Tag : บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน)

5 ผลลัพธ์
โฮมโปร ชี้กลยุทธ์พัฒนาสินค้า Private Brand ชูจุดต่าง ดีไซน์ ฟีเจอร์  ฟังก์ชัน ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม Segment เชื่อสัดส่วนเพิ่ม  25% ในอนาคต

โฮมโปร ชี้กลยุทธ์พัฒนาสินค้า Private Brand ชูจุดต่าง ดีไซน์ ฟีเจอร์ ฟังก์ชัน ตอบโจทย์ทุกกลุ่ม Segment เชื่อสัดส่วนเพิ่ม 25% ในอนาคต

โฮมโปร เผยกลยุทธ์การพัฒนาสินค้ากลุ่ม Private Brand หลังพบแนวโน้มการเติบโตต่อเนื่อง ชูกลยุทธ์ 3 จุดต่างด้าน ดีไซน์ ฟีเจอร์ และฟังก์ชัน ในระดับคุณภาพดี ราคาย่อมเยา เพื่อตอบโจทย์ทุกกลุ่ม Segment ลูกค้า ที่มีความต้องการแตกต่างกัน เชื่อมั่นจะสามารถเพิ่มสัดส่วนการเติบโตเป็น 25% ในอนาคต นางสาวสิริวรรณ เสริมชีพ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายสื่อสารการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือโฮมโปร ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร  เปิดเผยว่า จากการเปลี่ยนแปลงของตลาดและพฤติกรรมการเลือกซื้อ เลือกใช้สินค้าของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปด้วยเทคโนโลยี และความหลากหลายของสินค้าที่มีให้เลือกเพิ่มมากขึ้น โฮมโปร ในฐานะธุรกิจ Retail ที่ดำเนินธุรกิจมาเป็นระยะเวลายาวนานกว่า 22 ปี ได้ศึกษา วิจัย และนำไปสู่การปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกับตลาด และเข้าถึงความต้องการภายใน (Insight) ของผู้บริโภค โดยเฉพาะในด้านการพัฒนาสินค้ากลุ่ม ไพรเวทแบรนด์ (Private Brand) ที่ปัจจุบันสามารถสร้างสัดส่วนรายได้ได้ถึง 20%   และเพื่อตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น โฮมโปรได้พัฒนาสินค้ากลุ่ม ไพรเวทแบรนด์ (Private Brand)  ใหม่พร้อมยกระดับสินค้าจาก Good เป็น Better  และ Best ตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้า,เฟอร์นิเจอร์ ของตกแต่งบ้าน, ห้องน้ำ, ห้องครัว, เครื่องมือช่าง และอุปกรณ์เกี่ยวกับการทำความสะอาด ด้วยกลยุทธ์การสร้างความแตกต่าง (Differentiation) ที่ต้องมีคุณค่ากับผู้บริโภคทั้งในด้านดีไซน์ ฟีเจอร์ และฟังก์ชั่น โดยต้องคำนึงถึงสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณภาพของสินค้าต้องดีเยี่ยม ได้มาตรฐานในราคาที่จับต้องได้ และหาซื้อได้ที่เดียวคือที่โฮมโปร หรือ Exclusive @ HomePro เท่านั้น   เนื่องจากผู้บริโภคในยุคนี้จะเลือกสิ่งที่มีคุณค่ามากที่สุด บวกกับการฉีกกฎแบบแผนทางการตลาดด้วยวิธีการนำเสนอผ่านช่องต่างๆ ผ่านการสร้างประสบการณ์ในรูปแบบ Inspiration video content เพื่อเข้าถึงปัญหา และการแก้ไขได้จริงในเรื่องบ้านด้วยวิธีง่ายๆ ทำให้ผู้บริโภคเข้าใจมากยิ่งขึ้นขึ้น อีกทั้งยังเลือกใช้กลยุทธ์ในการเข้าถึงง่ายในตัวผลิตภัณฑ์  ด้วยวิธีการกระจายสินค้าให้มากที่สุดทั้งทางหน้าร้านในประเทศ และสาขาต่างประเทศ และบนแพลตฟอร์มดิจิทัล หรือ อีคอมเมิร์ซ ที่สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทั้งทาง Website และ Line ซึ่งนับเป็นโอกาสที่ดีในการผลักดันสินค้ากลุ่มไพรเวทแบรนด์ (Private Brand) ให้มีสัดส่วนเพิ่มขึ้นเป็น 25% ในอนาคต “การให้ความสำคัญกับการเดินหน้าสร้างสินค้าไพรเวทแบรนด์ระดับพรีเมี่ยมของโฮมโปรนั้น ใช้เวลาและทุ่มเทกันหนักมาก โดยชิ้นงานแต่ละชิ้นที่จะออกสู่ตลาดและวางจำหน่ายได้นั้น ต้องใช้ความประณีตเป็นอย่างมาก  โดยมีเกณฑ์ชี้วัดที่สำคัญคือในเรื่องงบประมาณและคุณภาพที่เท่าเทียมกัน   ลูกค้าเห็นสินค้าแล้วตัดสินใจเลือกซื้อกลับบ้าน ที่สำคัญที่สุดเมื่อใช้แล้วมีการบอกต่อและมีการซื้อซ้ำ นั่นสะท้อนให้เห็นว่าไพรเวทแบรนด์ของเราได้เข้าไปครองใจผู้บริโภค และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตประจำวันที่อยู่ในบ้านของลูกค้าอีกด้วย”  นางสาวสิริวรรณ กล่าวเพิ่มเติม   สำหรับกลุ่มสินค้า ไพรเวทแบรนด์ (Private Brand)  ที่มีอัตราการเติบโตเป็นอันดับหนึ่ง คือกลุ่ม Home Textile ภายใต้แบรนด์ HLS – Home Living Style เน้นกลุ่มผ้าเป็นหลักทั้ง ผ้าม่าน หมอน พรม ผ้าปูที่นอน Wallpaper  และของตกแต่งภายในบ้าน ซึ่งสามารถตอบโจทย์ให้กับคนรักบ้านที่มีความต้องการ และไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายได้เป็นอย่างดี ด้วยจุดเด่นในด้านความละเอียดอ่อนของกระบวนการผลิต ออกแบบ และสำคัญที่สุดคือนวัตกรรมที่คำนึงถึงความปลอดภัยของลูกค้าเป็นหลัก โดย Product Line ในกลุ่มของ HLS เกือบทั้งหมดได้ผ่านรับการรับรอง หรือ Certificate จากหลากหลายสถาบัน ที่สามารถเชื่อมั่นได้ว่าปลอดภัยกับผู้ใช้งาน การันตีว่าสินค้ามีคุณภาพในราคาที่จับต้องได้ อาทิเช่น ผ้าม่าน HLS ถูกคัดสรรมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบันที่มีความกังวลเรื่องแสงแดด และสุขภาพผิว โดยได้แบ่งผ้าม่านออกเป็น 2 ชนิด คือ ผ้าม่าน Black out ช่วยป้องกันแสง ป้องกันรังสี UVA/UVB ได้ถึง 99% ซึ่งจะช่วยประหยัดพลังงาน และลดอุณหภูมิภายในห้องได้ประมาณ 3-5 องศา และผ้าม่าน Dim out มีคุณสมบัติช่วยลดแสงเพียงอย่างเดียว  แสงแดดบางส่วนสามารถลอดเข้ามาได้บ้าง ซึ่งผ้าม่านทั้ง 2 ชนิด มีคุณสมบัติโดดเด่นที่ผ่านการรับรองระดับประเทศ ในด้านความปลอดภัยในการใช้งาน และคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม การันตีด้วยฉลาก  Smart Fabric UV Protection หรือ เนื้อผ้าอัจฉริยะ จากสถาบันอุตสาหกรรมพัฒนาสิ่งทอ (THTI) เพื่อการันตีในเรื่องมาตรฐานและทำความสะอาดง่าย และที่สำคัญใช้การวิธีการย้อมสีที่ปลอดสารก่อมะเร็ง พรม HLS ไม่ได้เน้นแค่ฟังก์ชัน สิ่งสำคัญที่สุดคือเรื่องคุณภาพ และความปลอดภัย (Safety) ได้รับการรับรองว่าการผลิตไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม หรือ Confidence in Textile สามารถซักทำความสะอาดได้  กันลื่นได้ดี ด้วย Thermoplastic rubber ที่จะช่วยเรื่องความปลอดภัย Microfiber เส้นใยอ่อนนุ่ม ซับน้ำได้ดี และ Antibacterial ป้องกันเชื้อโรคเกาะบนเส้นใยของพรม และไม่มีผลต่อสุขภาพซึ่งผ่านการทดสอบแล้ว จากสถาบันอุตสาหกรรมสิ่งทอ (THTI) หมอน HLS มีหลากหลายฟังก์ชั่น ที่คัดสรรมาเพื่อตอบโจทย์ปัญหาของลูกค้าที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะปัญหาเรื่องสุขภาพ ปวดต้นคอ ภูมิแพ้  หรือเป็นหวัด เพราะใช้วัสดุผ้าหุ้มที่ป้องกันแบคทีเรีย รวมถึงไลฟ์สไตล์การนอนที่แตกต่างกัน ซึ่งได้นำเทคโนโลยี เข้ามาช่วยในการผลิต เพื่อให้ลูกค้าสามารถได้สินค้าที่มีคุณภาพในราคาที่เหมาะสม เช่น  หมอนขนเป็น ขนห่าน , หมอนชาโคล , หมอนยางพารา , หมอนสำหรับเด็ก และหมอนเมมโมรี่โฟม   นอกเหนือจากกลุ่มสินค้า Home Textile แล้ว ยังมีแบรนด์อื่นๆที่ได้รับความนิยมภายใต้ Private Brand ของโฮมโปร อาทิ Furdini (กลุ่มเฟอร์นิเจอร์) , Moya  และ TARA (กลุ่มห้องน้ำและกระเบื้อง) , Carini และ Elektra (โคมไฟ) , Cabin (เคาน์เตอร์ครัว) เป็นต้น เพื่อตอบโจทย์ทุกๆพื้นที่ภายในบ้านให้ครบจบในที่เดียว ที่โฮมโปรเท่านั้น นางสาวสิริวรรณ กล่าวปิดท้าย
โฮมโปร ร่วมกับ Pasaya จัดแคมเปญ Give&Get  ปี 5  ชวนคนไทยเปลี่ยนผ้าม่านเก่าเป็นใหม่ เพื่อสร้างโอกาสให้กับเด็กๆ  ในมูลนิธิ SafeGuard Kids ที่โฮมโปร ทุกสาขาทั่วประเทศ

โฮมโปร ร่วมกับ Pasaya จัดแคมเปญ Give&Get ปี 5 ชวนคนไทยเปลี่ยนผ้าม่านเก่าเป็นใหม่ เพื่อสร้างโอกาสให้กับเด็กๆ ในมูลนิธิ SafeGuard Kids ที่โฮมโปร ทุกสาขาทั่วประเทศ

นางสาวอิษฏพร ศรีสุขวัฒนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ด้านจัดซื้อ Home Textile and Furniture บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ โฮมโปร  ร่วมกับ คุณชนิกานต์ จิวริเวชช์ ผู้อำนวยการฝ่ายขายภายในประเทศ บริษัท เท็กซ์ไทล์ แกลลอรี่ หรือ Pasaya ร่วมจัดแคมเปญ Give&Get ปี 5 ชวนคนรักบ้านเปลี่ยนผ้าม่านเก่า เป็นผ้าม่านใหม่ เพียงซื้อผ้าม่านที่โฮมโปร ทุกสาขาทั่วประเทศ รับโปรโมชั่นพิเศษสุดคุ้มถึง 4 ต่อ ต่อที่ 1 รับส่วนลดสูงสุดทันที 30-50% เมื่อซื้อผ้าม่าน และพรม แบรนด์ PASAYA ต่อที่ 2 ลดเพิ่มอีก 15% เมื่อนำผ้าม่านเก่าแบรนด์ใดก็ได้ มาแลกซื้อผ้าม่าน พรม แบรนด์ Pasaya หรือ ช้อปสินค้าใดก็ได้ภายในโฮมโปรครบ 5,000 บาท (รับส่วนลดท้ายใบเสร็จ) ต่อที่ 3 สมาชิกบัตรโฮมการ์ดรับส่วนลดเพิ่มอีก 5% ต่อที่ 4 ลูกค้าบัตร Homepro Visa รับส่วนลดเพิ่มอีก 3 %   โดยผ้าม่านเก่าสภาพใช้งานได้ และรายได้ส่วนหนึ่งจากแคมเปญนี้จะมอบให้กับ มูลนิธิ SafeGuard Kids หรือมูลนิธิพิทักษ์ และคุ้มครองเด็ก เพื่อสร้างโอกาส และร่วมเป็นกระบอกเสียงให้กับเด็กๆ ที่ถูกล่วงละเมิดทางเพศ เลือกซื้อผ้าม่านสำหรับตกแต่งบ้านกันได้ที่ “โฮมโปร” ทุกสาขาทั่วประเทศ ตั้งแต่วันนี้ – 3 ตุลาคม 2561 นี้ สอบถามเพิ่มเติมโทร 1284 หรือ www.homepro.co.th  
โฮมโปร โชว์กำไรครึ่งปีโต 17.62%  รายได้พุ่ง 32,365.05 ล้านบาท

โฮมโปร โชว์กำไรครึ่งปีโต 17.62% รายได้พุ่ง 32,365.05 ล้านบาท

  โฮมโปร ตีปีกกำไรครึ่งปีโต 17.62 % โชว์กำไรสุทธิ 2,561.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 383.61 ล้านบาท กวาดรายได้รวม 32,365.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,319.01 ล้านบาท หรือ 4.25% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่ทั้งธุรกิจ โฮมโปร เมกาโฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมีกำไรขั้นต้นสูงขึ้นมาอยู่ที่ 26.91% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้า Direct Sourcing รวมถึงการวางแผนการจัดซื้อสินค้า   นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับในครึ่งปีแรก เท่ากับ 2,561.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 383.61 ล้านบาท หรือ 17.62% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม จำนวน 32,365.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,319.01 ล้านบาท หรือ 4.25% โดยเพิ่มขึ้นจาก รายได้จากการขายจำนวน 30,319.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,246.43 ล้านบาท หรือ 4.29 % ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่ทั้งธุรกิจ โฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียที่ได้เปิดดำเนินการตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2560 และบริษัทฯ มีรายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 943.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.71 ล้านบาท หรือ 5.09% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ และพื้นที่ให้เช่าของสาขา โฮมโปร และรายได้อื่นอีกจำนวน 1,101.77 ล้านบาท ลดลง 26.87 ล้านบาท หรือ 2.50% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากค่าบริการ “Home Service”   นอกจากนี้กำไรขั้นต้น จำนวน 8,159.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 600.48 ล้านบาท หรือ 7.94% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 26.00% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.91% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้า Direct Sourcing รวมถึงการวางแผนการจัดซื้อสินค้า   สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 6,858.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 237.37 ล้านบาท หรือ 3.58 % เมื่อเทียบกับปีก่อนปัจจัยหลักของการเพิ่มขึ้นที่เป็นตัวเงินเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือน ต้นทุนค่าขนส่ง ต้นทุนในการให้บริการแก่ลูกค้า และค่าซ่อมแซม อย่างไรก็ตามอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้นโดยลดลงจาก 22.78% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 22.62% ซึ่งเป็นผลมาจาการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ   นายคุณวุฒิ กล่าวต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2 มีการขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ยังคงผลักดันมาจากแรงกระตุ้นของการส่งออก และการท่องเที่ยว รวมถึงการทยอยปรับตัวขึ้นของราคาข้าวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากซบเซามาในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวยังไม่สะท้อนมาถึงกำลังซื้อของภาคครัวเรือนมากนัก ด้วยอุปสรรคในเรื่องของภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ด้วยเหตุนี้ แม้รายได้ครัวเรือนตามตัวเลขเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่บางส่วนอาจต้องถูกนำไปชำระหนี้ จึงทำให้ประโยชน์ของการเพิ่มขึ้นของรายได้ไม่ส่งผ่านมาสู่การบริโภคได้มากเท่าที่ควร   สำหรับการขยายสาขาในไตรมาสที่ 2 นี้ บริษัทฯ สามารถทำได้ตามที่วางแผนไว้ โดยได้เปิดสาขาเพิ่ม 2 แห่ง ได้แก่ โฮมโปรเอส สาขาบิ๊กซี บางนา ซึ่งเปิดในเดือนพฤษภาคม และโฮมโปรรูปแบบปกติ สาขากัลปพฤกษ์ ซึ่งเปิดในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้บริษัทฯ มีสาขา ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 ดังนี้ โฮมโปร 82 สาขาโฮมโปรเอส 5 สาขา, เมกา โฮม 12 สาขา และ โฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซีย 6 สาขา   นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า อาทิ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้ากลุ่มเครื่องเสียงและทีวี จากกระแสฟุตบอลโลก และกิจกรรมส่งเสริมการขายกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าทำความเย็น ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มียอดขายสูงในช่วงฤดูร้อน เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ตลอดจนการจัดกิจกรรมโฮมโปร แฟร์ (HomePro Fair) ในจังหวัดเชียงใหม่ และขอนแก่น ซึ่งสามารถทำยอดขายโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
“โฮมโปร” สร้างปรากฏการณ์ความคึกคัก  จัดงาน “โฮมโปร แฟร์” ช้อป กิน บิน เที่ยว งานแฟร์เรื่องบ้านที่ทุกคนต้องมา

“โฮมโปร” สร้างปรากฏการณ์ความคึกคัก จัดงาน “โฮมโปร แฟร์” ช้อป กิน บิน เที่ยว งานแฟร์เรื่องบ้านที่ทุกคนต้องมา

นายวีรพันธ์  อังสุมาลี  รองกรรมการผู้จัดการ  บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร”  เป็นประธานเปิดงานเรื่องบ้านสุดยิ่งใหญ่ “โฮมโปร แฟร์” “ช้อป กิน บิน เที่ยว” งานแฟร์เรื่องบ้าน ตอบโจทย์ทุกความต้องการของทุกคนในครอบครัว ยกขบวนสินค้าแบรนด์ชั้นนำมามอบส่วนลดสูงสุดกว่า 70% พร้อมรับโปรโมชั่นพิเศษมากมาย พบไฮไลท์เด็ดภายในงานกับร้านอาหารต้นตำรับกว่า 150 ร้านค้าทั่วกรุง พร้อมชมโชว์ และการละเล่นสนุกๆ ในบรรยากาศสุดคลาสสิค ตลอด 10 วัน พบกับมหกรรมความสนุก ครบ คุ้ม พร้อมโปรโมชั่น ราคาพิเศษ รับประกันความสุขล้นมือตลอดทั้งงาน ตั้งแต่ 20-29 กรกฎาคม 2561 ณ ฮอลล์ 5-8 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
โฮมโปร เดินหน้าจับทำเลทอง กรุงเทพตะวันออก  ผุด “HomePro S” สาขาบิ๊กซี บางนา รองรับที่อยู่อาศัย  และไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองแบบ Smart Life

โฮมโปร เดินหน้าจับทำเลทอง กรุงเทพตะวันออก ผุด “HomePro S” สาขาบิ๊กซี บางนา รองรับที่อยู่อาศัย และไลฟ์สไตล์ชีวิตคนเมืองแบบ Smart Life

โฮมโปร เดินหน้าแตกไลน์สโตร์รูปแบบใหม่ “HomePro S” Smart Select Service สาขาที่ 2 ของปี 2561 จับทำเลกรุงเทพตะวันออก เปิด “HomePro S สาขาบิ๊กซี บางนา ชั้น 2 ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุค 4.0 เดินทางสะดวก ช้อปสบาย กับสินค้าเรื่องบ้าน ที่ได้คัดสรรมาแล้ว ครบด้วยคุณภาพ ทั้งสินค้า และบริการ พร้อมสร้างประสบการณ์การช้อปปิ้งออนไลน์ด้วย Click & Collect มิติใหม่ที่เชื่อมโยงประสบการณ์ การซื้อออนไลน์ที่สามารถเลือกวัน และสาขาที่รับด้วยตัวเองที่โฮมโปร ทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมโปรโมชั่นลดสูงสุดกว่า 60% พิเศษสุด เพียงวันเดียวเท่านั้น 18 พ.ค. 61 ลุ้นซื้อสินค้าสุดคุ้ม ลดสูงสุดกว่า 65% ตั้งเป้ากว่า 13 ล้านบาท นางสาวสิริวรรณ เสริมชีพ ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายการตลาด บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” เปิดเผยว่า โฮมโปร ได้มีการขยายธุรกิจในรูปแบบใหม่ เพื่อตอบรับกับความต้องการซื้อของกลุ่มลูกค้าที่ชอบความสะดวกสบาย และซื้อสินค้าเกี่ยวกับบ้านได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มสินค้าเพื่อซ่อมแซม ต่อเติม ตกแต่งบ้าน อุปกรณ์จัดเก็บ และ DIY จึงได้เกิด “HomePro S” สโตร์รูปแบบใหม่ของ “โฮมโปร” ชูจุดเด่น 3S ตอบโจทย์ทุกความต้องการทั้ง “SMART” สะดวก ช้อปง่าย สบาย ใกล้บ้าน เพราะตั้งอยู่ภายในศูนย์การค้าใกล้บ้าน “SELECT” คัดสรรสินค้า ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าในการปรับปรุง ซ่อมแซม ดูแลรักษา “SERVICE” ครบครันทุกบริการเพื่อคนรักบ้าน เหมือนสโตร์ใหญ่     สำหรับ “HomePro S” สาขาบิ๊กซี บางนา เปิดเป็นสาขาที่ 2 ของปี 2561 สาขาแรกที่ “The Paseo Park” กาญจนาภิเษก ซึ่ง HomePro S เปิดดำเนินการในปี 2559 เป็นปีแรก โดยให้บริการ 2 สาขา ได้แก่ สาขาเทอร์มินอล 21 โคราช สาขา พาซิโอ ลาดกระบัง และในปี 2560 อีก 1 สาขา ได้แก่ ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย และจะขยายสาขาอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี เพื่อรองรับความสะดวกสบายให้กับกลุ่มลูกค้า ที่ซื้อสินค้าเกี่ยวกับบ้านได้ง่ายขึ้น Home Pro S “บิ๊กซี บางนา” ตั้งอยู่บริเวณ ชั้น 2 ซึ่งจะเป็นแหล่งช้อปปิ้งเรื่องบ้านที่ทันสมัยที่สุดของกรุงเทพตะวันออก เป็นอีกหนึ่งทำเลทอง ทั้งเรื่องของการเดินทาง ศูนย์รวมแหล่งงาน ที่อยู่อาศัย และความเจริญ เนื่องจากเป็นช่วงการขยายตัวของเมืองจากใจกลางกรุงเทพฯ มาสู่ทำเลรอบนอกอย่างแท้จริง ซึ่งจะสามารถเพิ่มโอกาสในการสร้างฐานลูกค้าใหม่ที่มีกำลังซื้อ และตอบโจทย์เรื่องความสะดวกสบายในการเลือกซื้อสินค้าและบริการเกี่ยวกับบ้านที่คัดสรรมาเป็นอย่างดีเหมาะกับ ไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคยุค 4.0 โดยเพิ่มช่องทางการช้อปให้สะดวกสบายมากขึ้น เพื่อให้ลูกค้าได้เข้าถึงสินค้า และบริการได้ทุกช่องทาง สร้างประสบการณ์ใหม่ในการช้อปออนไลน์รูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Click & Collect ซื้อสินค้าผ่านทางออนไลน์ ลูกค้าสามารถกำหนดช่วงเวลารับสินค้า โดยสามารถรับสินค้าได้ที่โฮมโปร ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือจัดส่งให้แบบ Deliveryนอกจากความพิเศษของสโตร์รูปแบบใหม่แล้ว “HomePro S” บิ๊กซี บางนา ยังขนโปรโมชั่นดีๆ อีกมากมายเพื่อมาฉลองการเปิดสาขาใหม่     HomePro S สาขา บิ๊กซี บางนา ศูนย์รวมความสุขสไตล์ใหม่ สะดวกสบาย ใกล้คุณ พร้อมเปิดประสบการณ์การช้อป และโปรโมชั่นสุดพิเศษ ได้ตั้งแต่ 18 พ.ค. – 4 ก.ค. 61 พร้อมเปิดบริการทุกวัน 10.00 - 22.00 น โทร 02-080-5650 หรือ. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมที่ Call Center หมายเลข 1284 และ www.homepro.co.th FB : homeprothailand นางสาวสิริวรรณ เสริมชีพ กล่าวปิดท้าย