“ออริจิ้น” เปิดตัว “Knightsbridge Phaholyothin Interchange”
ตอกย้ำภาพเจ้าทำเลเกษตร-สะพานใหม่
มั่นใจ Q2 โกยยอดขาย 4,000 ล้านบาท
ออริจิ้น เปิดตัวโครงการใหม่ “ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์” มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 1.89 ล้าน ตระหง่านหัวมุมวงเวียนหลักสี่ ตอกย้ำความเป็นเจ้าทำเลเกษตร-สะพานใหม่ ชูจุดขาย “More Choices More Chances” สร้าง “ชีวิตอัลติเมท” ให้ผู้อยู่อาศัย รองรับความเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯ เปิดวีไอพีพรีเซล ณ สำนักงานขาย 17 มิ.ย.นี้ มั่นใจปิดไตรมาส 2 ด้วยยอดขาย 4,000 ล้านบาท นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ ORI ผู้พัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ไนท์บริดจ์ (Knightsbridge), นอตติ้ง ฮิลล์ (Notting Hill), และเคนซิงตัน (Kensington) กล่าวว่า บริษัทได้เปิดตัวโครงการใหม่ภายใต้ชื่อ “ไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์” (Knightsbridge Phaholyothin Interchange) เป็นคอนโดมิเนียม 15 ชั้น 2 อาคาร จำนวน 726 ยูนิต มูลค่าโครงการ 2,100 ล้านบาท ตั้งอยู่บริเวณหัวมุมวงเวียนอนุสาวรีย์หลักสี่ หันหน้าเข้าหาถนนพหลโยธิน ซึ่งเป็นจุดเชื่อมต่อ (อินเตอร์เชนจ์) ระหว่างรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต และสายสีชมพู มีนบุรี-แคราย “ทำเลรถไฟฟ้าสีเขียวส่วนต่อขยายทางตอนเหนือ ไล่มาตั้งแต่หมอชิต เกษตร สะพานใหม่ ไปจนถึงคูคต ถือเป็นทำเลศักยภาพ และเป็นทำเลที่ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ให้ความสำคัญอย่างต่อเนื่อง เพราะมีทั้งแหล่งชุมชน แหล่งงานภาครัฐ แหล่งงานภาคเอกชนดั้งเดิมของคนกรุงเทพฯตอนเหนือ ซึ่งมีแนวโน้มขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ จากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เป็นทำเลที่มีเรียลดีมานด์มหาศาล เราจึงเปิดตัวโครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ เป็นโครงการที่ 8 ของออริจิ้นบนย่านนี้ เพื่อตอกย้ำความเป็นเจ้าทำเลเกษตร-สะพานใหม่ และตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองที่กำลังจะเปลี่ยนไป”
นายพีระพงศ์ กล่าว โครงการดังกล่าว พัฒนาขึ้นภายใต้คอนเซ็ปต์ More Choices More Chances มุ่งหวังจะสร้างทางเลือกและโอกาสใหม่ๆ ในการอยู่อาศัยให้แก่ผู้บริโภค ด้วยสุดยอดทำเลและสุดยอดสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อให้ผู้บริโภคได้มี “ชีวิตอัลติเมท” โดยจะเปิดวีไอพีพรีเซลโครงการดังกล่าวในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ ณ สำนักงานขายโครงการ ด้านนายนพรัตน์ เอื้อพิพัฒนากูล กรรมการผู้จัดการ บริษัท วัน เรียลเอสเตท จำกัด ในฐานะผู้บริหารด้านการขายและการตลาดโครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ กล่าวว่า โครงการดังกล่าวมุ่งตอบโจทย์ความเปลี่ยนแปลงของกรุงเทพฯด้วยการสร้างทางเลือกใหม่ๆ ให้แก่ผู้บริโภค ได้แก่ 1.ทางเลือกในการเดินทาง ให้ผู้อยู่อาศัยได้ใช้ชีวิตกับ
“อัลติเมท ทรานสปอร์ต” ผ่านจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้า 2 สาย คือสายสีเขียวและสายสีชมพู สามารถเดินทางไปได้ถึง
สุดตอนเหนือของกรุงเทพฯ และคอนเน็คไปสู่จุดอื่นๆ ของกรุงเทพฯได้อย่างง่ายดาย “เมื่อรถไฟฟ้าเปิดให้บริการในอีก 2 ปีข้างหน้า จะช่วยมอบความสะดวกสบายในการเดินทางให้แก่ผู้อยู่อาศัยในโครงการระดับเดียวกับที่อินเตอร์เชนจ์อื่นๆ เช่น สยาม ช่องนนทรี อโศก เคยมอบให้ผู้อยู่อาศัยมาแล้ว ในขณะที่ราคาต่ำกว่าโซน
รัชโยธิน-ลาดพร้าวถึง 40% ทั้งที่อยู่บนรถไฟฟ้าสายเดียวกันและห่างกันเพียงไม่กี่สถานี” นายนพรัตน์ กล่าว 2.ทางเลือกในการใช้ชีวิต เปลี่ยนมุมมองใหม่ๆ ของผู้อยู่อาศัยต่อกรุงเทพฯ ด้วย “อัลติเมท รูฟ” พื้นที่ส่วนกลางบนดาดฟ้าชั้น 15 พร้อมด้วยสกายวอล์คเชื่อมต่อระหว่างคอนโดมิเนียม 2 อาคาร ให้ผู้อยู่อาศัยได้พบกับ Panoramic Bangkok View มองเห็นกรุงเทพฯในมุมมองใหม่แบบ 360 องศา นอกจากนี้ ยังมี “อัลติเมท ฟาซิลิตี้” ให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสประสบการณ์สุดพิเศษผ่านสิ่งอำนวยความสะดวก 30 ฟังก์ชั่น บนพื้นที่ส่วนกลางรวมกว่า 3,700 ตร.ม. ที่จะช่วยรองรับการใช้ชีวิตทั้งการทำงาน ครอบครัว เพื่อน และเรื่องส่วนตัว อาทิ สระว่ายน้ำรูปตัว L ความยาวถึง 35 เมตร ฟิตเนสขนาดกว่า 100 ตร.ม. Co-working space ห้องโยคะ Sky Lounge, Sky Barbeque area
ภายในห้องพักยังออกแบบให้เป็น “อัลติเมท รูม” มีการออกแบบและการตกแต่งภายในห้องพักไว้ถึง 20 รูปแบบ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกัน เฟอร์นิเจอร์ที่ใช้ตกแต่งห้อง เป็นเฟอร์นิเจอร์ไม้ประดับขอบด้วยสีโรสโกลด์ มีกระจกกั้นห้องแบบเต็มเฟรม ช่วยให้บรรยากาศภายในห้องดูหรูหราและมีสไตล์ ขณะที่ความสูงจากพื้นถึงเพดาน (Floor to Ceiling) อยู่ที่ 2.55 เมตร ซึ่งค่อนข้างสูงมากเมื่อเทียบกับโครงการในทำเลเดียวกัน โครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์ ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 5 ไร่ ใกล้สถานีรถไฟฟ้าสถานีวัดพระศรีมหาธาตุ เพียง 200 เมตร และห่างจากเทสโก้ โลตัส สาขาหลักสี่ เพียง 100 เมตร ห่างจากเซ็นทรัล รามอินทรา และบิ๊กซี สะพานใหม่ ในระยะทางเพียงไม่ถึง 2 กิโลเมตร ขณะเดียวกัน ยังใกล้ทั้งโรงพยาบาลและแหล่งงานของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน อาทิ สนามบินดอนเมือง กรมทหารราบที่ 11 กรมป่าไม้ การทางพิเศษแห่งประเทศไทย ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธกส.) สำนักงานใหญ่ สำหรับห้องพักอาศัย แบ่งออกเป็น 5 แบบหลัก ได้แก่ 1.ห้องซูพีเรีย 1 ห้องนอน ขนาด 21.3-31.7 ตร.ม. 2.ห้องดีลักซ์
1 ห้องนอน ขนาด 28.2-29.8 ตร.ม. 3.ห้องสวีท 1 ห้องนอนพลัส ขนาด 33.4-38.8 ตร.ม. 4.ห้องเพนท์เฮาส์ 2 ห้องนอน ขนาด 48.9-51.2 ตร.ม. และ 5.ห้องดูเพล็กซ์ ขนาด 33-62 ตร.ม. ทุกห้องตกแต่งแบบ Fully-Furnished ราคาเฉลี่ยเริ่มต้นที่ 82,000 บาท/ตร.ม. ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 1.89 ล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2561 และแล้วเสร็จในช่วงไตรมาส 2 ของปี 2563 ด้านนายพีระพงศ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกจากโครงการไนท์บริดจ์ พหลโยธิน อินเตอร์เชนจ์แล้ว ในวันที่ 17 มิ.ย.นี้ บริษัทยังเปิดวีไอพีพรีเซลโครงการใหม่อีก 3 โครงการ ได้แก่ 1.เคนซิงตัน สุขุมวิท- เทพารักษ์ (Kensington Sukhumvit-Theparak) มูลค่า 2,500 ล้านบาท 2.นอตติ้ง ฮิลล์ สกายสแครปเปอร์ เซ็นทรัล รัตนาธิเบศร์ (Notting Hill Skyscraper Central Rattanathibet) มูลค่า 2,500 ล้านบาท 3.นอตติ้ง ฮิลล์ สุขุมวิท 105 (Notting Hill Sukhumvit 105) เฟส 2 มูลค่า 1,300 ล้านบาท รวมมูลค่าทั้ง 4 โครงการกว่า 8,400 ล้านบาท เปิดวีไอพี พรีเซลพร้อมกัน 17 มิ.ย. นี้ ผู้สนใจ 4 โครงการดังกล่าว สามารถลงทะเบียนได้ที่ www.origin.co.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมโทร 020 300 000 ทั้งนี้ คาดว่าการเปิดขาย 4 โครงการใหม่พร้อมกันในวันที่ 17 มิ.ย. จะช่วยส่งผลให้บริษัทคว้ายอดขายไตรมาส 2/2560 ได้ทะลุ 4,000 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) มีโครงสร้างธุรกิจหลากหลาย ประกอบด้วย 1.ธุรกิจพัฒนาที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Project Development Business) พัฒนาคอนโดมิเนียมมาแล้วประมาณ 35 โครงการ รวมมูลค่าโครงการประมาณ 30,000 ล้านบาท 2.ธุรกิจที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิสอพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก 3.ธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อ ขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์ และยังมีวิสัยทัศน์ในการขยายประเภทธุรกิจใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เป็นผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร