Tag : DIY

6 ผลลัพธ์
10 วิธีดับกลิ่นฉี่ในห้องน้ำ ฉุนแค่ไหนก็จัดการได้

10 วิธีดับกลิ่นฉี่ในห้องน้ำ ฉุนแค่ไหนก็จัดการได้

วิธีดับกลิ่นฉี่ในห้องน้ำ จบปัญหากลิ่นฉุน ๆ จนทำให้ไม่อยากเข้าห้องน้ำ ด้วย 10 วิธีดับกลิ่นฉี่ในห้องน้ำ พร้อมวิธีทำความสะอาดที่ทำให้ห้องน้ำของคุณไม่มีคราบสกปรกหลงเหลืออีกต่อไป ห้องน้ำจะเสียบรรยากาศสุด ๆ เมื่อเปิดประตูเข้าไปแล้วได้กลิ่นฉี่ตลบอบอวล โดยเฉพาะตอนที่มีแขกมาที่บ้าน แทบไม่อยากให้เขาเข้าห้องน้ำเลยใช่ไหมล่ะ วันนี้กระปุกดอทคอมเลยรวมวิธีดับกลิ่นฉี่ในห้องน้ำมาฝาก ใครถนัดวิธีไหนก็นำไปทำตามได้เลย เพราะอุปกรณ์ที่จะนำมาใช้ สามารถหาได้จากในบ้านทั้งนั้น ว่าแล้วก็ตามไปดูกันดีกว่าว่ามีวิธีไหนที่สามารถดับกลิ่นฉี่ในห้องน้ำได้ผลบ้าง 1.สเปรย์น้ำยาล้างจาน ใช้ดับกลิ่นฉี่ได้ วิธีนี้สามารถใช้ทำความสะอาดและดับกลิ่นห้องน้ำได้ในคราวเดียวกัน ผสมน้ำยาล้างจาน 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำเปล่า 6 ออนซ์ แล้วเทใส่ขวดสเปรย์ นำไปฉีดให้ทั่วชักโครก รวมถึงในแท็งก์น้ำของชักโครก แล้วใช้แปรงขัดตาม จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด กลิ่นก็จะหายไป 2.ดับกลิ่นฉี่ด้วย น้ำมะนาวผสมเบกกิ้งโซดา เป็นสูตรผสมที่สามารถหาได้จากในห้องครัว เพียงแค่ผสมน้ำมะนาวกับเบกกิ้งโซดาให้เป็นเนื้อสครับเข้มข้น แล้วนำไปถูให้ทั่วชักโครก รวมทั้งแท็งก์นี้และขอบยาแนว ทิ้งไว้ 15 นาที จากนั้นเปิดฝาแท็งก์น้ำด้านหลังโถออก จัดการเทน้ำส้มสายชู ½ ถ้วยตวงลงไป ทิ้งไว้ 15 นาที กดน้ำทิ้ง 2-3 ครั้ง เทน้ำส้มสายชูลงไปเพิ่มอีก ½ ถ้วยตวง ปล่อยทิ้งไว้สักพัก ระหว่างนั้นให้นำแปรงสีฟันที่ไม่ใช้แล้วมาขัดทำความสะอาดตามร่องเล็ก ๆ ที่ชักโครกให้สะอาด แล้วกดน้ำทิ้งซ้ำอีกครั้ง ให้น้ำและน้ำส้มสายชูชะล้างคราบและกลิ่นฉี่ออกไป 3.เทสารฟอกขาวลงในโถส้วม ดับกลิ่นฉี่ได้ บ้านไหนที่เจอปัญหากลิ่นฉี่ฉุนรุนแรงจนน่าเวียนหัว ให้นำสารฟอกขาว 1 ถ้วยตวง เทลงในโถส้วม แล้วทิ้งไว้สักพัก จากนั้นนำฟองน้ำหรือแปรงขัดมาชุบสารฟอกขาวเพียงเล็กน้อย เพื่อขัดไปรอบ ๆ โถให้ทั่ว กดน้ำในโถส้วมทิ้งไปหลาย ๆ รอบ ล้างโถให้สะอาดก็เป็นอันเสร็จ 4.ดับกลิ่นฉี่ด้วยการซักทำความสะอาดพรมในห้องน้ำ หากในห้องน้ำมีพรมเช็ดเท้า ก็อย่าลืมนำมาซักด้วยนะครับ เพราะอาจจะมีฉี่สะสมไว้เป็นเวลานานจนทำให้ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว ฉะนั้นเมื่อไรที่ทำความสะอาดห้องน้ำก็อย่าลืมนำพรมไปซักด้วยเลยทีเดียว 5.ก้อนเบกกิ้งโซดาดับกลิ่นฉี่ ส่วนวิธีนี้เริ่มจากนำเบกกิ้งโซดามาผสมกับกรดมะนาว น้ำส้มสายชู ไฮโดรเจนเปอร์ออกไซด์ และน้ำมันหอมระเหย คนส่วนผสมทั้งหมดให้เข้ากันดี จากนั้นตักใส่แม่พิมพ์ แล้วรอให้จับตัวเป็นก้อน ค่อยนำไปใส่ขวดโหลเพื่อใช้ในห้องน้ำ ได้กลิ่นเหม็นเมื่อไร ก็หยิบก้อนดับกลิ่นใส่โถส้วมไปเลยครับ 6.น้ำสบู่ผสมน้ำส้มสายชูช่วยดับกลิ่นฉี่ เป็นอีกสูตรที่สามารถดับกลิ่นได้ดีเยี่ยม โดยการนำเบกกิ้งโซดา ¼ ถ้วยตวง มาผสมกับน้ำส้มสายชู ¼ ถ้วยตวง เติมน้ำเปล่าลงไปอีก 2 แกลลอน และที่ขาดไม่ได้เลย นั่นก็คือ สบู่เหลว 30 มิลลิลิตร สำหรับบ้านไหนที่มีปัญหากลิ่นฉี่หนักหน่วงจนยากเกินจะแก้ไข แนะนำให้ผสมผงบอแร็กซ์ลงไปอีก ½ ถ้วยตวง แล้วคนให้เข้ากัน นำไปทำความสะอาดพื้นห้องน้ำ โดยเฉพาะบริเวณที่มีกลิ่นฉี่ก็เรียบร้อย 7.ใช้สเปรย์ดับกลิ่นฉี่ที่โถทุกครั้งหลังใช้งาน มาป้องกันและแก้ปัญหากลิ่นฉี่กันซะตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการ DIY สเปรย์ดับกลิ่นกันดีกว่า โดยผสมแอลกอฮอล์ 1 ช้อนชา น้ำมันหอมระเหยกลิ่นที่ชอบประมาณ 30-40 หยด และน้ำเปล่าอีกเล็กน้อยพอให้ไม่ข้นจนเกินไป แล้วเทใส่ขวดสเปรย์ ใช้ฉีดที่ชักโครกทุกครั้งหลังถ่ายเสร็จ 8.ใช้เกลือผสมน้ำส้มสายชูดับกลิ่นฉี่ นอกจากกลิ่นที่มาจากโถส้วมแล้ว ตามพื้นห้องน้ำก็มีคราบฉี่ที่คอยส่งกลิ่นฉุนอยู่เหมือนกัน ดังนั้นเราจึงต้องทำความสะอาดพื้นห้องน้ำด้วยส่วนผสมดังต่อไปนี้ เริ่มจากนำเกลือ 1 ถ้วยตวง มาผสมกับเบกกิ้งโซดา 1 ถ้วยตวง และตามด้วยน้ำส้มสายชูอีก 1 ถ้วยตวง คนให้ส่วนผสมทั้งหมดเข้ากันดี จากนั้นใช้แปรงเกลี่ยส่วนผสมให้ทั่วพื้นห้องน้ำและที่ชักโครก ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที แล้วเช็ดส่วนผสมออกให้หมดหรือล้างออกด้วยน้ำสะอาด กลิ่นก็จะหายไปเอง 9.ใช้สเปรย์แอมโมเนียดับกลิ่นฉี่ สเปรย์แอมโมเนียก็ช่วยดับกลิ่นฉี่ได้ เพียงแค่นำแอลกอฮอล์ขนาด 2 ถ้วยตวง มาผสมกับสบู่เหลว 1 ช้อนชา และแอมโมเนียธรรมดาหรือแอมโมเนียกลิ่นมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ ในระหว่างที่กำลังผสมอย่าคนจนเกิดฟองอากาศเด็ดขาด แล้วเทใส่ขวดสเปรย์เก็บไว้ หากเจอกลิ่นและคราบฉี่ตรงไหน ก็ฉีดสเปรย์ลงไปและราดน้ำให้เรียบร้อย 10.DIY เครื่องหอมช่วยดับกลิ่นฉี่  สำหรับคนที่ชอบกลิ่นหอม ๆ น่าจะชอบวิธีนี้ เริ่มจากฝานเลมอนแล้วนำไปใส่ในขวดโหลที่มีฝาปิด ตามด้วยโรสแมรี่ 2 ก้าน วานิลลาสกัด 1 ช้อนชา เติมน้ำให้เกือบเต็มขวดโหล นำไปแช่ในตู้เย็นประมาณ 2 สัปดาห์ แล้วค่อยนำเอาออกมาต้มด้วยไฟกลางให้พอเดือด เทใส่ขวดโหล จากนั้นก็นำไปวางในห้องน้ำได้เลย เห็นไหมครับว่า กลิ่นฉี่ฉุน ๆ ในห้องน้ำไม่ใช่เรื่องยากเกินแก้ไขอีกต่อไป เพราะแค่นำวิธีการและสูตรดับกลิ่นที่เรานำมาฝากกันในวันนี้ไปลองทำและใช้ แล้วจะรู้ว่ามันง่ายและได้ผลดีจนต้องบอกต่อกันเลยทีเดียว นอกจากการดับกลิ่นฉี่แล้ว ยังมีเคล็ดลับอื่นๆ สำหรับบ้านเรา เทคนิคดีๆ 5 เคล็ดลับ จัดการกลิ่นในห้องครัว เคล็ดลับการรักษาพรม และเลือกซื้อให้ถูกวิธี ทางลัดลดค่าไฟ 15 วิธีจัดห้องนอนให้เย็นสบายโดยไม่เปิดแอร์
ต่อรั้วบ้านเดิมเพิ่มความส่วนตัว

ต่อรั้วบ้านเดิมเพิ่มความส่วนตัว

เรื่อง :  อิษฎา แก้วประเสริฐ             SCG Experience Architect "เมื่อพื้นที่รอบบ้านมีการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าจะเป็นถนนสาธารณะ หรือตึกข้างเคียงที่สูงขึ้น รั้วบ้านเดิมจึงไม่สามารถปกป้องความเป็นส่วนตัวได้เท่าที่ควร การปรับปรุงรั้วบ้านให้สูงขึ้นพร้อมหาวิธีตกแต่งให้สวยงาม นับเป็นอีกทางเลือกที่น่าสนใจสำหรับเจ้าของบ้านซึ่งประสบปัญหาดังกล่าว" “รั้วบ้าน” เป็นปราการที่กั้นระหว่างตัวบ้านกับเพื่อนบ้านหรือพื้นที่สาธารณะภายนอก แต่ด้วยการเปลี่ยนแปลงของสภาพสังคมทุกวันนี้  สิ่งไม่พึงประสงค์ต่างๆ ทั้ง เสียง มลพิษ และภัยจากผู้คุกคาม อาจเข้ามาถึงตัวบ้านได้ง่ายขึ้น รั้วบ้านเดิมที่สร้างไว้เริ่มสูงไม่พอ เมื่อเทียบกับระดับถนน พื้นดินแวดล้อม และความสูงของอาคารสร้างใหม่ใกล้เคียง ทั้งหมดนี้นำมาซึ่งความกังวลใจจนเจ้าของบ้านจนต้องเริ่มนึกถึง “การปรับปรุงรั้วบ้านให้สูงขึ้น” ซึ่งมีเรื่องต่างๆ ต้องพิจารณา ได้แก่ ความสูง ความโปร่ง ความสวยงาม รวมถึงปัจจัยสำคัญคือ สภาพรั้วบ้านเดิม น้ำหนักวัสดุ และการติดตั้ง รั้วบ้านที่ทำการต่อเติมด้วยระแนงไม้เทียม รั้วบ้านที่เตี้ยเกินไปจนบุคคลภายนอกมองเข้ามาได้ ทำให้รู้สึกไม่เป็นส่วนตัว ต่อเติมรั้วบ้านสูงเท่าไหร่ดี ความสูงของรั้วบ้านจะต้องไม่ขัดกับกฎหมาย โดยจะสูงจากระดับถนนหรือทางเท้าได้ไม่เกิน 3.00 เมตร และควรคำนึงถึงความระดับความสูงของอาคารข้างเคียงรวมถึงช่องเปิดด้วย  ทั้งนี้ระดับรั้วบ้านยิ่งสูงจะยิ่งมีพื้นที่ปะทะแรงลมมากขึ้นจึงควรคำนึงเรื่องจุดยึดที่มั่นคงแข็งแรงเพียงพอ รั้วบ้านโปร่ง รั้วบ้านทึบ เจ้าของบ้านหลายคนอยากให้รั้วบ้านโปร่ง สามารถมองทะลุและระบายอากาศได้  เพื่อลดความอึดอัด โดยเฉพาะบ้านที่มีระยะร่นอาคารน้อย ระยะห่างระหว่างตัวบ้านกับรั้วค่อนข้างกระชั้น หรือกรณีที่มีความสูงของบ้านมากๆ หากทำรั้วบ้านทึบตันจะยิ่งอึดอัด ทั้งนี้การทำรั้วบ้านโปร่งอาจออกแบบเป็นจังหวะโปร่ง-ทึบ สลับกันไป ตามตำแหน่งระยะและมุมมองที่เหมาะสมในเรื่องความเป็นส่วนตัว อย่างไรก็ตาม การต่อเติมรั้วบ้านให้สูงเป็นการแก้ปัญหาเฉพาะเรื่องความเป็นส่วนตัวด้านสายตาเท่านั้น ส่วนเรื่องการป้องกันเสียงรบกวนยังช่วยได้ไม่มาก ภาพเปรียบเทียบรั้วบ้านทึบ (ซ้าย) กับรั้วบ้านโปร่ง (ขวา) ซึ่งลมสามารถลอดผ่านซี่รั้วเข้ามาได้ ออกแบบส่วนต่อเติมรั้วบ้านให้สวยงาม รั้วบ้านเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลกับรูปลักษณ์ของบ้าน  การปรับปรุงรั้วบ้านควรเลือกใช้วัสดุ สีสัน และรูปแบบที่ไม่ขัดแย้งกับบ้าน โดยอาจลดทอนความแข็งกระด้างของวัสดุรั้วบ้านทรงสี่เหลี่ยมทื่อๆ ได้ด้วย พืชพรรณต้นไม้ สวนแขวน หรือสวนแนวตั้ง ซึ่งนอกจากจะเพิ่มพื้นที่สีเขียวเพื่อความสุขสบายตาแล้ว ยังช่วยลดแสงสะท้อนสำหรับรั้วบ้านสีอ่อน และลดทอนเสียงรวมถึงมลพิษจากภายนอกได้ด้วยเช่นกัน ตัวอย่างการตกแต่งรั้วบ้านด้วยวัสดุเบาต่างๆ สภาพรั้วบ้านเดิม นับเป็นเรื่องสำคัญที่สุดที่เจ้าของบ้านควรพิจารณา เนื่องจากโครงสร้างของรั้วบ้านทั่วไปมักจะรับน้ำหนักด้วยเสาเข็มแบบสั้น หากเป็นไปได้ควรนำแบบรั้วบ้านมาขอรับคำปรึกษาจากวิศวกรโครงสร้างจะดีที่สุด เพื่อช่วยประเมินว่าโครงสร้างรั้วบ้านยังอยู่ในสภาพดีหรือไม่ โดยรั้วบ้านจะที่ต่อเติมไม่ควรเกิดการทรุดตัวมาก คานทับหลังไม่แอ่นตกท้องช้าง ไม่มีการปริแตกของเสารั้วบ้าน วัสดุผนังที่ก่อไว้ไม่แตกทะลุหรือมีรอยแยกใหญ่ผิดปกติ รั้วบ้านที่มีลักษณะดังกล่าวนี้หากฝืนต่อเติมไปอาจยิ่งก่อให้เกิดปัญหามากขึ้น น้ำหนักของวัสดุที่ใช้ต่อเติมรั้วบ้าน หลีกเลี่ยงวัสดุประเภทผนังก่อ เพราะการต่อเติมจะสร้างน้ำหนักให้กับโครงสร้างรั้วบ้านเดิมเพิ่มขึ้น ควรเลือกใช้วัสดุเบา ยกตัวอย่างเช่น ไฟเบอร์ซีเมนต์ ซึ่งมีทั้งแบบแผ่นบอร์ด และแผ่นยาวที่ออกแบบหน้ากว้างมาสำหรับทำรั้วบ้านโดยเฉพาะ บางรุ่นมีสีและพื้นผิวเลียนแบบไม้ให้เลือกใช้ด้วย โดยติดตั้งกับโครงสร้างเบา เช่น โครงเหล็ก โครงไม้ ฯลฯ ตามระยะโครงคร่าวที่ผู้ผลิตกำหนด (ส่วนใหญ่มักมีระยะประมาณ 30-60 ซม.ขึ้นอยู่กับขนาดและความหนาของวัสดุ) โครงเหล็กสำหรับรั้วส่วนต่อเติม วิธีการติดตั้งเข้ากับรั้วบ้านเดิม รั้วบ้านส่วนต่อเติมควรติดตั้งโดยยึดเข้ากับโครงสร้างรั้วบ้านเดิมที่เป็นส่วนของคอนกรีตเสริมเหล็ก (คสล.) ได้แก่ คานคอดิน เสารั้วบ้าน หรือคานทับหลังรั้วบ้าน เพราะเป็นจุดที่เจาะยึด หรือฝังเหล็กเสียบเหล็กได้ดี โดยถ่ายน้ำหนักสู่ระบบฐานรากหรือโครงสร้างใต้ดินโดยตรง ส่วนวิธีการยึดนั้น จะยึดโครงรั้วบ้านใหม่เข้ากับด้านบนของคานทับหลังรั้วบ้านเดิม (ภาพซ้าย) หรือเลือกยึดด้านข้างโดยใช้สกรูยึดเพลทเหล็กเข้ากับโครงสร้าง แล้วเชื่อมโครงสร้างรั้วบ้านใหม่เข้ากับเพลทเหล็ก (ภาพขวา) อีกวิธีหนึ่งคือฝังเหล็กหนวดกุ้งเข้ากับเนื้อคอนกรีตด้วยกาวซีเมนต์หรือเคมีภัณฑ์ที่ใช้เสียบเหล็ก จากนั้นนำมาเชื่อมกับโครงสร้างรั้วบ้านต่อเติม วิธีหลังนี้ต้องอาศัยความแม่นยำในการต่อเชื่อมสูง จึงมักไม่เป็นที่นิยมนัก การติดตั้งรั้วส่วนต่อเติมด้วยโครงเหล็กและไม้เทียม จะเห็นได้ว่าการต่อเติมรั้วบ้านให้สูงขึ้นนั้น นอกจากความสวยงาม ความโปร่ง และความเป็นส่วนตัวแล้ว ยังมีเรื่องของความแข็งแรงซึ่งเป็นข้อสำคัญที่ควรคำนึง ทั้งสภาพโครงสร้าง การยึดติดตั้ง รวมถึงแรงลมปะทะที่เพิ่มขึ้น ทางที่ดีควรให้วิศวกรหรือผู้เชี่ยวชาญช่วยพิจารณา โดยเฉพาะการประเมินสภาพโครงสร้างรั้วบ้านเดิม ขนาดเหล็ก ระยะยึดทาบของโครงสร้าง เพื่อให้การปรับปรุงต่อเติมรั้วบ้านมีความมั่นคงแข็งแรง สามารถตอบโจทย์ความต้องการของเจ้าของบ้านได้อย่างแท้จริง หรือหากมีข้อสงสัย สามารถปรึกษาสถาปนิกจาก SCG ได้ก่อนการแก้ไขปรับปรุงดังกล่าว ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  www.scgbuildingmaterials.com
เลาะกระเบื้องที่แตกร้าวออกอย่างไร ไม่ให้กระเบื้องแผ่นอื่นรอบๆ ที่ติดกันแตกไปด้วย?

เลาะกระเบื้องที่แตกร้าวออกอย่างไร ไม่ให้กระเบื้องแผ่นอื่นรอบๆ ที่ติดกันแตกไปด้วย?

การเลาะกระเบื้องแผ่นที่แตกร้าวเพื่อเปลี่ยนใหม่โดยไม่ให้แผ่นรอบๆ เกิดการแตกร้าวเสียหายต้องทำอย่างระมัดระวัง โดยใช้หลักการเพิ่มพื้นที่ว่าง โดยการสกัดยาแนวรอบแผ่นกระเบื้องที่แตกออกเสียก่อน จากนั้นจึงค่อยๆ สกัดแผ่นกระเบื้องที่เกิดการชำรุดออกโดยการทุบ หรือใช้อุปกรณ์ “ลูกหมู” ค่อยๆ กรีดหรือตัดกระเบื้องแผ่นที่แตกร้าวออก ซึ่งทำให้กระเบื้องแผ่นรอบๆ มีความเสี่ยงต่อการแตกหักน้อยกว่า จากนั้นจึงติดตั้งกระเบื้องแผ่นใหม่ลงไป ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก  www.scgbuildingmaterials.com