วันนี้เราจะพาไปเยี่ยมชมโครงการใหม่แกะกล่องในแนวรถไฟฟ้า BTS สายสีเขียวจากบริษัท อนันดา เดลเวลลอปเมนท์ ซึ่งใช้ชื่อว่า Ideo Sukhumvit 115 แค่ชื่อก็บอกอยู่แล้วนะครับว่าทำเลที่ตั้งของโครงการอยู่ตรงส่วนไหนของถนนสุขุมวิท แต่ถ้าจะให้เจาะจงให้ชัดกว่านี้ก็ต้องบอกว่า ที่ตั้งโครงการอยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้าปู่เจ้าสมิงพรายเลยทีเดียว ซึ่งแต่ละโครงการของแบรด์นี้ก็่ขึ้นชื่อในเรื่องของทำเลติดรถไฟฟ้าดีอยู่แล้ว และโครงการนี้ก็ไม่ทำให้ผิดหวังอีกเช่นเคย ว่าแล้วเราก็ไปเยี่ยมชมบรรยากาศกันเลยดีกว่า การเดินทาง เรื่องการเดินทางไปยังโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ในปัจจุบัน รถไฟฟ้า BTS จะมีปลายทางสถานีอยู่ที่แบริ่ง และในส่วนต่อขยายนี้ก็กำลังอยู่ในระหว่างก่อสร้างให้เห็นเป็นรูปเป็นร่างมากแล้ว โดยคาดว่าน่าจะแล้วเสร็จเปิดใช้งานได้ในช่วงปลายปี 59 หรือต้นปี 60 ซึ่งก็น่าจะเป็นเวลาใกล้เคียงกับที่ตัวคอนโดสร้างเสร็จพร้อมเข้าอยู่พอดี อันนี้นับว่าเป็นเรื่องดีเลยทีเดียว ดังนั้นในเรื่องการเดินทางด้วยรถไฟฟ้าจึงไม่เป็นปัญหาเลย ด้วยบันไดสถานีรถไฟฟ้าอยู่ห่างจากหน้าโครงการเพียง 30 เมตร จัดว่าสะดวกสบายแบบสุดๆ ครับ ใครที่กำลังอยากได้คอนโดติดรถไฟฟ้า โครงการนี้จึงเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าเก็บไว้พิจารณาครับ ส่วนการเดินของเราในวันนี้ เราเลือกเดินทางข้ามมาจากทางฝั่งพระราม 3 ด้วยเส้นทางข้ามสะพานภูมิพลมาลงที่ปู่เจ้าสมิงพรายเลย จากนั้นก็ขับตรงมาเรื่อยๆ จนสุดถนน พอเจอถนนสุขุมวิทก็ให้เลี้ยวขวาไปทางพิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ หรือช้างสามเศียร จากแยกนี้วิ่งอีกนิดเดียวก็เจอะกับห้างบิ๊กซี จัมโบ้ แล้วที่อยู่ติดกันก็คือ โครงการ Ideo Sukhumvit 115 นั่นแหละครับ รั้วติดกันเลย แผนที่ตั้งโครงการ Ideo Sukhumvit 115 จะเห็นว่ารอบๆ โครงการแวดล้อมไปด้วยถนนหนทางหลายสาย และสถานที่สำคัญมากมาย ครั้งนี้เราเลือกเดินทางมาจากทางฝั่งพระราม 3 มุ่งหน้าไปขึ้นสะพานภูมิพลครับ ขึ้นสะพานภูมิพลแล้วให้สังเกตุป้ายไปทางปู่เจ้าสมิงพรายให้ดี ข้ามจากสะพานภูมิ ๑ ต่อไปยังสะพานภูมิพล ๒ เลยนะครับ มุ่งหน้าไปตามป้ายปู่เจ้าสมิงพรายนะครับ เส้นทางนี้เป็นทางโค้งต้องระมัดระวังให้ดีๆ นะครับ ลงจากสะพานมาแล้วก็สังเกตุป้ายสำโรงนะครับ วิ่งมาจนสุดถนนแล้วก็จะเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายไปทางสำโรงนะครับ ตลอดถนนปู่เจ้าสมิงพรายจะมีโรงงานอุตสาหกรรม โกดังใหญ่ๆ ให้เห็นตลอดทั้งสายเลย ถนนสายนี้เป็นถนนใหญ่ 6 เลน มีเกาะกลางตลอดทั้งทาง ขับมาจนช่วงกลางๆ ถนนจะเจอสถานีตำรวจภูธรสำโรงใต้นะครับ เนื่องจากถนนปู่เจ้ามีโรงงานอุตสากรรม โกดังมากมาย ดังนั้นเราจะเจอรถบรรทุกเป็นจำนวนมากบนถนนสายนี้ สุดถนนปู่เจ้าสมิงพรายแล้วจะมาเจอกับถนนสุขุมวิทนะครับ ที่เห็นด้านบนคือ รางรถไฟฟ้าส่วนต่อขยาย จากตรงนี้เดี๋ยวเราเลี้ยวขวาไปที่โครงการกันครับ พอเลี้ยวขวามาแล้ววิ่งตรงมาตามรางรถไฟฟ้าเรื่อยๆ บนถนนสายนี้ยังคงเจอรถบรรทุกอยู่เป็นระยะนะครับ ขับรถก็ระวังๆ กันหน่อย พอเจอห้างบิ๊กซีจัมโบ้ก็เตรียมตัวชิดซ้ายได้เลยครับ ตรงหน้าทางเข้าห้างบิ๊กซีจัมโบ้จะมีทางกลับรถพอดี ถ้ามาจากทางถนนวงแหวนก็สามารถมากลับรถเข้าโครงการตรงนี้ ส่วนถ้าใครจะมาดูโครงการ Ideo ก็สามารถจอดรถในห้างบิ๊กซีได้นะครับ พอสุดรั้วห้างบิ๊กซีจัมโบ้ ก็จะเจอโครงการ Ideo เลยครับ จะเห็นได้ว่าตัวสถานีปู่เจ้าฯ อยู่ตรงหน้าโครงการพอดีเลย ตัวสถานีรถไฟฟ้าอยู่ตรงหน้าเลยครับ ยืนอยู่หน้าโครงการนี่เห็นกันชัดเจนเลยว่าติดรถไฟฟ้าจริงๆ มุมนี้จากนห้าทางเข้าครับ มองกลับไปทางบิ๊กซี อีกด้านที่อยู่ติดกับโครงการเป็นตึกแถว ร้านค้าที่อยู่มาก่อนแล้ว เส้นทางการใช้รถใช้ถนนในย่านนี้ก็อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้ว ว่าสามารถเลือกได้ค่อนข้างหลากหลาย ทั้งถนนวงแหวนสายตะวันออก สะพานภูมิพล ถนนสุขุมวิท ถนนศรีนครินทร์ ถนนเทพารักษ์ และถนนบางนา-ตราด ดังนั้นเวลาที่รถติดหนักๆ ก็สามารถหาเส้นทางเลี่ยงเข้า-ออกเมืองได้อยู่เหมือนกัน นอกเหนือจากนี้ก็จะเป็นการเดินทางด้วยระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ทั้งรถเมล์ รถสองแถว มอเตอร์ไซค์รับจ้าง แท็กซี่ สามล้อ ที่มีวิ่งกันตลอดทั้งวัน ต่อให้ไม่มีรถส่วนตัวก็ยังสามารถเดินทางกันได้สะดวกมากๆ เลยล่ะครับ วิเคราะห์รอบโครงการ ถึงแม้ปัจจุบันทำเลในย่านนี้จะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากแต่ก่อนมากแล้ว เนื่องจากมีทั้งรถไฟฟ้า BTS ที่ต่อขยายและจะพร้อมใช้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า มีถนนหนทางเชื่อมโยงหลายสาย มีคอนโดใหญ่ๆ และที่อยู่อาศัยในรูปแบบต่างๆ ผุดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทำให้ความเจริญแผ่ขยายมามาก แต่ในขณะเดียวก็ยังปฏิเสธไม่ได้ว่าทำเลในแถบชานเมืองตรงนี้ ยังมีบรรยากาศเป็นแหล่งชุมชนเก่า และยังเป็นแหล่งรวมอุตสาหกรรมที่สำคัญอีกมากมาย ดังนั้นย่านนี้จึงมีกลุ่มพนักงานเป็นจำนวนมากที่ยังต้องการที่อยู่อาศัยใกล้ที่ทำงาน และโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว เพราะตัวโครงการตั้งอยู่ติดกับถนนใหญ่เลย ไม่ต้องนั่งรถต่อเข้าซอยอีกเหมือนอย่างคอนโดในซอยแบริ่ง ลงจากรถไฟฟ้าปุ๊ปก็เดินเข้าโครงการได้เลย นอกจากนี้ในเรื่องของสภาพแวดล้อมเพื่อการอยู่อาศัยก็จัดว่าเพียบพร้อมไม่น้อยเลย เริ่มตั้งแต่ร้านค้า ร้านสะดวกซื้อที่จะมีอยู่ใต้โครงการ ห้างบิ๊กซีจัมโบ้ก็อยู่รั้วติดกัน ห่างออกไปไม่ไกลก็มีตลาดสำโรง มีโรงพยาบาล และโรงเรียนดังอยู่รอบๆ หลายแห่ง เช่นเดียวกันกับแหล่งช้อปปิ้ง ห้างสรรพสินค้า ก็มีทั้ง ห้างเซ็นทรัลบางนา ศูนย์การค้าไบเทค ซีคอนสแควร์ พาราไดซ์พาร์ค ฯลฯ รวมถึงแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังอย่าง พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ เมืองโบราณ สถานตากอากาศบางปู เป็นต้น อีกทั้งยังมีบรรยากาศของความเป็นชุมชนเก่า ความอุดมสมบูรณ์จึงเข้าขั้นพอใช้ได้เลยทีเดียว ห้างบิ๊กซี จัมโบ้ นี่อยู่ติดกับโครงการ Ideo เลยนะครับ แถมเป็นจุดจอดรถเมล์ด้วย สะดวกสุดๆ ถ้ามาอยู่ที่นี่รับรองว่าไม่มีอดครับ เพราะมีห้างบิ๊กซีจัมโบ้ให้พึ่งพาซื้อหาของกินของใช้ได้ เรามาดูที่ตัวโครงการกันบ้างครับ สำหรับ Ideo Sukhumvit 115 เป็นคอนโด High Rise สูง 35 ชั้น เป็นอาคารเดี่ยวเลยนะครับ เรื่องการออกแบบตกแตกตัวอาคารก็เป็นสไตล์โมเดิร์นตามแบบของแบรนด์ Ideo ที่เน้นจับกลุ่มคนรุ่นใหม่ วัยทำงาน ที่เน้นเรื่องความสะดวกสบาย ดังนั้นทำเลที่ตั้งของโครงการจึงถูกเลือกมาให้ตอบโจทย์ได้มากที่สุด มียูนิตที่พักอาศัยรวมไม่ถึง 1,000 ยูนิต จัดว่าเป็นโครงการใหญ่ติดถนนสุขุมวิทเลยนะครับ เรื่อง Facility ภายในก็จัดว่าครบครัน ทั้งสระว่ายน้ำ ฟิตเนส ห้องสมุด พื้นที่สีเขียวทั้งบริเวณด้านหน้าโครงการ และ Sky Garden บนดาดฟ้า รวมถึงพื้นที่ของร้านสะดวกซื้อที่บริเวณชั้น 1 เช่นเดียวกับเรื่องระบบรักษาความปลอดภัย ที่มีพร้อมทั้ง Digital Door Lock กล้อง CCTV เข้าออกด้วย Key Card และเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ทั้งหมดนี้ก็เป็นไปตามมาตรฐานของโครงการที่จัดกันมาให้เต็มที่เพื่อความสะดวกสบายของลูกบ้านทุกยูนิต สำหรับเรื่องที่จอดรถทางโครงการเตรียมไว้ให้ตั้งแต่ชั้น 1-6 ซึ่งคิดเป็นจำนวนประมาณ 30% (รวมจอดซ้อนคันแล้ว) ตามคอนเซปต์ของคอนโดที่อยู่ติดกับรถไฟฟ้าเลยครับ ที่ไม่ได้เน้นเรื่องที่จอดรถมากนัก เพราะอย่างไรก็สามารถเดินทางได้สะดวกด้วยรถไฟฟ้าเป็นหลักอยู่แล้ว โมเตลอาคารครับ เป็นอาคารเดี่ยวขนาดใหญ่ ดีไซน์โมเดิร์นเท่ห์ๆ เลย จากโมเดลจะเห็นว่า สถานีรถไฟฟ้าปู่เจ้าสมิงพรายอยู่ตรงหน้าโครงการเลย แต่บันไดทางลงจากตัวสถานีจะอยู่ค่อนมาทางหน้าหน้าบิ๊กซี ซึ่งห่างจากหน้าโครงการเพียง 30 เมตร โซนด้านหน้าโครงการจัดเป็นสวนสำหรับนั่งพักผ่อน ที่โซนด้านหลังโครงการก็ยังมีพื้นที่สีเขียวเล็กๆ เอาไว้ให้เป็นจุดนั่งเล่นพักผ่อนอีกแห่ง สระว่ายน้ำที่ชั้น 7 จะยื่นออกมาจากตัวอาคารหลักนะครับ ทำให้ได้สระกลางแจ้งขนาดใหญ่หน่อย ด้านล่างของสระว่ายน้ำเป็นอาคารจอดรถซึ่งเพิ่มเติมมาจากตัวอาคารหลัก ภาพจำลองบรรยากาศของสระว่ายโครงการ แปลนบริเวณชั้น 1 ของโครงการ จะเห็นว่าโซนด้านหน้าเป็นพื้นที่ของร้านค้า ซึ่งยังไม่ได้มีการระบุนะครับว่าจะมีร้านอะไรบ้าง ถัดเข้ามาด้านในก็จะเป็นจุด Drop Off และ Lobby ตั้งแต่ชั้น 2 ขึ้นไปจนถึงชั้น 6 จะเป็นพื้นที่จอดรถทั้งหมดครับ ส่วนจอดรถที่ชั้น 6 ก็จะน้อยหน่อยนะครับ มาถึงชั้น 7 ก็จะเริ่มเป็นที่พักอาศัยแล้ว ในขณะที่โซนด้านหลังจะเป็นพื้นที่ส่วนกลางรวม Facility หลักเอาไว้ทั้งหมด แปลนตั้งแต่ชั้น 8 ขึ้นไปจนถึงชั้นที่ 34 ก็จะเป็นแปลนแบบเดียวกันทั้งหมด ดาดฟ้าที่ชั้น 35 มี Sky Garden นะครับ เอาไว้ขึ้นไปนั่งเล่นรับลม ชมวิวได้ ส่วนใครที่ใช้รถส่วนตัวเป็นหลักก็ต้องบอกกันตรงๆ ว่าปัจจุบันถนนหนทางในย่านนี้ยังมีการจราจรที่ติดขัดอยู่พอสมควรทั้งในช่วงเช้าและเย็น หรือบางทีก็มีปริมาณรถเยอะจนเคลื่อนตัวไปได้ช้ากว่า อีกทั้งจำนวนรถบรรทุก รถสิบล้อ และรถพ่วงบนถนนก็มีปริมาณมากเกือบทั้งวัน เนื่องจากอยู่ในย่านอุตสาหกรรมจึงหลีกเลี่ยงได้ยาก การขับรถขับราบนถนนหนทางแถวนี้จึงต้องใช้ความระมัดระวังสูง พาชมห้องตัวอย่าง ทีนี้เราจะพาไปดูภายในห้องตัวอย่างกันบ้าง ซึ่งทางโครงการจัดห้องตัวอย่างไว้ให้ชม 3 แบบด้วยกัน โดยที่แต่ละห้องก็มีรายละเอียดการตกแต่งที่เหมาะกับการใช้สอยต่างกันออกไป แต่ที่แน่ๆ คือ ทางโครงการขายห้องชุดทุกห้องมาพร้อมเฟอร์นิเจอร์ตกแต่งเสร็จ (Fully Furnished) พร้อมชุดครัว และเครื่องปรับอากาศ ตามรายการที่แสดงไว้ชัดเจนในทุกๆ ห้องตัวอย่างเลยครับ เดี๋ยวเราไปชมชัดๆ กันเลยดีกว่า ห้อง Type แรกที่เราจะดูกันเป็นห้อง Studio ขนาด 27.50 ตร.ม. นะครับ เฟอร์นิเจอร์ที่จะแถมมากับห้องก็เป็นไปตามนี้เลยครับ เราไปดูห้องตัวอย่างกันเลยดีกว่า เปิดเข้าห้องมาก็จะเห็นภาพรวมในห้องแบบนี้ โซนนั่งเล่นกับที่นอนจะแชร์พื้นที่ใช้สอยร่วมกันตามในภาพเลยครับ ในห้องตัวอย่างชั้นวางทีวี ชั้นวางของเป็นแบบ Built-in ซึ่งห้องจริงจะเป็นเฟอร์นิเจอร์แบบลอยตัวนะครับ ภาพมุมนี้จะเห็นโซนนั่งเล่นชัดๆ ซึ่งวางโซฟาขนาด 2 ที่นั่งไปแล้วก็ยังเหลือพื้นที่ด้านข้างให้วางตู้ หรือทำชั้นเก็บของได้อีก อันนี้ลองนั่งที่โซฟาดูก็รู้สึกว่าระยะห่างจากทีวีก็กำลังดีเลยครับ โต๊ะกินข้าวตัวนี้ ออกแบบมาช่วยให้ประหยัดพื้นที่ในห้องได้เป็นอย่างดี ถ้าไม่ได้ใช้ก็สามารถพับเก็บได้เรียบร้อย มุมห้องนอนวางเตียงขนาด 5 ฟุตได้กำลังดี เหลือพื้นที่บริเวณปลายเตียงให้เดินได้สะดวก ไม่แคบจนเกินไป บริเวณปลายเตียงมีตู้เสื้อผ้าอยู่ติดกับชั้นวางทีวีเลยครับ ของจริงจะเป็นตู้แบบลอยตัวไม่ได้ Built-in มาให้ จากมุมข้างหัวเตียงตรงหน้าห้องน้ำ วางโต๊ะเครื่องแป้งไว้เป็นมุมแต่งตัวได้ จากมุมนี้เราจะได้เห็นภาพรวมของห้องในอีกมุม เดี๋ยวเราไปดูในห้องน้ำกันบ้าง ซึ่งห้องน้ำของห้อง Type นี้จะอยู่ใกล้กับที่นอนเลย ภาพรวมในห้องน้ำ มีการจัดวาง Layout ตามนี้ครับ เน้นสีโทนเข้ม เรื่องการระบายอากาศในห้องน้ำ มีสองรูปแบบ มีทั้งพัดลมดูดอากาศ และหน้าต่างบานกระทุ้งขนาดใหญ่ ที่นอกจากจะเป็นข้อดีในเรื่องการระบายกลิ่นแล้วยัง ช่วยในเรื่องการเพิ่มแสงธรรมชาติในช่วงเวลากลางวันอีกด้วย สีกระเบื้องภายในห้องเป็นสีโทนเข้ม ตัดกับสีชุดสุขภัณฑ์สีขาว อ่างล้างหน้าของ American Standard ด้านล่างเป็นตู้เก็บของ ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระ ก็ใช้ของ American Standard เช่นกัน ฝักบัวอาบน้ำครับ อันใหญ่ดีทีเดียว พื้นที่ใช้สอยภายในห้องน้ำก็กำลังดีครับ ไม่แคบจนเกินไป มาดูห้องครัวกันบ้าง ตำแหน่งห้องครัวอยู่ด้านเดียวกับห้องน้ำเลย ในครัวจะมีตู้เก็บของและเคาน์เตอร์ครัวมาให้แล้ว ครัวจะเป็นระบบปิด แยกส่วนระหว่างพื้นที่ครัวและห้องรับแขกหรือพื้นที่ส่วนอื่นๆออกจากกัน โดยมีประตูกั้นแบ่งแยกชัดเจน ทำให้ไม่มีกลิ่นอาหารในห้อง และป้องกันคราบน้ำมัน รวมทั้งฝุ่นละอองที่เกิดจากการปรุงอาหารเข้าสู่พื้นที่ใช้สอยอื่นๆ อีกทั้งพื้นที่ครัวติดหน้าต่าง ทำให้มีการระบายเรื่องกลิ่นได้รวดเร็วขึ้นอีกด้วย ซิงค์ล้างจานเป็นแบบฝังติดเคาน์เตอร์เลย เตาไฟฟ้า 2 หัว ยี่ห้อ MEX ครับ มาพร้อมกับฮูทดูดควันเข้าชุดยี่ห้อเดียวกัน ถัดจากห้องครัวออกไปเป็นระเบียง พื้นที่ระเบียงก็ไม่กว้างมาก แต่ก็พอใช้สอยประโยชน์ได้สบายๆ อยู่ครับ ตรงระเบียงกั้นด้วยประตูกระจกบานเลื่อน ทำให้ช่วยระบายกลิ่นเวลาทำกับข้าวได้ดี ธรณีประตูตรงระเบียงก็สูงพอสมควร และพื้นระเบียงก็ดร็อปลงมาอีก ป้องกันเรื่องน้ำท่วมขังแล้วไหลเข้าห้องได้ คอมเพรสเซอร์แอร์แขวนไว้ตรงระเบียงมีระแนงบังตาให้เรียบร้อย ด้านล่างคอมเพรสเซอร์แอร์เว้นที่ไว้วางเครื่องซักผ้าได้พอดิบพอดี ห้องต่อไปเป็น Type 1 Bedroom ที่ขนาดห้อง 34 ตร.ม. ชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ให้มากับห้องนี้ก็มีตามภาพเลยครับ ทั้งโต๊ะ ตู้ เตียง โซฟา ฯลฯ ไปดูในห้องตัวอย่างกัน เปิดประตูเข้าห้องมาก็จะโซนนั่งเล่นก่อนเลยครับ บรรยากาศรวมก็จะเป็นประมาณนี้ ชุดโซฟาวางชิดกับกำแพงด้านประตูเลย ฝั่งตรงข้ามเป็นชั้นวางของ ส่วนทีวีแขวนไว้กับผนังห้อง มุมกินข้าวของห้องนี้ จะอยู่ต่อจากโซฟานั่งเล่น ซึ่งวางเป็นโต๊ะชุดเล็กๆ ได้กำลังดี อีกด้านของโต๊ะกินข้าวคือห้องครัว สังเกตุได้ว่าพื้นที่ตรงนี้ค่อนข้างกระทัดรัดเลยทีเดียว ภายในห้องครัวจะมีเคาน์เตอร์ครัวมาให้เรียบร้อย กำแพงอีกด้านสามารถติดชั้นวางของเพิ่มเติมได้ จะช่วยเพิ่มพื้นที่เก็บของให้มากขึ้นกว่าเดิม ประตูห้องครัวใช้เป็นประตูกระจกบานเลื่อนสีดำแบบนี้เลย อันนี้คือรางเลื่อนของประตูห้องครัวนะครับ จะเห็นว่าพื้นห้องครัวดร็อปต่ำกว่าพื้นห้องลงมาเล็กน้อยด้วย ห้องครัวนี้ไม่ได้อยู่ติดระเบียง หน้าต่างเลยติดมาบานใหญ่หน่อย นอกจากจะช่วยในเรื่องรับแสงได้มากขึ้นแล้ว บานกระทุ้ง 2 บานก็จะช่วยเปิดให้ระบายกลิ่นได้ดีเช่นกัน ซิงค์ล้างจานแบบฝังครับ ตำแหน่งวางของห้องนี้อยู่ทางด้านขวา ติดกับตู้เย็นเลย เตาไฟฟ้า และฮูทดูดควันมาเป็นเซ็ตของ MEX แบบห้องก่อนหน้าเลย ด้านบนเป็นตู้เก็บของ Built-in มาให้ มีเว้นที่สำหรับวางไมโครเวฟเรียบร้อย หน้าต่างบานกระทุ้งในห้องครัวเป็กรอบอลูมิเนียมสีดำตามนี้ ติดกับห้องครัวก็เป็นห้องน้ำนะครับ ซึ่งยังคงเน้นโทนสีเทา-ดำเช่นเดิม การจัดวางภายในก็ไม่ต่างจากห้องก่อนหน้ามากนัก ห้องอาบน้ำกั้นกระจกเทมเปอร์มาให้ด้วยแล้ว อ่างล้างหน้าและโถสุขภัณฑ์ก็วางเรียงอยู่ในด้านเดียวกัน เหนืออ่างล้างหน้าทางโครงการจะติดกระจกเงาบานใหญ่ให้ตามภาพเลย อ่างล้างหน้าสเปคเดียวกัน ตินิดหน่อยตรงที่มีที่วางของได้น้อยไป ชุดโถสุขภัณฑ์พร้อมสายฉีดชำระของ American Standard เหมือนเดิม ในห้องน้ำ มีหน้าต่างบ้านกระทุ้งให้อีกบาน สามารถเปิดระบายความชื้นได้ พื้นของห้องอาบน้ำดร็อปต่ำกว่าพื้นห้องน้ำอีกประมาณ 2 ซม. เวลาอาบน้ำก็ไม่ต้องกลัวน้ำจะไหลออกไปถึงโซนอื่นครับ ชุดฝักบัวของ American Standard เช่นกัน หัวใหญ่จับถนัดมือมากครับ บรรยากาศในห้องนอนครับ วางเตียงขนาด 5 ฟุตได้สบาย ข้างเตียงนอน Built-in เป็นตู้เสื้อผ้าเต็มพื้นที่ผนังเลย แต่ห้องจริงจะให้มาเป็นตู้แบบลอยตัวนะครับ อย่าลืม บริเวณปลายเตียงแขวนทีวีติดผนัง แต่ที่ปลายเตียงเหลือนิดเดียวเองนะครับ เดินไปมายากหน่อยนึง สำหรับห้อง Type นี้จะได้ห้องนอนที่มีระเบียงครับ ทำให้เพิ่มพื้นที่ทำงานติดริมระเบียงได้อีกหน่อย ดูกันชัดๆ ครับ มุมนี้ตกแต่งเป็นโต๊ะทำงาน หรือจะให้เป็นโต๊ะเครื่องแป้ง เป็นมุมแต่งตัวก็ได้ ประตูระเบียงเป็นกระจกบานเลื่อนเปิดรับแสงได้ดีครับ ออกมาที่ระเบียงก็มีพื้นที่ใช้สอยได้พอสมควร พื้นระเบียงดร็อปต่ำกว่าพื้นห้องเยอะเหมือนกัน ป้องกันน้ำขังแล้วท่วมเข้าห้องได้ดีเลย พื้นที่ของระเบียงครับ ไม่เล็กไม่ใหญ่ ขนาดกำลังพอใช้งานได้ จะวางคอมเพรสเซอร์แอร์ก็ได้ หรือจะเลือกแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์ไว้ด้านบนก็ได้ครับ ห้องตัวอย่างแบบสุดท้ายคือ 2 Bedroom ที่ขนาด 62 ตร.ม. ครับ เฟอร์นิเจอร์ที่ให้มากับห้องก็จะมีจำนวนเยอะขึ้นกว่าห้องอื่นๆ ตามขนาดห้องครับ อย่าลืมว่าเฟอร์นิเจอร์ที่ให้เป็นแบบลอยตัวทั้งหมดนะครับ ไม่ใช่ Built-in ไปดูห้องตัวอย่างกันดีกว่าครับ สวยดีทีเดียว เดินเข้าห้องมาก็เจอกับ Living Area หรือห้องนั่งเล่นก่อนเลย ลองดูบรรยากาศในห้องก่อนครับ มีมุมทำงานเพิ่มขึ้นมาในห้องนั่งเล่นด้วย ส่วนพื้นที่โดยรวมก็กว้างขวางพอใช้ได้เลย มุมทำงานพร้อมตู้เก็บของจัดเต็มผนังด้านเดียวกับประตูทางเข้าห้องเลย โต๊ะกินข้าวยังคงใช้พื้นที่เดียวกันกับห้องนั่งเล่นนะครับ แบ่งๆ พื้นที่กัน จัดวางดีๆ หน่อยก็ลงตัวดีครับ โต๊ะกินข้าวขนาด 4 ทีนั่งวางไว้ตรงหน้าห้องครัวได้พอดี ดูกันชัดๆ ครับ พอวางโต๊ะกินข้าวแล้ว ยังเหลือพื้นที่ข้างๆ ให้ลากเก้าอี้ออกมานั่งได้สบายๆ พื้นที่โถงกลางห้องที่เป็น Living Area ถูกจัดสรรให้ใช้สอยได้คุ้มค่าทุกตารางเมตรจริงๆ ห้องครัวกับห้องน้ำอยู่ด้านเดียวกันนะครับ คล้ายๆ กับห้องแบบ 1 Bedroom ภายในห้องครัวจะคล้ายกับห้องก่อนหน้านี้นะครับ แต่มีขนาดที่กว้างขวางขึ้น ซึ่งเคาน์เตอร์ครัวก็ติดตั้งมาให้เรียบร้อย เว้นแต่ไม่ได้เว้นช่องไว้วางเครื่องซักผ้ามาด้วย เครื่องซักผ้าจึงต้องมาตั้งอยู่อีกฝั่งแทน เคาน์เตอร์ครัว ตำแหน่งการติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ก็คล้ายๆ กับห้อง 1 Bedroom เลยครับ ซิงค์ล้างจานอยู่ทางขวา เตาไฟฟ้าอยู่ทางซ้ายใกล้กับหน้าต่าง ซิงค์ล้างจานอยู่ชิดขอบด้านขวา ติดกับตู้เย็น หัวเตาไฟฟ้า ยี่ห้อ MEX เป็นแบบ 2 หัวเหมือนเดิม ฮูตดูดควันยี่ห้อ MEX เข้าชุดกัน ภายรวมในห้องครัวครับ จะเห็นว่ากว้างขวางกว่าห้องก่อนหน้ามาก ในห้องน้ำติดกระจกบานใหญ่มาให้เรียบร้อย อ่างล้างหน้าของ American Standard สเปคเดิมครับ ชุดโถสุขภัณฑ์สเปคเท่ากับห้องอื่นๆ ในห้องน้ำใช้โทนสีเข้มเหมือนเดิม ส่วนห้องอาบน้ำก็กั้นกระจกเทมเปอร์มาให้เรียบร้อย ชุดฝักบัวในห้องอาบน้ำครับ ในห้องน้ำมีหน้าต่างบานกระทุ้งบานใหญ่ เปิดระบายอากาศได้ดี เดี๋ยวเราไปดูห้องนอนกันครับ ประตูที่เห็นทางด้านซ้ายเป็นห้องนอนใหญ่ ส่วนห้องนอนเล็กจะอยู่ทางด้านขวา อันนี้เป็นห้องนอนใหญ่ครับ พื้นที่ภายในห้องกว้างขวางไม่น้อยเลย ในห้องวางเตียงนอนขนาด 5 ฟุตแล้วยังเหลือพื้นที่รอบๆ เตียงมากอยู่เหมือนกัน บรรยากาศในห้องจึงไม่อึดอัดเลย ด้านข้างเตียงมีช่องหน้าต่างกระจกบานไม่ใหญ่นัก แต่สามารถเพิ่มแสงธรรมชาติให้กับห้องได้อีกทาง ผนังด้านที่ติดกับประตูห้อง Built-in เป็นมุมแต่งตัว มีทั้งโต๊ะเครื่องแป้ง และตู้เสื้อผ้ามาพร้อม ในห้องนอนใหญ่มีห้องน้ำในตัวด้วยนะครับ ซึ่งจะอยู่ตรงประตูทางเข้าห้องเลย ห้องน้ำอยู่ในตำแหน่งหลังฝนังทีวีตรงปลายเตียงนะครับ อ่างล้างหน้า ชุดโถสุขภัณฑ์ กระจกเงาบานใหญ่ จัดวางไว้เหมือนกับห้องน้ำห้องอื่นๆ เป๊ะ ห้องอาบน้ำของห้องนอนใหญ่จะกว้างขึ้นมาอีกพอสมควร ถึงแม้จะอยู่ตรงกับตำแหน่งของเสาไปบ้าง แต่โดยรวมแล้วก็จัดว่ากว้างมากเลยทีเดียว ระเบียงของห้องแบบ 2 Bedroom จะอยู่ในห้องนอนใหญ่นะครับ ซึ่งก็ได้ระเบียงที่กว้างขวาง ยาวเต็มความกว้างของห้อง ที่ระเบียงนอกจากจะเป็นจุดแขวนคอมเพรสเซอร์แอร์เหมือนห้องอื่นๆ แล้ว ยังกว้างพอให้วางชุดเก้าอี้นั่งเล่นได้สบายๆ เอาไว้มานั่งเล่นชมวิวได้ครับ ส่วนอันนี้เป็นห้องนอนเล็กครับ ซึ่งขนาดก็กระทัดรัดกำลังดี ถ้าครอบครัวไหนมีลูกเล็กๆ ห้องนี้ก็เหมาะเลย มีทั้งเตียงนอน โต๊ะทำการบ้าน และตู้ครบ เตียงนอนเล็กจัดวางไว้ชิดผนังห้อง ทำให้เหลือพื้นที่ใช้สอยภายในห้องมากขึ้น ภายในห้องนี้ตกแต่งให้โต๊ะอ่านหน้งสือไว้ตรงหัวเตียง และมีตู้เสื้อผ้า กับชั้นวางทีวีอยู่ติดผนังอีกด้าน อันนี้เป็นเฟอร์นิเจอร์ของห้องนอนเล็กในห้องตัวอย่างนะครับ แต่ของจริงอาจจะหน้าตาต่างกันนิดหน่อย เพราะเป็นเฟอร์นิเจอร์ลอยตัว สำหรับห้องนอนเล็ก อาจปรับเปลี่ยนให้เป็นห้องทำงาน หรือใช้ประโยชน์ในรูปแบบอื่นก็ได้ ตามแต่จะดีไซน์กันครับ สำหรับโครงการ Ideo Sukhumvit 115 ซึ่งเป็นคอนโดที่อยู่ติดกับสถานีรถไฟฟ้า และมีราคาเริ่มต้นอยู่ที่ล้านต้นๆ ถือว่าเป็นโครงการที่น่าสนใจมากเลยทีเดียว ไม่ว่าจะจับจองเพื่ออยู่อาศัยเองหรือเพื่อการลงทุนปล่อยห้องเช่า ก็น่าจะได้รับผลตอบแทนที่ดีอยู่พอสมควร เนื่องจากศักยภาพการเติบโตของที่อยู่อาศัยในย่านนี้ยังโตอีกได้เยอะ ยิ่งถ้ารถไฟฟ้า BTS เปิดให้บริการก็จะเพิ่มความสะดวกในการเดินทางเข้า-ออกเมืองมากขึ้น ถ้าใครที่กำลังเล็งที่อยู่อาศัยในย่านนี้ หรือว่ามีที่ทำงานในแถบนี้อยู่แล้ว ลองเก็บไว้พิจารณาดูก็ไม่เลวครับ