Tag : Retails

50 ผลลัพธ์
‘ไอคอนสยาม’ เปิดความวิจิตรของ 2 อาณาจักรศูนย์การค้าและความบันเทิงแห่งยุค อลังการด้วย 7 สิ่งมหัศจรรย์ กำหนดนิยามใหม่ด้วยเอกลักษณ์ไทยสู่เวทีโลก

‘ไอคอนสยาม’ เปิดความวิจิตรของ 2 อาณาจักรศูนย์การค้าและความบันเทิงแห่งยุค อลังการด้วย 7 สิ่งมหัศจรรย์ กำหนดนิยามใหม่ด้วยเอกลักษณ์ไทยสู่เวทีโลก

กรุงเทพฯ (22 มีนาคม 2559) – วันนี้ นางชฎาทิพ จูตระกูล กรรมการ บริษัท ไอคอนสยาม จำกัด เจ้าของโครงการไอคอนสยาม สัญลักษณ์แห่งความรุ่งโรจน์ของไทยริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา  จัดงานแถลงรายละเอียดของอภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคตอีกครั้งหนึ่ง โดยการปรากฏโฉมของ 2 อาณาจักรศูนย์การค้าและความบันเทิงแห่งยุค บนพื้นที่ 525,000 ตารางเมตร  เพื่อให้เป็นจุดหมายปลายทางที่น่าตื่นเต้นอลังการที่สุดแห่งหนึ่งของโลก เมื่อการก่อสร้างเสร็จในปลายปี 2560 โดยงานนี้จัดขึ้นในบรรยากาศค่ำคืนแห่งความสง่างาม ท่ามกลางแขกผู้มีเกียรติมากกว่า 1,500 คน ก่อนปิดท้ายด้วยการล่องเรือบนแม่น้ำเจ้าพระยาสายน้ำแห่งเกียรติภูมิ ไอคอนสยาม จะเป็นโครงการที่จะกลายเป็นสัญลักษณ์แห่งใหม่แห่งความภาคภูมิใจของประเทศไทย มีขนาดพื้นที่ 750,000 ตารางเมตร ประกอบด้วย - อภิมหาอาณาจักรศูนย์การค้าแห่งยุค ที่ล้ำเลิศที่สุดแห่งหนึ่งของโลก 2 อาคาร คือ ไอคอนสยาม (Main Retail & Entertainment) พื้นที่ 500,000  ตารางเมตร  และ ไอคอนลักซ์ (Luxury Wing)  พื้นที่ 25,000 ตารางเมตร  มีที่จอดรถและสิ่งอำนวยความสะดวกแยกจากกัน  แต่เชื่อมต่อการไหลเวียนของลูกค้ากันได้อย่างทั่วถึง - คอนโดมิเนียมที่พักอาศัยมาตรฐานระดับโลกที่หรูหราสง่างามริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา 2  อาคาร แมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม และ เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ - สิ่งดึงดูดนักท่องเที่ยวแห่งใหม่ทั้ง 7 ที่จะเป็นปรากฏการณ์ใหม่ครั้งแรกในประเทศไทย โดยได้รับการขนานนามให้เป็น “7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม” ไอคอนสยาม เมืองแห่งความรุ่งโรจน์อันเป็นนิรันดร์ (The Icon of Eternal Prosperity)  เป็นโครงการภายใต้การรังสรรค์ของสามพันธมิตรภาคเอกชนที่มีชื่อเสียงและประสบความสำเร็จมากที่สุดกลุ่มหนึ่งของวงการธุรกิจไทย จึงเป็นหลักประกันได้ว่าโครงการจะกลายเป็นแลนด์มาร์คที่ยิ่งใหญ่ของประเทศได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ โดยพันธมิตรทั้งสาม ได้แก่ สยามพิวรรธน์ เจ้าของและผู้บริหาร Mixed-use development ที่มีชื่อเสียงระดับโลก อาทิ สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ และสยามดิสคัฟเวอรี่ ร่วมกับ MQDC แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น บริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทั้งบ้านเดี่ยว คอนโดมิเนียมและโครงการมิกซ์ยูสคุณภาพระดับลักชัวรี่ และ เครือเจริญโภคภัณฑ์ บริษัทชั้นนำของไทยที่มีการลงทุนในระดับโลก โดยในปี 2555 ได้เซ็นสัญญาร่วมทุนรังสรรค์อภิมหาโครงการมูลค่า 50,000 ล้านบาท  นับเป็นเวลากว่า 3 ปี ที่ได้ร่วมกันดำเนินงานเนรมิตโครงการที่ยิ่งใหญ่ ปณิธานเพื่อสร้างจุดยืนที่สง่างามของประเทศไทยในเวทีโลก นางชฎาทิพ จูตระกูล กล่าวว่า “ไอคอนสยามจะเป็นการเปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของประเทศไทยในการเนรมิตโครงการที่ยิ่งใหญ่เพียบพร้อมสมบูรณ์แบบ และตื่นตาตื่นใจที่สุดเท่าที่เคยมีมาในประเทศไทย เพราะไอคอนสยามจะเป็นสถานที่ที่จะดึงดูดคนไทยทั่วประเทศและนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกให้มาเยี่ยมชม เนื่องจากเรากำลังจะสร้างบรรทัดฐานใหม่ของคำว่าล้ำเลิศในทุกมิติ ที่จะเป็นการสร้าง Paradigm ใหม่ของวงการอสังหาริมทรัพย์ รวบรวมทุกสรรพสิ่งที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตแห่งโลกอนาคต ไม่ว่าจะเป็นที่สุดแห่งการอยู่อาศัย สินค้าและบริการที่ครบครัน นวัตกรรมในการอำนวยความสะดวกสบายและการสื่อสารที่ล้ำยุคอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน  ไอคอนสยามจะเป็นหัวใจสำคัญที่จะจุดประกายความเรืองรองของแม่น้ำเจ้าพระยาที่ชาวโลกชื่นชมให้สว่างไสวไปทั่วโลกอีกครั้ง” ไอคอนสยาม มุ่งหมายที่จะทำให้พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาตลอดสายระยะทางยาว 10 กิโลเมตร เป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่สำคัญของโลก (New Global Destination)  ที่จะนำเสนอประสบการณ์ไร้เทียบเทียม เพราะตลอดสายน้ำเจ้าพระยาสามารถนำเสนอทุกมิติของความเป็นไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและไม่มีใครเสมอเหมือนได้ เป็นที่ตั้งของโบราณสถานแหล่งมรดกล้ำค่าทางประวัติศาสตร์ทั้งหมดกว่า 20 แห่ง   โรงแรมระดับ 3-5 ดาวที่มีมากถึง 50 แห่งที่มีจำนวนห้องพักมากกว่า 10,000 ห้อง โครงการที่พักอาศัยหรูหราริมน้ำและฝั่งธนบุรีที่มีอยู่แล้วในปัจจุบันกว่า 200 โครงการ  รวมถึงโครงการใหม่ๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกมากมายสองฝั่งแม่น้ำทั้งของภาครัฐและเอกชน  โดยไอคอนสยามจะเป็นจุดเชื่อมต่อ  สิ่งสำคัญทั้งปวงนี้  ตามที่ได้ประกาศ ‘แผนแม่บทวิสัยทัศน์แห่งแม่น้ำเจ้าพระยา” ไปเมื่อ พ.ศ. 2557 ภายใต้ความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ทั้งภาครัฐ และเอกชนผู้ประกอบการริมแม่น้ำทั้งหมดรวมถึงผู้ประกอบการเรือทุกประเภท เพื่อเอื้อประโยชน์ซึ่งกันและกัน และร่วมกันทำการตลาดในต่างประเทศ  เพื่อช่วยกันจุดประกายให้คนทั้งโลกหันกลับมามองแม่น้ำสายนี้อีกครั้งหนึ่ง ในฐานะจุดศูนย์กลางของกรุงเทพมหานครที่มีศักยภาพมากที่สุด เป็นการนำเสนอหลากหลายมิติของความสุนทรีย์ของกรุงเทพฯ ว่า  เป็นมหานครที่ผู้คนทั่วโลกอยากมาอยู่อาศัยมากที่สุด และนักลงทุนอยากจะเข้ามาดำเนินธุรกิจมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก นางชฎาทิพ กล่าวว่า “โดยปกติในการทำโครงการอื่นๆ  ผู้ประกอบการจะชูประเด็นว่ามีคอนเซ็ปต์ที่มีต้นแบบหรือแรงบันดาลใจจากประเทศต่างๆ  แต่ไอคอนสยามมีปณิธานในการรังสรรค์โครงการที่แตกต่าง และต้องการนำเสนออัตลักษณ์ที่ยอดเยี่ยมของประเทศไทยให้ครบทุกมิติ   ไม่ว่าจะเป็นภูมิปัญญาไทย ฝีมืออันปราณีตบรรจงในการสร้างสรรค์ เส้นสายสถาปัตยกรรม ประวัติศาสตร์  ประเพณี วัฒนธรรม ฯลฯ อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของไทย ไอคอนสยามจะเป็นสถานที่ๆบอกเล่ากว่าหนึ่งล้านเรื่องราวที่เป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจของคนไทย จากระดับหมู่บ้าน ตำบล จังหวัด จนถึงระดับชาติ  เป็นตัวแทนของจินตนาการแห่งยุคที่จะถ่ายทอดเรื่องราวเหล่านี้ในหลากหลายรูปแบบ ในสไตล์ไทยล้ำยุคสู่อนาคต คือ ‘ไทยสร้างสรรค์’ ต่อสายตาชาวโลก นับเป็นครั้งแรกของ Mega Project ของไทยที่จะนำเสนอความเป็นไทยร่วมสมัยได้ทุกมิติอย่างครบครัน” ไอคอนสยามมุ่งหมายให้โครงการนี้เป็นสัญลักษณ์ใหม่ของประเทศไทย และจะเป็นตัวแทนของประเทศชาติ เพื่อสามารถออกไปแข่งขันได้ทัดเทียมกับโครงการใหญ่ๆ ในประเทศอื่นๆ   โดยไอคอนสยามต้องอาศัยความร่วมมือของคนไทยทั้งชาติช่วยกันนำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดของไทยมาบรรจุไว้ ณ ที่นี้ให้เป็นคุณค่าอันสำคัญของโครงการ ในขณะเดียวกันก็จะนำสิ่งที่ดีที่สุดของโลกมารวมอยู่ที่นี้ด้วย เพื่อให้ไอคอนสยามเป็นโครงการระดับโลกอย่างแท้จริง 12 องค์ประกอบที่สุดแห่งความล้ำเลิศของไอคอนสยาม ไอคอนสยาม เปิดความวิจิตรของ 2 อาณาจักรศูนย์การค้าและความบันเทิง มีพื้นที่ถึง 525,000 ตารางเมตร  มีองค์ประกอบที่สุดแห่งความล้ำเลิศดังนี้ 1. ที่สุดของสถาปัตยกรรมที่จะสะกดทั้งโลก  2 อาณาจักรศูนย์การค้าแห่งยุคของไอคอนสยาม ได้แก่ ไอคอนสยาม  และ ไอคอนลักซ์ ได้รับการออกแบบโดยต่อยอดแนวความคิดจากการที่มีที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา จึงมีแรงบันดาลใจจากการสักการะบูชาแม่น้ำของคนไทยด้วยเครื่องบรรณาการคือ กระทงและบายศรี ซึ่งเป็นเครื่องบูชาในงานมงคล  แปลงเป็นรูปแบบ Abstract ร่วมสมัย  โดย อาคารไอคอนสยาม จะมีเส้นสายรอบอาคารจากการพับกระทงและบายศรี  ในขณะที่อาคารไอคอนลักซ์จะมีรูปทรงเสมือนกระทงแก้ว 3 อาคาร  มี Façade ทอดยาวริมแม่น้ำถึง 300 เมตร ด้วยกระจกพิเศษจับจีบซ้อนในลักษณะแนวตั้งยาวตลอดซึ่งยังไม่เคยมีใครทำมาก่อน  ซึ่งส่วนนี้มีแรงบันดาลใจจาก การห่มสไบที่จีบเรียงทอดยาว เปรียบเสมือนการห่อหุ้มสิ่งที่มีค่าที่สุดของโครงการไว้ เพราะไอคอนลักซ์คือที่สุดแห่งความหรูหราสง่างามของโครงการไอคอนสยาม 2. ที่สุดของแนวความคิดการออกแบบ ICONS within ICON ICONS within ICON คือการสร้างอาคารเล็กหลายๆ อาคารให้อยู่ภายในอาคารใหญ่ ไอคอนสยามจะนำเสนอกลุ่มอาคารเล็กที่แต่ละอาคารมี Façade 360 องศา เปรียบเสมือนคฤหาสน์ (Mansion) ที่จะนำเสนอที่สุดของแบรนด์สินค้าไทยและที่สุดของ Luxury Brands จากทั่วโลกอย่างสง่างาม   นับเป็นครั้งแรกที่ไม่เคยมีใครกล้าลงทุนทำมาก่อน 3. ที่สุดของทัศนียภาพเหนือคำบรรยาย River Park พื้นที่จัดกิจกรรมริมฝั่งแม่น้ำ เนื้อที่กว่า 10,000 ตารางเมตร จะช่วยให้ผู้มาเยือนเข้าถึงและดื่มด่ำกับความงดงามของบรรยากาศริมฝั่งแม่น้ำได้อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน โดยพื้นที่ส่วนนี้จะรองรับการจัดงานระดับชาติที่ยิ่งใหญ่ และการแสดงโชว์ระดับโลกในสถานที่ที่สวยงามและมีเสน่ห์ที่สุดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ระบำสายน้ำผสมผสาน แสง สี เสียง ไฟ และมัลติมีเดีย (Multi-Media Water-and-Fire Feature)มูลค่า 400 ล้านบาท  ที่ยิ่งใหญ่ตระการตาริมแม่น้ำเจ้าพระยา  ยาวที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 400 เมตร ยิ่งใหญ่เหนือคำบรรยาย 4. ที่สุดของไทยสร้างสรรค์ ณ Venice of The East ไอคอนสยามจะรวบรวมสินค้าที่เป็นสุดยอดแบรนด์ไทยในทุกประเภท ตั้งแต่แฟชั่น ศิลปหัตถกรรมต่างๆ ตลอดจนสินค้าของดีของฝากจาก 77 จังหวัดทั่วประเทศมาไว้ในที่นี้  เพื่อให้คนไทยและนักท่องเที่ยวสามารถเที่ยวทั่วไทยได้อย่างครบครันในไอคอนสยาม  เป็นปรากฏการณ์ที่น่าตื่นตาตื่นใจของตลาดน้ำในร่มแห่งแรก  ภายใต้การบริการที่น่าประทับใจและสนุกสนานในแบบไทยๆ พร้อมการแสดงศิลปวัฒนธรรมต่างๆ ที่หาชมได้ยาก บนพื้นที่กว่า 8,000 ตารางเมตร 5. ที่สุดของความหรูหราระดับโลก ณ ICONLUXE ‘ไอคอนลักซ์’ สัญลักษณ์แห่งความวิจิตร ศูนย์รวมความหรูหราระดับโลก จะเป็นที่สุดของการรวบรวม World Class Brands ดังระดับโลกทุกประเภททั้งสินค้าแฟชั่น เครื่องประดับอัญมณี และนาฬิกาอย่างครบครันที่สุด   โดยแต่ละแบรนด์จะนำเสนอร้านในรูปแบบ Global Iconic Store ที่ไม่เคยทำมาก่อนในประเทศไทย 6. ที่สุดของศูนย์กลางศิลปะวัฒนธรรมและมรดกล้ำค่า ไอคอนสยาม เฮอริเทจ มิวเซียม (ICONSIAM Heritage Museum) พิพิธภัณฑ์ระดับโลกแห่งแรกของประเทศไทย 8,000 ตารางเมตร ศูนย์รวมมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของไทย โดยไอคอนสยามจะทำงานร่วมกับกรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม  และกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง เพื่อจัดแสดงศิลปวัตถุล้ำค่าของไทยในยุคสมัยต่างๆ พร้อมทั้งมีนิทรรศการเคลื่อนที่ (Touring Exhibitions) ที่เป็นสุดยอด Masterpieces จากทั่วโลกผลัดเปลี่ยนกันไป  รวมถึงผลงานศิลปะร่วมสมัยของศิลปินไทย นำเสนอด้วยเทคโนโลยีการจัดแสดงที่ทันสมัยที่สุด และได้มาตรฐานทั้งด้านการรักษาความปลอดภัย และการอนุรักษ์โบราณวัตถุชิ้นสำคัญระดับโลก การนำเสนอความเป็นไทยผ่าน Masterpiece ของศิลปินแห่งชาติและศิลปินระดับโลก การตกแต่งภายในของอาณาจักรศูนย์การค้าไอคอนสยามแห่งนี้ จะทำงานร่วมกับศิลปินแห่งชาติและศิลปินระดับโลกหลายท่าน  ที่จะถ่ายทอดเรื่องราวต่างๆ ของความเป็นไทย  ลงในประติมากรรมชิ้นเอก ซึ่งจะจัดแสดงอยู่ทั่วอาคาร  ทั้งในรูปแบบของรูปปั้น  ภาพเขียน งานแกะสลัก ประติมากรรมรูปแบบต่างๆ การสร้างโคมไฟแชนเดอเลีย  ที่มีแรงบันดาลใจจากรูปแบบของการร้อยมาลัยและบายศรี รวมถึงการสร้างส่วนประกอบสำคัญขนาดใหญ่ๆ ในโครงการให้เป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจ  ไอคอนสยามจะเป็นโครงการแรกและโครงการเดียวที่สามารถรวบรวมประติมากรรมชิ้นเอกเลอค่าอยู่เป็นจำนวนมาก 7. ที่สุดของความบันเทิงระดับโลก ศูนย์การประชุมระดับโลก (World Class Auditorium) ที่ได้มาตรฐานระดับสากลแห่งแรกในประเทศไทย ขนาด 3,000 ที่นั่ง รองรับการจัดงานประชุมและจัดแสดงโชว์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ล้ำยุคด้วยเทคโนโลยีที่ดีที่สุดในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งจะทำให้กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางการประชุมนานาชาติ อีกทั้งจะดึงดูดการแสดงระดับชั้นนำของโลกให้เข้ามาได้อีกด้วย โรงภาพยนตร์ 10,000 ตารางเมตร จะเป็นปรากฏการณ์ ‘ครั้งแรก’ ด้วยโรงภาพยนตร์ที่มีเทคโนโลยีที่ล้ำหน้าที่สุดในประเทศ ด้วยเครื่องฉายและระบบเสียงเทคโนโลยีล้ำยุครุ่นล่าสุด และคอนเซ็ปต์ที่หรูหราใหม่ล่าสุดในการวางผังและจัดที่นั่ง เพื่อให้มั่นใจว่าผู้ชมจะได้รับประสบการณ์การที่เป็นสุดยอดอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน โลกแห่งความสนุกสนานของเด็กและครอบครัว 4,000 ตารางเมตร เป็นครั้งแรกที่เด็กๆ จะได้รับประสบการณ์ที่ตื่นตาตื่นใจ สุดล้ำกับการแจ้งเกิดของสิ่งมหัศจรรย์สำหรับเด็กๆ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย 8. ที่สุดของสินค้าและบริการที่ครบครัน ไอคอนสยามรวบรวม 500 ร้านค้าประเภทต่างๆ นำเสนอสิ่งที่ดีที่สุดในอาเซียนและจากทุกมุมโลกมาไว้ที่นี้ ซึ่งกว่า 20% ไม่เคยเปิดให้บริการในประเทศไทย Sport Complex ขนาดใหญ่แห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทยที่อยู่บน Roof Top Garden พร้อมสระว่ายน้ำขนาดโอลิมปิคกลางแจ้งและลู่วิ่งที่เห็นวิวสองฝั่งฟ้าของกรุงเทพมหานคร 9. ที่สุดของห้างสรรพสินค้า ทาคาชิมาย่า ห้างสรรพสินค้าระดับตำนานของญี่ปุ่น สาขาแรกในประเทศไทย 35,000 ตารางเมตร เป็นห้างสรรพสินค้าที่ดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก จำหน่ายสินค้าแบรนด์หรูหราที่ครบครันจากประเทศญี่ปุ่นและแบรนด์แชมเปี้ยนของไทย  อาทิ เครื่องสำอาง เครื่องแต่งกายและเครื่องประดับทั้งบุรุษและสตรี ผลิตภัณฑ์ของใช้ในชีวิตประจำวัน รวมทั้งอาหารและเครื่องดื่มคุณภาพพรีเมี่ยม 10. ที่สุดแห่งความสุนทรีย์แห่งอาหารเลิศรส ไอคอนสยามจะนำเสนอสุดยอดภัตตาคารหรูระดับ 3 Michelin Stars เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และรวบรวม 100 ภัตตาคารชื่อดังของเมืองต่างๆ จากทั่วโลกที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทยมาไว้ที่นี้  รวมถึงอาหารสุดยอดจากทุกภาคในประเทศไทย  ภายใต้บรรยากาศที่หลากหลายทั้ง Terrace ริมน้ำ พื้นที่สวนสวรรค์ในอาคาร หรือ บน Rooftop ที่จะนำเสนอบาร์ในรูปแบบต่างๆ 11. ที่สุดแห่งนวัตกรรมการสื่อสารและการให้บริการ การนำเสนอเทคโนโลยีด้านการสื่อสารแบบครบวงจร มี Infrastructure สุดล้ำด้วยไฟเบอร์ออฟติกที่เร็วที่สุดในประเทศไทย เป็นสุดยอดนวัตกรรมด้านการสื่อสารยุคใหม่อย่างเต็มรูปแบบ พบกับ Application ที่นำเสนอเรื่องราวกว่า 1 ล้านเรื่องของตำนานที่เป็นที่มาของงานศิลปะและส่วนตกแต่งภายในอาคาร แหล่งที่มาของสินค้า inspiration ของร้านค้าและบริการแก่ลูกค้าได้เข้าใจและร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการบอกเล่าเรื่องราวนั้นๆ ต่อไป นวัตกรรมเหล่านี้จะทำให้เราเข้าใจความต้องการของลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และสามารถบริหารประสบการณ์ของลูกค้า เชื่อมต่อชีวิตให้ง่ายขึ้น และตอบสนองความต้องการทุกไลฟ์สไตล์ของลูกค้าได้ตลอดเวลา 12. ที่สุดแห่งความสะดวกสบายของการสัญจรที่เชื่อมต่ออย่างครบวงจร มหาปรากฏการณ์แห่งยุค เป็นโครงการแรกที่ให้การสนับสนุนการสร้างระบบขนส่งมวลชนรอง (Feeder Line) โครงการรถไฟฟ้าสายสีทองตามนโยบายของกรุงเทพมหานคร บนถนนเจริญนคร ที่จะเชื่อมต่อ รถไฟฟ้าสายสีเขียว สีแดง และสีม่วง เข้าด้วยกันในอนาคต  และในพื้นที่โครงการยังสร้างท่าเทียบเรือ 4 ท่า เพื่อรองรับการสัญจรทางน้ำด้วยเรือยอร์ชส่วนตัว  เรือสำราญของนักท่องเที่ยว และเรือข้ามฟาก 73 ท่าเรือโดยรอบ  ไอคอนสยามจึงจะเป็นจุดเชื่อมโยงการสัญจรทาง รถ ราง เรือ ที่สมบูรณ์แบบที่สุดในประเทศไทย **สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยามลำดับสุดท้าย จะเผยโฉมให้ทราบรายละเอียดภายในปีนี้** สร้างปรากฏการณ์แห่งความสำเร็จของวงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ สร้างสถิติใหม่โครงการที่พักอาศัยแพงที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ไอคอนสยามประกาศเปิดตัวแมกโนเลียส์ วอเตอร์ฟร้อนท์ เรสซิเดนซ์ ณ ไอคอนสยาม (Magnolias Waterfront Residences at ICONSIAM) คอนโดมิเนียมที่พักอาศัยคุณภาพเหนือระดับที่หรูหราที่สุดริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เทียบชั้นมาตรฐานโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดในต่างประเทศ โดยเป็นอาคารที่พักอาศัยสูง 70 ชั้น จำนวน 379 ยูนิต ผสาน 3 องค์ประกอบสำคัญที่จะทำให้เป็นโครงการระดับโลก คือ แต่ละยูนิต ประกอบด้วยวัสดุประกอบติดตั้งที่หรูหราที่สุด, ตัวอาคารถูกออกแบบอย่างหรูหราและมีคุณภาพสูงสุด แม้แต่ในองค์ประกอบด้านวิศวกรรมหรือกลไกต่างๆ ที่มองไม่เห็น  โดยภายในระยะเวลาเพียง 2 เดือน ในปี 2557  สามารถปิดการขายได้ทั้งโครงการ  และยังทำลายสถิติว่าเป็นโครงการที่พักอาศัยแพงที่สุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่มีราคาเทียบเทียมกับคอนโดมิเนียมหรูบนทำเลทองเส้นทางรถไฟฟ้า BTS  ย่านสุขุมวิท พหลโยธิน และราชดำริ   ที่สุดของที่พักอาศัยระดับโลก เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ ในปี 2557 ไอคอนสยามประกาศลงนามความร่วมมือกับ แมนดาริน โอเรียนเต็ล โฮเต็ล กรุ๊ป เพื่อติดแบรนด์และบริหารโครงการที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ ใช้ชื่อ “เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ” (The Residences at Mandarin Oriental Bangkok) ความสูง 52 ชั้น จำนวน 146 ยูนิต ตั้งอยู่บนพื้นที่ไอคอนสยาม โดยจะเป็นโครงการที่พักอาศัยแบรนด์ ‘แมนดาริน โอเรียนเต็ล’ แห่งแรกในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และแห่งที่ 14 ของโลก ในมาตรฐานที่เทียบเท่าโครงการที่พักอาศัยที่ดีที่สุดในนิวยอร์ค ลอนดอน โตเกียว หรือเซี่ยงไฮ้ ได้รับการออกแบบและก่อสร้างด้วยมาตรฐานความหรูหราระดับสูงสุด บริหารจัดการโครงการ พร้อมทั้งให้บริการและอำนวยความสะดวกกับผู้พักอาศัย  และปลายปี 2558 ที่ผ่านมา ไอคอนสยาม ได้เปิดให้จองซื้อโครงการที่พักอาศัยระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ‘เดอะ เรสซิเดนซ์ แอท แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ’  ซึ่งเป็นโครงการที่พักอาศัยที่แพงที่สุดในประเทศไทย   ปัจจุบันมีลูกค้าทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติจับจองเป็นเจ้าของแล้วกว่า 40 % “การเปิดตัวของ 2 อาณาจักรศูนย์การค้าแห่งไอคอนสยามในครั้งนี้ จะเป็น Game Changing Project ที่เปลี่ยนแลนด์มาร์คของการค้าปลีกของกรุงเทพมหานคร  มาสู่ทำเลใหม่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาซึ่งมีความ  ครบครันในทุกมิติ” นางชฎาทิพ กล่าว ไอคอนสยาม  นับเป็นตัวอย่างของผู้พัฒนาวงการอสังหาริมทรัพย์ไทยที่ได้แสดงให้ประจักษ์ชัดว่า เป็นโครงการที่กล้าลงทุนมากที่สุดแห่งยุค ไม่ว่าจะเป็นในส่วนของการพาณิชย์ พร้อมด้วย World Class Attraction  7 สิ่งมหัศจรรย์แห่งไอคอนสยาม เพื่อให้เป็นที่สุดของโครงการระดับโลกในประเทศไทย  ซึ่งใน   2 ปีที่ผ่านมา ไอคอนสยามได้พิสูจน์ผลแห่งความสำเร็จอย่างเหนือความคาดหมายในส่วนของโครงการที่อยู่อาศัย  อีกทั้งศูนย์การค้าไอคอนสยามก็ได้รับการกล่าวขวัญถึงไปทั่วโลก  ถึงแม้จะยังไม่ได้เปิดให้บริการก็ตาม ไอคอนสยามได้แสดงให้เห็นถึงความเชื่อมั่นในเศรษฐกิจของประเทศไทย สร้างภาพลักษณ์ที่มั่นคงของการกล้าลงทุนของผู้ประกอบการคนไทย ตลอดจนแสดงให้เห็นถึงตลาดและศักยภาพกำลังซื้อของคนไทย  ที่จะสามารถตอบรับกับโครงการขนาดใหญ่ระดับเวิล์ดคลาสนี้ได้ ไอคอนสยามจึงเป็นบทพิสูจน์ที่ช่วยยกระดับกรุงเทพมหานคร  ให้เป็นมหานครที่ผู้ประกอบการจากต่างประเทศจะปรารถนามาลงทุน และคนทั่วโลกอยากมาอาศัยอยู่มากที่สุดแห่งหนึ่ง ตัดสินใจลงทุนก่อสร้างไอคอนสยามเฟส 2 เพื่อตอบรับความต้องการที่ท่วมท้น นางชฎาทิพ เปิดเผยว่า  “ในส่วนโครงการศูนย์การค้า 1 ปีที่ผ่านมา ไอคอนสยามได้นำเสนอคอนเซ็ปต์ของโครงการแก่ ผู้ประกอบการค้าปลีกรายใหญ่ๆ ทั่วโลก  ล้วนให้ความมั่นใจและแสดงความจำนงค์ที่จะจับจองพื้นที่กันมากมาย  เพื่อที่จะสร้าง Iconic Flagship Store ขนาดใหญ่ที่สุดที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศไทย ดังนั้นล่าสุดไอคอนสยามจึงได้ตัดสินใจลงทุนก่อสร้างโครงการเฟส 2   เพื่อตอบรับความต้องการที่ท่วมท้น  โดยเช่าที่ดินฝั่งตรงข้ามโครงการบนถนนเจริญนครเพิ่มอีก 5 ไร่  เพื่อขยายที่ดินของโครงการทั้งหมดเป็น 55 ไร่  มีการลงทุนเพิ่มอีก 4,000 ล้านบาท ส่งผลให้มูลค่าลงทุนรวม 54,000 ล้านบาท โดยรายละเอียดจะแถลงให้ทราบต่อไปภายในปีนี้ ไอคอนสยามจะเริ่มเปิดให้เช่าพื้นที่ในโครงการ 2 อาณาจักรศูนย์การค้า ตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ทั้งนี้ไอคอนสยามมีแผนที่จะทยอยประกาศผู้เช่าหลัก (Anchor Tenant) ภายในสามเดือนแรก “ท่ามกลางสถานการณ์เศรษฐกิจผันผวนของโลก เรายังคงเดินหน้าดำเนินโครงการอย่างไม่หยุดยั้ง อีกทั้งยังเพิ่มการลงทุน  เพราะเรามีความเชื่อมั่นในประเทศไทย  ไอคอนสยามจะเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างยิ่ง  เพราะมีเป้าหมายที่จะสนับสนุนเศรษฐกิจของประเทศ เป็นโครงการนำร่องครั้งแรกในประเทศไทยของการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ทำงานร่วมกับภาครัฐตั้งแต่ขั้นเริ่มต้นวางแผน เพื่อให้มี Infrastructure ที่เอื้ออำนวยความสะดวกที่สุดให้แก่ผู้อยู่อาศัยและผู้อื่นที่ทำธุรกิจโดยรอบ  โดยให้ความสนับสนุนการสร้างระบบขนส่งมวลชนรองควบคู่ไปกับการพัฒนาเมือง เช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในเมืองสำคัญๆทั่วโลก ไอคอนสยามจะเป็นโครงการที่ดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนและผู้ประกอบการค้าปลีกจากต่างประเทศมากมาย  ซึ่งหลังจากเปิดให้บริการแล้ว  จะสามารถสร้างงานให้เกิดขึ้นไม่ต่ำกว่า 350,000 อัตรา  ภายใน 5 ปีที่ดำเนินโครงการจนเปิดดำเนินการ  และจะเป็นส่วนสำคัญที่จะเสริมสร้างอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวให้แข็งแกร่งและยั่งยืน  อีกทั้งจะเป็นการตอกย้ำให้ประเทศไทยเป็นผู้นำของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอีกด้วย” นางชฎาทิพ  กล่าวสรุป
‘สยามพิวรรธน์’ เปิดคอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ ‘Siam Discovery – The Exploratorium’ กำเนิดไฮบริดรีเทลสโตร์แห่งแรกของไทย เปิดไตรมาส 2 ปี 2559

‘สยามพิวรรธน์’ เปิดคอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ ‘Siam Discovery – The Exploratorium’ กำเนิดไฮบริดรีเทลสโตร์แห่งแรกของไทย เปิดไตรมาส 2 ปี 2559

กรุงเทพฯ (23 กุมภาพันธ์ 2559) – บริษัท สยามพิวรรธน์  จำกัด เจ้าของและผู้บริหารโครงการที่มีชื่อเสียงระดับโลก เช่น สยามพารากอน สยามเซ็นเตอร์ สยามดิสคัฟเวอรี่ พาราไดซ์พาร์ค และเป็นหนึ่งในพันธมิตรเจ้าของ ‘ไอคอนสยาม’ อภิมหาโครงการเมืองแห่งการใช้ชีวิตสู่โลกอนาคต ประกาศวันนี้ว่า บริษัทเตรียมเปิดตัวคอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย เขย่าวงการค้าปลีกไทยครั้งประวัติศาสตร์ ที่ สยามดิสคัฟเวอรี่ โฉมใหม่ หลังพลิกเกมส์ครั้งยิ่งใหญ่ด้วยเงินลงทุน 4,000 ล้านบาท นางชฎาทิพ จูตระกูล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด กล่าวว่า “สยาม  ดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ เป็นที่สุดของจุดหมายปลายทางในรูปแบบไฮบริดรีเทลแห่งแรกของประเทศไทย ที่ผสมผสานทั้งด้านสินค้าบริการและกิจกรรมต่างๆ เพื่อตอบโจทย์การใช้ชีวิตแบบไลฟ์สไตล์ล้ำยุค กับความสนใจในเรื่องนวัตกรรมด้านต่างๆ ของคนรุ่นใหม่ที่ปรารถนาการค้นพบจุดยืนที่แตกต่างของตนเอง แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องการร่วมมีประสบการณ์ที่แปลกใหม่กับผู้อื่น  ทั้งหมดนี้เราได้รวมไว้อยู่ในที่เดียวกันภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ผสมกลมกลืน เรากำลังสร้าง “ไลฟ์สไตล์สเปเชี่ยลตี้สโตร์” แห่งแรก ที่ซึ่งทุกมิติของการนำเสนอได้ถูกเนรมิตขึ้นให้“เข้าถึงใจ”ของลูกค้าให้มากที่สุด และให้เป็นส่วนหนึ่งของการใช้ชีวิตประจำวัน  ทั้งนี้เพื่อมอบประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ สนุกสนานมีสีสัน รู้สึกเข้าถึงและเป็นส่วนหนึ่งได้ เพื่อสนองความต้องการของลูกค้าได้ครบถ้วนอย่างไม่เคยมีที่ไหนมาก่อน” “เราต้องการให้ผู้คนรู้สึกตกหลุมรักกับประสบการณ์ที่หลากหลาย ซึ่งจะเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา และรู้สึกว่าสยามดิสคัฟเวอรี่คือสถานที่ ที่พวกเขาสามารถมาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตัวเองอีกครั้งหนึ่ง อีกทั้งได้มาสร้างความสัมพันธ์กับคนอื่นๆ  และสนุกสนานเพลิดเพลินไปกับการได้ทำกิจกรรมร่วมกับผู้คนที่มีความชื่นชอบในเรื่องราวที่เหมือนกัน บทบาทของสยามพิวรรธน์ในฐานะผู้ประกอบการวงการค้าปลีกได้พัฒนาขึ้นเป็นการบริหารจัดการประสบการณ์ อารมณ์และความปรารถนาของลูกค้าที่มาเยือนเป็นสำคัญ มากกว่าจะเป็นเพียงเรื่องของการบริหารจัดการสินค้าและบริการให้ครบวงจรเหมือนในอดีต” “มาเล่นสนุกด้วยกัน” มอบพลังอำนาจในการสร้างสรรค์สไตล์ของตัวเองให้กับคนรุ่นใหม่หัวใจแรง “สยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่จะเชิญชวนทุกคน ‘มาเล่นสนุกด้วยกัน’! โดยให้ผู้มาเยี่ยมเยือนได้สนุกสนานไปกับการทดลองสินค้าใหม่ๆ ไอเดียแปลกๆ สุดล้ำ การพบปะสังสรรค์รูปแบบใหม่ๆ ที่จะก่อให้เกิดความคิดและผลลัพธ์ที่สร้างสรรค์ไม่เฉพาะแก่ตนเองและกลุ่มเพื่อนเท่านั้น แต่เพี่อสังคมในด้านต่างๆ อีกด้วย ทุกคนสามารถปรับแต่ง พลิกแพลง และสร้างสินค้าที่ซื้อให้เป็นไปตามความต้องการและรสนิยมเฉพาะตัว บนพื้นที่กว่า 40,000 ตารางเมตร” “เรากำลังพลิกวิธีการค้าปลีกรูปแบบเดิมๆ ในอดีตให้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง จากที่เคยเป็นการจัดวางสินค้าตามประเภทและตามแบรนด์ ให้กลายเป็นการนำเสนอด้วยการผสมผสานหลายกลุ่มสินค้าตามเรื่องราวและความสนใจของผู้คน เพื่อความสะดวกสบายและความสนุกสนานในการค้นหา นับเป็นคอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่บุกเบิกวงการ โดยมุ่งเน้นที่จะมอบพลังอำนาจความคิดสร้างสรรค์ให้กับลูกค้า ในการมิกซ์แอนด์แมตช์สินค้าจากหลากหลายแบรนด์และหลากหลายประเภท นี่คือสิ่งที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทยและในสเกลที่ใหญ่ระดับนี้  ซึ่งเราคาดว่าจะช่วยทำให้รายได้ต่อตารางเมตรของสยามดิสคัฟเวอรี่เพิ่มขึ้นมากกว่า 2 เท่าภายในระยะเวลา 1 ปี” นางชฎาทิพกล่าว สยามดิสคัฟเวอรี่เจาะกลุ่มเป้าหมายคนทุกเพศทุกวัยที่มีไลฟ์สไตล์ในแบบคนรุ่นใหม่ (Millennial Generation) ซึ่งเป็นกลุ่มคนหัวใจมิลเลนเนียนมีความสำคัญยิ่งในยุคปัจจุบันและในโลกอนาคต นำเสนอสินค้าในทุกระดับราคาที่สามารถเข้าถึงได้ จำนวนกว่า 5,000 แบรนด์ แบ่งเป็น ประเภทสินค้าของใช้ในชีวิตประจำวันที่ตอบสนองทุกความต้องการ สินค้านำเทรนด์ที่ก้าวล้ำทุกกระแสโลก สินค้านวัตกรรมล่าสุดที่มีดีไซน์แปลกใหม่  สินค้าที่ผลิตสร้างสรรค์จากแนวคิดใส่ใจสิ่งแวดล้อมและเพื่อความยั่งยืน (Sustainability) สินค้าในรูปแบบคอลลาโบเรชั่น ที่เกิดจากความร่วมมือระหว่างแบรนด์หรือองค์กรชื่อดังที่สร้างสรรค์ขึ้นมาโดยเฉพาะ และสินค้าลิมิเต็ดเอดิชั่น (Collaborative & Limited Collection)  จำหน่ายเฉพาะที่สยามดิสคัฟเวอรี่เท่านั้น นางชฎาทิพกล่าวว่า สยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ - ‘The Exploratorium’ จะเป็น Lifestyle Lab ที่เปรียบเสมือนสนามทดลองอันยิ่งใหญ่อันเต็มไปด้วยประสบการณ์ที่น่าตื่นเต้นเร้าใจ เปิดโอกาสให้ทุกคนได้เข้ามาค้นหา ทดลองไอเดียใหม่ๆ และผสมผสานสไตล์ที่มีอยู่อย่างหลากหลายรูปแบบในสยามดิสคัฟเวอรี่ เพื่อค้นพบตัวตนที่แท้จริงของตนเองมากที่สุด พลังแห่ง Storytelling (การบอกเล่าเรื่องราว) ทุกสรรพสิ่งมีคุณค่าและเรื่องราวที่น่าค้นหา “ทุกสิ่งภายในสยามดิสคัฟเวอรี่รูปโฉมใหม่ ล้วนมีเรื่องราวที่มีคุณค่าและน่าสนใจ  บอกเล่าที่มาของแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ และจินตนาการในอนาคต  ไม่ว่าจะเป็นเกร็ดเล็กน้อยต่างๆ ที่เป็นเบื้องหลังการสร้างแบรนด์หรือนวัตกรรมน่าสนใจเกี่ยวกับสินค้า  นอกจากนี้ยังสร้างสรรค์เรื่องราว ตามเทรนด์และความสนใจของคนยุคมิลเลนเนียนผ่านรูปแบบของการนำเสนอสินค้าในพื้นที่ Discovery Lab  นอกจากนี้กระบวนการสื่อสารทางการตลาดและการจัดกิจกรรมต่างๆ ภายในสยามดิสคัฟเวอรี่จะเข้าถึงใจเปรียบเสมือนเป็นเพื่อนสนิทของลูกค้าที่เชื้อเชิญให้มาร่วมสนุกกันอย่างเต็มที่  นับเป็น    กลยุทธ์การทำการตลาดในรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน” นวัตกรรมล้ำสมัยมอบประสบการณ์ที่แตกต่าง สยามดิสคัฟเวอรี่ เป็นผู้นำในการสร้างมาตรฐานใหม่ในวงการค้าปลีกมาต่อเนื่อง  และครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ล้ำหน้า  ด้วยการนำนวัตกรรมเทคโนโลยีของโลกยุคดิจิตอลมาผสมผสานกับบริการสุดพิเศษในพื้นที่ เพื่อมอบประสบการณ์เฉพาะบุคคล  และสื่อสารกับลูกค้าเปรียบเสมือนเพื่อนที่รู้ใจ  ที่พร้อมจะเชิญชวนให้ทุกคนทดลองไอเดียใหม่ๆ  พูดคุย  แนะนำ บอกเล่าเรื่องราว  เพื่อเติมเต็มความสนุกสนานในการมาเยี่ยมเยือนสถานที่แห่งนี้ สร้างสรรค์ อินเทอแรคทีพ คอมมูนิตี้ สังคมแห่งไอเดียของคนรุ่นใหม่ สยามดิสคัฟเวอรี่ จะเป็นศูนย์กลางแห่งการพบปะ แลกเปลี่ยน และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน ได้มาพูดคุย แบ่งปันประสบการณ์ Start Up เริ่มต้นแนวคิดสร้างธุรกิจ สร้างมิตรภาพ ก่อให้เกิดคอมมูนิตี้ของกลุ่มคนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มนักออกแบบ นักกีฬา นักสะสม นักอนุรักษ์นิยม และนักเดินทาง   รวมถึงกลุ่มคนที่มีจิตสาธารณะได้มาร่วมสร้างสรรค์กิจกรรมเพื่อสังคมในหลากหลายรูปแบบอีกด้วย เสริมความแกร่งของประเทศไทยเจิดจรัสบนเวทีโลก นางชฎาทิพกล่าวว่า การบุกเบิกคอนเซ็ปต์ค้าปลีกรูปแบบใหม่ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนครั้งนี้  นับเป็นการปฏิวัติวงการค้าปลีกครั้งยิ่งใหญ่ เป็นต้นแบบที่จะสร้างความสนุกและประสบการณ์ที่น่าประทับใจและดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเยี่ยมชม เป็นการช่วยเสริมความแข็งแกร่งและตอกย้ำเสน่ห์ของกรุงเทพฯ ในฐานะศูนย์กลางการค้าปลีกของประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน (เออีซี) และช่วยให้กรุงเทพฯ เป็นจุดหมายปลายทางของการช้อปปิ้งยอดนิยมของชาวโลก “ย่านสยามคือจุดหมายปลายทางด้านการช้อปปิ้งอันดับ 1 ของกรุงเทพฯ อยู่เสมอ เพราะเป็นแหล่งไทยสร้างสรรค์ ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทุกมุมโลกที่มีพื้นที่รวมกันกว่า 2 ล้านตารางเมตร เพียบพร้อมด้วยที่สุดแห่งการช้อปปิ้ง อาหารการกิน งานศิลป์ เอ็นเตอร์เทนเม้นต์ระดับโลก เป็นแหล่งวัฒนธรรมและการศึกษาที่มีความหลากหลายมากที่สุดในประเทศไทย ซึ่งแต่ละปีดึงดูดผู้คนเข้ามาท่องเที่ยวในย่านสยามแห่งนี้มากกว่า 160 ล้านครั้ง โดยสยามดิสคัฟเวอรี่จะเติมเต็มคุณค่าของย่านสยาม ด้วยการนำเสนอปรากฎการณ์ที่ไม่ซ้ำแบบใคร ” นางชฎาทิพกล่าว ผนึกกำลังครั้งสำคัญกับดีไซเนอร์ระดับโลก ‘เนนโดะ’ เนนโดะ (นายโอกิ ซาโตะ) ดีไซเนอร์ชั้นนำของโลกซึ่งได้รับการคัดเลือกให้เป็นหนึ่งใน 100 ชาวญี่ปุ่นที่ได้รับการยอมรับนับถือมากที่สุดโดยนิตยสารนิวส์วีค ได้เข้ามามีส่วนร่วมในฐานะผู้มอบแรงบันดาลใจด้านคอนเซ็ปต์รูปแบบโดยรวม ของสยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ โดยเนนโดะมีบทบาทในฐานะหัวหน้าที่ปรึกษางานออกแบบอาคารและงานออกแบบตกแต่งภายใน ในขณะที่บริษัท เออร์เบิ้น อาร์คิเทค จำกัด รับหน้าที่ออกแบบสถาปัตยกรรมของโครงการสยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ เป็นโครงการที่ใหญ่ที่สุดของเนนโดะ และเป็นโครงการแรกของเนนโดะในประเทศไทย นางชฎาทิพกล่าวว่า “เราเชิญเนนโดะมาเป็นที่ปรึกษาเพื่อให้แนวทางที่สร้างแรงบันดาลใจการออกแบบให้กับสยามดิสคัฟเวอรี่ เนื่องจากสยามพิวรรธน์มองอนาคตด้วยมุมมองและวิสัยทัศน์ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ไม่ได้มองเพียงแค่ตอบรับศักยภาพของตลาดเมืองไทยเท่านั้น ทั้งนี้ก็เพราะสยามพิวรรธน์มีอุดมการณ์ที่ยึดมั่นในการดำเนินธุรกิจที่มุ่งสร้างสรรค์ประสบการณ์เหนือความคาดหมายให้แก่ลูกค้า ซึ่งมีทั้งคนไทย และลูกค้าที่มาจากทั่วทุกมุมโลก” “ตามกลยุทธ์การเติบโตของสยามพิวรรธน์ เรากำลังสร้างจุดหมายปลายทางที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ซึ่งสามารถแข่งขันกับจุดหมายปลายทางอื่นที่เป็นสุดยอดของโลกได้ เพื่อช่วยสนับสนุนประเทศไทยให้กลายเป็นสวรรค์ด้านการค้าปลีกและเอ็นเตอร์เทนเม้นต์แถวหน้าของโลก” “ภายในปีแรก เราตั้งเป้าว่าจะมีผู้มาเยี่ยมเยือนและตกหลุมรักสยามดิสคัฟเวอรี่โฉมใหม่ เป็นจำนวนกว่า 100,000 คนต่อวัน ในจำนวนนั้นเป็นชาวไทย 65% และเป็นชาวต่างชาติ 35% มีกลุ่มลูกค้าเป้าหมายอยู่ใน ทุกเพศ ทุกวัย โดยเรามีสินค้าและบริการในทุกระดับราคาสำหรับทุกคน บนพื้นที่ (GFA) กว่า 40,000 ตารางเมตร ในอาคาร 8 ชั้น โดยสิ่งหนึ่งที่ผู้มาเยี่ยมเยือนสถานที่ของเราทุกคนมีเหมือนกันก็คือ มุมมองการใช้ชีวิตที่เป็นอิสระ และก้าวล้ำไปข้างหน้า ปฏิเสธที่จะใช้ชีวิตแบบเดิมๆหรือจำเจ  รวมทั้งมีความชื่นชอบหลงใหลในการสำรวจและทดลองสิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอดเวลา” นางชฎาทิพกล่าว สยามดิสคัฟเวอรี่ โฉมใหม่ เป็นอีกครั้งหนึ่งของการพลิกประวัติศาสตร์ เช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่สยามพิวรรธน์ทุ่มงบประมาณลงทุน 1,800 ล้านบาทพลิกโฉมสยามเซ็นเตอร์ ครั้งยิ่งใหญ่ให้เป็นเมืองแห่งไอเดียที่ล้ำเทรนด์เมื่อสามปีที่แล้วมา และประสบความสำเร็จเป็นปรากฏการณ์ที่เขย่าวงการ ซึ่งในครั้งนั้น ได้ปฏิวัติวงการค้าปลีกด้วยคอนเซ็ปต์แปลกใหม่ไม่เคยมีมาก่อน โดยร่วมทำงานกับบรรดาร้านค้าและเจ้าของแบรนด์ เพื่อมอบเอกลักษณ์ที่เป็นเอกภาพทั้งอาคาร โดยคอนเซ็ปต์ดังกล่าวเป็นที่ยอมรับและกล่าวขวัญไปทั่วโลก ได้รับรางวัลระดับนานาชาติจำนวน 8 รางวัล รวมทั้งได้รับเลือกให้เป็นหนึ่งใน 5 ศูนย์การค้าที่ออกแบบดีที่สุดในโลก จากสมาคมชั้นนำของโลกทางด้านธุรกิจค้าปลีก คือ สมาคมศูนย์การค้าระหว่างประเทศ (International Council of Shopping Centers – ICSC)
สวนลุมไน้ท์บาซาร์ รัชดา เปิดใหม่ พร้อมรับลูกค้ากว่า 35,000 คนต่อวัน หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งเป้ารายได้ปี 2559 กว่า450 ล้านบาท

สวนลุมไน้ท์บาซาร์ รัชดา เปิดใหม่ พร้อมรับลูกค้ากว่า 35,000 คนต่อวัน หวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ตั้งเป้ารายได้ปี 2559 กว่า450 ล้านบาท

21 ธันวาคม 2558 - สวนลุมไน้ท์บาซาร์ รัชดาภิเษก กลับมาเปิดบริการอีกครั้งอย่างเต็มรูปแบบ            ทุ่มงบประมาณการลงทุนกว่า 3, 600 ล้านบาท เพื่อปรับโฉมพื้นที่กว่า 120,000 ตารางเมตรให้เป็น    “แหล่งคิด แหล่งขาย ตอบสนองความต้องการตามไลฟ์สไตล์คนเมือง”  พร้อมทั้งยังมีการขยาย และปรับเพิ่มรูปแบบการบริการที่มากขึ้น ครบวงจรขึ้น แต่ยังคงบรรยากาศเดิมๆ ของสวนลุมไน้ท์บาซาร์ บนพื้นที่ทำเลศักยภาพ สะดวกต่อการเดินทาง ติดกับรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ทั้งสถานีลาดพร้าว และสถานีรัชดาภิเษก ที่พร้อมเชื่อมต่อกับใจกลางเมือง โดยสวมลุมไน้ท์บาซาร์ รัชดาภิเษก ได้มีการปรับรูปแบบเพิ่มเติมในส่วนของ โรงแรม ศูนย์แสดงสินค้า โรงละคร ฟิตเนสเซ็นเตอร์ สวนน้ำ บ็อกซิ่งยิม  ร้านอาหาร ภัตตาคารอาหารนานาชาติ และโชว์รูมรถซุปเปอร์คาร์ นายไพโรจน์   ทุ่งทอง ประธานบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท แบงค์ค็อกไนท์บาซาร์ จำกัด กล่าวว่า “การได้เปิดสวนลุมไน้ท์บาซาร์เพื่อให้บริการลูกค้าอีกครั้ง เป็นเรื่องที่น่ายินดี ทีมงานบริหารทุกคน กลับมาร่วมกันทำงาน และตั้งเป้ามอบโครงการสวนลุมไน้ท์บาซาร์ แห่งนี้ให้กลับมาคึกคัก สร้างความบันเทิงให้กับลูกค้า ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ โดยตั้งเป้าลูกค้าเข้าใช้บริการวันละอย่างน้อย 35,000 คนต่อวัน ประกอบด้วยลูกค้าของโรงแรม และกลุ่มลูกค้าที่พักอาศัยอยู่ในโซน รัชดา-ลาดพร้าวนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ตลอดจนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสนับสนุน ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการณ์รายใหม่ที่มีเงินลงทุนไม่มากได้มีโอกาสเริ่มธุรกิจการค้า และพัฒนาผู้ประกอบการณ์รายใหญ่ให้ก้าวไปสู่อีกมาตรฐานของการค้า การบริการระดับประเทศ และระดับภูมิภาคต่อไป โดยในปี 2559 เราตั้งเป้าราย ได้ไว้ทั้งสิ้น  450 ล้านบาท โดยรายได้หลักมาจากธุรกิจหลักของเราคือ พื้นที่ร้านค้าให้เช่า และช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ ราว 50% และจากธุรกิจอื่นๆ อีก 50% สำหรับศักยภาพของพื้นที่เราเล็งเห็นว่า ถนนรัชดาภิเษกตัดลาดพร้าวนั้น เป็นพื้นที่ที่มีโอกาสทางธุรกิจที่ดี เดินทางสะดวกด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน ใกล้แหล่งชุมชน มีประชากรอาศัยหนาแน่น ทั้งโซนลาดพร้าว รัชดาภิเษก วิภาวดี ดินแดง มีบ้านเดี่ยว หมู่บ้านจัดสรร และโครงการที่อยู่อาศัยกว่าหนึ่งแสนยูนิต อีกทั้งยังเป็นกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อมาก” โครงการสวนลุมไน้ท์บาซาร์ประกอบไปด้วย พื้นที่ร้านค้า ช้อปปิ้งเซ็นเตอร์ และ วอร์คกิ้งสตรีท จำนวน 1,800 ร้านค้าซึ่งสินค้าประกอบไปด้วย ทั้งสินค้าโอท้อป งานศิลปหัตถกรรม เสื้อผ้าเครื่องแต่งกาย สินค้าแฟชั่น เครื่องประดับ และเพิ่มในส่วนของสินค้าอาหาร ของฝาก ของนำเข้าจากต่างประเทศ ปัจจุบันมีจำนวนผู้เช่าทั้งหมด90% และสำหรับ 10% ที่เหลือเป็นส่วนที่เราตั้งเป้าว่าจะเป็นร้านค้าที่มีความน่าสนใจเป็นพิเศษที่จะเข้ามาเป็นไฮท์ไลท์สำคัญ เพื่อช่วยในการดึงดูดคนเข้ามาที่โครงการมากขึ้น และเพิ่มกลุ่มฐานลูกค้าใหม่ให้กับโครงการ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่   ส่วนโรงแรมระดับ 4 ดาว จำนวน 800 ห้อง พื้นที่จัดแสดงสินค้ากว่า 5,000 ตร.ม. โรงละครเมจิกคาบาเร่ ที่เป็นการนำเอาความพิเศษของการแสดงคาบาเร่โชว์ มารวมกับการแสดงมายากล  รวมถึงศูนย์ออก      กำลังกายพื้นที่กว่า 1,300 ตร. ม. ในอนาคตสามารถขยายเพิ่มได้ถึง 2,500 ตร.ม. พร้อมเปิดให้บริการ ตลอด 24 ชม. และบ็อกซิ่งยิม ที่ได้รับเกียรติจากคุณเขาทราย แกแล็คซี่ มาดูแลการสอน และออกแบบโปรแกรมการออกกำลังกาย การต่อยมวยที่กำลังเป็นที่นิยมในขณะนี้ ส่วนสุดท้ายคือสวนน้ำขนาดใหญ่  บนดาดฟ้าของโครงการ เพื่อรองรับฐานลูกค้ากลุ่มครอบครัว และที่จอดรถกว่า 1,200 คัน “ทางด้านกิจกรรมทางการตลาดและส่งเสริมการขาย เราจะคัดเลือกกิจกรรมที่มีความแปลกใหม่น่าสนใจ และกำลังอยู่ในกระแสความนิยมมาสลับสับเปลี่ยนทุกสัปดาห์ รวมตลอดปี 52 อีเว้นท์ เพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ของการท่องเที่ยวสวนลุมไน้ท์บาซาร์ในรูปแบบที่ทันสมัยขึ้น โดยพื้นที่อาคารเปิดให้บริการตั้งแต่เวลา 10.00 น. และพื้นที่โซนวอล์คกิ้งสตรีทเปิดให้บริการเวลา 16.00 น. – 24.00 น.” นายไพโรจน์ กล่าวสรุป
‘โชว์ ดีซี’ รุกหนักวงการค้าปลีก เตรียมเปิด “โอเอซิส เอาท์ดอร์ อารีน่า & ครีเอทีฟ มาร์เก็ต” รับคริสมาสต์ปีใหม่ ปั้นเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์สุดฮิปใหม่

‘โชว์ ดีซี’ รุกหนักวงการค้าปลีก เตรียมเปิด “โอเอซิส เอาท์ดอร์ อารีน่า & ครีเอทีฟ มาร์เก็ต” รับคริสมาสต์ปีใหม่ ปั้นเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์สุดฮิปใหม่

 ‘โชว์ ดีซี’ รุกหนักวงการค้าปลีก เตรียมเปิด “โอเอซิส เอาท์ดอร์ อารีน่า & ครีเอทีฟ มาร์เก็ต” รับคริสมาสต์ปีใหม่ ปั้นเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์สุดฮิปใหม่ พื้นที่ 14 ไร่บนทำเลทองจตุรทิศ - พระราม 9 ด้วยจุดขายแตกต่าง “ที่จัดการแสดงกลางแจ้งเยี่ยม” และ “ตลาดคอนเทนเนอร์แนวอีโค โซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์ยอด” กรุงเทพฯ (3 ธ.ค. 58)  –  วันนี้ บจ. โชว์ ดีซี คอร์ป (ผู้พัฒนา ‘โชว์ ดีซี’ ศูนย์การค้าและเอ็นเตอร์เทนเมนต์หรูครบวงจรแห่งแรกของไทย ใจกลางกรุงเทพฯ ย่านพระราม 9) แถลงเปิดตัว “โอเอซิส – เอาท์ดอร์ อารีน่า & ครีเอทีฟ มาร์เก็ต” (Oasis Outdoor Arena & Creative Market) แหล่งแฮงค์เอาท์สุดฮิปแห่งใหม่ใจกลางเมือง ย่านทำเลทองธุรกิจจตุรทิศ - พระราม 9 บนพื้นที่ 14 ไร่ (ติดกับศูนย์การค้าโชว์ ดีซี) ด้วยจุดขายแตกต่างคือ “เอาท์ดอร์ อารีน่าที่จัดการแสดงกลางแจ้งยอดเยี่ยม” และ “ครีเอทีฟ มาร์เก็ต ตลาดคอนเทนเนอร์ แนวทาง ‘อีโค โซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์’ สุดยอด” รวมมูลค่าโครงการกว่า 1,100 ล้านบาท เพื่อเติมเต็มช่องว่างในตลาดค้าปลีกไทย   ด้วยทางเลือกและไลฟ์สไตล์หลากหลายเป็นหนึ่งในที่เดียว คือ เพลิดเพลินกับไลฟ์สไตล์เอาท์ดอร์ที่ “โอเอซิส”   ที่พร้อมเปิดให้บริการในวันศุกร์ที่ 25 ธันวาคม 2558 นี้ และเตรียมเพลิดเพลินกับไลฟ์สไตล์อินดอร์ ณ “ห้างโชว์ ดีซี” ที่พร้อมเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2559 โชว์ ดีซีประกาศศักดาในวงการค้าปลีกไทยอย่างยิ่งใหญ่ ประเดิมเปิด “เอาท์ดอร์ อารีน่า ของโอเอซิส” ด้วยสุดยอดการแสดงโดยนักร้องหนุ่มเกาหลี ‘Rain’ ผู้โด่งดังระดับโลก และ 6 หนุ่มวง ‘Beast’ ขวัญใจสาวกเกาหลี ที่จะมาสร้างปรากฏการณ์เฉลิมฉลองคืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่อย่างยิ่งใหญ่อลังการ ในงานสุดเอ็กซ์คลูซีฟ งาน “โชว์ ดีซี ไทยแลนด์ เคาท์ดาวน์ 2016” ณ โอเอซิส เอาท์ดอร์ อารีน่า & ครีเอทีฟ มาร์เก็ต เท่านั้น ในโอกาสนี้ นายชยดิฐ หุตานุวัชร์ ผู้บริหารโอเอซิส เอาท์ดอร์ อารีน่า & ครีเอทีฟ มาร์เก็ต และประธาน บริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จำกัด เป็นผู้แถลงรายละเอียด พร้อมด้วยพระเอกหนุ่มนักธุรกิจ “บอย – ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์” ร่วมให้ข้อมูลและแสดงวิสัยทัศน์ด้านโอกาสทางธุรกิจของพื้นที่จัดงานแบบเอาท์ดอร์ และครีเอทีฟ มาร์เก็ต แนวคิด อีโค โซเชียล เอนเตอร์ไพรส์ รวมถึงการนำตู้คอนเทนเนอร์กลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยมี “พีเค – ปิยะวัฒน์ เข็มเพชร”  รับหน้าที่พิธีกรของงานแถลงข่าวซึ่งจัดขึ้น ณ โรงแรมเชอราตัน แกรนด์ สุขุมวิท กรุงเทพฯ นายชยดิฐ หุตานุวัชร์ กล่าวว่า “เราได้เตรียมงบลงทุนกว่า 1,100 ล้านบาท ในการสร้างสรรค์ ‘โอเอซิส – เอาท์ดอร์ อารีน่า & ครีเอทีฟ มาร์เก็ต’ มีจุดเด่น 2 ประการสำคัญ คือ โอเอซิส เอาท์ดอร์ อารีน่า ซึ่งเป็นพื้นที่จัดการแสดงในรูปแบบเอาท์ดอร์หรือกลางแจ้งที่มีความพรั่งพร้อมในทุกๆ ระบบ ทำให้สามารถรองรับ การจัดการรูปแบบเอาท์ดอร์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ไม่ว่าจะเป็นคอนเสิร์ต โชว์พิเศษ หรือเทศกาลพิเศษต่างๆ ด้วยพื้นที่กว่า 10,000 ตารางเมตร สามารถรองรับผู้ชมได้ถึง 30,000 คน พร้อมที่จอดรถยนต์และรถตู้มากถึง 1,200 คัน และรถบัสถึง 100 คัน จึงสะดวกทั้งสำหรับผู้จัดงานและผู้ชมหรือผู้เข้าร่วมงาน นอกจากนี้ โอเอซิส ยังมีในส่วนของครีเอทีฟ มาร์เก็ต ซึ่งเป็นตลาดที่นำตู้คอนเทนเนอร์กลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์อย่างสร้างสรรค์และสวยงาม ภายใต้แนวคิดในการดำเนินธุรกิจแบบ ‘อีโค โซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์’ (Eco Social Enterprise) ที่ให้ความสำคัญกับประโยชน์ของผู้ประกอบการ ผู้เช่าร้าน ผู้ค้าขายในโอเอซิสของเรา รวมไปถึงชุมชนและสังคมแวดล้อม และสิ่งแวดล้อม มิใช่หวังเพียงผลประโยชน์ทางการค้าของผู้ประกอบการเพียงอย่างเดียว” “นับเป็นปรากฏการณ์ครั้งแรกของวงการค้าปลีกไทยที่ได้มีการผสมผสานประสบการณ์ ‘เอาท์ดอร์’ และ ‘อินดอร์’ ไว้อย่างครบครันในพื้นที่เดียว โอเอซิสจะเป็นส่วนเติมเต็มไลฟ์สไตล์เอาท์ดอร์ของ คนเมืองและศูนย์การค้า ‘โชว์ ดีซี’ ที่พร้อมเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2559 จะมาเติมเต็มไลฟ์-สไตล์แบบอินดอร์ นั่นก็คือ โอเอซิสจะเป็นแหล่งแฮงค์เอาท์สุดฮิปสำหรับทุกๆ คน ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มครอบครัว คนรักสัตว์ คนรักสุขภาพ คนรักการช้อปปิ้ง คนรักการทานอาหาร คนรักอาร์ต คนรักการชมคอนเสิร์ต/ชมโชว์ - การแสดงพิเศษ รวมถึงคนที่ต้องการเปลี่ยนบรรยากาศหาที่ผ่อนคลายพักผ่อนหย่อนใจใหม่ๆ เพราะร้านค้า ความบันเทิง สิ่งอำนวยความสะดวกที่โอเอซิสมีพรั่งพร้อม อาทิ ‘Food & Fruit Truck’ ร้านผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ร้านอาหารและของหวาน ร้านสำหรับสัตว์เลี้ยง ร้านผลิตภัณฑ์อีโค รวมถึงพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ ขณะที่ ศูนย์การค้า ‘โชว์ ดีซี’ ที่พร้อมเปิดให้บริการในเดือนมิถุนายน 2559 จะมาเติมเต็มไลฟ์สไตล์แบบอินดอร์ ด้วยสุดยอดประสบการณ์เอ็นเตอร์เทนเมนต์ การช้อปปิ้ง การรับประทาน ในรูปแบบที่ไม่เคยมีมาก่อนในเมืองไทย อาทิ K-Town เมืองเกาหลีใหญ่ที่สุดในโลก ไทยแฟนตาซี ‘หิมพานต์ อวตาร’ เอเชียนฟู้ดสตรีท สปอร์ตอารีนา และศูนย์การประชุมและการแสดง นอกจากนี้ ‘YG Entertainment’ ค่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่ของเกาหลียังได้จับจองพื้นที่บนชั้นดาดฟ้า เพื่อเตรียมเปิดเอ็นเตอร์เทนเมนต์ พาร์ค สไตล์ ‘K-Pop’ ให้ทุกคนได้พักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับคลับสุดฮิปอีกด้วย” นายชยดิฐ กล่าว “เรามุ่งมั่นเป็นตัวอย่างด้านการดำเนินธุรกิจที่เห็นแก่ประโยชน์ของผู้ประกอบการ ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม เรียกว่า อีโค โซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์ คือ ธุรกิจจะดีได้ ชุมชน สังคมแวดล้อมต้องดีด้วย โดยเป็นฐานรากสำคัญของเราในการสร้างสรรค์จัดทำโอเอซิส – เอาท์ดอร์ อารีน่า & ครีเอทีฟ มาร์เก็ต ไม่ว่าจะเป็นการออกแบบร้านค้าโดยใช้ตู้คอนเทนเนอร์นำกลับมารีไซเคิล การจัดสรรพื้นที่ใช้สอยอย่างเป็นสัดส่วนให้รองรับผู้คนจำนวนมากได้อย่างเป็นมิตรต่อชุมชนแวดล้อม การสนับสนุนเจ้าของธุรกิจรุ่นใหม่ได้มีพื้นที่แสดงความคิดความฝันทางธุรกิจมาทำให้เกิดเป็นรูปธรรม ด้วยราคาค่าเช่าพื้นที่ซึ่งเป็นไปได้สำหรับผู้เริ่มธุรกิจ รวมถึงการเปิดโอกาสให้คนรุ่นใหม่ได้มาแสดงออกความสามารถทางศิลปะและการแสดงอย่างสร้างสรรค์ ผู้คนในชุมชนแวดล้อมได้มีอาชีพ รวมถึงชาวไร่ชาวสวนได้มีพื้นที่จำหน่ายผลผลิตทางการเกษตรแบบออร์แกนิคสดใหม่จากไร่กับผู้ซื้อโดยตรงในราคาพิเศษ” นายชยดิฐ กล่าวเสริม “โอเอซิส – เอาท์ดอร์ อารีน่า & ครีเอทีฟ มาร์เก็ต” คือ “รีเทล เอาท์ดอร์” รูปแบบใหม่ของไทย ซึ่งผสมผสานสุดยอดประสบการณ์และไลฟ์สไตล์หลากหลาย บนพื้นที่ใช้งานรวม 30,000 ตร.ม. แบ่งเป็นพื้นที่หลัก 2 ส่วน ได้แก่ เอาท์ดอร์ อารีน่า (Outdoor Arena) – พื้นที่ขนาดใหญ่กว่า 10,000 ตร.ม. สำหรับจัดงานอีเว้นท์ คอนเสิร์ต และเอ็นเตอร์เทนเมนต์ทุกรูปแบบทุกเทศกาล จุผู้ชมได้มากถึง 30,000 คน สามารถรองรับ การแสดงได้ตั้งแต่ขนาดเล็ก กลาง ไปถึงใหญ่ โดยพื้นที่ส่วนนี้มีศักยภาพเหมาะสมอย่างยิ่งที่จะเป็นศูนย์กลางจัดการแสดงกลางแจ้งทั้งระดับประเทศและระดับโลก เพราะเดินทางสะดวกและอยู่ใจกลางเมืองย่านธุรกิจ ซึ่งเป็นย่านที่มีสีสัน เป็นหนึ่งในแลนด์มาร์คที่ผู้คนจะหลั่งไหลเข้ามาแสวงหาความสนุกสนานในช่วงเทศกาลตลอดทั้งปี โดยขณะนี้มีผู้ให้ความสนใจเช่าพื้นที่จัดการแสดงและงานเฉลิมฉลองแล้วหลายรายทั้งไทยและเทศ ครีเอทีฟ มาร์เก็ต (Creative Market) – พื้นที่ขนาดใหญ่กว่ 20,000 ตร.ม. ชูคอนเซ็ปต์เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมโดยนำ “ตู้คอนเทนเนอร์” มารีไซเคิล ปัจจุบันกำลังเป็นเทรนด์ฮิตทั่วโลก และในประเทศไทยเอง เริ่มที่จะมีการนำตู้คอนเทนเนอร์มาสร้างเป็นตลาดถาวรแล้ว โดยพื้นที่ส่วนนี้ได้มีการจัดสรรเพื่อรองรับหลายจุดประสงค์ คือ พื้นที่ร้านค้า ร้านอาหาร สินค้าแฟชั่น ผลิตภัณฑ์พืชผักออร์แกนิคจากชาวไร่ชาวนา รวมกว่า 500 ร้านค้า พื้นที่สำหรับศิลปินและคนรุ่นใหม่ได้แสดงความสามารถในรูปแบบ “สตรีทอาร์ต” ที่หมุนเวียนกันมาสร้างสีสัน พื้นที่ให้สมาชิกในครอบครัวได้มาสังสรรค์ และทำกิจกรรมร่วมกัน เช่น ออกกำลังกาย ขี่จักรยาน และพาสัตว์เลี้ยงมาเดินเล่น เป็นต้น “เราต้องการให้ ‘โอเอซิส เอาท์ดอร์ อารีน่า & ครีเอทีฟ มาร์เก็ต’ เป็นพื้นที่เติมเต็มประสบการณ์และไลฟ์สไตล์เอาท์ดอร์ ให้คนเมืองได้มาชมสุดยอดการแสดง และเพลิดเพลินไปกับไอเดียสร้างสรรค์ต่างๆ กระตุ้นเศรษฐกิจด้วยการสนับสนุนธุรกิจแบบ ‘อีโค โซเชียล เอ็นเตอร์ไพรส์’ เป็นอีกหนึ่งพลังขับเคลื่อนความสุขของผู้คนในสังคมต่อไป” นายชยดิฐ กล่าวสรุป
เปิดตัว ‘โชว์ ดีซี’ ศูนย์การค้าและเอ็นเตอร์เทนเมนต์สุดหรูครบวงจรแห่งแรกของไทย ครั้งแรกกับแนวคิดค้าปลีกและบันเทิงรูปแบบใหม่ “ช้อป & เอ็นจอย”

เปิดตัว ‘โชว์ ดีซี’ ศูนย์การค้าและเอ็นเตอร์เทนเมนต์สุดหรูครบวงจรแห่งแรกของไทย ครั้งแรกกับแนวคิดค้าปลีกและบันเทิงรูปแบบใหม่ “ช้อป & เอ็นจอย”

บริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จำกัด แถลงเปิด ‘โชว์ ดีซี’ ศูนย์การค้าและเอ็นเตอร์เทนเมนต์สุดหรูครบวงจรแห่งแรกของไทย ปักธงแลนด์มาร์คแห่งใหม่ใจกลางกรุงเทพฯ เตรียมเปิดในเดือนมิถุนายน 2559 ทุ่มงบลงทุนทั้งสิ้น 9,500 ล้านบาท ตั้งเป้าดึงนักท่องเที่ยว 100,000 คนต่อวัน ชูแนวคิดค้าปลีกสุดล้ำ “ช้อป & เอ็นจอย” (Shop & Enjoy) โดดเด่นไม่ซ้ำใครรายแรกในประเทศไทย ผสมผสานความบันเทิงอันตื่นตาตื่นใจเข้ากับร้านค้าและร้านอาหารไว้อย่างครบครัน รวมถึง “K-Town” (เมืองเกาหลี) ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ‘โชว์ ดีซี’ ตั้งอยู่ใกล้ถนนพระราม 9 บนพื้นที่ 27 ไร่ มีพื้นที่ภายในอาคาร 150,000 ตารางเมตร นายชยดิษฐ์ หุตานุวัชร์ ประธาน บริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จำกัด กล่าวว่า “เราเป็นรายแรกในประเทศไทยที่นำเอาแนวคิด ‘ช้อป & เอ็นจอย’ (หรือซื้อหาสินค้าพร้อมสรรพกับความบันเทิง) มาใช้ โดยผสมผสานสุดยอดประสบการณ์ช้อปปิ้งและการกินดื่มเอาไว้ในที่เดียว เพื่อลูกค้าและผู้เยี่ยมชมได้ดื่มด่ำไปกับการช้อปปิ้ง    การกินดื่ม และการชื่นชมวัฒนธรรมทั้งของประเทศไทยและประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชีย ไฮไลท์สำคัญของโชว์ ดีซี จะอยู่ที่สินค้าและบริการสุดอินเทรนด์จากเกาหลีซึ่งโดดเด่นไม่มีใครเหมือน นอกจากนี้ ลูกค้าของเรายังจะได้เพลิดเพลินไปกับเอ็นเตอร์เทนเมนต์ชั้นนำของไทย ไม่ว่าจะเป็น ‘ศูนย์การประชุมและการแสดง’ ซึ่งรองรับผู้ชมได้ 5,000 คน บนพื้นที่ 5,000 ตร.ม. ‘สปอร์ต อารีนา’ สนามแข่งขันกีฬาเพื่อความบันเทิงแห่งเอเชีย รองรับผู้ชมได้ 1,500 ที่นั่ง รวมถึง การแสดงพิเศษส่งเสริมวัฒนธรรม ‘หิมพานต์ อวตาร’ มหัศจรรย์ตำนานวรรณคดีไทยเสมือนจริงในรูปแบบ 4D โดยใช้เทคโนโลยีแสง สี เสียงสุดล้ำแบบโฮโลกราฟฟิค ที่ยิ่งใหญ่อลังการบนพื้นที่ 5,000 ตร.ม.” โชว์ ดีซี (SHOW DC) มีที่มาจากภาษาอังกฤษคือ Show Destination Center ซึ่งหมายถึง ศูนย์การค้าและเอ็นเตอร์เทนเมนต์สุดหรูครบวงจรนั่นเอง “ขณะนี้พื้นที่ให้เช่าของโชว์ ดีซี มีผู้เช่าแล้ว 60% โดยหนึ่งในบรรดาผู้เช่ารายใหญ่ ได้แก่ ‘YG Entertainment’   ซึ่งเป็นค่ายบันเทิงยักษ์ใหญ่ของเกาหลี ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จของศิลปิน ‘K-Pop’ ชื่อก้องโลก อย่าง ‘BIGBANG’ (วงบิ๊กแบง) ‘Psy’ (ไซ กังนัมสไตล์) และ ‘2NE1’ (ทูเอนีวัน) ทั้งนี้ YG Entertainment ได้จับจองพื้นที่ 5,000 ตร.ม. บนชั้นดาดฟ้า เพื่อเตรียมเปิดศูนย์วัฒนธรรมและความบันเทิงสไตล์ ‘K-Pop’ ให้ทุกคนได้พักผ่อนและเพลิดเพลินไปกับคลับสุดฮิปอีกด้วย” นายชยดิษฐ์ กล่าว “โชว์ ดีซี เน้นนำเสนอความหลากหลายของเอเชีย ดังนั้น เราจึงไม่พลาดที่จะสร้างสรรค์พื้นที่ 10,000 ตร.ม. ให้เป็น ‘เอเชียนฟู้ดสตรีท’ ซึ่งรวบรวมอาหารขึ้นชื่อรสเยี่ยมมากมายของเอเชียมาไว้ในที่เดียว นอกจากนี้ ภายในส่วนของ ‘K-Town’ เราได้จัดสรรพื้นที่ขนาดใหญ่ให้กับ ‘K-Fashion’ และ ‘K-Beauty’ แหล่งรวมสินค้าแฟชั่นความงาม รวมถึงบริการเพื่อความงามจากเกาหลีที่ครบครันมากที่สุดในประเทศไทย อีกทั้งยังมีร้านอาหารของศิลปินดังเกาหลี มาเปิดให้แฟนๆ ได้ลิ้มลอง เช่น ‘Psy Ramen’ (ไซ ราเม็ง) ของไซ กังนัมสไตล์   และ ร้าน ‘After Rain’ ของ ‘Rain’ นักร้องหนุ่มผู้มีชื่อเสียงโด่งดังระดับโลก” นายชยดิษฐ์ กล่าวเสริม นางประภาวัลย์ เวลาดีวงณ์ รองประธาน บริษัท โชว์ ดีซี คอร์ป จำกัด กล่าวว่า “เรายังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย ที่คาดว่าจะสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติได้ราว 50,000 คนต่อวัน ทั้งนี้ โชว์ ดีซี คือ     ค้าปลีกรายแรกในประเทศไทยที่ออกแบบการอำนวยความสะดวกต่างๆ เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติจำนวนมหาศาล โดยเราได้ทุ่มทุนสร้างที่จอดรถบัสขนาดใหญ่ รวมไปถึงจัดการวางแผนเส้นทางการเดินชมของผู้มาใช้บริการภายในศูนย์การค้าอย่างเป็นระบบ ซึ่งมั่นใจได้ว่าลูกค้าทั้งชาวไทยและเทศทุกท่านจะได้รับความสะดวกสบายตลอดเวลาที่มาโชว์ ดีซี อย่างแน่นอน” “ภายใน 5 ปีข้างหน้า เราคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวมาเยือนประเทศไทยถึง 37 ล้านคนต่อปี ในการสร้างสรรค์   ไลฟ์สไตล์แลนด์มาร์คระดับโชว์ ดีซีนั้น เรามั่นใจว่าบริการของเราจะมอบความสะดวกสบายให้กับลูกค้า  ชาวไทยและนักท่องเที่ยวจำนวนมากได้ เราจึงเชื่อว่าภายในระยะเวลาไม่นาน โชว์ ดีซี จะช่วยแบ่งเบาภาระให้กับแหล่งท่องเที่ยวดั้งเดิมของไทยที่ต้องรองรับนักท่องเที่ยวที่หนาแน่นมากจนเกินไปได้” นางประภาวัลย์ กล่าว “การที่โชว์ ดีซี จะเป็นจุดหมายปลายทางที่รวบรวมสินค้าและบริการไว้อย่างครบครัน จะช่วยให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติสามารถเลือกช้อปสินค้าและใช้บริการต่างๆ ได้อย่างสะดวกสบายในที่เดียว โดยช่วยลดเวลาการเดินทางบนท้องถนน และลดปัญหาการจราจรติดขัดให้กับคนกรุงเทพฯ อีกด้วย ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวสามารถมั่นใจได้ว่าจะได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพในราคายุติธรรม รวมถึงจะได้สัมผัสประสบการณ์ทางวัฒนธรรมภายในโชว์ ดีซี เช่น การแสดงวัฒนธรรมไทยต่างๆ ซึ่งเราใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อให้ทุกอย่างสมจริงและได้มาตรฐานสูงสุดให้สมกับที่เป็นมรดกของชาติไทยอย่างแท้จริง” นางประภาวัลย์ กล่าว หนึ่งในความสะดวกสบายสุดเอ็กซ์คลูซีฟที่โชว์ ดีซี เตรียมไว้ต้อนรับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ คือ “VIP Traveller Lounge” (วีไอพี แทรเวเลอร์ เลาจ์) เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ใช้เวลาผ่อนคลายในวันสุดท้ายที่ประเทศไทย หลังจากเช็คเอาท์จากโรงแรมที่พักแล้ว “นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการฝากกระเป๋าเดินทาง อาบน้ำ หรือพักผ่อน หลักจากเช็คเอาท์จากโรงแรมที่พักและในขณะรอเครื่องบินไฟลท์ค่ำ นอกจากนี้ โชว์ ดีซี ยังได้เตรียมบริการรถรับส่งฟรีไปยังสนามบินในกรุงเทพฯ เพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย” นางประภาวัลย์ กล่าว โชว์ ดีซี ตั้งอยู่บนถนนจตุรทิศ สะดวกต่อการเดินทางด้วยหลากหลายเส้นทางรถยนต์และรถไฟฟ้า โดยอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์มักกะสัน สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพชรบุรีและพระราม 9 รวมถึงใกล้ทางด่วนศรีรัชฯ ขาลงด่านพระราม 9 และขาขึ้นด่านอโศก 1 “การเกิดขึ้นของโชว์ ดีซี จะช่วยสนับสนุนนโยบายของภาครัฐ ในการสร้างสรรค์แหล่งช้อปปิ้งและเอ็นเตอร์เทนเมนต์สุดหรูครบวงจรน่าตื่นตาตื่นใจใหม่ๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ พร้อมทั้งยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวในประเทศไทย โชว์ ดีซี ในฐานะแลนด์มาร์คแห่งใหม่ที่สำคัญของอาเซียน จะช่วยเสริมแกร่งภาพลักษณ์ให้กับประเทศไทย ให้กลายเป็นจุดศูนย์กลางการช้อปปิ้งและความบันเทิงแห่งประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนต่อไป” นายชยดิษฐ์ กล่าวสรุป