Tag : เอสซีจี

9 ผลลัพธ์
“หลังคาเอสซีจี” บุกตลาดบ้านเก่า ลุยยกระดับบริการ “ซ่อมและเปลี่ยนหลังคาครบวงจร”

“หลังคาเอสซีจี” บุกตลาดบ้านเก่า ลุยยกระดับบริการ “ซ่อมและเปลี่ยนหลังคาครบวงจร”

“หลังคาเอสซีจี” ตอกย้ำผู้เชี่ยวชาญทุกเรื่องหลังคา เดินหน้ายกระดับบริการและโซลูชั่น “ซ่อมและเปลี่ยนหลังคาครบวงจร” เปิดให้เจ้าของบ้านเข้าไปใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมที่ผสานเข้ากับโปรแกรมประมาณราคาเปลี่ยนหลังคาของเอสซีจี ตอบเทรนด์เจ้าของบ้านที่ใช้ “เทคโนโลยี” ในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้าน รู้ราคาทันใจ ลดความกังวลเรื่องงบบานปลาย พร้อมเดินหน้าสร้างการรับรู้ต่อเนื่อง ประเดิมด้วยกิจกรรมออนไลน์ “ลุ้นสำรวจปัญหาหลังคา ฟรี” พร้อมด้วยโปรโมชั่นจัดเต็มต้อนรับฤดูร้อน มั่นใจดึงกลุ่มลูกค้าบ้านเก่าที่ปัจจุบันมีกว่า22.5 ล้านหลังคาเรือน เข้ามาใช้บริการ ดันยอดขายบริการปรับปรุงหลังคาบ้านเก่าเอสซีจีเติบโต 100% จากปีที่ผ่านมา ครองความเป็นผู้นำตลาดเบอร์ 1 ด้านงานปรับปรุงหลังคาครบวงจร   นายฎายิน เกียรติกวานกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจหลังคา บริษัท กระเบื้องหลังคาซีแพค จำกัด ในเอสซีจี  เปิดเผยว่า ในปี 2561“เอสซีจี รูฟ รีโนเวชั่น” (SCG Roof Renovation) หรือบริการปรับปรุงหลังคาบ้านเก่าที่จะช่วยจบทุกปัญหาเรื่องหลังคาให้เจ้าของบ้านอย่างครบวงจร ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากเจ้าของบ้านเก่าทั่วประเทศ ทั้งบริการซ่อมแซมเฉพาะจุด (Repair) และเปลี่ยนผืนหลังคา (Re-Roof) ให้กลับมาสวยงามทนทานเหมือนใหม่ ส่งผลให้เติบโต 100% จากปีที่ผ่านมา  ในปีนี้จึงได้เดินหน้าพัฒนาบริการดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ด้วยการเปิดให้เจ้าของบ้านสามารถเข้าไปใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมที่ผสานเข้ากับโปรแกรมประมาณราคาของเอสซีจี ให้ทราบราคาเปลี่ยนหลังคาทั้งผืนเบื้องต้นได้ด้วยตัวเอง เพียงเข้าเว็บไซต์ https://raes.scg.com เพื่อสร้าง User Experience (UX) ที่ดียิ่งขึ้นในทุกขั้นตอนของบริการ ช่วยให้เจ้าของบ้านวางแผนจัดสรรงบประมาณได้ถูกต้อง  ตอบโจทย์พฤติกรรมของเจ้าของบ้านในยุคดิจิทัล ที่มักใช้ “เทคโนโลยี” ในการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการซ่อมแซมบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการหาสาเหตุของปัญหา การหาวัสดุสำหรับซ่อมแซม หรือแม้แต่งบประมาณที่ต้องใช้ด้วยตัวเอง “ปัจจุบันกลุ่มเจ้าของบ้านเก่าในประเทศไทยมีจำนวนกว่า 22.5 ล้านหลังคาเรือน และเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละประมาณ 300,000 หลังคาเรือน และเจ้าของบ้านกลุ่มนี้มักพบกับปัญหากวนใจเนื่องจากหลังคามีปัญหา อาทิ หลังคาเก่า ทรุดโทรม สีซีดจาง หลังคารั่วซึม แผ่นกระเบื้องหลังคาแตกร้าว เป็นต้น เอสซีจีจึงมุ่งมั่นพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบทุกความต้องการของลูกค้า เราจึงมีแผนในการผลักดันเอสซีจี รูฟ รีโนเวชั่น ให้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเพื่อช่วยจบทุกปัญหาเรื่องหลังคาให้เจ้าของบ้าน ด้วยสินค้าและบริการที่ได้มาตรฐานเอสซีจี” นายฎายิน กล่าว ในส่วนของแผนการสร้างการรับรู้ จะประเดิมด้วยการเปิดกิจกรรมออนไลน์ “ลุ้นสำรวจปัญหาหลังคา ฟรี” ผ่านช่องทางเฟซบุ๊ค SCG Brand ซึ่งปัจจุบันมีผู้ติดตามกว่า 2.7 ล้านคน เพื่อปลุกดีมานด์ และสร้างการรับรู้สินค้าและบริการ  โดยกิจกรรมนี้จะเปิดโอกาสให้เจ้าของบ้าน โพสต์ภาพปัญหาหลังคาพร้อมอธิบายรายละเอียดปัญหาที่พบเจอ  ลุ้นรางวัลสำรวจปัญหาหลังคาฟรี 10 รางวัล  โดยผู้ที่สนใจสามารถเข้ามาร่วมกิจกรรมได้ตั้งแต่วันนี้ จนถึงวันที่ 15 มี.ค. 2562   นอกจากนี้ยังจะมีโปรโมชั่นที่จัดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยเริ่มจากโปรโมชั่นรับหน้าร้อน “เปลี่ยนหลังคา พาบ้านคลายร้อน รับสิทธิพิเศษจาก เอสซีจี รูฟ รีโนเวชั่น 2 ต่อ” ต่อที่ 1 ฟรีชุดกระเบื้องปล่องระบายอากาศเอสซีจี ให้บ้านของคุณร้อนช้า เย็นนาน ต่อที่ 2 ลดราคาฉนวนกันความร้อน Stay Cool 25% ให้คุณได้นำไปใช้ป้องกันความร้อนให้เข้าบ้านน้อยลง โปรโมชั่นรับลมร้อนเริ่มตั้งแต่วันนี้จนถึงวันที่ 31 มี.ค. 2562  เท่านั้น  โดยสามารถสอบถามเงื่อนไขและรายละเอียดการใช้สิทธิ์โปรโมชั่นเพิ่มเติมได้ที่ SCG Experience  และ SCG Home Solution เฉพาะในเขต กรุงเทพฯ. ปทุมธานี นนทบุรี สมุทรปราการ เท่านั้น   “เราเชื่อว่าการเปิดให้เจ้าของบ้านสามารถเข้าไปใช้เทคโนโลยีภาพถ่ายดาวเทียมที่ผสานเข้ากับโปรแกรมประมาณราคาเปลี่ยนหลังคาเบื้องต้นของเอสซีจี จะทำให้เจ้าของบ้านมีความพึงพอใจ และมีความมั่นใจมากยิ่งขึ้นในการเข้ามาขอรับบริการจากทีม เอสซีจี รูฟ รีโนเวชั่น อีกทั้งมั่นใจว่าการมีกิจกรรมผ่านช่องทางออนไลน์ และจัดโปรโมชั่นที่ตอบ Pain point ให้ลูกค้าอย่างตรงจุดและต่อเนื่องจะได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าเช่นเคย โดยตั้งเป้ายอดลูกค้าเข้ามาใช้บริการซ่อมแซมและเปลี่ยนผืนหลังคา 1,000 หลังคาเรือน ผลักดันยอดขายเอสซีจี รูฟ รีโนเวชั่น ปีนี้เติบโต 100% จากปีที่ผ่านมา ครองความเป็นผู้นำตลาดหลังคาที่มีมูลค่า 11,000 ล้านบาท อย่างต่อเนื่อง”นายฎายิน กล่าว   สำหรับเจ้าของบ้านที่มีปัญหาหลังคา สามารถขอรับคำปรึกษาได้ฟรีที่เอสซีจี โฮมโซลูชั่น ทุกสาขาทั่วประเทศ เอสซีจี เอ็กซ์พีเรียนซ์ เลียบทางด่วนเอกมัย รามอินทรา หรือติดต่อเอสซีจี คอนแทค เซ็นเตอร์ โทร.02-586-2222 หรือคลิกเว็บไซต์ https://roofexpert.scgbuildingmaterials.com/service/renovate และ เฟซบุ๊ค SCG Brand      
“เอสซีจี” แนะเจ้าของบ้าน จบทุกปัญหาหลังคาเก่าอย่างมั่นใจ  ด้วยการเปลี่ยนหลังคาใหม่ และซ่อมแซมให้ถูกจุด

“เอสซีจี” แนะเจ้าของบ้าน จบทุกปัญหาหลังคาเก่าอย่างมั่นใจ ด้วยการเปลี่ยนหลังคาใหม่ และซ่อมแซมให้ถูกจุด

“หลังคา” เป็นองค์ประกอบสำคัญของบ้านที่คอยทำหน้าที่ปกป้องผู้อยู่อาศัยจากสภาพแวดล้อมและสภาพภูมิอากาศภายนอก อย่างลม ฝน พายุ และความร้อน แต่เมื่อใช้งานไปนานหลายปีย่อมเสื่อมสภาพไปตามกาลเวลา  ยิ่งเป็นส่วนที่อยู่สูง จึงยากต่อการดูแลและตรวจสอบความผิดปกติ จะรู้ว่าเกิดปัญหาก็ต่อเมื่อสร้างความเสียหายให้บ้านซะแล้ว ไม่ว่าจะเป็น น้ำไหลซึมบริเวณฝ้าเพดานเพราะหลังคารั่ว  กระเบื้องแตกร้าว  หรือหลุดปลิว  รวมไปถึงสีของหลังคาซีด เก่า โทรม ขึ้นราไม่สวยงาม  “เอสซีจี” ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านวัสดุก่อสร้าง เล็งเห็นปัญหาของลูกค้า จึงขอนำเสนอแนวทางในการจบทุกปัญหาเรื่องหลังคาอย่างมั่นใจ ด้วยการแก้ไขปัญหาหลังคารั่วอย่างถูกจุด  และเปลี่ยนหลังคาเก่าให้สวยเหมือนใหม่ทั้งผืน  เพื่อให้บ้านพร้อมอยู่อาศัย  ไร้กังวล นายทรงวุฒิ พิมพ์สุวรรณ ผู้เชี่ยวชาญด้านการปรับปรุงหลังคา จาก “เอสซีจี” กล่าวว่า  หลังคาที่ผ่านการใช้งานมาระยะหนึ่ง  เจ้าของบ้านหลายท่านมักต้องพบกับสารพันปัญหากวนใจไม่ว่าจะเป็น หลังคารั่วซึม แตกร้าว ชิ้นส่วนหลังคาหลุด หรือชำรุดเสียหาย รวมไปถึงสีของหลังคาเก่าโทรมไม่สวยงาม เป็นต้น โดยสาเหตุหลักของปัญหามักเกิดขึ้นจาก 2 ปัจจัยหลักๆ คือ ปัจจัยด้านวัสดุ ได้แก่ โครงหลังคา กระเบื้องหลังคา และอุปกรณ์หลังคา อาจมีการเลือกใช้วัสดุที่ไม่ได้คุณภาพ หรือวัสดุมีการเสื่อมสภาพตามการใช้งาน และปัจจัยด้านการติดตั้ง เช่น การติดตั้งไม่ได้มาตรฐาน เนื่องจากช่างขาดทักษะความเชี่ยวชาญในการติดตั้ง  ซึ่งเบื้องต้นเจ้าของบ้านสามารถตรวจเช็คสภาพหลังคาด้วยตนเองได้  ดังนี้ วิธีตรวจเช็คปัญหาหลังคารั่ว อาการที่บ่งบอกว่าบ้านคุณเกิดปัญหาหลังคารั่ว คือ ได้ยินเสียงน้ำไหล หรือเสียงน้ำหยดกระทบกับฝ้าตอนฝนตก  การพบคราบน้ำสีน้ำตาลบนฝ้า รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ใบบริเวณที่หลังคารั่วบวม มีกลิ่นอับชื้น และอาจมีเชื้อราขึ้น รวมไปถึงบริเวณหลอดไฟหากโดนน้ำสามารถเกิดการลัดวงจรได้  และท้ายที่สุดหากปล่อยอาการรั่วทิ้งไว้นานฝ้าเพดานอาจทะลุจนเป็นโพรง สร้างความเสียหายให้กับบ้านมากขึ้น วิธีแก้ไขปัญหา เมื่อทราบว่าบ้านเกิดปัญหาหลังคารั่ว  ควรรีบติดต่อช่างผู้เชี่ยวชาญเพื่อสำรวจและซ่อมแซมหลังคาจุดที่รั่วซึมทันที และควรเลือกช่างที่มีคุณภาพและประสบการณ์เพื่อตัดปัญหาหลังคากลับมารั่วซ้ำซาก และควรเลือกช่างที่ไว้วางใจเชื่อถือได้  เพื่อตัดปัญหาการทิ้งงานเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของบ้าน ลดความยุ่งยาก และสร้างทางเลือกใหม่ในการหาช่างหลังคาที่มีความเชี่ยวชาญ แก้ไขปัญหาได้ถูกต้องตรงจุด เอสซีจีจึงได้เปิดบริการ “เอสซีจี รูฟ  รีโนเวชั่น” เพื่อมอบโซลูชั่นที่จะช่วยจบทุกปัญหาเรื่องหลังคาอย่างครบวงจร ให้การแก้ปัญหาเป็นเรื่องง่าย  ไร้กังวล โดยมีให้เลือกทั้งบริการซ่อมหลังคารั่วเฉพาะจุด (Roof-Repair) และเปลี่ยนหลังคาเก่าทั้งผืน (Re-Roof) ให้กลับมาสวยงาม ทนทานเหมือนใหม่ โดยปีนี้เน้นให้บริการงานบ้านเดี่ยวก่อน และวางแผนขยายบริการไปสู่ที่อยู่อาศัยรูปแบบอื่นต่อไป “เอสซีจี รูฟ รีโนเวชั่น”  มีสินค้าและบริการที่จะช่วยตอบโจทย์เจ้าของบ้านให้  “มั่นใจ” ด้วยทีมช่างคุณภาพที่ผ่านการฝึกอบรมหลักสูตรรีโนเวทหลังคามาโดยเฉพาะ มีประสบการณ์จริง  พร้อมการรับประกัน สำหรับงาน Re-Roof  นาน 1 ปีเต็ม “วางใจได้” ด้วยเทคโนโลยีหลังคาและระบบหลังคาคุณภาพเยี่ยม มาตรฐานเอสซีจี  “ไร้กังวล”  จากทีมงานสำรวจหน้างานเพื่อนำมาวางแผนแก้ปัญหาที่ตรงจุด จบปัญหารั่วซ้ำซาก ไม่ทิ้งงานกลางคัน “สบายใจ” ด้วยกระบวนการวางแผนงานติดตั้งอย่างเป็นระบบ  จึงทำให้เจ้าของบ้านสามารถอยู่อาศัยในบ้านได้ตามปกติระหว่างติดตั้ง ไม่ต้องย้ายออก สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถขอรับคำปรึกษาได้ฟรีที่เอสซีจี เอ็กซ์พีเรียนซ์ และเอสซีจี โฮมโซลูชั่น ทุกสาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงสาขาในหัวเมืองใหญ่ อาทิ ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่นและสุราษฎร์ธานี หรือติดต่อเอสซีจี คอนแทค เซ็นเตอร์ โทร.02-586-2222 หรือคลิกเว็บไซต์ www.scgbuildingmaterials.com  
เอสซีจีเปิดบริการ’เอสซีจี รูฟ รีโนเวชั่น’ แก้ปัญหาหลังคาบ้านวงจร

เอสซีจีเปิดบริการ’เอสซีจี รูฟ รีโนเวชั่น’ แก้ปัญหาหลังคาบ้านวงจร

เอสซีจีเปิดบริการ'เอสซีจี รูฟ  รีโนเวชั่น' แก้ปัญหาหลังคาบ้านวงจร ตอบโจทย์ลูกค้าบ้านเก่า 8 แสนหลังคาเรือนตั้งเป้าขายปีนี้ 1,000 หลังคา นายฎายิน เกียรติกวานกุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด กลุ่มธุรกิจหลังคา บริษัท กระเบื้องหลังคาซีแพค จำกัด เปิดเผยว่า เอสซีจีเปิดบริการ “เอสซีจี รูฟ  รีโนเวชั่น” ปัญหาเรื่องหลังคาอย่างครบวงจร โดยมีให้เลือกบริการซ่อมหลังคารั่วเฉพาะจุด (Roof-Repair) และเปลี่ยนหลังคาเก่าทั้งผืน (Re-Roof) รับประกัน 1 ปี โดยปีนี้เน้นให้บริการงานบ้านเดี่ยวก่อน และวางแผนขยายบริการไปสู่ที่อยู่อาศัยรูปแบบอื่นต่อไป "ภาพรวมตลาดบ้านเก่าอายุ 10 ปีขึ้นไป มีจำนวนประมาณ 18 ล้านหลังคาเรือนทั่วประเทศ ซึ่งจากผลการวิจัย พบว่าลูกค้าบ้านเก่าอายุมากกว่า 10 ปีขึ้นไปที่หลังคาเริ่มเสื่อมโทรม มีความสนใจปรับปรุงหลังคากว่า 8 แสนหลังคาเรือน มองว่าดีมานด์ในการซ่อมแซมบ้านยังมีสูง ด้วยการเติบโตที่สูงถึง 300% ใน 3 ปีที่ผ่านมา เอสซีจีจึงมุ่งเน้นด้านการให้บริการอย่างครบวงจร และใช้ทีมช่างคุณภาพการให้บริการแก่ลูกค้าทุกหลัง เพื่อตอบโจทย์ลูกค้าบ้านเก่าที่มีความสนใจเปลี่ยนหลังคาบ้าน โดยเปิดโอกาสให้ผู้ที่มีปัญหาหลังคาสามารถลงทะเบียนเพื่อขอรับคำปรึกษาฟรี ผ่านช่องทางออนไลน์ ทั้งนี้ตั้งเป้ายอดซ่อมหลังคารั่วเฉพาะจุด(Roof-Repair) และเปลี่ยนหลังคาเก่าทั้งผืน (Re-Roof) 1,000 หลังคาเรือน ผลักดันยอดขายรูฟ รีโนเวชั่น เติบโต 150% จากปีที่ผ่านมา ” นายฎายิน กล่าว สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถขอรับคำปรึกษาได้ฟรีที่เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ และเอสซีจี โฮมโซลูชั่นทุกสาขาในกรุงเทพฯและปริมณฑล รวมถึงสาขาในหัวเมืองใหญ่ อาทิ ชลบุรี เชียงใหม่ ขอนแก่นและสุราษฎร์ธานี หรือติดต่อเอสซีจี คอนแทค เซ็นเตอร์ โทร.02-586-2222 หรือคลิกเว็บไซต์ www.scgbuildingmaterials.com
เอสซีจี แนะนำ 4 เรื่อง ระบบท่อที่เจ้าของบ้านควรรู้ก่อนลงมือสร้างบ้าน

เอสซีจี แนะนำ 4 เรื่อง ระบบท่อที่เจ้าของบ้านควรรู้ก่อนลงมือสร้างบ้าน

ผู้ที่กำลังสนใจในการสร้างบ้าน นอกจากการให้ความสำคัญกับการเลือกผู้รับเหมา งานโครงสร้าง การออกแบบดีไซน์ ทั้งภายในและภายนอกแล้ว “งานระบบท่อ” ก็เป็นเรื่องสำคัญที่เจ้าของบ้านหลายคนมักมองข้ามไป เพราะจริงๆ แล้วเมื่อเราสร้างบ้านหนึ่งหลัง ระบบท่อจะอยู่คู่กับบ้านเราไปตลอด หากเริ่มต้นวางระบบท่อไม่ได้มาตรฐาน เลือกใช้วัสดุที่ไม่ได้คุณภาพหรือไม่ตรงกับประเภทการใช้งาน การดูแลซ่อมแซ่ม อาจเป็นเรื่องยุ่งยาก ทำลายทัศนียภาพของบ้าน และมีราคาสูง ท่อเอสซีจี จึงอยากนำเสนอและแนะนำเจ้าของบ้านหรือผู้ที่สนใจกำลังจะสร้างบ้าน เกี่ยวกับระบบท่อก่อนลงมือสร้างจริง ถึงแม้ว่าการวางระบบท่อ เหมือนจะเป็นเรื่องที่ไกลตัว เพราะว่าส่วนใหญ่เรามักจะจ้างผู้รับเหมาให้ดูแลทั้งระบบอยู่แล้ว แต่ในความเป็นจริงเราควรรู้จักและรู้ถึงการเลือกใช้ท่อให้เหมาะสมต่อการใช้งาน หรือแม้กระทั้งการเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ เพราะเมื่อมีการสร้างจริงแล้ว เจ้าของบ้านจะสามารถรู้ได้ว่าผู้รับเหมาใช้ของที่มีคุณภาพ วางระบบได้มาตรฐานหรือคุ้มกับค่าใช้จ่ายหรือไม่ ท่อเอสซีจี จึงขอแนะนำ 4 เรื่องระบบท่อ ทำไมเจ้าของบ้านควรรู้ก่อนลงมือสร้างบ้าน ดังนี้ การเลือกวัสดุให้เหมาะสมต่อการใช้งานในแต่ละประเภทสำหรับระบบประปา ท่อประปาที่นิยมในท้องตลาดมีทั้งหมด 2 ประเภท ชนิดแรก ท่อพีวีซี (PVC) หรือท่อประปาสีฟ้าที่ใช้งานทั่วไป มีคุณสมบัติเหนียวและยืดหยุ่นสูง สามารถทนต่อสภาพกรดและด่าง ปลอดภัยจากสารพิษ เหมาะสมกับงานภายในอาคาร และน้ำที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 60 องศาเซลเซียส ชนิดที่สอง ท่อพีพีอาร์ (PP-R) ท่อสำหรับระบบประปาน้ำอุ่น และสำหรับน้ำร้อน คุณสมบัติเป็นฉนวนความร้อนช่วยรักษาอุณหภูมิได้ดี  ท่อและข้อต่อเชื่อมเป็นเนื้อเดียวกัน โดยวิธีการให้ความร้อนจากเครื่องเชื่อม นิยมใช้กับงานอาคารสูง ราคาไม่แพง สามารถใช้แทนท่อเหล็กได้ ทั้งนี้การเลือกท่อควรเลือกใช้สินค้าที่มีแบรนด์น่าเชื่อถือและมีตรามาตรฐานการผลิตอุตสาหกรรม (มอก.) พร้อมตัวเลขบอกขนาดกำกับไว้อย่างชัดเจน หรือท่อประปาที่ได้รับฉลากเขียว ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ผลิตจากวัสดุที่คำนึงถึงความปลอดภัยในการใช้งาน ปราศจากสารปนเปื้อนอย่างโลหะหนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับท่อพีพีอาร์และท่อซีพีวีซีที่เป็นท่อประปาน้ำร้อนที่ใช้สำหรับอุปโภคบริโภคโดยตรง จึงควรเลือกใช้ที่ได้รับการรับรองความปลอดภัยจากองค์กรส่งเสริมอนามัยแห่งชาติระหว่างประเทศ (NSF International) เท่านี้ก็จะสามารถมั่นใจได้ว่าเจ้าของบ้านจะได้รับสินค้าที่มีคุณภาพ เหมาะสมต่อการใช้งาน และไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพอีกด้วย การเดินระบบท่อประปาภายในบ้าน สามารถแบ่งได้เป็น 2 ลักษณะ ดังนี้ การเดินท่อแบบลอยตัว คือการวางระบบท่อติดผนังหรือเพดาน การวางระบบท่อในลักษณะนี้ มีข้อดีในการดูแลซ่อมบำรุง หรือการติดตั้งงานระบบเพิ่มเติมภายหลัง แต่มีข้อเสียคืออาจไม่เข้ากับบ้านในดีไซน์ต่างๆ เช่น บ้านที่ต้องการความเรียบร้อยในการตกแต่งเนื่องจากสามารถเห็นได้อย่างชัดเจน แต่เหมาะสมอย่างยิ่งกับบ้านในสไตล์ลอฟท์ (Loft)หรืออินดัสเทรียล (Industrial) และอีกหนึ่งลักษณะ คือ การเดินท่อแบบฝังภายในพื้นหรือผนัง เป็นการวางระบบท่อแบบเจาะสกัดผนังหรือพื้นเพื่อเดินท่อ ก่อนฉาบปูนทับ มีข้อดีคือทำให้บ้านดูเรียบร้อยและสวยงาม แต่ข้อเสียคือการซ่อมแซมและบำรุงรักษามีความยุ่งยากและราคาสูง หรือควรออกแบบให้มีช่องเซอร์วิสหรือช่องชาฟต์ (Shaft) เพื่อให้ง่ายต่อการซ่อมบำรุง นอกจากการเลือกใช้วัสดุแล้ว การเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวกับระบบท่อ ก็เป็นเรื่องที่สำคัญไม่แพ้กัน อย่างน้ำยาประสานท่อ ที่มีอยู่ 2 ชนิดด้วยกัน คือ ชนิดเข้มข้น น้ำยามีความหนืดสูง สามารถยึดติดท่อได้อย่างรวดเร็ว และรับแรงดันได้สูง เหมาะกับงานคุณภาพสูง เช่น งานอาคารสูง ส่วนชนิดใสจะมีความหนืดต่ำ ทำให้สามารถใช้งานได้ง่ายขึ้น  เหมาะสำหรับงานบ้านและอาคารทั่วไป ส่วนเทปพันเกลียว  ใช้สำหรับพันเกลียวข้อต่อของท่อ  เพื่อให้การขันเกลียวมีความหนาแน่นมากขึ้น และกันน้ำไม่ให้รั่วซึมออกมา รวมถึงน้ำยาทำความสะอาดท่อพีวีซี  ใช้สำหรับทำความสะอาดท่อเมื่อข้อต่อเปื้อนคราบน้ำมันหรือสารหล่อลื่นต่างๆ ในท่อ ที่เราไม่สามารถใช้มือเข้าไปทำความสะอาดได้ ทั้งหมดนี้ล้วนควรใช้ผลิตภัณฑ์ที่ได้การรับรอง หรือสินค้าที่มีคุณภาพเช่นกัน การเลือกผู้รับเหมาที่มีความชำนาญและน่าเชื่อถือได้ ควรเลือกผู้รับเหมาที่มีชื่อเสียง พิจารณาจากผลงานที่ผ่านมา การรับประกันผลงาน และควรสอบถามหาข้อมูลจากหลายๆ เจ้า เพื่อเปรียบเทียบทั้งราคาและคุณภาพ และที่สำคัญคือเจ้าของบ้านและผู้รับเหมาควรมีสัญญาว่าจ้างกันอย่างถูกต้อง ชัดเจนและเป็นไปตามกฎหมาย เพื่อให้งานออกมาตามที่ตกลง และหากมีข้อผิดพลาดเจ้าของบ้านจะสามารถดำเนินการทางกฎหมายได้ จาก 4 ข้อแนะนำจากท่อเอสซีจีเจ้าของบ้าน สามารถนำไปประยุกต์ พูดคุยกับผู้รับเหมาได้อย่างเข้าใจ สามารถต่อรองการใช้สินค้า หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่มีคุณภาพและน่าเชื่อถือ เพื่องานระบบต่างๆ จะสามารถอยู่คู่กับบ้านเราได้อย่างคงทนถาวรตราบนานเท่านาน ผู้ที่สนใจท่อเอสซีจี สามารถหาข้อมูลได้ที่ www.scgbuildingmaterials.com
ตราเสือ เปิดตัวนวัตกรรม “เสือ เดคอร์ โพลิเมอร์ซีเมนต์” มิติใหม่ของงานซีเมนต์ตกแต่งพื้น เรียบเนียน ไร้รอยต่อ เทได้ต่อเนื่อง

ตราเสือ เปิดตัวนวัตกรรม “เสือ เดคอร์ โพลิเมอร์ซีเมนต์” มิติใหม่ของงานซีเมนต์ตกแต่งพื้น เรียบเนียน ไร้รอยต่อ เทได้ต่อเนื่อง

  ตราเสือ หนึ่งในปูนซีเมนต์คุณภาพจาก SCG เขย่าวงการงานซีเมนต์ตกแต่ง ด้วยการเปิดตัว “เสือ เดคอร์ โพลิเมอร์ซีเมนต์” นวัตกรรมปูนซีเมนต์ตกแต่งสำหรับงานเทพื้น ชูประสิทธิภาพ การลดปัญหารอยแตกลายงา พร้อมเติมเต็มทุกจินตนาการงานซีเมนต์ตกแต่งพื้นได้อย่างสมบูรณ์แบบ   นายสยามรัฐ สุทธานุกูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท สยามปูนซิเมนต์ขาว จำกัด กล่าวว่า จากประสบการณ์และความเชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์มากกว่า 100 ปี ทำให้ตราเสือเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคเป็นอย่างดี โดยพบว่าปัจจุบันผู้บริโภคให้ความสำคัญกับการเลือกวัสดุเพื่อแก้ปัญหารอยร้าว และสามารถเทได้กว้างอย่างไร้รอยต่อ ดังนั้น ตราเสือ จึงได้คิดค้นนวัตกรรมปูนสำเร็จรูป “เสือ เดคอร์ โพลิเมอร์ซีเมนต์” สำหรับงานตกแต่งพื้น เพื่อตอบสนองความต้องการดังกล่าว     “ตราเสือใช้เวลากว่า 5 ปี ในการศึกษาวิจัยเทคโนโลยีโพลิเมอร์ซีเมนต์ ผ่านการทุ่มเทองค์ความรู้จากทีมวิจัยและพัฒนานวัตกรรมของตราเสือ รวมถึงเปิดรับองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญภายนอกที่มีประสบการณ์ด้านงานโพลิเมอร์ จนสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์ เสือ เดคอร์ โพลิเมอร์ซีเมนต์ ที่มีคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องของ ความเรียบเนียน ไร้รอยต่อ ผสานคุณลักษณะพิเศษของโพลิเมอร์ที่มีความยืดหยุ่น จึงช่วยลดโอกาสการเกิดรอยแตกลายงา สามารถเทพื้นภายในอาคารได้กว้างแบบไร้รอยต่อสูงสุดถึง 500 ตารางเมตร อีกทั้ง โพลิเมอร์ที่นำมาใช้ยังเป็นส่วนผสมที่ไม่มีกลิ่นและเป็นมิตรต่อผู้ใช้งาน (Food grade) รวมทั้งผู้อยู่อาศัยอีกด้วย” นายสยามรัฐ กล่าว     ทางด้าน นางวัลลภา เลิศสินธุ์ภักดี ผู้จัดการส่วนการตลาดซีเมนต์ตกแต่ง บริษัท สยามปูนซิเมนต์ขาว จำกัด เปิดเผยว่า ได้มีการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสือ เดคอร์ โพลิเมอร์ซีเมนต์ 2 รุ่น ได้แก่ รุ่น ลอฟท์ฟลอร์ เหมาะกับการใช้งานเทพื้นภายในอาคารที่ต้องการโชว์ผิวธรรมชาติของซีเมนต์ในรูปแบบลอฟท์ เติมเต็มพื้นที่กว้างต่อเนื่องเป็นผืนเดียว ให้ความรู้สึกอิสระ ไร้รอยต่อ สามารถเทได้บางเพียง 4 มิลลิลิตร และติดตั้งได้รวดเร็วเพียง 3 วัน และรุ่น เทอร์ราซโซฟลอร์ เหมาะกับการใช้งานเทพื้นภายในอาคาร เน้นโชว์ลายละเอียดของวัสดุแคลไซต์ที่เป็นส่วนผสม ผ่านขั้นตอนการขัดผิวหน้า สะท้อนความสวยเป็นธรรมชาติแบบไร้รอยต่อ สามารถเทได้บางเพียง 4 มิลลิลิตร (ความหนาหลังขัด) และติดตั้งได้รวดเร็วเพียง 4 วันจากเดิมที่ใช้เวลากว่า 20 วัน   “ตราเสือเชื่อมั่นว่าเทคโนโลยีโพลิเมอร์ซีเมนต์ในเสือ เดคอร์ ทั้ง 2 รุ่น จะสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการงานพื้นตกแต่งได้อย่างสมบูรณ์แบบ ทั้งความสวย ไร้รอยต่อ ไม่แตกลายงา ทำความสะอาดง่าย มีสารป้องกันเชื้อรา และมีสีสันมาตรฐานให้เลือกหลากหลายกว่า 8 สี” นางวัลลภา กล่าว   สำหรับผู้สนใจสามารถติดต่อสอบถามขอข้อมูลผลิตภัณฑ์ เสือ เดคอร์ โพลิเมอร์ซีเมนต์ ได้ที่ SCG Experience (เลียบทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา) 02-101-9922  
5 เหตุผล ทำไม Open Innovation Center โดยเอสซีจี สามารถพลิกโฉมวงการนวัตกรรมได้จริง

5 เหตุผล ทำไม Open Innovation Center โดยเอสซีจี สามารถพลิกโฉมวงการนวัตกรรมได้จริง

ถึงจะเพิ่งเปิดตัวไปได้ไม่นาน สำหรับ “Open Innovation Center” โดย เอสซีจี แต่ก็สามารถสร้างกระแสความแปลกใหม่ให้เกิดขึ้นกับแวดวงนวัตกรรมได้ไม่น้อย เพราะนอกจากความมุ่งมั่นของเอสซีจีที่ต้องการตอกย้ำการเป็นผู้นำนวัตกรรมอย่างยั่งยืนในภูมิภาคอาเซียนแล้ว เหตุใดศูนย์ฯ แห่งนี้จึงถือเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของวงการนวัตกรรมอย่างแท้จริง ต้องมาติดตามไปพร้อมกัน... เหตุผลแรก คือ การเป็นศูนย์กลางที่พร้อมเปิดรับความร่วมมือด้านงานวิจัยและพัฒนานวัตกรรมกับทุกหน่วยงาน ให้เกิดการต่อยอดสร้างสรรค์นวัตกรรมแห่งอนาคต เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้บริโภค สังคม และสิ่งแวดล้อม โดยแบ่งพื้นที่กว่า 1,600 ตร.ม. ออกเป็น 4 โซนหลัก ได้แก่ 1.) โซนจัดแสดงผลงาน เพื่อต่อยอดการวิจัยระหว่างนักวิจัยเอสซีจีและพันธมิตร 2.) โซนห้องสัมมนาและห้องประชุม เพื่อใช้เป็นพื้นที่แลกเปลี่ยนเรียนรู้ระหว่างนักวิจัย 3.) ห้องปฏิบัติการ เพื่อให้ผู้พัฒนาเทคโนโลยีที่อยู่ในความสนใจของเอสซีจีใช้วิจัยและพัฒนา 4.) โซนออฟฟิศ สำหรับนักวิจัยและทีมประจำศูนย์ของเอสซีจี เหตุผลที่ 2 คือ การตั้งอยู่ในแหล่งต้นกำเนิดนวัตกรรมเพื่ออนาคต คือ อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) ที่ได้ชื่อว่าเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัยและพัฒนาที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ เนื่องจากเป็นแหล่งรวมของนักวิจัยกว่า 3,000 คน จึงเป็นโอกาสที่ทุกคนจะได้มาแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวคิดระหว่างกัน หรือหากงานวิจัยสอดคล้องกับแนวทางการดำเนินธุรกิจของเอสซีจี ที่มุ่งมั่นส่งเสริมคุณภาพชีวิตที่ดีของผู้บริโภค ก็สามารถพัฒนาต่อยอดสู่งานนวัตกรรมเพื่ออนาคตอย่างเป็นรูปธรรม นอกจากนี้ เอสซีจียังได้สร้าง network of network ที่เป็นพันธมิตรของ สวทช. ในการพัฒนาสินค้าและนวัตกรรมเพื่อต่อยอดทางธุรกิจให้กว้างขวางต่อไปอีกด้วย อย่างไรก็ตาม งานนวัตกรรมใหม่ๆ จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากไม่มีห้องปฏิบัติการที่มีความพร้อม ดังนั้น เหตุผลที่ 3 จึงเป็น ห้องปฏิบัติการที่ใช้สำหรับการทดสอบแนวความคิดหรือการสาธิตต้นแบบเพื่อประเมินความเป็นไปได้ในเชิงเทคนิคเบื้องต้น ก่อนที่จะส่งต่อให้กับหน่วยธุรกิจที่มีเครื่องมือครบครันต่อไป เหตุผลที่ 4 ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ คือ การจัดแสดงผลงานนวัตกรรมเพื่อต่อยอดการวิจัย อันเกิดจากแนวคิดที่ว่าไม่ต้องการให้สถานที่แห่งนี้ถูกจำกัดเพียงแค่นักวิจัยเท่านั้น แต่ต้องการเปิดกว้างให้กับบรรดาผู้ที่ต้องการแสวงหาความรู้ด้านนวัตกรรมใหม่ๆ อีกด้วย ในส่วนนี้แบ่งออกเป็น 5 โซนย่อย ได้แก่ 1.) Inspiration starts here บอกเล่าเรื่องราวความเป็นมาอันยาวนานกว่า 100 ปีของเอสซีจี 2.) Performance+ จัดแสดงนวัตกรรมอันโดดเด่นของเอสซีจี เช่น Sea Cement สูตรการผสมปูนที่สามารถนำน้ำทะเลและทรายจากทะเลมาผสมเป็นคอนกรีตใช้งานได้โดยไม่ทำให้เกิดสนิมในเหล็กเสริม รวมทั้งยังทำให้คอนกรีตมีความสามารถในการป้องกันคลอไรด์จากภายนอกได้ ทำให้การก่อสร้างในพื้นที่ชายฝั่งทำได้สะดวกยิ่งขึ้น เป็นต้น 3.) Design for Sustainability การพัฒนาวัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การออกแบบสินค้าตามรสนิยมของผู้บริโภค และการพัฒนาสินค้าเพื่อเพิ่มผลผลิตทางการเกษตร 4.) Moving Edge เน้นการพัฒนา Solution เพื่อส่งมอบประสบการณ์ใหม่ให้กับคู่ค้าและผู้บริโภคเพื่อชีวิตที่ดีของทุกคนในภูมิภาค และ 5.) Drawing the Future Together ขยายเครือข่ายการวิจัยและพัฒนากับทุกภาคส่วน ผลักดันงานวิจัยสู่การใช้ประโยชน์ในเชิงพานิชย์อย่างเป็นรูปธรรม ผ่าน 60 Technology Platforms และสุดท้ายกับ เหตุผลที่ 5 การสนับสนุนเครือข่ายสตาร์ทอัพจากทั่วโลก ที่เป็นเจ้าของทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property) ในการดำเนินงานด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (Sci-Tech) ผ่านโปรแกรม Accelerator เพื่อร่วมพัฒนานวัตกรรมที่มีศักยภาพสูงกับเอสซีจีในกลุ่ม Materials, Clean Technology, Well Being และ Sensor & IoT ก่อนนำไปสู่การต่อยอดธุรกิจร่วมกันในอนาคตอีกด้วย เห็นแบบนี้แล้ว ดีใจแทนบรรดาเหล่านักวิจัยทั้งหลาย ที่จะมีคนมาช่วยสานต่อผลงานวิจัยให้เป็นรูปธรรม รวมทั้งบรรดานักเรียน นักศึกษา องค์กรต่างๆ ทั้งภาครัฐ เอกชน หรือผู้ที่ต้องการแสวงหาความรู้ด้านนวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะได้มีแหล่งข้อมูลดีๆ เพิ่มอีกแห่งหนึ่ง ใครอยากรู้ว่าศูนย์แห่งนี้จะสามารถเข้ามาพลิกโฉมวงการนวัตกรรมได้จริงหรือไม่ งานนี้ขอบอกว่าต้องรีบไปดูด้วยตาตัวเองได้ที่ Open Innovation Center โดยเอสซีจีด่วนเลย เปิดให้เยี่ยมชมได้ทุกวันจันทร์-ศุกร์ (ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์) ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. หรือถ้าต้องการสร้างความร่วมมือกับเอสซีจี สามารถสอบถามรายละเอียดและนัดหมายเพื่อสำรองวันและเวลาในการเยี่ยมชมล่วงหน้าได้ที่อีเมล openinnovation@scg.com และ โทร. 02-586-1065 หรือ 02-586-6324
อัพเดตตัวช่วยเทรนด์แต่งบ้านที่จะมาเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ในแบบคุณ

อัพเดตตัวช่วยเทรนด์แต่งบ้านที่จะมาเติมเต็มทุกไลฟ์สไตล์ในแบบคุณ

ปัจจุบันการออกแบบชีวิตในทุกมิติ เป็นเทรนด์หลักที่ผู้คนต่างให้ความใส่ใจในองค์ประกอบเล็กๆ น้อยๆ ดูจะเป็นเรื่องที่นำมาปรุงแต่งให้งานออกแบบ มีเสน่ห์ น่าสนใจเพิ่มมากขึ้น และแน่นอนว่าไลฟ์สไตล์ของการตกแต่ง ที่พักอาศัย ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์จะเป็นหนึ่งในปัจจัยแรกๆ ที่เห็นได้ชัดเจน ด้วยรูปแบบชีวิตและงานอดิเรกที่หลากหลาย ทำให้บางคนที่รักการดูหนัง ย่อมอยากเปลี่ยนมุมหนึ่งในบ้านให้กลายเป็นห้องโฮมเธียเตอร์ขนาดย่อม หรือคนที่รักการฟังเพลงก็อยากใช้เวลาอยู่กับชุดเครื่องเสียงสุดโปรด ไปจนถึงคนที่รักความสงบ ก็อยากอยู่เงียบๆ พร้อมหนังสือดีๆ สักเล่ม ไม่ใช่เฉพาะที่บ้านเท่านั้น ออฟฟิศสำนักงานซึ่งถือเป็นบ้านหลังที่สอง ที่เราต้องใช้เวลาทำงานอยู่ไม่ต่ำกว่า 8-10 ชม. ซึ่งสามารถตกแต่งให้สวยงามและโดดเด่นไม่เหมือนใคร ไม่ว่าจะเป็นห้องทำงาน ห้องประชุม ก็สร้างพื้นที่แห่งความสุขได้อย่างลงตัว ฯลฯ ครั้งนี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับ วัสดุอะคูสติก เอสซีจี สำหรับผนังตกแต่งดูดซับเสียง รุ่น  (Cylence Zandera) ในกลุ่มวัสดุอะคูสติกเอสซีจี ตัวช่วยที่น่าสนใจในการนำมาเติมเต็มการตกแต่ง ที่อาจจะเป็นไอเดียตั้งต้นสำหรับการแต่งบ้านในสไตล์ของคุณเอง ซึ่งกำลังได้รับความสนใจเพิ่มมากขึ้นในเวลานี้ เพราะไม่ว่าจะเป็นการตอบโจทย์จากรูปแบบของวัสดุ ที่พัฒนาสีสันที่หลากหลาย และรูปทรงต่างๆ ที่สามารถนำมาในรูปแบบการ Mix & Match ให้ผนังมีมิติ ปรับเปลี่ยนได้ง่ายด้วยคุณสมบัติแบบ DIY คุณภาพดี ราคาไม่แพงจนเกินไป แล้วคุณสมบัติที่ช่วยลดเสียงก้อง หรือเสียงสะท้อนได้มากสุดถึง 75 เปอร์เซ็นต์ โดยมีค่า NRC 0.75 ทำให้คุณสามารถสร้างสรรค์พื้นที่ส่วนตัวได้ดั่งใจแม้จะอยู่ในพื้นที่จำกัด โดยที่ไม่รบกวนผู้อื่น หมดความกังวล และสนุกกับไลฟ์สไตล์ส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ เหมาะกับกิจกรรมในการพักผ่อนที่พิเศษสุด นอกจากนี้ การตกแต่งพื้นที่ในส่วนต่าง ๆ นั้น  ก็สามารถใช้ตัวช่วยอย่าง วัสดุอะคูสติก เอสซีจีสำหรับผนังตกแต่งดูดซับเสียง รุ่น Cylence Zandera เข้ามาสร้างสีสันที่บ่งบอกความเป็นตัวคุณได้อย่างลงตัว เรียบหวาน แบบพอดี  สร้างจินตนาการแต่งแต้มสีสันแห่งความสดใสให้ห้องนั่งเล่น โดยใช้สีชมพูของโซฟา ตัดสลับกับสีฟ้าของผนัง เพิ่มความสนุกสนานให้กับห้องนั่งเล่น ในสไตล์คุณ เพื่อหลีกหนีความจำเจ ในยุคที่ vertical live หรือยุคที่อยู่อาศัยแนวสูงมีมากขึ้นทุกวัน และยังตอบโจทย์วัยรุ่นสมัยใหม่ ที่นิยมการอยู่อาศัยแบบส่วนตัว ชอบสังสรรค์ยังสามารถสร้างกิจกรรม ร่วมกับเพื่อนๆ ได้ด้วย เรียบหรู แต่มีสไตล์ หลีกหนีบรรยากาศของห้องทำงานที่ต้องดูสุขุม ด้วยการใช้วัสดุไม้แบบเดิม ๆ  โดยนำความเป็น minimal และ loft เข้ามาผสมผสานกัน  การใช้สีที่ให้ดูเรียบหรูอย่างสีดำ และเทา พร้อมทั้งเบรคด้วยสีเหลืองโดดเด่น  เพื่อให้เป็นตัวแทนของความคิด และการสร้างสรรค์ไอเดียใหม่ๆ มนต์เสน่ห์ ที่ดึงดูด เพิ่มเสน่ห์ให้ห้องประชุมที่เป็นมากกว่าการประชุม  ด้วยการนำเส้นสายในรูปทรงของวัสดุเข้ามาช่วยทำให้เกิดลวดลาย  และเพิ่มความเย้ายวนด้วยการใช้สีม่วงเข้าไปผสมผสานทำ ให้มีความเป็น modern classic อย่างน่าหลงไหล เปิดโล่ง พื้นที่เล็ก ๆ แบบมีมิติ เปิด space ให้ดูโล่งและกว้าง ด้วยสีขาวของเฟอร์นิเจอร์ และสร้างมิติให้กับผนังด้วยลวดลายแนว shoots ด้วยสีที่สร้างสมาธิในการทำงาน คือ น้ำเงิน และเทา เหมาะกับคนรุ่นใหม่ ที่ต้องการ home office ง่ายๆเป็นของตนเองในพื้นที่ที่ไม่กว้างนัก สร้างสรรค์ จินตนาการที่ไม่หยุดยั้ง สร้างจุดสนใจด้วยสีกลุ่ม oasis เสมือนความสดใสกลางทะเลทราย สีเหล่านี้จะช่วยให้เพิ่มความกระปรี้กระเปร่าและดึงความตั้งใจกลับมา และยังช่วยลดทอนความกระด้างของผนังเรียบๆ  บวกกับการใช้รูปทรงสามเหลี่ยมมาช่วยทำให้เพิ่มความหน้าค้นหาและน่าติดตามมากยิ่งขึ้น ทั้งหมดนี้ อาจเป็นตัวอย่าง ของการใช้ตัวช่วยเล็ก ๆ ในการตกแต่ง พื้นผนัง ให้มีสีสัน เพิ่มมากขึ้น สีที่หลากหลายสไตล์การตกแต่งถึง 17 สี  ของวัสดุอะคูสติก สำหรับผนังตกแต่งดูดซับเสียง รุ่น (Cylence Zandera Scenera Collection) ที่ออกมาแนะนำกันในปีนี้ ไม่ว่าจะเป็น โทนสีไหน ก็ช่วยสร้างบรรยากาศในทุกมุมมอง ตอบโจทย์ทุกการออกแบบอย่างลงตัว และมีความโดดเด่น ในสไตล์ที่คุณต้องการแบบไม่ซ้ำใคร สำหรับผู้ที่สนใจ ชื่นชอบการตกแต่งบ้านด้วยวิธีง่ายๆ และยังได้คุณสมบัติการดูดซับเสียงสามารถเข้าชมสินค้า หรือขอรับตัวอย่างสินค้าและคำปรึกษา  ได้ที่ โฮมโซลูชั่นทุกสาขา และ เอสซีจี เอ็กซ์พี่เรี้ยน หรือติดต่อสอบถามที่ Contact Center โทร 02-586-2222
เอสซีจี ตั้ง “AddVentures” เสริมแกร่งศักยภาพสตาร์ทอัพทั่วโลก หวังพลิกโฉมธุรกิจ-เพิ่มขีดแข่งขัน-สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่ดีและเร็วยิ่งขึ้นให้ลูกค้า

เอสซีจี ตั้ง “AddVentures” เสริมแกร่งศักยภาพสตาร์ทอัพทั่วโลก หวังพลิกโฉมธุรกิจ-เพิ่มขีดแข่งขัน-สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่ดีและเร็วยิ่งขึ้นให้ลูกค้า

เอสซีจี ตั้ง “AddVentures” เสริมแกร่งศักยภาพสตาร์ทอัพทั่วโลก หวังพลิกโฉมธุรกิจ-เพิ่มขีดแข่งขัน-สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ที่ดีและเร็วยิ่งขึ้นให้ลูกค้า     กรุงเทพฯ – 8 มิถุนายน 2560: เอสซีจี ตั้ง “AddVentures” บริษัทในรูปแบบ Corporate Venture Capital วางวิสัยทัศน์ “You Innovate, We Scale” เสริมศักยภาพสตาร์ทอัพทั่วโลก ยกระดับ Ecosystem ด้วยองค์ความรู้ เครือข่าย และฐานลูกค้าทั่วอาเซียน ปูพรมพัฒนานวัตกรรม 3 กลุ่มหลัก “Enterprise-Industrial-B2B” เพื่อพลิกโฉมธุรกิจ-เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน-สร้างสรรค์สินค้าและบริการที่ดีและเร็วยิ่งกว่าให้ลูกค้า     นายยุทธนา เจียมตระการ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-การบริหารกลาง เอสซีจี กล่าวว่า เมื่อโลกก้าวเข้าสู่ยุค Digital Transformation ที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทอย่างมากในการทำให้พฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนแปลง ผู้คนมีความต้องการหลากหลายและเป็นปัจเจกมากขึ้น ขณะเดียวกัน ยังมีบทบาทในการพลิกโฉมธุรกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ สร้างทั้งโอกาสและความท้าทายแก่ธุรกิจขนาดเล็ก ขนาดกลาง และขนาดใหญ่ทั่วโลก ที่ผ่านมา เอสซีจีจึงให้ความสำคัญกับการพัฒนานวัตกรรมเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการปรับตัวรับความเปลี่ยนแปลงต่างๆ เสมอมา แต่ด้วยบริบทของความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เอสซีจี จึงตั้งบริษัทในรูปแบบ Corporate Venture Capital หรือ CVC ภายใต้ชื่อ “AddVentures” ขึ้น เพื่อเสริมศักยภาพและลงทุนในสตาร์ทอัพไทยและทั่วโลก ให้เอสซีจีสามารถเชื่อมโยงนวัตกรรมใหม่ๆ เข้ามาเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขัน รวมทั้งยังทำให้ลูกค้าได้ใช้สินค้าและบริการที่ดีขึ้น รวดเร็วขึ้น ตอบโจทย์การยกระดับคุณภาพชีวิตให้สะดวกสบายมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้ การจัดตั้ง AddVentures ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่เอสซีจีจะได้ร่วมสร้างสรรค์เทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ ที่มีศักยภาพสูง กับกลุ่มสตาร์ทอัพที่มีจุดเด่นในเรื่อง Spirit ของ Entrepreneurship และการสร้าง Innovation ที่ถือเป็น Outside-in innovation จากการมองในมุมของผู้บริโภคอย่างแท้จริง เมื่อประกอบกับ Speed ในกระบวนการทำงานที่เรียกว่า Lean Startups รวมทั้งการใช้ Digital technology จึงทำให้ข้อจำกัดในการทำธุรกิจแบบเดิมๆ หายไป และทำให้ผลผลิตของสตาร์ทอัพทุกวันนี้มีพลังมหาศาลแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน “เราเชื่อมั่นว่าการทำงานร่วมกับสตาร์ทอัพที่มีความเชี่ยวชาญในการคิดหนทางแก้ปัญหาที่น่าสนใจให้กับลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว และมีความโดดเด่นเฉพาะตัวของสตาร์ทอัพแต่ละราย โดยไม่ยึดติดกับวิธีการหรือข้อจำกัดเดิมๆ จะสามารถสนับสนุนให้พวกเขา Scale up หรือขยายให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้ พร้อมทั้งยังช่วยเสริมรากฐานระยะยาว ให้เอสซีจีกลายเป็นองค์กรที่มีการนำดิจิทัลมาประยุกต์ใช้เพื่อการเติบโตอย่างยั่งยืนได้ในอนาคต” นายยุทธนา กล่าว การจัดตั้ง AddVentures ยังมีจุดมุ่งหมายเป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุน Startup Ecosystem ของไทยและอาเซียนให้แข็งแกร่ง โดยนำศักยภาพและจุดแข็งต่างๆ ของเอสซีจีเข้าไปช่วยต่อยอด และก่อให้เกิดประโยชน์จากการสร้างความร่วมมือเพื่อพัฒนาแวดวงธุรกิจในองค์รวมให้ดียิ่งขึ้น สอดรับกับนโยบาย “ไทยแลนด์ 4.0” ที่ต้องการต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม และยกระดับให้เกิด New S-Curve อุตสาหกรรมใหม่ของประเทศ ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีและรังสรรค์นวัตกรรม เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มและเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันในเวทีโลกได้ นายยุทธนา กล่าวอีกว่า เพื่อให้การดำเนินงานของ AddVentures เป็นไปได้ตามเป้าหมาย เอสซีจีจึงได้แต่งตั้งผู้บริหารใหม่ คือ ดร.จาชชัว แพส ซึ่งมีประสบการณ์คร่ำหวอดในด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมมานับ 10 ปี และมีความชำนาญในหลากหลายแวดวงธุรกิจ ขึ้นดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการ AddVentures ดูแลทิศทางภาพรวมของบริษัท   ดร.จาชชัว แพส กรรมการผู้จัดการ AddVentures กล่าวว่า การจัดตั้ง AddVentures มาพร้อมด้วยวิสัยทัศน์ “You Innovate, We Scale” สื่อถึงความเป็นองค์กรที่เปิดกว้างสำหรับความร่วมมือกับสตาร์ทอัพที่ต้องการส่งต่อเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ดีกว่า เร็วกว่า และคุ้มค่ากว่าให้แก่คู่ค้าหรือผู้บริโภค โดย AddVentures จะไม่ได้สนับสนุนแค่ด้านการเงินให้แก่สตาร์ทอัพ แต่จะสนับสนุนทั้งองค์ความรู้จากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงต่างๆ เครือข่ายลูกค้าของเอสซีจีที่มีอยู่ทั่วอาเซียน ตลอดจนทรัพยากรอื่นๆ ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยให้สตาร์ทอัพเหล่านั้นเติบโตได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืน ผ่านการทำงานร่วมกันกับสตาร์ทอัพอย่างใกล้ชิด สำหรับการลงทุนในช่วง 3-5 ปีแรก วางงบประมาณในการลงทุนเฉลี่ยครั้งละ 1-5 ล้านเหรียญสหรัฐ แบ่งการลงทุนออกเป็น 2 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.การลงทุนใน Digital Technology ในกลุ่มที่เป็น Global Technology Hub อย่างเช่น Silicon Valley ประเทศสหรัฐอเมริกา, Tel Aviv ประเทศอิสราเอล และ Shenzhen ประเทศจีน เป็นต้น โดยจะร่วมมือกับ Venture Capital ชั้นนำในประเทศดังกล่าวเพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้ขยายผลกับเอสซีจี หรือทำการเปิดตลาดในประเทศไทยและอาเซียน 2.การลงทุนใน Digital Business Model ในไทยและอาเซียนซึ่งเป็นประเทศที่ เอสซีจีมีฐานธุรกิจ โดยจะทำการลงทุนผ่านกองทุน Venture Capital และการลงทุนโดยตรง (Direct Investment) ในสตาร์ทอัพที่พัฒนานวัตกรรมซึ่งสอดคล้องกับทิศทางเทคโนโลยีเป้าหมายของ AddVentures พันธมิตรและเทคโนโลยีเป้าหมายที่ AddVentures สนใจลงทุน ประกอบด้วย 3 กลุ่มหลัก ได้แก่ 1.Enterprise 2.Industrial และ 3.B2B โดยภายใต้แต่ละกลุ่มหลัก ยังมีกลุ่มย่อยๆ เช่น Logistics & Supply Chain Tech, Smart Packaging Tech, Chemicals Tech, Construction Tech, Industrial & Manufacturing Tech, Industrial & Construction Product Marketplace เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดจะเป็นเทคโนโลยีที่สอดคล้องกับการดำเนินธุรกิจหลัก 3 กลุ่มของเอสซีจี ได้แก่ 1.ธุรกิจซิเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง 2.ธุรกิจเคมิคอลส์ และ 3.ธุรกิจแพคเกจจิ้ง ขณะที่รูปแบบการลงทุนเปิดกว้างทั้งความร่วมมือเชิงพาณิชย์ (Commercial Deal) ทั่วไป การอนุญาตให้ใช้สิทธิในทรัพย์สินทางปัญญา (Licensing) การร่วมทุน (Joint Venture) ไปจนถึงการเข้าซื้อกิจการในสตาร์ทอัพนั้นๆ “AddVentures เปิดกว้างและอยากเชิญชวนเหล่าสตาร์ทอัพให้เข้ามาร่วมงานกับ AddVentures โดยไม่จำเป็นต้องเป็นองค์กรขนาดใหญ่ ขอเพียงมีจุดมุ่งหมายในการส่งมอบนวัตกรรมที่ดีกว่า เร็วกว่า และคุ้มค่ากว่าให้แก่สังคม รวมทั้งมีไอเดียและความมุ่งมั่นที่จะทำให้เกิดขึ้นจริง เราก็สามารถเดินทางและเติบโตไปด้วยกันได้ดังวิสัยทัศน์ You Innovate, We Scale” ดร.จาชชัว กล่าว
“วัสดุก่อสร้าง เอสซีจี” เผยแผนธุรกิจปี 60 เล็งสัญญาณบวกทางเศรษฐกิจ วางแคมเปญการตลาดตลอดปี ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายทั่วประเทศ ตั้งเป้าโต 1-3% พร้อมเดินหน้าสานต่อบริการผ่านอี-คอมเมิร์ซ

“วัสดุก่อสร้าง เอสซีจี” เผยแผนธุรกิจปี 60 เล็งสัญญาณบวกทางเศรษฐกิจ วางแคมเปญการตลาดตลอดปี ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายทั่วประเทศ ตั้งเป้าโต 1-3% พร้อมเดินหน้าสานต่อบริการผ่านอี-คอมเมิร์ซ

กรุงเทพฯ - “เอสซีจี” ผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง เปิดแผนธุรกิจปี 60 เผยเล็งเห็นสัญญาณบวกจาก 3 ปัจจัยด้านเศรษฐกิจที่มีผลต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้าง การขยายตัวด้านสาธารณูปโภคตามนโยบายรัฐ กำลังซื้อของผู้บริโภค และราคาพืชผลด้านการเกษตรที่ปรับตัวดีขึ้น เน้นการนำเสนอนวัตกรรมสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่ม (High Value Added : HVA) ด้วยเทคโนโลยีระบบการก่อสร้างและรูปแบบการอยู่อาศัยที่มี “Performance” เป็นระดับขั้นที่แตกต่างตามความต้องการของผู้อยู่อาศัย ลงชิงส่วนแบ่งตลาด พร้อมอัดแคมเปญกระตุ้นการซื้ออย่างต่อเนื่องตลอดปีประเดิมแคมเปญตลาดแรก ด้วยรายการ “SCG Family Festival ยิ่งช้อป ยิ่งคุ้ม ลุ้นเที่ยวฟรี” ลุ้นสิทธิ์ชมแสงเหนือ ณ ประเทศไอซ์แลนด์ ผ่านช่องทางจัดจำหน่ายของเอสซีจีที่ร่วมรายการกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ  และตอบโจทย์การซื้อของผู้บริโภคยุคใหม่ด้วยการสานต่อการขายผ่านช่องทางอี-คอมเมิร์ซ มั่นใจยอดขายปีนี้เติบโต 1-3%     นายนิธิ ภัทรโชค ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่-ตลาดในประเทศ ธุรกิจ เอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง กล่าวว่า “เอสซีจี” ในฐานะผู้นำนวัตกรรมวัสดุก่อสร้าง คาดการณ์ว่าภาพรวมตลาดอสังหาริมทรัพย์และวัสดุก่อสร้างในปีนี้ค่อนข้างทรงตัว อย่างไรก็ตามยังมองเห็นปัจจัยบวก 3 ปัจจัย ได้แก่ การลงทุนพื้นฐานด้านคมนาคมของภาครัฐส่งผลให้เมืองขยายตัว ทำให้เกิดการก่อสร้างบ้าน และคอนโดมิเนียมตามมา อีกทั้งยังเริ่มเห็นปัจจัยบวกจากการที่ผู้บริโภคบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ไม่เกินเดือนละ 50,000 บาท ได้ปลดภาระผ่อนหนี้ในโครงการรถคันแรกไปตั้งแต่ปลายปีที่ผ่านมา และปัจจัยบวกจากราคาพืชผลทางการเกษตรที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง เช่น ยางพารา ปาล์ม อ้อย เป็นต้น ส่งผลให้ในปีนี้ผู้บริโภคมีกำลังซื้อมากขึ้น ดังนั้น เพื่อให้สอดคล้องกับปัจจัยบวกในตลาดดังที่ได้กล่าวมา ทิศทางการดำเนินธุรกิจของวัสดุก่อสร้างเอสซีจี ปี 2560 จึงเดินหน้าจัดแคมเปญการตลาดเพื่อคืนกำไรและกระตุ้นการซื้อในกลุ่มผู้บริโภคครอบคลุมทุกกลุ่มตลอดทั้งปี ทั้งกลุ่มที่ต้องการสร้างบ้านใหม่ และกลุ่มที่ต้องการรีโนเวทบ้านเก่า ประเดิมด้วยการจัดแคมเปญโปรโมชั่น “SCG Family Festival ยิ่งช้อป ยิ่งคุ้ม ลุ้นเที่ยวฟรี” ที่อำนวยความสะดวกให้ลูกค้าเลือกใช้สินค้าอย่างครบชุดเป็นระบบ โดยนำวัสดุก่อสร้างที่ลูกค้านิยมซื้อเป็นคู่ หรือเป็นระบบ มาจัดเป็นชุดสินค้าราคาพิเศษ 5 เซ็ต ได้แก่ เซ็ตคู่สุดคุ้ม คือสินค้าที่แนะนำให้ใช้คู่กัน เช่น กระเบื้องหลังคาและอุปกรณ์หลังคา, เซ็ตระบบหลังคา ตอบทุกสไตล์แบบบ้าน, เซ็ตบ้านเย็น, เซ็ตบ้านเงียบ และเซ็ตบ้านปลอดภัย เพื่อให้ลูกค้าเลือกใช้สินค้าเป็นระบบอย่างถูกต้อง ทั้งยังได้สินค้าราคาพิเศษ พร้อมสิทธิ์ลุ้นทริปพิชิตแสงเหนือ ณ ประเทศไอซ์แลนด์ สำหรับลูกค้าที่มีแผนสร้างบ้านสามารถซื้อสินค้าราคาพิเศษได้ตั้งแต่วันนี้ถึง 30 พฤษภาคม 2560 ที่เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์, เอสซีจี โฮมโซลูชั่น และร้านผู้แทนจำหน่ายเอสซีจี ที่ร่วมรายการ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ เอสซีจี คอนแทค เซ็นเตอร์ 02 586 2222 หรือคลิกเว็บไซต์ www.scgbuildingmaterials.com ทั้งนี้ครึ่งปีหลังจะมีแคมเปญการตลาดสำหรับลูกค้าที่ต้องการรีโนเวทบ้าน และ มีแคมเปญการตลาดอื่นๆ ต่อเนื่องตลอดทั้งปี รวมถึงการร่วมออกบูธจัดแสดงนวัตกรรมสินค้า พร้อมมอบโปรโมชั่นพิเศษให้กับลูกค้า ในงานสถาปนิก 60 และงานบ้านและสวนแฟร์ 60 อีกด้วย     นอกจากการเดินหน้าจัดแคมเปญเพื่อกระตุ้นการตัดสินใจซื้อในกลุ่มผู้บริโภค “เอสซีจี” ยังได้เตรียมเดินหน้าวิจัยและเปิดตัวนวัตกรรมสินค้าและบริการที่มีมูลค่าเพิ่ม (HVA) อย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในปัจจุบัน ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม สังคม รวมถึงรูปแบบการใช้ชีวิต จึงเกิดเป็นเทคโนโลยีการก่อสร้างที่อยู่อาศัย แบบ “Performance Based” คือการก่อสร้างที่อยู่อาศัยที่มีประสิทธิภาพแตกต่างกันเป็นระดับขั้น เพื่อความเหมาะสมกับความต้องการของลูกค้า โดยเน้น Performance การอยู่อาศัย 3 ด้านหลัก ได้แก่ “Living Comfort Performance: การสร้างสภาวะอยู่สบาย” พัฒนาการอยู่อาศัยให้อยู่สบายมากยิ่งขึ้นในทุกด้าน โดยสภาวะอยู่สบายที่ดี ที่เรามุ่งเน้นจะประกอบไปด้วย บ้านที่มีอุณหภูมิภายในบ้านเหมาะสมไม่เกิดการกักเก็บความร้อน มีสภาพการระบายอากาศที่ดีทั้งหลัง เพื่อลดสภาวะความอบอ้าวและลดปัญหาอากาศไม่หมุนเวียน และไม่มีปัญหามลภาวะทางเสียงจากภายนอก โดยเราจะมี Performance ของเทคโนโลยีในแต่ละเรื่อง เพื่อสร้างสภาวะอยู่สบายภายในบ้านได้หลายระดับ เป็นต้น “Care Performance: เพื่อทุกเพศทุกวัยอยู่ร่วมกันได้” การพัฒนาโซลูชั่นที่จะสามารถตอบโจทย์สมาชิกทุกเพศ ทุกวัยภายในบ้าน ให้สามารถใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันโดยมีสุขภาพที่ดี ปลอดภัย และสะดวกสบาย และ “ECO Saving Performance: ลดการใช้พลังงานในที่อยู่อาศัย” การพัฒนาเทคโนโลยีการก่อสร้าง ระบบและวัสดุต่างๆ เพื่อลดการใช้พลังงานไฟฟ้าในที่อยู่อาศัย ซึ่งจะเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการในงานสถาปนิก 60 ระหว่างวันที่ 2-7 พ.ค. นี้ ที่อิมแพค เมืองทองธานี พร้อมเดินหน้าแนะนำสินค้าและบริการที่มีนวัตกรรมเข้าสู่ตลาดอย่างต่อเนื่องตลอดทั้งปี   ในส่วนของช่องทางการจัดจำหน่ายสินค้า ปัจจุบันมีเอสซีจี โฮมโซลูชั่น จำนวน 41 สาขา สามารถมอบโซลูชั่นและบริการที่มีคุณภาพและครบวงจรที่สุดให้กับลูกค้า เพียงถือแบบก่อสร้างเข้ามารับคำปรึกษา ประมาณราคาวัสดุ  ติดตั้งแบบครบวงจร และรับประกัน นอกจากนี้ยังมี เอสซีจี เอ็กซพีเรียนซ์ ซึ่งเป็นศูนย์รวมความรู้ให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนของการสร้างบ้าน เป็นแหล่งรวมแรงบันดาลใจสำหรับที่อยู่อาศัย ที่เปิดโอกาสให้ลูกค้าได้ลองสัมผัสประสบการณ์การใช้งานจริงก่อนการตัดสินใจ และ SCG Authorized Dealer จำนวนกว่า 356 สาขา  นอกจากนี้ยังเดินหน้ารุกช่องทางจำหน่ายอี-คอมเมิร์ซ ที่สะดวก รวดเร็ว และวางใจได้ โดยพัฒนาระบบการขายผ่านเว็บไซต์www.scgshoppingexperience.com  ปัจจุบันมีการจำหน่ายสินค้าบนเว็บกว่า 2,500 รายการ  ซึ่งสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ได้แก่ กลุ่มสินค้าแลนด์สเคป และกลุ่มสินค้าเอสซีจี เอลเดอร์แคร์ โซลูชั่น   “จากกลยุทธ์การพัฒนานวัตกรรมสินค้า บริการ ช่องทางการจัดจำหน่าย ตลอดจนกิจกรรมการตลาดที่คำนึงลูกค้าเป็นหลัก เรามั่นใจว่าจะช่วยผลักดันให้ผลการดำเนินธุรกิจของเอสซีจีในปีนี้เติบโต 1-3% ไปในทิศทางเดียวกับตลาดที่มีแนวโน้มเติบโตด้วยปัจจัยบวกต่างๆ ดังที่กล่าวมา   นอกจากภาคธุรกิจแล้ว ในด้านส่งเสริมสังคมทางเอสซีจีไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์อุทกภัยครั้งใหญ่ที่เกิดขึ้นกับพี่น้องภาคใต้ โดยได้ให้ความช่วยเหลือใน 3 รูปแบบ คือการช่วยเหลือเร่งด่วน อาทิ มอบสุขากระดาษ ถุงยังชีพ อุปกรณ์กู้ภัยเบื้องต้น หินคลุก ซึ่งเป็นวัตถุดิบในการผลิตปูนซีเมนต์เพื่อนำไปถมพื้นที่ การช่วยเหลือฟื้นฟูหลังน้ำลด โดยจัดพิมพ์คู่มือซ่อมบ้านสร้างสุข จำนวน 50,000 เล่ม แจกฟรีผ่านเครือข่ายผู้แทนจำหน่ายสินค้าวัสดุก่อสร้างโซนภาคใต้ นำพนักงานจิตอาสาลงพื้นที่ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง และออกหน่วยแพทย์เคลื่อนที่บ้านนาเปลี่ยน การช่วยเหลือซ่อมแซมด้านความเสียหาย มีการช่วยเหลือเรื่องสินค้าวัสดุก่อสร้างราคาพิเศษ ลดสูงสุดถึง 30% ได้แก่ ปูนซีเมนต์ คอนกรีตผสมเสร็จ กระเบื้องหลังคา ฝา ฝ้า เป็นต้น นอกจากนี้ ในวันที่ 9 ก.พ. นี้ ทางเอสซีจี จะจัดงาน “เอสซีจี รวมพลังคืนสุขชาวใต้” โดยมีศูนย์กลางการจัดงานที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร จ.นครศรีธรรมราช ภายในงานมีการระดมประชาชนจิตอาสา เครือข่ายผู้แทนจำหน่ายและพนักงานเอสซีจีในภาคใต้ ร่วมลงพื้นที่ฟื้นฟูสถานที่ประสบภัย รวมถึงให้คำปรึกษาเรื่องการซ่อมแซมบ้านด้วยตนเอง แจกแบบบ้านอยู่กับน้ำเพื่อผู้ประสบภัยอีกด้วย” นายนิธิ กล่าวทิ้งท้าย