Tag : มั่นคงเคหะการ

7 ผลลัพธ์
มั่นคงฯ เผยปี’ 61 กางแผนเตรียมเปิด 4 โครงการ

มั่นคงฯ เผยปี’ 61 กางแผนเตรียมเปิด 4 โครงการ

บมจ.มั่นคงเคหะการ (MK) ประกาศผลดำเนินงานปี 2561 (สิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2561) มีรายได้รวม 4,546.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 48.37% เมื่อเทียบจากปี 2560 และมีผลกำไรสุทธิ 305.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น  31.16% โดยคิดเป็นกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.31 บาท พร้อมเผยปีนี้วางเปิดตัว 4 โครงการ ชูแนวคิด Well-Being เพื่อผู้อยู่อาศัยมีคุณภาพชีวิตท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้น มูลค่ารวม 4,560 ล้านบาท เตรียมงบซื้อที่ดินเพิ่มอีก 1,600 ล้านบาท ย้ำเดินหน้าดำเนินธุรกิจอสังหาเพื่อเช่าและการบริการ อย่างต่อเนื่อง หวังปี 2564 ดันสัดส่วนกำไรเป็น 50/50 เพื่อการเติบโตของบริษัทอย่างมั่นคงและยั่งยืน   นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย เพื่อเช่าและเพื่อการบริการ เผยภาพรวมธุรกิจตลาดอสังหาริมทรัพย์ปี 2562 จะเติบโตจากปีที่ผ่านมาแบบค่อยเป็นค่อยไป (Slightly growth) เนื่องจากช่วงปีที่ผ่านมาดีเวลลอปเปอร์มีการพัฒนาสินค้าออกมาเป็นจำนวนมาก จึงส่งผลให้สินค้าที่มีอยู่ในตลาดต้องค่อยๆ รอการระบายออก (Absorb) ซึ่งไม่ได้เป็นเรื่องของฟองสบู่ แต่เป็นเรื่องของดีมานด์ (Demand) กับซัพพลาย (Supply) ที่ถือเป็นเรื่องปกติ รวมถึงมาตรการคุมสินเชื่อที่อยู่อาศัยของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ LTV ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 เมษายนนี้ นับเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อ โดยในส่วนของ มั่นคงฯ ค่อนข้างมีผลกระทบน้อย เนื่องด้วยกลุ่มผู้บริโภคส่วนใหญ่ เป็นกลุ่มลูกค้าบ้านหลังแรกที่ซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัยเอง (Real demand)   “การเติบโตของบริษัทฯ ในปีนี้ยังคงเป็นไปในทิศทางที่ดี ผนวกกับงานด้านการพัฒนาโครงการเพื่อเช่าและเพื่อการบริการที่สร้างรายได้หมุนเวียนระยะยาวนั้นเป็นไปตามแผนที่ได้วางเอาไว้ จึงยิ่งส่งผลให้เราสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันจากการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคในปัจจุบันต่างหันมาให้ความสนใจเรื่องการดูแลสุขภาพตัวเองกันมากขึ้น (Wellness) ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะเข้ามาช่วยดูแลสุขภาพในทุกๆด้าน เน้นการใช้ชีวิตในแบบสุขภาวะที่ดี (Well-Being) คือ การสร้างคุณภาพชีวิต ความเป็นอยู่ที่ดีระหว่างสิ่งมีชีวิตและธรรมชาติ ซึ่งสิ่งต่างๆ เหล่านี้ล้วนเป็นหัวใจสำคัญที่เรานำมาเป็นโจทย์ในการพัฒนาสินค้าและบริการตลอดมาเพื่อส่งมอบให้แก่ผู้บริโภค”   โดยปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้รวมทั้งสิ้น 4,546.81 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,482.31 ล้านบาท หรือ 48.37% คิดเป็นกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 0.31 บาท สามารถแบ่งเป็นรายละเอียดได้ดังนี้ รายได้จากธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ 4,152.93 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,387.60 ล้านบาท หรือคิดเป็น 50.18% ในขณะที่ยอดรายได้รับรู้จากการให้เช่าและบริการ ในปี 2561 มีทั้งสิ้น 252.14 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 56.24 ล้านบาท หรือ 28.71% ส่วนรายได้จากการให้บริการของสนามกอล์ฟ109.25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.98 ล้านบาท หรือ 34.4%   สำหรับแผนการดำเนินธุรกิจพัฒนาโครงการในปี 2562 บริษัทฯ ยังคงมุ่งเน้นพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่สามารถ ตอบโจทย์ทุกการใช้ชีวิตของผู้พักอาศัยทั้งเพื่อขาย เพื่อเช่าและการบริการอย่างต่อเนื่อง ตามแผนธุรกิจ 5 ปีที่ได้วางไว้ โดยเตรียมเปิดตัวโครงการเพื่อขายใหม่จำนวน 4 โครงการ ได้แก่ บ้านเดี่ยว 1โครงการ บ้านแฝด 1 โครงการ และทาวน์โฮม 2 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้น 4,560 ล้านบาท บนทำเลศักยภาพ ภายใต้แนวคิด “การใช้ชีวิตในแบบสุขภาวะที่ดี หรือ Well-Being” เน้นการออกแบบโดยคำนึงถึงสุขภาวะที่ดีของผู้อยู่อาศัย ใส่ใจตั้งแต่การวางผังโครงการให้สอดคล้องกับทิศทางลม เพื่อช่วยในเรื่องของการประหยัดพลังงาน การเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมการนำนวัตกรรมบ้านเย็นด้วยระบบ Air Flow มาใช้ ตลอดจนการวางฟังก์ชั่นที่อยู่อาศัยเพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตในกลุ่มคนทุกวัยเป็นสำคัญ เพื่อให้ทุกพื้นเป็นพื้นที่แห่งความสุขที่ทุกคนได้อยู่ร่วมกัน       ด้านธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการนั้น นายสุเทพ กล่าวต่อไปว่าในปี 2562 บริษัทฯ เตรียมรุกตลาดธุรกิจเช่าและการบริการ โดยมีแผนพัฒนาโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนโรงงานและคลังสินค้าเพื่อเช่า ที่บริหารงานโดย บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด เพิ่มขึ้นเป็น 173,500ตารางเมตร ส่วน โครงการ พาร์ค คอร์ท (Park Court) สุขุมวิท 77 คอนโดมิเนียมและอพาร์ตเมนต์ระดับลักซ์ชัวรี่ไฮเอนด์ ที่สามารถขายและปล่อยเช่าได้แล้วเกือบ 50% ตั้งเป้าปล่อยเช่าเต็มพื้นที่ 100% ได้ภายในปี 2562 ขณะเดียวกัน ธุรกิจ สนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรีคลับ ที่หลังจากได้มีการปรับเปลี่ยนรูปโฉมใหม่เมื่อปีที่ผ่านมา ก็ได้รับการตอบที่ดีจากลูกค้าทั้งจากชาวไทยและชาวต่างประเทศคาดการณ์ปีนี้รายได้โตขึ้น 10% ด้านบริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด  ซึ่งเป็นผู้ให้บริการด้านดูแลจัดการบริหารโครงการอสังหาริมทรัพย์ต่างๆ พร้อมรับบริหารโครงการเพิ่ม 10 โครงการ ตั้งเป้ารายได้โตขึ้น 70% จากปี 2561   “ปีนี้เราเดินหน้าสานต่อนโยบายสร้างความสมดุลของรายได้ธุรกิจเพื่อขายและธุรกิจที่สร้างรายได้อย่างสม่ำเสมอทั้งเช่าและการบริการมากยิ่งขึ้น โดยมุ่งมองหาโอกาสในการพัฒนาโครงการที่มีศักยภาพและมีแนวโน้มทางเศรษฐกิจที่ดีเพิ่มขึ้น เพื่อขยายในส่วนของธุรกิจเพื่อสร้างรายได้ตามแผนการดำเนินธุรกิจ 5 ปีที่ได้วางไว้ พร้อมขยับสัดส่วนกำไรของทั้ง 2 ฝั่งให้อยู่ที่ 50/50 ภายในปี 2564 เพื่อเป็นการเพิ่มความมั่นคงให้บริษัทฯ มากยิ่งขึ้น” นายสุเทพ กล่าวสรุป      
Chuanchuen Town Rangsit-Klong 1-ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง 1 : รีวิวทาวน์โฮม

Chuanchuen Town Rangsit-Klong 1-ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง 1 : รีวิวทาวน์โฮม

รายละเอียดโครงการ ชื่อโครงการ : Chuanchuen Town Rangsit-Klong 1 (ชวนชื่น ทาวน์ รังสิต-คลอง 1) เจ้าของโครงการ : บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) ที่ตั้งโครงการ : ถ.เลียบคลอง รังสิต-นครนายก ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี พื้นที่โครงการ : 40-2-50 ไร่ ลักษณะโครงการ : ทาวน์โฮม 2 ชั้น จำนวนยูนิต : 324 ยูนิต   ขนาดบ้าน : - ทาวน์โฮม 2 ชั้น ที่ดินเริ่มต้น 22.8 ตร.ว. พื้นที่ใช้สอย 140 ตร.ม. ขนาด 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 2 คัน สิ่งอำนวยความสะดวกส่วนกลาง : - สระว่ายน้ำ - ฟิตเนส - คลับเฮ้าส์ - สนามเด็กเล่น - ระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. ราคา : เริ่มต้น 3,090,000 บาท ค่าส่วนกลาง : 29 บาท/ตร.ม. ค่ากองทุน : 29 บาท/ตร.ม. จุดเด่นโครงการ : ทาวน์โฮม ฟังก์ชั่นใหม่ เติมเต็มความสมบูรณ์แบบบนทำเลศักยภาพ ติดถนนรังสิต-นครนายก คลอง1 การเดินทางสะดวกใกล้ทางด่วน และ รถไฟฟ้า พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน รองรับทุกไลฟสไตล์ ระบบขนส่งสาธารณะใกล้เคียง : ทางยกระดับอุตราภิมุข, ทางพิเศษกาญจนาภิเษก, รถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีรังสิต, รถไฟฟ้าสายสีเขียว (ส่วนต่อขยาย) สถานที่ใกล้เคียง : ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต, รพ.เปาโล รังสิต, Major รังสิต, โลตัสรังสิต, ตลาดรังสิต 200 ปี, รพ.เอกปทุม
มั่นคงเคหะการ โชว์ฟอร์มครึ่งปีแรก 61 กวาดรายได้รวมกว่า 2,600 ลบ.

มั่นคงเคหะการ โชว์ฟอร์มครึ่งปีแรก 61 กวาดรายได้รวมกว่า 2,600 ลบ.

  นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยถึงผลประกอบการในช่วงครึ่งปีแรก 2561 ว่า ตลอด 6 เดือนแรกของปีนี้ บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจอย่างมากโดยสามารถสร้างรายได้รวม 2,646.86 ล้านบาท หรือเติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 90 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นผลจากรายได้ในส่วนธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัทฯ โดยมีรายได้เพิ่มขึ้นกว่า 1,221.42 ล้านบาท ตลอดจนการปรับแผนโครงสร้างรายได้ในช่วง 2-3 ปี ด้วยการเพิ่มการลงทุนในธุรกิจให้เช่าและบริการ โดยเริ่มทยอยรับรู้รายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วง 6 เดือนแรกของปีนี้ มีรายได้สูงถึง 119.88 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 30.18% และมีกำไรสุทธิของทุกกลุ่มบริษัทกว่า 170.92 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้นถึง 237.54% นับเป็นบทสะท้อนความสำเร็จในการดำเนินธุรกิจตามกลยุทธ์ที่วางไว้ได้เป็นอย่างดี และมีแนวโน้มการเติบโตที่เพิ่มขึ้นในอนาคตอีกด้วย   ทั้งนี้ ผลประกอบการในไตรมาส 2 ของปี 2561 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายและบริการรวม 1,331.64 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 656.88 ล้านบาท หรือคิดเป็น 97.35% จากรายได้ของบริษัทฯและบริษัทย่อย ประกอบด้วย ธุรกิจการขายอสังหาริมทรัพย์ 1,235.8 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 105.28% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา ซึ่งเป็นสัดส่วนรายได้จากโครงการแนวราบจำนวน 673.29 ล้านบาท เติบโตขึ้นกว่า 33.2% จากภาพรวมของตลาดอสังหาฯ ที่มีแนวโน้มที่ดีขึ้น รวมถึงการเปิดตัวโครงการใหม่ของบริษัทฯ ซึ่งมีความโดดเด่นด้านทำเลที่มีศักยภาพ การพัฒนาการออกแบบบ้านและโครงการ ทั้งรูปแบบ การเพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก แต่ยังคงรักษาระดับราคาให้เหมาะสมกับกำลังซื้อของผู้บริโภค   ในส่วนของรายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการของบริษัทฯ ในไตรมาส 2 นั้น นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ กล่าวเสริมว่า “บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว 62.12 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12.95 ล้านบาท หรือคิดเป็น 26.34% ซึ่งรายได้ส่วนใหญ่มาจากการให้เช่าและบริการพื้นที่คลังสินค้าและโรงงาน ในโครงการบางกอกฟรีเทดโซน ของบริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด บริษัทย่อยในเครือ โดยมีการพัฒนาพื้นที่ให้เช่าเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาพื้นที่ปล่อยเช่ารวม 115,000 ตร.ม. และอยู่ในระหว่างดำเนินการพัฒนาเพิ่ม อีกกว่า 39,000 ตร.ม.ในปีนี้ นอกจากนี้ ยังรับรู้รายได้เพิ่มขึ้นจากค่าเช่าและบริการในโครงการพาร์ค คอร์ท อพาร์ทเมนต์และคอนโดมิเนียมใจกลางสุขุมวิท ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้จากธุรกิจให้เช่าและบริการ (Recurring Income) เพิ่มขึ้น   สำหรับธุรกิจการบริการสนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ที่ได้ทำการปรับโฉมและปรับเปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ ในช่วงต้นปีที่ผ่านมา เพื่อยกระดับมาตรฐานการให้บริการ ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ส่งผลให้บริษัทฯ มีรายได้ 26.21 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจาก 18.48 ล้านบาท หรือคิดเป็น 41.80% รวมถึงธุรกิจบริหารอสังหาริมทรัพย์ในเครือที่สามารถสร้างรายได้รวม 7.51 ล้านบาทในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา   “ในช่วงครึ่งปีหลังนี้ บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าตามแผนธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ทั้งเพื่อขาย เพื่อเช่า และเพื่อการบริการ ล่าสุดบริษัทฯมีแผนส่งโครงการที่อยู่อาศัยบนทำเลศักยภาพอีก 1 โครงการ ได้แก่ โครงการ ‘ชวนชื่น ทาวน์ ราชพฤกษ์-345’ พรีเมียม ทาวน์โฮม ตัวใหม่ล่าสุด ที่จะเปิดพรีเซลในวันที่ 25 - 26 สิงหาคมนี้ ซึ่งเชื่อว่าจะได้รับการตอบรับอย่างดี เนื่องด้วยตัวโครงการตั้งอยู่บนทำเลใกล้ห้างสรรพสินค้า เซ็นทรัล เวสต์เกต, ทางด่วนศรีรัช และรถไฟฟ้า พร้อมรองรับไลฟ์สไตล์ของลูกค้ายุคปัจจุบัน ในราคาเริ่มต้นเพียง 2.39 ล้านบาท’’ นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ กล่าวสรุป
มั่นคงเคหะการ ทุ่มงบ 160 ลบ.พัฒนา ‘ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ’ ชูจุดเด่นคลับเฮ้าส์และสปอร์ทคลับทันสมัย

มั่นคงเคหะการ ทุ่มงบ 160 ลบ.พัฒนา ‘ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ’ ชูจุดเด่นคลับเฮ้าส์และสปอร์ทคลับทันสมัย

บมจ. มั่นคงเคหะการ ปรับโฉม “ชวนชื่น กอล์ฟคลับ” สู่ ‘ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ’ งบกว่า 160 ล้านบาท โดดเด่นด้วยคลับเฮ้าส์และสปอร์ทคลับที่ทันสมัย ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ รองรับกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ต่างๆ งานเลี้ยงสังสรรค์ และงานสัมมนา คาดรายได้จากธุรกิจสนามกอล์ฟและสปอร์ทคลับโตขึ้น 40% ในปี 61 นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด(มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า ในปีที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ดำเนินการพัฒนาปรับโฉม ‘ชวนชื่น กอล์ฟคลับ’ สนามกอล์ฟในเครือ ย่านปทุมธานีที่ก่อตั้งมายาวนานกว่า 24 ปี ให้มีรูปแบบที่ทันสมัยและเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนยุคปัจจุบันมากยิ่งขึ้น โดยใช้งบลงทุนกว่า 160 ล้านบาท ซึ่งได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการไปแล้ว  เมื่อกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ภายใต้ชื่อใหม่ ‘ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ’ สนามกอล์ฟมาตรฐาน 18 หลุม บนเนื้อที่มากกว่า 400 ไร่ ด้วยจุดเด่นของคลับเฮ้าส์และสปอร์ทคลับที่ทันสมัย ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ตลอดจนยกระดับการบริการให้เข้าถึงทุกไลฟ์สไตล์ โดย ‘ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ’ ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อรองรับกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ตลอดจนการแข่งขันทัวร์นาเมนต์ต่างๆ งานเลี้ยงสังสรรค์ และงานสัมมนา โดยบริเวณคลับเฮ้าส์และสปอร์ทคลับที่พัฒนาขึ้นใหม่นี้  มีพื้นที่กว่า 5,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย ห้องอาหารที่สามารถให้บริการ ทั้งอาหารไทยและอาหารนานาชาติ ห้องสัมมนา ล็อกเกอร์ และห้องอาบน้ำที่กว้างขวาง รวมถึงบริการโปรช้อป ที่มีสินค้าให้นักกอล์ฟได้เลือกอย่างหลากหลาย ในส่วนบริเวณสปอร์ทคลับ  ครบครันทั้งฟิตเนส ห้องโยคะ สระว่ายน้ำ และมีบริการร้านกาแฟไว้คอยบริการ  ซึ่งช่วยรองรับการใช้บริการของลูกบ้านครอบครัวมั่นคงฯ ในย่านปทุมธานีแห่งนี้  ให้ได้รับความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้น “การพัฒนา โครงการสนามกอล์ฟ ‘ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ’ นั้น ดำเนินไปตามกลยุทธ์การเติบโตที่วางไว้ ด้วยแผนรุกทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการเช่าและการบริการให้เติบโตไปพร้อมๆ กันอย่างมั่นคง โดยได้ตั้งเป้าผลักดันทั้งสองธุรกิจมีสัดส่วนรายได้อยู่ที่ 50:50” นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ กล่าวเพิ่มเติม ทั้งนี้กระแสตอบรับหลังจากการเปิดให้บริการที่ผ่านมาเป็นไปในทิศทางที่ดี และได้รับการตอบรับจากลูกค้าที่มีใช้บริการอย่างดี  โดยคาดว่าหลังจากเปิดให้บริการ ‘ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ’ อย่างครบวงจรแล้ว  บริษัทฯ คาดการณ์ว่าจะมีรายได้จากธุรกิจการให้บริการสนามกอล์ฟ์และสปอร์ทคลับในปี 2561  เพิ่มขึ้น 40% จากปีที่ผ่านมา สำหรับทำเลกรุงเทพฯ-ปทุมธานี ถือเป็นทำเลที่ได้รับการตอบรับจากลูกค้าดีที่สุดทำเลหนึ่ง โดยทำเลดังกล่าว ถือเป็นทำเลที่มีศักยภาพ เนื่องจากสามารถเดินทางได้สะดวกด้วยหลายเส้นทางเพื่อเชื่อมต่อเข้าเมือง ทั้งยังใกล้กับสถานที่สำคัญต่างๆ อาทิ ห้างสรรพสินค้า ได้แก่ เดอะ ทรี อเวนิว และโรบินสัน ศรีสมาน และสถานศึกษา เช่น โรงเรียนสาธิตปทุมวัน, โรงเรียนนวมินทราชินูทิศ , โรงเรียนหอวัง นนทบุรี , โรงเรียนอัมพรไพศาล และโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย นนทบุรี  และโรงพยาบาล ได้แก่ โรงพยาบาลนนทเวช เป็นต้น ซึ่งจะช่วยส่งเสริมให้ลูกค้ามาใช้บริการมากขึ้นด้วย      
มั่นคงเคหะการ คาดตลาดอสังหาฯ ไทยส่งสัญญาณเติบโตต่อเนื่อง อานิสงค์การลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นทางการเมือง

มั่นคงเคหะการ คาดตลาดอสังหาฯ ไทยส่งสัญญาณเติบโตต่อเนื่อง อานิสงค์การลงทุนภาครัฐที่เพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นทางการเมือง

นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยถึงภาพรวมธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยว่า ตลอดปีที่ผ่านมา ตลาดอสังหาฯ ไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น แม้ว่าในช่วงต้นปีจะมีบางช่วงที่ชะลอตัวบ้าง เนื่องจากผู้ประกอบการมุ่งเน้นระบายสต็อกที่มีอยู่เดิมมากกว่าการเปิดโครงการใหม่ ตลาดโดยรวมจึงอาจจะยังไม่คึกคักมากนัก อย่างไรก็ตาม ในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ เริ่มมีสัญญาณที่ดีขึ้น  ทั้งจากการลงทุนด้านคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานของรัฐบาลที่มีมติให้เริ่มการดำเนินงานอย่างชัดเจน อาทิ โครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วง แคราย-มีนบุรี, สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง และสายสีม่วงช่วง เตาปูน-ราษฎร์บูรณะ รวมถึงสถานการณ์ทางการเมืองที่ทางรัฐบาลได้ประกาศว่าจะจัดการเลือกตั้งขึ้นภายในปี 2561 ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นและกล้าตัดสินใจที่จะลงทุนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้จากการประเมินสถานการณ์ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) คาดการณ์ว่า ในปี 2560 จะมีการเปิดขายที่อยู่อาศัยใหม่อยู่ระหว่าง 97,200 – 113,000 หน่วย ซึ่งได้แบ่งการประเมิน 3 ระดับ คือ ระดับสภาพตลาดน้อยที่สุด จะมีจำนวนเปิดใหม่ 97,200 หน่วย เติบโตจากปี 2559 ที่ 0.7%, ระดับกลาง จะมีจำนวนเปิดใหม่ 103,000 หน่วย เติบโตจากปี 2559 ที่ 6.7% และระดับตลาดดีที่สุด จะมีจำนวนเปิดใหม่ 113,000 หน่วย เติบโตจากปี 2559 ถึง 17.1% ซึ่งระบุได้ว่า ตลาดอสังหาฯ ยังมีอัตราการเติบโตอยู่   “การเดินทางที่สะดวกสบายมีผลอย่างยิ่งต่อการตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่ของผู้บริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดใช้บริการของโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-เตาปูน ในระยะแรกอาจจะไม่คึกคักอย่างที่คาดการณ์ไว้ เนื่องจากการเดินทางไม่เชื่อมต่อกันตลอดทั้งเส้นทาง แต่หลังจากมีการเชื่อมต่อสถานี เตาปูน-บางซื่อ เรียบร้อยแล้วน่าจะกลับมาคึกคักอย่างเห็นได้ชัด โดยมีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นกว่า 50% ซึ่งจะส่งผลให้การตัดสินใจเลือกซื้อที่อยู่อาศัยของผู้บริโภคกลับมาคึกคักด้วยเช่นกัน ทั้งนี้ มั่นคงเคหะการก็มีโครงการรองรับผู้บริโภคในทำเลดังกล่าวถึง 3 โครงการ ได้แก่ โครงการชวนชื่น ทาวน์ กาญจนา-บางใหญ่ , ชวนชื่น พาร์ค กาญจนา-บางใหญ่ และ โครงการชวนชื่น ทาวน์ แก้วอินทร์-บางใหญ่ ซึ่งการพัฒนาโครงการของมั่นคงฯ จะเน้นที่ผู้อยู่อาศัยเป็นหลัก ให้ความคุ้มค่ากับผู้บริโภคสูงสุด โดยใช้แนวทางการก่อสร้างเสร็จพร้อมขาย เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจในการซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้น และถือว่าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก” นางสาวดุษฎี ตันเจริญ กล่าว     นอกจากนี้ ยังรวมไปถึงความคืบหน้าที่ชัดเจนของรัฐบาลเกี่ยวกับโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor : EEC) สำหรับรองรับการลงทุนในด้านอุตสาหกรรม ส่งผลให้เศรษฐกิจมีการเติบโตขึ้นและส่งผลดีต่อการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์โดยรวม ซึ่งมั่นคงเคหะการมีการพัฒนาโครงการรองรับในการขยายตัวของเศรษฐกิจบริเวณโซนบางนาทั้งบ้านเดี่ยว บ้านแฝด และล่าสุดได้เปิดตัวโครงการชวนชื่นไพร์ม บางนา เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก สามารถสร้างยอดขายไปแล้วกว่า 80% ในเฟสแรก และโครงการก่อสร้างของภาครัฐอื่นๆ อาทิ โครงการก่อสร้างถนนเส้นใหม่ ทางหลวงหมายเลข 346 (ปทุมธานี) ที่ช่วยเพิ่มศักยภาพของการพัฒนาโครงการของมั่นคงเคหะการ รวมทั้งยังเป็นทำเลที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งโครงการชวนชื่นไพร์ม กรุงเทพ-ปทุมธานี และโครงการสนามกอล์ฟ  ซึ่งได้มีการรีโนเวทให้ครบครันยิ่งขึ้น คาดว่าจะเผยโฉมให้ได้ชมในช่วงไตรมาสแรกของปี 2561     สำหรับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ไทยในปี 2561 คาดว่าจะมีแนวโน้มที่ดีต่อเนื่องจากไตรมาสที่ 3 และ 4 ของปี 2560 ทั้งจากการลงทุนด้านคมนาคมของภาครัฐ การผลิตและการใช้จ่ายของภาครัฐที่ขยายตัวมากขึ้น รวมถึงการส่งออกของไทยมีแนวโน้มที่ดีขึ้น ตามภาวะเศรษฐกิจโลกที่มีทิศทางที่ดีขึ้น ซึ่งจะส่งผลทำให้ผู้ซื้อมีความมั่นใจในการจับจ่ายมากยิ่งขึ้นด้วย สอดคล้องกับการประมาณสถานการณ์ตลาดอสังหาฯ ไทยในปี 2561 ของศูนย์ข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ ที่ประเมินว่าตลาดอสังหาฯ จะเติบโตประมาณ 6-8% เพิ่มขึ้นจากปี 2560 ที่เติบโตประมาณ 2-3%  โดยปัจจัยต่างๆ นั้น ยังจะทำให้สินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยเติบเพิ่มขึ้นด้วย โดยคาดการณ์ว่าในปี 2561 จะสามารถปล่อยสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยใหม่ได้ไม่ต่ำกว่า 600,000 ล้านบาท คิดเป็นอัตราการเติบโตที่ 3-4%
มั่นคงฯ เผยครึ่งปีแรก กำไรพุ่ง 295%

มั่นคงฯ เผยครึ่งปีแรก กำไรพุ่ง 295%

บมจ. มั่นคงเคหะการ เผยผลประกอบการครึ่งปีแรก 2559 โตต่อเนื่องตามแผน โกยรายได้รวม 1,286 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเติบโตมากถึง 59% ด้านกำไรสุทธิรับ 140 ล้านบาท ซึ่งมีอัตราการเติบโตพุ่งสูงถึง 295% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันปี 2558 เดินหน้ารุกครึ่งปีหลังด้วยการเปิดตัวโครงการบ้านอีก 2 โครงการและกลยุทธ์ผลักดันรายได้ระยะยาวจากธุรกิจอสังหาฯเพื่อการเช่า นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า “ผลการดำเนินงานของบริษัทฯ ในไตรมาส 2/2559 มีการเติบโตขึ้นมากอย่างเห็นได้ชัด โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขาย สืบเนื่องจากการทำการตลาดเชิงรุกทุกๆเดือนในโครงการบ้านที่เปิดขายรวม 11 โครงการทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะบ้านระดับกลาง-บน ราคา 8-12 ล้านบาท และบ้านระดับกลาง ราคา 4 ล้านบาทของบริษัทฯ ได้รับการตอบรับดี ผลักดันให้เกิดรายได้รวมในช่วงไตรมาสสองกว่า 675.19 ล้านบาท ซึ่งเติบโตกว่า 83.30% มีกำไรสุทธิ 46.41 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตกว่า 814.12 % เมื่อเทียบกับไตรมาสที่สองของปี 2558” จากผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่องในไตรมาสสองนี้ทำให้บริษัทฯ มีรายได้รวมในครึ่งปีแรก 2559 เป็นจำนวน 1,286.95 ล้านบาท ซึ่งมีการเติบโตมากกว่าช่วงเวลาเดียวกันของปี 2558 กว่า 59.86% โดยมีกำไรสุทธิ 140.82 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มขึ้นถึง 295.68% “มั่นคงฯ จะยังคงดำเนินกลยุทธ์เชิงรุกในส่วนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายอย่างต่อเนื่องในช่วงครึ่งปีหลัง โดยเราได้มีการปรับภาพลักษณ์โครงการต่างๆ พัฒนารูปแบบบ้านและพัฒนาพื้นที่ส่วนกลางเพื่อตอบโจทย์กลุ่มเป้าหมายต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น ที่สำคัญเราได้เปิดบริษัทลูกคือ บริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด เป็นบริษัทให้บริการด้านการบริหารจัดการอาคารและที่พักอาศัย ทั้งนี้เพื่อเป็นบริการหลังการขายเสริมทัพธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เสริมความแกร่งให้กับแบรนด์ระยะยาว พร้อมให้บริการกับโครงการบ้านต่างๆ ภายใต้บมจ.มั่นคงเคหะการ และปั้นเป็นธุรกิจให้บริการกับโครงการอื่นๆ อีกด้วย นอกจากนั้น เรามีแผนเปิดตัวโครงการบ้านอีก 2 โครงการ คือ ทาวน์โฮมระดับราคา 2 ล้านบาท และบ้านแฝดระดับราคา 3-4 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการ 841 ล้านบาท บนทำเลบางใหญ่ใกล้กับเซ็นทรัล เวสต์เกตและรถไฟฟ้าสีม่วงในไตรมาส 4/2559” นายวรสิทธิ์กล่าวเพิ่มเติม ส่วนความคืบหน้าในส่วนของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่านั้น ล่าสุด บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด ได้ร่วมลงทุนกับบริษัท ไทคอน โลจิสติกส์ พาร์ค จำกัด ในการพัฒนาก่อสร้างอาคารคลังสินค้าและโรงงานเพื่อให้เช่าในโครงการบางกอกฟรีเทรดโซนบนเนื้อที่ 150 ไร่ โดยมีช่วงระยะการพัฒนา 2 ปี (2559-2560) ซึ่งจะมีการรับรู้กำไรจากการขายสิทธิการเช่าช่วงที่ดินระยะยาวทันทีเมื่อโอนสิทธ์การเช่าให้กับบริษัทร่วมทุนและส่วนแบ่งกำไร 40% ส่วนพาร์ค คอร์ท อพาร์ทเม้นท์ให้เช่าบนสุขุมวิท 77 จะมีการเปิดตัวโชว์ยูนิตภายในไตรมาส 4/2559 โดยเฟสแรกจะเสร็จพร้อมให้บริการในปลายปี 2560
มั่นคงฯ รุกตลาดอสังหาฯแนวราบต่อเนื่อง คาดการณ์รายได้โต 60% หลังปรับภาพลักษณ์ ตั้งเป้ารายได้ 4,100 ล้านบาทในปี’59

มั่นคงฯ รุกตลาดอสังหาฯแนวราบต่อเนื่อง คาดการณ์รายได้โต 60% หลังปรับภาพลักษณ์ ตั้งเป้ารายได้ 4,100 ล้านบาทในปี’59

มั่นคงโชว์ผลงานปี 58 ภายใต้การปรับภาพลักษณ์ใหม่ สร้างยอดขายสูงสุดเป็นประวัติการณ์ คาดการณ์รายได้ 3,800 ล้านบาท พร้อมลุยต่อตลาดแนวราบ ตั้งเป้ารายได้ 4,100 ล้านบาท ปี’59ชูไฮไลท์บ้านแบรนด์ “ชวนชื่น แกรนด์” ระดับราคา 8-10 ล้านบาท และส่งทาวน์เฮ้าส์และบ้านแฝดระดับราคา 2-4 ล้านบาทลงทำเลทองที่อยู่อาศัยในกรุงเทพฯ รวมมูลค่าโครงการใหม่กว่า 3,200 ล้านบาท เผยกลยุทธ์ก้าวอย่างมั่นคงและเติบโตยั่งยืน มุ่งสร้างแบรนด์ พัฒนาโปรดักส์และซีอาร์เอ็มมัดใจลูกค้าเก่า-ใหม่ เตรียมดันรายได้ธุรกิจอสังหาฯเพื่อเช่าและบริการโตเพิ่ม พร้อมปูกลยุทธ์มุ่งปรับสัดส่วนรายได้ธุรกิจอสังหาฯเพื่อการขายและธุรกิจเพื่อให้เช่าและการบริการ 50:50 ในอีก 5 ปีข้างหน้า นายสุเทพ วงศ์วรเศรษฐ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า “ในปี 2558 บริษัทฯ ประสบความสำเร็จในการสร้างยอดขายได้สูงสุดเป็นประวัติการณ์ 2,500 ล้านบาท เนื่องจากมีการปรับภาพลักษณ์ใหม่ รุกแคมเปญการขาย และมาตรการรัฐในไตรมาส 4 ดันคาดการณ์รายได้ 3,800 ล้านบาท ซึ่งเป็นผลมาจากการขายที่ประสบความสำเร็จของโครงการคอนโดมิเนียมออกัสที่ขายและโอนได้100% ผนวกการขายที่ดินเพื่อปรับพอร์ตโครงการของมั่นคง ทั้งนี้ มั่นคงใช้กลยุทธ์การปรับภาพลักษณ์ใหม่ของภายใต้แนวคิดหลักคือ “เราสร้างบ้านที่มีแต่ความสุข ให้ทุกคนได้อยู่ร่วมกัน (We Build A Place of Family Togetherness) เพราะบ้านคือศูนย์กลางของครอบครัว เป็นที่สำหรับทุกคนอยู่ร่วมกันอย่างใกล้ชิด และมีแต่ความอบอุ่น ซึ่งวัตถุประสงค์ของการปรับภาพลักษณ์ครั้งนี้สอดคล้องกับการปรับวิสัยทัศน์ใหม่ของบริษัทในการมุ่งเป็นแบรนด์บ้านที่เป็นทางเลือกที่ดี คุ้มค่าคุ้มราคา มีความน่าเชื่อถือและตรงกับความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน พร้อมมีการปรับดีไซน์บ้านให้มีความร่วมสมัย ตลอดจนเติมความมีชีวิตชีวาให้กับภูมิทัศน์ของแต่ละโครงการของบริษัทภายใต้คอนเซ็บต์การปรับภาพลักษณ์ใหม่ทั้งหมด” “ในปี 2558 คาดการณ์รายได้เติบโตที่ 60% จากปี 2557 และในปี 2559 นับเป็นการเริ่มก้าวสำคัญของมั่นคงโฉมใหม่ ซึ่งได้วางกลยุทธ์การเติบโตด้วยแผนรุกทั้งธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าและการบริการ โดยตั้งเป้าผลักดันทั้งสองธุรกิจมีสัดส่วนรายได้ 50:50 ในอีก 5 ปีข้างหน้า โดยสำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายจะรุกตลาดแนวราบเป็นหลัก และมุ่งเน้นพัฒนาระดับโครงการที่เรามีความเชี่ยวชาญ และบริหารสัดส่วนรายได้อสังหาริมทรัพย์เพื่อการขายให้อยู่ระดับการเติบโตประมาณ 15% ต่อปี สำหรับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อให้เช่าและการบริการนั้นคาดจะเริ่มมีการรับรู้รายได้จากโครงการพัฒนาคลังสินค้าและโรงงานให้เช่า ในเขตปลอดอากรเเละเขตทั่วไป (บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด) และมีแผนการพัฒนาโครงการพาร์ค คอร์ท (Park Court) ซึ่งเป็นอพาร์ทเม้นท์เจาะตลาดบนและกลุ่มต่างชาติ ที่จะเข้ามาเพิ่มรายได้ระยะยาว โดยเราตั้งเป้ารายได้ 4,100 ล้านบาทภายในปี 2559” นายสุเทพกล่าวเสริม นายวรสิทธิ์ โภคาชัยพัฒน์ รักษาการกรรมการผู้จัดการ บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงแผนพัฒนาโครงการของบริษัทในปี 2559 นี้ว่า “บริษัทเตรียมส่งโครงการบ้านคุณภาพทั้งหมด 5 โครงการ มูลค่ากว่า 3,200 ล้านบาท ด้วยการส่งโครงการบ้านเดี่ยวระดับกลางบน แบรนด์ “ชวนชื่น แกรนด์” คือ โครงการชวนชื่น แกรนด์ ราชพฤกษ์ ราคา 8-10 ล้านบาท จำนวน 110 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,000 ล้านบาท และ โครงการชวนชื่น แกรนด์  เอกชัย-บางบอน 4 ราคา 8-10 ล้านบาท จำนวน 91 ยูนิต มูลค่าโครงการ 700 ล้านบาท โดยทั้งสองโครงการนี้จะเปิดตัวภายในไตรมาส 2/59 และหลังจากนั้นในช่วงไตรมาส 4/59 บริษัทฯจะเปิดตัวโครงการทาวน์เฮ้าส์ระดับราคา 2 ล้านบาท จำนวน 2 โครงการ มูลค่าโครงการละ 500 ล้านบาท บริเวณกรุงเทพโซนตะวันตก และบ้านแฝดระดับราคา 4-5 ล้าน จำนวน 100 ยูนิต รวมมูลค่าโครงการ 500 ล้าน” “กลยุทธ์ทางด้านการพัฒนาโครงการแนวราบนั้น จะยังคงพิจารณาในพื้นที่ทำเลทองที่อยู่ใกล้กับระบบขนส่งมวลชน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัย และจะพัฒนาโครงการ 40% บนแลนด์แบงค์เพื่อเป็นการจัดการต้นทุน นอกจากนั้น ยังมีการลงทุนอีก 1,000 ล้านบาทเพื่อที่จะซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการเพิ่มสำหรับภายในปี 2559-2560 ทั้งนี้ ตอนนี้มี backlog อยู่ที่ 500 ล้านบาท คาดว่าจะหมดภายในปีนี้ ที่บริษัทรุกตลาดแนวราบเนื่องจากเป็นตลาดที่มีการเติบโตต่อเนื่องและเป็นตลาดที่เรามีความเชี่ยวชาญ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดบ้านที่ซื้อขายได้ในระดับราคา 2-4.9 ล้านบาท ตลาดกลางระดับราคา 5-7 ล้านบาท และระดับกลางบนระดับราคา 8-10 ล้าน นอกจากนั้นยังมีอานิสงค์ของการขยายตัวของรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย เมืองมีการขยายตัวและการเดินทางไปที่ต่างๆ มีความสะดวกขึ้น” นายวรสิทธิ์ กล่าวสรุป