Tag : โครงการใหม่

7 ผลลัพธ์
SC ตั้งเป้าปี 62 เติบโต 40% เตรียมเปิด 12 โครงการใหม่

SC ตั้งเป้าปี 62 เติบโต 40% เตรียมเปิด 12 โครงการใหม่

SC ตั้งเป้าเติบโตทั้งยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิ มุ่งยอดขายเติบโตมากกว่า 40% ในปี 62 และรายได้ 19,000 ลบ.  เตรียมเปิด 12 โครงการใหม่ มูลค่า 22,700 ลบ. เผย “โครงการ SCOPE หลังสวน” เปิดขายปีนี้   นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร  บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) เปิดเผยแผนธุรกิจว่า “ในปี 2562 SC มุ่งเติบโตทั้งยอดขาย รายได้ และกำไรสุทธิ โดยตั้งเป้ายอดขาย 22,000 ล้านบาท เติบโตมากกว่า 40% เทียบกับปีที่ผ่านมา และรายได้ 19,000 ล้านบาท ”   โดยยอดขายทั้งปีของ SC จะมาจากโครงการเพื่อขายทั้งหมดรวม 58 โครงการ มูลค่ารวม 62,700 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการต่อเนื่อง 46 โครงการ มูลค่า 40,000 ล้านบาท และ โครงการใหม่ 12 โครงการ มูลค่า 22,700 ล้านบาท   โครงการใหม่แบ่งเป็น 8 โครงการแนวราบ มูลค่ารวม 6,500 ล้านบาท ประกอบด้วยโครงการบ้านเดี่ยว ระดับราคา 4-50 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ เพฟ, เวนิว, บางกอก บูเลอวาร์ด และ เดอะเจนทริ พร้อมบ้านและทาวน์โฮม 2-5 ล้านบาท มีแบรนด์ วี คอมพาวด์ กับ เวิร์ฟ โดยทุกโครงการอยู่ในทำเลศักยภาพ ได้แก่ พระราม 5 , วิภาวดี , รังสิต , บางนา และ ลาดพร้าว-เสรีไทย เป็นต้น   ส่วนโครงการแนวสูงจะรุกเปิดทำเลใจกลางกรุงเทพฯ รวม 4 โครงการใหม่ มูลค่า 16,200 ล้านบาท โดย SC เปิด 2 โครงการ และ SCOPE จำนวน 2 โครงการ   คอนโดฯ ที่ SC เปิดใหม่ 2 โครงการ มูลค่า 6,000 ล้านบาท ได้แก่ 1. โครงการ The Crest ทำเล Prime ที่สุดของย่านห้าแยกลาดพร้าว ตั้งอยู่ใกล้ศูนย์รวมคมนาคมแห่งอนาคต โดยใกล้กับ Interchange Station กับ BTS ห้าแยกลาดพร้าว และเพียง 75 เมตร จาก MRT พหลโยธิน พื้นที่ขนาดกว่า 1.3 ไร่ มูลค่า 3,500 ล้านบาท อีกทั้งแวดล้อมด้วยแหล่งช้อปปิ้งชั้นนำ เช่น เซ็นทรัลลาดพร้าว ยูเนียนมอลล์ ที่สำคัญ คือ ใกล้สวนจตุจักร และสวนรถไฟ ที่ได้วิวสวนพื้นที่กว่า 700 ไร่  โดยพัฒนาภายใต้บริษัท เอสซี เอ็นเอ็นอาร์ วัน จำกัด (SC NNR1 Co.,Ltd.) บริษัทร่วมทุนระหว่าง SC กับ Nishitetsu Group ยักษ์ใหญ่และผู้นำในภูมิภาคคิวชู 2. โครงการ The Crest ทำเลสุขุมวิท 23 ย่านใจกลางธุรกิจสำคัญซึ่งผสมผสานความสะดวกสบายใจกลางเมือง ทั้งอยู่ใกล้กับ Interchange Station สถานีอโศก และสุขุมวิท บนพื้นที่กว่า 1.5 ไร่ มูลค่า 2,500 ล้านบาท โดยความพิเศษของทำเลนั้น เป็นจุดเชื่อมต่อพื้นที่ lifestyle ใกล้แหล่งท่องเที่ยวและชอปปิ้ง ในย่านทองหล่อ พร้อมพงษ์ และอโศก   สำหรับบริษัท สโคป จำกัด ซึ่งมีนายยงยุทธ ชัยพรหมประสิทธิ์ เป็น CEO บริหารอยู่ ปีนี้จะเปิด คอนโดฯ ใหม่ 2 โครงการ มูลค่า 10,200 ล้านบาท ได้แก่ 1. โครงการ SCOPE หลังสวน บนพื้นที่ประมาณ 2.02 ไร่ มูลค่าโครงการ 7,800 ล้านบาท   2. โครงการ SCOPE ทองหล่อ บนพื้นที่ประมาณ 1.01 ไร่ มูลค่า 2,400 ล้านบาท   โดยสรุปโครงการเพื่อขายทั้งหมด 58 โครงการ แบ่งสัดส่วนแนวราบ : แนวสูง คือ 60:40 ในส่วนแนวราบมี stock พร้อมโอน 3,000 ล้านบาท และ stock จากแนวสูงพร้อมโอน 6 โครงการ 8,400ล้านบาท ได้แก่ โครงการ SALADAENG ONE (ศาลาแดง วัน), BEATNIQ (บีทนิค) สุขุมวิท, CHAMBERS CHER (แชมเบอร์ส เฌอ) รัชดา-รามอินทรา  และ CHAMBERS CHAAN (แชมเบอร์ส ชาน) ลาดพร้าว-วังหิน เป็นต้น พร้อมกับอีก 2 โครงการใหม่สร้างเสร็จพร้อมโอนเพิ่มในปีนี้ คือ   1. โครงการ 28 CHIDLOM (ทเวนติ้เอท ชิดลม)   2. โครงการ CENTRIC RATCHAYOTHIN (เซ็นทริค รัชโยธิน)                
ศุภาลัย เวอเรนด้า รามคำแหง เตรียมเปิด Online Booking จองสะดวก รวดเร็ว ได้ก่อนใคร

ศุภาลัย เวอเรนด้า รามคำแหง เตรียมเปิด Online Booking จองสะดวก รวดเร็ว ได้ก่อนใคร

บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) โดย นายไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ แถลงข่าวเปิดตัว โครงการคอนโดฯ ใหม่ล่าสุด “ศุภาลัย เวอเรนด้า รามคำแหง” ACTIVE CONDOMINIUM แห่งแรก บนถนนรามคำแหง - หัวหมาก ติด MRT สายสีส้ม 0 เมตร สถานีราชมังคลาฯ มูลค่าโครงการ 6,000 ล้านบาท ชูแนวคิด “ไปให้สุด…ทุกการใช้ชีวิต” พร้อมเพิ่มความสะดวกให้ลูกค้าจองคอนโดฯ ผ่านระบบ Online Booking ครั้งแรกที่ https:booking.supalai.com ในวันที่ 18 กันยายนนี้ เที่ยงวัน - เที่ยงคืน วันเดียวเท่านั้น และกำหนดเปิด Pre-Sale อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 28 - 30 กันยายน 2561 ราคาเริ่ม 1.89 ล้านบาท ณ สำนักงานขาย โครงการศุภาลัย เวอเรนด้า รามคำแหง
บ้าน Nirvana BEYOND Rama 2 ความสุขที่เป็นมากกว่าบ้านเดี่ยว : รีวิวทาวน์โฮม

บ้าน Nirvana BEYOND Rama 2 ความสุขที่เป็นมากกว่าบ้านเดี่ยว : รีวิวทาวน์โฮม

เพราะบ้านคือสถานที่แห่งความสุขและจะอยู่คู่กับเราไปอีกหลายสิบปี จึงไม่ใช่เรื่องแปลกหากคนรุ่นใหม่จะเลือกบ้านที่สมบูรณ์พร้อม ทั้งเรื่องของทำเลที่ต้องเดินทางรวดเร็วเชื่อมต่อชีวิตเมืองเป็นเรื่องง่าย ความสวยงามของดีไซน์และฟังก์ชั่นการใช้งานในบ้าน ความเงียบสงบที่ชวนให้ทุกวันเป็นวันพักผ่อน หรือแม้กระทั่งสังคมเพื่อนบ้านที่เราสามารถออกแบบเองได้รวมไปจนถึงสิ่งอำนวยความสะดวกสบายโดยรอบต้องครบครัน ซึ่งการจะหาบ้านที่ตอบโจทย์ความต้องการและตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนเมืองรุ่นใหม่ก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป เพราะวันนี้เรามีบ้านเดี่ยว “Nirvana BEYOND Rama 2 (เนอวานา บียอนด์ พระราม 2)” โครงการระดับลักซ์ชัวรี่ของ บริษัท เนอวานา ไดอิ จำกัด (มหาชน) ที่มีสภาพแวดล้อมสวยงามและสมบูรณ์ที่สุดในโซนพระราม 2 มาแนะนำในวันนี้ สำหรับโครงการ “เนอวานา บียอนด์ พระราม 2” ตั้งอยู่ติดถนนใหญ่พระราม 2 ฝั่งขาออกเมืองที่มุ่งหน้าไปทางสมุทรสาคร ระหว่างทางแยกไปถนนบางขุนเทียน-ชายทะเล หรือทางผ่านจากกรุงเทพไปชะอำ-หัวหิน โดยทำเลฝั่งพระราม 2 ถือว่าเป็นทำเลฝั่งธนทางตอนใต้ที่เหล่าดีเวลลอปเปอร์สนใจลงทุนพัฒนาเป็นอสังหาฯ ประเภทที่อยู่อาศัยทั้งโครงการบ้านเดี่ยว และทาวน์โฮมต่างๆ จุดเด่นคือมีถนนให้สามารถเลือกใช้และเชื่อมต่อไปได้หลายเส้นทาง อาทิ ถนนบางขุนเทียน, วงแหวนรอบนอก, ถนนพุทธบูชา, ถนนประชาอุทิศ, ถนนสุขสวัสดิ์ที่มีรถไฟฟ้าสายสีม่วงวิ่งผ่าน แถมยังอยู่ไม่ไกลจากจุดขึ้นลงทางด่วนเฉลิมมหานครด่านพระราม 2 ที่สามารถใช้วิ่งเข้าเมือง ข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาตรงไปถนนสาทร และถนนพระราม 3 ได้สะดวก ทำให้การเดินทางโดยใช้รถยนต์เป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากๆ ในส่วนของการเดินทางด้วยรถสาธารณะก็จัดว่าสะดวกสบายไม่แพ้กันเลยนะคะ เพราะอย่างที่บอกว่าตัวโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่อย่างถนนพระราม 2 ที่มีหลายเลนส์ ทำให้มีรถโดยสารประจำทาง รถตู้ และรถสองแถววิ่งผ่านไปมาเป็นจำนวนมาก แม้ตัวโครงการจะตั้งอยู่ฝั่งขาออกเมืองแต่บริเวณหน้าโครงการยังมีป้ายรถเมล์ และสะพานลอยให้ข้ามไปฝั่งตรงข้ามเพื่อเข้าเมืองได้สะดวก ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีเส้นทางคมนาคมอย่างเส้นทางรถไฟฟ้าหรือรถใต้ดินนะคะ แต่ในอนาคตจะมีรถไฟฟ้าสายสีม่วง เตาปูน – ราษฎร์บูรณะ วิ่งผ่านบนถนนสุขสวัสดิ์นี้แน่นอนค่ะ โดยสถานีที่อยู่ใกล้โครงการคือสถานีดาวคะนอง เรียกได้ว่าถ้าก่อสร้างเสร็จเมื่อไหร่ การเดินทางก็ยิ่งเป็นเรื่องง่ายและสะดวกมากขึ้นเท่านั้น ในเรื่องของอาหารการกินก็ไม่น้อยหน้าการเดินทางเลยนะคะ เพราะพิกัดใกล้ๆ โครงการยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายไม่ว่าจะเป็น Tesco Lotus (ห่างจากโครงการประมาณ 900 เมตร) หรือ Big C ฝั่งตรงข้ามที่สามารถเดินได้ประมาณ 700 เมตรเท่านั้น แถมยังมี HomePro, Central พระราม 2 ที่ตั้งอยู่บนถนนพระราม 2 และห่างจากที่ตั้งโครงการในรัศมี 2 กิโลเมตร นับว่ามีความอุดมสมบูรณ์มากทีเดียว นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลชั้นนำมากมาย อาทิ โรงพยาบาลพระราม2, โรงพยาบาลบางมด, โรงพยาบาลบางปะกอก 9 International, โรงพยาบาลบางปะกอก 1 และโรงพยาบาลราษฎร์บูรณะ ขยับไปอีกหน่อยก็มีสถานศึกษาชั้นนำอย่างโรงเรียนสวนกุหลาบธนบุรี รวมไปจนถึงสถาบันพระจอมเกล้าธนบุรีอยู่ตรงถนนประชาอุทิศ ก็ล้วนแต่ตอบโจทย์การอยู่อาศัยอย่างแท้จริง   ภาพรวมโครงการ โครงการ “เนอวานา บียอนด์ พระราม 2” เป็นโครงการบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ที่คุณจะมีเพื่อนบ้านร่วมแบ่งปันความสุขเพียง 120 หลังเท่านั้น จึงได้เปรียบเรื่องความเป็นส่วนตัว เงียบสงบ เหมาะกับการพักผ่อนอย่างแท้จริง บนเนื้อที่โครงการประมาณ 42 ไร่ สามารถเข้าถึงได้ทางเดียวจากถนนพระราม 2 ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสมุทรสาคร ปัจจุบันเป็นโครงการที่แล้วเสร็จประมาณหนึ่ง และยังมียูนิตที่กำลังก่อสร้างเป็น Backlog อีกนิดหน่อยค่ะ การจัดสัดส่วนของโครงการบริเวณซุ้มทางเข้าจะมีป้อมยามตั้งอยู่ตรงกลางระหว่างทางเข้า-ออก โดยอุ่นใจไปด้วยระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งกล้องวงจรปิด CCTV และประตู Double Gate Security เป็นแบบ Remote access ระยะไกลแบบ Easy pass ที่จะเลื่อนประตูหน้าโครงการให้รถสามารถเข้าไปได้ ซุ้มทางเข้าโครงการจะเป็นซุ้มสไตล์โมเดิร์น ที่ดูโดดเด่นด้วยหลังคาขนาดใหญ่ปกคลุมทั้งทางเข้า-ออกเลยนะคะ ขวามือเป็นป้ายชื่อ Nirvana และซ้ายมือคือป้ายชื่อโครงการ Beyond นั่นเองค่ะ โดยป้อมรปภ.จะอยู่ทางขวาใกล้กับประตูเล็กๆ ค่ะ ผ่านซุ้มรปภ. และประตูเลื่อนหน้าโครงการเข้ามาจะเป็นถนนหลักของโครงการที่กว้างประมาณ 13 เมตร เมื่อคุณภาพชีวิตที่ดีและเพียบพร้อมไปด้วยความสุขของทุกคนในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ทางโครงการยังจัดสรรพื้นที่ส่วนกลางให้ตอบทุกความต้องการของไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน ลูกบ้านทุกหลังจึงสามารถมาทำกิจกรรมที่หลากหลายในบริเวณ Club House 2 ชั้น ที่ตั้งอยู่บริเวณขวามือติดซุ้มทางเข้าออกโครงการ ประกอบไปด้วยสระว่ายน้ำขนาดมาตรฐาน, ห้องฟิตเนสพร้อมอุปกรณ์สำหรับออกกำลังกายครบครัน รวมไปถึงสวนสาธารณะขนาดกว้างที่มีพื้นที่ให้เดินเล่น วิ่งออกกำลังกาย และกิจกรรมอื่นๆ ของเด็กเล็ก ติดซุ้มโครงการฝั่งขวามือเป็น Clubhouse ภายในรองรับที่จอดรถได้ประมาณ 6 คัน ซึ่งแบ่งห้องออกเป็นห้องฟิตเนส ห้องรับรอง ห้องน้ำ และส่วนที่นั่งพักผ่อนชมสวน ส่วนชั้น 2 จะมีสระว่ายน้ำและ Sunken seat รวมถึงพื้นที่ล้างตัวและห้องน้ำค่ะ ภายในห้องฟิตเนสโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน นอกจากสามารถมองวิวสวนได้อย่างจุใจแล้ว ภายในห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ ด้านหน้าระหว่างห้องรับรองและห้องฟิตเนสทางโครงการได้จัดเฟอร์นิเจอร์ไว้ให้นั่งพักผ่อนด้วยค่ะ วิวสวนบริเวณ Clubhouse ค่ะ จากสวนมองกลับไปที่ Clubhouse ของโครงการค่ะ เมื่อเดินไต่บันไดขึ้นมาชั้น 2 ฝั่งขวามือจะเป็นสระว่ายน้ำที่มีทั้งส่วนกลางแจ้งและในร่ม พร้อมที่นั่งพักผ่อนในร่มข้างสระ ติดกับทางขึ้นลงคลับเฮ้าส์ จะมีชุดที่นั่งแบบ Sunken Seat วิวสวนอยู่ สระว่ายน้ำเป็นสระระบบเกลือแบบน้ำล้นนะคะ แบ่งออกเป็นสะเด็กและผู้ใหญ่ ข้างสระอีกฝั่งด้านซ้ายจะมีห้องน้ำและจุดล้างตัวนะคะ บริเวณข้างสระด้านขวาจะมีที่นั่งในร่มด้วยค่ะ ที่นั่งในร่มข้างสระใช้กันแดดกันฝนได้ มีทั้งโซฟาแบบ Day bed และแบบม้านั่งยาวๆ จากที่นั่งในร่มข้างสระมองไปที่สระ จะเห็นว่ามีทั้งส่วนในร่มและกลางแจ้งแบบนี้เลยนะคะ ข้อดีคือทำให้สามารถใช้สระว่ายน้ำได้ทุกเวลา หากอากาศร้อนก็หลบเข้ามาใช้งานในส่วนร่มได้ จากสวนหย่อมตรงเข้าไปส่วนของบ้านพักอาศัยจะมีประตูเลื่อนบานที่ 2 กั้นกลางอยู่ก่อนจะแบ่งบ้านออกเป็นฝั่งซ้ายและฝั่งขวา ซึ่งน่าจะเป็นโครงการบ้านในแนวราบสร้างใหม่ที่โดดเด่นและน่าสนใจในแถบนี้เลยก็ว่าได้  โดยมีแบบบ้านให้เลือกถึง 8 แบบทั้งบ้าน 2 ชั้นและ 3 ชั้น ตามพื้นที่ใช้สอยดังต่อไปนี้.. จาก Clubhouse เดินตรงมาบนถนนหลัก กว้าง 13 เมตร จะเป็นประตูเลื่อนชั้นที่ 2 ที่กั้นส่วนอาคารที่พักอาศัยไว้อีกชั้นเพื่อความปลอดภัยอีกระดับนะคะ ระบบรักษาความปลอดภัยจะเป็นแบบ Double gate secuity โดยประตูใหญ่จะถูกเลื่อนจากสัญญาณของ Remote access เหมือน Easypass ของทางด่วนเลยค่ะ ซึ่งจะเห็นว่าภายในโครงการไม่มีเสาไฟมาให้เกะกะสายตาเลย เพราะทางโครงการฝังเสาไฟฟ้าลงดินให้เรียบร้อยแล้ว แบบบ้าน Sane บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน จอดรถได้ 2 คัน เนื้อที่บ้านเริ่มต้น 52 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 232 ตารางเมตร แบบบ้าน Reach บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน จอดรถได้ 3 คัน เนื้อที่บ้านเริ่มต้น 73 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 289 ตารางเมตร แบบบ้าน Quest บ้านเดี่ยว 2 ชั้น จำนวน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน จอดรถได้ 3 คัน เนื้อที่บ้านเริ่มต้น 102 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 365 ตารางเมตร แบบบ้าน Keen บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ จอดรถได้ 3 คัน เนื้อที่บ้านเริ่มต้น 50.7 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 311 ตารางเมตร แบบบ้าน Niche บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 4 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน จอดรถได้ 2 คัน เนื้อที่บ้านเริ่มต้น 52.5 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 317 ตารางเมตร แบบบ้าน Live บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน จอดรถได้ 3 คัน เนื้อที่บ้านเริ่มต้น 61.3 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 357 ตารางเมตร แบบบ้าน Most บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 4 ห้องนอน 5 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน จอดรถได้ 3 คัน เนื้อที่บ้านเริ่มต้น 71.2 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 418 ตารางเมตร แบบบ้าน Pride บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน จอดรถได้ 3 คัน มาพร้อมลิฟท์ส่วนตัว และสระว่ายน้ำ เนื้อที่บ้านเริ่มต้น 89.3 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 550 ตารางเมตร เปิดประตูบ้านตัวอย่าง สำหรับบ้านตัวอย่างที่เราจะพาไปชมในวันนี้คือแบบ Pride บ้านเดี่ยว 3 ชั้น ที่นับว่าเป็นบ้านขนาดใหญ่ที่สุดของโครงการ ขนาดที่ดิน 89.3 ตารางวา มีพื้นที่ใช้สอยขนาด 550 ตารางเมตร ประกอบด้วย 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน 3 ที่จอดรถ มาพร้อมลิฟท์ 1 ตัว และสระว่ายน้ำส่วนตัวด้วยค่ะ ถ้าผ่านรั้วบ้านเข้ามาจะเป็นพื้นที่จอดรถและมีพื้นที่สีเขียวรอบบ้านรวมถึงต้นไม้ใหญ่รายล้อมอยู่รอบๆ บริเวณบ้าน ตัวบ้านถูกออกแบบในสไตล์โมเดิร์นลักซ์ชัวรี่ ลักษณะทรงกล่องที่ดูเรียบง่าย โดยเน้นพื้นที่ใช้สอยเป็นหลัก และใช้วัสดุที่แตกต่างกันไม่ว่าจะเป็นผนังฉาบปูนเรียบทาสีขาว กระเบื้องลายไม้และลายหินอ่อนเพื่อเพิ่มความหรูหราและเติมมิติให้แก่ตัวบ้านดูมีรายละเอียดมากยิ่งขึ้น ซึ่งจุดเด่นของแบบบ้าน Pride จะมีบันไดหน้าเฉลียงติดประตูทางเข้าบ้านชั้น 1 เพื่อใช้ขึ้นไปชั้นสระว่ายน้ำที่ชั้น 2 ได้ ข้อดีของการออกแบบบันไดไว้หน้าบ้านแบบนี้ ก็ช่วยเพิ่มความเป็นส่วนตัวได้ดีในระดับหนึ่งเลยนะคะ เพราะเวลามีแขกมาเยี่ยมเยียน สมาชิกก็สามารถเลี่ยงโดยใช้บันไดนี้เข้าสู่ตัวบ้านชั้น 2 ได้ แปลนแบบบ้าน Pride บ้านเดี่ยว 3 ชั้น จำนวน 5 ห้องนอน 6 ห้องน้ำ 1 ห้องแม่บ้าน จอดรถได้ 3 คัน มาพร้อมลิฟท์ส่วนตัว และสระว่ายน้ำ เนื้อที่บ้านเริ่มต้น 89.3 ตารางวา พื้นที่ใช้สอยเริ่มต้น 550 ตารางเมตร บริเวณชั้น 1 นะคะ ตัวบ้านถูกออกแบบอย่างเรียบง่าย ในสไตล์โมเดิร์นลักชัวรี่ โดยใช้รูปทรงเลขาคณิตอย่างสี่เหลี่ยมเป็นองค์ประกอบ จุดเด่นคือมีบันไดที่สามารถขึ้นไปที่ระเบียงชั้น 2 ได้ โดยมีสระว่ายน้ำกรุด้วยหินอ่อนรอบสระ ตัวอาคารตกแต่งตกแต่งด้วยสีขาวตัดด้วยสีวัสดุทั้งจากลายไม้ และหินอ่อน ทำให้ตัวบ้านดูหรูหราและสง่างาม บริเวณหน้าบ้านจะมีทางเข้าด้วยกันสองทางคือจากประตูบานไม้ และทางบันไดหินอ่อนจากหน้าบ้านขึ้นไปที่ข้างสระว่ายน้ำชั้น 2 พื้นส่วนลานจอดรถแยกโครงสร้างกับตัวบ้านนะคะ จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีรอยร้าวหรือรอยแยกออกมาจากตัวบ้านในระยะยาว ซึ่งสามารถจอดรถได้ 3 คัน สวนข้างลานจอดรถฝั่งขวามือของบ้านตัวอย่าง ทางโครงการได้ทำการปูหญ้า จัดสวน และวางแผ่นหินและรั้วพุ่มไม้เป็นทางเดินไปสวนข้างบ้านมาให้ดูเป็นไอเดีย เปิดประตูบ้านเข้ามาจะเป็นโถงทางเข้าตรงยาวเข้าไปเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ Built in ตู้เก็บของพร้อมที่นั่งใส่รองเท้ามาให้ดูเป็นตัวอย่าง มุมมองกลับมาจะเห็นว่ามือจับประตูบ้านนั้นเป็นแบบ Digital Door Lock ช่วยเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกคนในบ้านได้ดีทีเดียวค่ะ สำหรับพื้นส่วนนี้จะถูกลดระดับลงมาจากพื้นบ้านชั้น 1 เพื่อช่วยกันฝุ่นเข้าสู่ตัวบ้านนะคะ จากทางเดินเข้ามาจะเป็นส่วนของโถงกลางที่มีเพดานสูงถึง 3 เมตรเลยนะคะ ทำให้ดูโปร่งโล่งสบาย ซึ่งทางโครงการตกแต่งส่วนนี้เป็นตัวอย่าง โดยจัดให้เป็นครัวแบบฝรั่ง ที่มีเคาน์เตอร์สำหรับนั่งรับประทานอาหารและไอส์แลนด์เตรียมอาคารไว้ตรงกลาง ก่อนจะต่อเนื่องไปยังโต๊ะรับประทานอาหาร และส่วนของ Pantry ไอส์แลนด์จะมาพร้อมที่เก็บของด้านล่างด้วยนะคะ พื้นที่ตรงกลางมีขนาดกว้างพอสำหรับวางชุดโต๊ะรับประทานอาหารแบบโต๊ะกลมสำหรับ 8 ที่นั่ง ซึ่งสามารถเดินได้โดยรอบสบายๆ Pantry ถูกจัดฟังก์ชั่นแบบตัวแอล (L) ยาวขนานไปกับผนังฝั่งหนึ่ง ซึ่งเหมาะสำหรับวางเครื่องใช้ไฟฟ้า ทำกาแฟ เครื่องปิ้งขนมปัง เตรียมอาหาร หรือวางอุปกรณ์ต่างๆ ได้ สำหรับชุดครัวอีกฝั่งจะมีเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล่างจาน ซึ่งสามารถประกอบอาหารได้สบายๆ ภายในครัวปิดก่อเคาน์เตอร์วางท็อปหินแกรนิตสีดำ พร้อมหน้าบานปิดช่องเก็บของมาให้เรียบร้อยแล้วค่ะ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามจะโล่งๆ เหมาะแก่การวางตู้เย็น ส่วนพื้นที่ในสุดจะมีประตูเปิดออกไปลานซักล้างข้างบ้านได้ ที่ลิ้นชักมีช่องแบ่งช้อนส้อมและเก็บจานชามติดมาให้เรียบร้อย ก็อกน้ำจะเป็นโครเมียมที่นอกจากหมุนซ้ายขวาได้แล้ว ยังสามารถยกตัวก็อกน้ำออกมาได้เหมือนฝักบัวได้อีกด้วย ติดกับโต๊ะรับประทานอาหารจะมีประตูบานเลื่อนกรอบอลูมิเนียม ลูกฟักกระจกเขียวตัดแสงที่สามารถเปิดออกไปสวนข้างบ้าน และเปิดเพื่อรับลมเข้าสู่ตัวบ้าน ข้อดีของการมีประตูและหน้าต่างกระจกใสคือช่วยทำให้บ้านไม่ดูทึบตัน ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน สำหรับพื้นที่ด้านนอกทางโครงการจัดตัวอย่างไว้ให้เป็นมุมรับประทานอาหารแบบ 10 ที่นั่ง พร้อมตกแต่งผนังส่วนที่ว่างเป็นสวนแนวตั้งเพื่อเพิ่มความสดชื่นให้แก่บ้าน มองขึ้นไปด้านบนก็จะเป็นทางเดินที่เชื่อมระหว่างห้องรับแขกชั้น 2 และห้องนอน Master bedroom เพื่อความเป็นส่วนตัวของห้องนอนใหญ่ ใต้สะพานจะเห็นว่ามีลำโพง Bose แบบ Bluetooth จาก Sonos ติดไว้สำหรับจัดปาร์ตี้หรือเปิดเพลงฟังเวลานั่งพักผ่อนนอกบ้านได้ ติดกับมุมรับประทานอาหาร ทางโครงการทำ Pavillion เป็นโซฟากว้างรูปตัว U พร้อมหลังคากันแดดกันฝนมาให้ดูเป็นไอเดีย กลับเข้ามาด้านใน ฝั่งตรงข้ามครัวและส่วนห้องรับประทานอาหารจะเป็นบันไดทางขึ้นไปชั้น 2 และลิฟท์โดยสารในบ้าน ซึ่งจะมีเฉพาะบ้านแบบ Pride ซึ่งเป็นแบบบ้านที่ใหญ่ที่สุดในโครงการหลังนี้เท่านั้น พื้นที่ติดกับลิฟท์จะเป็นโถงทางเดินซึ่งมีห้องครัวแบบปิด, ห้องน้ำชั้นล่าง และห้องนอนชั้นล่าง สำหรับครัวจะมีประตูบานเลื่อนเปิดปิดปิดด้วยนะคะ ซึ่งเหมาะกับการประกอบอาหารไทยที่มีกลิ่นแรง เปิดประตูด้านหลังออกมาจะเป็นส่วนลานหลังบ้าน ทางโครงการออกแบบพื้นเฉลียงปูกระเบื้องและลานคอนกรีตแยกโครงสร้างกับตัวบ้าน ติดไฟสำหรับตอนกลางคืนและเตรียมเต้าเสียบปลั๊กไฟมาให้เรียบร้อย กลับเข้ามาด้านใน ถัดจากครัวจะเป็นห้องน้ำชั้นล่างนะคะ ห้องน้ำชั้นล่างเป็นห้องน้ำแบบไม่มีส่วนอาบน้ำนั่นเองค่ะ สเป็ควัสดุห้องน้ำได้ตามนี้ค่ะ คือพื้นและผนังเป็นหินอ่อนสีครีมเทา ติดกับห้องน้ำชั้นล่าง พื้นที่ในสุดจะเป็นห้องอเนกประสงค์ของบ้านนะคะ ซึ่งเหมาะที่จะใช้เป็นห้องนอนสำหรับผู้สูงอายุ เนื่องจากไม่ต้องให้ผู้สูงอายุต้องขึ้นลงบันได แต่บางบ้านที่ไม่มีผู้สูงอายุก็อาจประยุกต์ใช้เป็นห้องนอนแขก ห้องทำงาน หรือห้องเลี้ยงเด็กก็ได้นะคะ ภายในห้องมีขนาดกว้างใหญ่เลยนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงขนาด 6 ฟุตไว้เป็นตัวอย่าง จากรูปจะเห็นว่ามีพื้นที่เหลือสำหรับวางโซฟาตัวยาว และโต๊ะกลางได้อีกด้วย มุมนั่งเล่นข้างเตียงสามารถจัดวางชุดเก้าอี้และโซฟาตัวยาวได้สบายๆ ติดกันนั้นเป็นเป็นประตูบานเลื่อนออกไปยังสวนข้างนอกได้ การมีประตูกระจกทำให้มีแสงจากธรรมชาติเข้ามาภายในห้องได้ดี พื้นที่ตรงข้ามกับมุมนั่งเล่นจะมีเคาน์เตอร์เล็กๆ ที่สามารถวางเครื่องทำกาแฟ รวมถึงใส่ตู้เย็นขนาดเล็กที่ใส่ใต้ล่างได้ด้วย มุมมองจากมุมนั่งเล่นกลับไปด้านในตัวห้อง พื้นที่ใต้แอร์ก็จะมีโซฟาตัวยาวแบบไม่มีพนัก เหมาะสำหรับรองรับพยาบาลประจำตัวหรือผู้ดูแลผู้สูงอายุ ติดกันนั้นมีพื้นที่ที่สามารถจัดเป็นมุมแต่งตัวได้สบายๆ ส่วนทางขวามือ ตรงกลางเป็นโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ติดทางเข้าห้องน้ำในตัว นอกจากจัดสรรพื้นที่ให้เป็นที่นั่งพักผ่อนแล้วยังสามารถจัดพื้นที่ด้านข้างให้เป็นโต๊ะทำงานที่เชื่อมต่อกับชั้นวางทีวีได้อีกด้วย ตู้เสื้อผ้าภายในบ้านตัวอย่างจัดมาแบบ Built in ที่เป็นบานดึงออกนะคะ ซึ่งพื้นที่ตรงกลางจัดให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้ง ด้านหลังกระจกเป็นหน้าต่างกระจกใสทำให้มีแสงธรรมชาติเข้ามา ช่วยให้ห้องสว่างและแต่งหน้าได้ง่ายขึ้น ห้องน้ำมีขนาดใหญ่ทีเดียวค่ะ ซึ่งมีส่วนอาบน้ำพร้อมแยกส่วนเปียกส่วนแห้งมาให้ สุขภัณฑ์เป็นของ Kohler ผนังห้องน้ำปูกระเบื้องลายหินอ่อนโทนสีครีม พื้นห้องลดระดับลงต่ำกว่าส่วนห้องนอนประมาณ 5 เซนติเมตร ส่วนพื้นห้องน้ำปูเป็นกระเบื้องโมเสกยาวชิ้นเล็กๆ ไล่สีโทนสีครีม เทา ทอง บ่งบอกถึงความหรูหรา พื้นที่ส่วนเปียกจะกั้นฉากกั้นอาบนำ้กระจกเทมเปอร์มาให้แล้วนะคะ โดยพื้นส่วนเปียกจะลดระดับลงไปประมาณ 5 เซนติเมตร ภายในห้องอาบน้ำมีการก่อปูนขึ้นมาเป็นที่นั่งให้ผู้ใหญ่นั่งอาบน้ำได้สบายๆ มีช่องแสงด้านบนเป็นหน้าต่างบานเลื่อน ส่วนสำคัญอีกส่วนที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือพื้นที่ชั้นสอง ที่ทางโครงการตั้งใจออกแบบไว้ให้พื้นที่ตรงนี้ มีทางขึ้นมา 3 ทาง คือขึ้นบันไดหน้าบ้านมา, ขึ้นบันไดในบ้าน และใช้ลิฟท์ โดยชั้น 2 ส่วนหน้าบ้านเลยจะเป็นสระว่ายน้ำและระเบียงสำหรับนั่งพักผ่อน ถัดเข้าบ้านมาเป็นส่วนห้องรับแขกขนาดใหญ่ ด้านหลังจะมีบันไดขึ้นไปชั้น 3 และมีทางเดินเชื่อมผ่าน Court ตรงกลางบ้านไปยังห้อง Master bedroom ที่อยู่ด้านหลังบ้าน ภายในจะมีพื้นที่วางเตียงนอน ชุดโซฟา มุมห้องทำงาน พื้นที่ Walk-in Closet และห้องน้ำในตัวแบบ Full Bath ที่ให้อ่างอาบน้ำมาให้ด้วยค่ะ แปลนแบบบ้าน Pride บริเวณชั้น 2 นะคะ จุดเด่นคือมีทางขึ้นได้ 3 ทาง คือขึ้นบันไดหน้าบ้าน บันไดในบ้าน และลิฟท์ โดยชั้น 2 ส่วนหน้าบ้านจะเป็นสระว่ายน้ำและระเบียงสำหรับนั่งพักผ่อน ถัดเข้าบ้านมาเป็นส่วนห้องรับแขกขนาดใหญ่ ด้านหลังจะมีบันไดขึ้นไปชั้น 3 และมีทางเดินเชื่อมผ่าน Court ตรงกลางบ้านไปยังห้อง Master bedroom ด้านหลัง เมื่อเดินไต่บันไดขึ้นมาจะเจอส่วนหน้าลิฟท์ชั้น 2 ที่มี Built in ชั้นวางของสูงจรดเพดานมาให้ ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยได้ดีทีเดียวค่ะ พื้นที่บริเวณโถงกลางของชั้น 2 จะเป็นห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ ซึ่งทางโครงการตกแต่งบ้านตัวอย่างให้เป็นไอเดียโดยวางโซฟารูปตัว L ขนาด 6 ที่นั่ง พร้อมเก้าอี้อาร์มแชร์ และโต๊ะกลางมาให้เห็นระยะที่สามารถใช้งานได้จริงและสะดวกสบาย ระยะห่างจากโซฟาถึงคอนโซลทีวีมีระยะประมาณ 2 เมตรกว่าๆ ซึ่งลูกบ้านสามารถวางทีวีจอใหญ่ขนาด 50 นิ้วขึ้นไปได้เลยค่ะ ติดกับบริเวณคอนโซลทีวีจะมีประตูออกไปสระว่ายน้ำชั้น 2 ซึ่งเป็นแบบก้านโยกนะคะ โดยทุกจุดของประตูและหน้าต่างในบ้านจะมีแผ่นแม่เหล็กที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบกันขโมยแบบ Magnetic Shock Sensor ติดมาให้ เพื่อเพิ่มระบบการรักษาความปลอดภัยอีกระดับ เปิดประตูออกมาจะเป็นระเบียงที่เชื่อมอยู่ระหว่างบันได้ทางขึ้นจากเฉลียงหน้าบ้านชั้นล่าง และสระว่ายน้ำด้านซ้ายค่ะ ทางเดินเมื่อไต่บันไดขึ้นไปบริเวณข้างสระจะปูด้วยไม้เทียม ซึ่งมีความทนทานเวลาโดนน้ำ และมีมุมให้วางชุดที่นั่งข้างสระได้ ด้านบนมีชายคาระเบียงยื่นออกมาบังแดดบังฝนให้กับทางเดินและที่นั่งพักผ่อนข้างสระ สระว่ายน้ำเป็นสระกลางแจ้งขนาดประมาณ 3 x 4 เมตร พื้นสระปูกระเบื้องโมเสกสีน้ำเงินฟ้า ขอบสระกรุหินอ่อนสีดำที่ดูหรูหรา กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ด้านหลังมุมนั่งเล่นจะเป็นบันไดขึ้นไปชั้น 3 ส่วนทางเดินทอดยาวตรงไปนั้นจะเป็นทางเดินเชื่อมไปห้องนอนใหญ่ เปิดประตูเข้ามาในห้องนอนใหญ่จะเจอมุมนั่งเล่นก่อนนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงขนาด 6 ฟุตไว้เป็นตัวอย่าง จากภาพจะเห็นว่าเหลือพื้นที่ทางเดินได้โดยรอบสบายๆ เลยค่ะ ทางโครงการจัดมุมนั่งเล่นตัวอย่างไว้ที่พื้นที่ปลายเตียง โดยวางโซฟาแบบ 3 ที่นั่งมาให้พร้อม Built in ชั้นหนังสือด้านข้าง และคอนโซลวางทีวีสำหรับคนที่ชอบนอนดูหนัง หรืออ่านหนังสือก่อนนอน นอกจากจะมีมุมนั่งเล่นในตัวแล้ว พื้นที่ลึกเข้าไปยังมุมทำงาน ห้องน้ำขนาดใหญ่และ Walk-in closet ขนาดใหญ่ในตัวด้วย พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในติดกับห้องน้ำ จะเป็นพื้นที่เอนกประสงค์ที่สามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นมุมทำงานเหมือนห้องตัวอย่างได้เลยนะคะ กลับออกมาจะเจอกับส่วนของ Walk-in Closet ค่ะ ในส่วนของ Walk-in closet ก็เรียกว่าตกแต่งเป็นไอเดียตัวอย่างให้ลูกบ้านได้ดีเลยนะคะ เพราะสามารถตอบโจทย์ได้โดนใจทั้งผู้หญิงและผู้ชาย ที่ต้องการตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ พร้อมชั้นวางของตรงกลาง นอกจากจะออกแบบชั้นวางของ ที่แขวนเสื้อผ้ามาแบบเต็มที่แล้ว ยังจัดสรรพื้นที่ตรงกลางให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้งอีกด้วย ติดกับ Walk-in closet จะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำจะมีอ่างอาบน้ำทรงกลมสีขาวสะอาดตา ผนังข้างอ่างกรุด้วยหินอ่อนสีน้ำตาลทองที่ดูหรูหรา แถมยังทำเป็นชั้นวางของที่สามารถวางอุปกรณ์อาบน้ำหรือของตกแต่งได้อีกด้วย ติดกับห้องอาบน้ำจะเป็นห้องโถสุขภัณฑ์ โดยใช้แบรนด์ Kohler นะคะ ซึ่งมาพร้อมสายฉีดชำระและที่แกนใส่ทิชชู พื้นที่ส่วนเปียก ภายในห้องอาบน้ำ จะกั้นกระจกเทมเปอร์มาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ ภายในมีที่นั่งอาบน้ำกรุหินอ่อนมาให้ใช้วางของและนั่งขัดผิวเวลาอาบน้ำได้ โดยจะมีฝักบัวแบบ Rain Shower ติดตั้งมาให้ในตัวแล้วค่ะ อ่างล้างหน้าเป็นแบบ 2 หลุม (His & Her) เคาน์เตอร์ปูท็อปด้วยหินอ่อนสีครีมเทาเข้ากับพื้นและผนังห้องน้ำ พร้อมกระจกเงาบานใหญ่ขนาดไปกับความยาวของอ่าง แปลนแบบบ้าน Pride บริเวณชั้น 3 นะคะ ซึ่งเป็นพื้นที่ของห้องนอนทั้งหมด เมื่อเดินไต่บันไดขึ้นมาชั้น 3 จากทางบันไดก็จะเจอลิฟท์และโถงทางเดินก่อนแยกไปยังโถงกลางที่อยู่ติดระเบียง และห้องนอนทั้ง 3 ห้อง มาดูกันที่ห้องนอนฝั่งหน้าบ้านกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องนอนมีขนาดกว้างขวางอย่างที่เห็นเลยนะคะ ซึ่งสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุต ได้สบายๆ ทางโครงการ Built in เฟอร์นิเจอร์ภายในห้องมาให้ดูเป็นตัวอย่างนะคะ จากภาพจะเห็นได้ว่าจัดสรรทุกอย่างได้ลงตัวมากๆ พื้นที่ข้างเตียงฝั่งหนึ่งทำ Built in ชั้นวางของติดผนังและโซฟาไว้สำหรับพักผ่อน แถมใต้โซฟามีช่องลิ้นชักเป็นที่เก็บของด้วยนะคะ พื้นที่ในสุดถูก Built in ให้เป็นมุมทำงาน, ตู้เสื้อผ้า, โต๊ะเครื่องแป้ง ซึ้งกั้นกลางพื้นที่ด้วยคอนโซลทีวี ถัดเข้ามาด้านในจะเป็นห้องน้ำ ภายในห้องแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งไว้อย่างลงตัว พื้นที่ส่วนเปียกจะมีฉากกั้นเป็นกระจกเทมเปอร์ พร้อมมือจับอลูมิเนียมที่สามารถใช้แขวนผ้าเช็ดตัวได้ ซึ่งพื้นส่วนเปียกนั้นลดระดับลงไปประมาณ 3 เซนติเมตรค่ะ สุขภัณฑ์ที่ใช้จะเป็นของแบรนด์ Kohler หรือเทียบเท่านะคะ กลับออกมาดูที่ห้องนอนอีกห้องหนึ่งที่อยู่ติดกัน ภายในห้องนอนนี้เปิดประตูเข้าไปจะเจอตู้เสื้อผ้าก่อนนะคะ ภายในห้องมีขนาดกว้างขวาง สามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุต ได้เหมือนห้องนอนอื่นเลยนะคะ ทางโครงการ Built in เฟอร์นิเจอร์มาให้ดูเป็นตัวอย่าง หลากหลายมุมเลยนะคะ อีกฝั่งของผนังตรงข้ามเตียงทำ Built in ตู้เสื้อผ้าแบบบานเลื่อนและโต๊ะทำงานพร้อมชั้นวางของมาให้เรียบร้อย ติดกับมุมทำงานหรือแต่งตัวจะเป็นห้องน้ำนะคะ ภายในห้องแบ่งแยกส่วนเปียกและแห้งเหมือนดั่งห้องอื่นๆ ในชั้น 3 ส่วนอาบน้ำพร้อมฉากกั้นมาให้ พื้นลดระดับลงไปประมาณ 5 เซนติเมตร สุขภัณฑ์เป็นของ Kohler พื้นห้องน้ำปูกระเบื้องลายไม้ให้ความรู้สึกนุ่มนวลน่าใช้งาน กลับเข้ามาที่โถงกลาง ซึ่งเป็นพื้นที่เอนกประสงค์อยู่ติดระเบียง ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่นตรงนี้ให้เป็นห้องพระ หรือเป็นพื้นที่นั่งเล่นเช่นเดียวกับในภาพก็ได้นะคะ ติดกับพื้นที่เอนกประสงค์จะเป็นห้องนอนอีกห้องหนึ่งนะคะ ห้องนอนนี้จะมีขนาดใหญ่กว่า 2 ห้องก่อนหน้านะคะ ภายในห้องสามารถจัดฟังก์ชั่นให้เป็นทั้งส่วนนั่งเล่น ทำงาน และพักผ่อน สำหรับเตียงนอนก็สามารถวางเตียง 6 ฟุตได้และเหลือระยะเดินโดยรอบได้สบายเช่นเดียวกับห้องอื่นๆ ค่ะ แถมยังเหลือพื้นที่ข้างเตียงให้ Built in โซฟา และชั้นวางของแบบแขวนผนังได้ด้วย บริเวณปลายเตียงจะเป็นระเบียงมีประตูบานเลื่อนกระจกกั้นให้ออกไปสัมผัสอากาศบริสุทธิ์ด้านนอกยามเช้านะคะ พื้นที่ลึกเข้าไปด้านในสุดจะเป็นตู้เสื้อผ้า โต๊ะเครื่องแป้ง ที่อยู่ติดกับห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งแยกพื้นที่เปียกและแห้งไว้อย่างชัดเจน บริเวณโซนเปียก ทางโครงการจะติดฉากกั้นอาบน้ำด้วยประตูกระจกมาให้เรียบร้อยแล้วนะคะ สุขภัณฑ์ที่ลูกบ้านจะได้รับก็ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเคาน์เตอร์ล้างหน้าสุขภัณฑ์ที่ลูกบ้านจะได้รับก็ตามห้องตัวอย่างเลยนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเคาน์เตอร์ล้างหน้าไว้ตรงกลางห้อง ก่อนจะจัดโถสุขภัณฑ์ไว้ชิดผนังฝั่งขวา   โดยรวมแล้วถือว่าการออกแบบและจัดพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านมีความลงตัวทุกตารางเมตรเลยนะคะ เพราะมีระยะเหมาะสมกับการใช้งานทั้งห้องรับแขก ห้องทานอาหาร ห้องน้ำและห้องครัวแบบปิด ซึ่งการแทรก Courtyard ข้างบ้าน ก็เปรียบเสมือนสวนสวยส่วนตัวที่เสริมให้พื้นที่ธรรมชาติเข้ามาในบ้านได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ทางโครงการยังใส่ใจรายละเอียดทั้งในแง่การใช้งานและลักษณะวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน อาทิ การเตรียมห้องนอนชั้นล่างสำหรับผู้สูงอายุ, ระยะใช้สอยกับพื้นที่ก็เอื้อต่อการใช้รถเข็น และแบบบ้านที่ยังมีลิฟต์ในตัว เป็นต้น สำหรับบ้านที่ทางโครงการเปิดขายนั้นจะเป็นบ้านมาตรฐาน (บ้านเปล่า) ผนังบ้านฉาบปูนเรียบทาสีขาว, ฝ้าเพดานยิปซั่มฉาบเรียบทาสีขาว มาพร้อมไฟดาวน์ไลท์ทั้งหลัง มีเพดานสูง 3 เมตร ข้อดีคือทำให้บ้านโปร่งโล่งสบายและมีพื้นที่เก็บของแนวตั้งได้เยอะ อีกทั้งยังสามารถตกแต่งเพดานได้หลากหลายรูปแบบ โดยใช้วัสดุอุปกรณ์คุณภาพทั้งหมด พร้อมมีระบบสัญญาณกันขโมย Magnetic & Motion Sensor ทุกหลังอีกด้วย และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งโครงการคุณภาพจาก บริษัท เนอวานา ดีเวลลอปเม้นท์ จํากัด ที่สะท้อนให้เห็นแล้วว่าโครงการบ้านที่ดีนั้นต้องออกแบบบ้านให้ทันสมัย จัดฟังก์ชั่นการใช้งานให้คุ้มค่าทั้งพื้นที่ใช้สอยภายในบ้านและ Facility ที่รองรับความสุขของสมาชิกครอบครัวทุก Gen ที่สำคัญพื้นที่บริเวณรอบต้องมีความอุดมสมบูรณ์ ไปไหนมาไหนสะดวก ใกล้ทางด่วน ห่างจากตัวเมืองไม่มากนัก จนคุณสามารถมั่นใจได้ว่า “เนอวานา บียอนด์ พระราม 2” เป็นโครงการบ้านเดี่ยวที่เป็นมากกว่าบ้าน โดยเปลี่ยนมุมมองการใช้ชีวิตที่เพียบพร้อมอย่างแตกต่างและลงตัว อีกทั้งทุกฟังก์ชั่นการใช้งานตอบสนองทุกไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่อย่างมีเอกลักษณ์ ในราคาเริ่มต้น 19-40 ล้าน บอกได้คำเดียวว่า “คุ้มค่า” จริงๆ ค่ะ สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดเพิ่มเติม หรือนัดหมายเพื่อชมโครงการได้ที่ www.nirvana-group.com/th/project/beyond-rama-2
Magnolias Ratchadamri Boulevard นิยามใหม่ของความหรูหรา..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

Magnolias Ratchadamri Boulevard นิยามใหม่ของความหรูหรา..ใจกลางเมือง : รีวิวคอนโด

หากพูดถึงคอนโดมิเนียมระดับไฮเอนด์ เชื่อว่าภาพที่เกิดขึ้นในใจใครหลายคน คงเป็นภาพรูปแบบคอนโดที่ไม่ต่างกันมากนัก แต่แท้จริงแล้วอาคารที่มีลักษณะคล้ายกันทั้งหมดนั้น สามารถตอบโจทย์การอยู่อาศัยที่ดีแล้วหรือไม่? วันนี้เราเลยจะพาทุกคนไปหาคำตอบกันในรีวิวฉบับนี้ กับโครงการมิกซ์ยูส ระดับลักชัวรี่ “Magnolias Ratchadamri Boulevard (แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด)” ผลงานชิ้นโบว์แดงจาก บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) ที่สร้างปรากฏการณ์ตื่นตาตื่นใจให้แก่วงการอสังหาริมทรัพย์ของไทยไม่ใช่น้อย ทั้งในแง่ของงานดีไซน์ที่ฉีกรูปแบบคอนโดเดิมๆ ด้วยการออกแบบสไตล์โมเดิร์น โดยได้แรงบันดาลใจในรูปทรงอาคารจากกลีบดอกแมกโนเลีย ทำให้มีความโดดเด่นอ่อนช้อยสวยงาม จนกลายเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางเมืองย่านราชดำริ นอกจากนี้ยังนำเสนอความเป็นที่อยู่อาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ประกอบด้วยคอนโดมิเนียมหรู, สำนักงาน และโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ (Waldorf Astoria Bangkok) แบรนด์โรงแรมระดับ 6 ดาว ในเครือฮิลตัน ที่มีสาขาอยู่ในเมืองสำคัญทั่วโลก ซึ่งมาเปิดใน South East Asia เป็นแห่งแรกในโครงการนี้ ภายใต้โจทย์ที่พักอาศัยเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน ซึ่งก็สอดคล้องกับปรัชญาของแมกโนเลียที่ว่า “คิดและสร้างสรรค์เพื่อความยั่งยืนของมนุษย์” ได้เป็นอย่างดี     ทำเลศักยภาพใจกลางเมือง   โครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ ตัวโครงการอยู่ติดถนนราชดำริ ฝั่งมุ่งหน้าไปทางสีลม อยู่ใกล้ๆ กับโรงแรมเอราวัณและเพนินซูล่า ซึ่งเป็นทำเลที่ดีที่สุดผืนสุดท้ายของราชดำริ ห่างจากแยกราชประสงค์มาประมาณ 200 เมตร จุดเด่นของโครงการคืออยู่ใจกลางเมือง ใกล้ CBD, แหล่งงาน, สถานศึกษา และห้างสรรพสินค้าชั้นนำมากมาย อีกทั้งยังสามารถเชื่อมต่อออกไปยังที่ต่างๆ ได้สะดวก ซึ่งตอบโจทย์ลูกบ้านทั้งคนมีรถและไม่มี สำหรับการเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัวจะมีจุดขึ้น-ลงทางด่วนใกล้ที่สุดอยู่ที่ถนนพระราม 4 โดยจากถนนราชดำริหน้าโครงการตรงเข้าสู่สี่แยกศาลาแดง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนพระราม 4 อีกประมาณ 2 กิโลเมตร จะพบกับจุดขึ้น-ลงทางพิเศษเฉลิมมหานคร ไม่ว่าจะออกไปโซนกรุงเทพฯ ตะวันออก, ฝั่งธนบุรี หรือกรุงเทพฯ โซนเหนือก็สะดวกทั้งหมด ซึ่งสามารถเชื่อมต่อไปยังทางยกระดับอุตราภิมุข (โทลเวย์) และจุดขึ้น-ลงทางด่วนอีกเส้นทางหนึ่ง คือวิ่งตรงผ่านหน้าห้างสรรพสินค้า Central World จนถึงสี่แยกราชปรารภ แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนจตุรทิศ เพื่อขึ้นทางพิเศษศรีรัชมุ่งตรงไปเชื่อมต่อกับมอเตอร์เวย์ก็จะไปสนามบินสุวรรณภูมิได้อย่างง่ายดาย     สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ ต้องบอกว่าสะดวกมากที่สุดแล้วค่ะ เพราะอย่างที่บอกว่าตัวโครงการตั้งอยู่ศูนย์กลางธุรกิจและการค้าในย่านราชประสงค์ ใกล้สถานที่สำคัญของกรุงเทพฯ อย่าง ศาลท่านท้าวมหาพรหม รวมทั้งแหล่งช็อปปิ้งสำคัญของกรุงเทพฯ ที่สำคัญคืออยู่ใกล้กับรถไฟฟ้า BTS ถึง 2 สาย ทั้งสายสีเขียว (สถานีชิดลม) และสายสีเขียวเข้ม (สถานีราชดำริ) แถมบริเวณหน้าโครงการก็มีวินมอเตอร์ไซค์, รถเมล์, รถแท็กซี่ผ่านไปมาให้ใช้บริการตลอดทั้งวัน ซึ่งถ้าใครเป็นสายช็อปปิ้งก็คงถูกใจเพราะพิกัดจากโครงการสามารถเดินไปขึ้น Sky Walk เพื่อไปเซ็นทรัลเวิลด์, เกษรพลาซ่า และเซ็นทรัลชิดลม ในระยะเดินเท้าได้สบายๆ หรือถัดไปอีกหน่อยก็จะเป็นสยามสแควร์ ที่มีรถไฟฟ้า BTS สถานีสยาม จุดเปลี่ยนเส้นทางระหว่างสายสุขุมวิทและสายสีลม และมีห้างสรรพสินค้าชื่อดังมากมาย อาทิ สยามพารากอน, สยามเซ็นเตอร์, สยามแสควร์วัน, สยามดิสคัฟเวอรี่ ไปจนถึงมาบุญครอง ให้เลือกจับจ่ายใช้สอยได้อย่างเพลิดเพลิน     และไม่ใช่ว่าเพียบพร้อมไปด้วยแหล่งช็อปปิ้ง สถานที่แฮงค์เอ้าท์เท่านั้นนะคะ ในส่วนของสถานศึกษา สถานพยาบาล รวมถึงสถานที่ราชการก็มีไม่น้อยเลยค่ะ ลองไล่เรียงคร่าวๆ ก็มี จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา, โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย, โรงเรียนสอนภาษา AUA และสถานทูตประเทศต่างๆ ในประเทศไทย นอกจากนี้ยังมีโรงพยาบาลตำรวจ, โรงพยาบาลบีเอ็นเอช สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ แล้วยังมีสำนักงานตำรวจแห่งชาติ, การไฟฟ้านครหลวง สำนักงานใหญ่ เพลินจิต, ราชกรีฑาสโมสร, วัดปทุมวนารามราชวรวิหาร รวมไปจนถึงสวนสาธารณะขนาดใหญ่อย่างสวนลุมพินี และอีกมากมายจนบรรยายไม่หมดเลยค่ะ   เจาะลึกโครงการ   “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” เป็นโครงการลักชัวรี่ มิกซ์ยูส ตัวอาคารสูง 60 ชั้น บนพื้นที่ 6 ไร่ 2 งาน 70 ตารางวา ประกอบด้วยส่วนคอนโดมีเนียมระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ (Residence), สำนักงาน และโรงแรม ในส่วนของห้องพักหรูมีจำนวนทั้งหมด 316 ยูนิต เริ่มตั้งแต่ชั้น 17 – 54 ด้วยขนาดห้องชุดตั้งแต่ 48 – 360 ตารางเมตร โดยทำเป็นสัญญาเช่า (Leasehold) ระยะเวลา 30 ปี จากที่ดินสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ ซึ่งทาง MQDC ต้องการความเป็น Masterpiece ให้ได้มาตรฐานระดับสูงสุดเทียบเท่าระดับโลก ทั้งในเรื่องของเทคโนโลยีเพื่อการอยู่อาศัย รวมไปจนถึงการคัดสรรแต่วัสดุคุณภาพระดับพรีเมี่ยมมาใช้ในโครงการ ครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการรวมตัวของเหล่าดีไซเนอร์ทั้งชาวไทยและต่างประเทศเข้าไว้ด้วยกัน เพื่อความเป็นที่สุดของโครงการหรูใจกลางเมือง ซึ่งได้ DI Design และ The Beaumont Partners Co., Ltd. บริษัทออกแบบสัญชาติไทยชื่อดังมาทำงานร่วมกัน อีกทั้งยังมีบริษัทสถาปนิกระดับโลกอย่าง atelier ten จากนิวยอร์ก เข้ามาเป็นที่ปรึกษาการออกแบบเพื่อความยั่งยืน โดยออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะด้วยดีไซน์โค้งมนเป็นรูปกลีบดอกแมกโนเลีย ทำให้มีความโดดเด่นอ่อนช้อยสวยงามที่สุดในย่านราชดำริ ซึ่งก็มุ่งเน้นประหยัดพลังงานโดยประยุกต์แนวคิดสถาปัตยกรรมของบ้านไทย ที่เหมาะสมกับสภาพอากาศเมืองร้อนของกรุงเทพฯ โดยเฉพาะทิศทางของแสงแดด มาออกแบบเป็นส่วนชายคา หรือ Sunshade ของตัวอาคารที่ถูกคำนวณอย่างแม่นยำ และดีไซน์ให้กลายเป็นส่วนประดับอย่าง Façade โอบล้อมอาคารร่วมกับการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการหมุนเวียนทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ     ในส่วนงานออกแบบ Landscape ก็ได้บริษัท Shma เข้ามาดูแล ส่วนงาน Interior นั้นทางโครงการให้บริษัท PIA ผู้มีชื่อเสียงด้านการออกแบบและมีประสบการณ์กับโครงการระดับหรูมาเป็นผู้ดูแลค่ะ ทั้งนี้โครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” จะเป็นโครงการที่พักอาศัยแห่งแรกของไทยที่กำลังจะได้รองรับมาตรฐาน LEED จากอเมริกา ซึ่งถือว่าเป็นมาตรฐานด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและพลังงานที่เข้มงวดที่สุดในโลก เพราะทางทีมดีไซเนอร์ได้คำนึงแสง ความร้อน อากาศ และการใช้น้ำในโครงการมาเป็นอย่างดี แถมยังเลือกใช้กระจกแบบ IGU และใช้ Sun Shading เพื่อลดความร้อนให้แก่ห้องอีกด้วยค่ะ นอกจากนี้ยังมีระบบหมุนเวียนน้ำบางส่วนที่คุณภาพดีและสามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ต่อได้ เช่น รดน้ำต้นไม้ ตลอดจนระบบเติมอากาศบริสุทธิ์ เพื่อใส่อากาศที่ปราศจากสารพิษเจือปนเข้าไปในโครงการ ทำให้มั่นใจได้เลยค่ะว่านอกจากความสวยหรู และการเดินทางที่สะดวกสบายแล้ว ผู้อยู่อาศัยจะได้คุณภาพชีวิตที่ดีในระยะยาวแน่นอน     ในส่วนของพื้นที่ส่วนกลางทางโครงการก็จัดเต็มแบบสุดๆ เรียกว่าครบครันมากทีเดียวค่ะ ซึ่งคอนเซ็ปต์ของพื้นที่ส่วนกลางถูกออกแบบโดยหลอมรวมความต้องการใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัว เริ่มจากชั้น 1 เป็นพื้นที่ของเอ็กซ์คลูซีฟล็อบบี้, ห้องจดหมายและตู้ไปรษณีย์ ในส่วนของที่จอดรถก็สามารถจอดได้มากถึง 100% สำหรับ Facility บนอาคารจะอยู่ที่ชั้น 5 และชั้น 10 ประกอบด้วย ห้องสมุดพร้อมวิวสวนโค้งเล่นระดับที่ทางโครงการนำความเขียวขจีของธรรมชาติเข้าไปใส่ไว้ , ศูนย์ฟิตเนสและลู่วิ่งออกกำลังกายริมสวนแนวลาด, ห้องประชุม ห้องพบปะสังสรรค์, สระว่ายน้ำพร้อมสระเด็ก และส่วนจากุชชี่, ห้องอบไอน้ำและซาวน่า, ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมล็อกเกอร์, สำนักงานผู้อำนวยการประจำเรสซิเดนซ์ นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และยังมีกุญแจรีโมทนิรภัย สำหรับเปิดประตูและควบคุมลิฟท์อีกด้วย   เริ่มต้นกันที่บริเวณ Lobby ชั้น Ground Floor ก่อนเลยค่ะ ซึ่งก็จะแบ่งออกเป็นส่วนต้อนรับ, พื้นที่รับรอง และ Mail Box พื้นที่ด้านหนึ่งของโถง Lobby จะเป็นส่วน Mail Box นะคะ มาในส่วนของโถงลิฟท์โดยสารกันบ้างค่ะ ซึ่งมีให้บริการลูกบ้านถึง 4 ตัว ทั้งยังดูหรูหรากว่าคอนโดฯ ทั่วไป ด้วยการประดับตกแต่งด้วยหินอ่อน บรรยากาศภายในห้องสมุดค่ะ ภายในห้องดูสูงโปร่ง โอบล้อมด้วยกระจกใส วิวบริเวณข้างห้องสมุดเป็นสวนนะคะ ข้อดีของการมีสวนอยู่ใกล้ๆ ทำให้เวลาอ่านหนังสือสามารถพักสายตามองต้นไม้สีเขียวขจีได้ จากบริเวณห้องสมุดมองออกไปจะเห็นพื้นที่สวนเล่นระดับด้วยนะคะ พื้นที่สวนขั้นบันไดที่ลูกบ้านสามารถมานั่งเล่นชิลล์ๆ ได้อย่างสบายใจ บันไดวนขึ้นไปยังส่วนของสระว่ายน้ำและฟิตเนสนะคะ เมื่อเดินไต่บันไดขึ้นมาจะพบกับลานกว้างๆ สระว่ายน้ำระบบเกลือขนาดใหญ่ภายใต้บรรยากาศร่มรื่นของพรรณไม้ นอกจากจะมีสระว่ายน้ำสำหรับเด็กแล้วยังมีส่วนของ Jacuzzi ด้วยนะคะ พื้นที่ติดกับสระว่ายน้ำจะเป็นสวนแบบขั้นบันไดนะคะ ซึ่งลูกบ้านสามารถมองวิวเมืองรอบด้านได้อย่างจุใจ เดินต่อเนื่องไปยังห้อง Fitness นะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยกระจกใส ให้ลูกบ้านสามารถออกกำลังกายไปด้วยชมวิวไปด้วยได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในห้องฟิตเนสเต็มไปด้วยอุปกรณ์และเครื่องออกกำลังกายอย่างครบครันเลยนะคะ กลับมาในส่วนของห้องอบไอน้ำและซาวน่า ที่มาพร้อมห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าพร้อมล็อกเกอร์ แยกฝั่งชาย-หญิงด้วยนะคะ บรรยากาศด้านหน้าห้องอบไอน้ำและซาวน่า ต่อเนื่องมายังห้อง KID'S ROOM ที่ออกแบบมาสำหรับรองรับสมาชิกตัวน้อยในครอบครัวของลูกบ้าน   เปิดแบบห้อง Magnolias Ratchadamri Boulevard   สำหรับห้องพักอาศัยของโครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” มีทั้งหมด 316 ยูนิตนะคะ ซึ่งมีแบบห้องพักหรูให้เลือกด้วยกันถึง 4 แบบ ตั้งแต่ 1 Bedroom ขนาด 48-60 ตารางเมตร จำนวน 88 ยูนิต, 2 Bedroom ขนาดตั้งแต่ 72-106 ตารางเมตร จำนวน 220 ยูนิต, Penthouse ขนาดตั้งแต่ 209-300 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต และ Duplex Penthouse ขนาดตั้งแต่ 250-360 ตารางเมตร จำนวน 6 ยูนิต ปัจจุบันตัวโครงการสร้างเสร็จพร้อมอยู่แล้วนะคะ เริ่มมีลูกบ้านบางส่วนทยอยโอนห้องกันเรียบร้อยแล้ว แต่ก็ยังพอมียูนิตเหลืออีกนิดหน่อย ซึ่งเราจะพาไปชมห้องตัวอย่างกันในครั้งนี้ นั่นคือห้อง 2 Bedroom ขนาด 89.47 และ 92.38 ตารางเมตรค่ะ โดยจะแตกต่างกันที่การจัดวาง Layout และวิวเท่านั้นค่ะ แต่ภายในห้องจะตกแต่งมาให้เสร็จสรรพแล้ว หากลูกบ้านเลือกห้องที่มีเฟอร์นิเจอร์รวมมาด้วย ทางโครงการจะเลือกใช้เฟอร์นิเจอร์จากแบรนด์ Olivia Living, Sonder Living,  CHANINTR และ Classic Chair เหมือนดั่งห้องตัวอย่างที่เราเก็บมาฝากกันวันนี้   ภายในห้องแต่ละยูนิตมีจุดเด่นคือฟังก์ชั่นที่เป็นสัดส่วน ถูกออกแบบและตกแต่งอย่างพิถีพิถันในสไตล์โมเดิร์นคลาสสิกที่เรียบหรู แต่ยังคงงดงาม แถมยังคัดสรรและเลือกใช้แต่วัสดุคุณภาพแบรนด์ระดับโลก ดีไซน์ให้พื้นที่ส่วนครัวกว้างขวางติดตั้งชุดครัว Bulthaup แบรนด์หรูจากเยอรมนี ในทุกยูนิต อีกทั้งยังผสมผสานห้องครัวและพื้นที่ใช้สอยไว้ด้วยกันอย่างลงตัว ซึ่งก็ตอบสนองไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี ขณะเดียวกันห้องน้ำก็ใช้แต่เครื่องสุขภัณฑ์ชั้นนำเช่นเดียวกับที่พักอาศัยระดับไฮเอนด์ทั่วโลก แถมยังสั่งทำอ่างอาบน้ำขนาดพิเศษแบรนด์ KASCH มาใช้ในโครงการด้วย ไม่รอช้า.. เราไปเปิดประตูดู Layout ของแต่ละห้องไปพร้อมๆ กันเลยดีกว่าค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom ขนาด 89.47 ตารางเมตร ประตูจะเป็นแบบ Digital Door Lock นะคะ เปิดประตูเข้ามาเจอห้องน้ำ และห้องนอนเล็กก่อนต่อเนื่องไปยังโถงกลางนะคะ ซึ่งภายในห้องนี้ทางโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Olivia Living ไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมด เรามาดูห้องน้ำกันก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน ทางโครงการจัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก โดยใช้สุขภัณฑ์คุณภาพระดับพรีเมี่ยมทั้งหมด จากภาพจะเห็นว่าส่วนเปียกจะมีบานกระจกกั้นพร้อมยกธรณีสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อกันน้ำกระเด็นมาส่วนแห้ง ซึ่งที่พื้นด้านในจะเซาะร่องไว้สำหรับกันลื่นด้วยนะคะ ออกจากห้องน้ำมาต่อกันที่ห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องมีขนาดกระทัดรัด เหมาะสำหรับวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุต นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ กระจกห้องนอนเป็นบานใหญ่มาก สูง 3 เมตรไม่มีอะไรมาบังสายตาเลยนะคะ ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ กลับเข้ามาบริเวณโถงกลางจะเป็นส่วนของมุมทำงาน มุมรับประทานอาหาร มุมนั่งเล่น และครัวเชื่อมต่อถึงกันทั้งหมด มุมทำงานที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวทีเดียวเลยนะคะ ต่อเนื่องมายังส่วนครัวถูกจัดให้อยู่ชิดริมผนังฝั่งทางเดิน ตรงข้ามกับมุมนั่งเล่นนะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นตัวแอล (L) มาพร้อมไอส์แลนด์ตรงกลางสำหรับเตรียมอาหาร ระยะห่างระหว่างเคาน์เตอร์กับไอส์แลนด์มีขนาดกำลังดีเลยนะคะ สามารถเดินได้โดยรอบสบายๆ สำหรับชุดครัวจะเป็นแบรนด์ bulthaup นำเข้าจากต่างประเทศ ซึ่งมาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน สำหรับอ่างล้างจานจะเป็นแบรนด์ FRANKE นะคะ ซึ่งก็เป็นแบรนด์คุณภาพที่นำเข้ามาจากต่างประเทศเช่นกัน พื้นที่ติดกับครัวจะเป็นมุมนั่งเล่นนะคะ ซึ่งสามารถวางคอนโซลทีวี โซฟาตัวยาว พร้อมโต๊ะกลางได้สบายๆ สำหรับมุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ พื้นที่โถงกลางสามารถวางโต๊ะรับประทานอาหารขนาด 3-4 ที่นั่งได้สบายๆ เลยนะคะ มาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้าง ภายในห้องนอนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งเป็นประตูบานเลื่อนทั้ง 2 ข้าง สามารถเปิดไปรับลมที่ระเบียงได้ พื้นที่ภายในค่อนข้างกว้างทีเดียวค่ะ เพราะบริเวณรอบๆ เตียงมีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย ยิ่งถ้าใครที่ชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งไว้ที่ผนังปลายเตียงได้โดยไม่รู้สึกอึดอัดเลยค่ะ จากระเบียงก็จะมองเห็น City view ประมาณนี้ มุมมองจากระเบียงกลับไปในห้องนอนใหญ่ ผนังหน้าห้องน้ำถูกบิลต์อินให้เป็นตู้เสื้อผ้าทั้งสองฝั่งเลยนะคะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน ซึ่งรูปแบบจัดวางจะต่างกับห้องน้ำด้านนอก ห้องน้ำในห้องนอนใหญ่จะมีอ่างอาบน้ำแบรนด์ KASCH ที่สั่งทำขึ้นมาพิเศษด้วยนะคะ   ห้องตัวอย่างต่อมาที่เราเก็บภาพมาฝากเพื่อประกอบการพิจารณาเป็นห้อง 2 Bedroom ขนาด 92.38 ตร.ม. จะต่างจากห้อง 1 Bedroom แบบแรกทั้งเรื่องขนาดพื้นที่ใช้สอย และ Layout เลยนะคะ ห้องนี้เมื่อเปิดประตูเข้ามาจะมีโถงกลางขนาดใหญ่ที่เป็นพื้นที่ครัวแบบเปิดเชื่อมต่อกับมุมรับประทานอาหารและพื้นที่นั่งเล่น ส่วนห้องนอนจะถูกแบ่งออกไปทางฝั่งขวา โดยห้องนอนเล็กจะใช้ห้องน้ำร่วมกับห้องโถงกลาง ส่วนห้องนอนใหญ่จะมีห้องน้ำให้ในตัวค่ะ แปลนห้อง 2 Bedroom ขนาด 92.38 ตารางเมตร สำหรับห้องนี้ เมื่อเปิดประตู Digital Door lock เข้ามาในห้องจะเจอส่วนนั่งเล่นและมุมรับประทานอาหารที่อยู่ติดริมระเบียงก่อนเลยนะคะ ภายในห้องนี้ทางโครงการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ของ Olivia Living ไว้เป็นตัวอย่างทั้งหมดเช่นเดียวกับห้องตัวอย่างแรกค่ะ ความแตกต่างนอกจาก Layout และขนาดห้องแล้ว ก็จะเป็นส่วนของวิวนี่แหละค่ะ โดยห้องนี้จะเป็นห้องที่ได้วิวฝั่งเซ็นทรัลเวิลด์ พื้นที่ฝั่งตรงข้ามโต๊ะรับประทานอาหารจะเป็นส่วนครัวนะคะ ครัวจัดฟังก์ชั่นเป็นรูปตัวแอล (L) จะได้วัสดุเหมือนในห้องตัวอย่างห้องแรกเลยนะคะ มีแตกต่างนิดหน่อยที่ขนาดและตำแหน่งของไอส์แลนด์ พื้นที่รับประทานอาหารที่อยู่ติดกับห้องครัวจะเป็นระเบียงนะคะ ซึ่งข้อดีของระเบียงที่ติดกับมุมนี้คือช่วยระบายอากาศเวลารับประทานอาหารที่มีกลิ่นได้ดี พื้นที่ต่อเนื่องจากครัวเข้าไปข้างในจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำนะคะ เรามาเริ่มที่ฝั่งขวามือที่เป็นห้องน้ำก่อนดีกว่าค่ะ ภายในห้องน้ำจะตกแต่งด้วยหินอ่อนเป็นส่วนใหญ่ โทนสีที่นำมาใช้ดูสะอาดตาและเลือกคู่สีได้ค่อนข้างดีเลยค่ะ การวางฟังก์ชันโดยรวมใช้งานได้ดีทุกส่วน พื้นที่ตรงข้ามกับเคาน์เตอร์ล้างหน้าจะเป็นส่วนเปียกนะคะ ผนังฝั่งหนึ่งใน Shower Area จะถูกตกแต่งให้สวยงามด้วยด้วยหินอ่อน ตรงข้ามกับห้องน้ำจะเป็นห้องนอนเล็กนะคะ ภายในห้องโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใส ทำให้มีแสงสว่างสาดส่องเข้ามามากพอ ไม่ต้องพึ่งแสงประดิษฐ์ในเวลากลางวัน ภายในห้องนอนเล็กเมื่อวางเตียงขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่ปลายเตียง ซึ่งสามารถเดินผ่านได้สบายๆ เลยค่ะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย พื้นที่ติดกับประตูจะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยนะคะ ออกมาจากห้องนอนเล็ก เดินตรงเข้ามาที่ห้องนอนใหญ่กันบ้างดีกว่าค่ะ ภายในห้องนอนแบ่งออกเป็น 2 ฝั่งนะคะ คือโซนพักผ่อน และโซนแต่งตัวที่อยู่ติดกับห้องน้ำ ในส่วนของพื้นที่พักผ่อนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสนะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงนอนขนาด 6 ฟุตไว้ให้ดูเป็นตัวอย่าง โดยเหลือพื้นที่เดินโดยรอบด้วยค่ะ นอกจากเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบแล้ว ยังมีพื้นที่สำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วยค่ะ ฝั่งตรงข้ามกับเตียงนอน จะเป็นตู้เสื้อผ้าและโต๊ะเครื่องแป้งที่อยู่ติดห้องน้ำนะคะ ภายในห้องน้ำใช้วัสดุและสุขภัณฑ์เหมือนๆ กับห้องน้ำด้านนอก จะต่างกันแค่เพิ่มอ่างอาบน้ำแบรนด์ KASCH ที่ทางโครงการสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ วัสดุอุปกรณ์ในห้องน้ำจะได้อ่างล้างหน้า มาพร้อมกับตู้ลอยที่มีหน้าบานเปิด-ปิดสำหรับเก็บของนะคะ ซึ่งห้องจริงที่ส่งมอบให้ลูกบ้านก็จะได้แบบนี้เลยนะคะ   ด้วยทำเล Prime Location ของกรุงเทพฯ ริมถนนราชดำริ ย่านธุรกิจสำคัญของเมืองไทยและแหล่งรวมไลฟ์สไตล์ที่เหนือระดับที่เพียบพร้อมแบบนี้โครงการ “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด” จึงเป็นอีกหนึ่งโครงการหรูที่ถูกจับตามองมากที่สุดโครงการหนึ่ง อย่างที่แจ้งไปแล้วว่าทางโครงการจะขายห้องมาให้แบบ Fully Fitted ดังนั้นในห้องมาตรฐานก็จะมี ชุดครัวแบรนด์ bulthaup ที่มาพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, อ่างล้างจาน FRANKE รวมถึงสุขภัณฑ์ในห้องน้ำก็ยังเป็นแบรนด์นำเข้ามาเหมือนกันเกือบทุกรายการค่ะ อาทิ ก๊อกน้ำ Dornbracht และอ่างอาบน้ำ KASCH เป็นต้น ซึ่งทาง MQDC ประกาศราคาเริ่มต้นมาที่ 20 ล้านบาท โดยมีราคาเฉลี่ย ณ ปัจจุบันประมาณ 280,000 บาท/ตร.ม. ถ้าเทียบกับคอนโดมิเนียม Luxury ในระดับเดียวกันแล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจและคุ้มค่าแก่การลงทุนมากเลยนะคะ เพราะแนวโน้มในการเติบโตของทำเลค่อนข้างดีในอนาคต ไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือเก็งกำไรยังไงก็คุ้มแน่นอน..   ใครที่ไม่ติดเรื่องกำลังทรัพย์และกำลังมองหาคอนโดหรูที่เพียบพร้อมไปด้วยความสะดวกสบายทุกอย่างแบบนี้ แนะนำให้แวะเข้าไปเยี่ยมชมที่โครงการดูบรรยากาศจริงกันก่อนเลยค่ะ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 083-095-5054  หรือ www.magnolias-ratchadamri.com
NICHE Pride Taopoon – Interchange ที่สุดของความลงตัว..กับชีวิตที่เพียบพร้อมทุกรูปแบบ : รีวิวคอนโด

NICHE Pride Taopoon – Interchange ที่สุดของความลงตัว..กับชีวิตที่เพียบพร้อมทุกรูปแบบ : รีวิวคอนโด

เมื่อทำเลและการเดินทางเป็นเหตุผลอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจซื้อคอนโดมิเนียมสักแห่งไว้สำหรับอยู่อาศัยหรือปล่อยเช่า “เตาปูน” ก็เป็นอีกหนึ่งทำเลศักยภาพใหม่ที่น่าสนใจนะคะ เนื่องจากอยู่ติดกับย่านบางซื่อ Hub ใหญ่ในอนาคตที่ห่างไม่ไกลจากตัวเมืองและกำลังถูกพัฒนาให้เติบโตขึ้น เต็มไปด้วยความเจริญและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงเส้นทางคมนาคมที่สามารถเข้าถึงทุกส่วนของกรุงเทพได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะการเชื่อมต่อรถไฟฟ้า MRT จุด Interchange ทั้ง 2 สาย ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีบางซื่อ) และรถไฟฟ้าสายสีม่วง (สถานีเตาปูน) ก็นับว่าเป็นจุดเด่นของทำเลในย่านนี้เลยล่ะ   ด้วยทำเลที่ดีเปี่ยมไปด้วยศักยภาพ แน่นอนค่ะว่าต้องมีที่อยู่อาศัยแนวดิ่งอย่างคอนโดมิเนียมเกิดขึ้นมากมาย ทั้งโครงการที่สร้างเสร็จแล้วและโครงการใหม่ที่น่าจับตาเป็นอย่างมาก “NICHE Pride Taopoon – Interchange (นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์)” ของ SENA ที่ร่วมทุนกับ Hankyu Realty ผู้นำโครงการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในญี่ปุ่น มาพัฒนาต่อยอดความสำเร็จจากโครงการแรกที่มีกระแสตอบรับดีมากๆ จนเกิดเป็นคอนโดมิเนียมหรูบนทำเลทองย่านบางซื่อ-เตาปูน อยู่ติดรถไฟฟ้า MRT สถานีเตาปูนเพียงแค่ไม่กี่ก้าวเท่านั้น ซึ่งเราจะพาทุกคนไปชมห้องตัวอย่างก่อนใครในวันนี้..   สำหรับโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” ตั้งอยู่บนทำเลที่น่าสนใจจริงๆ ค่ะ เพราะตัวโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ (ประชาราษฎร์ สาย 2) เลยแยกเตาปูนไปทางบางโพ ซึ่งเป็นย่านอยู่อาศัยชุมชนเก่าซะส่วนใหญ่ เพราะมีความอุดมสมบูรณ์สูงทั้งตลาด, ร้านค้า, ร้านอาหาร รวมถึงบ้านเรือนและคอนโดฯ ทั้ง High Rise และ Low Rise อยู่หลายโครงการ โดยปกติราคาคอนโดฯ ในโซนนี้เริ่มสูงขึ้นและมักโฆษณาว่าอยู่ติดรถไฟฟ้า แต่ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” เป็นโครงการเดียวที่อยู่ติด MRT สถานีเตาปูน มากที่สุดในตอนนี้ค่ะ   การเดินทางของคนใช้รถยนต์ก็ถือว่าเป็นเรื่องง่ายและคล่องตัวอยู่พอตัวเลยนะคะ เพราะอย่างที่บอกไปว่าโครงการตั้งอยู่ติดถนนใหญ่ การเดินทางเข้านอกออกเมืองจึงจัดว่าสะดวกสบายเพราะสามารถเลือกใช้เส้นทางได้หลากหลาย เส้นทางหลักที่ต้องใช้คือถนนประชาราษฎร์สาย 2 ถ้าจะเข้าเมืองก็สามารถใช้ถนนประชาราษฎร์สาย 1 วิ่งไปออกสามเสนก็จะเข้าเชื่อมกับเส้นราชเทวีแล้วค่ะ จากนั้นจะไปอนุสาวรีย์ชัยฯ หรือสยามก็ไม่ใช่เรื่องยาก หรือจะเลือกใช้ถนนเตชะวณิชวิ่งมาออกถนนพระรามที่ 5 ก็ไปถึงเส้นราชเทวีได้เช่นกัน ส่วนถ้าจะเดินทางออกนอกเมืองฝั่งวงศ์สว่างก็สามารถใช้เส้นประชาราษฎร์สาย 1 ไปตัดกับถนนวงศ์สว่างได้พอดี หรือจะข้ามสะพานพระราม 7 ไปฝั่งจรัญสนิทวงศ์ก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังสามารถใช้เส้นกรุงเทพ-นนทบุรี ไปออกวงศ์สว่างได้เช่นกัน ส่วนถนนประชาชื่นจะไปตัดกับถนนรัชดาภิเษก วิ่งไปออกวิภาวดีรังสิต หรือยาวไปพระรามเก้าได้เลย นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้ทางด่วนแยกประชานุกูลและทางด่วนศรีรัชวงแหวนรอบนอกในเวลาเร่งด่วนได้อีกด้วย   สำหรับการเดินทางด้วยรถสาธารณะ บอกได้คำเดียวว่าสะดวกที่สุดค่ะ เพราะโครงการอยู่ติดถนนใหญ่ทำให้มีรถเมล์, รถแท็กซี่ รวมถึงวินมอเตอร์ไซด์วิ่งผ่านไปมาอยู่ตลอด จุดเด่นของโครงการคืออยู่ใกล้ MRT สถานีเตาปูน (ทางออก 4) ในระยะที่เดินเท้าได้สบายๆ ซึ่งสถานีเตาปูนเป็นสถานีอินเตอร์เช้นจ์ระหว่างสายสีน้ำเงิน และสายสีม่วง ถ้าใครอยากจะเข้าเมืองไปช็อปปิ้งก็สามารถใช้ MRT จากสถานีเตาปูน นั่งรถไป 5 สถานีก็จะถึงสถานีพหลโยธิน ซึ่งมีห้างสรรพสินค้าอย่างเซ็นทรัลลาดพร้าว และยูเนี่ยนมอลล์ให้เลือกช็อปได้จุใจ หรือถ้าอยากจะใช้บริการ BTS ก็นั่ง MRT ไปลงที่สถานีจตุจักร เพื่อเชื่อมกับ BTS สถานีหมอชิต ก็ยังได้ แถมในอนาคตพื้นที่ละแวกโครงการยังมีแผนพัฒนาให้เป็นสถานีรถไฟฟ้ารูปแบบ Mixed-use Development โดยมีรถไฟฟ้าถึง 4 สายเชื่อมต่อกับสถานีกลางบางซื่อ ได้แก่ สายสีน้ำเงิน, สายสีม่วง, สายสีแดงเข้ม และสายสีแดงอ่อน อีกทั้งยังเป็นสถานีต้นทางของรถไฟฟ้าความเร็วสูง 2 เส้นทาง (กรุงเทพ-เชียงใหม่ และกรุงเทพ-หนองคาย) รวมถึงส่วนต่อขยาย Airport Rail Link 5 สถานีจากพญาไทเชื่อมต่อไปยังสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิอีกด้วย   นอกจากการพัฒนาด้านคมนาคมแล้วยังมีโครงการก่อสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ที่นำมาซึ่งความเจริญมากมาย อาทิ สะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งใหม่, การขยายช่องทางจราจร และการก่อสร้างถนนเพิ่มเติมในอนาคต แถมยังมีโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ‘เกตเวย์ บางซื่อ’ รองรับร้านค้า และร้านอาหารมากมาย ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโครงการเลย เพราะอยู่ห่างจากสถานีเตาปูนเพียง 650 เมตรเท่านั้น (คาดว่าจะเปิดบริการภายในปี 2561 นี้) ถ้าศูนย์การค้าเปิดบริการเมื่อไหร่ ตัวเลือกการจับจ่ายใช้สอยก็มีเพิ่มขึ้น ยิ่งในอนาคตถ้ารถไฟฟ้าทุกสายเชื่อมต่อกันเรียบร้อยแล้ว การเดินทางไปแต่ละจุดหมายด้วยรถไฟขบวนเดียว ของลูกบ้านโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” ก็ยิ่งสะดวกสบายมากขึ้นเท่านั้นค่ะ   วันนี้เราเริ่มต้นการเดินทางโดยใช้รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT นั่งมาลงที่สถานีเตาปูนนะคะ ซึ่งตอนนี้รถไฟฟ้าเตาปูนได้เปิดให้เชื่อมกับสายสีน้ำเงินที่สถานีบางซื่อโดยสมบูรณ์แล้ว เราจึงจะลองพาเดินจากรถไฟฟ้าไปโครงการกันดูค่ะ ทางออกไปฝั่งเตาปูนจะต้องเดินลงบันไดเลื่อนลงไปอีกชั้นหนึ่งนะคะ ทางออกไปโครงการจะอยู่ที่ทางออก 4 (ถนนประชาราษฎร์ สาย 2) ตามป้ายเลยนะคะ เมื่อรู้ทางออกแล้วก็แตะบัตรออกไปชมโครงการกันเลย เดินลงบันไดเลื่อนจากสถานีมาก็เจอวินมอเตอร์ไซด์แล้วค่ะ แต่สำหรับโครงการที่เราจะไปวันนี้ไม่ต้องพึ่งพี่วินนะคะ เพราะเดินเท้าแค่ไม่กี่เก้าก็ถึงแล้ว ทางออกฝั่งโครงการจะอยู่บริเวณสี่แยกเตาปูนนะคะ จะเห็นว่าพื้นที่ฝั่งตรงข้ามแม้จะเป็นอาคารพาณิชย์ที่หันหน้าออกถนนใหญ่ แต่ก็มีร้านทอง ร้านขายยา ขายของ ร้านไฟฟ้า และรับซ่อมของอยู่เป็นระยะๆ บรรยากาศของอาคารพาณิชย์ฝั่งตรงข้ามโครงการ บรรดาอาคารตึกแถวร้านค้าโดยรอบถือว่าอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกบ้านในระยะทางเดินใกล้ๆ ได้ดีเลยนะคะ หากใครอยากจับจ่ายใช้สอยซื้อของสดก็สามารถไปตลาดเตาปูนได้ง่ายๆ ซึ่งนับว่าเป็นพื้นที่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ใช้ได้เลยทีเดียว แถมปัจจุบันยังมีคอนโดมิเนียมเกิดใหม่ขึ้นมามากมาย ทำเลย่านนี้จึงเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว กลับมาที่ฝั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน สถานีเตาปูน ทางออก 4 กันต่อดีกว่าค่ะ จากบันไดทางลงเดินถัดมาอีกนิดเดียวก็ถึงสำนักงานขายของโครงการแล้วค่ะ มาถึงโครงการแล้วค่ะ พื้นที่ตรงนี้เป็นส่วนของสำนักงานขายนะคะ ซึ่งก็ออกแบบให้ดูเก๋ แปลกตาไม่เหมือนใครด้วยดีไซน์สไตล์โมเดิร์นทรงกล่อง ใช้สีส้มและสีเทาเป็นสีหลัก ทางเข้า-ออกเพื่อเยี่ยมชมโครงการในตอนนี้นั้นจะใช้ถนนประชาราษฎร์สาย 2 เป็นหลักนะคะ ซึ่งเข้ามาก็จะเจอกับรปภ. และพื้นที่จอดรถขนาดใหญ่ เจาะลึกโครงการ โครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” เป็นคอนโด High Rise สูง 38 ชั้น จำนวน 742 ยูนิต พร้อมอาคารพาณิชย์สูง 2 ชั้น 1 อาคาร รวมทั้งร้าน Mini-Mart & Coffee Cafe บนที่ดิน 3-1-64.1 ไร่ สามารถจอดรถได้ประมาณ 50% (รวมจอดซ้อนคัน) จะจอดได้ในบริเวณชั้น 1 ไปจนถึงชั้น 7 ของโครงการ การออกแบบของโครงการนั้นจะเน้นการอยู่อาศัยตามแบบฉบับคนญี่ปุ่น ที่สามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ลงตัวภายใต้แนวคิด 'My Select' โดยจะมีนวัตกรรม Geo fit+ จากญี่ปุ่น ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้มาใส่ไว้ในโครงการนี้ เหมือนกับโครงการที่ผ่านมาอย่าง นิช โมโน สุขุมวิท - แบริ่ง ด้วยค่ะ การออกแบบในครั้งนี้จึงเหมือนเป็นการพัฒนาทั้งห้องพักอาศัยและพื้นที่ส่วนกลางให้ตอบโจทย์มากขึ้น เพื่อความเป็นที่สุดของโครงการรหรู ซึ่งได้ A49 บริษัทออกแบบสัญชาติไทยมาเป็นผู้ดูแล โดยออกแบบให้ตัวอาคารมีเอกลักษณ์เฉพาะโดดเด่นที่สุดในย่านนี้ด้วยสไตล์โมเดิร์น โทนสีเทา ขาว และส้ม ประสานรวมกับแนวคิดที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมเน้นการประหยัดพลังงานด้วย Solar ที่สามารถเอามาใช้ในพื้นที่ส่วนกลางเพื่อประหยัดค่าไฟได้ และยังมี Solar station ให้ลูกบ้านได้ชาร์จไฟกับรถที่ใช้ระบบเคลื่อนด้วยไฟฟ้าได้อีกด้วย ในส่วนของ Facility นอกจากทางโครงการจะจัดเต็มแบบต้องร้องว้าวแล้ว ยังถือว่าเป็นการสร้างปรากฎการณ์ครั้งใหม่ให้กับวงการอสังหาฯ บ้านเราด้วยการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางที่รองรับความสุขของลูกบ้านถึง 30 ชั้น โดยออกแบบจากการหลอมรวมความต้องการใช้ชีวิตแบบสังคมเข้ากับความเป็นส่วนตัว สู่รูปแบบของ Facility ที่มีทั้งฟังก์ชั่นการใช้งานร่วมกัน และแยกเป็นส่วนตัวที่พร้อมให้ลูกบ้านเลือกกิจกรรมกว่า 7 ไลฟ์สไตล์ที่เป็นตัวเอง ทั้ง Active และ Passive ที่ให้ความสดชื่นจากการออกกำลังกายพร้อมความเพลิดเพลินกับวิวเมืองที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น Sky Fitness ห้องออกกำลังกายลอยฟ้าพร้อม Sky Garden สวนสาธารณะพร้อมวิวเมือง, Sky Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือยาวเกือบ 50 เมตร, Sky Lounge, Mini-Theater, Co-Working Space, Kid Club, Yoga Room, Party Room & Recreation Game Room เป็นต้น นอกจากนี้ยังมาพร้อมกับระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. และยังมีบริการ After Sales Services ซ่อม-เช่า-ขายต่อ ด้วยนะคะ Master Plan ของโครงการ แปลนพื้นที่ชั้นล่างสุด แบ่งออกเป็นสวนสวย, ที่จอดรถ และบริเวณล็อบบี้ แปลนของพื้นที่ชั้น 8 จะเริ่มเป็นยูนิตพักอาศัยแล้วนะคะ ซึ่งที่ชั้นนี้จะมีสวนส่วนกลางมาให้ด้วย ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Sky Lounge ที่มีอยู่ในชั้น 9, 12, 19, 23, 27, 34 และ 35 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Mini Theater ชั้น 8 และ 11 สำหรับแปลนชั้น 9-23 จะเป็นยูนิตพักอาศัยทั้งหมดค่ะ โดยทางโครงการก็ออกแบบ Facility มาไว้รองรับลูกบ้านทุกๆ ชั้นอย่างครบครัน ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Kid Club ชั้น 13 และ 14 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Yoga ชั้น 17 และ 18 ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Party ชั้น 21-22 และ 33 แปลนของพื้นที่ชั้น 24 นะคะ ซึ่งความพิเศษนอกจาก Facility ที่จัดเต็มแล้ว ยังมีสวนสวยให้ออกไปสัมผัสความสดชื่นอีกด้วย ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Co-Working Space ที่มีตั้งแต่ชั้น 10, 15, 16, 20, 24, 29, 30 และ 36 แปลนของพื้นที่ชั้น 25 - 37 ซึ่งจะเป็นที่อยู่อาศัยและโซน Facility เหมือนกับชั้นอื่นๆ ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง GAME ROOM ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Executive Meeting Room ชั้น 32 และ 37 แปลนของพื้นที่ชั้น 38 นะคะ ซึ่งจะรวม Facilities ส่วนกลางหลักๆ โดยจัดไว้ชั้นบนของอาคาร ต่อจากพื้นที่ส่วนกลางที่กระจายอยู่ในทุกๆ ชั้น ภาพจำลองบรรยากาศของสระว่ายน้ำลอยฟ้า Sky Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือที่มีความยาวเกือบ 50 เมตร ภาพจำลองบรรยากาศภายในห้อง Sky Fitness ให้ลูกบ้านออกกำลังกายพร้อมกับชมวิวอย่างเพลิดเพลิน   เปิดห้องตัวอย่าง   ก่อนจะไปเปิดประตูห้องตัวอย่าง ขอย้อนไปจากที่บอกข้างต้นว่าโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” เป็นการร่วมทุนระหว่าง SENA กับ Hankyu Realty ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในญี่ปุ่น ซึ่งนำนวัตกรรม Geo fit+ ที่สนองความต้องการของผู้อยู่อาศัยทั้ง 4 ด้าน มาใส่ไว้ในโครงการนี้ด้วยค่ะ โดยห้องตัวอย่างมีทั้งหมด 3 แบบ คือ 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม., 1 Bedroom ขนาด 31.5 ตร.ม., 1 Bedroom Plus ขนาด 34.5 ตร.ม. โดยยึดคอนเซ็ปต์ My Select ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็น Working Zone ออกแบบมาเพื่อคนที่ชอบพื้นที่ในการสร้างสรรค์งาน หรือ Relaxing Zone ออกแบบมาให้ผู้อยู่อาศัยที่ต้องการพักผ่อน หนีจากความวุ่นวายภายนอกมาชาร์จพลังแห่งความสุขได้อย่างเต็มที่   สำหรับห้องตัวอย่างที่เราจะพาไปชมวันนี้ มีด้วยกัน 3 แบบ ทุกยูนิตขายแบบ Fully Furnished มาพร้อมวัสดุและสุขภัณฑ์คุณภาพซึ่งถูกคัดสรรมาอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นชุดครัวพร้อมเตาไฟฟ้า, เครื่องดูดควัน, สุขภัณฑ์ และเฟอร์นิเจอร์บิลต์อิน ขาดก็เพียงแค่พวกเครื่องใช้ไฟฟ้าและพร็อพตกแต่งเท่านั้นเองค่ะ เริ่มต้นกันด้วยห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตร.ม. กันเลยดีกว่าค่ะ ความรู้สึกแรกที่เดินเข้าห้องมา ต้องบอกว่าภายในห้องจัดวาง Layout ให้ทุกพื้นที่สามารถใช้สอยได้อย่างคุ้มค่า ครบทุกฟังก์ชั่นจริงๆ ค่ะ ทั้งห้องนอน, ห้องน้ำ, ห้องนั่งเล่น และห้องครัวที่จัดแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน พร้อมแบ่งมุมรับประทานอาหารไว้อีกด้วย   แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 28 ตารางเมตร ห้องนี้จะมีการแบ่งฟังก์ชั่นอย่างชัดเจน เมื่อเข้าห้องมาจะเจอห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ที่ติดกับมุมรับประทานอาหาร ถัดเข้าไปเป็นห้องนอนที่กั้นด้วยประตูบานเลื่อน ทางด้านซ้ายเป็นครัว ฝั่งตรงข้ามเป็นห้องน้ำ จุดเด่นของห้องนี้จะเป็นห้องครัวแบบปิด สามารถประกอบอาหารได้สบาย แถมยังมีระบายอากาศได้ดีเนื่องจากจากมีระเบียงอยู่ติดกับครัวนั่นเองค่ะ ในส่วนของมุมนั่นเล่นทางโครงการจัดวางวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งไว้เป็นตัวอย่างได้กำลังดีเลยค่ะ แถมยังเหลือพื้นที่พอสำหรับวางโต๊ะรับประทานอาหารเล็กๆ ด้วย บริเวณคอนโซลทีวี ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานมาให้แล้วนะคะ โต๊ะรับประทานอาหารที่ถูกออกแบบมาอย่างชาญฉลาด เพราะสามารถพับเก็บได้ ไม่เปลืองเนื้อที่ มุมมองจากบริเวณห้องนั่งเล่นไปยังห้องนอนที่ติดกับห้องครัวนะคะ ซึ่งกั้นกลางด้วยประตูบานเลื่อน ภายในห้องนอนได้รับการออกแบบให้ดูโปร่งโล่ง สบาย ชวนพักผ่อนได้เป็นอย่างดี พื้นที่รอบเตียงสามารถเดินได้โดยรอบเลยนะคะ หากใครชอบดูทีวีก็สามารถติดตั้งที่ผนังปลายเตียงเพิ่มได้ด้วย ฟังก์ชั่นพิเศษสำหรับห้องนี้คือพื้นที่ My Select ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็นมุมนั่งเล่นเหมือนในภาพ หรือใช้เป็นมุมทำงานก็ได้ทั้งนั้นค่ะ ระยะห่างระหว่างพื้นที่ My Select กับบริเวณเตียงนอนก็กำลังดีเลยนะคะ สามารถวางโต๊ะข้างเตียงเล็กๆ เสริมเข้าไปได้สบาย ผนังฝั่งที่ติดกับประตู จะเป็นตู้เสื้อผ้าบิลต์อินสูงจรดเพดานที่ได้มาพร้อมกับห้องเลยนะคะ พื้นที่ตรงข้ามเยื้องๆ กับห้องนอนจะเป็นส่วนของห้องน้ำนั่นเองค่ะ ภายในห้องน้ำแบ่งพื้นที่เปียกและแห้งอย่างชัดเจน พร้อมปูกระเบื้องทั้งพื้นและผนังเป็นสีขาวลายหินอ่อน ก่อนจะเพิ่มจุดเด่นให้ผนังบริเวณอาบน้ำด้วยการใช้สีกระเบื้องสีเข้ม พร้อมจัดวางสุขภัณฑ์จากส่วนแห้งเรียงเข้าไปยังส่วนเปียก จากภาพจะเห็นว่าส่วนเปียกจะมีบานกระจกกั้นพร้อมยกธรณีสูงขึ้นเล็กน้อยเพื่อกันน้ำกระเด็นมาส่วนแห้ง ภายในมีที่นั่งอาบน้ำ ซึ่งแบบนี้ชาวญี่ปุ่นจะชอบมาก อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จะเป็นของ Kohler เหมือนกันเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านจะได้วัสดุตามนี้เลย กลับออกมาพื้นที่หน้าห้องน้ำมีชั้นวางของบิลต์อินให้สามารถตกแต่งได้ตามใจ ในส่วนของห้องครัวจะมีประตูบานเลื่อนกั้นกลางนะคะ สำหรับเคาน์เตอร์ครัวโครงการจะให้มาแบบนี้เลยนะคะ ผนังเหนือเคาน์เตอร์จะเป็นกระจกเคลือบสีดำ ข้อดีคือสามารถเช็ดล้างทำความสะอาดง่ายเวลาประกอบอาหาร ทางโครงการจะเว้นช่องสำหรับวางไมโครเวฟมาให้แล้วค่ะ ติดกับเคาน์เตอร์ครัวจะเป็นระเบียงนะคะ โดยมีประตูบานเลื่อนกั้นกลาง ข้อดีของระเบียงที่อยู่ติดครัวก็ช่วยระบายอากาศเวลาประกอบอาหารนั่นเองค่ะ ประตูบานเลื่อนแบบ 2 ตอน พื้นที่ระเบียงมีขนาดกะทัดรัดนะคะ ซึ่งมาพร้อมก๊อกน้ำ และติดตั้งคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบน   ห้องตัวอย่างถัดมาที่เราได้ชมคือ ห้อง 1 Bedroom ขนาด 32 ตร.ม. ภายในห้องแบ่งพื้นที่ใช้สอยอย่างชัดเจน สำหรับห้องนี้เปิดประตูมาจะเจอส่วนครัวก่อน ซึ่งต่อเนื่องไปนั้นจะเป็นส่วนของ Living Area ที่กว้างพอสำหรับพื้นที่ My Select ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ในส่วนของห้องนอนก็ดูกว้างขวางสามารถวางเตียงขนาด 5-6 ฟุต ได้สบายๆ แถมยังมีระเบียงให้ออกไปสูดอากาศบริสุทธิ์ยามเช้าเมื่อตื่นนอน พร้อมห้องน้ำที่อยู่ในตัว ซึ่งก็ง่ายต่อการแต่งตัวนั่นเองค่ะ   แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 31.50 ตารางเมตร เมื่อเดินเข้ามาจะเจอกับส่วนของ Pantry ครัวก่อนเลยค่ะ ถัดไปจะเป็นส่วนของ Living Area ที่ตอบโจทย์ต่อพักผ่อนได้ดี ในส่วนของพื้นห้องปูด้วยลามิเนตลายไม้ ไฟเพดานในห้องเป็นดาวน์ไลท์ทั้งหมดค่ะ ตรงข้ามกับ Pantry ครัว ทางโครงการจะบิลต์อินตู้เก็บของสูงจรดเพดานพร้อมเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วนะคะ ชุดเคาน์เตอร์ครัว ลูกบ้านจะได้ทุกอย่างตามนี้เลยนะคะ จะเว้นก็เพียงแต่เครื่องใช้ไฟฟ้าเท่านั้น แถมยังดีไซน์หน้าบานตู้ริมสุดให้เป็นโต๊ะกินข้าวที่สามารถพับเก็บได้ ข้อดีคือไม่เปลืองเนื้อที่นั่นเองค่ะ ครัวจะเป็นแบบ One Wall-Kitchen นะคะ โดยโครงการจะเว้นพื้นที่สำหรับวางตู้เย็นมาให้แล้วด้วย มุมนั่งเล่นสามารถวางโซฟาขนาด 2-3 ที่นั่งได้สบายๆ ซึ่งแน่นอนว่าพื้นที่ด้านในสุดเป็นฟังก์ชั่น My Select ที่มีระยะกว้างมากพอที่จะจัดวางโต๊ะทำงานตัวยาวได้อีกด้วย ระยะห่างจากโซฟาถึงทีวีนั้นกำลังดีเลยนะคะ และยังมีพื้นที่ตรงกลางอีกเยอะเลย พื้นที่ My Select ส่วนของ Working Zone ออกแบบมาเพื่อคนที่ชอบพื้นที่ในการสร้างสรรค์งาน ซึ่งนี้จะอยู่ชิดติดหน้าต่างกระจกใสเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ มุมมองจาก Working Zone กลับไปจะเห็นว่าพื้นที่โดยรอบสามารถเดินได้อย่างสบายๆ ไร้ซึ่งความอึดอัดใดๆ พื้นที่ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นห้องนอนนะคะ ซึ่งกั้นกลางด้วยประตูบานเลื่อน ภายในห้องนอนจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวางเตียงขนาด 5 ฟุตไว้เป็นตัวอย่าง แต่ลูกบ้านสามารถวางเตียงขนาด 6 ฟุตก็ยังได้ค่ะ เพราะบริเวณรอบๆ เตียงมีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย พื้นที่ปลายเตียงสามารถติดตั้งทีวีไว้ที่ผนังได้สบายๆ โดยเหลือพื้นที่ให้เดินได้โดยรอบด้วยค่ะ บริเวณเตียงนอนจะอยู่ชิดติดระเบียงนะคะเลยทำให้ห้องดูโปร่งโล่งมากขึ้นค่ะ แถมระเบียงมีขนาดกว้างกำลังดีสามารถวางราวตากผ้าได้ด้วย ในส่วนของคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเหมือนห้องตัวอย่างแรกเลยนะคะ กลับเข้ามาด้านใน พื้นที่ในสุดจะเป็นห้องน้ำนะคะ ผนังบริเวณหน้าห้องน้ำทางโครงการได้บิลต์อินตู้เสื้อผ้าขนาดใหญ่ติดเพดานมาให้ด้วย เรามาดูที่ห้องน้ำกันบ้าง ภายในห้องแบ่งพื้นที่เปียกและแห้ง พร้อมกั้นประตูกระจกอาบน้ำไว้ให้เหมือนดั่งห้องตัวอย่างแรกเลยค่ะ พื้นที่ส่วนเปียกจะถูกกั้นด้วยธรณียกสูงหนึ่งเสต็ป เพื่อกันไม่ให้น้ำจาก Shower Area ไหลออกไปสู่พื้นที่อื่นๆ ภายในห้องน้ำ มุมมองจากหน้าห้องน้ำกลับเข้าไปในห้อง จะเห็นว่าห้องมีขนาดกำลังดีเลยนะคะ สามารถใช้งานพื้นที่ทุกส่วนได้อย่างคุ้มค่าทุกตารางเมตร   สำหรับห้องตัวอย่างสุดท้ายที่เราจะพาไปดู เป็นห้อง 1 Bedroom Plus ขนาด 34.5 ตร.ม. ลักษณะแปลนด้านหน้าจะเป็นห้องแคบลึก แต่เมื่อเดินเข้าไปด้านในกลับให้ความรู้สึกโปร่งโล่งสบายตา การจัดแบ่งพื้นที่ก็เป็นสัดส่วนชัดเจน เปิดห้องเข้ามาเจอส่วนครัวและมุมรับประทานอาหารเลย ซึ่งสามารถจัดวางพื้นที่ดินเนอร์สำหรับ 2 คนได้สบายๆ ถัดไปนั้นเป็นมุมนั่งเล่นที่กว้างพอให้วางโซฟาตัวยาวขนาดใหญ่ได้เลย แถมยังแอบเหลือพื้นที่สำหรับ My Select ให้ปรับเปลี่ยนเป็นห้องนอนเล็กหรือห้องทำงานได้อีกด้วย ในส่วนของห้องนอนนั้นก็จะอยู่ตรงข้ามกับส่วนนั่งเล่นค่ะ ติดกับห้องนอนเป็นระเบียงซึ่งช่วยเปิดรับแสงสว่างได้เต็มที่ ต้องบอกว่าการจัด Space ภายในห้องทำไว้ได้ดีมาก ถึงแม้จะเป็นห้องขนาด 34.5 ตร.ม. แต่ก็สามารถจัดมุมนั่งเล่น มุมกินข้าว พื้นที่ครัว และห้องนอนได้อย่างเป็นสัดส่วนสบายๆ กว้างขวางเหมือนดั่งขนาดห้อง 2 ห้องนอนเลยค่ะ   แปลนห้อง 1 Bedroom ขนาด 34.50 ตารางเมตร สำหรับไทป์นี้เปิดประตู Digital Door Lock เข้ามาจะเจอส่วนครัวเหมือนกับห้องตัวอย่างที่สองเลยค่ะ เพียงแต่มีขนาดที่กว้างและใหญ่กว่า Counter ครัวจะเป็นรูปแบบตัวไอ (i) จะได้วัสดุเหมือนอย่างในห้องตัวอย่างก่อนหน้าเช่นกัน จะมีแตกต่างนิดหน่อยที่ตำแหน่งจัดวางเท่านั้นค่ะ พื้นที่ตรงข้ามครัวทางโครงการบิลต์อินตู้เสื้อผ้าและตู้เก็บของ พร้อมเว้นช่องสำหรับวางเครื่องซักผ้ามาให้แล้วค่ะ เดินเข้ามาที่โถงกลาง มุมรับประทานอาหารจะเชื่อมต่อกับมุมนั่งเล่นเลยนะคะ ระยะห่างระหว่างโซฟากับคอนโซลทีวีมีระยะกำลังดีเลยนะคะ ไม่แคบและไม่กว้างจนเกินไป บริเวณคอนโซลทีวีมีขนาดกว้างพอรองรับจอขนาดใหญ่ได้เลยนะคะ พื้นที่ติดกันนั้นจะเป็นมุมรับประทานอาหารค่ะ โต๊ะรับประทานอาหารที่ถูกดีไซน์เหมือนดั่งห้องตัวอย่างที่ผ่านมา ซึ่งถ้าลูกบ้านไม่ใช้งานก็สามารถพับเก็บลงได้ ติดกับมุมนั่งเล่นจะเป็นพื้นที่ My Select ให้ลูกบ้านสามารถเลือกฟังก์ชั่นและปรับเปลี่ยนได้ตามใจ ไม่ว่าจะเป็น Working Zone หรือ Relaxing Zone ก็สามารถเนรมิตเองได้ง่ายๆ ซึ่งทางโครงการก็เพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วยประตูบานเลื่อนแบบ 3 ตอนมาให้ค่ะ ภายในห้องจะโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่นะคะ ซึ่งทางโครงการจัดวาง Daybed ไว้เป็นตัวอย่าง แต่ลูกบ้านสามารถปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องนอนเล็ก โดยวางเตียงขนาด 3.5 ฟุตก็ยังได้ค่ะ บริเวณรอบๆ มีพื้นที่เหลือเพียงพอสำหรับวางโต๊ะข้างเตียงด้วย มุมมองกลับมาที่ภายในห้องนะคะ จะเห็นว่าการจัดวาง Layout จะคล้ายๆ กับห้องตัวอย่างที่สอง เพียงแต่ห้องนี้มีขนาดใหญ่กว่า บรรยากาศภายในห้องนอน มีขนาดที่กว้างขวาง และยังมีประตูบานเลื่อนกระจกใสบานใหญ่ให้สามารถออกไประเบียงด้วยค่ะ เตียงนอนมีฟังก์ชั่นให้สามารถดึงลิ้นชักข้างเตียงมาเก็บของได้ด้วยนะคะ นอกจากโอบล้อมด้วยหน้าต่างกระจกใสบานใหญ่ บริเวณรอบๆ เตียงยังมีพื้นที่เหลือให้เดินได้ แถมผนังปลายเตียงยังสามารถติดทีวีเพิ่มโดยไม่รู้สึกคับแคบด้วยค่ะ ระเบียงมีขนาดกะทัดรัด แต่สามารถวางราวตากผ้าได้สบายๆ ในส่วนของคอมเพรสเซอร์แอร์จะอยู่ด้านบนเหมือนห้องตัวอย่างก่อนหน้าเลยนะคะ กลับเข้ามาภายในห้อง ห้องน้ำจะอยู่ติดกับตู้เสื้อผ้าเลยนะคะ ตู้เสื้อผ้าจะบิลต์อินสูงจรดเพดานเลยคะซึ่งลูกบ้านจะได้มาพร้อมกับห้องเลยค่ะ มาในส่วนของห้องน้ำกันบ้าง ตรงกลางจะเป็นชุดสุขภัณฑ์และอ่างล้างมือ มีกระจกเงาบานใหญ่มาให้ พื้นที่ในสุดจะเป็นส่วนเปียก ชุดตู้กระจกเงาบริเวณอ่างล้างหน้า สามารถเปิดออกมาไว้เก็บของใช้งานทั่วไปด้วยนะคะ อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์จะเป็นของ Kohler เหมือนกันกับห้องตัวอย่างก่อนหน้าเลยนะคะ ซึ่งลูกบ้านจะวัสดุตามนี้เลย ส่วนเปียกจะเป็นกระจกกั้นนะคะ ซึ่งทางโครงการได้ยกธรณีสูงขึ้นประมาณนึงเพื่อกันน้ำเปียกมายังโซนแห้ง   ห้องตัวอย่างทั้งหมดของโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” ที่เราพาไปชมในครั้งนี้ เสร็จเรียบร้อยและพร้อมเปิดให้เยี่ยมชมแล้วนะคะ ใครกำลังมองหาคอนโดแนวรถไฟฟ้าที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ยุคใหม่แบบนี้ แนะนำให้ไปลองสัมผัสบรรยากาศจริงที่ sale gallery ก่อนที่ทางโครงการจะเปิดจองพร้อมกันในวันที่ 10 มีนาคม 2561 ที่จะถึงนี้ ซึ่งต้องบอกว่าน่าสนใจมากเลยทีเดียวสำหรับคนที่ต้องการที่พักอาศัยในย่านบางซื่อ-เตาปูน ใกล้รถไฟฟ้าและสามารถเดินทางเข้านอกออกเมืองได้สะดวก ที่สำคัญทำเลที่ตั้งที่อยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้า MRT สถานีเตาปูน เพียงแค่ก้าวเดียวนี่นับว่าเป็นจุดแข็งที่ดึงดูดลูกค้าได้ไม่ยากเลยค่ะ   นอกจากนี้ภายในโครงการยังจัดเตรียม Facility ไว้รองรับลูกบ้านทุกๆ ชั้นอย่างหรูหราและครบครันมาก ในขณะที่พื้นที่โดยรอบก็มีความอุดมสมบูรณ์ มีร้านค้า ร้านสะดวกซื้อให้เลือกมากมาย แถมราคาก็ยังจับต้องได้โดยเฉลี่ยตกตารางเมตรละ 1.3 แสนบาทเท่านั้น บอกเลยค่ะไม่ว่าจะซื้อไว้อยู่อาศัยเองหรือลงทุนก็คุ้มค่าแน่นอนค่ะ เพราะในอนาคตการขยายตัวของตัวเมือง ทำให้การครอบครองอสังหาริมทรัพย์ในทำเลนี้มีโอกาสที่จะเติบโตสูงขึ้นอีกเรื่อยๆ ใครที่สนใจไม่ควรพลาดคอนโดมิเนียมคุณภาพในราคาที่เอื้อมถึงแบบนี้เลยนะคะ     พิเศษ! สำหรับแฟนๆ ชาว Review Your Living ที่สนใจโครงการ “นิช ไพร์ด เตาปูน - อินเตอร์เชนจ์” สามารถลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษ ได้ที่ https://goo.gl/fpWSi5  ในราคาเริ่มต้น 3.2 ล้านบาท*
Knightsbridge Space Rama 9 – ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Space Rama 9 – ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9 : รีวิวคอนโด

Knightsbridge Space Rama 9 (ไนท์บริดจ์ สเปซ พระราม 9) - คอนโด High Rise สูง 28 ชั้น จาก Origin บนทำเล New CBD พระราม 9 ติดถนนอโศก-ดินแดง เดินทางสะดวกใกล้รถไฟฟ้า MRT สถานีพระราม 9 เพียง 350 เมตร   รายละเอียดโครงการ เจ้าของโครงการ บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) ลักษณะคอนโด คอนโด High Rise สูง 27 ชั้น จำนวน 1 อาคาร พื้นที่โครงการ 2-0-47 ไร่ จำนวนห้อง 325 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต ที่จอดรถ Auto Parking 52% ที่ตั้งโครงการ ถนนอโศก-ดินแดง แขวงดินแดง เขตดินแดง กรุงเทพฯ   สถานที่สำคัญใกล้เคียง เซ็นทรัลพลาซา แกรนด์ พระราม 9 ฟอร์จูน ทาวน์ เซ็นทรัล พระราม 9 G Tower Super Tower Unilever Show DC Mall Esplanade Cineplex The Street รัชดา รพ.พระราม 9 รพ.ปิยะเวช รพ.กรุงเทพ ร.ร.บางกอก ทวิวิทย์ วิทยาลัยนานาชาติ RIC   ลักษณะห้องและขนาดห้อง แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 27 ตร.ม. แบบ 1 ห้องนอน ขนาด 35 ตร.ม.   สิ่งอำนวยความสะดวก Business Lounge Craft Café & Working Space Secret GardenHidden Backyard Garden EV Charger Private Sky Terrace & Garden Sky Sunset Pool Terrace & Garden Sky Infinity Lap Pool Sky Yoga & Zumba Sky Sunrise Onsen (Male & Female) Sky Panoramic Social Fitness Club Dusk & Dawn Sky Terrace Horizon Rooftop Lounge     สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม โทร : 02-030-0000 ดูรายละเอียดเพิ่มเติม : https://origin.co.th/knightsbridgespace/ https://goo.gl/zX9aw ORIGIN เปิดจอง Online Booking ครั้งแรก!   โดย ORIGIN จะเปิดจอง Online Booking ครั้งแรก 8 มี.ค. ‘‘3 คอนโด Flagship แบรนด์หรู KnightsBridge SPACE พระราม 9, KnightsBridge SPACE รัชโยธิน’’ และKnightsbridge collage สุขุมวิท 107 สุด Exclusive 100 ยูนิต แรกเท่านั้น!   ลงทะเบียน https://goo.gl/zX9awJ เพื่อรับส่วนลดสูงสุด 200,000 บาท พร้อมเข้าจองออนไลน์ก่อนใคร ในราคาสุดเอ็กคลูซีฟ!
พฤกษา ปักธง EEC เดินหน้าเต็มสูบ ลุยเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 5,500 ล้านบาท

พฤกษา ปักธง EEC เดินหน้าเต็มสูบ ลุยเปิด 7 โครงการใหม่ มูลค่า 5,500 ล้านบาท

พฤกษา เรียลเอสเตท ผู้นำในวงการอสังหาฯ เตรียมเปิดบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์ 7 โครงการใหม่ มูลค่า 5,500 ล้านบาท ปักธง 3 จังหวัด เขต EEC ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง เกาะทำเลนิคมอุตสาหกรรม เผยเตรียมรุกต่างจังหวัดเพิ่มอีก 23 จังหวัดรักษาผู้นำตลาดอสังหาฯไทย นายปิยะ ประยงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจพฤกษา เรียลเอสเตท บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า “ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง ในปี 2561 บริษัทฯ มีแผนจะเปิดโครงการใหม่ในจังหวัดระยอง ชลบุรี และฉะเชิงเทรา ซึ่งเป็นเขตโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC)  เป็นการลงทุนระดับเมกะโปรเจ็คท์ของภาครัฐที่จะช่วยผลักดันและยกระดับเศรษฐกิจของประเทศไทยให้เป็นเขตเศรษฐกิจชั้นนำของอาเซียน  โดยคาดว่าจะมีความต้องการที่อยู่อาศัยจำนวนมากจากแรงงานที่หลั่งไหลเข้ามาทำงานในพื้นที่ดังกล่าว  จึงได้เตรียมเปิดโครงการใหม่ จำนวน 7 โครงการ มูลค่ารวมกว่า 5,500 ล้านบาท เป็นสินค้าประเภทบ้านเดี่ยว และทาวน์เฮาส์  แบ่งเป็น ฉะเชิงเทรา  จำนวน 1  โครงการ ได้แก่ บ้านพฤกษา บ้านโพธิ์ - มอเตอร์เวย์  ชลบุรี จำนวน 3 โครงการ ได้แก่ บ้านพฤกษา หนองมน-ชลบุรี, เดอะแพลนท์ หนองมน-ชลบุรี  และบ้านพฤกษา ทุ่งกลม-ตาลหมัน  และระยอง 3 โครงการ ได้แก่ บ้านพฤกษา ปลวกแดง-อีสท์เทิร์น, บ้านพฤกษา เกาะกลอย-ระยอง และเดอะแพลนท์ เกาะกลอย-ระยอง  จับกลุ่มลูกค้าที่ทำงานในนิคมอุตสาหกรรม  โดยจะเริ่มทยอยเปิดขายในเดือนมกราคมปี 2561” และเพื่อขยายฐานลูกค้าให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น บริษัทฯ จึงได้ศึกษาความเป็นไปได้จังหวัดอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น นครราชสีมา นครปฐม และอื่นๆ อีก 23 จังหวัด  โดยพฤกษา เรียลเอสเตท เป็นผู้ประกอบการรายใหญ่ที่มีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันทั้งในด้านของดีไซน์ ฟังก์ชั่น นวัตกรรม คุณภาพบ้าน และบริการหลังการขายต่างๆ ที่ได้มาตรฐานเดียวกันทุกโครงการ (Pruksa Quality Standard) คาดว่าจะประสบความสำเร็จในการทำตลาดต่างจังหวัดเช่นเดียวกับที่เคยรุกตลาดในชลบุรี เชียงใหม่ ภูเก็ตมาแล้วก่อนหน้านี้.