Tag : แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น

8 ผลลัพธ์
The Forestias by MQDC ผนึก “GMM Grammy” ลุย Music Platform

The Forestias by MQDC ผนึก “GMM Grammy” ลุย Music Platform

บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้ดำเนินกิจการพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยและมิกซ์ยูสคุณภาพ โดย คุณกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส โครงการ THE FORESTIAS  by MQDC–เดอะ ฟอเรสเทียส์ บาย เอ็มคิวดีซี โครงการอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่มุ่งมั่นนำเสนอโมเดลการใช้ชีวิตที่เข้ากับระบบนิเวศอันสมดุลเพื่อความสุขที่ยั่งยืนของทุกชีวิต  กล่าวว่า “ตามที่บริษัทฯ ได้วางแผนเพื่อดำเนินกลยุทธ์การตลาดควบคู่กับการสื่อสารประชาสัมพันธ์ “โครงการ THE FORESTIAS by MQDC – เดอะ ฟอเรสเทียส์ บาย เอ็มคิวดีซี” โดยนำเสนอเรื่องราวความสุขที่จะเกิดขึ้นในโครงการฯ ด้วยมุมมองใหม่ๆ ภายใต้คอนเซ็ปต์หลัก “Imagine Happiness” ล่าสุดเพิ่มกลยุทธ์ลุย Music Platform สร้างการรับรู้แบบวงกว้างโดยเฉพาะเรื่องความสุข ธรรมชาติ และครอบครัว โดยได้ร่วมงานเป็นครั้งแรกกับ “อะตอม ชนกันต์” นักร้องนักแต่งเพลงสุดฮอตแห่งค่ายไวท์มิวสิค (White Music) ในเครือจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ (GMM Grammy) สร้างปรากฎการณ์ความสุขผ่านเสียงเพลง ที่เริ่มต้นการแต่งเพลงด้วยนิยามความคิด “ความสุขที่แท้จริงของคุณคืออะไร” แล้วค้นหาจนได้คำตอบที่ว่า “ความสุขที่แท้จริงของเรา คงไม่ใช่เรื่องที่ง่ายๆ ที่เราจะค้นหาคำตอบที่ดีที่สุด ตรงใจทุกคนที่สุด เพราะความสุขของแต่ละคนย่อมไม่เหมือนกัน มีความแตกต่าง และไม่เท่ากัน แต่มีอย่างหนึ่งที่แน่นอน นั้นคือ “ความสุข” ต้องส่งผลให้กับตัวเราเองทั้งร่างกาย จิตใจ ส่งผลต่อคนรอบข้าง และส่งผลต่อสิ่งแวดล้อมรอบตัวเรา เพราะนี่คือพื้นฐานของนิยาม ความสุขที่ยั่งยืน”  จนเป็นที่มาของเพลง “Feel Like Home” ซึ่งมีความสอดคล้องกับความคิดในการสร้างสรรค์โครงการ THE FORESTIAS by MQDC   ซึ่งเพลง “Feel Like Home” ได้ร่วมงานแบบเอ็กซ์คลูซีฟกับแขกพิเศษมาร่วมฟีเจอริ่งให้เส้นเสียงหนาๆ ทุ้มๆ อย่าง บุรินทร์ บุญวิสุทธิ์ ซึ่งนับเป็นครั้งที่สองในการร่วมกันสร้างสรรค์ผลงาน รวมทั้งได้เชิญ กวิน อินทวงษ์ โปรดิวเซอร์ฝีมือดี มาร่วมเรียบเรียงและถ่ายทอดเนื้อหาของเพลงผ่านดนตรีเป็นสไตล์ป็อป (Pop) แต่มีกลิ่นอายของโซล (Seoul) ที่สื่อถึงความอบอุ่นของเนื้อหา และเสียงใสๆ ของเมโลดี้กีตาร์ที่เข้ามาเป็นเส้นเสียงหลักของเพลงนี้ ในด้านของเนื้อหาเพลงได้โฟกัสถึงเรื่องราวของคนๆ หนึ่งที่ชีวิตนี้โชคดีได้พบกับความรักเข้ามาเติมเต็มทุกช่วงชีวิต เป็นความรักที่แสนอบอุ่น เปรียบเสมือนการปลูกต้นไม้ใหญ่ที่กว่าจะเติบโต ต้องผ่านแดดร้อน ลมและฝนมากี่ฤดูกาล ซึ่งความรักที่เติบโตขึ้นเหล่านี้ เปรียบเสมือนว่าเป็นบ้านหลังใหญ่ที่รายล้อมด้วยครอบครัวขนาดใหญ่ตั้งแต่ปูทวดไปจนถึงหลานหรือเหลน ทำให้ทุกพื้นที่แห่งนี้เป็นดั่งสวรรค์ของทุกคนที่มีความรัก เป็นพื้นที่ความสุขที่แท้จริง “You’re the one that makes me Feel Like Home”   นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้สร้างสรรค์มุมมองความสุขผ่าน VDO story โดยได้ คุณดล ผดุงวิเชียร ผู้กำกับมากฝีมือที่เคยฝากผลงานมิวสิควิดีโอมากมาย อาทิ เพลง ชักดิ้น ชักงอ ศิลปิน พลอยชมพู / เพลง นิรันดร์ ศิลปิน บอดี้สแลม Feat. ปาล์มมี่ นอกจากนี้ ยังได้รับรางวัล Bad Award Thailand เพลง จริงใจไว้ก่อน ศิลปิน ใหม่ เจริญปุระ / MTV Asia Award เพลงจริงไม่กลัว ศิลปิน คริสติน่า อากีเลร่า และเพลง เสียใจได้ยินไหม ศิลปิน ใหม่ เจริญปุระ / Channel V Thailand Award เพลง Too Much So Much Very Much ศิลปิน เบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ เป็นต้น มาร่วมกำกับและควบคุมการดำเนินเนื้อเรื่อง ซึ่งแบ่งเป็น 4 เรื่องราว ที่ถ่ายทอดในแต่ละมุมมองของสมาชิกในครอบครัว ตั้งแต่คุณทวดจนมาถึงรุ่นหลาน มาขยายออกมาให้น่าสนใจในรูปแบบใหม่ สอดคล้องกับเรื่องราวในมิวสิค วิดีโอ (Music VDO) ทุกตัวละครและเรื่องราวจะต้องเผชิญปัญหาและอุปสรรคในจังหวะชีวิตของแต่ละคน ซึ่งทุกครอบครัวมักจะต้องเคยเจอปัญหาเหล่านี้อยู่แล้ว ในเนื้อเรื่องจะค่อยๆ คลายให้เห็นว่าทุกปัญหาสามารถแก้ไขได้ ด้วยความรัก ความผูกพัน และความเข้าใจของสมาชิกในครอบครัวทุกคน โดยทุกเรื่องราวแวดล้อมด้วยความสัมพันธ์ของครอบครัว ที่อยู่ร่วมกันท่ามกลาง คน สัตว์ และธรรมชาติ จนเกิดเป็นวงจรความสุขที่ส่งเสริมซึ่งกันและกัน โดยได้ใช้งบกว่า 20 ล้านบาท วางแผนการสื่อสารประชาสัมพันธ์ไปยังกลุ่มเป้าหมาย เพราะเราเชื่อว่า “ความสุขที่เกิดจากการได้ฟังเพลง เป็นความสุขบริสุทธิ์เต็มเปี่ยมด้วยพลังบวก และเติมเต็มช่องว่างความสุขในใจคนได้อย่างรวดเร็ว” โดยได้ร่วมกับจีเอ็มเอ็มแกรมมี่ (GMM Grammy) โปรโมทเพลงและมิวสิควิดีโอใหม่ “Feel Like Home” ผ่านรายการโทรทัศน์ในเครือจีเอ็มเอ็ม อาทิ ช่อง ONE และช่อง GMM25  สปอตวิทยุและดีเจแนะนำ Green Wave FM 106.5 MHz., Chill FM 89.0 MHz. และ EFM FM 94.0 MHz. แอฟพลิเคชั่น AtimeOnline มิวสิคเพจชั้นนำ และ YouTube GMM official และ White Music เป็นต้น ซึ่งคาดว่าจะทำให้เกิดการรับรู้เกี่ยวกับเนื้อหาของความสุขที่ส่งผ่านบทเพลง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Imagine Happiness” มากกว่า 10 ล้านครั้ง   รับชมมิวสิควิดีโอ MV เพลง “Feel Like Home” ได้ที่ Facebook fanpage/theforestias และ YouTube GMM official ได้ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2562 เป็นต้นไป   สามารถติดตามข่าวสารและรายละเอียดเพิ่มเติม โครงการ THE FORESTIAS by MQDC – เดอะ ฟอเรสเทียส์ บาย เอ็มคิวดีซี ได้ที่ Website: www.theforestias.com Facebook: https://www.facebook.com/theforestias/ Instagram: https://www.instagram.com/theforestias/?hl=th Youtube: https://www.youtube.com/channel/UCTEWOryir01jleAEbyQUZSA/featured        
THE FORESTIAS by MQDC ชูจุดเด่น ‘Imagine Happiness’ ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท จุดประกายมุมมองความสุขใกล้ตัว

THE FORESTIAS by MQDC ชูจุดเด่น ‘Imagine Happiness’ ทุ่มงบกว่า 100 ล้านบาท จุดประกายมุมมองความสุขใกล้ตัว

บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ผู้ดำเนินกิจการพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยและมิกซ์ยูสคุณภาพ โครงการ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ โครงการอสังหาริมทรัพย์รายแรกที่มุ่งมั่นนำเสนอโมเดลการใช้ชีวิตที่เข้ากับระบบนิเวศอันสมดุลเพื่อความสุขที่ยั่งยืนของทุกชีวิต ประเดิมสร้างการรับรู้ด้วยคอนเซ็ปต์หลัก “Imagine Happiness” ผนึกเอเจนซี่ ค่ายเพลง ศิลปิน และอาร์ทติสชั้นนำของประเทศไทย สะท้อนมุมมองความสุขในรูปแบบต่างๆ ล่าสุดส่งภาพยนตร์โฆษณาชุดแรก ‘The Land of Happiness’ ถ่ายทอดความสุขด้วยมุมมองที่หลากหลายจากจินตนาการของคนทุกวัยสู่ความเป็นหนึ่งเดียว บนพื้นที่ความสุขท่ามกลางระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อการใช้ชีวิตแห่งอนาคต พร้อมทุ่มงบลงทุนกว่า 100 ล้านบาท สร้างช่องทางการสื่อสารแบบ Cross segmentationsเจาะกลุ่มคนกรุงเทพฯ และเออเบิร์น ก่อนเดินเกมระลอกที่สองโปรโมทโครงการ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ ทั่วเอเชีย   คุณกิตติพันธุ์ อุยยามะพันธุ์ ผู้อำนวยการอาวุโส โครงการ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า“หลังจากที่เปิดโครงการ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ เมืองแห่งความสุขที่ยั่งยืน สู่สาธารณะแล้วนั้น ทางบริษัทฯ ได้ตอกย้ำความร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำระดับโลกเพิ่มขึ้นอีกหลากหลายสถาบันฯ ได้ดำเนินงานวิจัยในด้านสุขภาวะและความสุขของผู้อยู่อาศัยโดยนักวิจัยจาก Center for climate, health, and the global environment based at the Harvard T.H. Chan School of Public Health และ ITEC ENTERTIANMENT เพื่อดีไซน์ความสุขรูปแบบต่างๆ ด้วยการต่อยอดความคิด ข้อดีและจุดเด่นของผู้เชี่ยวชาญในแต่ละด้าน อาทิ ธรรมชาติวิทยา นิเวศวิทยา ธรณีวิทยา สถาปัตยกรรม เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ วิศวกรรมโยธา นักประดิษฐ์ นักวิทยาศาสตร์ นักวิจัยสาขาต่างๆ เพื่อนำเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามามีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดเพื่อการใช้ชีวิตที่ส่งผลดีต่อทุกการดำเนินชีวิตในโลก ภายใต้คำมั่นสัญญาของ MQDC หรือ ‘for all well-being’ ซึ่งเราเชื่อว่า “นวัตกรรมจะไม่ใช่แค่เพื่อคุณภาพชีวิตดี แต่ต้องส่งเสริมให้มนุษย์ดูแลรักษาธรรมชาติและเกิดความยั่งยืนในการพัฒนาและการใช้ชีวิต” ปัจจุบัน โครงการได้ดำเนินการเตรียมพื้นที่สำหรับการก่อสร้างฐานรากของโครงการเสร็จสิ้น พร้อมร่วมมือกับชุมนุมบริเวณใกล้เคียงเริ่มปลูกป่าสาธารณะ “Forest at THE FORESTIAS – ฟอเรส แอท เดอะ ฟอเรสเทียส์” จำนวน 38,000 ต้น บนพื้นที่กว่า 30 ไร่ หรือ 48,000 ตารางเมตร รวมทั้งดำเนินการก่อสร้าง Forest Pavilion ขนาดพื้นที่ 6,000 ตารางเมตร นับเป็นพาวิเลี่ยนที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา และใช้เทคโนโลยีล้ำสมัยเพื่อนำเสนอองค์ประกอบภายในของโครงการ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ รวมทั้งโปรเจ็กต์อสังหาริมทรัพย์ระดับเอ็กซ์คลูซีฟทั้ง 3 โครงการ เพื่อให้ผู้ที่เข้ามาสัมผัสประสบการณ์และผู้ที่มีความสนใจได้รับชมและเข้าใจคอนเซ็ปต์ของโครงการอย่างลึกซึ้ง คุณวัสนัย ภคพงศ์พันธุ์ ผู้อำนวยการ ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร โครงการ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) สำหรับด้านกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดนั้น ได้เตรียมเผยภาพลักษณ์ด้านต่างๆ ของโครงการออกมาให้ทั้งลูกค้า พาร์ทเนอร์ นักลงทุน ได้เห็นถึงศักยภาพ ประสิทธิภาพ และความสมบูรณ์พร้อมของโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Mixed-Use Lifestyle โมเดลแรกของโลก ที่นำเสนอนิยามความสุขที่แท้จริงให้กับคนทั่วโลกได้สัมผัสและรับรู้ถึงส่วนต่างๆ ของโครงการ ภายใต้คอนเซ็ปต์หลัก“Imagine Happiness” ซึ่งวางแผนแบ่งระยะการสื่อสารออกเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงที่ 1 การสร้างการสื่อสารเกี่ยวกับคอนเซ็ปต์และรูปแบบของความสุขในด้านต่างๆ ที่สะท้อนจากมุมมองของกลุ่มเป้าหมายในแต่ละช่วงวัย และช่วงที่ 2 นำเสนอองค์ประกอบทุกส่วนของโครงการและเอ็กซ์คลูซีฟโปรเจ็คที่สามารถตอบสนองทุกความต้องการของแต่ละกลุ่มเป้าหมาย สำหรับการสื่อสารได้ใช้งบประมาณกว่า 100 ล้านบาท โดยร่วมมือกับพันธมิตรชั้นนำ อาทิ เอเจนซี่โฆษณา สื่อรูปแบบต่างๆ ค่ายเพลง ศิลปิน และอาร์ทติสชั้นนำของประเทศไทย ร่วมสร้างสรรค์การสื่อสารประชาสัมพันธ์แบบ Cross segmentation เจาะกลุ่มคนกรุงเทพฯ และเออเบิร์น เพื่อตอบโจทย์ความสุขและความต้องการของลูกค้าในทุกกลุ่มที่มีความหลากหลายต่างกัน โดยสร้างสรรค์ภาพยนตร์โฆษณาชุดแรก ‘The Land of Happiness’ ที่ถ่ายทอดความสุขผ่านมุมมองและจินตนาการของคนแต่ละกลุ่ม ทั้งเด็ก คนทำงาน ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ที่อาศัยอยู่เป็นครอบครัวเดี่ยว และครอบครัวขยาย เป็นเรื่องราวความสุขในมุมมองที่ตัวเองชื่นชอบในรายละเอียดที่แตกต่างกัน อาทิ วัยเด็ก สะท้อนมุมมองความสุขที่ได้เรียนรู้สิ่งต่างๆผ่านเทคโนโลยีที่ทันสมัย และการใช้ชีวิตร่วมกับสัตว์นานาพันธุ์ท่ามกลางผืนป่าและธรรมชาติ วัยทำงานและวัยผู้ใหญ่ การมองหาพื้นที่ที่เริ่มต้นชีวิตครอบครัวบนพื้นฐานความปลอดภัย ความสะดวกสบาย มีเวลาได้พบปะเพื่อนฝูง ได้ร่วมทำกิจกรรมบนคอมมิวนิตี้แห่งความสุขกับกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์คล้ายๆ กัน และ ผู้สูงอายุ กับความสุขในการใช้ชีวิตร่วมกับลูกหลานและครอบครัวใหญ่ที่ทุกบ้านสามารถเชื่อมโยงพื้นที่ความสุขของทุกคนในครอบครัวใหญ่เข้าไว้ด้วยกัน ร่วมแบ่งปันเรื่องราวและเวลาให้กันและกัน ซึ่งทุกความสุขเหล่านั้นแวดล้อมไปด้วยสัตว์ ต้นไม้ ธรรมชาติ และระบบนิเวศอันสมบูรณ์ ก่อนที่บทสรุปในทุกจินตนาการจะเผยความจริงว่า ความสุขเหล่านั้นจะเป็นจริงในโครงการ THE FORESTIAS by MQDC พื้นที่ที่ตอบโจทย์ทุกความสุขการใช้ชีวิตบนระบบนิเวศขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยเทคโนโลยีเพื่อชีวิตแห่งอนาคต ซึ่งภาพยนตร์โฆษณาชุดนี้ได้วางแผนการสื่อสารประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่างๆ ทั้งออนไลน์และออฟไลฟ์ อาทิ สื่อทีวี สื่อหนังสือพิมพ์ สื่อ OOH สื่อ Transits สื่อ Social Media และ Influencers ในสาขาต่างๆที่จะมาช่วยเพิ่มการรับรู้ในแคมเปญการตลาดใหม่นี้ นอกจากนี้ โครงการฯ ยังได้วางแผนสร้างปรากฎการณ์การสื่อสารในรูปแบบต่างๆ เพื่อนำเสนอเรื่องราวความสุขที่จะเกิดขึ้นในโครงการด้วยมุมมองใหม่ๆ โดยได้ร่วมมือกับค่ายเพลง ศิลปินเพลง และอาร์ทติสระดับแนวหน้าของเมืองไทยเพื่อสร้างปรากฎการณ์ความสุขผ่านเสียงเพลงและงานศิลปะ เตรียมปล่อยเอ็กซ์คลูซีฟซิงเกิ้ลและมิวสิควิดีโอ ซึ่งนับเป็นครั้งแรกของการฟีลเจอร์ริ่งกันของ 2 ศิลปินเพลงชั้นแนวหน้า พร้อมด้วยอีกหนึ่งมิติกับความร่วมมือของ 3 อาร์ทติสชั้นนำ ร่วมเนรมิตผลงานศิลปะแห่งความสุขผ่านการ์ตูนคาแร็กเตอร์อันโดดเด่นที่จะมาโลดแล่นบนกำแพง (Site Hoarding)ขนาดใหญ่ของโครงการ THE FORESTIAS by MQDC นับเป็นการเปลี่ยนสถานที่ที่ไม่มีใครนึกถึงให้เป็นผลงานศิลปะขนาดยักษ์ และสร้างสีสันให้กับบริเวณพื้นที่โครงการฯ นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้เตรียมวางแผนกลยุทธ์การตลาดและการสื่อสารประชาสัมพันธ์เพื่อสร้างการรับรู้เกี่ยวกับโครงการ THE FORESTIAS – เดอะ ฟอเรสเทียส์ ไปยังกลุ่มชาวต่างชาติทั่วเอเชียอีกด้วย” นายวัสนัยกล่าวสรุป      
MQDC สร้างปรากฎการณ์ต่อเนื่อง “Beautiful Bangkok 2019” บนตึกแมกโนเลียส์ ตอกย้ำกรุงเทพฯขึ้นมหานครชั้นนำระดับโลก หนุนยอดขายทะลุ 80% ปลุกกระแสนักลงทุน-ชาวต่างชาติสนใจโครงการฯ

MQDC สร้างปรากฎการณ์ต่อเนื่อง “Beautiful Bangkok 2019” บนตึกแมกโนเลียส์ ตอกย้ำกรุงเทพฯขึ้นมหานครชั้นนำระดับโลก หนุนยอดขายทะลุ 80% ปลุกกระแสนักลงทุน-ชาวต่างชาติสนใจโครงการฯ

บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (MQDC) หนึ่งในผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย สร้างปรากฎการณ์แห่งสีสันสุดอลังการ ตื่นตาตื่นใจให้ย่านราชประสงค์อีกครั้ง ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 โดยจัดกิจกรรม “Beautiful Bangkok 2019 : The Symphony of Happiness” บนตึกสูง 60 ชั้น โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ ผสานเทคโนโลยี ผลงาน 7 ศิลปินไทยชั้นนำ เพื่อมอบความสุขให้กับคนไทยและนักท่องเที่ยว ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2019  ระหว่างวันที่ 18-31 ธ.ค.นี้ คาดมีคนมาชมงานเพิ่มจากปีที่แล้ว 50% จากวันปกติ 600,000 คน/วัน เป็น 900,000 คน/วัน เผยงานปีก่อน เสริมภาพลักษณ์หนุนขายโครงการฯ ทะลุ 80% เหลือเพียง 20% เท่านั้น เชื่อมั่นขายหมดภายในปี 2019 ภูมิใจเตรียมส่งมอบ 2 โครงการหรูระดับโลกบนทำเลทองริมเจ้าพระยาเสริมความแข็งแรงให้แลนด์มาร์กแห่งใหม่ไอคอนสยาม   ภายในงานแถลงข่าววันนี้ ซึ่งจัดขึ้น ที่ชั้น 4 โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ได้รับเกียรติจาก วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (MQDC) พร้อมด้วย ศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด โดยมี ณัฎฐพร ชีวมงคล ผู้แทนสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) ร่วมด้วย 7 ศิลปินไทยชั้นนำของไทยที่ผลงานเป็นที่รู้จักในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ได้แก่ P7, MUEBON, PAI LACTOBACILLUS, TIKKYWOW, KEEP YOUR EYES ON team, TRK and BONUS TMC ตลอดจนผู้มีเกียรติ และสื่อมวลชนร่วมงานจำนวนมาก วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า นับเป็นปีที่ 2 แล้ว ที่ MQDC ได้สร้างความฮือฮา โดยจัดกิจกรรม “Beautiful Bangkok” การแสดง แสง สี เสียง  ด้วยเทคนิคพิเศษสุดตระการตา บนตึกสูง 60 ชั้น ณ โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เพื่อสร้างสีสันความสุข ความตื่นตาตื่นใจให้กับคนไทย และนักท่องเที่ยว ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ ซึ่งในปีที่แล้วเราได้จัดกิจกรรม “Beautiful Bangkok by Magnolias @Ratchaprasong” (บิวตี้ฟูล แบงค็อก บาย แมกโนเลียส์ แอท ราชประสงค์) ประสบความสำเร็จอย่างดียิ่ง สามารถช่วยดึงดูดผู้คนมาเดิน มาเที่ยวชมไฟในย่านราชประสงค์เพิ่มขึ้น   “ในฐานะสมาชิกสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ ย่านธุรกิจที่เป็นดั่งหัวใจสำคัญของเมืองไทย และแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับซึ่งเป็นที่รู้จักทั่วโลก เราเชื่อมั่นว่าด้วยความพร้อมของ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) และโครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” เมื่อได้ร่วมผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับทางสมาคมฯ เราจะสามารถเข้ามาเติมเต็มทัศนียภาพของ ย่านราชประสงค์-ย่านราชดำริ” “ปีนี้ MQDC พร้อมจะตอกย้ำการเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมฯ โดยสร้างปรากฏการณ์ และสร้างความประทับใจอีกครั้ง ด้วยการสร้างสีสันความสุข และความสมบูรณ์แบบให้ย่านราชประสงค์ โดยจับมือ สมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ (RSTA) จัดกิจกรรม Beautiful Bangkok 2019 “The Symphony of Happiness” การแสดง แสง สี เสียง ด้วยเทคนิคพิเศษสุดตระการตา บนตึกสูง 60 ชั้น เพื่อต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ 2019 โดยมีจุดประสงค์ที่สำคัญ คือ เพื่อตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้านส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ และส่งเสริมภาพลักษณ์กรุงเทพมหานคร ในฐานะมหานครแห่งการท่องเที่ยวชั้นนำระดับโลก”   วิสิษฐ์ เผยด้วยว่า เราได้จัดสรรงบประมาณไว้ 100 ล้านบาท สำหรับการจัดงานนี้ขึ้น ภายใต้แนวคิด Beautiful Bangkok “The Symphony of Happiness” ถ่ายทอดความคิดสร้างสรรค์ผสานเทคโนโลยี นำเสนอศิลปะอันวิจิตร เปี่ยมสีสัน และชีวิตชีวา ซึ่งเป็นผลงานสร้างสรรค์โดย 7 ศิลปินชั้นนำของไทยที่ผลงานเป็นที่รู้จักในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาเที่ยวชม โดยเราจะใช้ Façade (ฟาซาด) ซึ่งเป็นจุดเด่นส่วนหนึ่งของโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) มาใช้เป็นพื้นที่ในการฉายไฟเข้าไปที่ตึกด้วยเทคโนโลยีระดับสูง เพื่อสะท้อนความสวยงามของกรุงเทพฯ ให้ประจักษ์แก่สายตาคนทั่วโลกอีกครั้ง เพื่อมอบให้เป็นของขวัญแก่คนกรุงเทพฯ เพื่อสร้างรอยยิ้ม ความสุขและความภาคภูมิใจ เราเชื่อว่างานครั้งนี้จะสามารถดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมาก ในช่วงเทศกาลแห่งความสุข ปรากฏการณ์แห่งความตื่นตาตื่นใจนี้ มีกำหนดการแสดง เริ่มตั้งแต่วันอังคารที่ 18 ถึง 31 ธ.ค. 61 โดยวันที่ 18 ธ.ค. 61 จะมี 7 รอบ ในเวลา 19.20/ 19.40/ 20.00/ 20.20/ 20.40/ 21.00 และ 21.20 น. วันที่ 19 – 30 ธ.ค. 61 มี 7 รอบเช่นกัน ในเวลา 19.00/ 19.20/ 19.40/ 20.00/ 20.20/ 20.40 และ 21.00 น. ส่วนวันที่ 31 ธ.ค. 61 เพิ่มรอบส่งท้ายปีเก่า อีก 1 รอบ ในเวลา 23.55 น. วิสิษฐ์ ยังเผยด้วยว่า การร่วมมือกับสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ในการจัดงานครั้งนี้ MQDC เชื่อว่าจะช่วยหนุนเสริมการพัฒนาย่านราชประสงค์ให้เติบโตสู่ศูนย์กลางทางเศรษฐกิจระดับโลกต่อไป และเราคาดหวังว่าการแสดง แสง สี เสียง ในปีนี้ จะสามารถดึงดูดผู้คนมาเดินเที่ยวมาชมไฟในย่านราชประสงค์ในเดือนธันวาคมเพิ่มมากขึ้น 50% จากปกติมีคนเดินประมาณ 600,000 คน/วัน เพิ่มขึ้นเป็น 900,000 คน/วัน   “จากการจัด Beautiful Bangkok เมื่อปีที่ผ่านมา มีผู้ให้ความสนใจโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ ส่งผลให้ปัจจุบันโครงการฯ เหลือจำนวนห้องชุดอีกเพียง 20% เท่านั้น ด้วยเหตุปัจจัยที่ตั้งโครงการเป็นทำเลทองผนวกกับความเป็นลักชัวรี่มิกซ์ยูส ซึ่งสามารถตอบโจทย์ครบทุกความต้องการของไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมี่ยม ทำให้โครงการมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ทั้งในแง่การเป็นเจ้าของห้องชุดเพื่อการลงทุน หรือเพื่อการอยู่อาศัยเอง โดยขณะนี้ โครงการของเรามี Rental Yield อยู่ที่ 5-7% ซึ่งนับว่าเป็นสัดส่วนที่สูง เมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ ในย่านเดียวกัน” “จึงอยากเชิญชวนนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ ได้จัดเวลามาชมงานครั้งนี้ ที่ทีมงานของเรามีความตั้งใจและทุ่มเทในการจัดขึ้น เพื่อมอบเป็นของขวัญส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ ให้กับทุกคน ที่จะได้ตื่นตาตื่นใจกับผลงานการสร้างสรรค์ศิลปะโดยศิลปินชาวไทย ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับโลก พร้อมชื่นชม และภาคภูมิใจในความเป็นไทยร่วมกัน” วิสิษฐ์ กล่าว   ด้าน ศศินันท์ ออลแมนด์ ผู้อำนวยการบริหาร ฝ่ายการตลาดและสื่อสารองค์กร บริษัท ดีทีจีโอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวเสริมด้วยว่า พร้อมกันนี้ เราอยากเชิญชวนบุคคลทั่วไปได้ร่วมสนุก และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างความสมบูรณ์แบบให้กับการแสดงแสงสีเสียงครั้งนี้ โดยโพสต์ภาพความสุขพร้อมชื่อเล่นของคุณบนเฟสบุ๊ค พร้อมพิมพ์ @MQDC ตั้งค่า Public และติด #BeautifullBangkok  เพื่อฉายภาพด้วยเทคนิคเลเซอร์ขึ้นบนอาคารแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งกับงานสร้างสรรค์ของศิลปินไทยชื่อดัง ระหว่างวันที่ 18-31 ธันวาคมนี้ ขณะที่ ณัฎฐพร ชีวมงคล ในนามตัวแทนสมาคมผู้ประกอบวิสาหกิจในย่านราชประสงค์ หรือ RSTA กล่าวว่า “เรามีความยินดีอย่างยิ่ง ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สมาคมฯ ได้รับความร่วมมือ และผนึกพลังกับผู้ประกอบการในย่านนี้ ในการแสดงศักยภาพย่านราชประสงค์ ให้เป็นที่ยอมรับจากคนทั่วโลก ซึ่งโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) ภายใต้การบริหารของกลุ่มแมกโนเลีย ได้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสมาคมฯ โดยมีวัตถุประสงค์ร่วมกันวางแผนพัฒนาและอนุรักษ์ พร้อมผลักดันย่านราชประสงค์สู่การเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจของประเทศ”   ณัฎฐพร กล่าวต่อไปว่า ด้วยความพร้อมของ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) และโครงการ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด นับแต่ได้ร่วมผนึกกำลังเป็นพันธมิตรกับสมาคมฯ ก็ได้เข้ามาช่วยเติมเต็มทัศนียภาพอันงดงามของย่านราชประสงค์-ย่านราชดำริ และเป็นยังส่วนหนึ่งที่สำคัญที่ช่วยตอกย้ำ ให้ที่แห่งนี้กลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ นำไปสู่ก้าวสำคัญของการพัฒนา ย่านราชประสงค์ให้เป็นเมืองแห่งอนาคต ที่รวมความเป็นที่สุดแห่งตลาดรีเทล ตลาดโฮลเซล ตลาดฮอสพิทอลลิตี้ ตลาดลักชัวรี่ เรสซิเดนส์ และตลาดไมซ์ใจกลางกรุงเทพฯ เข้าไว้ เพื่อหนุนเสริมให้ย่านราชประสงค์แข็งแรง พร้อมเป็นศูนย์กลางเวทีเศรษฐกิจระดับโลก “การจัดงาน Beautiful Bangkok 2019 “The Symphony of Happiness” การแสดง แสง สี เสียง ในครั้งนี้ ผู้มาชมงานจะได้สัมผัสความตื่นตาตื่นใจ อิ่มสุข อิ่มใจ และภาคภูมิใจ ในความเป็นไทย และเราเชื่อว่า จะสามารถดึงดูดความสนใจจากนักท่องเที่ยวจำนวนมากในช่วงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่นี้” จากนั้น พิธีกรในงาน ได้เปิดตัว 7 ศิลปินชั้นนำของไทยที่ผลงานเป็นที่รู้จักในระดับอินเตอร์เนชั่นแนล ซึ่งแต่ละคนล้วนการรันตีฝีมือด้วยการเดยคว้ารางวัลระดับโลกมาแล้วทั้งสิ้น โดยแต่ละทีมได้เผยความรู้สึกพร้อมเล่าถึงแรงบันดาลใจในการร่วมสร้างสรรค์ผลงานในครั้งนี้ พร้อมชวนมาชมการแสดง ที่จะต้องสร้างความประทับใจให้ผู้ชมอย่างแน่นอน โอกาสนี้ ภายในงาน วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์เปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ยังเผยถึงรายละเอียด และความสำเร็จของโครงการต่างๆ ภายใต้ MQDC ให้ทราบด้วย “โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด (MRB) ของเรา มีมูลค่าโครงการราว 11,000 ล้านบาท ซึ่งปัจจุบันเรามีการตอบรับดีมาก หลังจากการเปิดตัวโรงแรม Waldorf Astoria วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย เป็นโรงแรมสุดหรูระดับตำนานที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มาตั้งอยู่บนโครงการแมกโนเลียส์ฯ ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้โครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เป็นที่ต้อนรับกลุ่มลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ได้มาใช้บริการและพักอาศัย   วิสิษฐ์ เผยด้วยว่า “ในด้านความสำเร็จของโครงการ MRB ที่เปิดไปแล้วนี้ ปัจจุบันได้สร้างยอดขายไปแล้ว 80 กว่า % โดยมีจำนวนห้องชุดทั้งหมด 316 ยูนิต มีสัดส่วนลูกค้าที่เป็นชาวไทย 50% และชาวต่างชาติ 50% ซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวฮ่องกง, สิงคโปร์และไต้หวัน ปัจจัยสำคัญที่ช่วยผลักดันยอดขายของเราให้เติบโตอย่างต่อเนื่องเป็นที่น่าพอใจ นอกจากทำเลที่เป็น Top destination ระดับต้นๆ ของเมืองไทยแล้ว ก็คือความเป็นมิกซ์ยูสที่ทันสมัย สามารถตอบสนอง ทุกความต้องการของผู้พักอาศัย รวมไปถึงความสมบูรณ์แบบด้านสถาปัตยกรรมอันโดดเด่น สิ่งอำนวยความสะดวกที่มีให้อย่างครบครัน สร้างความภาคภูมิใจให้แก่ผู้ครอบครอง ไม่ว่าจะเป็นห้องชุดแบบ 2 ห้องนอน ที่มีขนาดพื้นที่ 72-106 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ ประมาณ 20 ล้านบาท หรือคิดเป็นราคาเริ่มต้นที่ 270,000 บาท/ตารางเมตร ซึ่งมีจำนวน 220 ยูนิต หรือจะเป็น แบบ เพ้นต์เฮ้าส์ 8 ยูนิต ซึ่งเป็น ดูเพล็กซ์ เพนท์เฮ้าส์ (250- 360 ตารางเมตร) จำนวน 6 ยูนิต และเพนท์เฮ้าส์ (290-300 ตารางเมตร) จำนวน 2 ยูนิต ซึ่งปัจจุบันโครงการขายไปแล้วเหลือเพียง 20% เท่านั้น และเรามั่นใจว่าจะปิดการขายโครงการทั้งหมดได้ในไตรมาสแรกของ ปี 2019”          
MQDC เปิดตัว “บ.แอสเพน คอร์ปอเรชั่น จำกัด” รุกธุรกิจดูแลผู้สูงวัยครบวงจร

MQDC เปิดตัว “บ.แอสเพน คอร์ปอเรชั่น จำกัด” รุกธุรกิจดูแลผู้สูงวัยครบวงจร

บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในระดับสากล เปิดตัว “บริษัท แอสเพน คอร์ปอเรชั่น จำกัด” ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลผู้สูงวัย โดยมีแผนจะเปิดตัวโครงการที่พักอาศัยและบริการครบวงจร ซึ่งถูกพัฒนาโดยผู้เชี่ยวชาญระดับโลก เพื่อที่จะให้เป็นที่พักอาศัยสำหรับผู้สูงวัย ที่สมบูรณ์แบบด้วยมาตรฐานระดับสากล แอสเพน คอร์ปอเรชั่น มุ่งหวังที่จะสร้างมาตรฐานใหม่ด้านการดูแลผู้สูงวัย ในประเทศไทย อาทิเช่น “การดูแลตลอดชีวิต” และ “การออกแบบสร้างที่อยู่อาศัยสำหรับผู้สูงวัย ในรูปแบบที่ให้ผู้พักอาศัย สามารถอยู่อาศัยในบ้านของตนเองได้อย่างยาวนานยิ่งขึ้น และสามารถตอบโจทย์ทุกความต้องการของผู้พักอาศัย” ผู้พักอาศัยสามารถมีคุณภาพชีวิตที่ดีด้วยการดูแลโดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ เช่น ด้านการป้องกันโรคภาวะสมองเสื่อม เป็นต้น คุณวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC) กล่าวว่าการให้บริการดูแลผู้สูงวัยอย่างครบวงจร ของ บริษัท แอสเพน คอร์ปอเรชั่น จำกัด จะตอบโจทย์ของสังคมผู้สูงวัยในประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ “สำหรับตลาดอสังหาฯ เพื่อผู้สูงวัยในประเทศไทย ได้จำกัดทางเลือกสำหรับผู้สูงอายุและคนวัยเกษียณ ด้วยรูปแบบการพัฒนาโครงการในประเภทรีสอร์ท ซึ่งไม่มีการให้บริการแบบครบวงจร หรือประเภทเนอร์สซิ่งโฮม ซึ่งไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านไลฟ์สไตล์”  คุณวิสิษฐ์กล่าว “จากงานวิจัยเราพบว่า คนเราให้ความสำคัญในเรื่อง “aging in place” อย่างมาก โดยคนส่วนใหญ่ต้องการที่จะใช้ชีวิตในสถานที่ และสภาพแวดล้อมที่คุ้นเคย มากกว่าที่จะต้องย้ายสถานที่ เมื่อต้องการการดูแลเพิ่มมากขึ้น ซึ่งการออกแบบและการให้บริการโดยผู้เชี่ยวชาญ จะเอื้อให้ผู้พักอาศัยสามารถใช้ชีวิตได้อย่างสะดวกสบายและปลอดภัยภายในบ้านของตัวเองได้อย่างยาวนานที่สุด” การที่ MQDC เปิดตัวธุรกิจดูแลผู้สูงอายุครบวงจรนั้น สอดคล้องกับกลยุทธ์ด้าน “นวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน” (Sustainnovation) ของบริษัท ซึ่งมีการนำความรู้ด้านจิตวิทยาและผลงานวิจัยด้านต่างๆ มาผสมผสานกันเพื่อสร้าง “ระบบนิเวศของมนุษย์” ที่จะเติมเต็มความต้องการของผู้คนในปัจจุบัน คุณ เฮ จูน พาร์ค ประธานผู้อำนวยการ บริษัท แอสเพน คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “บริษัทจะสร้างสภาพแวดล้อมที่สมบูรณ์แบบเสมือนกับการพักอาศัยอยู่บ้านของตนเอง โดยจะออกแบบให้ผู้สูงวัยมีสังคม มีความสนุกสนาน และสามารถพึ่งพาตนเองได้” “โครงการจะนำความรู้และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดทั่วโลก มาประยุกต์ใช้ให้เหมาะสม ซึ่งในการออกแบบได้นำแรงบันดาลใจจากครอบครัวมาสู่การมีปฏิสัมพันธ์เชื่อมต่อทางสังคมกับเพื่อนบ้านและสังคมแวดล้อมมากขึ้นด้วย” คุณ เฮ จูน พาร์ค กล่าวสรุป “โครงการของเราจะตอบโจทย์รูปแบบการใช้ชีวิตหลากหลายสไตล์ ซึ่งเหมาะกับทั้งผู้สูงวัยที่ยังสามารถพึ่งพาตนเองได้ และผู้สูงวัยที่ต้องการการดูแลมากขึ้น” คุณ เฮ จูน พาร์ค ผู้บริหารชาวเกาหลีใต้ มากด้วยประสบการณ์ในด้านการให้บริการ และการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในระดับสากล ทั้งใน ทวีปเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง และอเมริกาเหนือ ธุรกิจการดูแลผู้สูงวัย มีตลาดที่เติบโตอย่างรวดเร็วในประเทศไทย โดยภายในปี 2583 มีการคาดการณ์ว่ามากกว่า 1 ใน 4 ของประชากรไทยจะมีอายุมากกว่า 65 ปี (ข้อมูลอ้างอิงจากการประมาณการณ์ของธนาคารโลก)
แมกโนเลียฯ ปักธงผู้นำคอนโดมิเนียมระดับคุณภาพ เปิดตัว “วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์นิวเจนฯ

แมกโนเลียฯ ปักธงผู้นำคอนโดมิเนียมระดับคุณภาพ เปิดตัว “วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว” ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์นิวเจนฯ

ที่สุดแห่งความสะดวกด้านการเดินทาง ติดรั้ว MRT สถานีลาดพร้าว ใส่ใจคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยด้วยการออกแบบที่เน้นเรื่องการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยพื้นที่สีเขียวทั้งบนดินและสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่กว่า 1,700 ตรม. ตอบโจทย์นิวเจนฯด้วย customer activities ทุกแง่มุมของชีวิต & Sense of Living ล้ำด้วยคุณภาพโครงสร้างอาคารที่รับประกันนานถึง 30 ปี พร้อมส่งมอบด้วย Zero Defects Delivery และสิทธิพิเศษวันนี้ถึง 30 กันยายน 2560 บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัดหรือ MQDC หนึ่งในผู้นำธุรกิจพัฒนา ลงทุน และจัดการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยทั้งแบบบ้านเดี่ยวและคอนโดมิเนียม และโครงการมิกซ์ยูส ภายใต้แบรนด์ แมกโนเลียส์ และ วิสซ์ดอม ปักธงผู้นำคอนโดมิเนียมระดับคุณภาพ โดยเปิดตัว “วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว” (Whizdom, Avenue Ratchada-Ladprao) ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์นิวเจนฯ ที่เป็นมากกว่าที่อยู่อาศัยเพื่อการใช้ชีวิตอย่างมีคุณภาพ ด้วยทำเลที่ติดกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีลาดพร้าว โดยโครงการวิสซ์ดอมฯ ลาดพร้าว ใส่ใจคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย ด้วยการออกแบบที่เน้นเรื่องการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ด้วยพื้นที่สีเขียวทั้งบนดินและสวนลอยฟ้าขนาดใหญ่กว่า 1,700 ตรม. พร้อมตอบโจทย์นิวเจนฯด้วย customer activities ที่มีกิจกรรมหลากหลาย และ Sense of Living ตอบสนองทุกแง่มุมของการใช้ชีวิต พร้อมรับประกันโครงสร้างอาคาร-การใช้งานและการรั่วซึมของน้ำฝน บานวงกบ ประตู และหน้าต่าง นานถึง 30 ปี และเสริมทัพด้วย Zero Defects Delivery พร้อมส่งมอบความสมบูรณ์แบบให้ลูกค้าและสิทธิพิเศษส่วนลดสูงสุด 500,000 บาท วันนี้ถึง 30 กันยายน 2560 นายอัษฎา แก้วเขียว ประธานผู้อำนวยการ-วิสซ์ดอม บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวถึง “โครงการ วิสซ์ดอม อเวนิว รัชดา-ลาดพร้าว” ว่า “เราเจาะกลุ่มเป้าหมายคนเมืองและคนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จในชีวิต มีไลฟ์สไตล์ทันสมัย และพิถีพิถันในการเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเอง โดยมี 5 ปัจจัยหลักที่ตอบโจทย์  ได้แก่ ทำเลของโครงการถือว่าอยู่ใน The best location ด้วยที่ตั้งของโครงการติดกับสถานี MRT ลาดพร้าว ทางออกหมายเลข 1 ซึ่งถือว่าเป็น One Step จากรถไฟฟ้าอย่างแท้จริง และในอนาคตอันใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีเหลืองที่จะเชื่อมต่อการคมนาคมเส้นลาดพร้าวไปยังสำโรงอีกด้วย โครงการตั้งอยู่บนถนนลาดพร้าว แยกรัชดา-ลาดพร้าว ซึ่งถือเป็นทำเลศักยภาพแห่งหนึ่งของกรุงเทพที่ใกล้กับสิ่งอำนวยความสะดวกหลายอย่าง อาทิเช่น ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ โรงเรียน โรงพยาบาล และยังเป็นทำเลที่ถูกเรียกว่าเป็นใจกลางธุรกิจแห่งใหม่ (New CBD) ของกรุงเทพฯ ที่เชื่อมต่อถนนรัชดาภิเษก-พระราม 9 และสามารถเชื่อมต่อไปยั่งพื้นที่อื่นๆได้สะดวก-รวดเร็วอีกด้วย รับประกันนานถึง 30 ปี (ซึ่งถือเป็นผู้นำธุรกิจอสังหาฯ รายแรกที่กล้าให้การประกันคุณภาพยาวนานที่สุด) โดยรับประกันด้านคุณภาพโครงสร้างอาคาร ใน 4   เรื่องหลัก รอยร้าว และกำลังคอนกรีต เสา คาน พื้น เรื่องความแข็งแรงทั่วไปและการรั่วซึมของหลังคาและดาดฟ้า การรั่วซึมของท่อน้ำในระบบประปาและสุขาภิบาล การรั่วของกระแสไฟฟ้า การใช้งานและการรั่วซึมของน้ำฝน ของบานวงกบ ประตู และหน้าต่าง การออกแบบอย่างพิถีพิถันและใส่ใจในทุกรายละเอียด ผสมผสานการวิจัยและพัฒนา เข้ากับการดีไซน์ และความใส่ใจในเรื่องการประหยัดพลังงานและรักษาสิ่งแวดล้อม ออกแบบตามมาตรฐาน “สถาบันอาคารเขียวไทย” (Thai Green Building Institute) เพื่อนำเสนอโครงการคุณภาพที่ตอบสนองทุกฟังก์ชั่นของชีวิต และเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นในทุกวัน อาทิ รูปแบบและการจัดวางพื้นที่ภายในห้องพักสอดคล้องกับหลักสรีระศาสตร์เหมาะสมกับระยะร่างกายของมนุษย์เพื่อความสะดวกสบายสำหรับทุกกิจกรรม อยู่สบายและไม่รู้สึกอึดอัด การวางตำแหน่งไฟ ตำแหน่งแอร์ที่ส่งเสริมสุขภาพที่ดีของผู้อยู่อาศัย ทิศทางการวางตำแหน่งตัวตึกสอดคล้องกับทิศทางแสงอาทิตย์และทิศทางลม เพื่อลดความร้อน และเพิ่มการหมุนเวียนถ่ายเทของอากาศภายในห้องพัก เป็นการช่วยประหยัดพลังงาน และเพิ่มความสบายให้ผู้อยู่อาศัย การจัดวางห้องพักซึ่งเริ่มต้นที่ชั้น 5 เพิ่มความเป็นส่วนตัวและห่างไกลจากเสียงรบกวน มีการออกแบบสวนและแนวต้นไม้ช่วยบังแนวเสียงและฝุ่นละอองในอากาศที่จะพัดเข้าสู่ตัวอาคาร เป็นต้น customer activities/services เป็นกิจกรรมที่ตอบสนองคนรุ่นใหม่ (New Generation) ที่มีกิจกรรมหลากหลายรูปแบบตอบสนองคน WHIZDOM ทุกแง่มุมของชีวิตอย่างแท้จริง ไม่ว่าจะเป็นเรื่ององค์ความรู้ที่สามารถนำไปใช้ในชีวิตการทำงาน Entertainment สุขภาพ Networking, knowledge sharing และอื่นๆ นอกจากนี้เรามีการเพิ่ม Senses ของการอยู่อาศัยอย่างแท้จริง หรือ “Sense of Living” การใส่ใจด้านการอยู่อาศัยจริงของคนปัจจุบันที่อาศัยอยู่คอนโด อาทิเช่น การเพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้กับลูกบ้าน เช่น พื้นที่สำหรับล้างรถ ที่ชงชากาแฟที่ล็อบบี้ เตา BBQ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญพร้อมที่อบผ้า อุปกรณ์ปฐมพยาบาล First aid kit, อุปกรณ์ซ่อมบำรุง Maintenance box ที่ลูกค้าใช้ได้ง่ายๆ และอื่นๆ เสริมทัพด้วย Zero Defects Delivery เป็นการรับประกันว่าลูกค้าสามารถตรวจรับห้องได้ด้วยความพึงพอใจที่สุด ด้วยการใช้ technology ต่างๆมาช่วยตั้งแต่ขั้นตอนแรก เช่นการออกแบบ เราออกแบบเพื่อลดสิ่งที่จะก่อให้เกิด defects ตั้งแต่แรกและด้วยการนำ BIM (Building Information Model) มาใช้เพื่อขึ้นรูปแบบ 3 มิติก่อนสร้างจริง พร้อมทั้งขั้นตอนการควบคุมและตรวจสอบคุณภาพงานก่อสร้างในทุกขั้นตอนโดยทีม MQDC ด้วยเครื่องมือการตรวจสอบที่มีความแม่นยำสูงและทันสมัย ลดงาน re-work ที่อาจจะกระทบงานตกแต่งอื่นๆ การติดตามงานแก้ไข ด้วยโปรแกรม "Novade” ซึ่งเป็นโครงการแรกของประเทศไทยที่นำโปรแกรมนี้มาใช้ในการตรวจ defects นอกจากนี้ นายอัษฎา แก้วเขียว ยังกล่าวถึงภาพรวมของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ และภาพรวมธุรกิจในครึ่งปีแรก2560 ว่า  “ภาพสรุปของอสังหาฯในกรุงเทพ ครึ่งปีแรกที่ผ่านมามีการขยายตึกต่อเนื่องจากช่วงที่ผ่านมาจากหลายปัจจัย อาทิเช่น การลงทุนโครงการรถไฟฟ้าหลายสายของภาครัฐ การเร่งเปิดตัวของผู้ประกอบการหลายราย โดยที่ตลาดคอนโดมิเนียมเป็นตลาดหลักที่ใหญ่ที่สุดประมาณ 60% ของตลาดรวม ในอีกด้านหนึ่งคือการขยายตัวของภาคอสังหาฯ ก็คือ ราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก ส่งผลโดยตรงต่อราคาที่อยู่อาศับ จากสภาวะปัจจุบันโอกาสในการเกิดโครงการในเมืองลดลงแต่การเปิดโครงการมากขึ้นในบริเวณส่วนต่อขยายของรถไฟฟ้าต่างๆ  ทิศทางการพัฒนาที่เกิดขึ้นในกรุงเทพและปริมณฑลได้เริ่มปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและรูปแบบการอยู่อาศัยของผู้บริโภคอย่างต่อเนื่อง” “สำหรับการวางแผนธุรกิจของ MQDC ในส่วนของ Whizdom Project ในครึ่งปีหลัง เรามุ่งเน้น การส่งมอบคุณภาพการอยู่อาศัย”ของโครงการ Whizdom ลาดพร้าว มูลค่ากว่า 2,700 ล้านบาท สำหรับโครงการที่ผ่านมานั้นได้รับการตอบรับอย่างดีเยี่ยม เช่น โครงการวิสซ์ดอม รัชดา-ท่าพระ หลังจากเปิดตัวไปเดือนมีนาคม-เมษายนที่ผ่านมา  มียอดจองกว่า 90% และปัจจุบันได้ปิดยอดจองไปแล้ว ส่วนโครงการวิสซ์ดอม รัชดา-ลาดพร้าว แห่งนี้ ถือว่าเราประสบความสำเร็จ มียอดจองไปราว 90% เหลือเพียง 10% เท่านั้น และขณะนี้ก็เป็นการทยอยโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุด คาดว่าจะหมดเร็วๆนี้ โดยเราจะทำการเปิดตัวครั้งแรกในงาน Whizdom Avenue Ratchada-Ladprao Grand Opening ในวันที่ 2 กันยายน 2560 นี้ ซึ่งเรามีห้องตัวอย่างถึง 7 แบบ เพื่อให้ลูกค้าเลือกชมเป็นไอเดียการตกแต่งห้องตามความชอบ โดยร่วมกับแบรนด์ CK furniture ซึ่งเป็นแบรนด์ระดับโลกที่จับกลุ่มคนรุ่นใหม่ เรามีการทำ Co-branding แพคเกจ furniture “Fully furnished by CK furniture” อีกด้วย  
MQDC เปิดตัว “ดิ เอสเตท ไทยแลนด์”  (The Estate Thailand)

MQDC เปิดตัว “ดิ เอสเตท ไทยแลนด์” (The Estate Thailand)

MQDC เปิดตัว “ดิ เอสเตท ไทยแลนด์”  (The Estate Thailand)  รุกธุรกิจบริการขายต่อและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจรแห่งแรกในไทย  ตั้งเป้าปีแรกยอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท   MQDC จับกลยุทธ์ขยายไลน์ธุรกิจบริการขายต่อและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์ ตั้งเป้าปีแรกมียอดขายกว่า 1,000 ล้านบาท ในอนาคตวางแผนขยายไปตลาดต่างประเทศ ครั้งแรกในวงการอสังหาริมทรัพย์กับการบริการการขายต่อและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ครอบคลุมทุกด้านในการอยู่อาศัยและการใช้ชีวิต ตอบโจทย์ลูกค้าตั้งแต่เริ่มหาที่พักอาศัย รวมไปจนถึงบริการย้ายเข้า-ออก และให้บริการด้านการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตั้งแต่ทำความสะอาดไปถึงงานซ่อมบำรุง บริการที่ปรึกษาส่วนตัวในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์ (Exclusive Property Investment Consultant) ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์เชี่ยวชาญกว่า 20 ปี การันตีคุณภาพที่อยู่อาศัยถึง 30 ปี ภายใต้มาตรฐาน MQDC พร้อมใบประกาศนียบัตรรับรองคุณภาพ บริษัท ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด เริ่มให้บริการในเดือนพฤษภาคม 2560            31 พฤษภาคม 2560 -  กรุงเทพฯ  – บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC)  ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เจ้าของและผู้พัฒนาโครงการที่พักอาศัยและมิกซ์ยูสคุณภาพ แบรนด์ แมกโนเลียส์ (Magnolias)  และวิสซ์ดอม (Whizdom) เปิดตัว “บริษัท ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด” ดำเนินธุรกิจด้านการบริหารการขายและให้เช่าอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร ตอบสนองความต้องการของลูกค้าทางด้านการซื้อ-ขายที่อยู่อาศัย การลงทุน รวมถึงความสะดวกสบายในการใช้ชีวิต เริ่มตั้งแต่บริการให้คำปรึกษาในการลงทุนด้านอสังหาริมทรัพย์แบบพิเศษส่วนตัว (Exclusive Property Investment Consultant) ด้วยทีมงานที่มีประสบการณ์มากกว่า 20 ปี บริการหาที่พักอาศัยให้ตรงกับวัตถุประสงค์และความต้องการของลูกค้า รวมไปจนถึงบริการย้ายเข้า – ออก แบบครบวงจร และการให้บริการด้านการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตั้งแต่ทำความสะอาดไป จนถึงงานซ่อมบำรุงเบื้องต้น พร้อมทั้งการติดตามผลและบริการหลังการเข้าอยู่อาศัยของลูกค้าอย่างใกล้ชิด เพื่อสร้างความพึงพอใจสูงสุดให้แก่ลูกค้า             คุณอัษฏา แก้วเขียว รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ MQDC กล่าวว่า  “จากการศึกษาโครงสร้างธุรกิจฝากขาย – ให้เช่าในประเทศไทย พบว่าช่องว่างคือการสร้างความมั่นใจ และความน่าเชื่อถือของกลุ่มลูกค้า และบริการหลังการขาย ซึ่งถือเป็นอีกแรงขับเคลื่อนสำคัญของวงการธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้น MQDC  ในฐานะผู้พัฒนาอสังริมทรัพย์ที่เข้าใจความต้องการของผู้บริโภค เราจึงปรับแผนงานและโครงสร้างทางธุรกิจ เพื่อสอดคล้องกับความต้องการเหล่านี้ โดยจัดตั้ง บริษัท ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด ที่ครอบคลุมทุกด้านในการอยู่อาศัย การลงทุน และการใช้ชีวิต โดยให้บริการและคำแนะนำตั้งแต่ก่อนขาย หลังการขาย ไปจนถึงดูแลให้คำปรึกษาอย่างใกล้ชิด” “บริษัท ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด ถือเป็นธุรกิจเสริมที่จะมาช่วยสร้างความเป็นเลิศในการให้บริการลูกค้า การให้บริการด้านการขาย ให้เช่า และเป็นที่ปรึกษาด้านการลงทุนธุรกิจอสังหาริมทรัพย์อย่างจริงจัง เราดูแลตั้งแต่การวิเคราะห์ที่อยู่อาศัยที่ลูกค้านำมาฝากไว้ให้ตรงกับความต้องการของตลาด ทั้งด้านงานออกแบบ ขนาด ที่ตั้งและราคา รวมถึงวิเคราะห์คู่แข่งอีกด้วย โดยที่บริษัท ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด จะสร้างความแตกต่างด้วยการเพิ่มการดูแลการเข้าอยู่อาศัยตั้งแต่การย้ายเข้า – ออก แบบครบวงจร การให้บริการด้านการอำนวยความสะดวกต่าง ๆ ตั้งแต่การทำความสะอาด ล้างแอร์ รวมจนถึงงานซ่อมบำรุงเบื้องต้นของที่อยู่อาศัย โดยที่อยู่อาศัยที่ได้รับการดูแลจาก บริษัท ดิ เอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัดและผ่านเกณฑ์การรับรองมาตราฐานของบริษัทจะได้รับใบประกาศนียบัตรพร้อมด้วย การรับประกันคุณภาพถึง 30 ปีตามโครงการ ที่ครอบคลุม 4 ด้านได้แก่ ความแข็งแรงของโครงสร้างอาคาร การรั่วซึมของหลังคา การใช้งานประตูหน้าต่าง และการรั่วซึมของท่อน้ำ ภายใต้การรับรองจาก MQDC” คุณอัษฏากล่าว
MQDC เปิดตัวกรอบแผนงาน ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี วิวัฒนาการเพื่อยกระดับด้านสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่เป็นมากกว่าแค่ ‘การอยู่อาศัย’

MQDC เปิดตัวกรอบแผนงาน ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยี วิวัฒนาการเพื่อยกระดับด้านสุขภาพโดยรวมและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ที่เป็นมากกว่าแค่ ‘การอยู่อาศัย’

MQDC คาดว่าจะใช้งบระมาณลงทุนกว่า 6,000 ล้านบาทในระยะ 10 ปีข้างหน้า MQDC ร่วมมือกับพันธมิตรและผู้เชี่ยวชาญในสาขาต่างๆ เพื่อนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับลูกค้าผ่านระบบกลไกโรโบติกส์และนวัตกรรมสมองอัจฉริยะ (Artificial Intelligence – Ai) และบูรณาการการบริการลูกค้าทั้งหมดเข้าด้วยกันในแพลตฟอร์มเดียวกัน ทั้งในด้านการตรวจสอบและการควบคุมระบบต่าง ๆ โครงการ วิสซ์ดอม รัชดา-ท่าพระ ซึ่งจะเปิดตัวในปีหน้านี้ จะเป็นโครงการแรกในประเทศไทยที่จะเปิดตัวระบบการอยู่อาศัยอัจฉริยะเต็มรูปแบบโดยมุ่งเน้นเพื่อการยกระดับในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยรวม รวมไปถึงด้านความปลอดภัย และการประหยัดพลังงาน ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (The Research and Innovation for Sustainability Center หรือ RISC) – เป็นหน่วยงานของ MQDC ที่มุ่งทำงานค้นคว้า วิจัย และออกแบบนวัตกรรมการอยู่อาศัย โดยผ่านการเก็บรวบรวมข้อมูลจากการใช้ชีวิตจริง และการประยุกต์ใช้กับนวัตกรรมสมองอัจฉริยะ (Artificial Intelligence – Ai) อย่างลงตัว โดยศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน หรือ RISC จะทำงานร่วมกับบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำและ Start-ups กรุงเทพ, 18 พฤษภาคม 2560 - แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น (MQDC), ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์เพื่ออยู่อาศัยและอสังหาริมทรัพย์แบบมิกซ์ยูสในระดับสากล และเป็นเจ้าของแบรนด์ แมกโนเลีย และ วิสซ์ดอม ได้ตอกย้ำความมุ่งมั่นที่จะตอบโจทย์เทคโนโลยีความเป็นอยู่ เพื่อนำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่เป็นมากกว่าแค่ ‘การอยู่อาศัย’ แต่เป็นวิวัฒนาการเพื่อยกระดับในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยรวม โดยจะมีการลงทุนมากกว่า 6,000 ล้านบาทในช่วง 10 ปีข้างหน้า ทางบริษัทฯ ได้ประกาศว่าจะเปิดตัว โครงการ วิสซ์ดอม รัชดา-ท่าพระ บ้านอัจฉริยะเต็มรูปแบบแห่งแรกในประเทศไทยที่มุ่งเน้นการพัฒนาความเป็นอยู่และสุขภาพของผู้อยู่อาศัย ความปลอดภัย และการประหยัดพลังงาน ซึ่งจะเปิดตัวในไตรมาสที่ 3/2561 นายวิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์  ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวว่า แผนการลงทุนดังกล่าวนั้น สอดคล้องกับแนวคิดเรื่องนวัตกรรมที่ยั่งยืน (Sustainovation) ของบริษัทแม่กลุ่มบริษัทดีที (DTGO Corporation Limited - DTGO) ที่จะนำเทคโนโลยีนวัตกรรมมาประยุกต์ใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยและผู้เช่าในโครงการของ MQDC  “เราเชื่อในการลงทุนในความคิดใหม่ ๆ เหล่านี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้โครงการของเราพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต และจะเป็นผลดีต่อความเป็นอยู่โดยรวมของผู้อยู่อาศัยในโครงการของเรา” นายวิสิษฐ์กล่าว “MQDC นำเสนอนวัตกรรมและเทคโนโลยี ที่เป็นมากกว่าแค่ ‘การอยู่อาศัย’ แต่เป็นวิวัฒนาการเพื่อการยกระดับในด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยรวม การหาพาทเนอร์ที่เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี มาพัฒนาร่วมกัน ถือเป็นหัวใจสำคัญของแผนแม่บทของ MQDC สำหรับการสร้างและบูรณาการ เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของโครงการในอนาคตของเรา การลงทุนเหล่านี้เป็นสิ่งที่แสดงให้เห็นว่า MQDC ประยุกต์นวัตกรรมที่ยั่งยืนเข้ากับการใช้งานในชีวิตจริง แต่อย่างไรก็ตาม เราไม่ได้ใส่ใจเพียงเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ เท่านั้น หากเรายังใส่ใจเรื่องการใช้นวัตกรรมเหล่านั้น ที่ตอบสนองความต้องการที่ลูกค้าเองยังไม่ทราบ และเชื่อมต่อกับบริการอื่น ๆ ในแพลตฟอร์มเดียวกันซึ่งนำไปสู่การใช้ชีวิตอย่างสมบูรณ์แบบ” “ การเปลี่ยนแนวคิดให้เป็นความเป็นจริงนั้น การยอมรับการเปลี่ยนแปลงที่ไม่ว่าจะเกิดจากรายละเอียดเล็กๆ หรือนวัตกรรมที่เปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตของเรา และการน้อมรับมุมมองใหม่ๆ ทั้งจากในและต่างประเทศ ทำให้เราสามารถสร้างสังคมที่ยั่งยืน ซึ่งส่งผลให้การดำเนินชีวิตของเรามีความงดงาม มีแรงบัลดาลใจ และปลอดภัยมากขึ้น” นายวิสิษฐ์กล่าวสรุป ศูนย์วิจัยและพัฒนานวัตกรรมเพื่อความยั่งยืน (Research and Innovation for Sustainability Center หรือ RISC) ของ MQDC จะร่วมทำงานร่วมกับบริษัท Obotron ซึ่งเป็น Start-ups เพื่อที่จะออกแบบ และสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีความเป็นอยู่ การเก็บรวบรวมข้อมูล และนวัตกรรมสมองอัจฉริยะ (Artificial Intelligence – Ai)  เรามุ่งเน้นที่จะพัฒนานวัตกรรมด้านการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ การพัฒนาสุขภาพ และระบบการจัดการชีวิตประจำวัน เพื่อให้เป็นส่วนหนึ่งของโครงการอสังหาริมทรัพย์ของ MQDC โดยจะครอบคลุม 3 ส่วนหลักดังต่อไปนี้ ระบบการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ (Energy Efficiency Awareness): การรายงานสภาพการใช้กระแสไฟฟ้าแบบเรียลไทม์ ระบบที่ตอบสนองด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น (Health System): โดยเซ็นเซอร์ตรวจจับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ซึ่งจะเชื่อมต่อกับระบบระบายอากาศแบบประหยัดพลังงานเพื่อทำให้ผู้อยู่อาศัยได้รับอากาศบริสุทธิ์ภายในห้อง และยังประหยัดการใช้ไฟฟ้า ระบบการควบคุมเพื่อตอบสนองวิถีการใช้ชีวิตเพื่อความสะดวกสบาย (Lifestyle Control): โดยนำเสนอระบบควบคุมอัจฉริยะซึ่งจะสามารถทำให้ผู้อยู่อาศัยสามารถควบคุมทุกระบบในบ้านได้จากโทรศัพท์มือถือ เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว ระบบแสงสว่างอัตโนมัติ ระบบประตูหน้าต่างล็อคแม่เหล็กระบบดิจิตอลเพื่อเพิ่มความปลอดภัย โครงการยังมีการติดตั้งระบบกล้องวงจรปิดซึ่งเชื่อมต่อระบบความปลอดภัยที่กล่าวมาข้างต้นทั้งหมดเข้าไว้ด้วยกัน โดยที่ระบบทั้งหมดสามารถควบคุมได้ผ่านโทรศัพท์มือถือของลูกค้า
แมกโนเลียชี้แนวโน้มครึ่งปีหลังธุรกิจคอนโดไฮเอนด์คึกคัก ปรับกลยุทธ์รับมือคลื่นอสังหาฯ ระลอกใหม่ช่วงปลายปี

แมกโนเลียชี้แนวโน้มครึ่งปีหลังธุรกิจคอนโดไฮเอนด์คึกคัก ปรับกลยุทธ์รับมือคลื่นอสังหาฯ ระลอกใหม่ช่วงปลายปี

กรุงเทพฯ, 21 กรกฎาคม 2559 - แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด หนึ่งในผู้พัฒนาโครงการระดับซูเปอร์ลักชั่วรี่ คาดการณ์ตลาดอสังหาริมทรัพย์ระดับไฮเอนด์ของไทย โดยเฉพาะในเขตกรุงเทพฯ จะเริ่มคึกคักอีกครั้งในช่วงปลายปี 2559 หลังจากกระแสการซื้ออสังหาฯ ระดับไฮเอนด์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้มีการชะลอตัวลงเล็กน้อย สืบเนื่องจากปลายปี 2558 ที่ผ่านมา ผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ต่างเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมระดับลักชัวรี่จำนวนมาก เผยความคืบหน้าเตรียมส่งมอบห้องชุดแมกโนเลียส์ราชดำริบูเลอวาร์ดปลายปีนี้ ขณะที่ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ปัจจุบันขายได้แล้วกว่า 40% ราคาเฉลี่ยอยู่ที่ 350,000 บาท/ตร.ม. พร้อมเดินหน้าจัดกิจกรรมการตลาดและโร้ดโชว์ต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง นางสาว ภีชภัตธา ผกากาญจน์ ผู้ช่วยรองประธานกรรมการ ฝ่ายการตลาดและฝ่ายขายโครงการ บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า “เนื่องจากราคาที่ดินในย่านธุรกิจใจกลางเมืองยังมีราคาขยับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรามั่นใจว่า นักลงทุนยังคงมองหาโอกาสการลงทุนกับโครงการระดับคุณภาพในเขตกรุงเทพฯอยู่เสมอ โดยเมื่อเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ แนวโน้มการซื้อเริ่มขยับตัวสูงขึ้น เห็นได้จากการที่นักลงทุนใช้เวลาตัดสินใจซื้อห้องชุดหรูเร็วกว่าในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา และคาดว่าผู้ประกอบการหลายรายมีแผนเตรียมเปิดตัวโครงการใหม่อย่างคึกคักในช่วงครึ่งปีหลังเพื่อดึงกระแสการซื้อให้เพิ่มขึ้น แต่ทางฝั่งผู้บริโภคจะตอบรับหรือไม่ ก็ถือเป็นความท้าทายที่ผู้ประกอบการต้องตีโจทย์ความต้องการของผู้ซื้อให้ได้เช่นกัน” บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด ให้ความสำคัญกับการลงทุนและพัฒนาโครงการต่างๆ ด้วยมาตรฐานระดับโลกทุกขั้นตอน เราสร้างสรรค์ความเจริญเติบโตขององค์กรผ่านการดำเนินธุรกิจแบบร่วมทุน และการร่วมมือกับพันธมิตรธุรกิจและนักลงทุน เพื่อการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ชั้นเยี่ยมทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยโครงการร่วมทุนที่กำลังดำเนินการพัฒนาในปัจจุบัน ได้แก่ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด, ดิ ไอคอนสยาม, แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม และ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ “สำหรับโครงการของเรา หลังจากประสบความสำเร็จอย่างสูงกับการเปิดตัวโครงการระดับไฮเอนด์ของทั้ง 3 โครงการ เราจึงขอดูแนวโน้มของตลาดคอนโดมิเนียมที่คาดว่าจะคึกคักมากขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเสียก่อน เพื่อที่เราจะสามารถพัฒนาโครงการที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและสร้างความแตกต่างในตลาดอสังหาฯ ได้อย่างแท้จริง โดยขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาความเป็นไปได้ในหลายๆแง่มุม ทั้งนี้เรายังคงยึดมั่นในการพัฒนาโครงการคุณภาพระดับไฮเอนด์เท่านั้น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อทั้งในด้านไลฟ์สไตล์ระดับพรีเมี่ยมและการลงทุนที่ให้ผลตอบแทนคุ้มค่าในระยะยาว” นางสาว ภีชภัตธากล่าว ปัจจุบัน แมกโนเลียกำลังดำเนินการก่อสร้างโครงการระดับไฮเอนด์ทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เป็นโครงการแบบมิกซ์ยูส โดยมีทั้งส่วนที่เป็นโรงแรมวอลดอร์ฟ เอสโทเรีย กรุงเทพฯ เชนโรงแรมระดับ 6 ดาวในเครือฮิลตัน เวิลด์ไวด์ และส่วนที่เป็นห้องชุดพักอาศัยระดับหรู บนถนนราชดำริ ปัจจุบันมียอดขายแล้ว 80% มีราคาขาย 230,000-270,000 บาท/ตร.ม. คาดปลายปีจะมียอดขายแตะ 90% และเตรียมพร้อมส่งมอบห้องชุดแก่ผู้พักอาศัยภายในปลายปีนี้ อีกหนึ่งโครงการคือ แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม ซึ่งขณะนี้ราคาเฉลี่ย 250,000 บาท/ตร.ม. ปัจจุบันปิดการขายแล้ว และเมื่อเร็วๆนี้ยังได้รับรางวัล BCI Asia Top 10 Developers Awards 2016 การันตีโครงการคุณภาพระดับเอเชียแก่ผู้บริโภค โดยเป็นงานระดับภูมิภาคที่รวบรวมสถาปนิกชั้นนำในวงการ ตลอดจนบริษัทผู้พัฒนาและนักออกแบบโครงการแถวหน้า ซึ่งรางวัลดังกล่าวได้พิจารณาจากมูลค่ารวมของโครงการในระหว่างการก่อสร้างตลอดทั้งปี ผ่านการให้ค่าน้ำหนักตามหัวข้อต่างๆในด้านความยั่งยืน และโครงการล่าสุดคือ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ราคาเฉลี่ย 350,000 บาท/ตร.ม. ปัจจุบันขายได้แล้วกว่า 40% โดยสองโครงการหลังอยู่ในพื้นที่ของอภิมหาโครงการศูนย์การค้า ดิ ไอคอนสยาม ริมแม่น้ำเจ้าพระยา สำหรับกลยุทธ์การตลาดเพื่อเพิ่มยอดขายของห้องชุดโครงการในปัจจุบัน แมกโนเลียจะเน้นการจัดกิจกรรมทางการตลาดมากมาย เพื่อจูงใจผู้บริโภคในประเทศและต่างประเทศที่มีศักยภาพทางการเงินสูงให้หันมาลงทุนกับอสังหาฯระดับไฮเอนด์ให้มากขึ้น ร่วมกับการจัดโร้ดโชว์ในต่างประเทศเพื่อชูจุดเด่นของแต่ละโครงการ โดยเน้นที่ตลาดฮ่องกงเป็นหลัก สำหรับโครงการเดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ได้เริ่มทำการตลาดที่ไต้หวันและอังกฤษร่วมด้วย โดยคาดว่าในกลุ่มผู้ซื้อในภาพรวมจะเป็นการซื้อเพื่ออยู่เองราว 70% และอีก 30% ที่เหลือจะเป็นการซื้อเพื่อลงทุน โดยแมกโนเลียมั่นใจว่าจะได้ผลตอบรับที่ดีจากกลยุทธ์การตลาดดังกล่าว