Tag : คอนโดใหม่พร้อมอยู่

9 ผลลัพธ์
IDEO Q Siam – Ratchathewi คอนโดเหนือระดับเพื่อชีวิตเพียบพร้อมใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

IDEO Q Siam – Ratchathewi คอนโดเหนือระดับเพื่อชีวิตเพียบพร้อมใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้เราจะพาไปดูห้องตัวอย่างของคอนโดมิเนียม High Rise ที่ถูกจับตามองและได้รับความสนใจเป็นอย่างมากในย่าน “ราชเทวี” จาก อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเลือกปักหมุดบนทำเลศักยภาพแวดล้อมด้วยรถไฟฟ้าถึง 3 สาย ภายใต้ชื่อ IDEO Q Siam – Ratchathewi (ไอดีโอ คิว สยาม – ราชเทวี) ต้องบอกเลยว่าทำเลโดดเด่นมากจริงๆ ค่ะ เพราะตำแหน่งที่ตั้งเอื้อต่อการเดินทางสะดวกทั้งคนใช้รถสาธารณะและรถส่วนตัว จุดเด่นอยู่ที่การออกแบบเพื่อรองรับการใช้ชีวิตที่เพียบพร้อม ทั้งยังรายล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้งมากมาย และยังเน้นพื้นที่ส่วนกลางเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองอย่างแท้จริง   โครงการ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการอยู่ติดถนนถนนเพชรบุรี (เพชรบุรีซอย 11) ฝั่งมุ่งหน้าไปทางแยกประตูน้ำ ห่างจากแยกราชเทวีมาประมาณ 300 เมตร และห่างจากแยกประตูน้ำประมาณ 700 เมตร จุดเด่นของโครงการคือตั้งอยู่ใจกลางเมือง ใกล้ CBD, แหล่งงาน, ห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย สามารถเชื่อมต่อออกไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก ซึ่งตอบโจทย์ลูกบ้านทั้งคนมีรถและไม่มี โดยมีให้เลือกหลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเข้าหรือออกเมือง พร้อมทั้งอยู่ใกล้ทางด่วน และมีซอยย่อยที่ลัดเลาะไปได้โดยไม่ต้องใช้เส้นหลัก อย่างที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่าถนนเพชรบุรีเป็นถนนเส้นสำคัญของย่านนี้เลยก็ว่าได้ โดยตัวถนนเพชรบุรีจะเริ่มตั้งแต่บริเวณแยกยมราช มาตัดกับถนนพระราม 6 (แยกอุรุพงษ์) ตัดกับถนนบรรทัดทองตรงแยกเพชรพระราม และมาตัดกับถนนพญาไทบริเวณแยกราชเทวี จากนั้นมาตัดกับถนนราชปรารภและถนนราชดำริบริเวณแยกประตูน้ำ นอกจากนี้ยังไปตัดกับถนนชิดลม, ถนนวิทยุ, ถนนนิคมมักกะสัน และซอยสุขุมวิท 3 ที่ตัดกับถนนอโศก-ดินแดงและอโศกมนตรี ตัดกับซอยเพชรบุรี 38/1 ตัดกับซอยสุขุมวิท 63 (เอกมัย) และไปสิ้นสุดที่แยกคลองตันโดยตัดกับถนนรามคำแหง, ถนนพัฒนาการ และสุขุมวิท 71   สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสามารถเลือกได้หลากหลายมากเลยทีเดียวค่ะ เพราะบริเวณหน้ารั้วโครงการก็มีวินมอเตอร์ไซค์ให้ใช้บริการ และมีรถเมล์, รถแท็กซี่ผ่านไปมาตลอดทั้งวัน แถมถัดไปอีกหน่อยแถวประตูน้ำก็จะมีรถตู้ให้บริการหลายสายไม่ว่าจะไปรังสิต, ดอนเมือง, สะพานใหม่, ลาดพร้าว, สี่พระยา ก็สามารถเลือกขึ้นได้ตามสะดวก นอกจากนี้ยังมีเรือโดยสารคลองแสนแสบที่อยู่ไม่ไกลจากโครงการโดยต้นทางอยู่ที่สะพานผ่านฟ้า ไปสิ้นสุดที่วัดศรีบุญเรือง ท่าเรือที่ใกล้โครงการคือท่าเรือประตูน้ำระยะเดินจากโครงการมาประมาณ 750 เมตร และท่าเรือสะพานหัวช้างประมาณ 800 เมตรเท่านั้น ที่สำคัญตัวโครงการอยู่ห่างจาก BTS ราชเทวีประมาณ 390 เมตร ก็ถึงบันไดเลื่อนขึ้นตัวสถานีแล้วค่ะ โดยเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ เพียงแต่ต้องข้ามถนนสักหน่อย ซึ่งถ้าใครอยากไปช็อปปิ้งเพลินๆ ก็สามารถใช้ BTS จากสถานีราชเทวีนั่งรถไปสถานีเดียวก็จะถึงสถานีสยามซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลม และมีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามแสควร์วัน และสยามดิสคัฟเวอรี่ หรือถัดไปอีกหน่อยถนนราชประสงค์ก็จะเป็นเซ็นทรัลเวิลด์แล้วค่ะ นอกจากนี้ใครที่เดินทางไปสนามบินสุวรรณภูมิบ่อยก็น่าจะถูกใจและสะดวก เพราะตัวโครงการ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี อยู่ห่างจาก Airport Rail Link พญาไท ประมาณ 800 เมตร และในอนาคตยังมีรถไฟฟ้าสายสีส้มที่วิ่งจากตลิ่งชันปลายทางมีนบุรี เข้ามาเป็นตัวเลือกในการเดินทางเพิ่มขึ้นอีกด้วย โดยสถานีที่ใกล้โครงการที่สุดก็คือสถานีประตูน้ำ เรียกได้ว่าถ้าก่อสร้างเสร็จเมื่อไหร่ การเดินทางก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้นเท่านั้น   เริ่มต้นการเดินทางจากรถไฟฟ้า BTS สถานีราชเทวีค่ะ สำหรับทางไปคอนโดฯ จะอยู่ที่ทางออกหมายเลข 4 นะคะ เดินลงมาจากสถานีก็เจอวินมอเตอร์ไซด์แล้วค่ะ ติดกันนั้นเป็นร้านคาเฟ่ชื่อดัง ซึ่งถัดไปอีกนิดก็เป็น CocoWalk ที่รวมร้านอาหารและร้านนั่งชิลล์มากมาย สำหรับการเดินทางไปคอนโดไอดีโอ จะต้องไปทางแยกราชเทวีนะคะ จากทางออกสถานีเดินย้อนมาทางแยกราชเทวี ระยะทางจุดนี้ประมาณ 80 เมตร ซึ่งต้องข้ามทางม้าลายไปอีกฝั่งหนึ่ง เมื่อเดินข้ามทางม้าลายมาแล้ว ก็เดินตามถนนเพชรบุรีไปเลยค่ะ ซึ่งอีกประมาณ 300 เมตรก็จะถึงตัวโครงการแล้วค่ะ ริมถนนฟุตบาททางเดิน ก็จะมีร้านค้า, ร้านคาเฟ่ รวมถึง Hostel ด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีร้านยา, ร้านตัดผม อยู่บริเวณข้างทางเดินด้วย เดินตรงมาเรื่อยๆ ปากซอยหัวมุมเพชรบุรี 9 จะผ่านโครงการ ไอดีโอ คิว ราชเทวี ก่อนนะคะ ซึ่งอยู่ติดกับ ไอดีโอ คิว สยาม - ราชเทวี ที่เราปักหมุดไปกันวันนี้ ตัวอาคารก็มีโดดเด่น เล่นลวดลายที่ Facade ออกแบบสไตล์โมเดิร์น ใช้สีโทนเทาเข้มและอ่อน เฟรมกระจกสีดำ ซึ่งมองเห็นตั้งแต่ปากซอยเพชรบุรี 9 แล้วค่ะ มุ่งหน้าต่อไปทางแยกประตูน้ำ ซอยเพชรบุรี 11 ก็เป็นที่ตั้งโครงการ IDEO Q สยาม-ราชเทวีแล้วค่ะ จากภาพจะเห็นได้ว่าบริเวณข้างโครงการมีซอยเล็กๆ อยู่ ซึ่งซอย 11 นี้เป็นเส้นทางลัดไปทะลุห้างประตูน้ำเซ็นเตอร์ ตึกใบหยก ห้างอินทรา และออกถนนราชปรารถได้อีกด้วย รั้วโครงการด้านหน้าออกแบบเป็นเส้นโค้งรับกับ Facade อาคาร เดินเข้ามาจะพบกับความร่มรื่นเขียวขจีของสวนหย่อม นอกจากสวนหย่อมแล้วยังมีน้ำพุให้บรรยากาศดูน่าพักผ่อนด้วยค่ะ เดินเข้ามาเรื่อยๆ จะพบจุด Drop Off ที่อยู่ด้านหน้าทางเข้า Lobby เลยค่ะ   ภาพรวมโครงการ   โครงการ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี เป็นคอนโด High Rise สูง 36 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 552 ยูนิต บนที่ดิน 2-1-63.70 ไร่ แบ่งออกเป็นร้านค้า 2 ยูนิต และที่พักอาศัย 550 ยูนิต มาพร้อมที่จอดรถ 258 คัน (คิดเป็น 48% ไม่รวมจอดซ้อนคัน), Service Lift 1 ตัว และ Private Lift 12 ตัว ที่แชร์ใช้กับห้องที่อยู่ตำแหน่งห้องตรงกับเราทั้งหมด ภายในลิฟท์โดยสารจะมีประตู 2 ฝั่ง เป็นระบบ Private Lift ที่ขึ้นไปจอดห้องตัวเอง และชั้นส่วนกลางเท่านั้น โดยไม่ต้องเดินผ่าน Corridor และห้องอื่นๆ เหมือนดั่งคอนโดทั่วไป ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Iconic equalize สะท้อนอัตลักษณ์อันโดดเด่นและแตกต่างทั้งภายนอกและภายใน ด้วยรายละเอียดของงานออกแบบจากดีไซเนอร์ชั้นนำผ่านรสนิยมการใช้ชีวิต บ่งบอกสถานะและตัวตนที่ไม่ซ้ำใครของผู้อยู่อาศัยด้วย Interior Design ในรูปแบบ Futuristic ประสานรวมกับแนวคิด ECO Urban Life ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม นอกจากนี้ยังเปิดมิติมุมมองใหม่ ด้วยสวนเล่นระดับ รวมไปจนถึงการออกแบบพื้นที่ใช้สอยให้เกิดประโยชน์สูงสุดทุกตารางเมตร ให้ลูกบ้านใช้ชีวิตที่เพียบพร้อมอย่างมีความสุข   ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางเรียกได้ว่าจัดเต็มจริงๆ ค่ะ เริ่มตั้งแต่พื้นที่สีเขียวรอบอาคารให้คุณใกล้ชิดธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ ทั้งสวนบริเวณ Lobby ชั้น 1, สวนลอยฟ้าชั้น 8 และสวนบนดาดฟ้า บริเวณชั้นล่างที่ทำเป็น Lobby สุดหรู มีลิฟท์โดยสารทั้งหมด 12 ตัว โดยจำกัดให้ขึ้นทีละ 1 ครอบครัวเท่านั้น และอย่างที่บอกไปก่อนหน้าว่าลิฟท์จะขึ้นได้เฉพาะห้องตัวเอง และชั้นส่วนกลางเท่านั้น แต่กรณีที่ลิฟท์มีปัญหาสามารถไปใช้ลิฟท์ขนของได้ค่ะ ซึ่งพื้นที่โถงกลางระหว่างลิฟท์ทั้งหมดจะจัดวางโซฟา เป็นพื้นที่นั่งเล่นไว้หลากหลายมุม นอกจากนี้ยังมีห้อง Mail Box, ห้องนิติบุคคล และห้องน้ำแยกชายหญิง Master Plan โครงการจะเร่ิ่มจากทางเข้าที่อยู่ติดกับถนนเพชรบุรี เมื่อเข้ามาจะเป็นถนนในโครงการล้อมรอบตัวอาคาร ส่วนแรกเป็นจุด Drop Off ด้านหน้า Lobby มีที่จอดรถใต้อาคาร วนมาด้านหลังจะเป็นสวนหย่อมอีกจุด ด้านข้างโครงการอีกฝั่งจะมีทางเข้าที่จอดรถในอาคาร จอดได้ถึงชั้น 7 ทั้งโครงการจอดได้ 258 คัน หรือคิดเป็นประมาณ 48% ไม่รวมซ้อนคันค่ะ นอกจากนี้ภายในตัวอาคารที่ชั้น 1 จะมีร้านค้า 2 ร้าน และเป็นส่วนของ Lobby ขนาดยาวตลอดแนวอาคาร มาพร้อมลิฟท์โดยสาร 12 ตัว   ประตูทางเข้า Lobby จะเป็นกระจกบานเปิด ซึ่งมีเจ้าหน้าที่คอยบริการเปิดปิดอยู่บริเวณประตูด้วยค่ะ เดินเข้ามาด้านในจะพบกับเคาน์เตอร์ก่อนเลยค่ะ มุมมองกลับออกไปที่ประตูทางเข้า ด้วยขนาดของพื้นที่บริเวณ Lobby มีขนาดกว้างมากพอจะจัดมุมรับแขกได้หลายจุด หากลูกบ้านมีแขกมาเยี่ยมเยียนก็สามารถนั่งรอที่บริเวณล็อบบี้ได้สบาย จากภาพจะเห็นได้ว่าบริเวณ Lobby แบ่งออกเป็นสองฝั่งตามแนวยาวนะคะ และมีลิฟท์กระจายอยู่รอบๆ Private Lift จะวางคู่กันแบบนี้นะคะ มีทั้งหมด 12 ตัว และลิฟท์ขนของ 1 ตัว ซึ่งลูกบ้านต้องจำลิฟท์ประจำตำแหน่งห้องตัวเองให้ดีด้วย บริเวณโถงลิฟท์จะมีส่วนของ Mail Box ด้วยนะคะ ห้อง Mail Box จะแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ดูหรูหราและโดดเด่นไม่เหมือนคอนโดทั่วไปด้วยการเล่นสีและแสงไฟ ตัดกับผนังสีดำรอบๆ อีกฝั่งหนึ่งก็จะมีลิฟท์โดยสารกระจายอยู่รอบๆ เช่นเดียวกับฝั่งแรกค่ะ มีมุมนั่งเล่นรองรับลูกบ้านหรือผู้มาเยี่ยมเยียนได้หลายหลายมุม   สำหรับห้องพักอาศัยจะเริ่มที่ชั้น 8 เป็นต้นไปนะคะ โดยชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางมาให้ด้วยทั้ง 2 ฝั่ง ส่วน Facility หลักๆ นั้นจะอยู่ที่ชั้น 30 โดยเป็นจุดเด่นของโครงการนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะมีสระว่ายน้ำแบบ 360 องศา ล้อมรอบอาคารเลย ซึ่งลูกบ้านจะได้เต็มอิ่มกับวิวสวยๆ ในมุมสูงขณะกำลังพักผ่อนอยู่ในพื้นที่ส่วนกลาง ซึ่งแต่ละส่วนของสระว่ายน้ำจะมีพื้นที่จะกว้าง แคบ และตื้นต่างกันนะคะ จะมีส่วนที่เป็น Shallow Pool สระเด็ก และส่วนจากุซซี่ พื้นที่ตรงกลางสระแบ่งเป็น 3 ส่วน แต่ละส่วนจะมีทางเดินเชื่อมกันทั้งหมด ส่วนที่อยู่ด้านหน้าจะเป็น Library และ Business Center ถัดเข้ามาตรงกลางเป็น Social Club ห้องนี้จะมาพร้อมโต๊ะเกมส์รองรับวันพักผ่อน ส่วนพื้นที่ด้านหลังสุดเป็น Social Club ห้องนี้จะมีส่วนเตรียมอาหารพร้อม Long Table รองรับปาร์ตี้ของลูกบ้าน ซึ่งทั้ง 3 ส่วนนี้ผนังรอบด้านจะเป็นกระจกทั้งหมด และมีประตูบานเลื่อนที่สามารถเปิดเชื่อมออกสระว่ายน้ำได้ทุกส่วน นอกจากนี้ยังมีบันไดเดินขึ้นลงไปชั้น 29M และ 30M ถ้าเดินลงไปจะเป็นห้องน้ำแยกชายหญิง, ห้องสตรีม และซาวน่า แต่ถ้าไต่บันไดขึ้นไปจะเป็นห้องฟิตเนสค่ะ เรียกได้ว่าทางโครงการใส่ใจทุกรายละเอียดออกแบบโดยคำนึงถึงผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก จนไม่แปลกใจเลยค่ะว่า ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี เป็นโครงการที่ดีที่สุดในย่านนี้จริงๆ   แปลนของพื้นที่ชั้น 8 จะเร่ิมเป็นยูนิตพักอาศัยแล้วนะคะ ซึ่งที่ชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางมาให้ด้วย 2 ฝั่ง สำหรับลูกบ้านที่ไม่ได้อยู่ชั้นนี้ถ้าจะลงมาใช้งานต้องใช้ลิฟท์ขนของค่ะ พื้นที่สวนหย่อมบริเวณชั้น 8 ซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจเลยค่ะ นอกจากชมความรื่นรมย์ของสวนสวย ยังได้วิวเมืองอีกด้วย สำหรับแปลนชั้น 9-28 จะเป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมดค่ะ แปลนพื้นที่บริเวณชั้น 30 นะคะ จะเป็น Facility ทั้งหมด กดลิฟท์ขึ้นมาจะพบกับพื้นที่ส่วนกลางต่างกันไป แต่เราขอเริ่มจากส่วนด้านหน้าอาคารคือ Library ก่อนล่ะกัน ผนังด้านนอกทุกฝั่งที่ชั้นนี้จะเป็นกระจก และเป็นกระตูบานเลื่อนเพื่อเปิดเชื่อมออกสระว่ายน้ำได้ทั้งหมด นอกจากนี้ยังมีชุดโซฟาจัดไว้ให้ลูกบ้านนั่งเล่นชมวิวอย่างเพลิดเพลินด้วยค่ะ จุดเด่นของ Facility โครงการนี้คือสระว่ายน้ำแบบ 360 องศาค่ะ ภายในห้อง Business Center ไว้นั่งประชุมงานได้ เดินเข้ามาด้านในห้อง Social Club ห้องนี้มีโต๊ะโกล์ 2 ชุด พร้อมเก้าอี้นั่งชมวิว ส่วนนี้คือ Shallow Pool ก่อนต่อเนื่องไปห้อง Social Club ซึ่งมีบันไดขึ้นไปอีกชั้นเป็นฟิตเนส และบันไดลงชั้นล่างเป็นห้องน้ำและซาวน่าค่ะ Shallow Pool ที่ออกแบบมาอย่างหรูหรา จัดวางพร้อมเตียงและโซฟาด้วยค่ะ ภายในห้องฟิตเนสโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ มุมมองตรงบริเวณตรงชานพักบันได มองลงมาที่สระว่ายน้ำจะเห็นสระว่ายน้ำตรงส่วนจากกุซซี่ น่าใช้งานมากค่ะ ถ้าลูกบ้านมาใช้บริการจากุชชี่ ก็จะได้วิวเมืองประมาณนี้ เดินไต่บันไดกลับลงมาเข้าห้อง Social Club จะมีเคาน์เตอร์บาร์ ไว้สำหรับจัดเตรียมอาหาร จัดปาร์ตี้ได้ด้วยค่ะ ทางโครงการจัดเก้าอี้และโซฟาไว้ให้ด้วย ซึ่งผนังกระจกเป็นกระตูบานเลื่อนเปิดเชื่อมออกสระว่ายน้ำได้เลยนะคะ เวลาลูกบ้านใช้สระว่ายน้ำก็จะได้ชมวิวเมืองแบบนี้เลยนะคะ   เปิดห้องตัวอย่าง   โครงการ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี มีแบบห้องหลักๆ อยู่ 5 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาด 29.50 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม., 2 Bedroom 1 Bath ขนาด 51 ตร.ม., 2 Bedroom 2 Bath ขนาด 62 ตร.ม. และ 2 Bedroom 2 Bath ขนาด 69 ตร.ม. ทุกยูนิตขายแบบ Fully Fitted มาพร้อมวัสดุและสุขภัณฑ์คุณภาพซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชุดครัวพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ซึ่งถ้าลูกบ้านตัดสินใจซื้อ ก็เห็นจะขาดแค่เครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้นเองค่ะ   สำหรับห้องตัวอย่างที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 34 ตร.ม. ลักษณะห้องเป็นแบบหน้าแคบลึก พื้นที่ใช้สอยจัดมาได้ลงตัวทีเดียวค่ะ ซึ่งแต่ละยูนิตจะมี Private Lift ขึ้นมาที่ห้องเลย ห้องนี้เปิดมาจะเจอส่วนครัวพอดี ซึ่งจะมีประตู 2 ชั้นคือประตูที่เดินออกไปตรง Corridor และประตูที่เดินเข้าห้องด้านใน พื้นที่ภายในเป็นส่วนพักผ่อนอย่างห้องนอนและมุมนั่งเล่น ด้านในสุดเป็นระเบียง ประตูห้องนอนจะได้แบบบานเลื่อน 3 ตอน สามารถเปิดปิดแยกส่วนจากห้องนั่งเล่นได้ ในห้องนอนมีพื้นที่วางโต๊ะ ตู้ เตียง ได้ครบ ส่วนห้องน้ำจะอยู่ในห้องนอนนะคะ ซึ่งในห้องตัวอย่างทางโครงการก็ตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้เราได้เห็นฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้อย่างชัดเจนมากขึ้น แต่ห้องที่ขายจริงจะเป็นห้องโล่งๆ ที่ได้เพียงผนังฉาบเรียบสีขาว กับ Fully Fitted ตามมาตรฐานที่กล่าวมาข้างต้นเท่านั้นค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 34 ตารางเมตร เมื่อกด Private Lift ขึ้นมาที่ห้อง เปิดมาจะเจอส่วนครัวก่อนเลยนะคะ ตรงส่วนครัวจะมีประตู 2 ชั้น คือประตูที่เดินออกไปตรง Corridor และประตูที่เดินเข้าห้องด้านใน ทางโครงการให้เตาไฟฟ้าหน้าเซรามิกแบบสองหัว มาพร้อมเครื่องดูดควันของ Mex ผนังด้านในกรุกระเบื้องมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ข้อดีคือทำความสะอาดง่าย ฝั่งตรงข้ามลิฟท์จะเป็นชุดเคาน์เตอร์ครัว ลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น ทางโครงการบิลต์อินตู้ลอย พร้อมเว้นช่องสำหรับวางไมโครเวฟมาให้แล้วนะคะ ซึ่งตู้ด้านบนจะเป็นบานเปิดอีก 3 บาน และทุกบานมี Soft Close สำหรับอ่างล่างจานลูกบ้านจะได้แบบหลุมเดียวนะคะ แต่จะมีฝาเปิดปิดสีและลายเดียวกันกับท็อปเคาน์เตอร์มาให้ ข้อดีคือถ้าไม่ใช้งานก็สามารถปิดไว้เพื่อวางของเตรียมอาหารได้ด้วย ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย เปิดประตูด้านในส่วนพักผ่อนเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในทางซ้ายจะเป็นระเบียงค่ะ พื้นที่ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนนะคะ พื้นที่ปลายเตียงสามารถเลื่อนประตูมาเปิดปิดได้นะคะ ประตูบานเลื่อนจะแขวนบนรางด้านบน เป็นแบบบาน 4 ตอน เมื่อเลื่อนมาปิดก็จะให้ความรู้สึกเป็นส่วนตัวขึ้นมาทันที มุมนั่งเล่นจะถูกโอบล้อมด้วยประตูกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อน 3 ตอน สามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ ระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ ตรงระเบียงจะมีกระจกบานเลื่อนอีกชั้น ตามแบบฉบับของอนันดา ซึ่งข้อดีคือทำให้ลูกบ้านสามารถใช้พื้นที่ได้เต็มที่ ช่วยกันฝนได้ดี หรือสามารถจัดเป็นมุมนั่งเล่น จัดวางโต๊ะเก้าอี้ได้อีกด้วย ผนังฝั่งด้านข้างจะเป็นช่องวางคอมเพลสเซอร์แอร์ มีประตูเปิดปิดได้ด้วยค่ะ กลับเข้ามาภายในห้อง พื้นที่ติดคอนโซลทีวีจะเป็นมุมรับประทานอาหารนะคะ ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป สามารถวางโต๊ะกลางได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด ตรงข้ามมุมรับประทานอาหาร ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานมาให้แล้วนะคะ ด้านในตู้เก็บของจะแบ่งชั้นวางของออกเป็น 7 ชั้นเลยนะคะ ซึ่งสามารถเก็บของได้เยอะมาก แถมยังไม่รบกวนสายตาเนื่องจากมีหน้าบานเปิดปิดด้วยค่ะ มุมมองจากบริเวณห้องนอนกลับไปยังส่วนนั่งเล่นนะคะ ภายในห้องนอนทางขวาจะมีช่องหน้าต่างรับแสงอยู่ 1 บานเป็นบานกระทุ้งนะคะ ระยะด้านข้างมีที่เหลือพื้นที่วางโต๊ะหัวเตียงได้สบายๆ ทางโครงการจัดวางเก้าอี้นวมไว้เป็นตังอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถวางเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ ก็ยังได้ค่ะ พื้นที่อีกฝั่งหนึ่งของห้องนอน ด้านหน้าห้องน้ำ จะเป็นมุมแต่งตัวนะคะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ บริเวณตรงข้ามตู้เสื้อผ้ายังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะเครื่องแป้งได้สบายๆ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ตรงกลางจะเป็นชุดอ่างล้างมือ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ ด้านซ้ายมือเป็นนสุขภัณฑ์ ฝั่งด้านขวามือเป็นพื้นที่อาบน้ำ กั้นกลางด้วยกระจกใส ผนังภายในห้องน้ำกรุด้วยกระเบื้องลายหินอ่อนนะคะ พื้นที่ส่วนเปียกจะถูกลดระดับลงมาจากพื้นที่ส่วนแห้งอีกเสต็ปหนึ่ง เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ ภายในห้องน้ำ ชุดตู้ใต้อ่างล้างหน้า สามารถเลื่อนเปิดออกมาไว้เก็บของใช้งานทั่วไปด้วยนะคะ มุมมองจากหน้าห้องน้ำกลับเข้าไปในห้อง จะเห็นว่าห้องมีขนาดกำลังดีเลยนะคะ สามารถใช้งานพื้นที่ทุกส่วนได้อย่างคุ้มค่าทุกตารางเมตร   ปัจจุบันโครงการ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี สร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านทยอยเข้าอยู่กันแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย และอย่างที่กล่าวไปข้างต้นว่าห้องทุกยูนิตของโครงการจะขายแบบ Fully Fitted นะคะ ภายในห้องมาพร้อมลิฟท์ส่วนตัวทุกยูนิต และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อินตู้เก็บของ, ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว, สุขภัณฑ์ต่างๆ มาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ลูกบ้านแค่ตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องเสียสตางค์ซื้อเฟอร์นิเจอร์เพิ่มมากนัก และด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ใจกลางเมือง รายล้อมด้วยสาธารณูปโภคอย่างครบครัน ทั้งยังเดินทางสะดวกสบาย ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือซื้อไว้ลงทุนก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ ด้วยทำเลศักยภาพพร้อมพื้นที่ส่วนกลางจัดเต็มแบบนี้ ไม่ควรมองข้ามเลยจริงๆ ค่ะ   พิเศษ! โปรโมชั่นสำหรับคนที่สนใจโครงการ ไอดีโอ คิว สยาม-ราชเทวี สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ ANANDA HEART SALE โปรใจใจให้อยู่เลย ได้ที่ https://goo.gl/zn8rG8 ฟรี! เฟอร์นิเจอร์ + ค่าใช้จ่ายวันโอนฯ* รับเงินคืน 200,000 บ.* Free iPhone X* ในราคาพิเศษเริ่มต้น 6.39 MB.*     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center โทร. 02-316-2222 หรือ www.ananda.co.th
“Condo U เกษตร-นวมินทร์” เชื่อมต่อชีวิตการทำงานและการพักผ่อนที่ลงตัว : รีวิวคอนโด

“Condo U เกษตร-นวมินทร์” เชื่อมต่อชีวิตการทำงานและการพักผ่อนที่ลงตัว : รีวิวคอนโด

โครงการ “Condo U เกษตร - นวมินทร์” เป็นโครงการล่าสุดจาก Grand Unity ที่สร้างเสร็จพร้อมโอน และสามารถย้ายเข้าอยู่ได้ในช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้แล้วนะคะ ซึ่ง “Condo U เกษตร - นวมินทร์” ตัวนี้มีการปรับเปลี่ยน Design ใหม่ทั้งหมด โดยเลือกใช้คอนเซปต์ อาคารสีขาวที่ดูสะอาดตา พร้อมเพิ่มการออกแบบฟังก์ชั่นการใช้งานที่สามารถตอบโจทย์การใช้สอยพื้นที่ได้อย่างสูงสุด บนทำเลที่เชื่อมไลฟ์สไตล์ทั้งชีวิตการทำงานและการพักผ่อนไว้อย่างลงตัว   ทำเล และการเดินทาง “Condo U เกษตร - นวมินทร์” ตั้งอยู่ริมถนนลาดปลาเค้าค่ะ ปักหมุดทำเลดีที่มีถนนหนทางเชื่อมโยงถึงหลายสาย สามารถเลือกเดินทางได้หลากหลายวิธีเลยทีเดียว เรามาดูถนนหนทางสายหลักๆ ที่เชื่อมกับถนนลาดปลาเค้ากันก่อนนะคะ ซึ่งมีถนน 3 สายด้วยกัน คือ ถนนรามอินทรา, ถนนเกษตร-นวมินทร์ และถนนผลาสินธุ์ การเดินทางด้วยรถส่วนตัวสะดวกมากๆ ค่ะ นอกจากจะสามารถเลือกใช้เส้นทางหลักๆ ที่ว่าแล้ว ถนนหลักทั้ง 3 สายยังเชื่อมต่อไปยังถนนพหลโยธิน, ถนนประดิษฐ์มนูธรรม, ถนนลาดพร้าว, ถนนวิภาวดีรังสิต รวมถึงยังอยู่ไม่ไกลจากด่านทางด่วนรามอินทรา-อาจณรงค์ และ ดอนเมืองโทลเวย์ด้วยนะคะ จะไปยังโซนไหนของกรุงเทพก็เลือกได้ตามสะดวกเลยค่ะ การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนก็มีความสะดวกไม่แพ้กันนะคะ ในอนาคตอันใกล้นี้ เราจะได้ใช้รถไฟฟ้า BTS สายสีเขียว ซึ่งเป็นส่วนต่อขยายแน่ๆ แล้ว โดยสถานีที่ใกล้ที่สุดคือ “สถานีศรีปทุม” จากสถานีนี้สามารถตัดเข้าถนนผลาสินธุ์มาที่ถนนลาดปลาเค้าได้เลยค่ะ หรืออีกทางเลือกคือ “สถานีวัดพระศรีมหาธาตุ” ความพิเศษคือ สถานีนี้จะ Interchange กับรถไฟฟ้าสายสีชมพูด้วย ถ้าในอนาคตรถไฟฟ้าสายสีชมพูก่อสร้างเสร็จเราก็สามารถนั่งมาลงที่ “สถานีลาดปลาเค้า” บริเวณปากซอยได้เลยค่ะ เพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้าไปอีกขั้น (ตามแผนการสร้าง คาดว่ารถไฟฟ้าจะแล้วเสร็จพร้อมใช้งานทั้ง 2 สายในช่วงปี 2563 ค่ะ) ในช่วงต้นรถไฟฟ้าสายสีเขียวน่าจะเป็นสายหลักที่เราจะได้ใช้กันอย่างจริงจังในเร็วๆ นี้แน่นอน นอกจากรถไฟฟ้าแล้ว ระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ก็มีให้เลือกใช้บริการเยอะทีเดียวค่ะ ทั้งรถเมล์ รถตู้ รถสองแถว แท็กซี่ มอเตอร์ไซค์รับจ้าง ก็มีให้เลือกใช้มากมาย จะเดินทางไปไหนมาไหนก็สะดวก และง่ายทุกทาง พูดถึงเรื่องการเดินทางกันไปแล้ว ทีนี้มาดูทำเลที่ตั้งกันบ้างค่ะ พื้นที่ในย่านลาดปลาเค้า-รามอินทราจัดว่ามีความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้ที่ไหนเลย ด้วยความเป็นย่านที่อยู่อาศัย ในทำเลที่ค่อนไปทางช่วงต้นๆ ของถนนรามอินทรา บริเวณนี้จึงน่าจับตามากๆ ยิ่งกำลังจะมีรถไฟฟ้าวิ่งผ่านตลอดแนวถนนแบบนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่สิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ จะทยอยกันวางแผนเปิดตัวในอีกไม่ช้า อย่างในปัจจุบันรอบๆ โครงการก็แวดล้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกไม่น้อยนะคะ บริเวณปากซอยลาดปลาเค้าเองก็มี Community Mall อย่าง “The Jas Ramintra” แถมใกล้ๆ โครงการก็มีร้านสะดวกซื้อ ร้านค้า ร้านอาหารเยอะเลย ในขณะที่บริเวณถนนรามอินทราก็มีทั้ง Central Plaza รามอินทรา, Foodland Supermarket, Big C Extra รามอินทรา, Ease Park, Villa Market หรือถ้าถัดออกไปอีกหน่อยยังมี Navamin City Avenue, The Walk, Crystal Park, Central Festival Eastville, CDC, ตลาดนัดหัวมุม, Major รัชโยธิน, Central ลาดพร้าว และ Union Mall ไม่ใช่มีเยอะแค่แหล่งช็อปปิ้ง สถานที่แฮงค์เอ้าท์เท่านั้นนะคะ สถานศึกษา สถานพยาบาล รวมถึงสถานที่ราชการก็มีไม่น้อยเลยค่ะ ลองไล่เรียงคร่าวๆ ก็มี มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยศรีปทุม, มหาวิทยาลัยเกริก, มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร, โรงเรียนสารวิทยา, โรงเรียนสาธิตเกษตรศาสตร์, โรงเรียนสตรีวิทยา 2, โรงพยาบาลเปาโล, โรงพยาบาลวิภาวดี, โรงพยาบาลเซนทรัลเยนเนอรัล แล้วยังมีสถานีตำรวจ, ศูนย์กีฬากองทัพบก และอีกมากมายจนบรรยายไม่หมดเลยค่ะ   เยี่ยมชมโครงการ โครงการ “Condo U เกษตร-นวมินทร์” เป็นคอนโด Low Rise 8 ชั้น แบ่งเป็นอาคารพักอาศัย 2 โครงการ และ 1 อาคาร Clubhouse ค่ะ อย่างที่บอกไปว่าทางโครงการเลือกใช้คอนเซปต์การออกแบบเน้นอาคารสีขาวสะอาดตาชวนฝัน บรรยากาศจึงดูโล่ง โปร่ง ในขณะที่ยังแฝงด้วยความเรียบแต่เก๋ ยิ่งในโซนของ Clubhouse บริเวณสระว่ายน้ำด้วยแล้ว ใครเห็นเป็นต้องถูกใจอย่างแน่นอนค่ะ ขณะเดียวกันตัวอาคารที่พักอาศัยยังคงเลือกใช้สีขาว ซึ่งไม่เคยเห็นโครงการไหนของ Grand Unity ใช้มาก่อนเลยค่ะ จึงไม่แปลกใจที่ทำไมโครงการนี้จึงโดดเด่นสะดุดตาที่สุดบนถนนลาดปลาเค้าในเวลานี้ เราเริ่มกันที่พื้นที่ของ Clubhouse ที่อยู่ในโซนด้านหน้าของโครงการก่อนนะคะ เน้นให้ความเป็นส่วนตัวเป็นพิเศษ มีแนวไม้พุ่มสูงเป็นกำแพงสีเขียวยาวตลอดแนว ซึ่งนอกจากจะเพิ่มความเป็นส่วนตัวระหว่างที่ใช้งานด้านในแล้ว ยังเป็นการเพิ่มพื้นที่สีเขียวสบายตาได้อีกด้วย มุมไฮไลท์ของ Clubhouse ต้องยกให้กับบริเวณสระว่ายน้ำค่ะ ซึ่งทางโครงการเลือกเป็นสระระบบน้ำเกลือขนาด 20 x 4.5 x 1.2 เมตร ตกแต่งด้วยหินขาวยาวไปถึงตัวอาคาร Clubhouse กันไปเลย ในขณะที่ภายใน Clubhouse ถูกออกแบบให้เป็นพื้นที่ Double Space ใช้กระจกสูงจรดเพดาน เปิดรับแสงธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ โดยภายใน Clubhouse จะมีทั้ง Fitness ที่ชั้น 2 ที่สามารถมองเห็นวิวทั้งสระว่ายน้ำ และแนวไม้พุ่มสีเขียวระหว่างออกกำลังกายไปด้วย ส่วนพื้นที่ชั้นล่างมีทั้ง Co-Working Space มุมนั่งเล่นหย่อนใจ รวมถึงห้องน้ำแยกชาย-หญิงเรียบร้อย บรรยากาศโดยรวมโอ่อ่า สบายตา และผ่อนคลาย จัดว่าเป็นพื้นที่ที่เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริงค่ะ ในส่วนของอาคารพักอาศัยจะมียูนิตรวมทั้งหมด 444 ยูนิตค่ะ โดยแบ่งเป็นอาคารละ 222 ยูนิต ซึ่งผังของอาคาร A และอาคาร B แทบจะไม่ต่างกันเลยค่ะ พื้นที่บริเวณชั้นล่างจะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดค่ะ ก็จะมีทั้งที่จอดในร่ม และที่จอดบริเวณหน้าอาคาร รวมซ้อนคันแล้วก็จะสามารถรองรับได้ถึง 217 คันเลยทีเดียว ดังนั้นพื้นที่พักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไป แต่ละอาคารมีลิฟท์โดยสาร 2 ตัว เป็นแบบล็อคชั้นนะคะ เพื่อความปลอดภัยและความเป็นส่วนตัวของลูกบ้านค่ะ     เปิดห้องตัวอย่าง โครงการ Condo U เกษตร-นวมินทร์ ก็มีแบบห้องให้เลือกด้วยกัน 3 Type ค่ะ เริ่มต้นที่ขนาด 26 ตร.ม., 30 ตร.ม. และ 38 ตร.ม. ที่ห้องเป็นแบบ Fully Fitted นะคะ ซึ่งห้องตัวอย่างที่เราจะได้ชมกันในครั้งนี้ มีด้วยกัน 2 แบบค่ะ นั่นคือ ห้อง Semi 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. และห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ช่วงนี้ทางโครงการกำลังมีโปรโมชั่นพิเศษ “ตัดภาระทางการเงิน” ผ่อนเพียง 899 บาท/เดือน นาน 2 ปี* กับราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท แถมยังได้ห้องแต่งเฟอร์นิเจอร์ครบไปเลยด้วย** หรือถ้าหากไม่อยากได้เฟอร์นิเจอร์ที่ทางโครงการจัดไว้ ก็สามารถแลกรับเป็นส่วนลดแทนได้ เพียงแค่ลงทะเบียนล่วงหน้าที่ https://goo.gl/jrVA2R อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Fitted เลยนะคะ ดังนั้นในห้องมาตรฐานก็จะมี ตู้วางรองเท้า, ตู้เก็บของพร้อมเคาน์เตอร์ครัว, เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน, เครื่องปรับอากาศ, ผ้าม่าน และ Digital Door Lock มาเหมือนกันเกือบทุกรายการค่ะ ต่างกันก็แค่จำนวนเครื่องปรับอากาศกับขนาด BTU ในห้องแต่ละ Type เท่านั้น แต่สำหรับโปรโมชั่นพิเศษ จะมีเฟอร์นิเจอร์จาก Chic Republic เพิ่มเติมมาให้อีกหลายรายการเหมือนกันค่ะ เรียกว่าแทบจะหิ้วกระเป๋าเข้ามาอยู่ได้ทันทีเลย ซึ่งในแต่ละห้องจะมีเฟอร์นิเจอร์อะไรเพิ่มเติมบ้าง เดี๋ยวตามไปดูกันทีละห้องเลยดีกว่า สำหรับห้องตัวอย่างแรก คือ “Semi 1 Bedroom” ขนาด 26 ตร.ม. จากผังห้องจะเห็นว่าถูกออกแบบมาให้มีพื้นที่ใช้สอยลงตัวเลยทีเดียว พื้นที่ของห้องนอนจะเชื่อมต่อกับพื้นที่นั่งเล่นค่ะ แต่ยังคงมีพื้นที่มากพอสำหรับการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ให้ตอบโจทย์การใช้งาน ขณะที่ครัวที่ให้ก็เป็นครัวปิด มีประตูบานเลื่อนติดตั้งมาพร้อมเลยเช่นกัน ทำให้สามารถใช้งานประกอบอาหารได้จริงจังโดยไม่ต้องกลัวเรื่องกลิ่นรบกวน ที่พิเศษก็คือ กระจกในบริเวณห้องนอนทางโครงการเลือกใช้กระจกเข้ามุม ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้น ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ห้องมุม แถมยังทำให้เปิดรับวิวและแสงธรรมชาติได้มากขึ้นด้วยค่ะ ภายในห้องตัวอย่างที่เห็นจะตกแต่งไว้ให้เป็นไอเดียนะคะ ซึ่งจัดไว้ได้สวยและเป็นสัดส่วนมากๆ ใครที่ชอบสไตล์แมนๆ หน่อย อาจจะถูกใจกับการตกแต่งสไตล์นี้ค่ะ เพราะเน้นโทนสีเข้ม แต่ยังคงเน้นความเรียบง่ายไว้เป็นอย่างดี ห้องตัวอย่าง Semi 1 Bedroom ขนาด 26 ตร.ม. เปิดประตูเข้ามาแล้วจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยนะคะ โครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งมาให้ดูเป็นตัวอย่าง พร้อมโต๊ะกลางสำหรับวางของ ด้านข้างโซฟายังมีพื้นที่เหลือพอให้ตู้เก็บของ หรือจะวางโต๊ะทานอาหารก็ยังได้เลยนะคะ ด้านชั้นวางทีวีเป็นชั้นวางขนาดกระทัดรัด อยู่ติดกับตู้วางรองเท้าที่โครงการ Built-in มาให้ มองย้อนกลับไปที่ Living Area จะเห็นว่าระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟา ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นพื้นที่ของห้องนอน ภายในห้องนอนโครงการวางเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้ดูเป็นตัวอย่าง อยู่ติดกับหน้าต่างบานใหญ่ ช่วยให้ห้องดูโปร่งโล่งสบาย ด้านปลายเตียงยังมีพื้นที่เหลือพอให้เลือกว่าตู้เสื้อผ้าและชั้นวางของได้อีกด้วย ข้ามเข้าไปด้านในอีกด้าน จะเป็นพื้นที่ของห้องน้ำและห้องครัว เข้ามาแล้วจะเจอเคาน์เตอร์ครัวที่โครงการจัดมาให้เรียบร้อย เครื่องใช้ไฟฟ้าจะได้เตาไฟฟ้าพร้อมกับฮูดดูดควัน ระเบียงจะอยู่เชื่อมต่อกับส่วนครัวเลยนะคะ เพื่อช่วยให้ระบายกลิ่นอาหารได้อย่างสะดวก พื้นที่ระเบียงกว้างประมาณ 1 เมตร สามารถวางเครื่องซักผ้าไว้ที่ระเบียงได้นะคะ เพราะโครงการเตรียมปลั๊กไว้ให้เรียบร้อย ข้ามมาอีกด้านจะเป็นห้องน้ำ สุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard Shower Box มีฉากกั้นมาให้เรียบร้อย รูปในส่วนต่อไปนี้จะเป็นห้องมาตรฐานที่จัดโปรโมชั่นมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์จาก Chic Republic ค่ะ ซึ่งจะมีรายละเอียดแจ้งไว้ให้เห็นชัดเจน ส่วนใหญ่จะเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัวนะคะ ถ้าไม่ชอบก็สามารถแลกเป็นส่วนลดค่าห้องแทนได้ค่ะ รายละเอียดโปรโมชั่นเฟอร์นิเจอร์จาก Chic Republic ที่โครงการจัดมาให้เลือกนะคะ ซึ่งจะประกอบไปด้วย โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง, ชั้นวางทีวี, โต๊ะข้าง, ตู้ข้างเตียง, ตู้เสื้อผ้า Built-in, โต๊ะทำงาน และเตียงนอนขนาด 5 ฟุต เรามาดูกันค่ะ ว่าเฟอร์นิเจอร์ที่มากับโปรโมชั่น หน้าตาจะเป็นยังไงกันบ้าง เริ่มจากโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ชั้นวางทีวี เตียงนอนขนาด 5 ฟุตและตู้ข้างเตียง ด้านปลายเตียงก็จะมีตู้เสื้อผ้า Built-in และโต๊ะทำงาน วางอยู่ข้างๆ กัน เคาน์เตอร์ครัวพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า   ห้องตัวอย่างห้องต่อไปเป็นห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตร.ม. ค่ะ พื้นที่ใช้สอยภายในห้องเพิ่มขึ้น การจัดวาง Layout ห้องก็ดูเป็นสัดส่วนชัดเจนขึ้นเช่นกันค่ะ พื้นที่บริเวณห้องนอนจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนสูงจากพื้นจรดฝ้าเลยค่ะ ทำให้ห้องนอนยังคงความรู้สึกโปร่งสบาย ไม่อึดอัด แถมยังเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นหากมีเพื่อนมาเยี่ยมที่ห้อง ก็สามารถเลื่อนปิดประตูห้องนอนได้ พื้นที่ครัวยังคงเป็นครัวปิดเหมือนเดิมนะคะ อยู่ติดกับระเบียงด้วยทำให้การระบายกลิ่นระหว่างทำอาหารเป็นเรื่องง่ายเลยค่ะ สำหรับห้องตัวอย่างของ Type นี้ ตกแต่งไว้อย่างหรูหรา ออกแนวหวานๆ หน่อย จะเห็นได้ว่าพื้นที่บริเวณห้องนั่งเล่นกว้างขวาง สามารถจัดพื้นที่ใช้สอยได้อย่างเต็มที่เลยค่ะ มีมุมสำหรับงานอดิเรก มุมพักผ่อนดูทีวี เป็นสัดส่วนน่าอยู่ ในขณะที่พื้นที่ในห้องนอนก็กว้างมากพอสำหรับวางเตียง 6 ฟุตได้สบายๆ พร้อมกับกระจกภายในห้องเป็นแบบเข้ามุม เปิดรับวิวและแสงธรรมชาติได้เต็มที่ พื้นที่ห้องครัวเป็นครัวปิด มีประตูกระจกบานเลื่อนติดตั้งมาเรียบร้อย เคาน์เตอร์ครัวก็ขนาดพอเหมาะพร้อมใช้งานได้อย่างจริงจังค่ะ พอหันกลับไปดูพื้นที่ของห้องน้ำ และระเบียง ก็ถือว่ากว้างมากพอสมควรเลยค่ะ สามารถใช้งานได้จริงโดยไม่รู้สึกอึดอัดเลย ห้อง 1 Bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร เข้ามาในห้องแล้วจะเจอส่วน Living Area อยู่ด้านหน้าห้องก่อนเหมือนเดิมนะคะ โครงการวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง อยู่ติดกับโต๊ะทานอาหารมาให้ดูเป็นตัวอย่าง ฝั่งตรงข้ามโครงการวางชั้นวางทีวีลงล็อกพอดี ตู้วางรองเท้า Built-in อยู่ด้านหน้าประตู ติดกับชั้นวางทีวี ระยะห่างระหว่างทีวีกับโซฟาถือว่าห่างพอสมควรนะคะ ต่อเข้าไปด้านในจะเป็นส่วนของห้องนอน ระหว่างห้องนอนกับ Living Area จะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน 3 ตอน พื้นที่ในห้องนอนถือว่ากว้างขวางเลยนะคะ สามารถเลือกวางเตียงขนาด 5-6 ฟุต ได้สบายๆ ด้านปลายเตียงเป็นจุดวางตู้เสื้อผ้าและชั้นวางทีวีหรือจะเลือกวางเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ ก็ได้นะคะ มุมมองจากห้องนอนย้อนกลับไปที่ Living Area ถัดจากห้องนอนเข้าไปอีกด้านจะเป็นส่วนของห้องครัวและห้องน้ำ เคาน์เตอร์ครัวก็จะคล้ายๆ กับห้อง Type แรกที่เราดูกันมาแล้วนะคะ มาพร้อมกับเครื่องใช้ไฟฟ้า ระเบียงจะอยู่เชื่อมต่อกับส่วนครัวเพื่อช่วยระบายกลิ่นอาหาร กลับมาอีกด้านจะเป็นห้องน้ำนะคะ ซึ่งขนาดจะใหญ่กว่าห้อง Type 26 ตารางเมตรนิดหน่อย สุขภัณฑ์ในห้องน้ำจะใช้ของ American Standard Shower Box มีฉากกั้นอาบน้ำมาให้เรียบร้อย ห้องมาตรฐานของ 1 Bedroom 30 ตร.ม. จะมีเฟอร์นิเจอร์ Built in มาตามแบบห้อง Fully Fitted ส่วนหนึ่งแล้ว และเพิ่มโปรโมชั่นเฟอร์นิเจอร์จาก Chic Republic อีกหลายชิ้นตามรายละเอียดที่แจ้งไว้เลยค่ะ ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง โซฟา ฯลฯ ซึ่งน่าจะถูกใจบ้างไม่มากก็น้อยนะคะ รายละเอียดเฟอร์นิเจอร์ของ Chic Republic ที่มากับโปรโมชั่น จะประกอบไปด้วยชุดโต๊ะทานอาหารและเก้าอี้ 2 ตัว, โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง, ชั้นวางทีวี, โต๊ะทำงาน, ตู้ข้างเตียง และเตียงนอนขนาด 5 ฟุต โซฟาขนาด 2 ที่นั่ง ชั้นวางทีวี เตียงนอนขนาด 5 ฟุต โต๊ะทำงาน เคาน์เตอร์ครัวพร้อมเครื่องใช้ไฟฟ้า โครงการ Condo U เกษตร-นวมินทร์ ถือว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจมากๆ บนทำเลย่านลาดปลาเค้า-รามอินทรา เพราะทาง Grand Unity ตั้งใจออกแบบมาอย่างดี ทั้งในเรื่องของ Design การเลือกใช้สี การออกแบบพื้นที่ใช้สอยภายในห้องพัก ตัวอาคาร และพื้นที่ส่วนกลาง Facility หลักๆ ก็ครบถ้วน แถมยังน่าใช้งานมากๆ ยิ่งเมื่อเห็นราคาเริ่มต้นเพียง 1.99 ล้านบาท เทียบกับสิ่งที่ได้แล้ว ต้องบอกว่าคุ้มค่า คุ้มราคา น่าจับจองเป็นเจ้าของมากค่ะ ในส่วนของทำเลที่ตั้ง ก็ถือว่าเดินทางได้ง่ายและสะดวก เลือกได้หลากหลายวิธี และหลายเส้นทาง ยิ่งถ้าหากรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย) และสายสีชมพูสร้างเสร็จพร้อมใช้งานเมื่อไหร่ การเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนก็จะคล่องตัวยิ่งกว่าเดิมอีก ซึ่งการมาของรถไฟฟ้าทั้ง 2 สาย ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับโครงการ ทำให้ความเจริญต่างๆ และสิ่งอำนวยความสะดวกรอบๆ โครงการเพียบพร้อมมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับการอยู่อาศัย หรือแม้กระทั่งจะซื้อไว้ลงทุน จะขายต่อหรือปล่อยเช่า ก็เชื่อว่าน่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ เพราะพื้นที่บริเวณนี้ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองได้ค่อนข้างดี มีแหล่งช็อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ สถานที่แฮงค์เอาท์มากมายเลย ใครที่กำลังมองคอนโดดีๆ ในย่านลาดปลาเค้า-รามอินทรา โครงการ Condo U เกษตร-นวมินทร์ น่าจะตอบโจทย์ได้ในหลายๆ ด้านเลยค่ะ ยังไงลองแวะไปชมห้องตัวอย่างและบรรยากาศจริงกันก่อนได้ เพราะปัจจุบันตัวโครงการสร้างเสร็จ เตรียมให้ลูกบ้านโอนกรรมสิทธิ์ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนนี้แล้วค่ะ ดังนั้นเราจะได้เห็นสภาพห้องจริง บรรยากาศจริงแบบไม่ต้องมโน.... หรือจะลงทะเบียนรับโปรโมชั่นพิเศษก็คลิกเลย https://goo.gl/jrVA2R
THE ESSE SUKHUMVIT 36 ที่สุดของคอนโดหรูใจกลางเมือง…เพื่อชีวิตที่เพียบพร้อมกว่า : รีวิวคอนโด

THE ESSE SUKHUMVIT 36 ที่สุดของคอนโดหรูใจกลางเมือง…เพื่อชีวิตที่เพียบพร้อมกว่า : รีวิวคอนโด

หากถามคนเมืองทั่วไปว่าอยากใช้ชีวิตอยู่ย่านไหน? เรามั่นใจว่า สุขุมวิท,ทองหล่อ, พร้อมพงษ์ คือตัวเลือกของคำตอบอันดับต้นๆ ของชาวไทยและต่างชาติแน่นอนค่ะ เพราะอย่างที่ทราบกันดีว่า ‘สุขุมวิท’ เป็นถนนสายเศรษฐกิจรวมถึงแหล่งไลฟ์สไตล์ที่ไม่เคยหลับใหลตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน เพราะมีทั้งคาเฟ่, ร้านอาหารเก๋ๆ, คลับบาร์มากมาย นอกจากนี้ยังมีคอนโดมิเนียมระดับ Luxury อยู่เป็นจำนวนมากทั้งโครงการที่สร้างเสร็จแล้ว และโครงการใหม่ที่น่าจับตาและกำลังเตรียมเปิดตัวอย่าง “THE ESSE SUKHUMVIT 36 (ดิ เอส สุขุมวิท 36)” ของ SINGHA ESTATE โดยจับมือกับ Hongkong Land ผู้นำโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับโลก ร่วมกันพัฒนาจนเกิดเป็นคอนโดมิเนียมหรูบนทำเลศักยภาพใจกลางสุขุมวิท อยู่ติดรถไฟฟ้าสถานีทองหล่อเพียง 20 เมตรเท่านั้น ซึ่งเราจะพาทุกคนไปชมห้องตัวอย่างก่อนใครในวันนี้   ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า “THE ESSE SUKHUMVIT 36 (ดิ เอส สุขุมวิท 36)” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ปากซอยสุขุมวิท 36 ซึ่งเป็นซอยเลขคู่และเป็นย่านอยู่อาศัยซะส่วนใหญ่เพราะมีทั้งบ้านเรือนรวมถึงคอนโดฯ ทั้ง High Rise และ Low Rise อยู่หลายโครงการ โดยปกติราคาคอนโดฯ ในโซนนี้จะค่อนข้างสูงและมักโฆษณาว่าอยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ ดิ เอส สุขุมวิท 36 นับว่าเป็นโครงการเดียวที่อยู่ติด BTS ทองหล่อ มากที่สุดในตอนนี้ค่ะ การเดินทางของคนใช้รถยนต์ก็ถือว่าสะดวกและคล่องตัวอยู่พอตัวเลยนะคะ เพราะอย่างที่บอกไปว่าโครงการตั้งอยู่บริเวณปากซอยสุขุมวิท 36 ซึ่งเป็นซอยที่ใช้วิ่งไปออกถนนพระราม 4 ได้  และภายในซอยเองยังสามารถลัดเลาะไปออกซอยสุขุมวิท 38 และซอยสุขุมวิท 40 ได้อีกด้วยซึ่งก็ช่วยหลีกเลี่ยงการจราจรในชั่วโมงคับคั่งได้เป็นอย่างดี ส่วนฝั่งตรงข้ามอย่างซอยทองหล่อ (สุขุมวิท 55) และซอยเอกมัย (สุขุมวิท 63) นั้นก็สามารถใช้เชื่อมไปออกถนนเพชรบุรีได้ การเดินทางเข้านอกออกเมืองจึงจัดว่าสะดวกสบายเพราะสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย ไม่ว่าจะใช้ถนนพระราม 4 วิ่งไปออกสีลมและสามย่าน หรือใช้ถนนสุขุมวิทวิ่งไปออกเพลินจิต, ชิดลม, สยาม และใช้ถนนเพชรบุรีวิ่งไปออกทางพญาไทได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีจุดขึ้นลงทางด่วนกระจายอยู่รอบๆ โครงการ ทั้งทางด่วนแถวอโศก, เพลินจิต, พระราม 4 เป็นต้น สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ บอกได้คำเดียวว่าสะดวกที่สุดค่ะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ทำให้มีรถเมล์, รถแท็กซี่ รวมถึงวินมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด ที่สำคัญคืออยู่ติด BTS สถานีทองหล่อ (ทางออก 2) เดินประมาณ 20 เมตรเท่านั้น เรียกได้ว่าอยู่ในระยะที่เดินได้สบายๆ ซึ่งถ้าใครอยากจะเข้าเมืองไปช็อปปิ้งเพลินๆ ก็สามารถใช้ BTS จากสถานีทองหล่อนั่งรถไปสถานีเดียวก็จะถึงสถานีพร้อมพงษ์ซึ่งมีห้าง Emporium, Emquartier และในอนาคตก็จะมี Emsphere อยู่ฝั่งเดียวกับ Emporium ติดกับสวนเบญจสิริอีก หรือถัดจากสถานีพร้อมพงษ์ไปก็จะเป็นสถานีอโศก ซึ่งเป็นจุดเชื่อมกับ MRT สถานีนี้จะมี Terminal 21 อยู่ด้วย ถัดจากอโศกข้ามมานานา, เพลินจิต ก็จะเข้าสู่ชิดลมและสยามตามลำดับ ซึ่งความสะดวกจะอยู่ตรงที่การเดินทางเข้าเมืองอย่างเพลินจิต-สยาม เพราะสามารถนั่ง BTS ไปได้โดยไม่ต้องเปลี่ยนสถานีให้เสียเวลาเลยค่ะ ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้าการเดินทางเลย ด้วยความที่เป็นย่านที่พักอาศัยจึงค่อนข้างอุดมสมบูรณ์เพราะในซอยสุขุมวิท 38 จะมีร้านอาหาร Street food รวมไปจนถึงร้านค้าต่างๆ ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยตลอดเช้ายันค่ำ หรือขยับข้ามฝั่งไปซอยทองหล่อ, ซอยเอกมัยก็มีแหล่งไลฟ์สไตล์ สถานที่ช็อปปิ้ง ร้านแฮงก์เอ้าท์ รวมไปจนถึงสถานศึกษาและโรงพยาบาลมากมาย ซึ่งเหมาะสำหรับชีวิตคนเมืองที่แท้จริง เริ่มต้นการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีทองหล่อค่ะ ซึ่งทางไปคอนโดฯ จะอยู่ที่ทางออก 2 นะคะ เมื่อเดินบันไดลงมาก็หมุนตัวกลับเพื่อเดินย้อนไปปากซอยสุขุมวิท 36 ค่ะ จากภาพจะเห็นได้ว่าข้างทางมีรถประจำทางคอยวิ่งผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอดเลยค่ะ ใครใช้รถสาธารณะเป็นหลักก็คงสะดวกมากๆ เดินมาเพียงไม่กี่ก้าวก็เห็นป้ายโครงการแล้วค่ะ มาถึงโครงการแล้วค่ะ จะเห็นได้ว่าด้านหน้าโครงการมีลิฟท์โดยสารเพื่อขึ้นไป BTS ได้เลย แต่ถ้าใครไม่อยากขึ้นลิฟท์ก็สามารถเดินเท้าได้สบายๆ เพียง 20 เมตรเท่านั้น เจาะลึกโครงการ   โครงการ THE ESSE SUKHUMVIT 36 เป็นคอนโด High Rise สูง 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 338 ยูนิต บนที่ดิน 2-2-0 ไร่ ด้วยขนาดห้องชุดตั้งแต่ 38.5 – 252 ตารางเมตร โดยทาง SINGHA ESTATE ต้องการความเป็น Masterpiece และ Iconic Residential บนถนนสุขุมวิท เหมือนกับ 2 โครงการที่ผ่านมาอย่าง THE ESSE Asoke และ THE ESSE at SINGHA COMPLEX ครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการรวมตัวของเหล่าดีไซเนอร์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อความเป็นที่สุดของโครงการระดับ Luxury ซึ่งได้ Tandem บริษัทออกแบบสัญชาติไทยมาทำงานร่วมกับบริษัทสถาปนิกระดับโลกอย่าง “SOM” Skidmore, Owings and Merrill (Thailand) Co. Ltd. เข้ามาเป็นที่ปรึกษาการออกแบบหลัก โดยออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ ด้วยการหลอมรวมความแตกต่างระหว่างสถาปัตยกรรมแบบภูมิปัญญาไทยกับการออกแบบที่เป็นสากล ไปสู่ความเป็น Iconic ของตัวโครงการ ซึ่งวางคอนโดขนานไปกับซอยสุขุมวิท 36 และดันอาคารร่นเข้าไปด้านในเพื่อหลบหลีกเพื่อนบ้านอย่าง Noble remix ไม่ให้มาบล็อกวิวใดๆ ทำให้มั่นใจได้เลยว่าผู้อยู่อาศัยจะได้วิวที่สวยงามและเป็นส่วนตัว ในส่วนงานออกแบบ Landscape ก็ได้บริษัท Shma เข้ามาดูแล ส่วนงาน Interior นั้นทางโครงการให้บริษัท dwp ผู้มีชื่อเสียงด้านการออกแบบและมีประสบการณ์กับโครงการระดับหรูทั้งในประเทศและต่างประเทศมาเป็นผู้ดูแลค่ะ ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดเต็มแบบสุดๆ เรียกว่าครบครันมากทีเดียวค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัว เริ่มจากชั้น 1 เป็นพื้นที่ของล็อบบี้, ตู้จดหมายและห้องเก็บของ, ซังเคน ลอว์น ที่เปรียบเสมือนสวนหน้าบ้าน และที่จอดรถซึ่งสามารถจอดได้มากถึง 100% (รวมจอดซ้อนคัน) สำหรับ Facility บนอาคารจะเริ่มที่ชั้น 7-8 และ 41-43 และดาดฟ้า ประกอบด้วย วอเตอร์ การ์เด้น, สระว่ายน้ำพร้อมสระเด็ก, ห้องสปา, ฮอริซอน ออนเซ็น, ห้องสำหรับเด็ก, ห้องอบไอน้ำ, ฟิตเนส, เวอร์ชัวร์ ไบค์, กอล์ฟ ซิมูเลเตอร์, สกาย เลาจน์ พื้นที่อเนกประสงค์, เดอะ เรสซิเดนซ์ เลาจน์ พื้นที่สำหรับจัดเลี้ยง, สกาย เทียเตอร์ ห้องชมภาพยนตร์ส่วนตัว, บาร์บีคิว เดค และที่ขาดไม่ได้เลยคือ ไรซ์ ฟิล์ด การ์เด้น ชั้น 41 และรูฟ ออชาร์ด บริเวณชั้น 43 และชั้นดาดฟ้า ที่ทางโครงการนำความเขียวขจีของธรรมชาติเข้าไปใส่ไว้ ให้ความรู้สึกเหมือนชานบ้านเรือนไทยที่มีทุ่งนา ภูเขา สวนบัว นาขั้นบันได และสวนผักรายล้อมอยู่รอบๆ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และยังมีบริการ Wifi ที่บริเวณพื้นที่ส่วนกลางทุกชั้นอีกด้วย โมเดลจำลองภาพรวมโครงการ THE ESSE SUKHUMVIT 36 จากโมเดลจำลองจะเห็นชัดเลยนะคะว่าตัวโครงการอยู่ติดสถานีทองหล่อ ซึ่งห่างเพียง 20 เมตรเท่านั้น แปลนพื้นที่ชั้นล่างสุด แบ่งออกเป็นสวนด้านหน้า, ที่จอดรถ และบริเวณล็อบบี้ ตัวคอนโดขนานไปกับซอยสุขุมวิท 36 และดันอาคารร่นเข้าไปด้านในเพื่อหลบหลีกเพื่อนบ้านข้างๆ อย่าง Noble remix ไม่ให้มาบล็อกวิวลูกบ้าน ด้านข้างมีฟุตบาททางเดินสำหรับเข้า-ออก เพื่อแยกทางเดินของลูกบ้านออกจากทางเข้า-ออกรถให้ชัดเจน ทำให้การเดินเข้าออกโครงการมีความปลอดภัยดี รถยนต์จะผ่านเข้าออกด้วยระบบ Keycard Access เมื่อเข้ามาในโครงการแล้ว รถยนต์จะมีเส้นทางที่ตรงไปด้านในสำหรับเข้าไปจอดรถในอาคาร พื้นที่ด้านหน้าถูกออกแบบให้เป็น ซังเคน ลอว์น ในลักษณะของสวนแบบขั้นบันได ที่นำไปสู่ Hidden Pavilion เป็นพื้นที่สีเขียวที่ถูกลดระดับลงจากพื้นด้านหน้าโครงการ ทำให้เกิดความเป็นส่วนตัวในเวลาที่มาใช้งาน ภาพจำลองบรรยากาศภายใน Lobby มีรายละเอียดการตกแต่งและการเลือกใช้วัสดุที่หรูหราที่ผสมความเป็นไทยและสากลเข้าไว้ด้วยกัน ภาพจำลองบรรยากาศภายใน LIBRARY มีรายละเอียดการตกแต่งและการเลือกใช้วัสดุคล้ายๆ กับส่วน Lobby ของโครงการ แปลนของพื้นที่ชั้น 7 นะคะ ซึ่งจะชั้นรวม Facilities ส่วนกลางที่จัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่จอดรถชั้น 1-6 สระว่ายน้ำเป็นแบบ Sky Infinity pool อยู่ที่ชั้น 7 ของอาคาร วิวหันไปทางถนนสุขุมวิท โดยไม่มีอะไรบดบังสายตาเลยค่ะ ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง KID'S ROOM รองรับสมาชิกตัวน้อยในครอบครัวของลูกบ้าน ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง ONSEN ซึ่งแบ่งแยกห้องชายและหญิง ทั้งยังมาพร้อมสระ 2 สระเพื่อเติมเต็มความผ่อนคลายของลูกบ้าน แปลนของพื้นที่ชั้น 8 นะคะ ซึ่งจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางต่อเนื่องมาจากชั้น 7 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้องฟิตเนส ห้อมล้อมด้วยกระจกใสทำให้เห็นวิวเมืองได้รอบอาคารทั้ง 3 ด้าน แปลนของพื้นที่ชั้น 9 นะคะ ซึ่งจะเริ่มเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไป แปลนพื้นที่ส่วนกลางชั้น 41 นะคะ แปลนพื้นที่ส่วนกลางชั้น 42 นะคะ แปลนพื้นที่ส่วนกลางชั้น 43 นะคะ ภาพรวม Facilities ส่วนกลางที่จัดไว้ชั้นบนของอาคาร ชั้น 41-43 ซึ่งนอกจากจะได้ใช้งานพื้นที่ส่วนกลางแล้ว ยังได้รับวิวเมืองโดยรอบในมุมสูงอีกด้วย ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง SKY LOUNGE เป็น Double Space โล่งได้วิวเมืองเต็มสายตา ภาพจำลองบรรยากาศในส่วนของ PRIVATE DINING พื้นที่ส่วนกลางที่ลูกบ้านสามารถขอใช้งานจัดปาร์ตี้เล็กๆ ได้ โดยจะมีไอส์แลนด์ และโต๊ะทานอาหารไว้ให้บริการ ภาพจำลองบรรยากาศในห้อง SKY THEATRE ภาพจำลองมุมสูงบริเวณชั้น 41-43 เป็นลักษณะของ Sky Terrace แบบ Open Air การออกแบบจึงใช้ Slope ไล่ระดับลงไป ซึ่งพื้นที่ทั้ง 3 ชั้นนี้นอกจากจะเป็นพื้นที่ชมวิวของโครงการแล้ว ยังช่วยพื้นที่สีเขียวที่ลดความร้อนให้แก่ชั้นพักอาศัยได้ด้วย เปิดห้องตัวอย่าง   แบบห้องของ THE ESSE SUKHUMVIT 36  ที่เราจะพาไปชมมีด้วยกัน 3 แบบ ทุกยูนิตขายแบบ Fully Fitted มาพร้อมวัสดุและสุขภัณฑ์คุณภาพซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชุดครัวพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, Walk-in Closet, เฟอร์นิเจอร์ Built-in รวมถึงผ้าม่านและวอลเปเปอร์ที่ออกแบบร่วมกับ Jim Thompson เพื่อลูกบ้านของโครงการโดยเฉพาะ อีกหนึ่งความพิเศษคือผนังบริเวณคอนโซลทีวีในห้องนั่งเล่นทุกยูนิตจะตกแต่งด้วยหินแท้ ซึ่งสีและลวดลายของหินนั้นจะแตกต่างกันไปตามแต่ละไทป์ และด้วยความใส่ใจในทุกรายละเอียดที่ต้องการให้ลูกบ้านทุกยูนิตได้รับความสะดวกสบายอย่างเต็มที่ ทางโครงการจึงเพิ่ม Application ให้ลูกบ้านทุกยูนิตสามารถควบคุมไฟ เครื่องปรับอากาศ รวมถึงผ้าม่านผ่าน Smart Phone ได้ทุกที่ทุกเวลา เพื่อคุณภาพชีวิตที่สมบูรณ์แบบที่คุณเลือกและควบคุมได้ ไม่รอช้า..เรามาเปิดประตูห้องตัวอย่างเริ่มต้นกันด้วยห้อง 1 Bedroom ขนาด 38.50 ตร.ม. กันเลยดีกว่าค่ะ ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่นจริงๆ ค่ะ ทั้งห้องนอน, Walk-in Closet, ห้องน้ำ, ห้องนั่งเล่น และห้องครัวที่จัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน พร้อมแบ่งมุมรับประทานอาหารไว้อีกด้วย แปลนห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom Type 1A-1 ขนาด 38.50 ตารางเมตร หน้าประตูติดตั้ง Digital Door Lock มาให้แล้วนะคะ เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวก่อนเลยค่ะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นตัวแอล (L) มาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน และอ่างล้างจาน 1 หลุม Top Counter วัสดุจะเป็น Composite Quartz ที่เป็นลายต่อเนื่องกันเหมือนในห้องตัวอย่างเลยนะคะ เวลาปรุงอาหารแล้วกระเด็นก็สามารถเช็ดทำความสะอาดได้ง่าย ทางโครงการบิลต์มุมรับประทานอาหารสำหรับ 2 ที่นั่ง ติดกับส่วนเคาน์เตอร์มาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ซึ่งลูกบ้านไม่จำเป็นต้องซื้อโต๊ะเพิ่มเลย ถัดมาในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นมีการจัดวางชุดโซฟาขนาด 2 ที่นั่งเอาไว้ ทางโครงการ Built-in ตู้เก็บเครื่องซักผ้าพร้อมปลั๊กไฟมาให้ติดกับประตูห้องนอนเลยนะคะ หน้าบานเป็นบานกระจกแบบ Coated Glass Panel with Aluminium Edge ทำให้ได้ความเงาของกระจกด้านหน้าที่ช่วยเพิ่มความหรูหรา แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นสิ่งของด้านใน ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป สามารถวางโต๊ะกลางได้โดยไม่รู้สึกอึดอัด มุมนั่งเล่นจะถูกโอบล้อมด้วยประตูกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง สามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ ระเบียงมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ ซึ่งพื้นถูกลดระดับลงไปจากพื้นภายในห้องพักอาศัยเล็กน้อยเพื่อป้องกันน้ำจากระเบียงไหลเข้ามาในห้องพักค่ะ นอกจากการออกแบบที่สวยงามแล้ว ทางโครงการยังตกแต่งผนังด้านหลังคอนโซลทีวัด้วยวัสดุหินอ่อนนำเข้าให้ทุกยูนิตด้วยค่ะ ซึ่งพื้นที่ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นส่วนของห้องนอนและห้องน้ำนะคะ ภายในห้องนอนได้รับการออกแบบให้ดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ผนังด้านหลังเตียงเป็นเพียงการตกแต่งนะคะ ห้องจริงจะได้เป็น Wallpaper เท่านั้น พื้นที่รอบเตียงสามารถเดินได้โดยรอบเลยนะคะ พื้นเป็น Engineering Wood สี Dark Brown ลายก้างปลาให้ความรู้สึกเหมือนบ้านเรือนไทยสมัยก่อน บริเวณข้างเตียงยังมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียง และโต๊ะเครื่องแป้งได้สบายๆ เลยนะคะ เครื่องปรับอากาศภายในห้องได้แบบ Concealed Split ซึ่งทำให้ห้องดูเรียบร้อยดี แต่การซ่อมแซมอาจจะทำได้ยากกว่าการติดแอร์แบบแขวนธรรมดา ภายในห้องนอนอีกฝั่งหนึ่งเป็นส่วนของ Walk-in Closet และห้องน้ำค่ะ ส่วนของ Walk-in Closet จะมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางระหว่างห้องนอนด้วยนะคะ ต่อเนื่องมายังห้องน้ำ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน ผนังฝั่งหนึ่งใน Shower Area จะถูกตกแต่งให้สวยงามด้วยด้วยหินอ่อนนะคะ พื้นที่ส่วนเปียกจะถูกลดระดับลงมาจากพื้นที่ส่วนแห้งอีกเสต็ปหนึ่ง เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆภายในห้องน้ำ ส่วนแห้งจะจัดวางสุขภัณฑ์ไว้ข้างเคาน์เตอร์ล้างหน้า ก่อนต่อเนื่องไปยังอ่างอาบน้ำ ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 43.25 ตร.ม. ภายในห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน จัดพื้นที่ห้องนอนไว้ด้านในสุด ซึ่งช่วยเปิดรับแสงสว่างได้เต็มที่ ติดกับห้องนอนเป็น Walk-in closet ที่มีประตูบานเลื่อนกั้น พร้อมอยู่ติดห้องน้ำ ในส่วนของพื้นที่นั่งเล่นก็ดูกว้างขวาง มีบิลต์อินคอนโซลทีวีพร้อมตู้เก็บของสูงจรดเพดาน ออกแบบครัวแบบ Open Plan เชื่อมต่อระหว่างมุมรับประทานอาหารและมุมนั่งเล่นไว้ด้วยกัน ต้องบอกว่าการจัด Space ภายในห้องทำไว้ได้ดีมาก ถึงแม้จะเป็นห้องขนาด 43.25 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วนสบายๆ กว้างขวางเหมือนดั่งขนาดห้อง 2 ห้องนอนเลยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom Type 1A-2 ขนาด 43.25 ตารางเมตร สำหรับไทป์นี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนนะคะ มุมนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง พร้อมโซฟาเดี่ยวได้อีกตัว ซึ่งแน่นอนว่าตรงกลางมีระยะกว้างมากพอที่จะจัดวางโต๊ะกลางได้ด้วยค่ะ ติดกับโซฟาจะเป็นมุมรับประทานอาหารขนาด 2 ที่นั่งนะคะ การตกแต่งผนังด้านหลังคอนโซลทีวีสำหรับ Type นี้จะเป็นวัสดุหินอ่อนนำเข้าจากต่างประเทศเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ จะต่างกันแค่เพียงสีของหินเท่านั้น พื้นที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นส่วนครัวนะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นรูปตัวยู (U) จะได้วัสดุเหมือนในห้องตัวอย่างห้องแรกเลยนะคะ มีแตกต่างนิดหน่อยที่ขนาดและตำแหน่งของเคาน์เตอร์ พื้นที่ต่อเนื่องจากครัวเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำนะคะ ซึ่งภายในห้องโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอ ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน พื้นที่ห้องนอนมีขนาดกว้างกำลังดีเลยนะคะ สามารถจัดวางเตียงขนาด 5-6 ฟุตได้สบาย โดยเหลือพื้นที่เดินได้โดยรอบด้วยค่ะ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถโต๊ะคอนโซลทีวีโดยไม่รู้สึกอึดอัดอีกด้วย เครื่องปรับอากาศภายในห้องเป็นแบบ Concealed Split เหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ ภายในห้องนอนอีกฝั่งหนึ่งเป็นห้องน้ำ และส่วนของ Walk-in Closet ที่มีประตูกระจกใสบานเลื่อนกั้นค่ะ Walk-in Closet ทางโครงการจะบิลต์อินมาให้ตามภาพเลยนะคะ ภายในห้องน้ำจะตกแต่งด้วยหินทั้งหมด โทนสีที่นำมาใช้ดูสะอาดตาและเลือกคู่สีได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ การวางฟังก์ชันโดยรวมใช้งานได้ดีทุกส่วน เคาน์เตอร์ล้างหน้าจะบิลต์อินดั่งภาพเลยนะคะ รอบๆ อ่างกรุด้วยหินอ่อนนำเข้าทำให้ดูหรูหรามากขึ้น ตัว ส่วนกระจกเงาจะได้เต็มบานแบบนี้เลยนะคะ อ่างอาบน้ำจะอยู่ติดกับผนังฝั่งหนึ่งของห้องน้ำนะคะ บริเวณขอบอ่างก็กรุด้วยหินอ่อนสีเข้มนำเข้าเช่นเดียวกับบริเวณล้างหน้า สำหรับห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 73.50 ตร.ม. ลักษณะแปลนด้านหน้าจะเป็นห้องแคบลึก แต่เมื่อเดินเข้าไปจะเป็นพื้นที่กว้างแบบสี่เหลี่ยมจัตุรัส บรรยากาศโดยรวมในห้องนี้จึงให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวและมุมรับประทานอาหารเลย ซึ่งสามารถจัดวางพื้นที่ดินเนอร์สำหรับ 4 คนได้สบายๆ ถัดไปนั้นเป็นมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ได้เลย แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างและโต๊ะกลางได้อีกด้วย พื้นที่อีกโซนหนึ่งลึกเข้าไปจะเป็นห้องน้ำ, ห้องนอนเล็ก ซึ่งภายในห้องจะบิลต์อินตู้เสื้อผ้ามาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ส่วนห้องนอนใหญ่เปิดประตูเข้าไปจะเจอส่วน Walk-in Closet ก่อนเลยค่ะ ซึ่งก็มีมุมแต่งตัวพร้อมห้องน้ำส่วนตัว ก่อนจะจัดพื้นที่พักผ่อนไว้ด้านในสุด แปลนห้อง 2 Bedroom 2 Bathroom ขนาด 73.50 ตารางเมตร สำหรับไทป์นี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ เพียงแต่มีขนาดที่กว้างและใหญ่กว่า Counter ครัวจะเป็นรูปแบบตัวแอล (L) จะได้วัสดุเหมือนอย่างในห้องตัวอย่างก่อนหน้าเช่นกัน จะมีแตกต่างนิดหน่อยที่ตำแหน่งและขนาดของอ่างล้างจานที่แบ่งเป็น 2 ช่อง ทำให้การใช้งานสะดวกมากขึ้น รองรับจำนวนสมาชิกในบ้านที่เพิ่มขึ้น ด้วยขนาดห้องที่ใหญ่ขึ้นทำให้ได้ Counter แบบ Island เล็กๆ เพิ่มขึ้นมาด้วย แถมยังสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารสำหรับ 4 ที่นั่งได้สบายๆ ติดกับมุมรับประทานอาหารนั้นจะเป็นโซนนั่งเล่นนะคะ พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่พักผ่อนหลักๆ ของห้องที่สมาชิกในบ้านจะมานั่งเล่นดูทีวี ทานข้าว ทำอาหารกันในบริเวณนี้ เวลานั่งทานอาหารก็สามารถมองเห็นและพูดคุยกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่นั่งดูทีวี หรือยืนทำอาหารอยู่ในครัวได้ ส่วนพื้นที่ลึกเข้าไปจะเป็นโซนห้องนอนและห้องน้ำค่ะ ห้องนั่งเล่นจะอยู่ติดกับระเบียงที่โอบล้อมไปด้วยหน้าต่างกระจกใส ซึ่งพื้นที่ส่วนนี้มีเพดานสูงโปร่ง สบาย ทำให้น่าใช้งานมากขึ้น ระยะดูทีวีของห้องนั่งเล่น มีระยะห่างประมาณ 2.4 เมตร มีขนาดทีวีที่เหมาะสมอยู่ที่ 50 นิ้ว พื้นที่ทางเดินนี้เมื่อวางโต๊ะกลางแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ให้เดินผ่านเข้าไปยังระเบียงได้ด้วยค่ะ การตกแต่งผนังด้านหลังคอนโซลทีวีสำหรับ Type นี้จะได้เป็นวัสดุหินอ่อนสีน้ำตาลอ่อนที่นำเข้าจากต่างประเทศ จากโถงกลางมองตรงไปจะเป็นส่วนของห้องนอนเล็กนะคะ ฝั่งซ้ายมือจะเป็นห้องนอนใหญ่ และฝั่งขวาจะเป็นห้องน้ำค่ะ มาที่ห้องน้ำกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่ส่วนเปียก-แห้งไว้เรียบร้อย วัสดุของประตูจะเหมือนกับห้องน้ำในห้องแบบแรกเลยนะคะ พื้นที่ด้านในมีขนาดพอๆ กัน และมีวัสดุอุปกรณ์ให้ครบถ้วนเหมือนกัน วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำจะได้อ่างล้างหน้า มาพร้อมกับตู้ลอยติดผนังสำหรับเก็บของ ซึ่งเป็นแบบเปิดได้ฝั่งเดียวนะคะ หน้าบานตู้ได้เป็นกระจกและมีซ่อนไฟไว้ใต้ตู้เรียบร้อย ซึ่งห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านก็จะได้แบบนี้เลยนะคะ ภายในห้องนอนเล็กจะได้เตียงขนาด 5 ฟุต เหมือนกับห้องตัวอย่างเลยนะคะ ส่วนช่องแสงในห้องจะได้หน้าต่างบานใหญ่รับแสงธรรมชาติเข้ามาภายในได้อย่างเพียงพอและด้วยขนาดบานที่ใหญ่เกือบถึงพื้นทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้เลย พื้นที่รอบเตียงสามารถเดินได้โดยรอบ แถมผนังปลายเตียงยังมีพื้นที่ให้ติดตั้งทีวีได้อีกด้วย ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ ติดกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นโต๊ะทำงานเล็กๆ มาดูที่ห้อง Master Bedroom กันต่อ ห้องนี้ได้พื้นที่ใช้สอยที่กว้างมาก ภายในจัดฟังก์ชันมาได้ครบทั้งห้องน้ำในตัว และแบ่งพื้นที่แต่งตัวไว้อย่างเป็นสัดส่วน พื้นที่ในสุดตรงกลางจะเป็นตำแหน่งของโต๊ะเครื่องแป้งที่ทางโครงการ Built-in ไว้ให้เหมือนในห้องตัวอย่างนะคะ พื้นที่ส่วนพักผ่อนจะถูกเว้นให้เป็นทางเดินระหว่างตู้เสื้อผ้าเข้าไปด้านในนะคะ ซึ่งทางโครงการ Built-in ตู้เสื้อผ้าไว้ให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ต่อไปมาดูส่วนของเตียงนอนบ้าง ห้องจริงที่ได้จะได้เตียงนอนขนาด 6 ฟุตแบบในห้องตัวอย่างเลยนะคะ จากภาพจะเห็นว่าเมื่อวางเตียงแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียงให้เดินได้โดยรอบเลยนะคะ พื้นที่ใช้สอยปลายเตียงสามารถวางตู้คอนโซลทีวีพร้อมโคมไฟตั้งพื้นได้สบายๆ ติดกันจะมีหน้าต่างไว้รับแสงธรรมชาติและเปิดระบายอากาศ เป็นแบบเดียวกับห้องนอนเล็กเลย ทำให้สามารถนอนชมวิวจากบนเตียงได้ อีกฝั่งหนึ่งของห้องเป็นตำแหน่งสำหรับวางตู้เสื้อผ้าโซนแต่งตัว สำหรับห้องน้ำจะอยู่ติดกับโต๊ะเครื่องแป้งนะคะ ต่อไปมาดูห้องน้ำกันค่ะ Mood&Tone ที่ได้จะมาในแนวน้ำตาลดำดูคลาสสิค เรียบหรู ไม่น่าเบื่อง่าย ภายในก็จะให้อุปกรณ์มาครบ เหมือนกับในห้องตัวอย่างเลยค่ะ อ่างล้างหน้าจะเป็นแบบ His & Hers ด้านหลังมีตู้เก็บของที่ได้หน้าบานเป็นบานกระจกค่ะ ตำแหน่งของ Bathtub จะอยู่ติดกับหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งช่วยเปิดมุมมองของวิวด้านนอก หากต้องการความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดฟิลม์หรือมูลี่ได้ค่ะ อีกฝั่งจะเป็นพื้นที่อาบน้ำส่วนเปียก ฉากกั้นเป็นกระจก ผนังฝั่งหนึ่งถูกตกแต่งให้สวยงามด้วยด้วยหินอ่อนสีเข้ม   ด้วยทำเล Prime Location ของกรุงเทพฯ ริมถนนสุขุมติด BTS สถานีทองหล่อแบบนี้ THE ESSE SUKHUMVIT 36 จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Fitted ดังนั้นในห้องมาตรฐานก็จะมี ตู้เก็บของ, เคาน์เตอร์ครัว, เตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน, สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ, เครื่องปรับอากาศ, ผ้าม่าน, วอลเปเปอร์ และ Digital Door Lock มาเหมือนกันเกือบทุกรายการค่ะ ซึ่งทาง SINGHA ESTATE ประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 12 ล้านบาท ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียม Luxury ในระดับเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลงทุนมากเลยนะคะ เพราะแนวโน้มในการเติบโตของทำเลค่อนข้างดีในอนาคต ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็งกำไรยังไงก็คุ้มแน่นอน..   ล่าสุดมีข่าวออกมาว่า โครงการ THE ESSE SUKHUMVIT 36 เตรียมจะเปิด Pre-Sale วันที่ 18-19 พฤศจิกายน 2560 นี้แล้วค่ะ สำหรับคนที่สนใจ อยากได้ข้อมูลเพิ่มเติม หรือจะนัดหมายเข้าไปเยี่ยมชมห้องตัวอย่าง ซึ่งจะเปิดให้ชมตั้งแต่วันที่ 13 พฤศจิกายน 2560 เป็นต้นไป ก็สามารถติดต่อได้ที่ โทร. 1221 หรือกดลงทะเบียนเพื่อรับข้อมูลเพิ่มเติมและสิทธิพิเศษได้ที่ https://goo.gl/h45QbX   
The Crystal Bliss @ Rattanathibet – เดอะคริสตัลบลิส @ รัตนาธิเบศร์ : รีวิวคอนโด

The Crystal Bliss @ Rattanathibet – เดอะคริสตัลบลิส @ รัตนาธิเบศร์ : รีวิวคอนโด

The Crystal Bliss @ Rattanathibet (เดอะคริสตัลบลิส @ รัตนาธิเบศร์) - คอนโด High Rise 19 ชั้น เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า เพียง 700 เมตร จากสถานีรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีแยกนนทบุรี1) ใกล้ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ และ สวนสาธารณะ     รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 999,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. เริ่มต้น 33,300 บาท/ ตร.ม. เจ้าของโครงการ บริษัท เอ.บี.เดคคอร์เรท จำกัด ลักษณะคอนโด High Rise สูง 19 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 3-1-58 ไร่ จำนวนห้อง ห้องชุดพักอาศัย 539 ยูนิต, ห้องเพื่อการพาณิชย์ 7 ยูนิต ที่จอดรถ 209 คัน ไม่รวมซ้อนคัน ที่ตั้งโครงการ 2044 ตำบลบางซื่อ อำเภอเมืองนนทบุรี (ตลาดขวัญ) จังหวัดนนทบุรี คาดว่าจะแล้วเสร็จ ปลายปี 2562   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ บิ๊กซี รัตนาธิเบศร์ เอสพลานาด เทสโก้ โลตัส กระทรงพาณิชย์ เซ็นทรัล เวสต์เกต รพ.พระนั่งเกล้า     ลักษณะห้องและขนาดห้อง   Bliss 1 Studio ขนาด 30 ตารางเมตร Bliss 1 one bedroom ขนาด 30 ตารางเมตร Bliss 2 one bedroom ขนาด 32 ตารางเมตร Bliss 3 one bedroom ขนาด 34 ตารางเมตร Bliss 4 one bedroom ขนาด 42 ตารางเมตร Bliss 5 three bedroom ขนาด 59 ตารางเมตร   สิ่งอำนวยความสะดวก   โถงต้อนรับ ห้องออกกำลังกาย สระว่ายน้ำ สวนพักผ่อน ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-969-1922-3 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://thecrystalcondo.com/คอนโดมิเนียม/เดอะคริสตัลบลิส/#detail
SKYLINE รัตนาธิเบศร์ คอนโดวิวแม่น้ำพร้อมอยู่..บนทำเลศักยภาพที่เชื่อมต่อทุกการเดินทาง : รีวิวคอนโด

SKYLINE รัตนาธิเบศร์ คอนโดวิวแม่น้ำพร้อมอยู่..บนทำเลศักยภาพที่เชื่อมต่อทุกการเดินทาง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เรานั่งรถไฟฟ้า MRT สายสีม่วงมาลงที่สถานีแยกนนทบุรี 1 กันค่ะ ซึ่งมองจากสถานีก็เจอคอนโดอยู่หลายโครงการเหมือนกัน ทั้งโครงการที่สร้างเสร็จนานแล้วและโครงการใหม่ที่ดูโดดเด่นสะดุดตาเชื้อเชิญให้อยากเป็นเจ้าของกับ “SKYLINE Rattanathibet (สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์)” ของ บริษัท เอเจ พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด คอนโดวิวแม่น้ำทำเลดีที่สุดบนถนนรัตนาธิเบศร์ โดยมีจุดเด่นอยู่ใกล้รถไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ล่าสุดตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้ โครงการ สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์ ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ฝั่งขาออก ช่วงใกล้เชิงสะพานพระนั่งเกล้า แถมยังใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีแยกนนทบุรี 1) เพียง 200 เมตรเท่านั้น ซึ่งสามารถเดินทางสู่ใจกลางเมืองอย่างง่ายดาย เพราะตอนนี้ทาง MRT ได้เชื่อมสถานีเตาปูนกับบางซื่อเข้าไว้ด้วยกันแล้ว และในอนาคตจะเป็นจุดเชื่อมต่อของรถไฟฟ้าของสายสีม่วงและสายสีชมพูอีกด้วย บอกได้คำเดียวว่าเดินทางสะดวกสบายไม่แพ้คอนโดฯ กลางเมืองเลยค่ะ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวก็จัดว่าสะดวกสบายมากทีเดียวค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่อย่างถนนรัตนาธิเบศร์ สามารถใช้วิ่งเข้าเมืองหรือออกนอกเมืองก็ได้ เริ่มจากตัวโครงการอยู่ฝั่งขาออก สามารถวิ่งตามถนนรัตนาธิเบศร์ข้ามสะพานพระนั่งเกล้า ยาวไปเชื่อมต่อกับถนนราชพฤกษ์หรือจะตรงยาวไปออกถนนกาญจนาภิเษก ไปถึงบางใหญ่และเซ็นทรัลเวสต์เกตได้ไม่ยาก หรือจะใช้ถนนเลี่ยงเมืองนนทบุรีและถนนสนามบินน้ำไปออกถนนติวานนท์ไปจนถึงถนนแจ้งวัฒนะก็ใกล้นิดเดียว ส่วนการเข้าเมืองก็ไม่ยากค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจากทางด่วนศรีรัช สามารถวิ่งมาขึ้นทางด่วนตรงถนนงามวงศ์วานเพื่อเข้าเมืองได้อย่างรวดเร็ว หรือจะใช้ออกนอกเมืองไปทางด่วนอุดรรัถยาก็ยังได้ พูดถึงถนนงามวงศ์วานเราสามารถใช้เส้นทางนี้วิ่งเชื่อมต่อไปถึงถนนประชาชื่นได้ด้วยนะคะ ซึ่งถือว่าเป็นถนนที่อุดมสมบูรณ์มาก เพราะตลอดสองข้างเต็มไปด้วยร้านอาหารมากมาย และยังสามารถวิ่งตรงไปออกถนนวิภาวดีรังสิต หรือจะข้ามไปทางถนนเกษตร-นวมินทร์ ได้อีกด้วยค่ะ   นอกเหนือจากการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวแล้ว การเดินทางด้วยรถสาธารณะอื่นๆ ก็สะดวกไม่ใช่น้อยเลยนะคะ เพราะนอกจากใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีแยกนนทบุรี 1 ในระยะที่เดินได้แล้ว ยังมีรถเมล์ รถตู้ประจำทาง รวมถึงรถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซค์ผ่านไปมาอยู่ตลอด ด้านสิ่งอำนวยความสะดวกโดยรอบโครงการก็ถือว่าครบครันทีเดียวค่ะ เพราะมีร้านค้า, ร้านอาหารรายล้อมอยู่ทั้งสองข้างทาง ตลอดจนแหล่งช้อปปิ้งก็อยู่ไม่ไกลเลย ขับรถไปใช้เวลาไม่ถึง 10 นาที ก็ถึงเอสพลานาด (งามวงศ์วาน-แคราย), เมเจอร์ซินิเพล็กซ์ (นนทบุรี), เซ็นทรัลพลาซารัตนาธิเบศร์ หรือจะตรงไปทางงามวงศ์วานก็ไปถึงเดอะมอลล์งามวงศ์วาน และพันธ์ทิพย์พลาซาอย่างง่ายดายแล้วค่ะ เริ่มต้นจากการเดินทางด้วยการนั่งรถไฟฟ้า MRT มาลงที่สถานีนนทบุรีแยก 1 นะคะ สำหรับทางไปคอนโดจะอยู่ที่ทางออก 2 นะคะ เมื่อมองจากสถานีก็จะเห็นคอนโดแล้วค่ะ เพราะอยู่ห่างเพียง 200 เมตรเท่านั้น ซึ่งเป็นระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ บริเวณใกล้ๆ สถานีก็จะมีร้านค้าและร้านอาหารอยู่ด้วยนะคะ ถ้าใครอยู่คอนโดและใช้รถไฟฟ้าเป็นหลัก เดินลงมาจากสถานีซื้อข้าวกลับไปคอนโดก็เป็นเรื่องที่สะดวก จะเห็นได้ว่าข้างทางมีรถประจำทางคอยวิ่งผ่านไปผ่านมาอยู่ตลอดเลยค่ะ ใครใช้รถสาธารณะเป็นหลักก็คงสะดวกไม่ใช่น้อย เดินมาอีกนิดยังไม่ทันรู้สึกเหนื่อยก็ถึงคอนโดแล้วค่ะ ซึ่งบริเวณรอบๆ คอนโดจะล้อมด้วยสวนหย่อมสีเขียวขจีให้ความรู้สึกน่าพักผ่อน ทางเข้าคอนโดจะมีไม้กั้นและป้อมยามที่มีเจ้าหน้าที่คอยดูแลตลอด 24 ชม.   ภาพรวมโครงการ โครงการ สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์ เป็นคอนโดมิเนียม High rise สูง 38 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนเนื้อที่ 3-0-44.7 ไร่ แบ่งออกเป็นห้องพักอาศัย 810 ยูนิต และร้านค้า 3 ยูนิต พร้อมที่จอดรถประมาณ 308 คัน คิดเป็น 38% ตัวอาคารถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่เรียบง่าย พื้นที่ภายในได้รับการออกแบบให้ทุกตารางนิ้วตอบฟังก์ชั่นและไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ท่ามกลางบรรยากาศเหนือระดับ โดยทางโครงการพยายามเพิ่มความรู้สึกเป็นส่วนตัวในการอยู่อาศัยพร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน ตั้งแต่การกำหนดยูนิตต่อชั้นสูงสุดเพียง 26 ยูนิต และยังจัดเต็มพื้นที่ส่วนกลางแบบไม่มีกั๊กเลยค่ะ เริ่มตั้งแต่ล็อบบี้ขนาดใหญ่ที่มีเพดานสูงถึง 5 เมตร พร้อมจัดวางเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียมและบริการ Wi-fi ฟรี สำหรับวันสบายๆ ของลูกบ้าน ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางด้านบนชั้น 6 มีสระว่ายน้ำระบบเกลือ 2 สระ, Jacuzzi, ซาวน่าและล็อกเกอร์แยกชายหญิง, พื้นที่กิจกรรมกลางแจ้ง, ห้องสันทนาการ และ Fitness Center อีกทั้งยังมีสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่บนชั้น 39 ที่มาพร้อมวิวแบบพาโนรามา เรียกว่าตอบโจทย์ความต้องการของลูกบ้านได้อย่างแท้จริง   นอกจากนี้ทางโครงการยังคำนึงถึงความปลอดภัยโดยเพิ่มความอุ่นใจให้กับลูกบ้านด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. พร้อมกล้องวงจรปิด CCTV รอบโครงการ มีระบบ Key Card Access บัตรผ่านเข้าออกอาคาร และที่สำคัญคือเรื่องลิฟท์โดยสาร ซึ่งเป็นลิฟท์แบบล็อกชั้นและมีบริการทั้งหมด 4 ตัว นับตามสัดส่วนของจำนวนยูนิตรวมทั้งหมดแล้ว ถือว่าอยู่ในเกณฑ์สบายๆ ไม่หนาแน่นจนเกินไปค่ะ แปลนพื้นที่ชั้นล่างสุด แบ่งออกเป็นที่จอดรถ, ร้านค้า 3 ยูนิต และบริเวณล็อบบี้ ล็อบบี้ขนาดใหญ่ที่มีเพดานสูงถึง 5 เมตร บริเวณล็อบบี้ดูโอ่อ่า กว้างขวาง เหมือนดั่งโรงแรมหรูเลยค่ะ บริเวณล็อบบี้จัดวางเฟอร์นิเจอร์ระดับพรีเมียม พร้อมให้บริการ Wi-fi ฟรี สำหรับวันสบายๆ ของลูกบ้าน บริเวณล็อบบี้จะมีส่วนของ Mail Box ด้วยนะคะ เดินถัดเข้ามาอีกหน่อยก็จะเป็นส่วนของโถงลิฟท์โดยสาร ซึ่งมีให้บริการลูกบ้านถึง 4 ตัวด้วยกัน แปลนของพื้นที่ชั้น 6 นะคะ ซึ่งจะเริ่มเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไป แต่ความพิเศษของชั้น 6 นั้นจะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างสวนหย่อม, สระว่ายน้ำ, ฟิตเนส, พื้นที่สันทนาการรวมอยู่ด้วย ดูแปลนกันไปแล้ว เราขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 6 กันดีกว่าค่ะ ซึ่งทางโครงการมีประตูกั้นก่อนเข้าไปยังห้องพักอาศัยอีกชั้นหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว ศาลาให้ลูกบ้านนั่งพักผ่อนชมวิว ติดกับสวนสวยจะเป็นสระว่ายน้ำนะคะ สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ที่มาพร้อมกับสระเด็กและ Jacuzzi เวลาลูกบ้านใช้สระว่ายน้ำก็จะได้ชมวิวเมืองแบบนี้เลยนะคะ ทางโครงการจัดวางโต๊ะเก้าอี้ไว้สำหรับรองรับลูกบ้านให้มานั่งเล่นหลากหลายมุม ในส่วนของฟิตเนสจะอยู่ชั้นสองค่ะ ซึ่งต้องเดินขึ้นบันไดขึ้นไป ภายในห้องฟิตเนสโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ครบครันด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายทันสมัย นอกจากฟิตเนสแล้วยังมีห้องประชุมด้วยนะคะ โถงกลางบริเวณพื้นที่ส่วนกลางที่เปรียบเสมือนพื้นที่กิจกรรมกลางแจ้งของลูกบ้าน นอกจากพื้นที่ส่วนกลางชั้น 6 แล้ว เมื่อกดลิฟต์ขึ้นมาที่ชั้น 39 จะเป็นสวนกลางแจ้งนะคะ เมื่อเดินออกมาจากลิฟท์จะแบ่งพื้นที่ของเป็นสองฝั่งนะคะ ซึ่งก็เป็นสวนหย่อมทั้งสองฝั่งเลยค่ะ สวนกลางแจ้งที่ชวนพักผ่อนซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจเลยค่ะ นอกจากนี้ยังมีศาลาให้ชมทัศนียภาพรอบๆ โครงการอีกด้วย บริเวณศาลาสามารถมองวิวเมืองได้แบบ 360 องศาเลยนะคะ วิวคอนโดฝั่งที่ติดกับแม่น้ำโดยไม่มีอะไรบดบัง   เปิดห้องตัวอย่าง โครงการ สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์ มีแบบห้องมาตรฐานให้เลือก 3 แบบ คือ 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 25.65 – 31.42 ตร.ม. กับ 2 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ ขนาด 41.93 – 44.05 ตร.ม. และ 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ ขนาด 59.37 ตร.ม. โดยทางโครงการจะขายแบบ Fully Furnished และห้องตัวอย่างแรกที่เราจะพาไปชมกันในวันนี้คือ 1 ห้องนอน ขนาด 26 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องขนาดเริ่มต้นของโครงการ ด้วยพื้นที่ใช้สอยภายในห้องที่มีการแบ่งสัดส่วนเอาไว้อย่างครบครัน ทำให้ลูกบ้านสามารถตกแต่งหรือจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต่างๆ ได้อย่างลงตัว นอกจากนี้สำหรับนักลงทุนห้อง Type นี้ก็ถือว่าน่าสนใจมากเลยนะคะ เพราะขนาดเหมาะแก่การปล่อยเช่าได้ง่าย   สำหรับห้อง Type นี้แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจนเลยค่ะ โดยแยกพื้นที่ครัวและห้องน้ำไว้ฝั่งเดียวกัน และมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางระหว่างพื้นที่นั่งเล่นกับห้องนอน เปิดห้องเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยค่ะ ซึ่งมีที่กว้างพอให้วางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ แถมยังแอบเหลือพื้นที่เล็กๆ สำหรับวางโต๊ะข้างได้อีกหน่อย ก่อนจะเข้าห้องนอนมีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นให้เป็นสัดส่วนสวยงาม ภายในห้อง Built-in ตู้เสื้อผ้า และฐานเตียง ไว้ให้เรียบร้อยแล้วด้วยค่ะ   ส่วนอีกโซนของห้อง เป็นห้องน้ำและห้องครัวนะคะ ซึ่งจะอยู่ติดกันโดยพื้นที่ครัวทางโครงการก็ Built-in เคาน์เตอร์และตู้เก็บของพร้อมเว้นที่ไว้สำหรับวางตู้เย็นมาให้เรียบร้อย ทั้งยังมาพร้อมกับเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันระบบหมุนเวียนอีกด้วย ขณะที่พื้นที่ตรงข้ามเคาน์เตอร์ยังมีที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ขนาด 2 ที่อีกด้วย ซึ่งข้อดีของห้องนี้คือครัวอยู่ติดระเบียงนะคะ ทำให้ลดปัญหาเรื่องกลิ่นรบกวนระหว่างทำครัวได้ดี แปลนห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom Type A ขนาด 26 ตารางเมตร เมื่อเปิดประตูห้องเข้ามา จะเป็นพื้นที่นั่งเล่นก่อนเลยนะคะ ซึ่งก็ดูโปร่งโล่งเนื่องจากเพดานสูง 2.5 เมตร นับว่าเป็นความสูงกว่ามาตรฐานคอนโดทั่วไป ส่วนพื้นที่ถัดเข้าไปด้านในเป็นห้องนอน ก่อนจะต่อเนื่องไปยังห้องน้ำและโซนครัวแบบเปิดพร้อมระเบียงด้านในสุด พื้นที่นั่งเล่นทางโครงการจัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2 ที่นั่งพร้อมบิลต์อินตู้เก็บของไว้นะคะ ซึ่งจะเห็นได้ว่ามีพื้นที่ด้านข้างฝั่งขวาเหลือพอสำหรับวางโคมไฟตั้งพื้นได้ด้วย ฟังก์ชั่นในห้องนอนก็จะเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ สามารถจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบายๆ โดยเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบแบบไม่อึดอัดแต่อย่างใด ภายในห้องน้ำสำเร็จรูป AIDOL QUBE แบ่งพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจนนะคะ ตกแต่งห้องน้ำโทนสีสว่างให้ความรู้สึกอบอุ่น สำหรับเคาน์เตอร์ครัวทางโครงการบิลต์อินกรุท็อปด้วยหินเทียมแบบในภาพเลยนะคะ โดยออกแบบให้เป็น One-Wall Kitchen ที่เหมาะแก่การประกอบอาหารมื้อง่ายๆ เบาๆ ถัดไปด้านในสุดของห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งก็กั้นด้วยประตูบานเลื่อน ฝั่งตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารได้ด้วยนะคะ โดยสามารถวางโต๊ะขนาด 2 ที่นั่งได้อย่างพอดิบพอดี   สำหรับห้องตัวอย่างที่สองที่เราจะพาไปชมเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นแบบ 1 Bedroom 1 Bathroom ขนาด 31 ตร.ม. นะคะ เป็นห้องที่มีขนาดพื้นที่มากกว่าห้องแรก เพื่อให้ลูกบ้านได้มีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มมากขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นอีก Type ยอดฮิตที่เหมาะสำหรับคนอยู่เป็นคู่ โดยมี Layout ห้องที่เอื้อให้ผู้อยู่อาศัยมีความเป็นส่วนตัว และตอบสนองต่อทุก Lifestyle ซึ่งทางโครงการก็ได้ตกแต่งแบบจัดเต็มเพื่อให้ลูกบ้านได้เห็นไอเดียและฟังก์ชั่นการใช้งานของห้องได้ชัดเจนมากขึ้น แปลนห้อง 1 Bedroom 1 Bathroom Type B ขนาด 31 ตารางเมตร   ลักษณะของห้อง Type นี้จะถูกจัดวางแปลนไว้ค่อนข้างเป็นสัดส่วนชัดเจน มีประตูกระจกบานเลื่อนกั้นพื้นที่ระหว่างห้องนั่งเล่นและห้องครัวที่ระเบียงอยู่ติดด้านในสุด ทำให้สามารถเปิดรับแสงสว่างได้อย่างเต็มที่ โดยพื้นที่ในส่วนของ Living Area ก็ดูกว้างขวางสบาย ในขณะที่พื้นที่ของห้องนอนและห้องน้ำจะถูกจัดวางไว้ในโซนใกล้ๆ กัน ต้องบอกเลยว่าทางโครงการจัด Space ภายในห้องไว้ดีมาก แม้จะเป็นห้องขนาด 31 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วน โดยไม่รู้สึกอึดอัดแต่อย่างใด เปิดประตูเข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในทางซ้ายจะเป็นห้องครัว และทางขวาเป็นห้องนอนค่ะ ซึ่งพื้นภายในห้องจะเป็นพื้นไม้ Laminate พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกำลังดีเลยนะคะ จากภาพจะเห็นได้ว่าสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบายๆ พื้นที่ตรงข้ามโซฟาจะเป็นคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งมีระยะห่างกันประมาณ 2 เมตรกว่าๆ ทำให้เหลือพื้นที่สามารถวางโต๊ะกลางได้ด้วย ในส่วนของคอนโซลทีวี ลูกบ้านจะได้เฟอร์นิเจอร์ตามภาพเลยนะคะ จะเว้นเพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าและของตกแต่งเท่านั้น ติดกับโซฟาจะเป็นมุมรับประทานอาหารนะคะ ซึ่งทางโครงการจะบิลต์อินเก้าอี้ชิดผนังพร้อมโต๊ะเก้าอี้มาให้แล้วด้วย พื้นที่ตรงกลางระหว่างโซฟากับมุมรับประทานอาหารจะมีปลั๊กและแผงสวิทช์ปลั๊กโทรศัพท์, อินเตอร์เน็ต มาให้แล้วนะคะ โต๊ะรับประทานอาหารขนาดกำลังดี เหมาะสำหรับ 2 คน พื้นที่ติดกันกับมุมรับประทานอาหารเป็นครัวนะคะ ซึ่งกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนเพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร การที่กั้นห้องครัวด้วยกระจกก็เพื่อทำให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นด้วย โดยทางโครงการติดตั้งแอร์ของ Samsung มาให้แล้ว 2 ตัวคือตรงบริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอนค่ะ ครัวเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยมาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควันแบบระบบหมุนเวียน และเคาน์เตอร์บิลต์อิน กรุ Top ด้วยหินเทียมตามภาพ ซึ่งทางโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย เคาน์เตอร์ครัวมีลิ้นชักที่มีตัวแบ่งช่องสำหรับเก็บช้อนส้อม ส่วนชั้นล่างลิ้นชั้นนั้นจะเป็นช่องสำหรับวางไมโครเวฟค่ะ ด้านบนออกแบบให้เป็นตู้ลอยแบบบานเปิดไว้สำหรับเก็บของค่ะ การจัดวางพื้นที่ภายในห้องครัว จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วนประกอบอาหาร ที่เหลือจะเป็นพื้นที่ทางเดินและใช้ยืนประกอบอาหาร ซึ่งก็กว้างประมาณหนึ่งเลยค่ะ โดยด้านหลังเป็นประตูทางออกไปที่ระเบียง ดวงไฟภายในห้องเป็นแบบ Down Light นะคะ ผนังอีกฝั่งหนึ่งลูกบ้านสามารถตกแต่งได้ตามใจเลยนะคะ จากภาพจะเห็นว่าทางโครงการได้ติดราวแขวนเอนกประสงค์ไว้เป็นตัวอย่างให้ด้วย ติดกับห้องครัวเป็นระเบียงค่ะ ซึ่งมีขนาดกว้างพอสำหรับวางเครื่องซักผ้าด้วยค่ะ ตำแหน่งพัดลมคอมเพรสเซอร์จะแขวนอยู่ด้านบนเครื่องซักผ้านะคะ ซึ่งก็ไม่เปลืองเนื้อที่แต่อย่างใด วิวเมื่อจากระเบียงลงไปจะเป็นวิวสระว่ายน้ำ ไม่มีอะไรมาบดบังสายตาเลยค่ะ กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ติดกับห้องครัวจะเป็นห้องนอนนะคะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ห้องนอนจะถูกโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งเป็นหน้าต่างบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง ทางโครงการจะให้ฐานเตียงขนาด 5 ฟุตมาให้แล้วนะคะ ซึ่งลูกบ้านซื้อฟูกเพิ่มก็เข้าอยู่ได้เลย จากภาพจะเห็นว่าเมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านโดยรอบได้สบายๆ เลยค่ะ พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ติดกันกับตู้เสื้อผ้าจะเป็นโต๊ะเครื่องแป้งค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วยนะคะ ส่วนเครื่องปรับอากาศนั้นทางโครงการจะติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ติดกับห้องนอนจะเป็นห้องน้ำนะคะ ซึ่งพื้นที่ตรงกลางทางโครงการได้บิลต์อินตู้เก็บของไว้ให้ด้วย ภายในห้องน้ำจะเป็นห้องน้ำสำเร็จรูป ไอดอล คิวบ์ นะคะ ซึ่งแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน โดยคุณสมบัติที่น่าสนใจของห้องน้ำสำเร็จรูปนั้นจะมีประสิทธิภาพในการกันน้ำรั่วซึมได้ดี เนื่องจากมีรอยต่อระหว่างส่วนต่างๆ น้อย เช่น รอยยาแนวของกระเบื้อง, รอยต่อระหว่างผนัง เป็นต้น ทำให้ลดโอกาสที่จะเกิดการรั่วซึมได้ นอกจากนี้ยังทำความสะอาดง่ายกว่าห้องน้ำทั่วไปด้วยค่ะ ส่วนแห้งจะเป็นส่วนที่เปิดประตูเข้ามาแล้วเจอก่อนเลยค่ะ ซึ่งเป็นบิลต์อินเคาน์เตอร์ล้างหน้า ติดกันนั้นเป็นโถสุขภัณฑ์สไตล์โมเดิร์นน่าใช้งาน ส่วนเปียกผนังนั้นจะเป็นพอลิเมอร์หล่อทั้งชิ้นนะคะ ซึ่งก็มีฉากกั้นเป็นกระจกบานเลื่อนมาให้เรียบร้อยแล้ว จากรูปจะเห็นได้ว่าพื้นที่ส่วนเปียกนั้นยกธรณีสูงขึ้นมาหนึ่งเสต็ปนะคะ ซึ่งพื้นก็ถูกออกแบบให้เป็นแบบกันลื่นด้วย   มาถึงห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปชมนั้นเป็นห้อง Type F แบบ 2 Bedrooms 2 Bathrooms ที่ขนาด 62 ตร.ม. นะคะ ซึ่งถือว่าเป็นห้อง Top ของทางโครงการเลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะมีความพิเศษอยู่ที่จำนวนห้องใน Type นี้จะมีเพียงชั้นละ 2-3 ห้องเท่านั้น นอกจากพื้นที่ใช้สอยจะใหญ่ที่สุดแล้วการออกแบบ Layout ภายในห้องค่อนข้างลงตัวเป็นสัดส่วนเรียบร้อยดีทีเดียว ซึ่งทางโครงการจะขายห้องแบบ Fully Furnished มาพร้อมบิลต์อินเฟอร์นิเจอร์ Starmark, ห้องน้ำสำเร็จรูปจากไอดอล คิวบ์ พื้นห้องเป็นไม้ลามิเนต ผนังห้องจะเป็นฝ้าฉาบเรียบทาสีขาว ไฟภายในห้องแบบดาวน์ไลท์ พร้อมติดตั้งเครื่องปรับอากาศของ Samsung ให้ในห้องนั่งเล่นและห้องนอนทั้ง 2 ห้องเลยค่ะ เปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วน Dining Area ก่อนเลยค่ะ Dining Area สามารถจัดวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาดใหญ่สำหรับ 4 ที่ได้เลยนะคะ พื้นที่ติดกันนั้นเป็น Living Area ซึ่งกั้นกลางด้วยฉากลายฉลุเพื่อความเป็นส่วนตัว ส่วนฝั่งตรงข้ามมุมรับประทานอาหารนั้นจะเป็นห้องครัวที่มีประตูกระจกใสบานเลื่อนแบบ 2 ตอนกั้นอยู่นะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นรูปตัวแอล (L) ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นยังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกๆ ค่ะ แถมยังมีหน้าต่างสำหรับเปิดระบายอากาศเวลาประกอบอาหารและเพิ่มความสว่างให้แก่ห้องอีกด้วย วัสดุปิดท็อปเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นหินเทียมนะคะ ข้อดีคือน้ำหนักเบา ทนทาน สามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่าย พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างขวางมากทีเดียวค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดวางโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ได้สบายๆ พร้อมเหลือพื้นที่ตรงกลางสำหรับวางโต๊ะกลางได้ด้วย ซึ่งพื้นที่ตรงข้ามจะเป็นส่วนคอนโซลทีวีที่ทางโครงการบิลต์อินมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ ต่อเนื่องมายังมุมนั่งเล่นอีกโซนหนึ่งที่อยู่ติดกับระเบียงทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นนั่นเองค่ะ ซึ่งจากภาพจะเห็นได้ว่าพื้นที่บริเวณนี้กว้างมากพอที่จะวางเครื่องซักผ้าได้ด้วย มาในส่วนของห้องนอนใหญ่กันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง กว้างขวาง เหมาะแก่การพักผ่อนเป็นอย่างดี ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการบิลต์อินโต๊ะเครื่องแป้งและฐานเตียงนอนที่มาพร้อมหัวเตียงขนาด 5 ฟุตไว้ให้แล้ว โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในจะเป็นตู้เสื้อผ้า Walk-in Closet ที่อยู่ติดห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำสำเร็จรูปในห้องนอนใหญ่จะใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนๆ กับห้องตัวอย่างก่อนหน้าทั้งหมดเลยค่ะ มาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด โอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ ห้องน้ำสำเร็จรูปด้านนอก แบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมฉากกั้นประตูกระจกเทมเปอร์กราสไว้ให้เหมือนทุกยูนิตในโครงการเลยค่ะ   ห้องทุกยูนิตของโครงการ สกายไลน์ รัตนาธิเบศร์ จะขายแบบ Fully Furnished นะคะ มาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ Bulit-in ตู้เก็บของ ตู้เสื้อผ้า เคาน์เตอร์ครัว ของ Starmark และห้องน้ำสำเร็จรูป AIDOL QUBE (ไอดอล คิวบ์) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยลดปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว รวมถึงสุขภัณฑ์ต่างๆ และเครื่องปรับอากาศของ Samsung มาให้เรียบร้อยแล้ว เราแค่ตกแต่งเพิ่มเติมอีกนิดหน่อยก็พร้อมเข้าอยู่ได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาหาเฟอร์นิเจอร์มากนัก และด้วยทำเลโครงการตั้งอยู่ในย่านที่อยู่อาศัย ที่มีความพร้อมทั้งสาธารณูปโภคต่างๆ มีการเดินทางที่สะดวก เหมาะกับคนที่คุ้นชินกับย่านนี้ดีอยู่แล้ว รวมถึงคนที่กำลังมองหาคอนโดฯ ใกล้รถไฟฟ้า โดยใช้รถไฟฟ้า MRT เป็นหลัก ยิ่งในตอนนี้รถไฟฟ้าสายสีม่วงได้เชื่อมต่อกับสายสีน้ำเงินและเปิดให้ใช้งานอย่างเป็นทางการแล้ว ก็ยิ่งเพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้าออกเมืองได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเอง หรือซื้อไว้ลงทุนก็น่าสนใจไม่น้อยเลยนะคะ เพราะด้วยทำเลศักยภาพที่ดีที่สุดบนถนนรัตนาธิเบศร์ในราคาที่จับต้องได้แบบนี้ ถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจและไม่ควรพลาดที่จะจับจองเป็นเจ้าของคอนโดวิวแม่น้ำแห่งนี้เลยค่ะ   สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.skyline-condominium.com หรือโทร. 02-526-1888
Humble Living @ Fueangfu – คอนโด ฮัมเบิล ลีฟวิ่ง แอด เฟื่องฟู : รีวิวคอนโด

Humble Living @ Fueangfu – คอนโด ฮัมเบิล ลีฟวิ่ง แอด เฟื่องฟู : รีวิวคอนโด

Humble Living @ Fueangfu (ฮัมเบิล ลีฟวิ่ง แอด เฟื่องฟู) - คอนโด Low - Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 141 ยูนิต บนทำเลศักยภาพของกรุงเทพฯ เดินทางสะดวก เพียง 3 นาที จาก MRT สุทธิสาร     รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 1,690,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. ประมาณ 74,000 บาท/ตร.ม. เจ้าของโครงการ บริษัท ทริปเปิ้ล แลนด์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ลักษณะคอนโด คอนโด Low-Rise 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 1-0-42.9 ไร่ จำนวนห้อง 141 ยูนิต ที่ตั้งโครงการ ซอยเฟื่องฟู ถนนสุทธิสารวินิจฉัย แขวงสามเสนนอก เขตห้วยขวาง กทม. คาดว่าแล้วเสร็จ ปี พ.ศ. 2561   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   สวนลุมไนท์บาร์ซ่า เมืองไทยภัทร The Street รัชดา บิ๊กซี รัชดา เอสพลานาด รัชดา ฟอร์จูนทาวเวอร์ เซ็นทรัล พระราม 9 โรงพยาบาลพระราม 9     ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 Bedroom ขนาด 23.00-25.00 ตร.ม. 2 Bedrooms ขนาด 36.00-59.00 ตร.ม.     สิ่งอำนวยความสะดวก   ฟิตเนส Garden สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ มีสระเด็ก ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 091-407-0261-2 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.humblelivingcondo.com/
JRY Condominium Rama 9 – เจอาร์วาย คอนโดมิเนียม พระราม 9 : รีวิวคอนโด

JRY Condominium Rama 9 – เจอาร์วาย คอนโดมิเนียม พระราม 9 : รีวิวคอนโด

JRY Condominium Rama 9 (เจอาร์วาย คอนโดมิเนียม พระราม 9) - คอนโด Low-Rise 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร มีทั้งหมด 157 ยูนิต โครงการอยู่ในซอย 17 ถนนพระราม 9 ใกล้ทางด่วนศรีรัช และทางด่วนรามอินทรา – อาจณรงค์ ใกล้แนวรถไฟฟ้าสายสีส้มในอนาคต     รายละเอียดโครงการ   ราคา เริ่มต้น 2,690,000 บาท ราคาเฉลี่ยต่อตร.ม. 84,900 บาท/ ตร.ม. เจ้าของโครงการ บริษัท เจ อาร์ วาย พัฒนา กรุ๊ป จำกัด ลักษณะคอนโด คอนโด Low-Rise 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 1 ไร่ 1 งาน 74 ตร.วา. จำนวนห้อง 157 ยูนิต ที่จอดรถ ประมาณ 60% รวมจอดซ้อนคัน และ 45% ไม่รวมจอดซ้อนคัน ที่ตั้งโครงการ ถนนพระราม 9 ซอย 17 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กทม. ค่าส่วนกลางและกองทุน 40 บาท/ตร.ม. เงินกองทุน 400 บาท/ตร.ม. คาดว่าจะแล้วเสร็จ ปี พ.ศ.2560   สถานที่สำคัญใกล้เคียง   Huamark Town Center Major Hollywood รามคำแหง Food Land รามคำแหง สนามราชมังคลากีฬาสถาน A-Link Square The Mall รามคำแหง ตลาดนัด กกท Major Cineplex รามคำแหง MaxValue พัฒนาการ London Street Makro พัฒนาการ Thanya Park ศรีนครินทร์ RCA Food Land เพชรบุรี Fortune Town พระราม 9 Tesco Lotus พระราม 9 Central Grand พระราม 9 The Nine พระราม 9 J Avenue ทองหล่อ Big C เอกมัย Tops Market ทองหล่อ Major Cineplex ท้องฟ้าจำลอง Gateway เอกมัย รพ.ปิยะเวช รพ.กรุงเทพ รพ.เพชรเวช รพ.คามิลเลียน รพ.สมิติเวช สุขุมวิท รพ.สุขุมวิท รพ.สมิติเวช ศรีนครินทร์ รพ.รามคำแหง ร.ร.เทพลีลา ร.ร.สาธิต ม.รามคำแหง ม.รามคำแหง ABAC วิทยาเขตหัวหมาก มศว. ร.ร.นานาชาติอเมริกันกรุงเทพ ม.เกษมบัณฑิต ร.ร.สาธิต มศว. ม.กรุงเทพฯ วิทยาเขตกล้วยน้ำไท ร.ร.เตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ   ลักษณะห้องและขนาดห้อง   1 Bedroom ขนาด 31.8 – 35.6 ตร.ม. 2 Bedroom ขนาด 50.8 – 60.4 ตร.ม. Duplex ขนาด 36.5 – 60.7 ตร.ม.   สิ่งอำนวยความสะดวก Lobby ห้องสมุด สระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนพักผ่อน + พื้นที่สีเขียว ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม.     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 091-718-7333 , 063-297-8333 , 02-719-7775 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : http://www.jrycondo.com/ , https://www.facebook.com/jryrama9/
Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao ชีวิตใหม่..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao ชีวิตใหม่..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เราจะพาทุกคนขึ้นรถไฟฟ้า MRT ไปลงที่สถานีลาดพร้าว เพื่อชมโครงการ “Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao (วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว)” คอนโดมิเนียมที่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพจาก บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กันค่ะ ซึ่งโครงการตั้งอยู่ในทำเลที่อุดมสมบูรณ์มากที่สุดของย่านนี้ก็ว่าได้ค่ะ ทั้งยังอยู่ในช่วงต้นๆ ของลาดพร้าวด้วย และที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพียงแค่ก้าวเดียวเท่านั้น แต่จะมีรายละเอียดอะไรบ้าง ไปดูพร้อมกันเลยดีกว่าค่ะ   โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพอย่างแท้จริงเลยค่ะ เพราะใกล้ซอยลาดพร้าว 26 และสี่แยกรัชดา-ลาดพร้าวเลยนะคะ ตัวโครงการจะอยู่ฝั่งซ้ายมือ ติดกับถนนหลักฝั่งขาออกที่มุ่งหน้าไปทางห้าแยกลาดพร้าว และอยู่ติดสถานี MRT ลาดพร้าวทางออกที่ 1 เลยค่ะ ซึ่งอย่างที่ทราบกันดีว่าถนนลาดพร้าวเป็นเส้นที่มีความอุดมสมบูรณ์สูงมาก เพราะถนนทั้งสองฝั่งจะเต็มไปด้วย ร้านค้า, ร้านอาหาร, ร้านขายยา, อาคารพาณิชย์, ธนาคาร, คอนโดมิเนียม ตลอดจนบ้านพักอาศัย เรียกว่าเรื่องอาหารการกินและแหล่งจับจ่ายใช้สอยนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกสบายมากค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ไม่ไกลจากแหล่งช็อปปิ้งเลย สถานที่ใกล้ที่สุดคือ สวนลุมไนท์บาซ่า รัชดาภิเษก และ Gourmet Market ที่เพิ่งมาเปิดในสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินลาดพร้าว หากใครยังช็อปไม่จุใจ ขยับไปอีกนิดก็จะมี Big C Extra + Homepro, Union Mall, CentralPlaza Ladprao หรือแม้แต่เมเจอร์รัชโยธิน, The Street รัชดา ก็สามารถไปถึงอย่างง่ายดาย   ในเรื่องของการเดินทางด้วยรถยนต์ก็ถือว่าสะดวกมากค่ะ เพราะถนนลาดพร้าวสามารถเชื่อมต่อไปยังถนนใหญ่ได้หลายสาย ทั้งถนนรัชดาภิเษกที่ตัดกับถนนลาดพร้าว ตรงแยกลาดพร้าว-รัชดา สามารถวิ่งไปพระราม 9 ได้ หรือจะกลับรถไปถนนพหลโยธินก็สามารถวิ่งออกไปทางอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิต่อไปถึงสยามสแควร์ โดยถนนเส้นรัชดาภิเษกเองก็จะมีซอยลัดเล็กๆ อย่างโชคชัยร่วมมิตรที่สามารถวิ่งไปออกถนนวิภาวดี-รังสิตได้ ซึ่งการจราจรก็จะคล่องตัวกว่าค่ะ นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้จุดขึ้นลงทางยกระดับอุตราภิมุข (ทางด่วนโทลล์เวย์) เชื่อมต่อกับทางพิเศษเฉลิมมหานครและศรีรัช ซึ่งสามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้สะดวก หรือจะใช้ทางลัดไปออกถนนเกษตร-นวมินทร์ (ประเสริฐมนูกิจ) ก็สามารถไปได้ง่ายๆ จากซอยลาดพร้าว 41 และถนนโชคชัย 4 ที่ตัดเข้าถนนลาดพร้าววังหินและถนนนาคนิวาส เชื่อมกับถนนสุคนธสวัสดิ์ก็เป็นเรื่องที่สะดวกรวดเร็วค่ะ   สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็สะดวกสบายไม่ต่างจากใช้รถส่วนตัวเลยนะคะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนลาดพร้าว ทำให้บริเวณหน้าโครงการมีรถโดยสารอย่าง แท็กซี่ รถเมล์ และวินมอเตอร์ไซค์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด ในขณะที่รถไฟฟ้า BTS ซึ่งเป็นเส้นทางหลักในการเข้าสู่ใจกลางเมืองก็อยู่ห่างออกไปไม่ไกลเพียงนั่งรถสาธารณะไปไม่กี่ป้ายก็ถึงสถานีหมอชิตแล้วค่ะ ที่สำคัญจุดเด่นของโครงการคืออยู่ติดรถไฟฟ้า MRT สถานีลาดพร้าว (ทางออกที่ 1) ด้วย ซึ่งสถานีลาดพร้าวในอนาคตจะเป็นสถานี Interchange เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงลาดพร้าว-พัฒนาการ) ที่จะไปเชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเทา (ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ) บนเส้นเลียบทางด่วนรามอินทราที่สถานีฉลองรัชอีกที ส่วน MRT พหลโยธิน จะอยู่ห่างจากสถานีลาดพร้าวเพียงหนึ่งสถานี ซึ่งในอนาคตก็จะทำการเชื่อมกับสถานีห้าแยกลาดพร้าว ของรถไฟฟ้าสายสีเขียว (ช่วงหมอชิต-คูคต) อีกด้วย เรียกได้ว่าถ้าในอนาคตรถไฟฟ้าทุกสายเรียบร้อยเมื่อไหร่ ตัวเลือกในการเดินทางของลูกบ้านของโครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว ก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้นค่ะ   ภาพรวมโครงการ โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว เป็นคอนโดมิเนียม High rise ระดับลักชัวรี่ สูง 27 ชั้น จำนวน 1 อาคาร บนเนื้อที่ 3-0-44 ไร่ ค่ะ ตัวอาคารเป็นสีน้ำตาลเข้มตกแต่งตัดกับเส้นตรงสีสว่างที่วิ่งรอบตัวตึกหันหน้าออกถนนลาดพร้าว รอบตัวอาคารโอบล้อมไปด้วยสวนหย่อมและต้นไม้สีเขียวขจีให้ความรู้สึกสวยงามน่าพักผ่อน ทั้งนี้ตัวโครงการถูกออกแบบและก่อสร้างด้วยระบบ BIM ทำให้มีความถูกต้อง มั่นคง และรวดเร็วมากขึ้นตามมาตรฐานของวิสซ์ดอม และการออกแบบแต่ละส่วนของโครงการนั้นได้นำเกณฑ์จากสถาบันอาคารเขียวไทยที่ได้รับความเชื่อถือมาประเมินคุณภาพ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพให้แก่ลูกบ้าน ซึ่งคุณภาพโครงการอยู่ในระดับ Gold ของเกณฑ์การประเมิน นอกจากนี้ทางโครงการยังออกแบบพื้นที่ให้ทุกคนใช้งานได้เท่าเทียมกัน เป็น Universal Design เอื้อต่อการใช้งานด้วยตัวเองในพื้นที่หลัก 3 ส่วน คือ ทางเข้า, ส่วนต้อนรับ และส่วนนันทนาการ โดยออกแบบทางลาด, บันได, พื้นกันลื่น, ปุ่มลิฟท์มีอักษรเบลล์ อีกทั้งยังออกแบบให้แต่ละยูนิตมี Space เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของการอยู่อาศัยที่แท้จริง   พื้นที่ภายในตั้งแต่ชั้น 1-4 จะเป็นที่จอดรถนะคะ ซึ่งสามารถจอดรถทั้งหมด 244 คัน รวมจอดซ้อนคันคิดเป็น 60% โดยแบ่งพื้นที่บริเวณชั้น 1 ให้เป็นโถง Lobby ขนาดใหญ่ รวมถึงที่ทำงานของนิติบุคคล มาพร้อมลิฟท์โดยสาร 4 ตัว และลิฟท์ Service 1 ตัว ในส่วนของห้องพักอาศัยจะเริ่มตั้งแต่ชั้น 5 ไปจนถึงชั้น 25 เลยนะคะ แต่บริเวณชั้น 5 จะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างสวนสวยและห้องสมุดรวมอยู่ด้วย ในส่วนของชั้น 26-27 จะเป็นพื้นที่ของห้อง Penthouse และ Duplex ส่วนดาดฟ้าชั้น 28 นั้นจะเป็น Facilities ส่วนกลางที่ทางโครงการใส่มาเอาใจลูกบ้านอย่างเต็มพิกัด อาทิ Sky Infinity Edged Swimming Pool, Fitness, Sky Lounge และ Sky Garden รอบสระว่ายน้ำ และแน่นอนว่าระบบรักษาความปลอดภัยก็ครบครันไม่แพ้กันค่ะ ซึ่งโครงการจะมีรปภ. คอยดูแลตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมกล้อง CCTV และใช้ Key Card ในการเข้าออกค่ะ แปลนของตัวอาคารเป็นรูปตัว L นะคะ สามารถเข้าออกได้ทางเดียวคือจากถนนลาดพร้าว แบ่งพื้นที่ออกเป็นสัดส่วนชัดเจน โดยชั้น Ground Floor จะเป็นส่วนของที่จอดรถ, Grand Lobby, ออฟฟิศนิติบุคคล, ลิฟท์โดยสารและ Mail box นะคะ เมื่อเข้าไปภายในตัวอาคารจะเจอโถง Grand Lobby ก่อนเลยค่ะ โถงต้อนรับถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นที่มีแนวคิดมาจากแสงไฟแห่งมหานคร ในรูปแบบ Vertical Sculpture ที่แทรกด้วยดวงไฟและกระจกเงาที่คอยสะท้อนแสงระยิบระยับอย่างสวยงาม ด้วยขนาดของพื้นที่บริเวณ Grand Lobby มีขนาดกว้างมากพอจะจัดมุมรับแขกได้หลายจุด หากลูกบ้านมีแขกมาเยี่ยมเยียนก็สามารถนั่งรอที่บริเวณล็อบบี้ได้สบาย มาในส่วนของโถงลิฟท์โดยสารกันบ้างค่ะ ซึ่งมีให้บริการลูกบ้านถึง 4 ตัว ทั้งยังดูโดดเด่นไม่เหมือนคอนโดทั่วไปด้วยการฝังเส้นไฟ LED ลงที่พื้นและผนัง ตัดกับผนังสีดำรอบๆ บริเวณโถงลิฟท์จะมีส่วนของ Mail Box ด้วยนะคะ แปลนของพื้นที่ชั้น 5 นะคะ ซึ่งจะเริ่มเป็นที่อยู่อาศัยตั้งแต่ชั้นนี้เป็นต้นไป แต่ความพิเศษของชั้น 5 นั้นจะมีพื้นที่ส่วนกลางอย่างสวนกลางแจ้ง และห้องสมุดรวมอยู่ด้วย ดูแปลนกันไปแล้ว เราขึ้นลิฟท์มาที่ชั้น 5 กันดีกว่าค่ะ โถงลิฟท์เป็นสีดำเรียบๆ มีประตูกั้นก่อนเข้าไปยังห้องพักอาศัยอีกชั้นหนึ่ง เพื่อความปลอดภัยและเป็นส่วนตัว บรรยากาศภายในห้องสมุดค่ะ ภายในห้องดูสูงโปร่ง โอบล้อมด้วยกระจกใส บริเวณข้างห้องสมุดเป็นสวนนะคะ ข้อดีของการมีสวนอยู่ใกล้ๆ ทำให้เวลาอ่านหนังสือสามารถพักสายตามองต้นไม้สีเขียวขจีได้ ภายในห้องสมุดจัดที่นั่งไว้สำหรับรองรับลูกบ้านหลายมุมเลยค่ะ พื้นที่สวนหย่อมบริเวณชั้น 5 ซึ่งลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจเลยค่ะ แปลนพื้นที่บริเวณ Rooftop ชั้น 28 นะคะ เมื่อเดินออกมาจากลิฟท์จะแบ่งพื้นที่ของเป็นสองฝั่งนะคะ โดยฝั่งซ้ายมือจะเป็นสวนล้อมรอบสระว่ายน้ำ และด้านขวาจะเป็นฟิตเนสพร้อม Sky Lounge มาที่ฝั่งซ้ายมือที่เป็นสระว่ายน้ำกันก่อนดีกว่าค่ะ ซึ่งเป็นพื้นที่ของ Sky Infinity Edged Pool ขนาด 7 x 31 เมตร โดยสระเป็นระบบเกลือนะคะ มีความลึกที่ 1.20 – 1.50 เมตรไล่ระดับลงไป บริเวณข้างสระจะเป็นสระว่ายน้ำสำหรับเด็กค่ะ เวลาลูกบ้านใช้สระว่ายน้ำก็จะได้ชมวิวเมืองจากฝั่งลาดพร้าวแบบนี้เลยนะคะ พื้นที่มีปลายสระจะมี Sky Terrace สร้างสูงขึ้นไปหนึ่งชั้น ลูกบ้านสามารถขึ้นไปนั่งเล่นชมวิวได้อย่างเพลิดเพลิน อีกทั้งพื้นที่ด้านล่างยังเป็น Jacuzzi อีกด้วยค่ะ บริเวณสระจะมี Sculpture ของศาลาที่ทำให้สระนี้มีส่วนที่เป็นทั้ง Indoor & Outdoor นะคะ ซึ่งเวลากลางวันลูกบ้านกลัวแดดร้อนก็สามารถ ก็เลี่ยงหลบแสงแดดได้ บรรยากาศของสะว่ายน้ำยามค่ำคืนค่ะ ซึ่งจะมีไฟล้อมรอบสระเสมือนว่ายน้ำอยู่ใกล้ดวงดาว เดินกลับมาที่ฝั่งด้านขวาจะเป็น Fitness นะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ Sky Lounge ออกแบบให้ดูสูงโปร่งด้วยเพดานแบบ Double Volume ให้ลูกบ้านได้พักผ่อนอิ่มเอมไปกับบรรยากาศที่เหนือกว่าคอนโดใดๆ ด้วยวิวแบบพาโนรามา ซึ่งผนังโดยรอบเป็นกระจกสูงขึ้นไปเสมอฝ้าเลยค่ะ ภายในจึงสว่างและโปร่งมาก แต่ผนังทึบด้านหลังห้องและเพดานจะเป็นแบบ Fiber Optic ที่เล่นแสงสร้างบรรยากาศในช่วงกลางคืนให้ลูกบ้านรู้สึกเสมือนอยู่ใกล้ดวงดาวนั่นเองค่ะ พื้นที่รอบๆ ห้องจะเป็นสวนไม้ประดับล้อมรอบห้องเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมองวิวรอบด้านได้ถึง 270 องศา   เปิดแบบห้อง Whizdom Avenue Ratchada – Ladprao สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว มีทั้งหมด 497 ยูนิตนะคะ ซึ่งมีให้เลือกด้วยกันถึง 5 แบบ ตั้งแต่ Studio  ขนาด 27 ตารางเมตร, 1 Bedroom ขนาด 27-37 ตารางเมตร, 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 47-56 ตารางเมตร, Duplex ขนาดตั้งแต่ 76-77 ตารางเมตร และ Penthouse ขนาดตั้งแต่ 105-129 ตารางเมตร ซึ่งปัจจุบันตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้ นั่นคือห้อง 1 Bedroom Type B1 ขนาด 30.90 ตารางเมตร และ 2 Bedroom Type C3 ขนาด 55.61 ตารางเมตร ค่ะ   ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบมาเพื่อความโปร่งโล่งสบาย ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของลูกบ้านอย่างแท้จริงเลยนะคะ โดยโครงการออกแบบระยะต่างๆ เพื่อการใช้งานที่สะดวกและถูกสุขลักษณะ เหมาะสมกับระยะร่างกายของทุกคน เช่น ระยะห่างรอบเตียงนอนอย่างน้อย 0.55 เมตร, ระยะรอบเตียงก้านที่มีตู้เสื้อผ้า หรือโต๊ะทำงานต้องห่างอย่างน้อย 0.70 เมตร ไม่เพียงเท่านี้ยังใส่ใจในการเลือกวัสดุทุกอย่างให้ลูกบ้านปลอดภัยต่อสุขภาพด้วยค่ะ ไม่ว่าเป็นการติดตำแหน่งไฟที่ต้องไม่อยู่ตรงกับเตียงและที่นั่ง เพื่อลดความร้อนที่ส่องศีรษะ ลดการเกิดเงาเวลาอ่านหนังสือ รวมไปจนถึงติดตั้งเครื่องปรับอากาศให้อยู่ในตำแหน่งลมเย็นเป่าด้านข้างของเตียงนอนเพื่อลดโอกาสเกิดความเจ็บป่วยนั่นเอง แต่ Layout ของแต่ละห้องจะเป็นยังไง มาดูไปพร้อมๆ กันเลยค่ะ แปลนห้อง 1 Bedroom Type B1 ขนาด 30.90 ตารางเมตร เปิดประตู Digital Door lock เข้ามาจะเจอส่วนนั่งเล่นก่อนเลยนะคะ พื้นที่ถัดเข้าไปด้านในทางซ้ายจะเป็นห้องครัว และทางขวาเป็นห้องนอนค่ะ ซึ่งภายในห้องนี้ทางโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Calvin Klein ไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมด พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกำลังดีเลยนะคะ จากภาพจะเห็นได้ว่าสามารถวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่ง และยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างได้อีกด้วย พื้นที่ตรงข้ามโซฟาจะเป็นคอนโซลทีวีนะคะ ซึ่งมีระยะห่างกันประมาณ 2 เมตรกว่าๆ ทำให้เหลือพื้นที่สามารถวางโต๊ะกลางได้ด้วย ในห้องจะได้แอร์ 2 ตัวนะคะ คือบริเวณห้องนั่งเล่นและห้องนอน ซึ่งตำแหน่งการติดตั้งแอร์ก็ได้คำนึงถึงประสิทธิภาพของลูกบ้านแล้วด้วย โดยตำแหน่งแอร์จะต้องไม่สัมผัสหน้าผู้อยู่อาศัยโดยตรง เพื่อกันปัญหาความเจ็บป่วย มุมมองจากบริเวณโซฟา ติดกับพื้นที่นั่งเล่นจะเป็นครัวนะคะ ถัดจากครัวนั้นเป็นห้องนอนและห้องน้ำค่ะ ส่วนครัวนั้นจะกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อนแบบ 3 ตอนนะคะ เพื่อป้องกันกลิ่นรบกวนเวลาประกอบอาหาร การที่กั้นห้องครัวด้วยกระจกก็เพื่อทำให้แสงสว่างสาดส่องเข้ามาที่ห้องนั่งเล่นด้วย ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย ชุดครัวนั้นก็จะได้ตามภาพเลยนะคะ ซึ่งประกอบไปด้วยเคาน์เตอร์พร้อมตู้เก็บของแบบมีหน้าบานเปิด-ปิด และไม่มีหน้าบาน โดยมาพร้อมอ่างล้างจาน เตาไฟฟ้า และเครื่องดูดควัน พื้นที่ด้านในสุดติดกับห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งข้อดีของระเบียงติดครัวคือช่วยระบายอากาศเวลาประกอบอาหารนั่นเอง ตรงข้ามเคาน์เตอร์ครัวยังเหลือพื้นที่สำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ 2 ที่นั่งได้ดั่งในภาพเลยนะคะ ระเบียงปูพื้นด้วยกระเบื้องเซรามิกชนิดกันลื่นนะคะ ขนาดของระเบียงก็กว้างกำลังดีเลยนะคะ สามารถวางเครื่องซักผ้าและราวตากผ้าได้สบาย ส่วนราวระเบียงเป็นระแนงเหล็กสีดำดูแข็งแรงทนทาน มุมมองจากระเบียงออกไป จะเป็นวิวเมืองที่ไม่มีอะไรมาบดบังสายตานะคะ คอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนนะคะ โดยทางโครงการได้ซ่อนไว้ให้แล้ว อีกทั้งยังกรุไม้ระแนงปิดฝ้าเพดานไว้ให้เรียบร้อย กลับเข้ามาด้านในส่วนของห้องนอนกันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี ห้องนอนจะถูกโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งเป็นหน้าต่างบานกระทุ้ง 2 บานด้านข้าง และที่เหลือเป็นบาน Fix กรอบอลูมิเนียม ติดกระจกเขียวตัดแสงทั้งหมด พื้นที่ข้างเตียงติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ภายในมีที่ให้เก็บของได้เยอะทีเดียว ตัวบานพับจะใช้แบบ Soft closed ค่ะ เมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย ออกมาจากห้องนอน ติดกันนั้นเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน พร้อมปูกระเบื้องทั้งพื้นและผนังเป็นสีเทาเข้มและอ่อน จัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก โดยใช้สุขภัณฑ์จาก Cotto ทั้งหมด ยกเว้นเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าจะเป็นของ I-SPA ค่ะ บริเวณโซนเปียก ทางโครงการจะติดฉากกั้นอาบน้ำด้วยประตูกระจกนิรภัยมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ทั้งยังเจาะช่องด้านในไว้ให้ลูกบ้านได้วางของใช้ส่วนตัวด้วย อ่างล้างหน้าบนเคาน์เตอร์จะเป็นแบบฝังนะคะ ซึ่งบริเวณผนังทางโครงการได้ทำปลั๊กไฟแบบมีฝาครอบกันน้ำมาให้เรียบร้อยแล้ว อีกหนึ่งจุดเด่นของโครงการคือการออกแบบทางเข้าห้องพักให้ลึกเข้าไป เหมือนเป็น Foyer ส่วนตัวของแต่ละห้อง ซึ่งเวลาที่เปิดประตูหรือมีแขกมาเยี่ยมเยียน ลูกบ้านห้องอื่นก็จะมองไม่เห็นนั่นเองค่ะ   ห้องตัวอย่างต่อมาที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง 2 Bedroom Type C3 ขนาด 55.61 ตร.ม. จะต่างจากห้อง 1 Bedroom แบบแรกทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout เลยนะคะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะมีโถงกลางขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่ครัวแบบเปิดที่เชื่อมต่อกับมุมรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นพร้อมระเบียงด้านในสุดสำหรับซักล้างหรือตากผ้า ส่วนห้องนอนจะถูกแบ่งออกไปทางฝั่งซ้ายและฝั่งขวา โดยห้องนอนเล็กจะใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องโถงกลาง ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำให้ในตัวค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom Type C3 ขนาด 55.61 ตร.ม. เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วนรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่นที่อยู่ติดริมระเบียงก่อนเลยนะคะ ภายในห้องบริเวณโถงกลางจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมรวมระหว่างครัว พื้นที่รับประทานอาหาร และมุมนั่งเล่นเข้าไว้ด้วยกัน ครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน เป็นแบบ One Wall-Kitchen เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ ขนาดของเคาน์เตอร์และชั้นเก็บของด้านบนจะมีขนาดยาวขึ้นเล็กน้อยตามขนาดของห้อง แต่ตัววัสดุที่ใช้รวมถึงเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นยังคงเหมือนกับห้องตัวอย่างแรกค่ะ พื้นที่ข้างเคาน์เตอร์ครัวสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 4 ที่นั่งได้สบายๆ เลยนะคะ พื้นที่ติดกับครัวด้านในจะเป็นห้องน้ำและห้องนอนเล็กค่ะ เรามาดูที่ห้องน้ำกันก่อนเลยค่ะ ภายในห้องแบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 3 ฟุตครึ่ง นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ เดินกลับมาที่โถงกลาง มุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ พื้นที่นั่งเล่นมีขนาดกว้างกำลังดี ซึ่งลูกบ้านสามารถจัดวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งได้สบาย พร้อมเหลือพื้นที่ด้านไว้สำหรับวางโต๊ะข้างด้วย หรือหากลูกบ้านอยากวางโซฟาตัวยาว 3 ที่นั่งก็ยังพอไหวค่ะ เพียงแต่จะไม่สามารถวางโต๊ะข้างได้ ซึ่งมุมนั่งเล่นจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ ระยะห่างของโซฟากับทีวีของห้องนี้จะห่างเกือบ 2 เมตรนะคะ ซึ่งก็เหมาะสำหรับวางทีวีขนาด 42 นิ้วขึ้นไป ทั้งนี้ประตูด้านขวาข้างคอนโซลทีวีคือห้องนอนใหญ่ค่ะ ระเบียงมีขนาดกว้างสามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ เลยค่ะ ในส่วนของคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเหมือนห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ โดยทางโครงการได้ซ่อนไว้ให้แล้ว พร้อมยังกรุไม้ระแนงปิดฝ้าเพดานให้เรียบร้อยอีกด้วย ระเบียงอีกฝั่งหนึ่งสามารถวางเครื่องซักผ้าได้นะคะ โดยทางโครงการได้เดินสายไฟพร้อมท่อน้ำไว้ให้เรียบร้อยแล้ว กลับเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนะคะ คือโซนพักผ่อน และโซน Walk-in Closet ที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง ซึ่งลูกบ้านสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตได้ โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ พื้นที่ปลายเตียงมีที่เหลือมากพอสำหรับวางตู้หรือติดทีวีที่ผนังได้ด้วยค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอน ซ้ายมือจะเป็น Walk-in Closet ที่อยู่ติดห้องน้ำแบบ Sexy bath ค่ะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินเหมือนกับห้องนอนเล็กเลยนะคะ ซึ่งพื้นที่ตรงกลางสามารถวางโต๊ะเครื่องแป้งได้อย่างพอดิบพอดี ประตูห้องน้ำของห้องนอนใหญ่จะเป็นแบบเลื่อนนะคะ ภายในห้องน้ำใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนๆ กับห้องน้ำด้านนอก จะต่างกันแค่ทางเข้าห้องน้ำจะตรงกับอ่างล้างหน้า และแบ่งด้านซ้ายเป็นโซนอาบน้ำ ส่วนด้านขวาจัดวางโถสุขภัณฑ์ พื้นที่อาบน้ำจะเป็นแบบ Sexy Bath ที่กรุผนังด้วยกระจกใส หากลูกบ้านอยากเพิ่มความเป็นส่วนตัวก็สามารถติดม่านมู่ลี่เพิ่มเติมได้เหมือนห้องตัวอย่างเลยค่ะ   ห้องทุกยูนิตของโครง วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว จะเปิดขายแบบ Fully Fitted มาพร้อมเครื่องปรับอากาศ, ตู้เสื้อผ้า, เคาน์เตอร์ครัว และสุขภัณฑ์ในห้องน้ำนะคะ โดยโครงสร้างอาคาร, ประตู-หน้าต่าง จะมีการรับประกันอยู่ที่ 30 ปี และในทุกๆ ปีก็จะมีหน่วยงาน Premium Care มาคอยตรวจเช็คสุขภาพของห้องให้ด้วยค่ะ   สำหรับคนที่สนใจไม่ว่าจะเป็นการซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือปล่อยเช่า ต้องบอกว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากนะคะ เพราะปัจจุบันค่าเช่าคอนโดในย่านนี้ให้ผลตอบแทนค่อนข้างสูง แถมโครงการนี้ก็สร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วด้วย ไม่ต้องอดทนรออีกนานกว่าจะได้อยู่จริง ใครที่กำลังมองหาคอนโดดีๆ ติดรถไฟฟ้าใต้ดินแบบนี้สักห้อง แนะนำให้แวะเข้าไปเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1265 หรือ https://mqdc.com/whizdom-ratchada-ladprao/
CHATEAU IN TOWN SUKHUMVIT 64/1 ขยายชีวิต…ใกล้อนาคต : รีวิวคอนโด

CHATEAU IN TOWN SUKHUMVIT 64/1 ขยายชีวิต…ใกล้อนาคต : รีวิวคอนโด

รีวิวฉบับนี้ เรานั่งรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีปุณณวิถีกันค่ะ ซึ่งเดินต่อเข้ามาในซอยสุขุมวิท 64/1 อีกหน่อยก็เจอคอนโดอยู่หลายโครงการเหมือนกันนะคะ ทั้งโครงการที่สร้างเสร็จนานแล้วและโครงการใหม่ที่ดูน่าสนใจอย่าง “CHATEAU IN TOWN SUKHUMVIT 64/1 (ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1)” ของ บริษัท พระยาพาณิชย์พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด ที่พลิกโฉมใหม่ ปรับภาพลักษณ์แบรนด์ออกแบบให้เข้ากับยุค 2017 ในสไตล์โมเดิร์น ภายใต้แนวคิด “ขยายชีวิต ให้ใกล้อนาคต” ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ได้เป็นอย่างดี โดยมีจุดเด่นอยู่ใกล้รถไฟฟ้า เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ล่าสุดตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้   ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1 ตั้งอยู่บนทำเลศักยภาพในซอยสุขุมวิท 64/1 ค่ะ ถึงจะเป็นโครงการที่อยู่เข้ามาในซอย แต่ก็เป็นซอยที่เชื่อมต่อกับถนนหลากหลายเส้นทางเลยนะคะ สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ก็สะดวกสบายจริงๆ ค่ะ เพราะนอกจากจะใช้ถนนสุขุมวิทที่เป็นถนนสายหลักในกรุงเทพฯ วิ่งเข้าเมืองไปทางอ่อนนุช เอกมัย ทองหล่อ ได้ง่ายๆ หรือจะใช้ถนนสุขุมวิทขาออกนอกเมืองไปทางสี่แยกบางนาแล้วเลือกไปทางสำโรงหรือจะใช้ถนนบางนา-ตราด ออกไปทางบางพลี ตรงยาวไปถึงพัทยาก็สะดวกเช่นกันค่ะ หากใครเบื่อรถติดก็สามารถไปขึ้นทางด่วนเฉลิมมหานครได้ที่ซอยสุขุมวิท 62 ที่อยู่ห่างเพียง 2 กิโลเมตรค่ะ หรือขับลึกเข้าไปในซอยซึ่งจะไปรวมกับซอยสุขุมวิท 64 ตัดทางพิเศษเฉลิมมหานครวิ่งเลียบแม่น้ำเจ้าพระยาไปออกถนนทางรถไฟเก่า และถนนสรรพาวุธได้อีกด้วยค่ะ   ในส่วนของการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็จัดว่าเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากๆ ค่ะด้วยทำเลโครงการที่ตั้งอยู่บนจุดเชื่อมต่อใจกลางเมืองสุขุมวิทนอกจากจะใกล้รถไฟฟ้าสถานีปุณณวิถีเพียง 250 เมตร บริเวณหน้าซอยยังมีรถเมล์ รถแท็กซี่ และวินมอเตอร์ไซด์ผ่านไปมาอยู่ตลอด นอกจากนี้ยังแวดล้อมไปสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบถ้วนทั้งร้านค้า, ธนาคาร, สถานศึกษา, วัด, สถานพยาบาล ขณะเดียวกันแหล่งช็อปปิ้งก็ไม่ได้อยู่ไกลเกินไปเลยค่ะ เช่น ปิยรมย์ เพลส, เทสโก้ โลตัส อ่อนนุช, บิ๊กซี อ่อนนุช (เอ็กซ์ตร้า), Century the movie plaza เป็นต้น     เจาะลึกโครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1 เป็นคอนโด Low Rise สูง 8 ชั้น จำนวน 1 อาคาร จุดเด่นของโครงการจะเน้นเรื่องโครงสร้างที่มั่นคงแข็งแรง ประกอบกับความเป็นส่วนตัวที่เหมาะกับการพักอาศัยอย่างแท้จริง แม้ทำเลที่ตั้งของโครงการจะอยู่ใกล้รถไฟฟ้าในระยะที่เดินเท้าได้ แต่เมื่อมาถึงที่โครงการแล้วจะสัมผัสได้ถึงความเงียบสงบและความเป็นส่วนตัวที่ไม่วุ่นวาย ในขณะที่จำนวนยูนิตรวมทั้งโครงการก็มีเพียง 222 ยูนิต จำนวนห้องต่อชั้นจึงมีไม่มากลูกบ้านจึงไม่แออัดเหมือนคอนโดทั่วไป ทั้งยังมาพร้อมฟังก์ชั่นที่ออกแบบให้เป็นสัดส่วน มีห้องนอน ห้องนั่งเล่นที่มาพร้อมห้องครัวแบบแยกกันทุกห้อง แถมทำเลนี้ยังได้ที่จอดรถถึง 50% (รวมจอดซ้อนคัน) เลยค่ะ เรียกได้ว่าราคาและความคุ้มค่าระดับนี้นับว่าใช้ได้กับทำเลสุขุมวิทที่ใกล้รถไฟฟ้า ในราคาไม่ถึง 100,000 บาท ต่อ ตร.ม. รูปอาคารจะมีลักษณะตัว C นะคะ โดยพื้นที่ชั้น 1 จะเป็นที่จอดรถและพื้นที่ส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำและห้องซาวน่า สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาด 4 x 20 เมตร ทางโครงการเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้แก่ลูกบ้านเวลาว่ายน้ำ โดยออกแบบกำแพงล้อมรอบสระว่ายน้ำพร้อมปลูกต้นไม้เขียวขจีเพิ่มความเป็นธรรมชาติ ห้องน้ำแยกระหว่างหญิงและชายที่อยู่ติดกับสระว่ายน้ำ ภายในห้องน้ำในสุดจะเป็นส่วนของ Sauna ค่ะ บรรยากาศภายในห้อง Sauna แปลนชั้น 2-8 จะเป็นที่พักอาศัยนะคะ ซึ่งความพิเศษของชั้น 2 จะมีห้องฟิตเนสรองรับลูกบ้านด้วย บรรยากาศภายในห้องฟิตเนสที่ครบครันด้วยอุปกรณ์ออกกำลังกายแบบทันสมัย ผนังฝั่งหนึ่งของห้องฟิตเนสจะล้อมรอบด้วยกระจกใสนะคะ ทำให้เวลาลูกบ้านออกกำลังกายได้ชมวิวไปในตัว   และด้วยความที่ทางโครงการเน้นเรื่องบรรยากาศความเป็นส่วนตัวในการพักอาศัย Facility จึงถูกแบ่งเป็นสัดส่วน โดยสระว่ายน้ำระบบธาราบำบัดและห้องสตรีมจะอยู่ที่บริเวณชั้น 1 ในขณะที่ห้องฟิตเนสจะอยู่ที่ชั้น 2 ค่ะ ซึ่งถือว่าครบถ้วนมากๆ สำหรับคอนโดมิเนียม Low Rise แบบนี้ แถมข้อดีคือมีคนแบ่งใช้ Facility ส่วนกลางน้อยกว่าคอนโดทั่วไปด้วยค่ะ   เปิดห้องตัวอย่าง มาถึงห้องตัวอย่างกันแล้วค่ะ อย่างที่บอกไปข้างต้นว่าโครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1 มียูนิตรวมทั้งหมด 222 ยูนิต แบ่งออกเป็นห้องแบบ 1 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 28.02 – 43.01 ตร.ม. และ 2 Bedroom ขนาด 44.86 ตร.ม. ค่ะ ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบมาเพื่อความโล่ง โปร่ง สบาย โดยแยกพื้นที่นั่งเล่น ครัวและห้องนอนออกจากกัน ซึ่งจะต่างจากคอนโด Low Rise ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัดเลยนะคะ เพราะราคาระดับนี้แทบจะไม่มีโครงการไหนทำห้องครัวแบบปิดแยกออกมาเลยค่ะ ส่วนใหญ่ก็มีแค่ Pantry เล็กๆ เท่านั้น นอกจากนี้ห้องทุกยูนิตของโครงการ ยังเปิดขายมาแบบ Fully Furnished ด้วยค่ะ เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องก็ถูกออกแบบโดยคำนึงถึงการใช้สอยของลูกบ้านได้เป็นอย่างดี และทุกยูนิตจะได้แอร์ 2 ตัว โดยติดตั้งไว้ในห้องนั่งเล่นและห้องนอนเหมือนกันเลยนะคะ   สำหรับห้องตัวอย่างห้องแรกที่เราได้ชมก็คือ 1 Bedroom Type A6 ขนาด 29.43 ตร.ม ซึ่งเป็นขนาดที่มีจำนวนยูนิตเยอะที่สุดค่ะ ฟังก์ชั่นภายในห้องออกแบบมาเป็นอย่างดีเลยทีเดียว มีการกั้นแบ่งพื้นที่มาให้เรียบร้อย โดยห้องครัวและห้องน้ำจะแยกไปอยู่ทางด้านหนึ่ง เพียงแค่กันประตูกระจกเพิ่มก็จะได้ครัวแบบปิด ป้องกันเรื่องกลิ่นรบกวนได้มากขึ้นเพราะครัวอยู่ติดระเบียง สามารถเปิดประตูระเบียงช่วยระบายกลิ่นได้ดี ในขณะที่ Living Area และห้องนอนก็มีประตูกั้นทึบมาให้ ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวมากขึ้นหากมีแขกมาที่ห้อง แปลนห้อง 1 Bedroom Type A6 ขนาด 29.43 ตร.ม เปิดประตูเข้ามาในห้องจะเจอส่วน Living Area ก่อนเลยค่ะ ทางโครงการได้จัดวางโซฟาตัวยาวขนาด 2 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่างในส่วน Living Area นะคะ จะเห็นได้ว่าบริเวณตรงกลางมีพื้นที่เหลือมากพอสำหรับวางโต๊ะกลางด้วย พื้นที่ข้างโซฟา ทางโครงการจะบิลต์อินชั้นมาให้เสร็จสรรพเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถใช้เป็นมุมรับประทานอาหาร หรือจะทำเป็นมุมทำงานเหมือนดั่งห้องตัวอย่างก็ได้เช่นกันค่ะ ซึ่งมุมนี้จะอยู่ติดกับห้องนอนนะคะ โดยทางโครงการออกแบบหน้าต่างบานสไลด์ไว้เพื่อความโปร่งโล่ง พื้นที่ฝั่งตรงข้ามโซฟาจะเป็นคอนโซลทีวีค่ะ ซึ่งลูกบ้านไม่จำเป็นต้องติดแอร์เพิ่มแล้วนะคะ เพราะทางโครงการติดตั้งมาให้เรียบร้อยแล้ว ติดกับคอนโซลทีวีจะเป็นห้องครัวนะคะซึ่งมีประตูบานเลื่อนกั้น ติดกันนั้นเป็นห้องนอนค่ะมีประตูบานทึบกั้นกลาง เข้ามาในส่วนของห้องนอนกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องนอนดูโปร่งโล่งสบาย โอบล้อมด้วยกระจกใส เอื้อต่อการพักผ่อน พื้นที่บริเวณรอบเตียงสามารถเดินได้ด้วยนะคะ ไม่รู้สึกอึดอัดคับแคบแต่อย่างใด ทางโครงการจะบิลต์อินต์โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้ามาให้ในห้องนอนเรียบร้อยแล้วค่ะ หากใครชอบนอนดูทีวีในห้องนอน ก็สามารถติดได้ที่ผนังด้านปลายเตียงค่ะ ซึ่งทางโครงการจะแถมแอร์มาให้ในห้องนอนเรียบร้อยแล้วค่ะ ออกจากห้องนอนมาจะเป็นพื้นที่ของส่วนครัว เคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ แต่ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระเบื้องโมเสค ทางโครงการจะเว้นช่องสำหรับวางไมโครเวฟ เครื่องซักผ้า มาให้แล้วค่ะ ซึ่งก็มาพร้อมเตาไฟฟ้าและเครื่องดูดควันด้วย ติดกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นระเบียงนะคะ โดยมีประตูบานเลื่อนกั้นกลาง ข้อดีของระเบียงที่อยู่ติดครัวก็ช่วยระบายอากาศเวลาประกอบอาหารนั่นเองค่ะ พื้นที่ระเบียงกว้างขวางดีทีเดียวค่ะ มาพร้อมก๊อกน้ำ และติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบน กลับเข้ามาด้านในสุดติดกับครัวจะเป็นห้องน้ำค่ะ ซึ่งสุขภัณฑ์ภายในห้องน้ำจะได้ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกโซนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน ส่วนเปียกจะมีบานกระจกกั้นพร้อมยกธรณีสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อกันน้ำกระเด็นมาส่วนแห้ง   ห้องตัวอย่างห้องที่สองที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง 1 Bedroom Type E2 ขนาดห้อง 38.49 ตร.ม. ซึ่งห้องนี้จะต่างจากห้อง 1 Bedroom แบบแรกทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout ของห้องค่ะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะมีพื้นที่เหลือสำหรับวางตู้รองเท้าก่อน ในขณะที่พื้นที่โถงกลางกว้างพอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารและวางโซฟาตัวยาวในส่วนของ Living Area ที่อยู่ติดกับห้องนอน ติดกันเป็นห้องครัวและห้องน้ำที่แยกออกมาอยู่ในโซนด้านเดียวกันโดยมีประตูบานเลื่อนกั้นกลาง พร้อมระเบียงด้านในสุดสำหรับซักล้างหรือตากผ้า แปลนห้อง 1 Bedroom Type E2 ขนาดห้อง 38.49 ตร.ม. เปิดประตูเข้ามาจะมีพื้นที่แคบลึกเล็กๆ ก่อนต่อเนื่องไปยังโถงกลางนะคะ พื้นที่ข้างประตูสามารถวางตู้รองเท้าเหมือนดั่งห้องตัวอย่างเลยนะคะ ภายในห้องบริเวณโถงกลางจัดฟังก์ชั่นแบบ Open Plan หลอมรวมระหว่างมุมนั่งเล่นและมุมรับประทานอาหารเข้าไว้ด้วยกัน มุมรับประทานอาหารที่ลูกบ้านสามารถวางตู้หรือชั้นติดผนังได้ พร้อมกับโต๊ะรับประทานอาหารโดยไม่รู้สึกคับแคบเลยนะคะ ทั้งยังดูโปร่งโล่งเพราะอยู่ติดกับหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ มุมมองจากโต๊ะรับประทานอาหารที่เชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่น ทางโครงการจะติดตั้งแอร์ไว้ให้แล้วนะคะ จากโซฟาและคอนโซลทีวีมีระยะห่างกว้างขวางทีเดียวค่ะ ซึ่งลูกบ้านสามารถวางโต๊ะกลางได้สบายๆ บริเวณข้างโซฟาติดกับผนังห้องนอนจะมีพื้นที่เหลือพอสำหรับวางของด้วยค่ะ ซึ่งเอกลักษณ์ของโครงการก็คือมีหน้าต่างบานเลื่อนเล็กๆ เชื่อมกับห้องนอนเพื่อเพิ่มความโปร่งโล่งให้แก่ห้องมากขึ้นค่ะ ภายในห้องนอนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้เป็นตัวอย่าง แต่ลูกบ้านสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตก็ยังได้ค่ะ เพราะบริเวณรอบๆ เตียงมีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย Layout ห้องนอนจะคล้ายๆ กับห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ ซึ่งทางโครงการได้บิลต์อินโต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดเพดานมาให้ด้วย พื้นที่ปลายเตียงสามารถวางโต๊ะหรือตู้ได้สบายๆ เลยนะคะ หรือหากใครอยากดูทีวีก็สามารถติดตั้งไว้ที่ผนังได้เช่นกัน ซึ่งลูกกบ้านไม่ต้องซื้อแอรืเพิ่มนะคะ เพราะทุกยูนิตจะแถมแอร์ 2 ตัว (ห้องนั่งเล่นและห้องนอน) ออกมาจากห้องนอนมาต่อที่ห้องครัวกันดีกว่าค่ะ ซึ่งทางโครงการ Built-in เคาน์เตอร์ครัวมาให้ พร้อมชั้นลอยวางของด้านบนตามภาพเลยค่ะ ครัวจะมาพร้อมเตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน อ่างล้างจานและเว้นที่สำหรับวางเครื่องใช้ไฟฟ้าไว้ให้แล้วนะคะ แต่ผนังเหนือเคาน์เตอร์นั้นจะได้เป็นผนังฉาบเรียบสีขาวค่ะ ติดกับห้องครัวจะเป็นระเบียงค่ะ ซึ่งก็มีขนาดกว้างขวางสำหรับวางราวตากผ้าได้สบายๆ แถมคอมเพรสเซอร์แอร์จะแขวนอยู่ด้านบน และการที่ระเบียงอยู่เชื่อมต่อกับส่วนครัวก็ช่วยในการระบายกลิ่นเวลาประกอบอาหารได้เป็นอย่างดี กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ในสุดจะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่ส่วนเปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง ภายในห้องอาบน้ำจะได้อุปกรณ์ตามภาพเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการได้เจาะช่องไว้สำหรับให้ลูกบ้านวางของใช้ส่วนตัวได้ด้วย บริเวณโซนล้างหน้าจะได้กระจกบานใหญ่สูงจรดเพดานแบบในห้องตัวอย่างเลยนะคะ ข้อดีของกระจกก็ช่วยสะท้อนหลอกตาให้ห้องดูกว้างมากขึ้นนั่นเองค่ะ   ห้องทั้งหมดของโครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1  ที่เราพาไปชมในครั้งนี้ จะขายพร้อมเฟอร์นิเจอร์ Built-in ตามที่เห็นในห้องตัวอย่างเลยนะคะ ชั้นวางของ เคาน์เตอร์ครัว เตาไฟฟ้า เครื่องดูดควัน เครื่องปรับอากาศได้ครบ เรียกว่าพร้อมให้เข้าอยู่ในราคาเริ่มต้นที่ 2.69 ล้านบาท แถมจองเพียง 10,000 บาท และฟรีค่าใช้จ่ายวันโอน* ต้องบอกว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับคนที่ต้องการที่อยู่ในย่านปุณณวิถี ใกล้รถไฟฟ้าและสามารถเดินทางเข้านอกออกเมืองได้สะดวก ที่สำคัญตัวโครงการสร้างเสร็จแล้ว พร้อมเข้าอยู่แล้วค่ะ ซึ่งทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า สถานีปุณณวิถี เพียง 250 เมตร นี่ต้องบอกว่าเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดในตัดสินใจได้ไม่ยากเลยค่ะ   นอกจากนี้ภายในโครงการ ชาโตว์ อินทาวน์ สุขุมวิท 64/1 เองก็จัดเตรียม Facility ไว้อย่างหรูหราครบครันมากๆ ในขณะที่พื้นที่โดยรอบก็มีความอุดมสมบูรณ์ มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อให้เลือกมากมาย ถ้าใครที่ยังไม่เคยไปชมโครงการหรือกำลังตัดสินใจเลือกซื้อคอนโดฯ ในแถบนี้อยู่แนะนำให้ไปชมบรรยากาศจริงดูค่ะ จะได้ตัดสินใจง่ายขึ้น แต่ต้องขอบอกเลยค่ะไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือลงทุนก็คุ้มค่าแน่นอนค่ะ เพราะในอนาคตการขยายตัวของตัวเมือง ทำให้การครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในทำเลนี้มีโอกาสที่จะเติบโตสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ สำหรับคนที่สนใจไม่ควรพลาดคอนโดมิเนียมคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึงแบบนี้เลยนะคะ   สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.chateauintown-sukhumvit.com หรือโทร. 063-903-3718