.66 ตร.ม., 2 Bedroom ขนาด 60.55 - 64.81 ตร.ม. ที่มาในรูปแบบ Fully Furnished พร้อมชุดครัวแบรนด์ Electrolux สุขภัณฑ์ต่างๆ เครื่องปรับอากาศ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ซึ่งถ้าลูกบ้านตัดสินใจซื้อจะขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้น แถมทุกยูนิตยังสามารถเลี้ยงสัตว์ได้ด้วยนะคะ เรียกว่าถ้าถูกใจก็พร้อมหิ้วกระเป๋าเข้าอยู่ได้เลยทีเดียว   ในครั้งนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างถึง 3 ห้องด้วยกัน เริ่มกันด้วยห้อง 1 Bedroom Suite AA1-1 ขนาด 29.65  ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นแบบหน้าแคบลึก พื้นที่ใช้สอยจัดมาได้ลงตัวทีเดียวค่ะ โดยเปิดเข้ามาจะเจอส่วนครัวและห้องน้ำก่อน เพื่อให้พื้นที่ด้านในเป็นส่วนพักผ่อนอย่างเตียงนอนและโซฟานั่งเล่น ภายในห้องดูโปร่งโล่งสบาย ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้เราได้เห็นฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ห้องที่ขายจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ที่ได้เพียงผนังฉาบเรียบสีขาว กับ Fully Furnished ตามมาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Suite AA1-1 ขนาด 29.65  ตร.ม. เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับส่วนของ Pantry ครัวก่อนเลยค่ะ ถัดไปจะเป็นส่วนของ Living Area ที่ตอบโจทย์ต่อการพักผ่อนได้ดี ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย ชุดเคาน์เตอร์ครัว ลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ ซึ่งมาพร้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าอย่างตู้เย็น, ไมโครเวฟ และเครื่องซักผ้าเท่านั้น นอกจากเว้นช่องไว้ให้ใส่ไมโครเวฟอย่างพอดิบพอดีแล้ว บริเวณลิ้นชักยังมีช่องสำหรับใส่อุปกรณ์ช้อนส้อม และมีดให้ด้วย พื้นที่ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัว ติดกับประตูทางเข้าจะเป็นตู้เก็บของและตู้รองเท้าแบบบิลต์อินนะคะ ติดกับตู้เก็บของจะเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งมีพื้นที่เล็กๆ หน้าห้องเหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ได้ด้วย เรามาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง เดินเข้ามาจะพบกับเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าอยู่ตรงกลาง ขวามือจะเป็นโถสุขภัณฑ์ของแบรนด์ Kohler พื้นที่ในสุดจะเป็นโซนเปียกที่ทางโครงการกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้แล้ว แถมยังยกธรณีสูงหนึ่งเสต็ป เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ ภายในห้องน้ำ ภายใน Shower Area ผนังข้างฝักบัวถูกเจาะช่องให้สามารถวางอุปกรณ์อาบน้ำได้ กลับออกมาด้านนอก ก่อนจะเข้าไปส่วนพักผ่อนจะเห็นว่าทางโครงการได้เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนมาให้ค่ะ เมื่อเปิดประตูด้านในส่วนพักผ่อนเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในจะเป็นมุมทำงานและระเบียงค่ะ ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป พื้นที่ลึกเข้ามาด้านใน ทางโครงจัดวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ไว้ให้ดูเป็นไอเดียนะคะ ลูกบ้านสามารถใช้เป็นมุมนี้เป็นมุมทำงานหรือโต๊ะเครื่องแป้งก็ได้เช่นกันค่ะ ซึ่งมุมนี้จะอยู่ติดกับระเบียงนะคะ โดยทางโครงการกรุผนังกระจกใสไว้เพื่อความโปร่งโล่ง ระเบียงมีขนาดกำลังดี สามารถวางราวตากผ้าได้ โดยคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ทำระแนงเหล็กกั้นเพื่อความเรียบร้อยไว้ให้แล้ว กลับเข้ามาด้านในส่วนของห้องนอนกันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี อีกทั้งยังสามารถวางที่นอน 5 ฟุต ได้สบายๆ พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ตัวบานพับจะใช้แบบ Soft closed ค่ะ   ห้องตัวอย่างอีกห้องที่เราได้ชมกันคือ 1 Bedroom A4-3 ขนาด 35.10 ตร.ม. ลักษณะห้องจะเป็นสี่เหลี่ยมจตุรัส จัดวาง Layout ไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจน เชื่อมต่อพื้นที่การใช้งานอย่าง Pantry มุมรับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นไว้ด้วยกัน ทางโครงการเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์บิลต์อินเพื่อทำให้ผู้อาศัยสามารถจัดวางข้าวของเครื่องใช้ได้อย่างเป็นระเบียบและใช้พื้นที่อย่างคุ้มค่า ทั้งนี้ภายในห้องชุดยังมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ชุดครัว Pantry Set เครื่องปรับอากาศ ตามมาตรฐานเหมือนกับห้องแรกค่ะ   แปลนห้อง 1 Bedroom A4-3 ขนาด 35.10 ตร.ม. นะคะ สำหรับไทป์นี้เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนครัวเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ เพียงแต่มีขนาดที่กว้างและใหญ่กว่า เคาน์เตอร์ครัวจะเป็นรูปแบบตัวไอ (i) จะได้วัสดุเหมือนอย่างในห้องตัวอย่างก่อนหน้าเช่นกัน พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้รองเท้าและตู้เก็บของ พร้อมเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วค่ะ เดินต่อเนื่องเข้ามาที่โถงกลาง Living Area ที่เชื่อมมุมรับประทานอาหารและมุมนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน จากภาพจะเห็นว่าแม้จะจัดวางโซฟาตัวยาวแล้ว แต่ยังเหลือพื้นที่กว้างพอสำหรับวางโต๊ะและเก้าอี้รับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ได้สบายๆ ทางโครงการได้จัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2-3 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่างในส่วน Living Area นะคะ จะเห็นได้ว่าบริเวณตรงกลางมีพื้นที่เหลือมากพอสำหรับวางโต๊ะกลางด้วย ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งมีประตูบานเลื่อนกั้นให้ออกมารับลมได้ โดยระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ทำระแนงเหล็กกั้นไว้ให้แล้วเพื่อความเรียบร้อย กลับมาที่ภายในห้อง บริเวณคอนโซลทีวีมีขนาดกว้างพอรองรับจอขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ พื้นที่ติดกันนั้นจะเป็นส่วนของห้องนอนที่เป็นประตูแบบทึบค่ะ เข้ามาในส่วนของห้องนอนกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องนอนดูโปร่งโล่งสบาย โอบล้อมด้วยกระจกใส เอื้อต่อการพักผ่อน พื้นที่ติดกับหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ ทางโครงการจัดวาง Daybed ไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดสรรส่วนนี้ให้เป็นมุมพักผ่อนของสัตว์เลี้ยงก็ยังได้ เมื่อวาง Daybed แล้วจะเห็นว่าบริเวณรอบๆ มีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ พื้นที่ติดกับเตียงนั้นจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ลึกเข้าไปนั้นจะเป็นตู้เสื้อผ้าและห้องน้ำค่ะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ตรงกลางจะเป็นเคาน์เตอร์อ่างล้างมือที่อยู่ติดกับชุดสุขภัณฑ์ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ พื้นที่ในสุดจะเป็นส่วนเปียก ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง ทางโครงการเจาะช่องให้สำหรับวางของใช้ส่วนตัวให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ   และห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 2 Bedroom B1-1 ขนาด 64.81 ตร.ม. ที่นับว่าเป็นขนาดใหญ่สุดของโครงการ ลักษณะเป็นห้องหน้าแคบลึก แต่พอเดินเข้ามาจะเป็นรูปทรงสี่เหลี่ยมจตุรัส บรรยากาศโดยรวมในห้องนี้จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ไว้ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวที่มาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควัน ต่อเนื่องมายังมุมรับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 3 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับโต๊ะกลางได้ด้วย ติดกันนั้นมีประตูบานเลื่อนอีกชั้นให้ออกไปสัมผัสอากาศด้านนอกที่ระเบียงได้ ส่วนพื้นที่ลึกเข้ามาด้านในตรงกลางจะเป็นห้องน้ำ ก่อนต่อเนื่องไปยังห้องนอนใหญ่ และห้องนอนเล็ก ภายในห้องบิลต์อิน ตู้ เตียงไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom B1-1 ขนาด 64.81 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอครัวที่ลึกยาวเข้าไปก่อนเลยนะคะ โดยครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน เป็นแบบ One Wall-Kitchen เหมือนดั่งห้องตัวอย่างสองห้องก่อนหน้าเลยนะคะ ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นยังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างก่อนหน้าทั้งสองห้องเลยค่ะ พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้เก็บรองเท้าและตู้เก็บของขนาดใหญ่มาให้แล้ว ซึ่งสามารถเก็บของได้เยอะมาก แถมยังไม่รบกวนสายตาเนื่องจากมีหน้าบานเปิดปิดด้วยค่ะ เดินเข้ามาที่โถงกลาง มุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ ซึ่งมีขนาดกว้างขวางมากเพราะสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างขวางกำลังดี ระยะห่างของโซฟากับทีวีของห้องนี้จะห่างเกือบ 2 เมตรนะคะ ซึ่งก็เหมาะสำหรับวางทีวีขนาด 42 นิ้วขึ้นไป แถมลูกบ้านยังสามารถจัดวางโซฟาขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ตรงกลางไว้สำหรับวางโต๊ะได้ด้วย ซึ่งมุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ ระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ อีกทั้งยังกั้นระแนงเพื่อบังคอมเพรสเซอร์แอร์ให้เรียบร้อยแล้ว มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ จะเห็นว่าการจัดวาง Layout จะคล้ายๆ กับห้องตัวอย่างที่สอง เพียงแต่ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่า พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในตรงกลางจะเป็นห้องน้ำนะคะ ก่อนต่อเนื่องไปยังห้องนอนเล็กและห้องนอนใหญ่ สำหรับห้องน้ำด้านนอก ตรงกลางจะเป็นชุดเคาน์เตอร์อ่างล้างมือ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ด้านขวามือเป็นโถสุขภัณฑ์ ฝั่งด้านซ้ายมือเป็นพื้นที่อาบน้ำ กั้นกลางด้วยกระจกใส พื้นภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนนะคะ   และก็เหมือนกับห้องน้ำในห้องตัวอย่างก่อนหน้า ผนังฝั่งเปียกจะเจาะช่องไว้ให้วางอุปกรณ์อาบน้ำได้ ซึ่งก็เพิ่มความสะดวกสบายได้ดีทีเดียว ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 3.5 ไปจนถึง 5 ฟุตได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ เข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนขนาดกว้างพอจัดให้เป็นโซนพักผ่อน และโซน Walk-in Closet ที่อยู่ตรงข้ามกับห้องน้ำ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนเหมือนดั่งห้องตัวอย่างก่อนหน้านี้ สำหรับห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะจัดวางสุขภัณฑ์ไว้ตรงกลาง จัดชุดเคาน์เตอร์ล้างหน้าไว้ชิดริมประตู โดยมีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง ภายในพื้นที่ส่วนเปียกนอกจากจะเจาะช่องที่ผนังฝั่งฝักบัวไว้ให้สามารถวางของได้แล้ว ยังมีหน้าต่างบานกระทุ้งให้เปิดระบายอากาศได้อีกด้วย ออกมาจากห้องน้ำ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิวต์อินขนาดใหญ่ยาวขนานไปกับผนัง ก่อนจะต่อเนื่องมายังโต๊ะเครื่องแป้งหรือโต๊ะทำงานที่ทางโครงการจัดวางไว้ให้เป็นไอเดียแก่ลูกบ้าน ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสผสมกับหนังทึบเพื่อความเป็นส่วนตัวมากขึ้นนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางที่นอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเหลือพื้นที่ให้เดินรอบๆ และวางโต๊ะข้างเตียงได้ด้วยค่ะ ทางโครงการจัดวางเก้าอี้นวมไว้เป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดสรรพื้นที่ตรงนี้ให้เป็นมุมของเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวโปรดก็ยังได้ค่ะ   นับว่าโครงการ มาเอสโตร 14 สยาม-ราชเทวี เป็นอีกหนึ่งโครงการที่เหมาะสำหรับคนเมืองอย่างแท้จริงเลยนะคะ ใครที่อยากมีคอนโดดีๆ เลี้ยงสัตว์ได้ พร้อมยังมีพื้นที่ส่วนกลางที่ให้ความรู้สึกของความเป็นที่สุดอย่างเต็มอิ่ม แถมยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวีเพียงแค่ 300 เมตร สามารถเดินทางได้อย่างสะดวกสบายไม่ว่าจะมีรถส่วนตัวหรือไม่มี ที่สำคัญคือสามารถเข้า-ออกได้ถึง 3 เส้นทาง ถนนพญาไท, ถนนบรรทัดทอง และถนนเพชรบุรี นอกจากนี้ยังแวดล้อมด้วยสาธารณูปโภคครบครัน ในราคาเอื้อมถึงได้ เริ่มต้น 4.5 ล้านบาท* เมื่อพิจารณาจากทำเล ห้องที่แต่งครบ มีเฟอร์นิเจอร์ครบ พร้อมเข้าอยู่แบบนี้ ถือว่าคุ้มค่าและหาได้ไม่ง่ายเลยนะคะ ไม่ว่าจะจับจองไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็บไว้เป็นทางเลือกในการลงทุนปล่อยเช่า อาทิ นักเรียน, นักศึกษา, คนทำงาน และชาวต่างชาติ ก็น่าจะได้ผลตอบแทน Capital gain ที่ดีไม่ใช่น้อย
THE BANGKOK SATHORN ที่สุดของความหรูหรา บนทำเลดีที่สุดแห่งสาทร : รีวิวคอนโด

THE BANGKOK SATHORN ที่สุดของความหรูหรา บนทำเลดีที่สุดแห่งสาทร : รีวิวคอนโด

เมื่อ “ทำเล” คือ หัวใจหลักในการเลือกซื้อคอนโดมิเนียม ไม่ว่าซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือเป็นการลงทุนเพื่อเก็บไว้เป็นทรัพย์สินมรดกส่งต่อลูกหลานที่ล้วนแต่ทวีมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ และยิ่งถ้าสถานที่ตั้งของคอนโดแห่งนั้นอยู่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจ (CBD : Central Business District) อย่าง “สาทร” ด้วยแล้วล่ะก็ ความสะดวกสบายทั้งแหล่งสาธารณูปโภคไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า, ร้านค้า, ร้านอาหาร, โรงแรมระดับ 5 ดาว, สถานพยาบาล และโรงเรียนชั้นนำต่างๆ ที่ปักหมุดรวมกันอยู่ในย่านนี้ ซึ่งการคมนาคมก็เอื้อต่อการเดินทางที่คล่องตัวทั้งรถไฟฟ้า, รถประจำทาง, รถแท๊กซี่ ในขณะที่การเชื่อมต่อของถนนสายหลักต่างๆ หรือแม้แต่การขึ้นลงทางด่วนก็ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้ครบทุกด้าน ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้ส่งผลให้ “ย่านสาทร” กลายเป็นทำเลทองที่บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากมายต่างหมายตาอยากครอบครองที่ดินย่านนี้ไว้ในแลนด์แบงค์   ซึ่งทาง Land and Houses บริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของประเทศไทย ก็เปรียบเสมือนเสือปืนไวที่สามารถคว้าที่ดินแปลงสวยบนถนนสาทรมาได้สำเร็จ และเพื่อตอกย้ำความเป็นพี่ใหญ่ในวงการอสังหาฯ จึงนำไปพัฒนาเป็นคอนโดมิเนียมไฮไรส์ ภายใต้แบรนด์ “THE BANGKOK SATHORN (เดอะ แบงค็อค สาทร)” โครงการระดับซูเปอร์ลักชัวรี่บนถนนใหญ่สาทร ที่สะท้อนตัวตนของผู้อยู่อาศัยได้อย่างชัดเจน ทั้งในด้านของออกแบบที่ดูหรูหรา โดยคำนึงถึงพื้นที่และฟังชั่นของที่อยู่อาศัยได้จริง ไม่ใช่เพียงแค่ยึดโลเคชั่นที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายเท่านั้น แต่ยังสร้างสรรค์ Space of living ให้คุณถึง 3 อย่างด้วยกันไม่ว่าจะเป็น Unit Space : ห้องกว้างอยู่สบาย Function เหมาะกับการอยู่อาศัยจริง, Privacy Space : ให้การอยู่อาศัย Condo เหมือนการอยู่บ้าน ด้วย Private life ส่งตรงถึงภายในห้อง และ Private lift lobby และ Recreation Space : ให้คุณได้ผ่อนคลายกับส่วนกลางแบบจัดเต็มในรูปแบบ Full Floor Facilities ถึง 2 ชั้น     โครงการหนึ่งเดียวบนทำเลที่ดีที่สุด "ย่านสาทร"   ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่าโครงการ “THE BANGKOK SATHORN” ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพของประเทศไทยจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการตั้งอยู่บนถนนสายหลักที่เชื่อมต่อไปยังสาทรใต้ สีลม พระราม 4 ติดกับสถานีรถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์เพียงแค่ 50 เมตร ซึ่งสามารถเดินเท้าได้สบายๆ แถมสุรศักดิ์เป็นสถานีเดียวที่อยู่บนถนนสาทร และยังห่างจากจุดขึ้น-ลงทางด่วนประมาณ 200 เมตรเท่านั้น อีกทั้งยังอยู่ไม่ไกลจากสะพานสาทรข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ทำให้การเดินทางของลูกบ้านเป็นเรื่องที่สะดวกสบายมากๆ ทั้งคนใช้รถส่วนตัวและรถสาธารณะ ไม่ว่าจะไปเรียน ทำงาน ช็อปปิ้ง หรือ Hang out พิกัดรอบๆ โครงการก็พรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายที่รองรับทุกไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตทุกรูปแบบของผู้อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารชั้นนำอย่าง Blue Elephant, Chef Man และ Nahm ห้างสรรพสินค้าชั้นนำในระยะใกล้ๆ อย่างสีลมคอมเพล็กซ์ และเพียง 4 สถานีถึง Siam Paragon, Siam Center, Siam Discovery, Central World และเพียง 2 สถานีถึง iconsiam นอกจากนี้ยังมีสถานพยาบาลชื่อดัง อาทิ โรงพยาบาลบีเอ็นเอช, โรงพยาบาลเซ็นหลุยส์ และยังมีสถานศึกษาชั้นนำมากมายไม่ว่าจะเป็น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน, โรงเรียนอัสสัมชัญ คอนเวนต์ สีลม, โรงเรียนเซ็นหลุยส์ ที่อยู่ไม่ไกลจากตัวโครงการเลย จึงไม่แปลกใจเลยค่ะว่าทำไมย่านสาทรถึงถูกจัดให้เป็นทำเลที่ดีมากแห่งหนึ่งของกรุงเทพฯ ซึ่งไม่ว่าเวลาผ่านไปนานแค่ไหนมูลค่าก็มีแต่เพิ่มขึ้น เปรียบเสมือนสมบัติล้ำค่าชิ้นสำคัญที่ควรครอบครองเลยค่ะ     ความงดงามที่ควรค่าแก่การครอบครอง   นอกจากเลือกปักหมุดที่ดินแปลงสวยให้เป็นพิกัดคอนโดหรู ทำเลหนึ่งเดียวที่ดีที่สุดในย่านสาทรซึ่งหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว ทาง Land and Houses ยังเข้าใจความต้องการของคนเมือง ที่อยากใช้ชีวิตอยู่กลางเมืองแวดล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก สามารถเดินทางง่าย แต่ก็ยังชอบความสงบและความเป็นส่วนตัว จึงออกแบบให้ โครงการ “THE BANGKOK SATHORN” เป็นคอนโดมิเนียม High Rise ระดับลักซูเปอร์ลักชัวรี่ สูง 50 ชั้น จำนวน 1 อาคาร 468 ยูนิต บนพื้นที่โครงการขนาด 4-3-79 ไร่ แบ่งออกเป็นอาคารจอดรถ สูง 3-5 ชั้น และมี Private Lift ทั้งหมด 14 ตัว ส่งตรงถึงหน้าห้องพักให้ความเป็นส่วนตัวทุกยูนิต พร้อมที่จอดรถกว่า 100% แถมยังให้ความสำคัญกับงานดีไซน์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้ดี ผ่านคอนเซ็ปต์ “Precious Living” หลอมรวมความเป็นที่สุดแห่งคุณค่าของการอยู่อาศัยให้ดูโดดเด่นกว่าโครงการไหนๆ ในย่าน     ตัวอาคารถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นอย่างมีเอกลักษณ์ ด้วยดีไซน์ที่มากด้วยฟาซาดกระจกตัดแต่งเหลี่ยมมุมคล้ายแท่งคริสตัล มีความสวยงามน่าจับตาถึงขนาดเตรียมเป็นแลนด์มาร์กอีกจุดของย่านนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งงานดีไซน์ตัวอาคารยังได้รับรางวัล International Property Award ประเภทคอนโดอยู่อาศัยตึกสูง หนึ่งเดียวในประเทศไทย ปี 2014-2015 ด้วยแนวคิด Simplify the natural form into the way of Modern living ที่เน้นการตกแต่งผนังตึกด้วยกระจกทั้งหมด ทำให้ดูหรูหราและยังได้มุมมองที่โปร่งโล่งในการอยู่อาศัย แถมลูกบ้านยังได้สัมผัสความสวยงามของวิวเมือง และวิวแม่น้ำเจ้าพระยาได้อย่างเต็มสายตา ทั้งยังเลือกใช้แต่วัสดุคุณภาพที่คัดสรรมาเป็นอย่างดี   ขณะเดียวกันก็ไม่ลืมออกแบบให้ห้องพักอาศัยให้ทุกพื้นที่สามารถใช้งานได้จริงและคุ้มค่าทุกตารางเมตร ซึ่งมีห้องพักอาศัยให้เลือกทั้งหมด 3 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาด 57 - 67 ตร.ม. (มีให้เลือกทั้ง River View ฝั่งที่หันไปทางแม่น้ำเจ้าพระยา และ City View), 2 Bedroom ขนาด 106 - 152 ตร.ม. (Panoramic View ห้องหัวมุมที่สามารถมองเห็นวิวได้กว้างกว่า) และ 1 Bedroom Duplex ที่มีให้เลือกถึง 2 วิว ทั้งวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และ City View ค่ะ ซึ่งภายในห้องก็จะได้วัสดุระดับ Luxury เช่นเดียวกับตัวอาคารเลยนะคะ แถมยังให้ความเป็นส่วนตัวกับลูกบ้านด้วย Private Lift ส่งตรงถึงห้องพักส่วนตัวในแต่ละยูนิต ทำให้ผู้อยู่อาศัยรู้สึกเป็นส่วนตัวเหมือนอยู่บ้านนั่นเอง ซึ่งถือว่าเป็น Luxury คอนโดที่อยู่ติดรถไฟฟ้า BTS และทางด่วนมากที่สุดในย่านนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ ที่สำคัญห้องพักอาศัยยังมีขนาดเหมาะสมกับการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง เรียกได้ว่าหาไม่ได้อีกแล้วในตลาดตอนนี้!   บรรยากาศภายในห้องพักอาศัยที่ดูโอ่อ่าและโปร่งโล่งด้วยการจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan เชื่อมต่อพื้นที่นั่งเล่นและมุมรับประทานอาหารไว้ด้วยกัน การออกแบบและตกแต่งผนังอาคารด้วยกระจกทั้งหมดนั้น ทำให้ลูกบ้านได้มุมมองที่โปร่งโล่งในการอยู่อาศัย แถมยังได้สัมผัสความสวยงามของวิวเมืองได้อย่างเต็มสายตา ภายในห้องพักอาศัยได้รับการออกแบบมารตรฐานระดับสูงแต่ละห้องมีลิฟต์ส่วนตัวและยังมี Service Lift แยกต่างหากด้วยค่ะ การจัดฟังก์ชั่นภายในห้องนอนที่ครบครันทั้ง Walk-in Closet และห้องน้ำแบบ Sexy Bath   นอกจากพื้นที่ใช้ชีวิตที่ถูกคิดเพื่อให้ทุกตารางเมตรสามารถใช้ประโยชน์ได้คุ้มค่าแล้ว ภายในโครงการ “THE BANGKOK SATHORN” ยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งพื้นที่ส่วนกลางชั้นบนสุดของอาคารที่นับว่าเป็นไฮไลท์เด็ด ตกแต่งเสมือนเพ้นต์เฮ้าส์ให้ลูกบ้านทุกคนได้ใช้พื้นที่นี้ร่วมกัน ภายใต้คอนเซ็ปต์ Beyond Residential Facilities ให้การใช้ชีวิตของลูกบ้านเปี่ยมไปด้วยความสุขในทุกๆ วัน ไม่ว่าจะเป็นด้านการทำงานที่รองรับการเจรจาธุรกิจด้วย Business Lounge และการพักผ่อนที่สมบูรณ์แบบที่สุดด้วยส่วนกลางถึง 4 โซน ซึ่งมาพร้อมกับ Private Garden มุมสงบใต้เงาไม้ใหญ่ในสวนขนาด 1,000 ตร.ม., Sky Lounges, สระว่ายน้ำถึงสองสระ Sky Boutique Pool และ Sky Family Pool เหนือน่านฟ้าใจกลางสาทร แถมยังมีห้องฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ไปจนถึงพื้นที่นั่งพักระหว่างออกกำลังกาย และยังมี Steam & Sauna อีกด้วยค่ะ   ภาพบรรยากาศบริเวณล็อบบี้ที่ดูโอโถ่งประดับด้วยประติมากรรมที่เป็นเอกลักษณ์ ภาพบรรยากาศห้องประชุมสำหรับการประชุมส่วนตัว ภาพบรรยากาศสวนธรรมชาติขนาด 1,000 ตร.ม. ให้ลูกบ้านพักผ่อนอย่างสมบูรณ์แบบ ภาพบรรยากาศสระว่ายน้ำมุมมองเส้นขอบฟ้าตัดเส้นของน้ำ ความงดงามที่หาที่เปรียบไม่ได้ ภาพบรรยากาศห้องฟิตเนสที่มาพร้อมอุปกรณ์ครบครัน ภาพบรรยากาศภายในห้องโยคะ   เต็มอิ่มกับงานดีไซน์ที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ พร้อมพื้นที่ส่วนกลางแบบจัดเต็มมากกว่าใครบนที่ดินที่ดีที่สุดในย่านสาทรขนาดนี้ เชื่อไหมคะว่าโครงการ “THE BANGKOK SATHORN” มีราคาเฉลี่ยตารางเมตรละ 280,000 บาท เท่านั้น ซึ่งถ้าเทียบกับขนาดห้องก็กว้างและใหญ่กว่าโครงการคู่แข่งในย่านนี้ทั้งหมด บอกได้คำเดียวว่าคุ้มค่ามากๆ ค่ะ เพราะวัสดุคุณภาพที่นำมาใช้ในโครงการก็ยังเหนือกว่าใคร ที่สำคัญราคาเฉลี่ยต่อตารางเมตรก็ยังถูกกว่าโครงการน้องใหม่ในย่านสาทร-สีลม อีกด้วยนะคะ แม้ฝั่งหนึ่งของตัวอาคารจะตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ที่ทำให้สะดวกในการเข้าถึง ทว่ายังคงความเงียบสงบและเป็นส่วนตัวจากการออกแบบได้เป็นอย่างดี   นอกจากนี้ทำเลที่ตั้งของโครงการยังอยู่ในย่านที่มีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจสูง ทั้งในแง่ของการซื้อเพื่ออยู่อาศัยและการลงทุน เพราะที่ดินย่านสาทรที่นำมาพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยนั้นมีน้อยมากๆ ค่ะ ประกอบกับราคาที่ดินในย่านนี้ก็สูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วย ซึ่งโครงการ “THE BANGKOK SATHORN” เป็นโครงการเดียวในย่านนี้ที่อยู่ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีสุรศักดิ์มากที่สุด แถมยังแสดงสถานภาพของระดับความเป็นอยู่ได้เหนือกว่าใครทั้งหมด เมื่อพิจารณาจากองค์ประกอบต่างๆ แล้วก็คุ้มค่าแก่การจับจองเป็นเจ้าของ ในราคาเริ่มต้นประมาณ 18 ล้านบาท   พิเศษ! พบข้อเสนอสุดว้าวภายในเดือนมีนาคม 2561 นี้ นัดหมายชมโครงการ โทร 1198
Magnolias Ratchadamri Boulevard นิยามใหม่ของความหรูหรา..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

Magnolias Ratchadamri Boulevard นิยามใหม่ของความหรูหรา..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

หากพูดถึงคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ เชื่อว่าภาพที่เกิดขึ้นในใจใครหลายคน คงเป็นภาพรูปแบบคอนโดที่ไม่ต่างกันมากนัก แต่แท้จริงแล้วอาคารที่มีลักษณะคล้ายกันทั้งหมดนั้น สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดีแล้วหรือไม่? วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันในรีวิวฉบับนี้ กับโครงการมิกซ์ยูส ระดับลักชัวรี่ “Magnolias Ratchadamri Boulevard (แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด)” ผลงานชิ้นโบว์แดงจาก บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ที่สร้างปรากฏการณ์ตื่นตาตื่นใจให้แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ของไทยไม่ใช่น้อย ทั้งในแง่ของงานดีไซน์ที่ฉีกรูปแบบคอนโดเดิมๆ ด้วยการออกแบบสไตล์โมเดิร์น โดยได้แรงบันดาลใจในรูปทรงอาคารจากกลีบดอกแมกโนเลีย ทำให้มีความโดดเด่นอ่อนช้อยสวยงาม จนกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางเมืองย่านราชดำริ นอกจากนี้ยังนำเสนอความเป็นที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมหรู, สำนักงาน และโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ (Waldorf Astoria Bangkok) แบรนด์โรงแรมระดับ 6 ดาว ในเครือฮิลตัน ที่มีสาขาอยู่ในเมืองสำคัญทั่วโลก ซึ่งมาเปิดใน South East Asia เป็นแห่งแรกในโครงการนี้ ภายใต้โจทย์ที่พักอาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งก็สอดคล้องกับปรัชญาของแมกโนเลียที่ว่า “คิดและสร้างสรรค์เพื่อความยั่งยืนของมนุษย์” ได้เป็นอย่างดี     ทำเลศักยภาพใจกลางเมือง   โครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการอยู่ติดถนนราชดำริ ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสีลม อยู่ใกล้ๆ กับโรงแรมเอราวัณและเพนินซูล่า ซึ่งเป็นทำเลที่ดีที่สุดผืนสุดท้ายของราชดำริ ห่างจากแยกราชประสงค์มาประมาณ 200 เมตร จุดเด่นของโครงการคืออยู่ใจกลางเมือง ใกล้ CBD, แหล่งงาน, สถานศึกษา และห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อออกไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก ซึ่งตอบโจทย์ลูกบ้านทั้งคนมีรถและไม่มี สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจะมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนใกล้ที่สุดอยู่ที่ถนนพระราม 4 โดยจากถนนราชดำริหน้าโครงการตรงเข้าสู่สี่แยกศาลาแดง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพระราม 4 อีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบกับจุดขึ้น-ลงทางพิเศษเฉลิมมหานคร ไม่ว่าจะออกไปโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก, ฝั่งธนบุรี หรือกรุงเทพฯ โซนเหนือก็สะดวกทั้งหมด ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังทางยกระดับอุตราภิมุข (โทลเวย์) และจุดขึ้น-ลงทางด่วนอีกเส้นทางหนึ่ง คือวิ่งตรงผ่านหน้าห้างสรรพสินค้า Central World จนถึงสี่แยกราชปรารภ แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนจตุรทิศ เพื่อขึ้นทางพิเศษศรีรัชมุ่งตรงไปเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ก็จะไปสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างง่ายดาย     สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสะดวกมากที่สุดแล้วค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าตัวโครงการตั้งอยู่ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าในย่านราชประสงค์ ใกล้สถานที่สำคัญของกรุงเทพฯ อย่าง ศาลท่านท้าวมหาพรหม รวมทั้งแหล่งช็อปปิ้งสำคัญของกรุงเทพฯ ที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS ถึง 2 สาย ทั้งสายสีเขียว (สถานีชิดลม) และสายสีเขียวเข้ม (สถานีราชดำริ) แถมบริเวณหน้าโครงการก็มีวินมอเตอร์ไซค์, รถเมล์, รถแท็กซี่ผ่านไปมาให้ใช้บริการตลอดทั้งวัน ซึ่งถ้าใครเป็นสายช็อปปิ้งก็คงถูกใจเพราะพิกัดจากโครงการสามารถเดินไปขึ้น Sky Walk เพื่อไปเซ็นทรัลเวิลด์, เกษรพลาซ่า และเซ็นทรัลชิดลม ในระยะเดินเท้าได้สบายๆ หรือถัดไปอีกหน่อยก็จะเป็นสยามสแควร์ ที่มีรถไฟฟ้า BTS สถานีสยาม จุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลม และมีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามแสควร์วัน, สยามดิสคัฟเวอรี่ ไปจนถึงมาบุญครอง ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยได้อย่างเพลิดเพลิน     และไม่ใช่ว่าเพียบพร้อมไปด้วยแหล่งช็อปปิ้ง สถานที่แฮงค์เอ้าท์เท่านั้นนะคะ ในส่วนของสถานศึกษา สถานพยาบาล รวมถึงสถานที่ราชการก็มีไม่น้อยเลยค่ะ ลองไล่เรียงคร่าวๆ ก็มี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย, โรงเรียนสอนภาษา AUA และสถานทูตประเทศต่างๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลตำรวจ, โรงพยาบาลบีเอ็นเอช สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วยังมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เพลินจิต, ราชกรีฑาสโมสร, วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร รวมไปจนถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างสวนลุมพินี และอีกมากมายจนบรรยายไม่หมดเลยค่ะ   เจาะลึกโครงการ   “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” เป็นโครงการลักชัวรี่ มิกซ์ยูส ตัวอาคารสูง 60 ชั้น บนพื้นที่ 6 ไร่ 2 งาน 70 ตารางวา ประกอบด้วยส่วนคอนโดมีเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ (Residence), สำนักงาน และโรงแรม ในส่วนของห้องพักหรูมีจำนวนทั้งหมด 316 ยูนิต เริ่มตั้งแต่ชั้น 17 – 54 ด้วยขนาดห้องชุดตั้งแต่ 48 – 360 ตารางเมตร โดยทำเป็นสัญญาเช่า (Leasehold) ระยะเวลา 30 ปี จากที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งทาง MQDC ต้องการความเป็น Masterpiece ให้ได้มาตรฐานระดับสูงสุดเทียบเท่าระดับโลก ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย รวมไปจนถึงการคัดสรรแต่วัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยมมาใช้ในโครงการ ครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการรวมตัวของเหล่าดีไซเนอร์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อความเป็นที่สุดของโครงการหรูใจกลางเมือง ซึ่งได้ DI Design และ The Beaumont Partners Co., Ltd. บริษัทออกแบบสัญชาติไทยชื่อดังมาทำงานร่วมกัน อีกทั้งยังมีบริษัทสถาปนิกระดับโลกอย่าง atelier ten จากนิวยอร์ก เข้ามาเป็นที่ปรึกษาการออกแบบเพื่อความยั่งยืน โดยออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยดีไซน์โค้งมนเป็นรูปกลีบดอกแมกโนเลีย ทำให้มีความโดดเด่นอ่อนช้อยสวยงามที่สุดในย่านราชดำริ ซึ่งก็มุ่งเน้นประหยัดพลังงานโดยประยุกต์แนวคิดสถาปัตยกรรมของบ้านไทย ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองร้อนของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะทิศทางของแสงแดด มาออกแบบเป็นส่วนชายคา หรือ Sunshade ของตัวอาคารที่ถูกคำนวณอย่างแม่นยำ และดีไซน์ให้กลายเป็นส่วนประดับอย่าง Façade โอบล้อมอาคารร่วมกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ     ในส่วนงานออกแบบ Landscape ก็ได้บริษัท Shma เข้ามาดูแล ส่วนงาน Interior นั้นทางโครงการให้บริษัท PIA ผู้มีชื่อเสียงด้านการออกแบบและมีประสบการณ์กับโครงการระดับหรูมาเป็นผู้ดูแลค่ะ ทั้งนี้โครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” จะเป็นโครงการที่พักอาศัยแห่งแรกของไทยที่กำลังจะได้รองรับมาตรฐาน LEED จากอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงานที่เข้มงวดที่สุดในโลก เพราะทางทีมดีไซเนอร์ได้คำนึงแสง ความร้อน อากาศ และการใช้น้ำในโครงการมาเป็นอย่างดี แถมยังเลือกใช้กระจกแบบ IGU และใช้ Sun Shading เพื่อลดความร้อนให้แก่ห้องอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีระบบหมุนเวียนน้ำบางส่วนที่คุณภาพดีและสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น รดน้ำต้นไม้ ตลอดจนระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ เพื่อใส่อากาศที่ปราศจากสารพิษเจือปนเข้าไปในโครงการ ทำให้มั่นใจได้เลยค่ะว่านอกจากความสวยหรู และการเดินทางที่สะดวกสบายแล้ว ผู้อยู่อาศัยจะได้คุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวแน่นอน     ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดเต็มแบบสุดๆ เรียกว่าครบครันมากทีเดียวค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัว เริ่มจากชั้น 1 เป็นพื้นที่ของเอ็กซ์คลูซีฟล็อบบี้, ห้องจดหมายและตู้ไปรษณีย์ ในส่วนของที่จอดรถก็สามารถจอดได้มากถึง 100% สำหรับ Facility บนอาคารจะอยู่ที่ชั้น 5 และชั้น 10 ประกอบด้วย ห้องสมุดพร้อมวิวสวนโค้งเล่นระดับที่ทางโครงการนำความเขียวขจีของธรรมชาติเข้าไปใส่ไว้ , ศูนย์ฟิตเนสและลู่วิ่งออกกำลังกายริมสวนแนวลาด, ห้องประชุม ห้องพบปะสังสรรค์, สระว่ายน้ำพร้อมสระเด็ก และส่วนจากุชชี่, ห้องอบไอน้ำและซาวน่า, ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมล็อกเกอร์, สำนักงานผู้อำนวยการประจำเรสซิเดนซ์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และยังมีกุญแจรีโมทนิรภัย สำหรับเปิดประตูและควบคุมลิฟท์อีกด้วย   เริ่มต้นกันที่บริเวณ Lobby ชั้น Ground Floor ก่อนเลยค่ะ ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็นส่วนต้อนรับ, พื้นที่รับรอง และ Mail Box พื้นที่ด้านหนึ่งของโถง Lobby จะเป็นส่วน Mail Box นะคะ มาในส่วนของโถงลิฟท์โดยสารกันบ้างค่ะ ซึ่งมีให้บริการลูกบ้านถึง 4 ตัว ทั้งยังดูหรูหรากว่าคอนโดฯ ทั่วไป ด้วยการประดับตกแต่งด้วยหินอ่อน บรรยากาศภายในห้องสมุดค่ะ ภายในห้องดูสูงโปร่ง โอบล้อมด้วยกระจกใส วิวบริเวณข้างห้องสมุดเป็นสวนนะคะ ข้อดีของการมีสวนอยู่ใกล้ๆ ทำให้เวลาอ่านหนังสือสามารถพักสายตามองต้นไม้สีเขียวขจีได้ จากบริเวณห้องสมุดมองออกไปจะเห็นพื้นที่สวนเล่นระดับด้วยนะคะ พื้นที่สวนขั้นบันไดที่ลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจ บันไดวนขึ้นไปยังส่วนของสระว่ายน้ำและฟิตเนสนะคะ เมื่อเดินไต่บันไดขึ้นมาจะพบกับลานกว้างๆ สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นของพรรณไม้ นอกจากจะมีสระว่ายน้ำสำหรับเด็กแล้วยังมีส่วนของ Jacuzzi ด้วยนะคะ พื้นที่ติดกับสระว่ายน้ำจะเป็นสวนแบบขั้นบันไดนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมองวิวเมืองรอบด้านได้อย่างจุใจ เดินต่อเนื่องไปยังห้อง Fitness นะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ กลับมาในส่วนของห้องอบไอน้ำและซาวน่า ที่มาพร้อมห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมล็อกเกอร์ แยกฝั่งชาย-หญิงด้วยนะคะ บรรยากาศด้านหน้าห้องอบไอน้ำและซาวน่า ต่อเนื่องมายังห้อง KID'S ROOM ที่ออกแบบมาสำหรับรองรับสมาชิกตัวน้อยในครอบครัวของลูกบ้าน   เปิดแบบห้อง Magnolias Ratchadamri Boulevard   สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” มีทั้งหมด 316 ยูนิตนะคะ ซึ่งมีแบบห้องพักหรูให้เลือกด้วยกันถึง 4 แบบ ตั้งแต่ 1 Bedroom ขนาด 48-60 ตารางเมตร จำนวน 88 ยูนิต, 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 72-106 ตารางเมตร จำนวน 220 ยูนิต, Penthouse ขนาดตั้งแต่ 209-300 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต และ Duplex Penthouse ขนาดตั้งแต่ 250-360 ตารางเมตร จำนวน 6 ยูนิต ปัจจุบันตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้ นั่นคือห้อง 2 Bedroom ขนาด 89.47 และ 92.38 ตารางเมตรค่ะ โดยจะแตกต่างกันที่การจัดวาง Layout และวิวเท่านั้นค่ะ แต่ภายในห้องจะตกแต่งมาให้เสร็จสรรพแล้ว หากลูกบ้านเลือกห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์รวมมาด้วย ทางโครงการจะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ Olivia Living, Sonder Living,  CHANINTR และ Classic Chair เหมือนดั่งห้องตัวอย่างที่เราเก็บมาฝากกันวันนี้   ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบและตกแต่งอย่างพิถีพิถันในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่เรียบหรู แต่ยังคงงดงาม แถมยังคัดสรรและเลือกใช้แต่วัสดุคุณภาพแบรนด์ระดับโลก ดีไซน์ให้พื้นที่ส่วนครัวกว้างขวางติดตั้งชุดครัว Bulthaup แบรนด์หรูจากเยอรมนี ในทุกยูนิต อีกทั้งยังผสมผสานห้องครัวและพื้นที่ใช้สอยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันห้องน้ำก็ใช้แต่เครื่องสุขภัณฑ์ชั้นนำเช่นเดียวกับที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ทั่วโลก แถมยังสั่งทำอ่างอาบน้ำขนาดพิเศษแบรนด์ KASCH มาใช้ในโครงการด้วย ไม่รอช้า.. เราไปเปิดประตูดู Layout ของแต่ละห้องไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom ขนาด 89.47 ตารางเมตร ประตูจะเป็นแบบ Digital Door Lock นะคะ เปิดประตูเข้ามาเจอห้องน้ำ และห้องนอนเล็กก่อนต่อเนื่องไปยังโถงกลางนะคะ ซึ่งภายในห้องนี้ทางโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Olivia Living ไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมด เรามาดูห้องน้ำกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน ทางโครงการจัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก โดยใช้สุขภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมี่ยมทั้งหมด จากภาพจะเห็นว่าส่วนเปียกจะมีบานกระจกกั้นพร้อมยกธรณีสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อกันน้ำกระเด็นมาส่วนแห้ง ซึ่งที่พื้นด้านในจะเซาะร่องไว้สำหรับกันลื่นด้วยนะคะ ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ กระจกห้องนอนเป็นบานใหญ่มาก สูง 3 เมตรไม่มีอะไรมาบังสายตาเลยนะคะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ กลับเข้ามาบริเวณโถงกลางจะเป็นส่วนของมุมทำงาน มุมรับประทานอาหาร มุมนั่งเล่น และครัวเชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด มุมทำงานที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวทีเดียวเลยนะคะ ต่อเนื่องมายังส่วนครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน ตรงข้ามกับมุมนั่งเล่นนะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นตัวแอล (L) มาพร้อมไอส์แลนด์ตรงกลางสำหรับเตรียมอาหาร ระยะห่างระหว่างเคาน์เตอร์กับไอส์แลนด์มีขนาดกำลังดีเลยนะคะ สามารถเดินได้โดยรอบสบายๆ สำหรับชุดครัวจะเป็นแบรนด์ bulthaup นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน สำหรับอ่างล้างจานจะเป็นแบรนด์ FRANKE นะคะ ซึ่งก็เป็นแบรนด์คุณภาพที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเช่นกัน พื้นที่ติดกับครัวจะเป็นมุมนั่งเล่นนะคะ ซึ่งสามารถวางคอนโซลทีวี โซฟาตัวยาว พร้อมโต๊ะกลางได้สบายๆ สำหรับมุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ พื้นที่โถงกลางสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบายๆ เลยนะคะ มาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง สามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ เพราะบริเวณรอบๆ เตียงมีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย ยิ่งถ้าใครที่ชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งไว้ที่ผนังปลายเตียงได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดเลยค่ะ จากระเบียงก็จะมองเห็น City view ประมาณนี้ มุมมองจากระเบียงกลับไปในห้องนอนใหญ่ ผนังหน้าห้องน้ำถูกบิลต์อินให้เป็นตู้เสื้อผ้าทั้งสองฝั่งเลยนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน ซึ่งรูปแบบจัดวางจะต่างกับห้องน้ำด้านนอก ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะมีอ่างอาบน้ำแบรนด์ KASCH ที่สั่งทำขึ้นมาพิเศษด้วยนะคะ   ห้องตัวอย่างต่อมาที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 92.38 ตร.ม. จะต่างจากห้อง 1 Bedroom แบบแรกทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout เลยนะคะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะมีโถงกลางขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่ครัวแบบเปิดเชื่อมต่อกับมุมรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ส่วนห้องนอนจะถูกแบ่งออกไปทางฝั่งขวา โดยห้องนอนเล็กจะใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องโถงกลาง ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำให้ในตัวค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom ขนาด 92.38 ตารางเมตร สำหรับห้องนี้ เมื่อเปิดประตู Digital Door lock เข้ามาในห้องจะเจอส่วนนั่งเล่นและมุมรับประทานอาหารที่อยู่ติดริมระเบียงก่อนเลยนะคะ ภายในห้องนี้ทางโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Olivia Living ไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมดเช่นเดียวกับห้องตัวอย่างแรกค่ะ ความแตกต่างนอกจาก Layout และขนาดห้องแล้ว ก็จะเป็นส่วนของวิวนี่แหละค่ะ โดยห้องนี้จะเป็นห้องที่ได้วิวฝั่งเซ็นทรัลเวิลด์ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นส่วนครัวนะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นรูปตัวแอล (L) จะได้วัสดุเหมือนในห้องตัวอย่างห้องแรกเลยนะคะ มีแตกต่างนิดหน่อยที่ขนาดและตำแหน่งของไอส์แลนด์ พื้นที่รับประทานอาหารที่อยู่ติดกับห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งข้อดีของระเบียงที่ติดกับมุมนี้คือช่วยระบายอากาศเวลารับประทานอาหารที่มีกลิ่นได้ดี พื้นที่ต่อเนื่องจากครัวเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำนะคะ เรามาเริ่มที่ฝั่งขวามือที่เป็นห้องน้ำก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องน้ำจะตกแต่งด้วยหินอ่อนเป็นส่วนใหญ่ โทนสีที่นำมาใช้ดูสะอาดตาและเลือกคู่สีได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ การวางฟังก์ชันโดยรวมใช้งานได้ดีทุกส่วน พื้นที่ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ล้างหน้าจะเป็นส่วนเปียกนะคะ ผนังฝั่งหนึ่งใน Shower Area จะถูกตกแต่งให้สวยงามด้วยด้วยหินอ่อน ตรงข้ามกับห้องน้ำจะเป็นห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอ ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน ภายในห้องนอนเล็กเมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย พื้นที่ติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ออกมาจากห้องนอนเล็ก เดินตรงเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องนอนแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนะคะ คือโซนพักผ่อน และโซนแต่งตัวที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ นอกจากเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบแล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วยค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอน จะเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ติดห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนๆ กับห้องน้ำด้านนอก จะต่างกันแค่เพิ่มอ่างอาบน้ำแบรนด์ KASCH ที่ทางโครงการสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำจะได้อ่างล้างหน้า มาพร้อมกับตู้ลอยที่มีหน้าบานเปิด-ปิดสำหรับเก็บของนะคะ ซึ่งห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านก็จะได้แบบนี้เลยนะคะ   ด้วยทำเล Prime Location ของกรุงเทพฯ ริมถนนราชดำริ ย่านธุรกิจสำคัญของเมืองไทยและแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับที่เพียบพร้อมแบบนี้โครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการหรูที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Fitted ดังนั้นในห้องมาตรฐานก็จะมี ชุดครัวแบรนด์ bulthaup ที่มาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน FRANKE รวมถึงสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็ยังเป็นแบรนด์นำเข้ามาเหมือนกันเกือบทุกรายการค่ะ อาทิ ก๊อกน้ำ Dornbracht และอ่างอาบน้ำ KASCH เป็นต้น ซึ่งทาง MQDC ประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 20 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ย ณ ปัจจุบันประมาณ 280,000 บาท/ตร.ม. ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียม Luxury ในระดับเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลงทุนมากเลยนะคะ เพราะแนวโน้มในการเติบโตของทำเลค่อนข้างดีในอนาคต ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็งกำไรยังไงก็คุ้มแน่นอน..   ใครที่ไม่ติดเรื่องกำลังทรัพย์และกำลังมองหาคอนโดหรูที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายทุกอย่างแบบนี้ แนะนำให้แวะเข้าไปเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 083-095-5054  หรือ www.magnolias-ratchadamri.com
มีงบเท่ากัน คอนโดกลางเมือง หรือ บ้านชานเมือง เลือกอันไหนดี?

มีงบเท่ากัน คอนโดกลางเมือง หรือ บ้านชานเมือง เลือกอันไหนดี?

ปฏิเสธไม่ได้เลยค่ะว่าที่พักอาศัยนั้นเป็นปัจจัยสำคัญของการดำรงชีวิต เพราะเราต่างต้องใช้งานอยู่บ่อยๆ นอกจากการพักผ่อนในชีวิตประจำวันแล้ว ยังเป็นพื้นที่ส่วนตัวของใครหลายคนอีกด้วย จึงไม่ใช่เรื่องแปลกเท่าไหร่นักที่ปัจจุบันจะมีคอนโดมิเนียมกลางเมือง และบ้านชานเมืองเกิดขึ้นมากมายในราคาที่ใกล้เคียงกัน หากคุณก็เป็นคนหนึ่งที่กำลังอยากซื้อที่อยู่อาศัยสักที่หนึ่งเพื่อเติมเต็มความสุขของชีวิต แต่อยู่ในช่วงที่กำลังตัดสินใจว่าจะเลือกซื้อแบบไหนดี? วันนี้ทีมงาน Review Your Living ได้ทำการรวบรวมข้อมูลระหว่างข้อดีข้อเสียของคอนโดกลางเมือง และบ้านชานเมืองมาฝากค่ะ เพื่อเป็นตัวช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายและไวขึ้น   <   เรียบเรียงโดย Review Your Living ข้อดีของคอนโดกลางเมือง ทำเลสะดวกสบายง่ายต่อการเดินทาง ข้อนี้ถือว่าเป็นหัวใจหลักของคอนโดกลางเมืองเลยค่ะ เพราะเนื่องจากจะช่วยประหยัดเวลาในการเดินทางแล้ว ยังแวดล้อมไปด้วยสาธารณูปโภคและสิ่งอำนวยความสะดวกอย่างครบครันไม่ว่าจะเป็น ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษา โรงพยาบาล เป็นต้น ดูแลรักษาง่าย เนื่องจากขนาดห้องพักในคอนโดมิเนียมส่วนใหญ่มักจะมีขนาดค่อนข้างจำกัดทำให้การดูแลพื้นที่ภายในเป็นเรื่องที่ง่ายและประหยัดเวลาสำหรับทุกๆ คน ทั้งยังมีพนักงานนิติบุคคลหรือแม่บ้านประจำคอยดูแลสภาพแวดล้อมภายนอกให้เรียบร้อยและสวยงามอยู่เสมอ ปลอดภัยไร้ความกังวล นอกจากมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำแต่ละอาคารแล้ว ภายในคอนโดฯ ยังมีกล้องวงจรปิดหลากหลายมุมในแต่ละชั้นอีกด้วย ทำให้ลูกบ้านรู้สึกปลอดภัยทั้งยังสบายใจไร้ความกังวลเมื่อต้องเดินทางไปไหนนานๆ   ข้อเสียของคอนโดกลางเมือง ราคาสูง ข้อเสียข้อนี้มีผลต่อการตัดสินใจจริงๆ ค่ะ เพราะคอนโดฯ กลางเมืองส่วนใหญ่มักมีราคาค่อนข้างสูง เนื่องจากการเดินทางที่แสนสะดวกสบาย บางโครงการแค่ก้าวเท้าออกมาก็สามารถขึ้นรถไฟฟ้าได้แล้วซึ่งก็คุ้มค้าต่อราคาเช่นกัน เพราะฉะนั้นถ้าไลฟ์สไตล์คุณเป็นคนเมืองที่ใช้รถไฟฟ้าบ่อยกว่าขับรถเอง คอนโดมีเนียมกลางเมืองคงเป็นคำตอบที่ถูกต้องของคุณค่ะ พื้นที่จอดรถไม่เพียงพอ เป็นเรื่องยากค่ะสำหรับคอนโดมิเนียมที่รองรับที่จอดรถถึง 100% ดังนั้นถ้าคุณเลือกซื้อคอนโดฯ กลางเมือง คุณก็ควรทำใจไว้ตั้งแต่เนิ่นๆ เลยค่ะว่าถ้าไม่รีบกลับบ้าน ช่วงค่ำๆ ต้องมีเหตุการณ์วนหาที่จอดอย่างแน่นอน มีกฎเกณฑ์และข้อห้ามมากมาย คอนโดฯ ทั่วไปมักมีกฎเกณฑ์และข้อห้ามมากมาย อาทิ ห้ามส่งเสียงดัง ห้ามเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น ซึ่งกฎและข้อห้ามก็ค่อนข้างเคร่งครัดอาจทำให้คุณรู้สึกอึดอัดไปบ้าง ข้อแนะนำคือให้ศึกษากฎและทำความเข้าใจกับข้อห้ามต่างๆ นั้นให้ดีก่อนที่คุณจะตัดสินใจซื้อ เพื่อความสุขระยะยาวในชีวิตนะคะ   ข้อดีของบ้านชานเมือง มีบริเวณมากกว่า เป็นข้อดีที่ใครหลายคนชอบใช่ไหมละค่ะ ก็แหม บ้านมีพื้นที่เยอะก็สามารถทำอะไรได้หลายอย่างไม่ว่าจะทำ ทำกิจกรรมร่วมกับครอบครัว หรือเว้นพื้นที่ไว้สำหรับทำสวนสวย ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ ก็ล้วนแต่เนรมิตให้ออกมาเป็นดั่งใจได้หมด เงียบสงบไม่พลุกพล่าน สำหรับใครที่รักความสงบบ้านชานเมืองก็เป็นตัวเลือกที่ดีไม่น้อยเลยค่ะ เพราะแต่ละโครงการต่างๆ นั้นจะกำหนดขนาดของบ้านแต่ละหลังซึ่งก็มียูนิตน้อยกว่าคอนโดฯ ทำให้บรรยากาศค่อนข้างสงบ ไม่มีผู้คนพลุกพล่านเดินผ่านไปมาเหมือนดั่งคอนโดกลางเมืองแน่นอนค่ะ บรรยากาศดี ร่มรื่น ด้วยทำเลชานเมืองทำให้เรามีโอกาสได้ใกล้ชิดสัมผัสกับธรรมชาติได้มากกว่าคอนโดฯ กลางเมืองที่แวดล้อมไปด้วยตึกสูง ถนน รถรา และผู้คนมากมายซึ่งอาจจะทำให้รู้สึกอึดอัด แต่การเลือกซื้อบ้านชานเมืองนั้น คุณจะได้ใกล้ชิดกับธรรมชาติภายใต้บรรยากาศที่ร่มรื่นมากขึ้นนั่นเองค่ะ   ข้อเสียของบ้านชานเมือง เดินทางลำบาก เป็นข้อเสียที่ปวดใจจริงๆ ค่ะ ขึ้นชื่อว่าบ้านชานเมืองแน่นอนว่าต้องห่างไกลตัวเมืองประมาณหนึ่ง ดังนั้นถ้าคุณคิดจะเลือกซื้อบ้านชานเมืองก็ควรเผื่อเวลาในการเดินทางสักหน่อยแล้วกันค่ะ หรือไม่ก็ควรเลือกทำเลที่ห่างไม่ไกลจากรถไฟฟ้ามากนักเพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวันนะคะ ห่างไกลความสะดวกสบาย อย่างที่ทราบกันดีแหละค่ะว่าบ้านชานเมืองมักอยู่ห่างจากตัวเมือง สาธารณูโภคโดยรอบโครงการอาจไม่ครบครันเหมือนดั่งคอนโดฯ กลางเมืองเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้นคุณควรศึกษาและดูพื้นที่จริงก่อนตัดสินใจซื้อจะได้ไม่เสียใจทีหลังนะจ๊ะ ขายต่อยากและเสี่ยงขาดทุน ด้วยทำเลที่ห่างไกลอาจเป็นปัญหาในการขายต่อ ในกรณีที่คุณเกิดการเปลี่ยนใจหรือย้ายที่อยู่ใหม่ ดังนั้นถ้าจะซื้อบ้านชานเมืองก็ควรพิจารณาให้ละเอียดและตัดสินใจอย่างรอบคอบก่อนนะคะ จะได้ไม่เกิดปัญหานี้ขึ้น