Tag : สาทร

7 ผลลัพธ์
พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยตลาดอาคารสำนักงาน โซนสีลม-สาทร ฮอต

พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยตลาดอาคารสำนักงาน โซนสีลม-สาทร ฮอต

  พลัส พร็อพเพอร์ตี้ เผยทำเลสีลม-สาทรติดลมบนโซนยอดนิยมของคนทำงาน ครองอันดับหนึ่งพื้นที่สำนักงานสูงสุด 2.1 ล้านตารางเมตร ล่าสุด  co–working space มาแรงโตถึง 35% เริ่มมีผู้ให้บริการต่างชาติเข้ามาเจาะตลาดโซนสีลม-สาทร รองรับกลุ่มคนทำงาน สตาร์ทอัพ ฟรีแลนซ์ และ expat ส่วนตลาดที่อยู่อาศัยพบพื้นที่พัฒนาโครงการใหม่จำกัด ส่งผลให้ตลาดรีเซลและปล่อยเช่าน่าสนใจ ผลตอบแทนขายต่อ-ปล่อยเช่าอยู่ที่ 4-5%   นายอนุกูล รัฐพิทักษ์สันติ กรรมการผู้จัดการ บริษัท พลัส พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด เปิดเผยว่า จากผลสำรวจของพลัส พร็อพเพอร์ตี้ ในตลาดอาคารสำนักงานในกรุงเทพมหานครและปริมณฑลพบว่ามีพื้นที่สำนักงานรวมทั้งสิ้น 8.6 ล้านตารางเมตร โดยโซนสีลม-สาทร เป็นโซนยอดนิยมของคนทำงาน มีพื้นที่สำนักงานสูงสุดเป็นอันดับหนึ่ง ประมาณ 2.1 ล้านตารางเมตร คิดเป็น 24% ของพื้นที่สำนักงานทั้งหมด รองลงมาคือโซนสุขุมวิท 1.7 ล้านตารางเมตร คิดเป็น 20% และ โซนรัชดาภิเษก 1.2 ล้านตารางเมตร คิดเป็น 14% ซึ่งนอกจากโซนสีลม-สาทร จะเป็นย่านสำนักงานที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ ยังเพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกที่ตอบสนองการใช้ชีวิตของคนวัยทำงานมากมาย อาทิ การเดินทางโดยระบบขนส่งมวลชนที่สะดวกมีรถไฟฟ้าหลายสถานีล้อมรอบเกือบทุกมุมถนน มีสถานีเชื่อมต่อ BTS และ MRT จึงเป็นทำเลกลางเมืองที่สามารถเดินทางเชื่อมต่อไปยังสถานที่สำคัญๆ ได้ง่าย นอกจากนี้โซนสีลม-สาทร ยังเริ่มเป็นทำเลที่มีพื้นที่สำนักงานร่วม (co-working space) ที่เติบโตตามกระแสเศรษฐกิจแบ่งปัน ที่กำลังมาแรงในกลุ่มคนทำงาน ซึ่ง co-working space ยังมีแนวโน้มเติบโตทั่วโลกและในไทยเองก็มีแนวโน้มการเติบโตไปในทิศทางเดียวกัน โดยล่าสุดในปี 2560 พบว่ามีผู้ใช้บริการทั่วโลก จำนวน 1.74 ล้านราย เติบโตจากปี 2558 เฉลี่ย 83%     จากข้อมูลของ Global Co-Working Space Unconference Conference ได้วิเคราะห์ว่าภายในปี 2565 จำนวนผู้ใช้บริการ co-working space ทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นถึง 5.1 ล้านราย ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้จำนวนพื้นที่สำนักงานร่วมมีการขยายตัวเพื่อรองรับความต้องการที่มากขึ้น จากปัจจุบันในปี 2561 ที่น่าจะมีจำนวนพื้นที่สำนักงานร่วมอยู่ที่ 17,725 แห่งและเติบโตเฉลี่ยราว 16% ต่อปีนั้น เพิ่มเป็น 30,432 แห่งทั่วโลกในปี 2565   สำหรับประเทศไทยเริ่มมีความต้องการหลังจากผ่านเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 เนื่องจากหลายๆ คนไม่สามารถเดินทางไปยังสำนักงานได้ ซึ่งปัจจุบันพบว่ามีพื้นที่ co-working space ทั้งหมด 91 แห่งทั่วประเทศ โดย 70% เป็นพื้นที่ที่ให้บริการในกรุงเทพฯ และ 30% ไปกระจายอยู่ตามหัวเมืองต่างจังหวัด เช่น เชียงใหม่ ภูเก็ต พัทยา หาดใหญ่ เป็นต้น โดยมีอัตราค่าใช้บริการแบบรายวันประมาณ 180 - 500 บาท หรืออาจคิดค่าบริการแบบเหมารายเดือนประมาณ 3,000 - 7,450 บาท ด้วยรูปแบบที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์การทำงานของคนรุ่นใหม่ จึงทำให้ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมาธุรกิจมีการขยายสาขาเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 35% ซึ่งล่าสุดพบว่ามีผู้ให้บริการต่างชาติรายใหญ่ เช่น JustCo ได้เข้ามาเปิดให้บริการในทำเล สีลม-สาทร ซึ่งถือเป็นทำเลยอดนิยมของกลุ่มคนทำงาน ตอบโจทย์ความต้องการของพนักงานออฟฟิศและสตาร์ทอัพในย่านนี้   “อย่างไรก็ตามในส่วนของตลาดที่อยู่อาศัยในย่านสีลม-สาทรนั้น พบว่าเหลือพื้นที่ในการพัฒนาโครงการจำกัด ส่งผลให้มีความต้องการด้านที่อยู่อาศัยสูง ทั้งความต้องการในการซื้อต่อและความต้องการเช่า ทำให้คอนโดมิเนียมในทำเลนี้มีราคาปรับตัวขึ้นมาอย่างน่าสนใจโดยราคานำกลับมาขายใหม่ (resale) และผลตอบแทนจากการปล่อยเช่าอยู่ในระดับที่น่าสนใจทั้งคู่ โดยในส่วนของตลาดรีเซลมีผลตอบแทนการขายต่อ (capital gain) ประมาณ 4-5% ต่อปี ราคาขายต่อเฉลี่ยประมาณ 230,000 บาท/ ตารางเมตร ขณะที่ผลตอบแทนจากการปล่อยเช่า (rental yield) อยู่ที่ประมาณ 4-5% ต่อปีเช่นกัน โดยราคาปล่อยเช่าอยู่ที่ 800-1,000 บาท/ตารางเมตร สาเหตุที่ทำเลสีลม-สาทรได้รับความนิยมทั้งพื้นที่สำนักงาน co-working space และที่อยู่อาศัยนั้น เนื่องจากไม่เพียงตอบสนองความต้องการของกลุ่มคนทำงานทั่วไป สตาร์ทอัพ และฟรีแลนซ์ ยังพบว่ามีความต้องการจากกลุ่มต่างชาติที่ทำงานอยู่ในประเทศไทย (expat) และอยู่อาศัยในย่านธุรกิจอีกเป็นจำนวนมาก โดยข้อมูลปี 2560 พบว่ามีจำนวน expat ในกรุงเทพฯ รวมประมาณ 1.2 ล้านคน” นายอนุกูล กล่าว
ไรมอนแลนด์ จับมือ โตเกียว ทาเทโมโนะ ผุดโครงการหรูย่านสุขุมวิท- สาทร มูลค่ารวมกว่า 9 พันล้านบาท

ไรมอนแลนด์ จับมือ โตเกียว ทาเทโมโนะ ผุดโครงการหรูย่านสุขุมวิท- สาทร มูลค่ารวมกว่า 9 พันล้านบาท

  ไรมอน แลนด์ จับมือ โตเกียว ทาเทโมโนะ ร่วมทุนพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมไฮเอนด์ 2 โครงการแรกใกล้สถานีรถไฟฟ้าพร้อมพงษ์ และสถานีรถไฟฟ้าสุรศักดิ์ มูลค่ารวมกว่า 9 พันล้านบาท     นายเอเดรียน ลี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า บริษัทได้ลงนามสัญญาร่วมทุนกับ บริษัทโตเกียว ทาเทโมโนะ (Tokyo Tatemono) ซึ่งเป็นบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ที่โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาโครงการที่พักอาศัย ทำเลย่านสาทร ซอย 12 มูลค่าโครงการ 4.2 พันล้านบาท และโครงการบนถนนสุขุมวิท โดยใช้เวลาเดินเพียง 2 นาที จากรถไฟฟ้าสถานีพร้อมพงษ์ ด้วยมูลค่า 4.9 พันล้านบาท หรือมูลค่ารวมกว่า 9.1 พันล้านบาท     "การร่วมทุนระหว่างไรมอน แลนด์ และโตเกียว ทาเทโมโนะ ซึ่งเป็นหนึ่งในบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศญี่ปุ่นถือเป็นโอกาสทองที่จะขยายธุรกิจภายใต้วิสัยทัศน์ร่วมกันของทั้งสองบริษัท รวมทั้งยังคงมองหาความเป็นไปได้ และศึกษาความรู้สำหรับการพัฒนาโครงการในอนาคตร่วมกันในฐานะหุ้นส่วนระยะยาว เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงและผลักดันการเติบโตให้เกิดประโยชน์กับทั้งสองบริษัท ในอีก 5 ปีข้างหน้า (พ.ศ.2566) ไรมอน แลนด์ คาดการณ์ว่าธุรกิจจะมีรายได้ประมาณ 10-12 พันล้านบาท การเติบโตนี้ได้รับการสนับสนุน และการบริหารการจัดการงบดุลที่แข็งแกร่งโดยมี D/E อยู่ที่ 0.67 " เอเดรียน ลี กล่าว     นายคะทสึฮิโตะ โอซะวะ กรรมการ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และหัวหน้าฝ่ายธุรกิจต่างประเทศ บริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ เปิดเผยว่า การตัดสินใจเข้าร่วมทุนกับไรมอน แลนด์ มีวัตถุประสงค์เพื่อขยายธุรกิจไปยังต่างประเทศ เนื่องด้วยความสนใจในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยเฉพาะเพื่อการอยู่อาศัย การได้จับมือกับหุ้นส่วนที่เหมาะสมอย่างไรมอน แลนด์ จะทำให้สามารถพัฒนาการเป็นหุ้นส่วนระยะยาวร่วมกัน โดยใช้ทั้งความรู้ และประสบการณ์เพื่อสร้างผลกำไรสูงสุดในอนาคต   ปัจจุบัน บริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ (Tokyo Tatemono) ได้พัฒนาและบริหารจัดการอาคารสำนักงาน ที่อยู่อาศัยภายใต้แบรนด์บริลเลีย (Brillia) สิ่งอำนวยความสะดวกสาธารณะ และสิ่งอำนวยความสะดวกในด้านรีสอร์ต ธุรกิจของบริษัทโตเกียว ทาเทโมโนะ กรุ๊ป ยังให้บริการด้านที่ปรึกษาอสังหาริมทรัพย์ ที่จอดรถ ที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงอายุ บริการดูแลเด็ก ธุรกิจต่างประเทศ และธุรกิจประเมินมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ โดยรายได้ของบริษัทในปี พ.ศ. 2560 เท่ากับ 77.8 พันล้านบาท  
พรีวิว Knightsbridge Prime Sathorn ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการ : รีวิวคอนโด

พรีวิว Knightsbridge Prime Sathorn ก่อนเปิดขายอย่างเป็นทางการ : รีวิวคอนโด

ล่าสุด บริษัท ออริจิ้น พร๊อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กำลังจะเปิดโครงการน้องใหม่ล่าสุด “Knightsbridge Prime Sathorn” บนทำเลสุดฮ็อตริมถนนนราธิวาสฯ ซึ่งถือเป็นการจับทำเลใจกลางเมืองอีกแห่งที่น่าจับตามองมากของค่ายนี้ ถ้าใครที่ติดตามข่าวอสังหาฯ อยู่เป็นประจำ จะรู้ว่าผู้พัฒนารายนี้เริ่มขยับตัวเข้ามาเล่นตลาดคอนโดมิเนียมในเมืองมากขึ้น โดยโครงการล่าสุดที่เราจะนำข้อมูลมาเสนอให้รู้ก่อนใครในวันนี้จัดเป็นแบรนด์ตัวท็อปของออริจิ้นกันเลยทีเดียว รายละเอียดโครงการ ราคาเริ่มต้น    3,200,000 บาท ราคาต่อตารางเมตร    ประมาณ 150,000 บาท/ตารางเมตร เจ้าของโครงการ    บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด    High Rise สูง 43 ชั้น 1 อาคาร จำนวนห้อง    726 ยูนิต ที่จอดรถ    ประมาณ 500 คัน (คิดเป็น 70%) เนื้อที่ทั้งหมด    2 - 3 - 68.92 ไร่ ที่ตั้งโครงการ    ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ แขวงทุ่งมหาเมฆ เขตสาทร กรุงเทพฯ เริ่มก่อสร้าง    ไตรมาสที่ 3 ปี 2017 คาดว่าจะแล้วเสร็จ    ไตรมาสที่ 3 ปี 2019 Knightsbridge Prime Sathorn เปิดตัวมาในราคาที่น่าตกใจมากครับ ราคาต่อตารางเมตรเริ่มต้นที่ 130,000 บาท หรือราวๆ 3 ล้านบาทสำหรับห้องขนาดเริ่มต้น!!! ซึ่งคอนโดส่วนใหญ่ที่อยู่ในย่านสาทร-สีลมจริงๆ ยังไม่มีรายไหนเปิดราคามาได้ต่ำกว่านี้ แถมทำเลที่ตั้งของโครงการก็อยู่ริมถนนใหญ่อย่าง ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ บริเวณปากซอยนราธิวาสฯ 13 ห่างจากสี่แยกสาทร-นราธิวาสที่มีรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี เพียง 650 เมตรเท่านั้น ถือว่าอยู่ในระยะที่สามารถเดินไปขึ้นรถไฟฟ้าได้สบายๆ ครับ ปัจจุบันยังมีสถานีรถด่วน BRT (สถานีอาคารสงเคราะห์) อยู่ติดหน้าที่ตั้งโครงการเลยด้วย แต่ต่อไปในอนาคตคาดว่าจะเปลี่ยนเป็นที่ตั้งของสถานีรถ Monorail สายสีเทา ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยเพิ่มศักยภาพการเดินทางของลูกบ้านให้สะดวกมากยิ่งขึ้นไปอีก   นอกจากนี้บริเวณที่ตั้งของโครงการ Knightsbridge Prime Sathorn ยังอยู่ในแหล่งรวมของอาคารสำนักงานเกรด A อันเป็น CBD หลักของกรุงเทพ ซึ่งมีทั้ง ธนาคารกรุงเทพสำนักงานใหญ่, ธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์, HSBC, Tisco, Samsung, AIA, กรุงเทพประกันภัย, CP, สถานฑูตต่างๆ และโรงแรมระดับ 5 ดาวอีกมากมาย ยังไม่นับรวมสถานศึกษา สถานพยาบาลชั้นนำอีกหลายแห่งที่รายล้อมอยู่ในย่านนี้ อาทิเช่น โรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน, โรงเรียนอัสสัมชัญบางรัก, โรงเรียนเซนโยเซฟคอนแวนต์, เตรียมอุดมศึกษา, สาธิตจุฬาฯ, จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลกรุงเทพฯ, โรงพยาบาลกรุงเทพคริสเตียน, โรงพยาบาลเซนหลุยส์, โรงพยาบาล BNH, โรงพยาบาลเลิดสิน, โรงพยาบาลจุฬา ฯลฯ สำหรับแหล่งช็อปปิ้ง ร้านค้า ร้านอาหารในย่านนี้ ก็จัดว่าอุดมสมบูรณ์และมีให้เลือกมากมายในหลายระดับ เราขอยกตัวอย่างกันแบบคร่าวๆ พอนะครับ (ไม่งั้นคงต้องอาศัยพื้นที่อีกยาว) เช่น ห้างเซนทรัลพระราม 3, สีลมคอมเพล็กซ์, แมคโคร, โลตัส และแหล่งช็อปปิ้งของชาวออฟฟิศอย่าง ซอยละลายทรัพย์, ฮ่องกงพลาซ่า, ตลาดตึก ITF เป็นต้น ในขณะที่บรรดาร้านอาหารดังๆ ก็มีเยอะไม่แพ้กัน เช่น Dean & Deluca, Paul (บนตึก Empire), Rocket, Starbuck (มีสาขาแทบทุกตึกตรงแยกสาทรเลยครับ), Tenyuu Grand, Chef Man, Blue Elephent, Secret Garden, Amontre, Vertigo & Moon Bar, Nahm Restaurant, สมบูรณ์โภชนา, สามย่านซีฟู้ด, ครัวเจ๊ง้อ ฯลฯ เท่าที่ยกตัวอย่างมานี้ก็เรียกว่าครบครันมากพอที่เราแทบจะไม่ต้องขยับไปไหนไกลจากย่านนี้เลยนะครับ ทีนี้มาดูที่ตัวโครงการกันบ้างครับ Knightsbridge Prime Sathorn ออกแบบมาเป็นอาคาร High Rise 43 ชั้น แต่ความสูงเทียบเท่ากับตึกทั่วไปที่ 53 ชั้น รูปแบบอาคารถูกออกแบบมาในลักษณะตัว Z เพื่อให้ทุกห้องสามารถเปิดรับวิวได้สวยไม่แพ้กัน ทั้ง City View ด้านสาทร สีลม และวิวด้านเจริญกรุง รวมถึงวิวโค้งแม่น้ำเจ้าพระยาในบางตำแหน่งของตึก ในขณะที่พื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดมาเต็มที่ครับ บนชั้นดาดฟ้าจะมีทั้ง สระว่ายน้ำที่ยาวถึง 35 เมตร แบ่งเป็น Lap Pool และ Therapy Pool, Fitness, ห้อง Metropolitan Club และห้อง Media Club ส่วนบริเวณชั้น 1 จะแบ่งเป็นพื้นที่ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านซักรีด เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ลูกบ้านของโครงการครับ และเรื่องสำคัญที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ ที่จอดรถ ทางโครงการจัดระบบจอดรถอัจฉริยะ (Automation Parking Lots) มาให้เลยทีเดียว นับว่าอำนวยความสะดวกสบายกันให้เต็มที่มากๆ ครับ ไม่ต้องวนจอดรถให้เสียเวลา ตอนนี้คงอยากรู้กันแล้วใช่มั้ยครับว่า หน้าตาของห้องแต่ละ Type จะเป็นเช่นไรบ้าง ซึ่ง Type หลักๆ จะแบ่งเป็น 2 ประเภท คือ Monoplex และ Duplex หรือก็คือห้องแบบ 1 ชั้น และ 2 ชั้นนั่นเอง รวมแล้วทั้งโครงการมีจำนวนยูนิตทั้งหมด 726 ยูนิตครับ ลักษณะห้องและขนาดห้อง Type A : 1 Bedroom Plus Duplex ขนาด 44 ตารางเมตร ราคา 5.8 - 6.7 ล้านบาท Type B : 1 Bedroom Duplex ขนาด 37 ตารางเมตร ราคา 4.5 - 5.5 ล้านบาท Type C : 1 Bedroom Plus Monoplex ขนาด 30 ตารางเมตร ราคา 4.4 - 4.6 ล้านบาท Type D : 1 Bedroom Monoplex ขนาด 24 ตารางเมตร ราคา 3.2 - 3.5 ล้านบาท โดย Monoplex จะมีขนาด 24 ตร.ม. และ 30 ตร.ม. ความสูงของ Floor to Ceiling อยู่ที่ 2.6 เมตร โดย Layout ของห้องสัดแบ่งพื้นที่ใช้สอยเอาไว้เป็นสัดส่วนเรียบร้อยครับ สำหรับห้องขนาด 30 ตร.ม. จะพิเศษกว่าตรงที่มีห้องอเนกประสงค์เพิ่มขึ้นมา ซึ่งสามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานได้ตามต้องการ หรือจะจัดให้เป็นห้องนอนเล็กอีกห้องก็ได้ ส่วน Duplex ซึ่งอยู่ที่ชั้น 24-42 จะมีขนาด 37 ตร.ม. และ 44 ตร.ม. ความสูง Floor to Ceiling ประมาณ 4.4 เมตร โดดเด่นด้วยห้องหน้ากว้าง 5 เมตรเลยนะครับ ส่วนการจัดวาง Layout ของห้องก็จะให้ Common Area อยู่ในโซนชั้นล่าง และจัดให้พื้นที่ของห้องนอนไว้ที่ชั้นบน เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้มากยิ่งขึ้น โดยภาพรวมของ Knightsbridge Prime Sathorn ต้องบอกว่าเป็นโครงการเด่นของ ออริจิ้น ที่น่าจับตาเลยก็ว่าได้นะครับ ทั้งการเลือกทำเลที่ตั้ง และการกำหนดกลุ่มตลาดไว้ให้อยู่ในระดับราคาที่จับต้องได้มากขึ้น ดังนั้นกลุ่มคนในระดับกลาง พนักงานออฟฟิศในระดับเมเนเจอร์ก็สามารถเอื้อมถึง กลุ่มเป้าหมายหลักจะเป็นกลุ่มคนทำงานในย่าน CBD ของสาทร-สีลม ที่อยากได้ที่พักอาศัยใกล้ที่ทำงาน เดินทางสะดวก และมีสาธารณูปโภคครบครัน รวมถึงกลุ่มที่ชอบลงทุนในอสังหาฯ ก็คงจะเล็งที่จะจับจองไว้ปล่อยเช่าอีกเช่นกัน เนื่องจากในย่านนี้มีบริษัทใหญ่ๆ และบริษัทต่างชาติเยอะ กลุ่มผู้เช่าที่เป็นชาวต่างชาติก็เป็นอีกกลุ่มที่น่าจะสร้างผลตอบแทนที่เกิดจากการเช่าได้ไม่น้อยเช่นกัน ซึ่งถ้าเทียบกับโครงการอื่นๆ ในระแวกเดียวกันแล้ว ต้องบอกว่า Knightbridge Prime Sathorn ทำราคาได้ถูกกว่าราคาตลาดจนน่าตกใจเลยล่ะ ส่วนใครที่สนใจโครงการนี้ และต้องการรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนเปิดขายจริงในช่วงต้นเดือนตุลาคม สามารถไปลงทะเบียนไว้ล่วงหน้าที่นี่ http://knightsbridge-sathorn.origin.co.th/Sathorn   สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-030-0000 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : knightsbridge-sathorn.origin.co.th/Sathorn
The President สาทร – ราชพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

The President สาทร – ราชพฤกษ์ : รีวิวคอนโด

ข้ามฝั่งมาดู คอนโดมิเนียม แถวฝั่งธนบุรีกันบ้างครับ กับโครงการ The President สาทร - ราชพฤกษ์ โครงการใหญ่ติดสถานีรถไฟฟ้าบางหว้า ใครผ่านไปผ่านมาแถวนี้จะสังเกตุเห็นได้ง่าย เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนตรงแยกถนนเพชรเกษมตัดกับถนนราชพฤกษ์พอดี โครงการนี้มีเจ้าของโครงการเป็น Developer หน้าใหม่ในวงการที่อยู่อาศัยแบบอาคารสูง แต่ด้วยศักยภาพของทำเลที่น่าสนใจมาก และขนาดของโครงการที่กำลังขยายไปถึงเฟสที่ 3 แล้ว จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการที่น่าจับตามองเลยทีเดียว   การเดินทาง   การเดินทางมายังโครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ สามารถมาได้หลายทาง แต่วิธีที่สะดวกที่สุดคือ การเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS มาลงที่สถานีบางหว้า ออกทางออกที่ 4 แล้วข้ามถนนมาอีกนิดหน่อยก็ถึงตัวโครงการแล้ว ระยะห่างจากตัวสถานีถึงหน้าโครงการไม่เกิน 50 เมตรเท่านั้น ส่วนรถไฟฟ้าอีกสายที่กำลังอยู่ระหว่างก่อสร้างขณะนี้คือรถไฟฟ้า MRT สายสีน้ำเงิน ซึ่งมีสถานีบางหว้าเป็นจุด Inter Change Station ที่คาดว่าจะสร้างเสร็จพร้อมเปิดให้บริการในอนาคตอันใกล้นี้ เรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจากหน้าโครงการThe President จึงถือว่าสะดวกมากๆ ทั้งการมุ่งหน้าเข้าสู่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจอย่างสาทรหรือสยามด้วยรถไฟฟ้า BTS  รวมถึงการเดินทางออกไปยังย่านบางแค-บางซื่อด้วยรถไฟฟ้า MRT ก็สามารถกำหนดระยะเวลาในการเดินทางได้แน่นอนมากขึ้น วิ่งมาจาก สะพานตากสิน มาลงที่แยกบางหว้า แล้วให้เลี้ยวซ้ายเพราะแยกนี้ยังไม่ให้เลี้ยวขวา เมื่อเลี๊ยวซ้ายมาแล้ว ให้เตรียมกลับรถ กลับรถ เมื่อกลับรถแล้ว ก็ให้วิ่งไปแยกบางหว้า ผ่านรถไฟฟ้าสถานีบางหว้า ผ่านแยกบางหว้า จะเห็นโครงการ The President อยู่ทางขวา ผ่านแยกมาแล้ว ให้เตรียมตัวกลับรถ ทางกลับรถจะเห็นปั้มเชลล์อยู่ทางซ้าย เมื่อกลับรถมาแล้วให้เข้าซ้ายทันที เพราะโครงการอยู่ก่อนถึงแยกบางหว้า วิ่งเลยไปหน่อยจะเป็นทางเข้าโครงการ The President เฟส 2 ทางเข้า The President เฟส 2 นอกจากการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าแล้ว การเดินทางด้วยรถยนต์ก็จัดว่าสะดวกไม่น้อยไปกว่ากันเลย เพราะถนนหน้าโครงการเป็นสี่แยกถนนเพชรเกษมตัดกับถนนราชพฤกษ์ ซึ่งถือเป็นเส้นทางหลักๆ ที่สามารถใช้เดินทางเข้าออกเมืองได้ง่ายๆ ด้วยทำเลที่ตั้งของโครงการไม่ว่าจะเลือกถนนราชพฤกษ์ข้ามมาฝั่งสาทร หรือจะไปทางถนนเพชรเกษมเข้าวงเวียนใหญ่ก็ได้  จะมีปัญหาหน่อยก็ตรงที่ช่วงเวลาเร่งด่วนปริมาณรถจะหนาแน่นมากๆ เข้าขั้นวิกฤตเลยทีเดียว แถมพื้นที่ฝั่งธนบุรีก็ไม่มีทางด่วนอยู่ใกล้ๆ เลย เส้นทางเลี่ยงรถติดจึงทำได้แค่ใช้เส้นทางลัดเลาะตามซอยเล็กซอยน้อยเท่านั้น ส่วนใครที่หวังจะพึ่งพาบริการรถสาธารณะอย่างรถเมล์ รถแท็กซี่ หรือแม้แต่วินมอเตอร์ไซค์ เพื่อเดินทางในระยะใกล้ๆ บริเวณหน้าโครงการก็หาเรียกรถได้ไม่ยากเลย แถมปัจจุบันทางกรุงเทพมหานครยังเปิดให้บริการเดินเรือโดยสารในคลองภาษีเจริญแล้วด้วย จึงถือว่าเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจมากๆ สำหรับใครที่ต้องการโดยสารเรือไปยังจุดต่างๆ ตามแนวคลองภาษีเจริญ ที่สำคัญท่าขึ้นเรือก็อยู่บริเวณด้านหลังโครงการพอดีอีกด้วย ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการเดินทางด้วยวิธีไหนก็ดูจะสะดวกไปซะทุกทางเลย   วิเคราะห์ตัวโครงการ   โครงการThe President สาทร-ราชพฤกษ์ เปิดตัวไปตั้งแต่ปลายปีที่แล้ว ซึ่งได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ปัจจุบันจึงเริ่มเปิดขายในเฟสที่ 2 ด้วยจุดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการที่ซึ่งอยู่ตรง 4 แยกพอดี ทำให้การเดินทางไปไหนมาไหนค่อนข้างสะดวก (ถ้ารถไม่ติด) แถมบริเวณรอบๆ ก็เป็นเขตชุมชนเดิมมีคนอยู่อาศัยเป็นจำนวนมาก เรื่องร้านค้า ร้านอาหาร ตัวอาคารและการออกแบบในเฟสที่ 2 ไม่ได้ต่างจากเฟสแรกมากนัก ถ้าใครได้เคยเข้าไปชมโครงการก่อนหน้านี้แล้วก็น่าจะพอนึกภาพตามได้ไม่ยาก สำหรับอาคารในเฟสที่ 2 นี้ เป็นคอนโด High Rise สูง 30 ชั้น ส่วนของที่พักอาศัยเริ่มกันตั้งแต่ชั้น 6 ขึ้นไป บริเวณชั้น 1-5 จึงเป็นที่จอดรถทั้งหมด ซึ่งนับรวมแล้วจำนวนที่จอดรถก็มีเพียง 30% เท่านั้น ถือว่าจัดมาแบบพอให้มีจำนวนจอดได้ตามมาตรฐาน ตามแบบฉบับโครงการใกล้รถไฟฟ้าที่เน้นจับกลุ่มคนที่ไม่ใช้รถส่วนตัว และต้องเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก พื้นที่ส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำ ฟิตเนส และพื้นที่พักผ่อนจะอยู่ที่ชั้น 6 แต่ดูจากขนาดคร่าวๆ ในแปลนแล้ว ต้องบอกว่าพื้นที่ส่วนกลางค่อนข้างน้อยไปหน่อยสำหรับคอนโด High Rise ที่มีจำนวนลูกบ้านเกือบ 600 ห้องแบบนี้ ถึงแม้จะมีสวนหย่อมบนดาดฟ้าเพิ่มขึ้นมาด้วยก็ตาม เวลาที่ต้องใช้งานจริงๆ อาจจะไม่เพียงพอต่อความต้องการของลูกบ้านก็ได้ เช่นเดียวกันกับเรื่องลิฟท์โดยสารที่ทางโครงการจัดมาให้ 4 ตัว ซึ่งเฉลี่ยแล้วลิฟต์ 1 : 146 นับว่าหนาแน่นมากเหมือนกันครับ เวลาเช้าๆ อาจต้องรอลิฟท์กันนานหน่อย อย่างที่บอกว่าอาคารของเฟส 2 ตั้งอยู่ติดๆ กันกับเฟสแรก ห้องพักด้านนี้จึงถูกบังวิวอย่างไม่ต้องสงสัยเลย ในขณะที่ด้านอื่นๆ ยังโชคดีที่ไม่มีอาคารอะไรมาอยู่ในระยะประชิด เพราะส่วนใหญ่จะเป็นบ้านพักอาศัย และอาคารพาณิชย์สูง 3-4 ชั้นเท่านั้น จะเลือกห้องมุมไหนก็พิจารณาดูแปลน และทิศทางของทั้ง 2 เฟสเปรียบเทียบกันให้ดีๆ ครับ เพราะทางโครงการจะโชว์แปลนแยกกัน บางทีเราเลยลืมไปว่ายังมีตึกของเฟสแรกบังวิวกันอยู่ model โครงการ The President เฟส 1 model โครงการ The President เฟส 2 ด้านข้างของ model โครงการ The President เฟส 2 ด้านหลังโครงการติดกับคลองภาษีเจริญ-ซึ่งมีท่าเรือของกรุงเทพมหานครที่กำลังทดลองให้บริการฟรีอยู่ พื้นที่ส่วนนี้เป็นพื้นที่ของ โครงการ The President เฟส 3 ในช่วงทดลองให้บริการ-เรือจะให้บริการแค่ช่วงเช้าและช่วงเย็นเท่านั้น บริเวณท่าเรือจะมีวินมอเตอร์ไซค์อยู่ด้วย-ค่าบริการตรวจสอบได้ตามป้าย   พาชมห้องตัวอย่าง   สำหรับห้องพักของโครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ ก็มีให้เลือกทั้งแบบ 1 ห้องนอน และ 2 ห้องนอน ขนาดเริ่มต้นอยู่ที่ 30 ตร.ม. ไปจนถึงขนาด 60 ตร.ม. ซึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่สุด ห้องทั้งหมดขายกันมาแบบห้องเปล่าๆ จะมีที่มาพร้อมห้องก็แค่ ชุดครัว สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ และเครื่องปรับอากาศเท่านั้น สำหรับ Lay out ของห้องแบบ 1 ห้องนอน ต้องบอกว่าจัดพื้นที่ใช้สอยมาได้ค่อนข้างลงตัวดีทีเดียว ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่นั่งเล่น ห้องนอน ห้องน้ำ และห้องครัวแบบปิดที่วางอยู่ในตำแหน่งติดระเบียง จึงช่วยเรื่องการระบายกลิ่นได้เป็นอย่างดี   สำหรับแบบ 1 ห้องนอน ที่ขนาด 30 ตร.ม. และ 34.5 ตร.ม. จะต่างกันอยู่พอสมควรในเรื่องของฟังก์ชั่นห้อง เพราะห้อง 30 ตร.ม. ใช้กระจกบานเลื่อนกั้นพื้นที่บริเวณห้องนอน ซึ่งช่วยให้ห้องดูโปร่งสบายตามากขึ้น แต่ก็จะได้ความเป็นส่วนตัวน้อยกว่า ห้องแบบนี้เหมาะกับการอยู่อาศัย 1-2 คน และไม่ได้มีแขกมาเยี่ยมห้องบ่อยๆ ครับ ส่วนห้อง 1 ห้องนอนที่ขนาด 34.5 ตร.ม. จะเป็นอีกแบบที่เป็นตัวเปรียบเทียบที่น่าสนใจมาก เพราะนอกจากจะได้พื้นที่ห้องเพิ่มขึ้นแล้ว การจัดวาง Lay out ห้องที่กั้นห้องนอนด้วยผนังทึบและติดตั้งประตูบานสวิงแทน จึงทำให้ห้องแบบนี้ดูเป็นสัดส่วนเรียบร้อยมากกว่า ในส่วนของห้องครัวนั้นถือว่าจัดมาได้เหมาะกับคนที่ชอบทำอาหารกินเอง เพราะมีประตูบานเลื่อนกั้นห้องครัวออกจากพื้นที่นั่งเล่นเรียบร้อย แถมตำแหน่งที่อยู่ติดระเบียงก็ยังสามารถเปิดประตูระเบียงเพื่อช่วยระบายกลิ่นได้อีกทางด้วย หันกลับมาดูที่ห้องน้ำ ทางโครงการก็จัดเตรียมชุดสุขภัณฑ์ไว้ตามมาตรฐาน มีฉากกั้นอาบน้ำแยกพื้นที่ส่วนแห้งส่วนเปียก โดยรวมแล้วห้องแบบ 1 ห้องนอนออกแบบมาค่อนข้างดีทีเดียวครับ นอกจากนี้ทางโครงการยังมีห้องแบบ 2 ห้องนอน ที่ขนาด 50-60 ตร.ม. เผื่อคนที่ต้องการห้องใหญ่ไว้อยู่อาศัยเป็นครอบครัว แต่ราคาห้องก็โดดขึ้นไปอีกเท่านึงเลยทีเดียว ทำให้คนที่อยากจะได้ห้องใหญ่ต้องคิดหนักกันหน่อย เพราะราคาขนาดนี้อาจจะมีตัวเปรียบเทียบให้เลือกมาก ทั้งในเรื่องของทำเล ขนาด และแบรนด์เจ้าของโครงการ เมื่อเข้าห้องก็จะเจอกับส่วนของห้องนั่งเล่น มองตรงเข้าไปจะเป็นห้องนอน ส่วนของโซฟาจะอยู่ทางซ้าย มุมทานข้าวอยู่หน้าห้องนอน ติดกับมุมนั่งเล่น ถัดมาเป็นห้องนอน ห้องนอนกับห้องนั่งเล่น จะกั้นด้วยกระจกบานเลื่อน ห้องนอน มองจากห้องนอนออกมา มุมด้านในห้องนอน มาถึงห้องครัว ถ่ายจากระเบียงเข้ามา จะเห็นว่าตู้เย็นจะวางติดกับเคาเตอร์ครัว เคาเตอร์ครัวที่ทางโครงการมีให้ เตากับเครื่องดูดควัน ทางโครงการมีทำการแบ่งพื้นระหว่างห้องนั่งเล่นกับห้องครัว ห้องนั่งเล่นจะใช้เป็นพื้นไม้ลามิเนต ส่วนพื้นห้องครัวจะเป็นกระเบื้อง เข้ามาดูห้องน้ำจะได้กระจกบานใหญ่ แยกส่วนเปียกส่วนแห้ง อุปกรณ์ต่างๆ ก็เป็นแบบมาตรฐาน ธรณีประตูระหว่างห้องน้ำกับห้องครัว สวิทซ์ไฟแบบมาตรฐาน มาดูห้องขนาด A2 บ้าง เข้ามาก็เป็นห้องนั่งเล่นเหมือนกัน ถัดจากห้องนั่งเล่น ก็จะเป็นห้องครัว โต๊ะทานข้าวอยู่ติดกับส่วนห้องนั่งเล่น ทีวีจะอยู่ติดกับประตูทางเข้า โต๊ะทาานข้าวติดกับห้องครัว เคาเตอร์ที่โครงการมีให้ เตากับเครื่องดูควันจะอยู่แยกกับส่วนของซิ้งค์ล้างจาน จากห้องครัวมองออกไปที่ห้องนั่งเล่น มุมห้องนอน มุมเตียงนอน ชั้นวางทีวีปลายเตียง มุมตู้เสื้อผ้า มองจากห้องนอนออกมา ความคุ้มค่าน่าลงทุน โครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ เป็นโครงการที่มีจุดเด่นดีในด้านของทำเลที่ตั้ง เพราะอยู่เกาะติดกับสถานีรถไฟฟ้าบางหว้าทั้ง 2 สาย และตั้งอยู่บริเวณ 4 แยกของถนนสายหลักอย่างราชพฤกษ์และเพชรเกษม การเดินทางไปไหนมาไหนจึงจัดว่าสะดวกมากเลยทีเดียว แต่ในขณะเดียวกันก็มีความเสี่ยงในเรื่องของมลภาวะทางเสียง และฝุ่นละอองที่อาจะเลี่ยงได้ยาก สำหรับคนที่ต้องการที่อยู่อาศัยติดรถไฟฟ้าในงบประมาณไม่เกิน 3 ล้าน โครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ คงได้เปรียบมาก เพราะตัวสถานีอยู่ห่างออกไปเพียง 50 เมตรเท่านั้น ศักยภาพด้านทำเลที่ตั้งจึงเรียกคะแนนความสนใจได้สูงมากๆ สำหรับด้านการลงทุน โครงการ The President สาทร-ราชพฤกษ์ จัดว่ามี Upside Gain สูง ทั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้า แหล่งสาธาณูปโภคต่างๆ ที่จัดว่าสะดวกครบครัน การจะขายเพื่อทำกำไรต่อ หรือปล่อยห้องเช่าก็มีโอกาสเป็นไปได้เช่นกัน แต่ก็ต้องไม่ลืมว่าหมดจากเฟสแรกไปแล้ว มาจนถึงเฟส 2 ที่กำลังเปิดขายอยู่ในปัจจุบัน ทำให้ปริมาณห้องค่อนข้างสูง อีกทั้งยังมีข่าวมาว่าทางโครงการอาจจะสร้างเฟสที่ 3  เพิ่มเติมขึ้นมาอีก ซึ่งแต่ละอาคารก็มีจำนวนยูนิตไม่ต่ำกว่า 500 ห้อง จำนวนห้องมีโอกาสล้นเกินความต้องการ แถมความหนาแน่นของผู้อยู่อาศัยในบริเวณนี้ก็จะมากตามไปด้วย  นอกจากนี้ตัว Developer ก็เป็นรายใหม่ในวงการที่อยู่อาศัยแบบอาคารสูง เรื่องการจัดการในด้านต่างๆ จึงยังไม่มีข้อมูลเก่าๆ ให้ศึกษามากนัก ความเสี่ยงด้านความน่าเชื่อถือของ Developer ก็ทำให้ต้องคิดกันเยอะขึ้นอีกนิดครับ
Aspire สาทร – ตากสิน (Brick Zone) : รีวิวคอนโด

Aspire สาทร – ตากสิน (Brick Zone) : รีวิวคอนโด

โครงการ: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW)   ราคา 1,690,000 บาท บาท/ตารางเมตร 60,500 บาท เจ้าของโครงการ Asian Property Development (AP) จุดเด่น มีโอกาสทำไรจากราคาห้องที่จะปรับตัวในอนาคตสูงกว่าโครงการใกล้เคียง บริษัทเจ้าของโครงการมีความมั่นคงสูง จุดด้อย โครงการจะอยู่ค่อนข้างห่างจากสถานี BTS เมื่อเทียบกับคู่แข่งรายอื่น ตังโครงการอยู่ค่อนข้างลึกจากถนนใหญ่ โปรโมชั่น - ปีที่สร้างเสร็จ 2558 ที่ตั้ง: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW) ลักษณะคอนโด Low Rise เนื้อที่ทั้งหมด 4-9-94.7 ไร่ ที่ตั้ง ถนนราชพฤกษ์ แขวงบางค้อ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร พิกัดโครงการ 13.714104,100.464513 ระบบขนส่งสาธารณะ BTS วุฒากาศ สถานที่สำคัญใกล้เคียง เดอะมอลล์ท่าพระ ตลาดพลู วงเวียนใหญ่ ลักษณะโครงการ: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW) ประเภทห้องที่มี Studio ขนาดห้องที่มี Studio 28 ตร.ม. จำนวนตึก 2 อาคาร จำนวนชั้น 8 ชั้น จำนวนห้อง 364 ยูนิต ส่วนกลาง: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW) ที่จอดรถทั้งหมด 140 คัน(35%) ค่าบำรุงส่วนกลาง(/ตร.ม) 35 บาท ค่ากองทุน(/ตร.ม) 350 บาท สาธารณูปโภค สระว่ายน้ำ ฟิตเนส รปภ. และ CCTV 24 ชม.   เพิ่มเติม: Aspire สาทร - ตากสิน (Brick Zone)(PREVIEW) สอบถามเพิ่มเติม 02-490-3563 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม http://www.apthai.com/Aspire/Aspire-Sathorn-Taksin-Brick-Zone-/home/ ข้อมูล ณ วันที่
Ideo สาธร – ท่าพระ : รีวิวคอนโด

Ideo สาธร – ท่าพระ : รีวิวคอนโด

หนึ่งในโครงการของอนันดา บนถนนราชพฤกษ์ ซึ่งได้รับความสนใจกันมากก็คือ IDEO สาทร-ท่าพระ เพราะอยู่ห่างจาก BTS สถานีโพธินิมิตร (S9) เพียง 320 เมตร และด้วยความที่มีจุดขายเป็น “ห้องขนาดเล็ก” ทำให้ราคาเริ่มต้นจับต้องได้ง่ายขึ้น ด้วยเงื่อนไขข้างต้น ประกอบกับโครงการตั้งอยู่ในทำเลย่านฝั่งธน ซึ่งการเดินทางเข้าสู่กลางเมืองย่านธุรกิจก็จัดว่าสะดวกใช้ได้ จึงนับว่าเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวเลยทีเดียว นอกจากข้อดีของทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้ BTS สถานีโพธิ์นิมิตรแล้ว การเดินทางด้วยวิธีอื่นๆ ก็ไม่ยากเท่าไหร่ แค่ในช่วงเวลาเช้าเย็นรถจะติดมากๆ ในเส้นทางเข้าเมือง และถึงแม้ว่าโครงการจะอยู่ติดถนนราชพฤกษ์แบบไม่ต้องเลี้ยวเข้าซอยให้ยุ่งยากอีก แต่เส้นทางจากสะพานตากสินมุ่งหน้าวงเวียนใหญ่มา ต้องเกาะเลนซ้ายสุด ติดไฟแดงที่แยกวงเวียนใหญ่แล้ววิ่งทางคู่ขนานไปเรื่อยจนถึงหน้าโครงการระยะทางก็ประมาณ 3 กิโลเมตรเท่านั้น ถ้ารถไม่ติดก็สบายหน่อยครับ อีกอย่างที่ไม่น่ามองข้ามก็คือ ทางเข้า-ออกโครงการที่ตั้งเลยแนวเกาะกลางมาเล็กน้อย การจะเข้าจะออกโครงการจึงต้องอาศัยเส้นทางคู่ขนานเท่านั้น ครั้นจะลักไก่ขึ้นสะพานข้ามแยกวงเวียนใหญ่ แล้วมาหักคอเข้าโครงการตรงจุดสิ้นสุดแนวเกาะกลางก็ใช่ที่ ตอนออกจากโครงการจะฉีกออกขวาสุดขึ้นสะพานข้ามแยกก็เสี่ยงเกิดอุบัติเหตุไม่แพ้กัน อันนี้ถือเป็นข้อยุ่งยากนิดหน่อยสำหรับคนใช้รถส่วนตัวเป็นหลัก รอบๆ โครงการถึงจะมีคอนโดอื่นๆ ขึ้นอยู่ใกล้ๆ กัน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีร้านค้า ร้านอาหารเยอะตามไปด้วย ที่ใกล้สุดก็เห็นจะเป็น 7-11 ที่อยู่ในระยะเดินแค่อึดใจ และผับอีก 2 แห่งบริเวณหน้าโครงการพอดี แต่ถ้าโครงการสร้างเสร็จ ใต้อาคารก็จะมีร้านสะดวกซื้ออยู่ข้างล่าง จึงนับเป็นข้อดีที่คนอยู่อาศัยไม่ต้องเสียเวลาเดินออกไปไหนไกล แต่ถ้าจะช็อปปิ้ง หาซื้อข้าวของเป็นเรื่องเป็นราวหน่อย ก็มี The Mall ท่าพระ เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะอยู่ห่างออกไปแค่ 700 เมตรเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็ต้องอาศัยนั่ง BTS เข้าเมืองไปตามห้างดังแถวสีลม ราชประสงค์ สยาม นู่นเลยแหละ ดังนั้นรอบๆ โครงการจึงค่อนข้างเงียบสงบอยู่พอสมควร เนื่องจากรอบๆ มีคอนโดและบ้านพักอาศัยเป็นหลัก ทีนี้มาถึงตัวโครงการกันบ้าง Ideo สาทร-ท่าพระ เป็นคอนโด High Rise สูง 31 ชั้น ที่อัดแน่นด้วยจำนวนยูนิตมากถึง 1,339 ห้อง ซึ่งจัดว่าหนาแน่นมากๆ มี Facility ส่วนกลางที่ต้องใช้ร่วมกันอยู่อย่างจำกัดอีก มองเผินๆ ก็ดู Facility ที่มีให้จะครบถ้วนดี ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส สวนและลู่วิ่งบนดาดฟ้า แต่ถ้าลองนึกว่าต้องแบ่งกันใช้กับคนอื่นๆ อีกพันกว่าห้องก็ดูว่าน้อยขึ้นมาทันตา ที่จอดรถทางโครงการเตรียมไว้ประมาณ 450 คัน หรือประมาณ 34% ไม่นับรวมจอดซ้อนคัน ซึ่งนับว่าน้อยมากถ้าเทียบกับจำนวนคนอยู่ แต่ก็คงเป็นเพราะกลุ่มลูกค้าหลักของคอนโดแนวนี้คือ คนที่ต้องอาศัยเดินทางด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลัก เรื่องที่จอดรถจึงดูเป็นเรื่องรองลงไป ใครที่มีรถส่วนตัวคงต้องพิจารณาเรื่องนี้เพิ่มขึ้นไปอีก ต้องมองเผื่อปัญหาที่จอดรถไม่พอเอาไว้ด้วย นอกจากนี้ลิฟท์จำนวน 5 ตัว แบ่งเป็นทางปีกขวา 2 ตัว และปีกซ้าย 3 ตัว คาดว่าจะต้องรอกันนานหน่อยในช่วงโมงเร่งด่วนที่ใครๆ ต้องเข้า-ออกในเวลาไล่ๆ กัน มาพูดถึงห้องของ Ideo สาทร-ท่าพระบ้าง ด้วยจุดขายที่เน้นทำห้องขนาดเล็ก ไซส์เริ่มต้นจึงอยู่ที่ 21 ตร.ม. ซึ่งใช้ Layout เดียวกันกับ Ideo Mobi ซึ่งเคยได้รับรางวัล Interior Design จาก ASIA PACIFIC PROPERTY AWARDS เลยมีป้ายการันตีแปะไว้หน้าห้องตัวอย่าง ซึ่งห้องขนาดนี้ดูจะทำอะไรมากไม่ได้ เพราะเปิดเข้ามาก็เจอห้องนอนเลย จะกั้นจะแบ่งพื้นที่เพิ่มคงทำได้ลำบาก เอาแค่เรื่องหาเฟอร์นิเจอร์มาลงก็ต้องคิดกันเยอะหน่อย ไม่งั้นห้องต้องแน่นและรกมากแน่ๆ ส่วนห้องแบบ 1 ห้องนอน ดูจะลงตัวขึ้นมาหน่อยด้วยขนาด 30 ตร.ม. เพราะมีการแบ่งพื้นที่ห้องนอน ห้องนั่งเล่นชัดเจนมากขึ้น โดยห้องครัวอยู่หลังประตูทางเข้า ถัดไปจึงเป็นบริเวณห้องนั่งเล่นติดกระจกริมระเบียง ซึ่งระเบียงของห้องนี้ก็กว้างพอที่จะวางอะไรได้บ้าง โดยที่ทางโครงการมีการออกแบบพื้นที่แขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้เป็นที่เป็นทาง จึงดูเรียบร้อยสบายตาดี ส่วนห้องแบบ 2 ห้องนอน ขนาด 45 ตร.ม. ราคาก็ขยับห่างขึ้นไปมากอีกหน่อย เพราะแค่ราคาเริ่มต้นก็อยู่ที่ 4 ล้านกว่าแล้ว ส่วน Lay out ห้องก็จัดไว้พอดิบพอดี ห้องนอนเล็กก็กระทัดรัดมาก วางเตียง 3.5 ฟุตพร้อมตู้เสื้อผ้าแล้ว ก็พอจะวางโต๊ะทำงานเล็กๆ ได้อีกซักตัวก็เต็มห้องพอดี แต่ถ้าไม่คิดว่าจะอยู่เป็นครอบครัวและใช้ห้องนี้เป็นห้องนอนเด็ก การปรับเปลี่ยนให้ห้องนอนเล็กกลายเป็นห้องทำงานหรือห้องอเนกประสงค์อื่นๆ สำหรับการอยู่อาศัยแบบ 1-2 คน ก็คงทำให้ห้องแบบนี้มีพื้นที่ไม่จำกัดจำเขี่ยเวลาใช้สอยเท่าไรนัก ห้องทั้งหมดขายมาแบบ Fully Fitted มีเฟอร์นิเจอร์แถมมาให้เป็นบางชิ้น ส่วนที่ให้มาเป็นพื้นฐานอยู่แล้วก็คือ พื้นห้องปูลามิเนตหนา 8 มม. พื้นกระเบื้องในห้องน้ำ สุขภัณฑ์ในห้องน้ำ ชุดครัวพร้อมอ่างล้างจานสแตนเลส ซึ่งหน้าตาของวัสดุทั้งหมดนี้ไม่ได้ดูหรูหราอะไร ออกจะธรรมดาเกินไปด้วยซ้ำ คงเป็นเพราะราคาห้องที่เริ่มต้นในเรทที่ค่อนข้างต่ำอยู่แล้ว วัสดุต่างๆ จึงลดทอนสเปกลงตามไปด้วย แต่ทั้งแบบและคุณภาพวัสดุดูไม่คุ้มค่ากับราคาห้องเท่าที่ควร ยิ่งตอนนี้ราคาห้องปรับขึ้นจนเกือบสุดเพดานแล้ว การซื้อไว้ขายต่อเก็งกำไรจึงทำได้ค่อนข้างยากหน่อย แต่ถ้าจะซื้อไว้อยู่เองเพราะต้องทำงานในระแวกฝั่งธนนี้ หรือเพราะเดินทางสะดวกใกล้สถานีรถไฟฟ้า BTS ก็น่าเก็บไปคิดเหมือนกันนะครับ
Bangkok horizon Lazi สาทร – นราธิวาส : รีวิวคอนโด

Bangkok horizon Lazi สาทร – นราธิวาส : รีวิวคอนโด

Bangkok Horizon Lazi โครงการของ CMC ตั้งอยู่ในซอยนราธิวาสฯ 14 ใกล้ BRT สถานีเทคนิคกรุงเทพประมาณ 350 เมตร ซึ่งเป็นระบบขนส่งมวลชนที่จะช่วยให้การไปต่อรถไฟฟ้า BTS สถานีช่องนนทรี เป็นเรื่องง่ายรองจากการใช้บริการมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ส่วนการเดินทางด้วยรถส่วนตัวนั้นสามารถเข้าออกได้ 2 เส้นทางหลักๆ นั่นคือจากซอยนราธิวาสฯ14 และอีกเส้นทางคือจากซอยจันทน์ 16 ซึ่งเส้นทางนี้สามารถเลี่ยงไปออกถนนนางลิ้นจี่ ถนนสาธุประดิษฐ์ และหนีไปขึ้นทางด่วนขั้นที่ 1 และขั้นที่ 2 ได้ด้วยเช่นกัน ส่วนเส้นทางลัดเลาะตามซอกซอยสำหรับคนในพื้นที่ก็ไปได้หลายทาง แต่ถนนส่วนใหญ่เป็นถนนเล็กๆ แคบๆ เท่านั้น บริเวณรอบๆ โครงการมีร้านค้าในชุมชนอยู่มาก กลางๆ ซอยจันทน์ 16 มีทั้งตลาดสด ร้านขายอาหาร และ7-11 อยู่หลายสาขา หรือจะทะลุไปออกซอยเซนหลุยส์ 3 ของกินก็มีให้เลือกเยอะเหมือนกัน หรือถ้าออกมาทางถนนนราธิวาสฯ ก็มีทั้ง Macro ที่ตั้งอยู่ในระยะที่ยังพอเดินถึง และถ้าจะเลยไปจับจ่ายที่ Lotus หรือเซนทรัลพระราม 3 ก็ต้องนั่งรถออกไปทางถนนสาธุประดิษฐ์ นอกจากนี้ยังมีร้านนั่ง Hang out บนถนนนราธิวาสฯ อีกหลายร้านให้เลือกแวะมานั่งเล่นได้ในช่วงค่ำๆ ส่วนช่วงเช้า-เย็นการจราจรบนถนนนราธิวาสฯ-สาทรติดเอาเรื่องเหมือนกัน จึงต้องทำใจเผื่อเวลาเดินทางไปทำงานกันให้ดีๆ เพราะอาคารสำนักงานใหญ่ๆ บนถนนสาทรมีมาก แถมในรัศมีรอบๆ บริเวณนี้ยังมีโรงเรียน สถานศึกษารวมกันอยู่อีกหลายแห่ง ต่อให้มีถนนเลี่ยงออกได้หลายเส้นทางแต่ก็หนีไม่พ้นรถติดในชั่วโมงเร่งด่วน อยู่ดี เรื่องนี้จึงนับเป็นจุดด้อยอย่างหนึ่งที่ต้องทำใจยอมรับให้ได้ รวมถึงทางเข้าออกในซอยก็เป็นถนนแคบและมีรถจอดริมทางเยอะ ทำให้การจราจรไม่คล่องตัวเท่าไหร่ ดูพื้นที่รอบๆ ไปแล้ว คราวนี้ก็ต้องมาดูห้องตัวอย่างกันบ้าง ซึ่งทางโครงการออกแบบมาพอใช้ได้ ด้วยจำนวนห้องทั้งหมด 268 ยูนิตในอาคารสูง 24 ชั้น เริ่มจากห้องแบบ 1 ห้องนอน แบบแรก เปิดเข้ามาเจอส่วนห้องนั่งเล่นก่อน โดยที่โซฟาตั้งชิดกำแพงห้องน้ำแล้วยังเหลือพื้นที่ว่างระหว่างดูทีวีไม่มาก เฟอร์นิเจอร์ที่วางมาดูไม่ค่อยลงตัวเท่าไหร่ พื้นที่ห้องจึงดูจำกัดจำเขี่ย มีมุมเว้าแปลกๆ เยอะ ให้ความรู้สึกอึดอัดในการใช้งานนิดหน่อย ส่วนห้องอีกแบบที่เป็น 1 ห้องนอนเหมือนกันแต่มีการจัด Lay out ห้องที่ต่างกัน เพิ่มตัวเลือกให้ตอบโจทย์กับ Life Style ที่ต่างกัน ห้องแบบที่ 2 เปิดเข้าห้องมาจะเจอห้องครัวก่อนเป็นอันดับแรก โดยมีมุมหนึ่งถูกจัดเป็นโต๊ะกินข้าวแบบเคาน์เตอร์หันหน้าเข้ากำแพง ผ่านประตูห้องครัวเข้าไปแล้วจะเป็นห้องนั่งเล่น และห้องนอนที่ด้านในสุด ห้องแบบนี้จะให้ความรู้สึกเหมือนพื้นที่ในห้องนอนกว้างขึ้น เพราะมีห้องน้ำอยู่ในตัว และพื้นที่ด้านหน้าห้องน้ำสามารถวางตู้เสื้อผ้า และใช้เป็นมุมแต่งตัวได้สะดวกกว่าห้องแบบแรก ในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ทางโครงการมีระบบรักษาความปลอดภัยแบบ Key Card และลิฟท์แบบล็อคชั้น รวมถึงระบบ Video Door Phone และประตูล็อคดิจิตอลก็มีมาครบเครื่องมากๆ นอกจากนี้ก็ยังมี Facility ขั้นพื้นฐานอย่าง สระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสมุด และสวนหย่อมกระจายไปตามชั้นต่างๆ ส่วนที่แถมเพิ่มเติมมากกว่าโครงการอื่นๆ หน่อยก็คือ Game Room และ Golf Simulator ซึ่งก็ต้องรอดูว่าของจริงจะเป็นอย่างไรบ้าง ส่วนที่เรื่องที่จอดรถนับว่าจัดสรรมาให้มากอยู่เหมือนกัน เพราะมีที่จอดรถคิดเป็น 60% เลยทีเดียว ทำให้คนที่ใช้รถส่วนตัวลดปัญหาเรื่องหาที่จอดรถลงไปได้ ถึงแม้ตัวโครงการจะตั้งอยู่ใกล้ย่านธุรกิจที่สำคัญของกรุงเทพ และมีอาคารสำนักงานใหญ่ๆ ในบริเวณใกล้เคียงอีกมาก แต่ถนนหนทางแถวนี้ก็มีการจราจรที่ติดหนักเอาการ ส่วนเส้นทางเข้าออกโครงการก็เป็นถนนแคบๆ ให้รถวิ่งสวนกันแค่ 2 เลนส์ ในขณะที่มีรถจอดอยู่ริมถนนเต็มเกือบจะตลอดทั้งแนว ทำให้เส้นทางเข้าออกค่อนข้างติดขัด สภาพแวดล้อมรอบๆ เป็นชุมชนที่อยู่กันมานาน ทัศนียภาพอาจไม่สวยงาม ดูไม่น่ามองนัก แต่ถ้าคนที่ทำงานใกล้ๆ แถวนี้ ไม่ติดขัดเรื่องการเดินทางที่ต้องขึ้น BRT ไปต่อรถไฟฟ้า BTS หรือต้องนั่งรถหลายๆ ต่อ Bangkok Horizon Lazi ก็พอจะอยู่ในเกณฑ์ที่เอามาพิจารณาได้เหมือนกัน