ข่าวโปรโมชั่น

 

ข่าวโปรโมชั่น ล่าสุด

1 ... 64 65 66 ... 105
ดิ เอ็กเซล ลาซาล 17 คอนโดมิเนียมที่ผสมผสานความล้ำสมัยร่วมกับไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว บนทำเลศักยภาพ ใกล้ BTS แบริ่ง

ดิ เอ็กเซล ลาซาล 17 คอนโดมิเนียมที่ผสมผสานความล้ำสมัยร่วมกับไลฟ์สไตล์อย่างลงตัว บนทำเลศักยภาพ ใกล้ BTS แบริ่ง

“ลาซาล” กับภาพจำในอดีตที่เป็นพื้นที่หนาแน่นไปด้วยแหล่งโรงงานอุตสาหกรรม อาคารพาณิชย์ ที่พักอาศัย เป็นจำนวนมาก แต่กับย่านลาซาลในปัจจุบัน ที่มีการพัฒนาความเจริญ และบรรยากาศความเป็นอยู่ให้น่าสนใจยิ่งขึ้น ซึ่งผลมาจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวหมอชิต - สำโรง ใกล้ สถานีแบริ่ง เจาะกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ ที่มองหาที่อยู่อาศัยในราคาที่สามารถจับต้องได้ อีกทั้งยังมีห้างสรรพสินค้าชั้นนำ Community Mall เช่น โครงการ ลาซาล อเวนิว / โครงการ ดาดฟ้าลาซาล / ซัมเมอร์ ลาซาล เป็นต้น ไปจนถึงตลาด ที่เหมาะสำหรับคนทำงานที่ต้องการความสะดวกสบาย อยู่ใกล้ที่ทำงาน เดินทางสะดวกทั้งในปัจจุบันและอนาคต บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบคอนโดมิเนียมภายใต้แบรนด์ ดิ เอ็กเซล ไรส์ และอิมเพรสชั่นที่ถือเป็นเจ้าตลาดคอนโดฯย่านลาซาล เนื่องจากอดีตได้เปิดขายโครงการบนถนน ลาซาล มาแล้วถึง 5 โครงการ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีในครั้งนี้ขอแนะนำโครงการคอนโดมิเนียม “ดิ เอ็กเซล ลาซาล 17” โครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low Rise สูง 8 ชั้น 4 อาคาร จำนวน 581 ยูนิต มูลค่าโครงการ 1,335 ล้านบาท ในราคาเริ่มต้นเพียง 1.39 ล้านบาท โดยแบ่งห้องชุดพร้อม Fully Furnished (SB Furniture) ถึง 3 รูปแบบด้วยกัน ได้แก่   รูปแบบ 1 Bedroom พร้อมพื้นที่ใช้สอยขนาด 25 - 30 ตร.ม. รูปแบบ 1 Bedroom Plus พร้อมพื้นที่ใช้สอยขนาด 34.5 ตร.ม. รูปแบบ 2 Bedroom พร้อมพื้นที่ใช้สอยขนาด 44 ตร.ม. โครงการ ดิ เอ็กเซล ลาซาล 17 (The Excel Lasalle 17) ตั้งอยู่บนทำเลในย่านลาซาล ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีแบริ่ง อีกทั้งยังสะดวกสบายในการเดินทางหลากหลายรูปแบบ เจาะกลุ่มคนทำงานรุ่นใหม่ที่มองหาที่อยู่อาศัยในราคาที่จับต้องได้ ตอบโจทย์คนทำงาน ย่านสุขุมวิทตอนกลางและตอนต้นได้อย่างสะดวกสบายเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS เพียงไม่กี่นาที นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญในเรื่องรูปแบบดีไซน์ที่ดึงดูดความสนใจและเหมาะกับไลฟ์สไตล์ของผู้อยู่อาศัย ด้วยการออกแบบฟังก์ชั่นภายในได้อย่างลงตัวสำหรับการใช้งานจริง โดดเด่นด้วยดีไซน์การออกแบบอาคาร สามารถตอบโจทย์ชีวิตคนเมืองได้อย่างครบครันในทุกด้าน เพียบพร้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเพื่อความสมบูรณ์แบบด้านการอยู่อาศัยได้เป็นอย่างดี อาทิ Swimming Pool, Co - Working Space, Fitness, Relaxing Area, Reading Garden, Rooftop Pavilion, บริการรถรับส่ง Shuttle Service ไป BTS พร้อมจัดเต็มระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ฯลฯ อีกทั้งยังใกล้สถานที่สำคัญ อาคารสำนักงาน ห้างสรรพสินค้าชั้นนำ แหล่งท่องเที่ยว คอมมูนิตี้มอลล์ โรงเรียนนานาชาติ และโรงพยาบาล อีกด้วย พร้อมให้คุณสัมผัสความรู้สึกที่ผสมผสานชีวิตเมืองอย่างลงตัว ให้เข้ากับทุกช่วงจังหวะของชีวิต สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Contact Center 02 029 9999 หรือ www.allinspire.co.th
แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด  ยันขึ้นแท่นอสังหาฯกลางใจเมือง ดึงดูดนักลงทุนชาวฮ่องกง

แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ยันขึ้นแท่นอสังหาฯกลางใจเมือง ดึงดูดนักลงทุนชาวฮ่องกง

แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด จัดงานโรดโชว์ ณ โรงแรม เดอะ แลนด์มาร์ค แมนดาริน โอเรียนเต็ล ฮ่องกง เมื่อเร็ว ๆ นี้ เพื่อนำเสนอโครงการอสังหาริมทรัพย์ระดับซูเปอร์ลักชัวรี่ของไทย ที่ถือเป็นโครงการหนึ่งที่ดึงดูดนักลงทุนชาวต่างชาติให้เข้ามาลงทุนในเมืองไทยได้มากยิ่งขึ้น เนื่องจากในปัจจุบัน อสังหาริมทรัพย์ในฮ่องกงมีราคาสูงมาก และมีการขยับราคาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นักลงทุนชาวต่างชาติจำนวนมากจึงหันไปแสวงหาการลงทุนในประเทศอื่น ๆ ที่ให้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าในระยะยาว วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แมกโนเลีย ควอลิตี้ ดีเวล็อปเม้นต์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (MQDC) กล่าวถึงความสำเร็จของการจัดงานโร้ดโชว์ในต่างประเทศครั้งนี้ว่า “งานโร้ดโชว์ครั้งนี้จัดแสดงขึ้นเพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่กลุ่มนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ระดับหรูในฮ่องกง ต่อโครงการแมกโนเลียส์ฯ ของ MQDC และตลาดอสังหาฯ ระดับหรูของประเทศไทย นับเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นอย่างมากที่เราได้มีโอกาสครั้งสำคัญในการแสดงให้ผู้ซื้อในฮ่องกงเห็นถึงโอกาสการลงทุนที่มีศักยภาพในตลาดอสังหาฯ ระดับหรูของประเทศอื่นนอกเหนือจากฮ่องกง ซึ่งผลของการเข้าร่วมงานครั้งนี้ พบว่าห้องชุดแบบเพนท์เฮาส์ของโครงการยังเป็นที่นิยมมากสำหรับชาวฮ่องกง รองลงมาคือห้องประเภท 2 ห้องนอน ซึ่งช่วยเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นที่เรามีต่อโครงการของเรามากขึ้นไปอีก” ด้วยทำเลที่ดีที่สุดใจกลางย่านเศรษฐกิจของกรุงเทพฯ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์สูง 60 ชั้น นำเสนอเรสซิเดนซ์พร้อมตกแต่งระดับไฮเอนด์รวม 316 ห้อง มีทั้งห้องชุด 2 ห้องนอน ไปจนถึงเพนท์เฮ้าส์ที่กว้างขวาง อีกทั้งโครงการยังเป็นที่ตั้งของโรงแรม 5 ดาวระดับโลกอย่าง วอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ แบรนด์โรงแรมระดับไฮเอนด์แห่งแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของวอลดอร์ฟในเครือฮิลตันโฮเต็ล แอนด์ รีสอร์ท ซึ่งจะเปิดบริการในเดือนสิงหาคมนี้ ทั้งนี้ผู้ที่เป็นเจ้าของห้องชุดสุดหรูของโครงการ ยังจะได้รับสิทธิประโยชน์พิเศษเพิ่มเติม คือการได้รับสิทธิพิเศษเมื่อใช้บริการหรือซื้อสินค้าจากร้านค้าภายในโรงแรมวอลดอร์ฟ แอสโทเรีย กรุงเทพ นอกจากนั้นภายในโครงการยังเพียบพร้อมด้วยส่วนบริการเพื่อการพักอาศัยระดับไฮเอนด์ และบริการระดับวีไอพีตลอด 24 ชั่วโมง “ประเทศไทยถือเป็นจุดหมายด้านการลงทุนที่น่าสนใจมาก เนื่องจากมีมูลค่าสัมพัทธ์ที่ดีกว่าเมื่อเปรียบเทียบกับตลาดอื่น ๆ ในภูมิภาค รวมถึงการเข้าถึงแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่พักผ่อนชื่อดังระดับโลกได้อย่างสะดวกรวดเร็ว พร้อมความสะดวกสบายของการใช้ชีวิตในเมืองที่เต็มไปด้วยศูนย์การค้า การเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้า โรงแรมและร้านอาหารชั้นเลิศอีกมากมาย ปัจจุบัน ฐานลูกค้าของเราเป็นลูกค้าชาวไทยและชาวต่างชาติอย่างละครึ่ง โดยชาวต่างชาติส่วนใหญ่มาจากฮ่องกง ปัจจัยหลักที่ทำให้เรามียอดขายที่น่าพึงพอใจ เกิดจากทำเลที่ตั้งโครงการซึ่งถือเป็นหนึ่งในทำเลทองชั้นนำของเมืองไทย ทั้งยังเป็นโครงการแบบมิกซ์ยูสที่ตอบสนองความต้องการของผู้พักอาศัยได้ดีเยี่ยมเพราะมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่สมบูรณ์แบบ สำหรับในปีนี้ แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ยังถือเป็นโครงการที่เป็นที่จับตามองของลูกค้าชาวฮ่องกง ที่ยังคงให้ความสนใจโครงการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าแมกโนเลียส์ฯ ยังเป็นโครงการมิกซ์ยูสระดับลักชัวรี่ชั้นนำในย่านธุรกิจหลักของเมืองไทย ที่คุ้มค่าแก่การลงทุนและเพรียบพร้อมสำหรับการอยู่อาศัยมากที่สุด” วิสิษฐ์ มาลัยศิริรัตน์ กล่าว ห้องชุดที่เหลืออยู่ของแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ดในปัจจุบัน คือแบบ 2 ห้องนอน พื้นที่ 75 - 108 ตารางเมตร ราคาเริ่มต้น 20 ล้านบาทหรือ 270,000 บาทต่อตารางเมตร และห้องห้องเพนท์เฮ้าส์ พื้นที่ 321 - 384 ตารางเมตร ภายในโครงการเพียบพร้อมด้วยบริการระดับไฮเอนด์ ทั้งล็อบบี้ส่วนตัว ห้องสมุดที่มองเห็นสวนสวยดีไซน์โค้ง สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ พร้อมจากุชชี่และสระเด็ก รวมถึงระบบรักษาความปลอดภัยขั้นสูงตลอด 24 ชั่วโมง และความสะดวกสบายด้านอื่นๆ อีกมากมาย ข้อมูลจาก Rating and Valuation Department ระบุว่า ราคาอสังหาริมทรัพย์ที่พักอาศัยของฮ่องกงพุ่งสูงขึ้นถึง 10.4% YTD (จากต้นปีถึงปัจจุบัน) หรือคิดเป็น 15.9% YOY (เปรียบเทียบกับปีที่ผ่านมา) จากเมื่อปลายปีที่ผ่านมา อพาร์ทเมนท์ขนาด 70-99.9 ตร.ม. มีราคาสูงขึ้นถึง 10% ไปอยู่ที่ 22,311 ดอลลาร์ต่อ ตร.ม. ในขณะที่ อพาร์ทเมนท์ขนาด 100-159.9 ตร.ม. มีราคาสูงขึ้นถึง 6.7% ไปอยู่ที่ 24,428 ดอลลาร์ต่อ ตร.ม. อลิวัสสา พัฒนถาบุตร กรรมการผู้จัดการ ซีบีอาร์อี ประเทศไทย ผู้แทนจำหน่ายอย่างเป็นทางการของโครงการแมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด กล่าวว่า “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ได้รับความสนใจอย่างมากในตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะที่ฮ่องกง ซึ่งเป็นตลาดที่อสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่มีราคาสูงเกินไปอย่างมาก ในขณะที่ตลาดอสังหาฯ ในประเทศไทยนำเสนอมูลค่าสัมพัทธ์ที่ดีเยี่ยม และแมกโนเลียส์ฯ ถือเป็นโครงการยอดนิยมและเป็นตัวเลือกด้านการลงทุนที่มีศักยภาพสูงสำหรับนักลงทุนฮ่องกง เนื่องจากตั้งอยู่บนทำเลทอง แวดล้อมด้วยศูนย์การค้าและช้อปปิ้งมอลล์ระดับโลก และใกล้กับรถไฟฟ้าบีทีเอส ด้วยทำเลชั้นเยี่ยมบวกกับคุณภาพการก่อสร้างระดับสูง จึงถือเป็นแพ็คเกจมูลค่าเพิ่มที่ดึงดูดนักลงทุนได้เป็นอย่างดี” นอกจากนั้น รีเบคก้า ชัม กรรมการบริหาร ซีบีอาร์อี ฮ่องกง กล่าวเสริม “แมกโนเลียส์ ราชดำริ บูเลอวาร์ด ถือเป็นโครงการที่ได้รับการออกแบบอย่างดี ใส่ใจในทุกรายละเอียด มีการใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อการหมุนเวียนทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมทั้งยังออกแบบเพื่อให้รองรับตามมาตรฐาน LEED (Leadership in Energy and Environmental Design) จากสหรัฐอเมริกา ซึ่งถือเป็นมาตรฐานด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงานที่เข้มงวดที่สุดของโลก และยังมีการออกแบบให้ระดับความสูงจากพื้นถึงเพดาน ถึง 3 เมตร เพื่อความโปร่งสบาย ในการอยู่อาศัย ตัวโครงการเป็นรูปทรง “กลีบดอกแมกโนเลีย” ที่หมุนวนจากฐานขึ้นไปสู่ส่วนยอดของอาคาร ดีไซน์รูปกลีบดอกไม้นี้ยังตอบโจทย์ในด้านการเปิดมุมมองของห้องชุดให้สามารถชื่นชมทัศนียภาพมุมสูงของกรุงเทพฯ ได้จากทุกยูนิต ทำให้โครงการนี้ดูแฝงความอ่อนช้อยและสง่างามในขณะเดียวกัน สมกับเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพฯ ที่ยากจะหาที่ไหนมาเทียบเคียง”
ส่องโครงการที่พักสุดหรูระดับ 5 ดาว ‘ซิกซ์เซ้นส์ รีสอร์ตแอนด์สปา เซนต์คิตส์’ รีสอร์ตวิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวในบรรยากาศธรรมชาติแห่งเมืองมรดกโลก

ส่องโครงการที่พักสุดหรูระดับ 5 ดาว ‘ซิกซ์เซ้นส์ รีสอร์ตแอนด์สปา เซนต์คิตส์’ รีสอร์ตวิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวในบรรยากาศธรรมชาติแห่งเมืองมรดกโลก

เซ็นต์คิตส์และเนวิส หมู่เกาะทางตะวันออกของทะเลแคริบเบียน ปัจจุบันได้แปลี่ยนเป็นสวรรค์แห่งใหม่ของนักลงทุนต่างชาติสถานที่ท่องเที่ยวแห่งใหม่ที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยว และน่าจับตามองของลงทุนต่างชาติ และยังเป็นที่ตั้งของ ซิกซ์เซ้นส์ รีสอร์ตแอนด์สปา โครงการรีสอร์ตสุดหรูโดย เรนจ์ ดีเวลลอปเม้นต์ เรนจ์ ดีเวลลอปเม้นต์ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการพัฒนา รีสอร์ตหรูในแคริบเบียน ด้วยการออกแบบสร้างสรรค์ การบริหารจัดการ และการตลาด โดยโครงการมีกำหนดการที่จะสร้างแล้วเสร็จภายใน 3 ปี ตั้งอยู่บริเวณส่วนที่เคยเป็นสวนอ้อย มีลักษณะพื้นที่เป็นเนินเขาทอดยาวไปตามชายหาดของทะเลแคริบเบียน วิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวและส่วนพักผ่อนส่วนกลางหันหน้าเข้าสู่ทะเลและธรรมชาติ ซึ่งจะทำให้ท่านรู้สึกถึงความผ่อนคลายจากความเครียดต่างๆ จากชีวิตในเมือง อีกทั้งยังเป็นสถานที่ท่านสามารถใช้เวลาอยู่กับตัวเอง พักผ่อนกับครอบครัว และคนที่ท่านรัก ไปกับธรรมชาติรอบๆ ตัว มีวิลล่าพร้อมสระว่ายน้ำส่วนตัวจำนวน 70 ห้อง ตกแต่งตามสไตล์อันเป็นเอกลักษณ์เฉพาะของซิกเซ้นส์ ด้วยแนวทางการพัฒนาแบบยั่งยืนเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมผสมผสานสไตล์ร่วมสมัยอย่างลงตัวเพื่อความสะดวกสบายสูงสุด ตัวโครงการอยู่ทางทิศตะวันตกของเกาะ ห่างจากสนามบินนานาชาติประมาณ 30 นาทีด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงามตลอดสองข้างทาง มีเที่ยวบินตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกา แคนาดา สหราชอาณาจักร และมีเที่ยวบินเชื่อมต่อจากประเทศในสหภาพยุโรป และภูมิภาคต่างๆ ในแคริบเบียน นายโมฮัมเหม็ด อาซาเรีย ผู้ก่อตั้ง เรนจ์ ดีเวลลอปเม้นต์ กล่าวว่า “ด้วยบรรยากาศที่โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ ที่ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจและที่มาของเมนู ซิกซ์เซ้นส์ ทรีทเม้นต์ ที่ผสมผสานเข้ากับการรักษาสุขภาพแบบพื้นเมืองที่จะทำให้ท่านกลับมาสดใสอีกครั้ง อีกทั้งยังมีโปรแกรมต่างๆ อาทิ ดีทอกซ์ โยคะ และ เวิร์คช็อป ที่จะทำให้ท่านได้ผ่อนคลายอย่างสมบูรณ์แบบ ทางทิศใต้ของรีสอร์ตเป็นที่ตั้งของเมืองแซนดี้ พอยต์ ทาวน์ เมืองที่ใหญ่เป็นอันดับสองของเกาะและเป็นเส้นทางสู่ บริมสโตน ฮิลล์ หนึ่งในสถานที่ที่ยูเนสโกจัดให้เป็นเมืองมรดกโลก และเป็นอีกหนึ่งเกาะในหมู่เกาะมากมายของทะเลแคริบเบียนที่ดึงดูดให้ผู้ที่ชื่นชอบประวัติศาสตร์มาเยือน และที่น่าสนใจไปกว่านี้ ซิกซ์เซ้นส์ รีสอร์ตแอนด์สปา เซ็นต์คิตส์ เป็นโรงแรมอันดับที่ 16 ของเครือซิกซ์เซ้นส์ ใน 11 ประเทศทั่วโลก และพวกเราตื่นเต้นที่จะได้ต้อนรับโครงการ ซิกซ์เซ้นส์ รีสอร์ตแอนด์สปา สู่ประเทศเซ็นต์คิตส์ และยินดีที่จะประกาศข่าวนี้สู่กรุงเทพมหานคร เมืองหลวงที่มีเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ อีกทั้งยังเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่งที่ แบรนด์ซิกซ์เซ้นส์ ได้รับการคัดเลือกให้เป็นแบรนด์โรงแรมที่ดีที่สุดโดยนิตยสาร Travel + Leisure และพวกเราก็ตั้งตารอคอยที่จะได้ร่วมงานในโครงการที่น่าตื่นเต้นนี้ และแต่งตั้งให้บริษัท ฮาร์วีย์ ลอว์ กรุ๊ป เป็นตัวแทนอย่างเป็นทางการ ในการเผยแพร่ข่าวสารประชาสัมพันธ์และเสนอโปรแกรมการลงทุนที่คุ้มค่าของโครงการนี้สู่นักลงทุนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้” นายบาสเตียน เทรลแคท หุ้นส่วนผู้จัดการ ฮาร์วีย์ ลอว์ กรุ๊ป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน ได้กล่าวถึงความรู้สึกครั้งนี้ว่า “ฮาร์วีย์ ลอว์ กรุ๊ป รู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ เรนจ์ ดีเวลลอปเม้นต์ และรัฐบาลเซนต์คิตส์และเนวิสอีกครั้งในโครงการนี้ ในฐานะตัวแทนอย่างเป็นทางการในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เราขอเสนอการลงทุนที่มาพร้อมกับตัวเลือกทางการเงินภายใต้การลงทุนจำนวนจำกัด 100 หุ้นเท่านั้น ประเทศเซนต์คิสต์และเนวิสเป็นโปรแกรมการลงทุนเพื่อการได้มาซึ่งสัญชาติที่มีมายาวนานที่สุด นักลงทุนมีโอกาสในการได้รับหนังสือเดินทางที่ดีที่สุดสำหรับผู้ลงทุนและครอบครัว โดยการลงทุนใน ซิกซ์เซ้นส์ เซนต์คิตส์นั้น ท่านและครอบครัวมีสิทธิในการสมัครเป็นพลเมืองเซนต์คิตส์และเนวิสได้ผ่านโครงการของรัฐบาล ในการลงทุน USD 200,000 (ผ่านโครงสร้างการเป็นห้างหุ้นส่วนจำกัด) ในซิกซ์เซ้นส์ รีสอร์ตแอนด์สปา เซนต์คิตส์ เพื่อที่จะผ่านคุณสมบัติในการยื่นขอสัญชาติเซนต์คิตส์และเนวิส พร้อมสิทธิการเป็นพลเมืองนั้นมีอยู่ตลอดชีพ สำหรับทั้งนักลงทุน คู่สมรส ผู้ปกครอง และผู้ติดตาม โดยที่ยังสามารถส่งต่อไปยังลูกหลานอีกด้วย สำหรับท่านที่สนใจสามารถดูรายละเอียดโปรแกรมการลงทุนเพิ่มเติมได้ที่ คุณกฤตติยา กีรติยุต ผู้อำนวยการสำนักงานกรุงเทพฯ kkeeratiyut@harveylawcorporation.com , btrelcat@harveylawcorporation.com โทร +66 2 670 1848 หรือ www.harveylawcorporation.com หรือ FB: https://www.facebook.com/HLGThailand/
เรียลแอสเสท เปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด “เซนส์ สายไหม 56” พร้อมโชว์แบบบ้านแนวคิดใหม่ ชูคอนเซ็ปต์ “ความสุขที่พอเพียง”

เรียลแอสเสท เปิดตัวโครงการใหม่ล่าสุด “เซนส์ สายไหม 56” พร้อมโชว์แบบบ้านแนวคิดใหม่ ชูคอนเซ็ปต์ “ความสุขที่พอเพียง”

  เปิดตัวโครงการ “เซนส์ สายไหม 56” โครงการใหม่ล่าสุดจาก “เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์” โครงการบ้านแนวคิดใหม่ภายใต้แนวคิด “ความสุขที่พอเพียง” โดดเด่นด้วยการวางฟังก์ชั่นบ้าน 2 ชั้น ที่ออกแบบอย่างประณีต มีดีไซน์ ทุกฟังก์ชั่นแบบพอดี และเพียงพอต่อการสร้าง “ครอบครัวอันอบอุ่น” ตอบโจทย์ให้คุณได้มีความสุขในทุกมุมของบ้าน ราคาพิเศษสุดเริ่ม 3.59 ล้านบาท ขนาดพื้นที่โครงการ 22 ไร่ จำนวน 126 ยูนิต มูลค่าโครงการรวม 643 ล้านบาท ล่าสุดพร้อมเปิดให้เยี่ยมชมบ้านตัวอย่างที่ออกแบบจากแรงบันดาลใจของศิลปินเสียงดีและนักแต่งเพลงชื่อดัง สิงโต นำโชค ที่มาสวมหมวกใบใหม่ครั้งแรกกับเรียลแอสเสทในบทบาท “Design Artist” ภายใต้แนวคิด “ความสุขแรก” เตรียมเปิด Open House ครั้งแรก 18-19 ส.ค.นี้ พร้อมรับชมมินิคอนเสิร์ต “สิงโต นำโชค” ได้ภายในงาน นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยถึงสาเหตุของการเลือกเปิดโครงการเซนส์สายไหม 56 ว่า ด้วยจุดยืนของเรียลแอสเสท ที่ตั้งใจพัฒนาสินค้าและโครงการ ที่ใส่ใจในรายละเอียดและความต้องการที่แท้จริงของลูกค้า เมื่อเราค้นพบว่าผู้บริโภคในย่านนี้ ยังมีความต้องการที่อยู่อาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก จากแนวโน้มการขยายตัวของที่อยู่อาศัยของกรุงเทพฯ ฝั่งตอนเหนือ (บางเขน-วัชรพล-สายไหม-สุขาภิบาล 5) ที่มีแหล่งงาน โครงการเมกะโปรเจค และการขยายตัวด้านการเดินทางที่สะดวกสบาย จึงส่งผลให้เกิดแรงดึงดูดในการพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยโดยรอบโตอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านอุปสงค์และอุปทานสำหรับบริเวณพื้นที่ดังกล่าว สำหรับทำเลที่ตั้งโครงการถือได้ว่ามีศักยภาพเนื่องจากการเดินทางมายังโครงการสามารถเดินทางเข้าได้หลากหลายเส้นทางไม่ว่าจะเป็นถนนสายไหม ถนนเพิ่มสิน-ออเงิน ที่สร้างความเชื่อมต่อของพื้นที่ขยายไปยังสุขาภิบาล 5-วัชรพล-สะพานใหม่-ลำลูกกาได้ และซอยสายไหม 56 เองยังถือว่าเป็นซอยที่มีการเชื่อมโยงพื้นที่ในย่านสายไหม ด้วยเหตุนี้เราจึงนำชื่อซอยมาเป็นส่วนหนึ่งของชื่อโครงการ นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยศักยภาพทำเลที่ตั้งโครงการ ซึ่งอยู่ในซอย สายไหม 56 ห่างจากถนนสายไหมประมาณ 800 เมตร ซึ่งถนนหลักเส้นนี้พาเชื่อมต่อออกไปถนนพหลโยธินและต่อไปสนามบินดอนเมืองได้ หรือจะไปทางฝั่งถนนวงแหวนรอบนอก (ฝั่งตะวันออก) ก็สะดวกง่ายดาย และโครงการยังห่างจากทางลงทางด่วนสุขาภิบาล 5 เพียงประมาณ 5 กิโลเมตรเท่านั้น ประกอบกับใกล้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายหมอชิต-คูคต สถานีคูคต โดยโครงการห่างจากสถานีเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น โดยกำหนดการเปิดอยู่ในช่วงประมาณไตรมาสที่ 1 ปี 2563 ปัจจุบันดำเนินการก่อสร้างไปแล้วประมาณ 69% อีกทั้งโดยรอบโครงการยังมีร้านค้า ศูนย์การค้า โรงเรียนและสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆรอบโครงการ เราจึงตัดสินใจเลือกซื้อที่ดินแปลงนี้มาพัฒนาโครงการ ทั้งนี้ ระหว่างการพัฒนานั้นบริษัท ฯ ได้พบว่า ยังมีช่องว่างทางการตลาดที่เป็นความต้องการแท้จริงของลูกค้า ที่อยากมีบ้านหลังแรก ที่พอดีกับการใช้ชีวิต ไม่ได้ต้องยิ่งใหญ่อลังการเกินความจำเป็น แต่เป็นบ้านที่สร้างความสุขที่พอเพียง เรียกว่า Make Sense คือเป็น “ความพอดีที่เพียงพอ” เราจึงนำแนวคิดตรงนี้ เป็นปรัชญาและหลักการในการออกแบบสินค้าและพัฒนาโครงการ รวมถึงเป็นจุดเริ่มต้นการต่อยอดในการสร้างแบรนด์และพัฒนาสินค้าด้วย จนกลายเป็นชื่อแบรนด์โครงการว่า “Sense” (เซนส์) “โครงการ เซนส์ สายไหม 56 เป็นอีกหนึ่งโครงการใหม่ล่าสุดของเรียลแอสเสท หลังจากเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา เราได้แถลงข่าวเปิดตัวโครงการ เอสทีค ทองหล่อ คอนโดมิเนียมระดับ Ultimate Luxury ไป โดยโครงการเซนส์ สายไหม 56 ถือเป็นแบรนด์ใหม่และสินค้าใหม่ของบริษัทฯ ที่ไม่เคยมีมาก่อน ได้รับแรงบันดาลใจในการวางคอนเซ็ปต์ของแบรนด์และการออกแบบตัวบ้าน มาจากวิถีชีวิตของนกกระจาบ ซึ่งถือว่าเป็นสถาปนิกตัวน้อยในเขตร้อนของโลก นกกระจาบยังถูกเรียกอีกอย่างว่า นกช่างสาน เพราะสร้างรังได้อย่างประณีต สวยงาม ปลอดภัย ซึ่งเป็นที่มาของการออกแบบบ้านภายใต้แนวคิด “ความสุขที่พอเพียง” ที่เน้นความประณีตและมีดีไซน์ ทุกฟังก์ชั่นออกแบบให้ตอบโจทย์กับความเพียงพอต่อการสร้างครอบครัวที่อบอุ่น” นายวีระชัย หาญจริยากูล ผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์ธุรกิจบ้านจัดสรรและอาคารพาณิชย์ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ เปิดเผยถึงรายละเอียดโครงการว่า โครงการเซนส์ สายไหม 56 เป็นบ้านแนวคิดใหม่ ซึ่งเป็นบ้านซีรีส์ใหม่ล่าสุดของเรียลแอสเสท มูลค่าโครงการรวม 643 ล้านบาท มีขนาดพื้นที่ 36.4 - 50.4 ตารางวา มีแบบบ้านให้ลูกค้าได้เลือก 2 แบบได้แก่ แบบบ้าน Shama (ฌา-มา) มีพื้นที่ใช้สอย 131 ตารางเมตร 3 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องครัว และแบบบ้าน Serin (เซ-ริน) มีพื้นที่ใช้สอย 151 ตารางเมตร 4 ห้องนอน 3 ห้องน้ำ 1 ห้องรับแขก 1 ห้องครัว ทั้งนี้เตรียมจัดงาน Open House ครั้งแรก 18-19 ส.ค. ณ สำนักงานขายโครงการ ในราคาพิเศษสุด 3.59 ล้านบาท และรับโปรโมชั่นพิเศษอื่นๆอีกมากมาย พร้อมรับชมมินิคอนเสิร์ตสุด Exclusive กับ “สิงโต นำโชค” ได้ภายในงาน “เราไม่เพียงแต่ใส่ใจในการออกแบบบ้านเท่านั้น แต่เรายังใส่ใจในการลงรายละเอียดของพื้นที่ส่วนกลางโครงการ ซึ่งออกแบบมาให้ดูกลมกลืนกับความเป็นธรรมชาติรอบบ้าน โดยถนนหลักของโครงการกว้าง 12 เมตร บรรยากาศสองข้างทางไปยังพื้นที่ส่วนพักอาศัยจะมีต้นไม้ใหญ่ตลอดทางดูร่มรื่นน่าอยู่ โดดเด่นด้วยสโมสร 2 ชั้นพร้อมสระว่ายน้ำแบ่งสระเด็กแยกจากสระผู้ใหญ่อย่างเป็นสัดส่วนและชั้นบนเป็นห้องฟิตเนส ส่วนพื้นที่สวนสาธารณะออกแบบให้มีพื้นที่ออกกำลังกาย Outdoor, Jogging Track, และสนามเด็กเล่น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่แตกต่างของสมาชิกในครอบครัว อีกทั้งยังมีระบบรักษาความปลอดภัยที่ทันสมัย ติดตั้งกล้อง CCTV ให้ตั้งแต่ทางเข้าไปจนถึงภายในตัวโครงการ ซุ้มทางเข้าจะมี รปภ. ดูแลความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง” ด้านสิงโต นำโชค หรือ นายนำโชค ทะนัดรัมย์ ศิลปินเสียงดีและนักแต่งเพลงชื่อดัง ที่มาพร้อมกับบทบาทใหม่ “Design Artist” ให้กับทาง เรียลแอสเสท กล่าวถึง การออกแบบบ้านตัวอย่างภายใต้แนวคิด “ความสุขแรก” ว่า ความสุขแรกของผมก็คือ บ้านหลังแรก ที่ได้มาด้วยน้ำพักน้ำแรงของเราเอง เราก็อยากจะออกแบบเอง ดูแลมันในทุกๆ ขั้นตอน ยกตัวอย่างเช่น เรื่องทาสีบ้านเราก็อยากจะทากันเอง สองคนกับภรรยาช่วยกันผมว่ามันเป็นมากกว่าการออกแบบ แต่มันเหมือนเราได้ใช้ช่วงเวลาด้วยกัน แต่งเติมความสุขแรกของเราไปพร้อมๆ กัน บรรยากาศโดยรวมภายในบ้าน ก็จะออกเป็นแนว ดีไอวาย ทำเอง สร้างเอง กับมือ “จุดเริ่มต้นของผมที่ได้มาร่วมงานกับเรียลแอสเสท จนเกิดเป็นโปรเจคส์ “Real Asset X Singto Numchok” นั้นเกิดจากการที่ผมได้มาร่วมร้องเพลงในงานของโครงการเดอะสเตจ เตาปูน – อินเตอร์เชนจ์ และได้พูดคุยกับผู้บริหารระดับสูงท่านหนึ่งของเรียลแอสเสทอย่างถูกคอ คุยมาเรื่อยๆ จนได้ปรึกษากันเรื่องการออกแบบตกแต่งบ้าน ทำให้ทางเรียลแอสเสทรู้สึกว่า ผมมีความสนใจในเรื่องนี้ เลยชวนผมมาลองทำอะไรใหม่ๆร่วมกัน แทนที่ปกติจะให้ผมไปร้องเพลงให้ฟัง เปลี่ยนมาเป็นการใช้จินตนาการของตัวเองออกแบบภายในบ้านที่เป็นสไตล์ของสิงโต นำโชคว่าเป็นอย่างไร เป็นการทำอะไรใหม่ๆ ที่เราไม่เคยทำมาก่อน ถือว่า เรียลแอสเสทได้ให้โอกาสผมจริงๆ ครับ”
“แสนสิริ” ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ปลื้มโครงการ XT ฮอตฉุดไม่อยู่!  กวาดยอดขายพรีเซลล์ในงาน “XT Dimension” กว่า 8,000 ลบ.

“แสนสิริ” ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ ปลื้มโครงการ XT ฮอตฉุดไม่อยู่! กวาดยอดขายพรีเซลล์ในงาน “XT Dimension” กว่า 8,000 ลบ.

  “แสนสิริ” ประกาศความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่จากการจัดงานพรีเซลล์รูปแบบใหม่ “XT Dimension” เปิดตัวโครงการ “XT New Lifestyle Condominium” กวาดยอดขายมูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท รวมจำนวน เกือบ 1,400 ยูนิต ทั้ง 3 ทำเลโดนใจ ได้แก่ โครงการ XT เอกมัย XT ห้วยขวาง และ XT พญาไท จากมูลค่าโครงการรวมกว่า 21,000 ล้านบาท ซึ่งนับเป็นการเปิดตัวโครงการที่มีมูลค่ารวมสูงสุดในประวัติศาสตร์หน้าใหม่ของแสนสิริ ปลื้มมีผู้สนใจตบเท้าจองโครงการและร่วมกิจกรรมภายในงานตลอด 3 วัน รวมกว่า 10,000 คน เนื่องจากคอนเซ็ปท์ของแบรนด์และโครงการที่ใหม่ตอบโจทย์โดนใจชาวมิลเลนเนียลและกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งชื่นชอบในการแสวงหาประสบการณ์ใหม่ๆในการใช้ชีวิตที่สะท้อนตัวตน ด้วยอิสระในการใช้ชีวิตแบบไร้ขีดจำกัดภายใต้แนวคิด Extend Your Style มั่นใจรุกเดินหน้าต่อยอดการขายผ่านการสร้างประสบการณ์ที่เซลล์แกลลอรี่ในรูปแบบใหม่ เตรียมแผนกวาดยอดขายรวมปลายปี 2561กว่า 10,000 ล้านบาท ตอกย้ำการเป็นปีแห่ง #SansiriBestYearEver   นายปิติ จารุกำจร ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโสฝ่ายพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียม บริษัท แสนสิริ จำกัด (มหาชน) เผยถึงความสำเร็จในการจัดงานครั้งนี้ว่า “จากการที่แสนสิริได้จัดงาน XT Dimension งานพรีเซลล์รูปแบบใหม่ของโครงการ XT New Lifestyle Condominium ระหว่างวันที 3-5 สิงหาคมที่ผ่านมา ณ ลานพาร์ค พารากอน บริษัทฯ สร้างยอดขายได้มูลค่ารวมกว่า 8,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปตามเป้าที่วางไว้ จากทั้ง 3 โครงการ XT หรือคิดเป็น 70 เปอร์เซ็นต์ของจำนวนยูนิตที่เปิดขาย ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการนำเสนอประสบการณ์ที่แตกต่างจากการจัดงานพรีเซลล์แบบทั่วไปผ่านบรรยากาศของ co-sharing หรือพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถใช้ร่วมกันได้ทุกโครงการ XT นำเสนอผ่านไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่ตรงกับคนรุ่นใหม่ที่ เป็นกลุ่มเป้าหมาย รวมถึงลูกค้าที่ไปเยี่ยมชมเซลล์แกลอรี่แนวคิดใหม่และห้องตัวอย่างของทั้ง 3 โครงการก่อนวันงาน ประกอบกับโปรโมชั่นพิเศษที่ดึงดูดใจภายในงาน ลูกค้าสามารถเลือกแพคเกจที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ตัวเองได้ เช่น รับส่วนลดสูงสุดภายในงานถึง 120,000 บาท (ตามเงื่อนไขที่กำหนด) และการผ่อนเริ่มเดือนละ 2,999 บาท รวมถึงการติดตามฐานลูกค้าที่ให้ความสนใจภายในงาน ซึ่งปรากฏการณ์ยอดขายที่ทำได้ใน 3 วันนี้ รวมถึงการสร้างยอดขายในตลาดต่างชาติที่เราได้เริ่มจัด Roadshow ในต่างประเทศไปเมื่อไม่นานมานี้ และจะมีอย่างต่อเนื่องในอนาคต จะช่วยสนับสนุนเป้ายอดขายของปี 2561 ที่บริษัทฯ ตั้งไว้สำหรับโครงการ XT New Lifestyle Condominium ทั้ง 3 โครงการกว่า 10,000 ล้านบาท ได้ภายในปีนี้อย่างแน่นอน ถือเป็นส่วนสำคัญในการตอกย้ำการเป็น #SansiriBestYearEver ของแสนสิริในปี 2561” “ตลอดระยะเวลา 3 วันของงาน มีผู้เข้าร่วมงานกว่า 10,000 คน โดยส่วนใหญ่เป็นกลุ่มที่วางแผนอยู่อาศัยเองและกลุ่มนักลงทุน สะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพที่แข็งแกร่งของแบรนด์ XT ซึ่งเป็นแบรนด์คอนโดมิเนียมใหม่ของแสนสิริภายใต้แนวคิด Extend Your Style ซึ่งงาน XT Dimension ถือเป็นมิติใหม่ในการจัดงานพรีเซลล์รูปแบบใหม่ให้โดนใจกลุ่มคนรุ่นใหม่ โดยดึงเอาไฮไลท์ต่างๆ ของโครงการ XT ที่พร้อมฉีกทุกกฎเกณฑ์การสร้างคอนโดมิเนียมมานำเสนอให้ผู้ร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ตรงเป็นครั้งแรก ตั้งแต่กิจกรรม Personality Test ที่ให้ผู้ร่วมงานสามารถค้นหาเลย์เอาท์ห้องที่ใช่จากอิสระในการเลือกรูปแบบห้อง การจัดแสดง Flexible Furniture ครั้งแรกในไทย ของเทคโนโลยีชุดเฟอร์นิเจอร์ที่ปรับเปลี่ยนได้เพื่อตอบรับไลฟ์สไตล์ในแต่ละวันได้อย่างเต็มที่เพียงปลายนิ้วสัมผัสผ่านการควบคุมของ Home Service Application กิจกรรมเวิร์คชอปต่างๆ และบาร์เครื่องดื่มที่สะท้อนถึงพื้นที่ co-sharing spaces ที่พัฒนาคอนเซ็ปท์ขึ้นจากสไตล์การทำงานและการใช้ชีวิตของกลุ่มมิลเลนเนียล ในแต่ละโลเคชั่น ภายใต้แนวคิดการผนวกรวม co-sharing space ของ XT แต่ละโครงการเข้าสู่แพลตฟอร์มเดียวกัน ที่ทุกคนสามารถใช้งานข้ามโครงการได้ในทุกโลเคชั่นของ XT รวมทั้งโลเคชั่นที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต รวมไปถึงการนำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตแบบสมาร์ทที่เอาใจสาย Active Lifestyle ด้วยการเปิดประสบการณ์ออกกำลังกายสไตล์ใหม่ด้วยเทคโนโลยี Virtual Exercise ร่วมด้วยสีสันจาก ปาร์ตี้ XT Mash Up Music Experience จากดีเจและศิลปินชั้นนำมากมาย ทำให้มีผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมงานจำนวนมากและประสบความสำเร็จด้านยอดขายสูงเกินจากเป้าหมายที่ตั้งไว้” นายปิติกล่าวเสริม นอกจากนี้ แสนสิริ ยังสร้างมิติใหม่ของโปรโมชั่นด้วยไลฟ์สไตล์พริวิเล็จหรือ ‘XT Experience’ ที่จะสร้างประสบการณ์การอยู่อาศัยในแบบฉบับ XT ตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าอาศัยจากแนวคิดหลักของโครงการและพฤติกรรมของคุนรุ่นใหม่ คือ ต้องการสิ่งที่ได้รับการออกแบบพิเศษ (Customized) ให้เหมาะสมกับความต้องการของตัวเอง ดังนั้น แสนสิริจึงให้ความใส่ใจตั้งแต่ขั้นตอนการนำเสนอโปรโมชั่นตั้งแต่การขายที่ด้วยการ Customized เพื่อความต้องการลูกค้าได้จริงๆ โดยแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มสิทธิประโยชน์หลัก ได้แก่ Dining สำหรับลูกบ้าน XT ที่ชื่นชอบในการทานอาหาร เช่น Marriott Club Card , Travel สำหรับลูกบ้านที่ชื่นชอบการท่องเที่ยว เช่น E-code Voucher มูลค่า 5,000 บาท สำหรับใช้ในการจองในเอเจนซี่ออนไลน์อย่าง Agoda และ Traveloka, Activity สำหรับผู้ที่ชื่น ชอบการทำกิจกรรมสุดแอคทีฟ เช่น สมาชิก 3 เดือนที่ We Fitness การร่วมกิจกรรมผจญภัยกับ Pickaboo Club ฯลฯ และ Leisure สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็น Treatment จาก Panpuri Organic Spa โปรแกรม Facial Treatment จาก Divana Spa ฯลฯ ซึ่งทั้งหมดนี้สอดรับกับการที่แสนสิริให้ความสำคัญกับการสร้างสรรค์กลยุทธ์ที่มาจากการความเข้าใจของกลุ่มลูกค้าเสมอ (Human Centric) สะท้อนให้เห็นถึงความเข้าใจความต้องการของชาวมิลเลนเนียลและคนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง XT จึงเป็นคอนโดมิเนียมที่ตอบโจทย์การใช้ชีวิตทุกด้านทั้งเรื่องงาน การพักผ่อน และกิจกรรมต่างๆ และเป็นคอนโดมิเนียมที่มีชีวิต เพราะ XT ไม่เคยหยุดนิ่ง ไม่ล้าสมัย และมีประสบการณ์และข้อเสนอใหม่ๆ มาให้ลูกค้าอยู่เสมอ ผู้สนใจสามารถเยี่ยมชมเซลล์แกลอรี่ของทั้ง 3 โครงการ XT เอกมัย XT ห้วยขวาง และ XT พญาไท ได้แล้ววันนี้ โดยสามารถร่วมทำแบบทดสอบ XT Personality Test ค้นหาคาแรกเตอร์ที่ตอบโจทย์อิสระการ เลือกรูปแบบห้องเฉพาะบุคคล จาก 6 รูปแบบเลย์เอาท์ที่มีให้ได้แก่ The Fashionista, The Snoozy Head, The Visionary, The Party Goer, The Master Chef และ The Naturalist พร้อมเพลิดเพลินกับกิจกรรมสุดพิเศษต่างๆในบรรยากาศคาเฟ่สุดฮิปของเซลล์แกลอรี่ในแต่ละโครงการในแนวคิดที่แตกต่างกันได้แล้ววันนี้ ติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ www.sansiri.com/xt
สยามไฟเบอร์กลาสเปิดตัวแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ขั้นกว่าของนวัตกรรมแผ่นโปร่งแสงเคลือบยูวี 2 ด้าน เอาใจคนรักบ้าน แต่งบ้านรับฝนแบบรักษ์ธรรมชาติ

สยามไฟเบอร์กลาสเปิดตัวแผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ขั้นกว่าของนวัตกรรมแผ่นโปร่งแสงเคลือบยูวี 2 ด้าน เอาใจคนรักบ้าน แต่งบ้านรับฝนแบบรักษ์ธรรมชาติ

บริษัท สยามไฟเบอร์กลาส จำกัด ในกลุ่มธุรกิจเอสซีจี ซิเมนต์-ผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง (SCG Cement-Building Materials) ผู้ผลิต แผ่นโปร่งแสง เอสซีจี ลอนกันสาด ผลิตจากโพลิเอสเตอร์เรซินชนิดพิเศษ และไฟเบอร์กลาสคุณภาพสูง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม น้ำหนักเบา ติดตั้งง่าย ทนทานต่อสภาพทุกอากาศเหมาะสำหรับการต่อเติม หรือเพิ่มพื้นที่ทั้งในส่วนหลังคา หรือผนังห้อง ที่ต้องการใช้ประโยชน์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านพักอาศัย หรืออาคารสถานที่ต่างๆที่ให้ความสวยงาม มีสไตล์ ใกล้ชิดธรรมชาติ ด้วยสีสันที่มีให้เลือกถึง 9 เฉดสี ช่วยกระจายแสงจากธรรมชาติให้เข้ามาในอาคารโดยไม่ต้องเปิดไฟในเวลากลางวัน ด้วยขั้นกว่าของนวัตกรรมการผลิต UV Shield ที่เคลือบฟิล์มประสิทธิภาพสูง 2 ด้าน ทำหน้าที่เป็นชั้นเคลือบเสมือนเกราะป้องกันรังสียูวีอันเป็นสาเหตุที่ทำให้แผ่นเสื่อมสภาพได้ถึง 99% จึงทำให้แผ่นมีอายุการใช้งานยาวนานมากขึ้นเป็นกว่าเดิม นอกจากนี้ยังเติมสาร UV Pigment-shield ที่เป็นสารช่วยเพิ่มการยึดเกาะของโมเลกุลได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้สีของแผ่นสวยงามและกระจายตัวกันอย่างสม่ำเสมอเพิ่มพลังการยึดเกาะของชั้นสีให้มากกว่าวัสดุทั่วไป   โดยผู้ที่สนใจ สามารถเลือกชมสินค้าตัวอย่างหรือขอรายละเอียดสินค้า และคำปรึกษาเพิ่มเติม พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ ได้ที่ SCG Experience และ SCG Contact Center 02-586-2222
แสงฟ้าก่อสร้าง เปิดตัว Yuu ศรีราชา คอนโดเหนือระดับริมหาดมูลค่ากว่า 1.75 พันล้าน เริ่มต้น 3.7 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ

แสงฟ้าก่อสร้าง เปิดตัว Yuu ศรีราชา คอนโดเหนือระดับริมหาดมูลค่ากว่า 1.75 พันล้าน เริ่มต้น 3.7 ล้านบาท พร้อมโปรโมชั่นพิเศษ

  บริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา จำกัด ในเครือ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด เปิดตัว Yuu ศรีราชา คอนโด สุด Exclusive High Rise 29 ชั้น มูลค่าโครงการ 1.75 พันล้านบาท ริมชายหาดศรีราชา เติมเต็มสมดุลชีวิตด้วยแนวคิดการใช้ชีวิตตามปรัชญา ZEN ที่เน้นความเรียบง่าย อิงธรรมชาติอันเงียบสงบ เพื่อการพักผ่อนขั้นสูงสุด พร้อมสรรค์สร้างระบบ “Smart Living” สิ่งอำนวยความสะดวกที่คัดสรรมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ ในก้าวสู่การใช้ชีวิตแบบ “THE ULTIMATE LIVING EXPERIENCE” ราคาเริ่มต้น 3.7 ล้านบาท เจาะ 3 กลุ่มเป้าหมายหลัก จัดเต็มโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าที่จองในช่วง Pre-Sale รับส่วนลดเงินสดสูงสุดมูลค่ากว่า 9 แสนบาท และลุ้นรับสิทธิซื้อห้องในราคาสุดพิเศษ 99,999 บาท/ตรม. (จากราคาเฉลี่ยของโครงการที่ 130,000 บาท/ตรม.) ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ http://www.yuusriracha.com/ นพ.เชิดศักดิ์ อัมพรสุขสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด เปิดเผยว่า ปีนี้จะเป็นปีที่บริษัทแสงฟ้าก่อสร้าง ก้าวสู่ปีที่ 50 ถือได้ว่าเราดำเนินธุรกิจผ่านร้อนผ่านหนาวมาได้กึ่งศตวรรษแล้ว ซึ่งในช่วง 20 ปีแรกเป็นยุคทองที่เราเติบโตอย่างก้าวกระโดดไปพร้อมกับเศรษฐกิจไทย หลังจากนั้นเป็นช่วงวิกฤตเศรษฐกิจที่บริษัทก่อสร้างหลายรายปิดกิจการลง แต่เรามีความภูมิใจที่เป็นหนึ่งในบริษัทที่ฝ่าฟันวิกฤตเศรษฐกิจมาได้ ด้วยความมุ่งมั่นในการแก้ปัญหาโดยผู้บริหารและพนักงานทุกคน จวบจนปัจจุบันเรากลายเป็นบริษัทก่อสร้างชั้นนำที่เชี่ยวชาญในการก่อสร้างอาคารสูงและมีเงินทุนจดทะเบียน 800 ล้านบาท ด้วยเหตุนี้เราจึงมีโอกาสได้รู้จักและทำงานให้กับผู้พัฒนาโครงการรายใหญ่หลากหลายบริษัท จึงเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ที่ศรีราชาแห่งนี้ ซึ่งทางเราเล็งเห็นถึงทำเลที่มีศักยภาพในการลงทุนเพราะที่ดินผืนนี้นอกจากจะมีความพิเศษที่มีด้านหน้าติดถนนสุขุมวิทและด้านหลังติดริมโค้งหาดศรีราชาแล้ว ยังเป็นที่ดินผืนสุดท้ายที่สามารถขึ้นตึกสูงได้ในบริเวณนี้   “และอีกหนึ่งปัจจัยเสริมที่สำคัญก็คือโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ที่รัฐบาลไทยส่งเสริมและผลักดันให้เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจยุค Thailand 4.0 ที่เราเห็นความเคลื่อนไหวและความชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เรายิ่งมั่นใจในการตัดสินใจลงทุนครั้งนี้ โดยเราได้จัดตั้ง บริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา จำกัด อันเป็นบริษัทในเครือ บริษัท แสงฟ้า ก่อสร้าง จำกัด เป็นเจ้าของในการพัฒนาโครงการ Yuu แต่เพียงผู้เดียว” ด้าน นายอนุศักดิ์ อัมพรสุขสกุล ประธานกรรมการ บริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชาจำกัด กล่าวว่าโครงการ Yuu ศรีราชา คาดว่าจะสร้างเสร็จภายในไตรมาส 3 ปี 2562 เจาะกลุ่มเป้าหมายหลัก 3 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มแรกคือผู้ที่สนใจซื้อไว้เพื่ออยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็นคนกรุงเทพฯที่ต้องการซื้อเก็บไว้เพื่อเป็นบ้านพักตากอากาศหลังที่สองเพราะใช้เวลาขับรถเพียงแค่ 1 ชม. จากกรุงเทพฯ ด้วยการคมนาคมที่สะดวกสบาย หรือจะเป็นคนท้องถิ่นที่ต้องการขยายครอบครัว ซึ่งถือเป็นกลุ่มคนที่มีกำลังซื้อสูงเช่นกัน เนื่องจากศรีราชาเป็นเมืองเศรษฐกิจที่มีการขยายตัวสูงมากส่วนกลุ่มที่สองคือผู้ที่สนใจในการลงทุนซื้อเพื่อปล่อยเช่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนกรุงเทพฯ ที่สนใจลงทุนในอสังหาริมทรัพย์เพื่อสร้างรายได้และกลุ่มที่สามเป็นกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่สนใจจะซื้อไว้เพื่อลงทุนหรือใช้ชีวิตในวัยเกษียณ Yuu ในภาษาญี่ปุ่นนั้นแปลว่า ความสง่างาม เหนือระดับ ซึ่งถือเป็นวิสัยทัศน์ของเราในการสร้างสรรค์ Yuu คอนโดริมชายหาดศรีราชาที่คุณจะได้สัมผัสธรรมชาติ เสมือนถูกโอบล้อมด้วยท้องทะเลอันกว้าง สุดสายตา และรายล้อมด้วยธรรมชาติ เรามีความมุ่งมั่นในการที่จะสร้าง Yuu ให้เป็นมากกว่าที่พักอาศัย แต่ยังเป็นบ้านที่ให้คุณผ่อนคลาย สร้างแรงบันดาลใจ กลับสู่ชีวิตที่เรียบง่าย นิ่งสงบ และสร้างสมดุลให้ชีวิตได้อีกครั้ง เพื่อก้าวสู่การใช้ชีวิตแบบ ’THE ULTIMATE LIVING EXPERIENCE’   ซึ่งจุดขายหลักของโครงการ Yuu แบ่งออกเป็น 4 ความเหนือระดับด้วยกันคือ The Ultimate Design คอนเซ็ปต์ โดยรวมของโครงการนั้นได้แรงบันดาลใจมาจากแนวคิดการใช้ชีวิต ตามปรัชญา ZEN จากรูปแบบสถาปัตยกรรมของอาคารที่เน้นความเรียบง่ายแต่สง่างาม ด้วยมงกุฎสีทองอร่ามบนยอดตึก เปรียบดังแร่ทองคำ ที่สื่อถึงความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์ในส่วนของรูปแบบการตกแต่งภายในห้องพักและส่วนกลาง เราเน้น รูปแบบที่เรียบง่าย ใช้โทนสีอิงธรรมชาติเพื่อให้บรรยากาศผ่อนคลาย ในขณะเดียวกัน เราให้ความใส่ใจเรื่องการจัดสรรรายละเอียดในทุกตารางพื้นที่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตามแบบฉบับวิถีชีวิตของคนญี่ปุ่น   The Ultimate Facilities ครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกระดับ โรงแรม 5 ดาว สิ่งอำนวยความสะดวกที่คัดสรรมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต ตอบรับทุกการใช้ชีวิตเหนือระดับ ของคุณและครอบครัว เช่นบ่อแช่ออนเซ็นทั้งในร่มและกลางแจ้ง แยกชายและหญิงในสไตล์ดั้งเดิมของญี่ปุ่น, Japanese Tatami Room ห้องสันทนาการและพักผ่อนในบรรยากาศสไตล์ญี่ปุ่นพร้อมชมวิว สวนหินรูปแบบ Zen, สระว่ายน้ำ Infinity Edge Pool สระว่ายน้ำระบบเกลือ พร้อมวิวทะเลสุดสายตา, Co-Working Space ให้คุณได้ทำงานหรือพักผ่อนอ่านหนังสือในบรรยากาศผ่อนคลาย, และ Beach Patio and Pier ทางเดินลงหาดส่วนตัว แบบเล่นระดับที่มีมุมพักผ่อนในแต่ละชานพัก ให้คุณนั่งชมพระอาทิตย์ ลับขอบฟ้า พร้อมสะพานทอดยาวไปในทะเล ให้ความสงบและเป็นส่วนตัวเพื่อลูกบ้านของโครงการ Yuu   The Ultimate Smart Living – Yuu เป็นโครงการแห่งแรกในศรีราชา ที่ติดตั้งระบบ Smart Home Automation ให้ในทุกห้องพัก ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่จะเข้ามาตอบรับการใช้ชีวิต เพิ่มความสะดวกสบายตามแบบฉบับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Smart Door Lock พร้อม Magnetic Alarm ระบบสัญญาณกันขโมย และเปิด ปิด ประตูอัตโตมัติที่ใช้งานได้ถึง 3 ระบบ ทั้ง Password, Keycard, และApplication ผ่าน Smart phone ที่สามารถสร้างรหัสชั่วคราว ในการเข้าห้องพัก และตรวจเช็คตารางเวลาเข้าออก ได้อย่างสะดวก ปลอดภัย, Smart Electronic Control ให้คุณควบคุมระบบ เปิด ปิดไฟ เครื่องปรับอากาศ และโทรทัศน์ง่ายๆ ผ่าน Mobile Application, Smart Auto Light คำนึงถึงความสะดวกสบายในยามค่ำคืน ด้วยระบบเปิดไฟแบบอัตโนมัติในบริเวณโถงหน้าประตูเมื่อเปิดประตูบ้าน และไฟอัตโนมัติ บริเวณ บันไดทางเดินสู่ห้องน้ำในเวลากลางคืน และสุดท้าย Smart Flood Sensor ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติผ่านหน้าจอมือถือในกรณีมีน้ำรั่ว บริเวณใต้ซิงค์ครัวในห้องพัก เพื่อจัดการแก้ปัญหาได้ทันท่วงที   The Ultimate Location ให้คุณใช้ชีวิตมีระดับบนพื้นที่ทำเลที่ดีที่สุดในศรีราชา แห่งเดียวที่ติดถนนสุขุมวิทและติดริมโค้งหาดศรีราชาที่มองเห็นวิวทะเลได้เกือบทุกทิศทาง” นายอนุศักดิ์ กล่าว   นอกจากนี้อีกหนึ่งในจุดขายของโครงการเราคือ รับประกันหลังการขาย 5 ปี ในส่วนที่เป็นโครงสร้างอาคาร, ระบบไฟฟ้า ประปา รวมไปถึงชุดตกแต่งภายใน ที่มากับห้องชุด เมื่อเทียบกับโครงการอื่นๆ ทั่วไปในท้องตลาดที่รับประกันหลังการขายเพียง 1-2 ปี ซึ่งเราคาดว่าน่าจะทำให้ลูกค้าพึงพอใจ และตัดสินใจง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเพื่ออยู่อาศัยเอง หรือเพื่อลงทุนปล่อยเช่า โครงการ Yuu ศรีราชา ตั้งอยู่ติดถนนสุขุมวิท ต.บางพระ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี เดินทางสะดวกติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟความเร็วสูงโครงการในอนาคตเพียง 6 กม. รายล้อมด้วยแหล่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น หลากหลายร้านอาหารริมทะเลในระยะที่เดินไปได้จากโครงการ, ห้างโรบินสัน ศรีราชา, ตึกคอม โรงเรียนดาราสมุทร, โรงเรียนอัสสัมชัญ ศรีราชา, มหาวิทยาลัย เกษตรศาสตร์, รพ.สมิติเวช และ รพ.พญาไท ศรีราชา ถือเป็นที่สุดแห่งประสบการณ์การใช้ชีวิตเหนือระดับ บนทำเลที่ดีที่สุดในศรีราชา เพียบพร้อมด้วยฟังก์ชันหลากหลายตอบสนองทุกความต้องการอย่างแท้จริง   เปิดจอง Pre-Sale ในวันที่ 18-19 สิงหาคมนี้ พิเศษสำหรับลูกค้าที่มาจองในช่วง Pre-Sale จะได้รับส่วนลดเงินสดสูงสุด มูลค่ากว่า 9 แสนบาท และลุ้นรับสิทธิซื้อห้องในราคาสุดพิเศษ 99,999 บาท ต่อ ตรม. (จากราคาเฉลี่ยของโครงการที่ 130,000 บาท ต่อ ตรม) ลงทะเบียนรับสิทธิพิเศษได้ที่ http://www.yuusriracha.com/
‘เอพี ไทยแลนด์’ กวาดยอดขายรวม 4,160 ล้านบาท   จากการเปิดพรีเซลลักชัวรี่คอนโดใหม่ล่าสุด ‘LIFE LADPRAO VALLEY’

‘เอพี ไทยแลนด์’ กวาดยอดขายรวม 4,160 ล้านบาท จากการเปิดพรีเซลลักชัวรี่คอนโดใหม่ล่าสุด ‘LIFE LADPRAO VALLEY’

นายวิทการ จันทวิมล รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานกลยุทธ์องค์กร และการสร้างสรรค์ บริษัท เอพี (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) เจ้าตลาดคอนโดมิเนียมติดแนวรถไฟฟ้าสำหรับคนเมือง ประกาศความสำเร็จยอดขายคอนโดมิเนียม LIFE ลาดพร้าว แวลลีย์ ซึ่งเป็นโครงการที่ 13 ที่เอพีร่วมทุน กับพันธมิตรญี่ปุ่น มิตซูบิชิ จิโช เรสซิเดนซ์ (บริษัทในเครือมิตซูบิชิ เอสเตท กรุ๊ป - MECG) มูลค่าโครงการ 6,400 ล้านบาท โดยเปิดจองรอบพรีเซล ได้รับการตอบรับดีท่วมท้นทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ รวมถึงสามารถปิดการขายผ่านช่องทาง AP i-Booking ภายในเวลาเพียง 15 นาที ทำให้สามารถกวาดยอดขายรวมทะลุกว่า 4,160 ล้านบาท เกินเป้าหมายที่ตั้งไว้ สะท้อนความสำเร็จจากการรุกตลาดลักชัวรี่คอนโด ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองรุ่นใหม่และความโดดเด่นเรื่องทำเลติดแนวรถไฟฟ้าย่านลาดพร้าวที่คุ้มค่าทั้งเพื่อการอยู่อาศัยเองและเพื่อการลงทุน
โฮมโปร ผนึกบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ อัดแน่นโปรโมชั่นลดสูงสุดกว่า 70%

โฮมโปร ผนึกบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ อัดแน่นโปรโมชั่นลดสูงสุดกว่า 70%

  สำหรับการจัดแคมเปญในครั้งนี้ เป็นการมอบของขวัญสุดพิเศษให้กับผู้บริโภคอย่างแท้จริง ด้วยสินค้าราคาพิเศษมากมาย ทั้งเครื่องใช้ไฟฟ้า ทีวี เครื่องเสียง เฟอร์นิเจอร์ ที่นอน ชุดเครื่องนอน โคมไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าในครัว สุขภัณฑ์ กระเบื้อง สินค้าปรับปรุงบ้าน ประปา และเครื่องมือช่าง ในราคา Shock Price และ One Price พร้อมโปรโมชั่นพิเศษสุดคุ้ม สำหรับสมาชิกบัตรโฮมคาร์ด ช้อปภายในวัน...รับฟรีบัตรของขวัญโฮมโปรมูลค่า 42,000 บาท เมื่อช้อปครบ 700,000 บาท ช้อปครบ 400,000 บาท รับฟรี ทองคำหนัก 1 บาท มูลค่า 21,000 บาท ช้อปครบ 120,000 บาท รับฟรี บัตรของขวัญโฮมโปร มูลค่า 5,500 บาท ช้อปครบ 80,000 บาท รับฟรี บัตรของขวัญโฮมโปร มูลค่า 2,500 บาท ช้อปครบ 40,000 บาท รับฟรี บัตรของขวัญ โฮมโปร มูลค่า 1,000 บาท   ช้อปสะดวก...ไม่มีสะดุด ช้อปในสาขารับคูปองส่วนลดท้ายใบเสร็จ 2 ต่อ รวมมูลค่า 444 บาท ต่อที่ 1 ช้อปครบ 2,000 บาท ต่อใบเสร็จ รับคูปองส่วนลด 222 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการช้อปออนไลน์ 2,222 บาทขึ้นไป ตั้งแต่ 2 ทุ่ม – ตี 2 ต่อที่ 2 รับเพิ่ม..เมื่อช้อปวันพฤหัสบดี-วันอาทิตย์ ครบ 15,000 บาท ต่อใบเสร็จ รับคูปองส่วนลด 222 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดในการช้อปในสาขาเมื่อช้อปครบ 2,222 บาทขึ้นไป   และพิเศษสุดสำหรับสมาชิกโฮมคาร์ดเท่านั้น ร่วมฉลองครบรอบ 22 ปี โฮมโปร เพียงใช้คะแนนเท่ากับยอดซื้อ ลดเพิ่ม 12.5 % ทุกชิ้น ทั้งร้าน พิเศษรับสุดสัปดาห์ ช้อปทุกวันศุกร์ ลดเพิ่ม 20% เมื่อช้อปสินค้าในแผนกเดอะเพาเวอร์ และรับคะแนนเพิ่มสุดคุ้ม 22,222 คะแนน สำหรับสมาชิกที่มียอดช้อปสูงสุด 22 ท่านแรก พร้อมฉลองสมาชิกไลน์ครบ 22 ล้านคน รับฟรี E-Coupon มูลค่า 200 บาท เพื่อใช้เป็นส่วนลดสำหรับซื้อสินค้า 2,000 บาทขึ้นไป เพียงลงทะเบียน HomePro Connect ผ่าน QR Code   สำหรับลูกค้าบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ รับสิทธิพิเศษ 2 ต่อ ต่อที่ 1 รับเครดิตเงินคืน รวมสูงสุด 220,000 บาท ทั้งชำระเต็มจำนวน และผ่อนชำระ ต่อที่ 2 ผ่อนชำระผ่านบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพ ลดเพิ่มสูงสุด 6-8% พร้อมผ่อนชำระ 0% นาน 3 เดือน หรือเลือกออฟชั่นแบบสบายๆ ผ่อนชำระ 0% นาน 4 เดือน เมื่อช้อปสินค้าตั้งแต่ 4,000 บาทขึ้นไปต่อเซลล์สลิป พร้อมตัวเลือกใช้คะแนนเป็นส่วนลดมาแลกซื้อสินค้า 1,000 คะแนน เท่ากับ 100 บาท     นอกจากบัตรเครดิตธนาคารกรุงเทพแล้ว โฮมโปรยังร่วมกับสถาบันการเงินชั้นนำ อื่นๆ เพื่อมอบสิทธิพิเศษให้กับลูกค้าอย่างครบครัน อาทิ บัตรเครดิตโฮมโปร วีซ่า แพลทินัม ต่อที่ 1 ลดทันที 3% ต่อที่ 2 ลดเพิ่ม 13% เพียงแลกคะแนนเท่ายอดชำระ หรือผ่อนได้ทั้งร้าน 0% นาน 4 เดือน , ธนาคารไทยพาณิชย์ ใช้คะแนนเท่ากับยอดซื้อ แลกรับเครดิตเงินคืน 10% , ธนาคารธนชาต รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 52,000 บาท พร้อมแลกคะแนน 1,000 คะแนน เท่ากับ 100 บาท และลูกค้าบัตรเครดิต KTC ช้อปครบ 6,000 บาท แลกรับส่วนลดทันทีถึง 1,200 บาทและสถาบันการเงินชั้นนำอื่นๆอีกมากมาย   นางสาวสิริวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า นอกเหนือกจากความพิเศษของสินค้า และบริการ พร้อมโปรโมชั่นสุดเอกซ์คลูซีฟที่ร่วมกับพันธมิตรมอบให้แก่ลูกค้าโฮมโปรในโอกาสฉลองครบรอบ 22 ปี แล้วนั้น ลูกค้าจะได้เปิดประสบการณ์ในการช้อปปิ้งแบบง่าย สะดวกสบาย ผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมบริการจัดส่งถึงบ้าน หรือเลือกใช้บริการ Click&Collect เลือกรับสินค้าได้ด้วยตนเองในสาขาใกล้บ้านอีกด้วย ร่วมฉลองครบรอบ 22 ปี ไปพร้อมๆกัน กับแคมเปญสุดพิเศษ “ช้อปสะดวกไม่มีสะดุด” ตลอด 1 เดือนเต็ม ได้ตั้งแต่วันนี้-2 กันยายนนี้ ที่โฮมโปร ทุกสาขาทั่วประเทศ หรือช้อปออนไลน์ ได้แล้ววันนี้ที่ www. homepro.co.th สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1284
ออลล์ อินสไปร์ฯ จัดงาน

ออลล์ อินสไปร์ฯ จัดงาน "Mid Year Equity Pulse Check 2018"

คุณธนากร ธนวริทธิ์ (ที่สามจากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออลล์ อินสไปร์ ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) จัดงาน "Mid Year Equity Pulse Check 2018" ดินเนอร์สุดเอ็กซ์คลูซีฟสำหรับลูกค้าพันธมิตรธุรกิจ พร้อมจัดสัมมนาหัวข้อ "Global Equities Outlook" โดยได้รับเกียรติจาก คุณบุญ ยงสกุล (กลาง) นายกสมาคมอสังหาริมทรัพย์ภูเก็ต เพื่อแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์และความคิดเห็นเกี่ยวกับภาพรวมตลาดอสังหาฯ ภูเก็ต ภายในงานยังมี คุณชาญชัย งามวิถี (ที่สามจากซ้าย) รองประธานกรรมการ บริษัท ยูไนเต็ด อินฟอร์เมชั่น ไฮเวย์ จำกัด คุณภาณุพงค์ กริชจนรัช (ที่สองจากขวา) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โบ๊ท พัฒนา จำกัด  ซึ่งภายในงานถือเป็นโอกาสดีในการเปิดตัวโครงการ อิมเพรสชั่น ภูเก็ต เฟสใหม่ โครงการลักชัวรี่ เรสซิเดนซ์ ให้กับนักลงทุน สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร 02 029 9999 หรือ www.allinspire.co.th
เมกาโฮม ร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองโคราช จัดเต็มโปรโมชั่นลดราคาแรง ในงาน“มหกรรมโคราชลดทั้งเมือง 2018” ตั้งแต่วันนี้ – 19 ส.ค.

เมกาโฮม ร่วมกระตุ้นเศรษฐกิจเมืองโคราช จัดเต็มโปรโมชั่นลดราคาแรง ในงาน“มหกรรมโคราชลดทั้งเมือง 2018” ตั้งแต่วันนี้ – 19 ส.ค.

เมกาโฮม จัดเต็มร่วมงาน “มหกรรมโคราชลดทั้งเมือง 2018” ขนเครื่องใช้ไฟฟ้า ทั้งเครื่องปรับอากาศ โทรทัศน์ ตู้เย็น รวมถึงของใช้ในบ้านอีกมากมาย มาแจกโปรโมชั่นแบบอัดแน่น ถึง 3 คุ้ม คุ้มที่ 1 ราคาแรงลดสูงสุดถึง 40% คุ้มที่ 2 ผ่อน 0% นานสูงสุด 10 เดือน คุ้มที่ 3 ช้อปครบ รับฟรี! คูปองส่วนลดพิเศษ แถมยังมีสินค้าที่ต่อคิวนำมาลดราคากันอีกมากมาย นอกจากนี้สำหรับบัตรเครดิต KTC รับเครดิตเงินคืนสูงสุด 40,000 บาท และทุกๆ 1,000 คะแนนสามารถใช้รับส่วนลดเพิ่ม 100 บาท ตั้งแต่วันนี้ – 19 สิงหาคม 2561 ที่ เมกาโฮม สาขานครราชสีมา (ถ.มิตรภาพ ข้าง รร. เกียรติคุณวิทยา) สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ แผนกบริการลูกค้า หรือดูโปรโมชั่นอื่นๆได้ที่ www.megahome.co.th หรือ fb page : MegahomeCenter Line@ : @megahome
Review Your Living พาเดินงาน บ้านและสวนแฟร์ 2018

Review Your Living พาเดินงาน บ้านและสวนแฟร์ 2018

สวัสดีครับ วันนี้ เอาใจคนรักบ้านและสวน พาไปดูว่ามีอะไรบ้างในงานใหญ่กลางปี "บ้านและสวนแฟร์ 2018" ที่จัดขึ้นที่ ไบเทค บางนา ช่วงวันที่ 4-12 สิงหาคม 2018 งานนี้ ไม่ผิดหวังคนรักบ้านแน่ๆ     บ้านและสวนแฟร์ Midyear 2018 นำเสนอนวัตกรรม วิทยาการ และเทคโนโลยีที่เข้ามาตอบสนองการใช้ชีวิต โดยมีระบบคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อในทุกสรรพสิ่งของที่อยู่อาศัยหรือบ้าน และการใช้งานภายในบ้าน เพื่อคอยรับคำสั่ง ทำงานต่างๆ ตามความต้องการของเจ้าของบ้าน ซึ่งแตกต่างกันไปในแต่ละกิจกรรม งานนี้จะแสดงให้ผู้ชมงานเห็นว่าบ้านและบริบทของบ้านในอนาคตน่าจะเป็นอย่างไรและมีผลต่อการดำเนินชีวิตอย่างไร   ก่อนเข้างาน เราควรจะไปลงทะเบียนที่เคาน์เตอร์ ง่ายๆ เพียงแค่แสกน QR แล้วกรอกรายละเอียดนิดหน่อย เพื่อรับของที่ระลึก กระเป๋าผ้ารักษ์โลกสุดเก๋ พร้อมกับนิตยสาร My Home ฟรี อีก 1 เล่ม (ยิ้มสิ...)   Internet of Home   บ้านที่มีการนำเทคโนโลยีเข้ามาตอบสนองการใช้ชีวิต ทั้งการใช้ระบบคอมพิวเตอร์และอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อในทุกสรรพสิ่งของที่อยู่อาศัยหรือบ้าน และการใช้งานภายในบ้าน โดยมีการจัดแสดงการใช้งานของเทคโนโลยีตามห้องต่างๆ ของบ้าน เพื่อให้ผู้ชมงานเห็นความสะดวกสบายและบรรยากาศแห่งความสุข กับการใช้พื้นที่ในบ้านได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยนิทรรศการจะจำลองไลฟ์สไตล์เพื่อตอบสนองการใช้งานของห้องต่างๆ ที่ประกอบด้วยหลากหลายมุมซึ่งมีการสั่งการด้วยเสียงหรือผ่านแอพพลิเคชั่น   คอนเซ็ปต์ในการออกแบบบ้าน Internet of Home - ครัว มุมรับประทานอาหาร และสวนหลังบ้าน พื้นที่ทำครัวที่เต็มไปด้วยฟังก์ชันการใช้งาน ทั้งเคาน์เตอร์ครัวที่เป็นเสมือนไอส์แลนด์เตรียมอาหารและปรับเปลี่ยนให้เป็นบาร์สังสรรค์ หรือมุมรับประทานอาหารได้ในคราวเดียวกัน พื้นที่ส่วนนี้จะจัดแสดงตัวอย่างคำสั่งได้ถึง 3 ทางเลือก ดังนี้ 1. สดชื่นยามเช้า เมื่อสั่งคำสั่งการใช้งานในยามเช้า ไฟในห้องนี้ทั้งส่วนเคาน์เตอร์และไอส์แลนด์ในครัวจะติดพร้อมกับโทรทัศน์ที่แสดงช่องข่าวรับอรุณ 2. โรแมนติกยามค่ำคืน เมื่อใช้คำสั่งนี้ ไฟต่างๆ ในส่วนครัวจะปิดลง และไฟบนโต๊ะอาหารจะติด พร้อมกับไฟในสวน เพื่อการดื่มด่ำกับบรรยากาศสุดโรแมนติกในช่วงดินเนอร์ 3. ปาร์ตี้แสนสนุก ฟังก์ชันที่ช่วยสร้างบรรยากาศปาร์ตี้แห่งสีสัน โดยไฟในโซนนี้จะปิดทั้งหมด แต่บริเวณเวทีกิจกรรมจะมีไฟหลากสีสันติดขึ้น พร้อมเสียงเพลงให้ได้สนุกสุดเหวี่ยงได้ตามต้องการ นอกจากนี้บริเวณมุมสวนหลังบ้านยังมีการจัดแสดง “สวนของบ้านรุ่นใหม่” ที่มีพื้นที่สำหรับชาร์ตรถไฟฟ้า เพื่อให้สะดวกต่อการใช้งาน และสามารถดัดแปลงเป็นธุรกิจได้ในอนาคต - ห้องนอน ห้องแต่งตัว และห้องน้ำ โดดเด่นด้วยสมาร์ทมิลเลอร์ที่มีคำสั่งการใช้งานได้หลากหลาย จัดแสดงตัวอย่างคำสั่งได้ 2 ทางเลือก ดังนี้ 1. มอร์นิ่งยามเช้า เมื่อตื่นนอนและใช้คำสั่งนี้ ผ้าม่านในห้องจะเปิดรับแสงแดดยามเช้า และไฟตรงห้องแต่งตัวจะติดขึ้น พร้อมให้เปลี่ยนชุดแต่งตัวต้อนรับวันใหม่อย่างสดใส 2. กู๊ดไนท์ยามดึก เมื่อสั่งงาน ผ้าม่านของห้องนอนจะปิด รวมถึงไฟภายในบริเวณนี้ก็จะพร้อมใจกันดับ เพื่อให้สภาพแวดล้อมของห้องพร้อมสำหรับการพักผ่อนอย่างแท้จริง     ในงานยังมีของแต่งบ้านน่ารัก น่าซื้ออีกเพียบ ลองเลือกดูกันเลย           เครื่องใช้ไฟฟ้า ลดกระหน่ำ ซัมเมอร์เซลล์     ส่วนของการแต่งสวนสวย จะมีพืชพันธ์ไม้ประดับ ตกแต่งสวยนานาพันธ์ ให้ได้เลือกซื้อ ทั้งมีดอก ไม่มีดอก ละลานตากันเลยทีเดียว        ใครว่างๆ ไปเดินชิวๆ ได้เลย งานมีตั้งแต่วันที่ 4 ถึง 12 สิงหาคม นี้นะครับ ที่ ไบเทค บางนา ไปเช้าๆ นะ ถ้าไปสาย จะหาที่จอดรถลำบากหน่อยครับ Review Your Living Team    
The Tree ดินแดง - ราชปรารภ' กระแสแรง ฮอตฉุดไม่อยู่ ลูกค้าทุ่มเงินล้านจองสด

The Tree ดินแดง - ราชปรารภ' กระแสแรง ฮอตฉุดไม่อยู่ ลูกค้าทุ่มเงินล้านจองสด

หลังจาก ปิยะ ประยงค์ CEO พฤกษา เรียลเอสเตท กลุ่มธุรกิจแวลู ปล่อยข่าวเตรียมเปิดจอง คอนโด The Tree ดินแดง-ราชปรารภ กระแสตอบรับแรงฉุดไม่อยู่ แว่วมาว่า มีลูกค้ายอมจ่ายเงินสด100% กันเลยทีเดียว!!  เพื่อขอจองก่อนใคร ขอบอกงานนี้ใครสนใจคอนโดคอนเซ็ปต์เน้นความเป็นธรรมชาติ ทำเลในเมืองแบบนี้ ห้ามพลาดเลยนะจ๊ะ ราคาเริ่มต้นเพียง 1.49 ล้านบาท และเปิดจองรอบOnline Booking ครั้งแรกของพฤกษา 16 ส.ค.นี้เท่านั้น รับส่วนลดมากกว่าใคร มูลค่า 150,000 บาท และสำหรับใครที่พลาดโอกาสหรือคลิกไม่ทัน ทางโครงการมีเปิดจองรอบ VIP DAY วันที่ 18-19 ส.ค.นี้ จองพร้อมกันที่สำนักงานขายโครงการ เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน! สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม  โทร. 1739 หรือลงทะเบียน https://bit.ly/2L9NY7B
อนันดาฯ เตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวกับ 3 ทำเลคุณภาพ ภายใต้แบรนด์ใหม่ล่าสุด “แอริ (AIRI)” พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ

อนันดาฯ เตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยวกับ 3 ทำเลคุณภาพ ภายใต้แบรนด์ใหม่ล่าสุด “แอริ (AIRI)” พร้อมโปรโมชั่นสุดพิเศษ

*** ... ใครที่กำลังมองหาบ้านเดี่ยว บนทำเลศักยภาพ เตรียมตัวจับจองเป็นเจ้าของกันได้แล้ว ล่าสุด  ผู้บริหารหนุ่ม คุณชานนท์ เรืองกฤตยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ ค่ายอนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ เตรียมเปิดโครงการบ้านเดี่ยว ภายใต้แบรนด์ใหม่ล่าสุด “แอริ (AIRI)” บ้านที่สร้างแรงบันดาลใจ ให้ชีวิตมีความหมาย กับ 3 ทำเลคุณภาพ ได้แก่ โครงการ แอริ พระราม 2 โครงการ แอริ แจ้งวัฒนะ และโครงการ แอริ พระราม 5  โดยมีแนวคิดที่มาจาก ปรัชญาการออกแบบของญี่ปุ่น “SHAKKEI” การหยิบยืมพื้นที่ภายนอกเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งกับตัวบ้าน ทำให้รู้สึกกว้างขวาง โปร่งโล่งมากขึ้น  ราคาเริ่มต้น 10 ล้านบาท  พิเศษยิ่งกว่าด้วยเอกสิทธิ์เฉพาะคุณภายในงาน EXCLUSIVE BOOKING ในวันที่ 4-5 สิงหาคมนี้  สามารถเลือกแปลงสวยราคาพิเศษก่อนใคร!! พร้อมโปรโมชั่นพิเศษส่วนลดสูงสุด  500,000 บาท* ลงทะเบียนรับสิทธิ์ https://bit.ly/2LVXvLu โครงการดีๆ ข้อเสนอโดนๆ มีมาไม่บ่อย ณ สำนักงานขายทั้ง 3 โครงการ สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ โทร. 02 316 2222 หรือเว็บไซต์ www.ananda.co.th ...***
โฮมโปร โชว์กำไรครึ่งปีโต 17.62%  รายได้พุ่ง 32,365.05 ล้านบาท

โฮมโปร โชว์กำไรครึ่งปีโต 17.62% รายได้พุ่ง 32,365.05 ล้านบาท

  โฮมโปร ตีปีกกำไรครึ่งปีโต 17.62 % โชว์กำไรสุทธิ 2,561.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 383.61 ล้านบาท กวาดรายได้รวม 32,365.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,319.01 ล้านบาท หรือ 4.25% ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่ทั้งธุรกิจ โฮมโปร เมกาโฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย พร้อมมีกำไรขั้นต้นสูงขึ้นมาอยู่ที่ 26.91% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้า Direct Sourcing รวมถึงการวางแผนการจัดซื้อสินค้า   นายคุณวุฒิ ธรรมพรหมกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ “โฮมโปร” ผู้นำธุรกิจศูนย์รวมวัสดุก่อสร้าง และอุปกรณ์ตกแต่งบ้านครบวงจร เปิดเผยถึง ผลการดำเนินงานงวด 6 เดือน สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2561 ว่า บริษัทฯ มีผลกำไรสุทธิสำหรับในครึ่งปีแรก เท่ากับ 2,561.03 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 383.61 ล้านบาท หรือ 17.62% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน โดยมีรายได้รวม จำนวน 32,365.05 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,319.01 ล้านบาท หรือ 4.25% โดยเพิ่มขึ้นจาก รายได้จากการขายจำนวน 30,319.39 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,246.43 ล้านบาท หรือ 4.29 % ซึ่งเป็นผลมาจากการเติบโตของยอดขายสาขาเดิมของธุรกิจโฮมโปร และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซีย รวมถึงการเติบโตของยอดขายจากสาขาใหม่ทั้งธุรกิจ โฮมโปร เมกา โฮม และโฮมโปรที่ประเทศมาเลเซียที่ได้เปิดดำเนินการตั้งแต่ช่วงครึ่งหลังของปี 2560 และบริษัทฯ มีรายได้ค่าเช่าและบริการ จำนวน 943.89 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.71 ล้านบาท หรือ 5.09% เป็นผลมาจากรายได้ค่าเช่าที่เพิ่มขึ้นจากพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้ามาร์เกต วิลเลจ และพื้นที่ให้เช่าของสาขา โฮมโปร และรายได้อื่นอีกจำนวน 1,101.77 ล้านบาท ลดลง 26.87 ล้านบาท หรือ 2.50% โดยเป็นผลมาจากการเติบโตของรายได้จากค่าบริการ “Home Service”   นอกจากนี้กำไรขั้นต้น จำนวน 8,159.56 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 600.48 ล้านบาท หรือ 7.94% เมื่อเทียบกับปีก่อน สำหรับอัตรากำไรขั้นต้นต่อยอดขายเพิ่มขึ้นจาก 26.00% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 26.91% โดยเป็นผลมาจากการปรับเปลี่ยนของส่วนผสมสินค้ามีไว้เพื่อขายทั้งกลุ่มสินค้าทั่วไป และกลุ่มสินค้า Direct Sourcing รวมถึงการวางแผนการจัดซื้อสินค้า   สำหรับค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร จำนวน 6,858.78 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 237.37 ล้านบาท หรือ 3.58 % เมื่อเทียบกับปีก่อนปัจจัยหลักของการเพิ่มขึ้นที่เป็นตัวเงินเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของค่าใช้จ่ายกลุ่มเงินเดือน ต้นทุนค่าขนส่ง ต้นทุนในการให้บริการแก่ลูกค้า และค่าซ่อมแซม อย่างไรก็ตามอัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อยอดขายมีการปรับตัวดีขึ้นโดยลดลงจาก 22.78% ในปีก่อน มาอยู่ที่ 22.62% ซึ่งเป็นผลมาจาการบริหารและควบคุมค่าใช้จ่ายได้อย่างมีประสิทธิภาพ   นายคุณวุฒิ กล่าวต่อไปว่า เศรษฐกิจไทยในช่วงไตรมาส 2 มีการขยายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป ยังคงผลักดันมาจากแรงกระตุ้นของการส่งออก และการท่องเที่ยว รวมถึงการทยอยปรับตัวขึ้นของราคาข้าวที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นหลังจากซบเซามาในช่วงก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ปัจจัยดังกล่าวยังไม่สะท้อนมาถึงกำลังซื้อของภาคครัวเรือนมากนัก ด้วยอุปสรรคในเรื่องของภาระหนี้ภาคครัวเรือนที่ยังอยู่ในระดับสูง ด้วยเหตุนี้ แม้รายได้ครัวเรือนตามตัวเลขเศรษฐกิจจะดีขึ้น แต่บางส่วนอาจต้องถูกนำไปชำระหนี้ จึงทำให้ประโยชน์ของการเพิ่มขึ้นของรายได้ไม่ส่งผ่านมาสู่การบริโภคได้มากเท่าที่ควร   สำหรับการขยายสาขาในไตรมาสที่ 2 นี้ บริษัทฯ สามารถทำได้ตามที่วางแผนไว้ โดยได้เปิดสาขาเพิ่ม 2 แห่ง ได้แก่ โฮมโปรเอส สาขาบิ๊กซี บางนา ซึ่งเปิดในเดือนพฤษภาคม และโฮมโปรรูปแบบปกติ สาขากัลปพฤกษ์ ซึ่งเปิดในเดือนมิถุนายน ส่งผลให้บริษัทฯ มีสาขา ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2561 ดังนี้ โฮมโปร 82 สาขาโฮมโปรเอส 5 สาขา, เมกา โฮม 12 สาขา และ โฮมโปร ที่ประเทศมาเลเซีย 6 สาขา   นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังได้จัดกิจกรรมส่งเสริมการขายอย่างต่อเนื่อง เพื่อกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยของลูกค้า อาทิ การจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายสินค้ากลุ่มเครื่องเสียงและทีวี จากกระแสฟุตบอลโลก และกิจกรรมส่งเสริมการขายกลุ่มสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและสินค้าทำความเย็น ซึ่งเป็นกลุ่มสินค้าที่มียอดขายสูงในช่วงฤดูร้อน เพื่อให้ผู้บริโภคตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ตลอดจนการจัดกิจกรรมโฮมโปร แฟร์ (HomePro Fair) ในจังหวัดเชียงใหม่ และขอนแก่น ซึ่งสามารถทำยอดขายโดยรวมอยู่ในระดับที่น่าพอใจ
“Yuu” คอนโดเหนือระดับ ริมทะเลวิวโค้งหาดศรีราชา

“Yuu” คอนโดเหนือระดับ ริมทะเลวิวโค้งหาดศรีราชา

บริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา จำกัดบริษัทในเครือ บริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด เตรียมจัดงานแถลงข่าวเปิดตัวโครงการ “Yuu” คอนโดเหนือระดับ ริมทะเลวิวโค้งหาดศรีราชา ด้วยแนวคิดปรัชญาการออกแบบสไตล์ Zen อิงวิถีชีวิตที่เรียบง่าย สงบ และโอบล้อมด้วยธรรมชาติ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สู่การใช้ชีวิตแบบ “The Ultimate Living Experience” โดยมี นพ.เชิดศักดิ์ อัมพรสุขสกุล กรรมการผู้จัดการบริษัท แสงฟ้าก่อสร้าง จำกัด และ คุณอนุศักดิ์ อัมพรสุขสกุลประธานกรรมการ บริษัท เอสเอฟซี เวนเจอร์ ศรีราชา จำกัด ขึ้นให้รายละเอียดในงานแถลงข่าวครั้งนี้งานจัดขึ้น ในวันศุกร์ที่ 3 สิงหาคม 2561 เวลา 10.00 – 12.30 น. ณ Sales Gallery “Yuu” ศรีราชา

"EVER" ลุยปั้นแบรนด์"มายโฮม อเวนิว-เอเวอร์ ซิตี้"บุกแนวราบ เล็งผุดทาวน์โฮมเสริฟ์ครึ่งปีหลัง-หนุนผลประกอบการสดใสมีลุ้นเทิร์นอะราวด์

  บมจ.เอเวอร์แลนด์ หรือ EVER สร้างแบรนด์แนวราบ "มายโฮม อเวนิว - เอเวอร์ ซิตี้ " ให้เป็นที่รู้จัก หลังกระโดดพัฒนาโครงการแนวราบใหม่ปี 2561 จำนวน 4 โครงการมูลค่ารวม 2,000 ล้านบาท บอส “สวิจักร์ โลจายะ” แย้มเตรียมคลอดทาวน์โฮมอีก 3 โครงการในช่วงที่เหลือปีนี้ หลังผลตอบรับยอดขายคึกคัก ผู้บริโภคหันมาให้ความสนใจมากขึ้น และยังรับรู้รายได้เร็วขึ้น พร้อมส่งซิกปลายปีนี้ผลประกอบการมีลุ้นเทิร์นอะราวด์   นายสวิจักร์ โลจายะ ประธานกรรมการ บริษัท เอเวอร์แลนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ EVER เปิดเผยว่า ในปีนี้ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่หันมาให้น้ำหนักโครงการแนวราบมากขึ้น เนื่องจากมีซัพพลายแนวราบออกสู่ตลาดค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับโครงการแนวสูงที่มีมากกว่าในช่วงก่อนหน้า นอกจากนี้โครงการแนวราบมีการรับรู้รายได้เร็วกว่าโครงการแนวสูง   ทั้งนี้ EVER ได้เริ่มเน้นเปิดโครงการแนวราบในปีนี้ และมีแนวโน้มที่จะพัฒนาต่อเนื่องในปีถัดไปเนื่องจากพบว่าความต้องการยังมีสูง ขณะเดียวกันยังเป็นการสร้างรายได้เพิ่มขึ้น เพราะรับรู้ได้เร็วเมื่อเทียบกับโครงการแนวสูง โดยได้วางเป้าเพิ่มสัดส่วนแนวราบทั้งบ้านเดี่ยว ทาวน์เฮ้าส์และโครงการแนวสูงให้มีสัดส่วน 50:50 ภายใน 3ปี ข้างหน้า จากปัจจุบันที่พอร์ตรายได้ส่วนใหญ่จะมาจากโครงการแนวสูง โดยจะทยอยเห็นการบาลานซ์ในปีนี้   บริษัทจะให้ความสำคัญในการสร้างแบรนด์แนวราบ ได้แก่ บ้านเดี่ยว ภายใต้แบรนด์" มายโฮม อเวนิว" และทาวน์โฮม แบรนด์ "เอเวอร์ ซิตี้ " ให้เป็นที่รู้จักของลูกค้ามากขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เปิดตัวบ้านเดี่ยว สไตล์ MODERN CHIC มายโฮมอเวนิว ทำเลย่านรามอินทรา-จตุโชติราคา 3 ล้านกว่าบาท ในช่วงเดือนพค.ที่ผ่านมาได้รับการตอบรับที่ดี ขณะที่ทาวน์โฮม คาดจะเห็นทยอยเปิดโครงการในช่วงที่เหลือ ย่านทำเลสุขสวัสดิ์ , บางนา หนามแดง ฯลฯ ซึ่งบริษัทฯได้แบงก์ให้การสนับสนุนวงเงินในการซื้อที่ดินเพื่อรอการพัฒนาไว้เรียบร้อยแล้ว   อย่างไรก็ตาม โครงการแนวสูง โดยเฉพาะโครงการย่านสนามบินน้ำนั้น ยังได้รับการตอบรับที่ดี มีการจองอย่างต่อเนื่อง โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการเร่งปิดยอดขาย และโอนโครงการคอนโดมิเนียม "เดอะโพลิแทน บรีซ " มูลค่าโครงการ 1,900 ล้านบาท ซึ่งมีการออกโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการซื้อ เพิ่มยอดขายและยอดโอน โดยถือเป็นโครงการที่อยู่บนทำเลรถไฟฟ้าสายสีม่วง มีศักยภาพ และน่าสนใจไม่น้อยกว่าสายอื่นๆ   ปัจจุบัน เดอะโพลิแทน บรีซ มียอดขายแล้ว 1,000 ล้านบาท จะก่อสร้างแล้วเสร็จในไตรมาส 3 นี้และเริ่มโอนในเดือนธันวาคมนี้ ซึ่งนอกเหนือโครงการแนวสูง เดอะ โพลิแทน ริฟ และโครงการเดอะโพลิแทน อควา ที่จะทยอยรับรู้ตั้งแต่ปีหน้า   "ในปีนี้จะเป็นปีแห่งการเทิร์นอะราวด์จากปีก่อน และน่าจะเห็นกำไรได้บ้าง รายได้ปีนี้เราตั้งเป้าไว้ที่ 1,900 -2,000 ล้านบาท หลักๆในปีนี้สัดส่วน 90 % ยังคงมาจากรายได้จากแนวสูง และจะพยายามเพิ่มสัดส่วนแนวราบที่ปีนี้ขยายตัว พบว่าความต้องการยังมีอยู่สูง ขณะที่ภาพรวมอสังหาริมทรัพย์ก็มีแนวโน้มที่ดี ด้านการกู้เงินอาจต้องพิจารณาควบคู่กันไป เพราะการที่หนี้ครัวเรือนมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นอาจทำให้แบงก์มีความระมัดระวัง "
“เรียลแอสเสทฯ”เปิดตัวโครงการ AESTIQ  Thonglor  คอนโดมิเนียมแบบ Ultimate  Luxury มูลค่ารวม 4,200 ล้านบาท

“เรียลแอสเสทฯ”เปิดตัวโครงการ AESTIQ Thonglor คอนโดมิเนียมแบบ Ultimate Luxury มูลค่ารวม 4,200 ล้านบาท

  “เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์” ต่อยอดความสำเร็จของ LAVIQ Sukhumvit 57 เดินหน้าปั้นแบรนด์ Luxury ใหม่ “AESTIQ Thonglor” คอนโดมิเนียมแบบ Ultimate Luxury เพื่อเป็น Iconic Landmark ใหม่บนทำเลทองหล่อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A Reflection of you” สุนทรียะที่สะท้อนความเป็นตัวคุณ มูลค่ารวม 4,200 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าระดับบนทั้งชาวไทยและต่างชาติ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด ผู้ประกอบการพัฒนาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ชั้นนำของประเทศไทย มีประสบการณ์ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไพร์มโลเคชั่นทั่วกรุงเทพฯ กว่า 7 ปีที่ดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์จนประสบความสำเร็จสร้างความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า ในทุกกลุ่มโปรดักส์มากกว่า 10 โครงการ มูลค่ารวมทั้งสิ้นกว่า 12,800 ล้านบาท ล่าสุดเตรียมเปิดตัวโครงการ AESTIQ Thonglor คอนโดมิเนียมระดับ Ultimate Luxury มูลค่าโครงการรวม 4,200 ล้านบาท ในทำเลศักยภาพบนถนนทองหล่อ สุดยอดทำเลพักอาศัยในฝันของกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็น Young Successor ทำเลพักอาศัยที่สะท้อนความเป็นตัวตนที่สมบูรณ์แบบและความสุนทรียะของผู้พักอาศัย ทั้งกลุ่มชาวไทยและต่างชาติ ฉีกแนวการใช้ชีวิตแบบเดิมด้วยพื้นที่ส่วนกลางที่ล้ำหน้าและทันสมัย ดึงจุดแข็ง Luxury Car Sharing Service เพื่อรองรับโลกในอนาคตอย่างยั่งยืน เพียงไม่กี่นาทีก็ถึงแหล่ง ช้อปปิ้ง ชั้นดี อย่าง The Em District เมืองหลวงของนักช้อป ที่รวบรวม Flagship store ของ Super Brand ชั้นนำระดับโลกไว้ที่นี่ ซึ่งกำหนดเปิดขายโครงการในช่วงเดือน กันยายน นี้ ณ สำนักงานขายโครงการ นายบดินทร์ธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด เปิดเผยว่า ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์จะเน้นให้ความสำคัญในทุกๆด้าน ทั้งเรื่องทำเลที่ตั้งโครงการและการออกแบบโครงการที่แตกต่างไปจากคู่แข่ง ด้านคุณภาพที่เหนือกว่า การออกแบบที่ใส่ใจทุกรายละเอียด มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่น การเลือกวัสดุคุณภาพเกรดพรีเมี่ยม รวมถึงการมีพันธมิตรทีมออกแบบโดยทีมสถาปนิกและบริษัทออกแบบชั้นนำของประเทศ ทำให้ทุกโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่พัฒนานั้นประสบความสำเร็จ โดยในส่วนการพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมของเรียลแอสเสทนั้น หลังจากประสบความสำเร็จในการพัฒนาโครงการ ลาวีค สุขุมวิท 57 คอนโดมิเนียมระดับ Luxury โครงการแรกที่มีมูลค่ารวมกว่า 4,120 ล้านบาท บริษัทฯ จึงต่อยอดความสำเร็จด้วยการลงทุนพัฒนาตัวโครงการ AESTIQ Thonglor คอนโดมิเนียมแบบ Ultimate Luxury มูลค่าโครงการ 4,200 ล้านบาท เพื่อสร้าง Iconic Landmark แห่งใหม่บนทำเลทองหล่อ AESTIQ เกิดมาจากการผสานคำระหว่าง “Aesthetic” (สุนทรียภาพ) กับ “Unique” (ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว) จนกลายมาเป็นแนวคิดของโครงการคือ “A Reflection of you” เพื่อเน้นย้ำสุนทรียภาพในการใช้ชีวิตสำหรับคนรุ่นใหม่ในเมืองผ่านแกนหลักทั้งหมด 5 แกน ดังนี้   Nature – ธรรมชาติเป็นหนึ่งในแกนที่นำมาประยุกต์ใช้ในการออกแบบโครงการ เพื่อต้องการผสมผสานความเป็นธรรมชาติให้แทรกซึมไปตามการใช้ชีวิตประจำวัน ผ่านการออกแบบพื้นที่ส่วนกลาง หรือ โครงสร้างตึกแบบ Organic Form และทางโครงการได้นำทรัพยากรธรรมชาติอย่าง “ลม” มาใช้ประโยชน์ในการออกแบบโครงการ เพื่อช่วยในการหมุนเวียนอากาศให้เข้ามายังพื้นที่ส่วนกลางและบริเวณที่พักอาศัย   Iconic - โครงการนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเรือธงใหม่ของบริษัทเพื่อต้องการปักธงในการออกแบบตัวอาคารเพื่อสร้างความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวในย่านทองหล่อ ที่ใครๆจะต้องจ้องติดตามและกล่าวถึง   Future - ด้วยภาพลักษณ์การออกแบบสถาปัตยกรรมโครงการ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลาง เป็นการสะท้อนถึงการนำเทคโนโลยีมาใช้ภายในโครงการเพื่อตอบสนองการใช้ชีวิตแบบใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Private Lift และระบบที่จอดรถยนต์แบบ Auto Parking   Sustainable - ความยั่งยืน ด้วยภาพลักษณ์ของโครงการที่ให้ความสำคัญกับธรรมชาติ สภาพแวดล้อมและเทคโนโลยี ดังนั้น โครงการ AESTIQ Thonglor จึงได้นำรถยนต์ที่มีระบบขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า 100% เข้ามาใช้เป็น car sharing service ภายในโครงการ เพื่อให้ลูกค้าสามารถใช้ชีวิตในเมืองได้อย่างยั่งยืนและลดการปล่อยมลพิษ   Fun - ความสนุกสนานในการใช้ชีวิตในย่านทองหล่อ คงหนีไม่พ้นกับการได้ลองอะไรใหม่ๆในย่านที่มีแต่เรื่องตี่นเต้นตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นช่วงเวลากลางวันหรือกลางคืน การพบปะผู้คน การได้ลองร้านอาหารสุดชิคและแชร์ลงบน Social Media หรือการ Hang Out สบายๆในร้านกาแฟ ที่มีการออกแบบและตกแต่งภายในอย่างมีศิลปะ หรือการไปสัมผัส แสง สี เสียง ในยามค่ำคืน กลายเป็นแกนหลักในการออกแบบพื้นที่ส่วนกลางของโครงการให้มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวให้ผู้อยู่อาศัยสามารถสนุกสนานได้ หากต้องการหลีกหนีความวุ่นวายในเมืองและอยากมีพื้นที่ส่วนตัวในการสังสรรค์ “ผมเชื่อมั่นว่า โครงการ AESTIQ Thonglor ถือได้ว่าเป็นโครงการที่ยกระดับทุกๆด้านในการใช้ชีวิตในเมือง ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้งของโครงการ การออกแบบสถาปัตยกรรมที่มีความโดดเด่นเฉพาะตัว และมีความล้ำสมัยบนทำเลทองหล่อ โดยมาจากการนำแกนหลักทั้ง 5 แกนที่กล่าวมาข้างต้นนำมาใช้ในการเชื่อมโยงเข้าหากันและออกแบบได้อย่างลงตัว เพื่อตอบโจทย์สำหรับคนรุ่นใหม่ที่กล้าที่จะตัดสินใจในการเลือกรูปแบบการใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเราเองกำหนด เพราะสุดท้ายการตัดสินใจเหล่านี้ก็จะสะท้อนกลับเพื่อหล่อหลอมตัวตนของคุณที่แท้จริงออกมาในแบบ A Reflection of you” นายณัฏฐพร กลั่นเรืองแสง รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานกลยุทธ์ธุรกิจ บริษัท เรียลแอสเสท ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด กล่าวถึงรายละเอียดของโครงการ AESTIQ Thonglor ว่า โครงการนี้ถือเป็นคอนโดมิเนียมแบบ Ultimate Luxury บนทำเลศักยภาพย่านทองหล่อ ภายใต้คอนเซ็ปต์ “A Reflection of you” สุนทรียะที่สะท้อนความเป็นตัวคุณ ตั้งอยู่บนพื้นที่ 1 – 3 – 88.9 ไร่ พัฒนาเป็นอาคารสูง 40 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 203 ยูนิต จอดรถได้ 220 คัน โดยเสนอยูนิตพิเศษในราคาเริ่มต้นเพียง 8.99 ล้านบาท หรือเริ่มต้นที่ประมาณตารางเมตรละ 269,000 บาท โครงการพัฒนายูนิตขึ้นมาให้เลือก 4 แบบ ได้แก่ แบบ 1 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 33-52 ตารางเมตร จำนวน 127 ยูนิต หรือคิดเป็นสัดส่วน 64 % , แบบ 2 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 76 – 119 ตารางเมตร จำนวน 56 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 25 % ,แบบ 3 ห้องนอน ขนาดพื้นที่ใช้สอย 131-158 ตารางเมตร จำนวน 18 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 10 % และห้องเพนท์เฮ้าส์ ขนาดพื้นที่ใช้สอย 289-297 ตารางเมตร จำนวน 2 ยูนิต คิดเป็นสัดส่วน 1 % โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างประมาณเดือน พฤษภาคม 2562 และจะแล้วเสร็จประมาณเดือนธันวาคม 2564   ทั้งนี้ จุดเด่นของโครงการอยู่ที่ การออกแบบอาคารให้มีรูปทรง Façade ดูโค้งและปิดกั้นด้วยกระจก Curtain Wall ในด้านฝั่งถนนทองหล่อ ที่สะท้อนรูปทรงอาคารเพื่อสร้าง Iconic Landmark แห่งใหม่ที่สะท้อนความเป็น Futuristic ที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากโลกแห่งอนาคต แห่งแรกในประเทศไทย และ ในทุกห้องพักของโครงการมี Private Lift ในทุกยูนิต เพื่อตอบโจทย์ชีวิตที่หรูหราของสังคมเมือง โดยลูกค้าสามารถขึ้นมาถึงห้องพักของตนเองได้โดยไม่ต้องเดินผ่านพื้นที่ Corridor ส่วนกลางในแต่ละชั้นแต่อย่างใด   นอกจากนี้ ภายในโครงการได้จัดให้มีระบบจอดรถถึง 2 ระบบ ทั้งแบบ Auto Parking และ Conventional Parking ในสัดส่วนมากกว่า 100%ของห้องพัก รวมทั้งในส่วนของห้องพัก floorplan ได้ถูกออกแบบให้เป็น Cluster ซึ่งการออกแบบลักษณะนี้จะเกิดห้องมุมในสัดส่วนที่มากกว่าปกติ ซึ่งก่อให้เกิดประโยชน์ในเรื่องของมุมมองจากภายในห้องพักที่กว้างและเป็นการเปิดรับการระบายอากาศธรรมชาติให้การอยู่อาศัยนั้นมีความแตกต่างจากการพักอาศัยภายในคอนโดมิเนียมทั่วไป อีกทั้งเพื่อเพิ่มมุมมองจากภายในอาคารการออกแบบจึงให้ความสำคัญกับขนาดและตำแหน่งของช่องกระจกมากเป็นพิเศษ โดยออกแบบให้ฝ้าเพดานภายในสูงสุด 3 เมตร และเน้นพื้นที่กระจกบริเวณหน้ากว้างของห้องพัก เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยสามารถชื่นชมทัศนียภาพที่งดงามของทิวทิศน์เมืองได้เต็มที่ที่สุด   โดดเด่นด้วย Reflection Pool : “สระว่ายน้ำ” ของโครงการอยู่บนชั้นที่ 30 ของอาคาร ซึ่งถือว่าเป็นชั้นที่สูงมาก เพียงพอที่จะชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของ Bangkok Skyline โดยที่สระถูกออกแบบให้เป็น Infinity - Edge Pool เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถชื่นชมความงามของธรรมชาตินั้นได้เต็มที่ และมีความยาวสระต่อเนื่องถึง 25 เมตรเหมาะสำหรับผู้ที่รักในการว่ายน้ำออกกำลังกายอีกด้วย โดยออกแบบให้ธรรมชาติแทรกซึมไปในทุกส่วนของพื้นที่แบบ Organic Form และเลือกใช้วัสดุที่สะท้อนความเป็น Reflective เพื่อสร้างความโดดเด่นอีกด้วย   Step Garden :“ บันได” เป็น Main Vertical Circulation ที่สำคัญของโครงการ ซึ่งโครงการ AESTIQ Thonglor นี้ได้นำแนวคิดที่จะนำ Terrace มา Integrate ใช้กับบันได เพื่อให้เกิดการใช้พื้นที่ในรูปแบบที่แตกต่างออกไป กลายเป็นพื้นที่ส่วนกลางที่สามารถเข้ามาใช้งานได้มากขึ้น อีกทั้ง Step Garden นี้ ยังตั้งอยู่ด้านหน้าของโครงการ ทำให้ผู้ใช้งานสามารถมานั่งพักผ่อนในบรรยากาศ Cityscape ของถนนทองหล่อได้อีกด้วย   Sky Private Garden for Penthouse บริเวณชั้นบนสุดของโครงการ ถูกออกแบบเป็นพิเศษและเพิ่มความเป็นส่วนตัวสำหรับห้องเพนท์เฮ้าส์โดยเฉพาะ ที่สามารถเชื่อมต่อได้ด้วยบันไดภายในห้องพักและมีส่วนของ Double Space ที่เชื่อมต่อชั้นบนและชั้นล่าง รวมทั้งมี “Sky Private Garden” พื้นที่ส่วนตัวสุดพิเศษสำหรับห้องเพนท์เฮ้าส์เท่านั้นด้วย   ยิ่งไปกว่านั้น ภายในโครงการยังเพียบพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย อาทิ ที่จอดรถ Super Car & Super Bike and Bicycle , Luxury Car Sharing Service , Shuttle Service , EV Charging Station , Golf & Bike Simulator , Private Theater , Private Onzen , Panoramic Gym , Sky Social Club ฯลฯ รวมทั้งยังมีบริการเสริมอื่น ๆที่ดูแลโดย Concierge Service คอยให้บริการเพิ่มความสะดวกสบายมากยิ่งขึ้นอีกด้วย   “เราเชื่อมั่นในทำเลที่ตั้งและคอนเซ็ปต์ในการพัฒนาโครงการที่แตกต่างจากคู่แข่งจะสนับสนุนให้โครงการ AESTIQ Thonglor ได้รับการตอบรับที่ดีจากกลุ่มลูกค้าเป้าหมายเช่นเดิม เพราะเราใส่ใจลงรายละเอียดในการออกแบบอาคารทั้งภายในและภายนอกเพื่อสะท้อนถึงความเป็นตัวตนที่งดงามแตกต่าง สะท้อนความทันสมัยและรสนิยม นอกจากนี้ยังเติมเต็มความต้องการในส่วนของสิ่งอำนวยความสะดวกและบริการเสริมพิเศษต่างๆ อีกมากมาย ปัจจัยต่างๆเหล่านี้จะสามารถตอบโจทย์ความต้องการของกลุ่มลูกค้าระดับบนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่ซื้ออยู่เองและเพื่อการลงทุนได้อย่างแน่นอน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.aestiq.com หรือ โทร 1232”
เสนาฯ - ฮันคิว  โชว์ความแข็งแกร่ง ลุยเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง

เสนาฯ - ฮันคิว โชว์ความแข็งแกร่ง ลุยเปิดโครงการใหม่อย่างต่อเนื่อง

นายธีรวัฒน์ ธัญลักษณ์ภาคย์ (ที่ 2 จากซ้าย) ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) และ ผศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ (ซ้าย) รองประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เสนาดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) พร้อมด้วย คุณวาคาบายาซิ ทสึเนะโอะ (ที่ 2 จากขวา) ประธานบริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร๊อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอเรชั่น และ คุณมาซะฮิโกะ โทดะ (ขวา) ผู้จัดการทั่วไป บริษัท ฮันคิว ฮันชิน พร็อพเพอร์ตี้ส์ คอร์ปเปอเรชั่น ผนึกกำลังร่วมพัฒนาโครงการใหม่ล่าสุด “นิช โมโน เมกะบางนา มูลค่าโครงการกว่า 2,200 ล้านบาท เป็นโครงการภายใต้การร่วมทุนโครงการที่ 4 ซึ่งถือเป็นการขับเคลื่อนธุรกิจให้เป็นไปตามแผนดำเนินงานในอนาคตที่จะร่วมทุนพัฒนาโครงการใหม่ มูลค่ามากกว่า 20,000 ล้านบาท
บมจ.มั่นคงเคหะการ เดินหน้าสานต่อแผนธุรกิจเตรียมส่ง 5 โครงการรุกตลาดครึ่งปีหลัง พร้อมประกาศร่วมทุน TPARK ผุดโรงงานให้เช่าเฟสใหม่

บมจ.มั่นคงเคหะการ เดินหน้าสานต่อแผนธุรกิจเตรียมส่ง 5 โครงการรุกตลาดครึ่งปีหลัง พร้อมประกาศร่วมทุน TPARK ผุดโรงงานให้เช่าเฟสใหม่

  นายวรสิทธิ์  โภคาชัยพัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท มั่นคงเคหะการ จำกัด (มหาชน) หรือ MK เปิดเผยว่า บริษัทฯ ยังคงเดินหน้าดำเนินธุรกิจในปี 2561 ตามแผนที่ประกาศไว้ตั้งแต่ช่วงต้นปีที่ผ่านมา โดยอัดงบลงทุน 5,000 ล้านบาท แบ่งเป็นงบลงทุนในธุรกิจเพื่อขาย 4,000 ล้านบาท และงบลงทุนในธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการอีก 1,000 ล้านบาท ตั้งเป้าเปิด 7 โครงการใหม่บนทำเลศักยภาพ ในปี 61 นี้ คาดการณ์รายได้จากการขายโครงการรวม 3,500 ล้านบาท  โดยในครึ่งปีแรกได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการแล้วรวม 2 โครงการ ประกอบด้วย โครงการบ้านเดี่ยว ‘ชวนชื่น ซิตี้ เซาท์/วิลล์-วัชรพล’ และ ‘ชวนชื่น ซิตี้ นอร์ท/วิลล์-วัชรพล’ บนทำเลทองย่านวัชรพล     ทั้งนี้ ด้านการพัฒนาโครงการเพื่อการขายในช่วงครึ่งปีหลังนั้น บริษัทฯ วางแผนเปิดโครงการใหม่อีก 5 โครงการ  รวมมูลค่า 4,540 ล้านบาท แบ่งเป็นโครงการบ้านเดี่ยวรวม 3 โครงการ และโครงการทาวน์โฮมรวม 2 โครงการในทำเลศักยภาพ อาทิ กรุงเทพฯ ฝั่งตะวันตก, กรุงเทพฯ ตอนเหนือ และกรุงเทพฯ-ปทุมธานี ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับการตอบรับที่ดีด้วยจุดเด่นในด้านของทำเลและฟังก์ชั่นการออกแบบที่บริษัทฯ ตั้งใจพัฒนาขึ้น เพื่อตอบโจทย์การอยู่อาศัยของผู้บริโภค   ด้านธุรกิจเพื่อเช่าและการบริการนั้น นายวรสิทธิ์  โภคาชัยพัฒน์ กล่าวเสริมถึงแผนและภาพรวมการดำเนินธุรกิจในส่วนดังกล่าวว่า “สำหรับ บริษัท พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (PD) บริษัทในเครือผู้พัฒนาและบริหารโครงการบางกอกฟรีเทรดโซน คลังสินค้าและโรงงานเพื่อเช่านั้น ปัจจุบันมีการพัฒนาพื้นที่ปล่อยเช่ารวม 115,000 ตร.ม.  และอยู่ในระหว่างดำเนินการพัฒนาเพิ่ม 38,000 ตร.ม.ในปีนี้   ล่าสุด พรอสเพค ดีเวลลอปเมนท์ ได้ร่วมมือกับ บริษัท ไทคอน โลจิสติคส์ พาร์ค จำกัด (TPARK) บริษัทในเครือของ บริษัท ไทคอน อินดัสเทรียล คอนเน็คชั่น จำกัด มหาชน (TICON) ซึ่งเป็นบริษัทที่มีความเชี่ยวชาญด้านการพัฒนาและบริหารโรงงานและคลังสินค้าโดยเฉพาะ เพื่อพัฒนาโรงงานและคลังสินค้าเพิ่มเติมอีกกว่า 100 ไร่  โดยมีกลุ่มสแกนเนีย กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัดเป็นลูกค้ารายแรกของความร่วมมือนี้  ได้มีการพัฒนาโรงงานให้เช่าในแบบ Built to Suit หรือสร้างตามความเหมาะสมในการใช้งานด้านการผลิตไปแล้วบนเนื้อที่ 22 ไร่ พื้นที่ใช้สอยรวม 14,000 ตร.ม. มูลค่ารวม 350 ล้านบาท  ด้าน บริษัท ยัวร์ส พร็อพเพอร์ตี้ แมเนจเม้นท์ จำกัด นั้น ในช่วงครึ่งปีแรกได้รับบริหารโครงการเพิ่มขึ้นอีก 3 โครงการ โดยในครึ่งปีหลังตั้งเป้าเดินหน้าบริหารโครงการเพิ่มอีก 5 โครงการ ตามแผนที่จะขยายขอบเขตการให้บริการรวม 8 โครงการในปีนี้     อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของ บมจ.มั่นคงเคหะการ ที่หลายฝ่ายต่างจับตามองก็คือการพัฒนาโครงการ ‘พาร์ค คอร์ท (Park Court)’ อพาร์ทเมนต์และคอนโดมิเนียมใจกลางสุขุมวิทมูลค่า 3,000 ลบ. ตอบโจทย์กลุ่มตลาดระดับบน เจาะกลุ่มนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ  ก็ถือเป็นบทพิสูจน์ศักยภาพของบริษัทฯ ได้เป็นอย่างดี เพราะปัจจุบันสามารถขายและปล่อยเช่าไปได้แล้วเกือบ 50% และคาดว่าจะสามารถปิดการขายพร้อมปล่อยเช่าเต็ม 100% ภายในปี 2562  ส่วนธุรกิจการบริการสนามกอล์ฟ ฟลอร่า วิลล์ กอล์ฟ แอนด์ คันทรี คลับ ที่ปรับโฉม เปลี่ยนภาพลักษณ์ใหม่ และ ฟลอร่าวิลล์ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ทคลับ ซึ่งเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา ก็ได้รับกระแสตอบรับจากผู้มาใช้บริการเป็นอย่างดี  คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้จากธุรกิจการบริการสนามกอล์ฟและสปอร์ทคลับดังกล่าวเพิ่มขึ้น 40% ในปี 61     “บริษัทฯ มองว่าในช่วงครึ่งปีหลัง ด้วยบรรยากาศการลงทุนและกลไกตลาดในช่วงไตรมาส 3 และ 4 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ยังมีความเคลื่อนไหวในเชิงบวกอยู่ ประกอบกับการดำเนินงานของบริษัทฯยังคงเป็นไปตามแผนที่วางไว้ และจุดแข็งในพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัยที่โดดเด่นด้านทำเล ราคา และการออกแบบพื้นที่ใช้สอยที่ใช้ได้จริง ในทำเลที่มีศักยภาพ จะยิ่งเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญในการเติบโตของบริษัทฯ ในปีนี้” นายวรสิทธิ์  โภคาชัยพัฒน์ กล่าวสรุป  
นวัตกรรมแผ่นยิปซัมรุ่นใหม่ที่ทลายข้อจำกัดแบบเดิมๆ!

นวัตกรรมแผ่นยิปซัมรุ่นใหม่ที่ทลายข้อจำกัดแบบเดิมๆ!

โซลูชั่นส์ระบบผนังยิปซัมรุ่นใหม่สำหรับใช้ในพื้นที่เปียกชื้นสูง มอบประสิทธิภาพทนความชื้นดีเยี่ยม ถูกสุขอนามัย และให้ความทนทานที่คุณคาดไม่ถึง! สำหรับวงการก่อสร้าง เป็นที่รู้กันดีว่าระบบผนังยิปซัมนั้นเป็นโซลูชั่นส์ที่มีความคุ้มค่าในเรื่องของราคา ติดตั้งได้ง่ายและให้งานผนังที่สวยเนี้ยบตามมาตรฐาน อีกทั้งเป็นทางเลือกอันดับหนึ่งในการก่อสร้างบ้านพักอาศัยหรือสำนักงานตลอดช่วงศตวรรษที่ผ่านมา ระบบผนังยิปซัมยังมีขั้นตอนการทำงานที่ไม่ซับซ้อนรวดเร็ว และให้ความยืดหยุ่นในการสร้างผนังเพื่อกั้นห้อง หรือแบ่งพื้นที่ได้สะดวก นอกจากการติดตั้งง่าย ระบบผนังยิปซัมยังมีคุณสมบัติกันไฟลุกลามภายในอาคาร ทั้งยังสามารถติดตั้งได้ในอาคารทั่วไปโดยเสียค่าแรงต่ำกว่าผนังระบบอื่นมาก อย่างไรก็ดี แม้จะเป็นที่ยอมรับโดยทั่วไปว่าระบบผนังยิปซัมมีข้อดีมากมาย แต่เมื่อพูดถึงพื้นที่เปียก บรรดาช่างก่อสร้างกลับปฏิเสธระบบผนังยิปซัมกันทั้งสิ้น     เนื่องจากระบบผนังยิปซัมที่เสียหายเพราะความชื้นถือเป็นฝันร้ายที่ยากเกินจะเยียวยา ซึ่งเกิดจากแผ่นยิปซัมมีคุณสมบัติอุ้มน้ำได้เป็นอย่างดีนั่นเอง และแน่นอนว่าพื้นผิวกระดาษปิดแผ่นยิปซัมทั่วไปนั้นยังเอื้อต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราเป็นอย่างมากอีกด้วย ซึ่งเชื้อรามักเติบโตได้ดีในพื้นที่อาคารที่มีความชื้นและอากาศไม่ถ่ายเท อีกทั้งการสูดกลิ่นเชื้อราหรือสปอร์ของรายังทำให้เกิดการติดเชื้อระบบทางเดินหายใจ ก่อให้เกิดอาการคัดจมูก จาม แน่นหน้าอก ไอและการระคายเคืองในลำคอ   เท่าที่ผ่านมา ระบบผนังยิปซัมจึงไม่ใช่โซลูชั่นส์ที่เหมาะสำหรับพื้นที่เปียกชื้นเลย พื้นที่เปียกชื้นนั้นมีการจัดประเภทตามระดับความเสี่ยงและยังมีการกำหนดว่าผนัง พื้น ทางแยก และการซึมผ่านแบบใดจะต้องเป็นประเภทกันน้ำ (waterproof) หรือทนน้ำ (water-resistant) พื้นที่เปียกชื้นที่มีความเสี่ยงสูงได้แก่ห้องอาบน้ำและห้องซักรีดที่จำเป็นต้องมีตะแกรงระบายน้ำและพื้นที่ฝักบัวอาบน้ำ พื้นที่เปียกชื้นที่มีความเสี่ยงปานกลางคือพื้นที่ในห้องน้ำนอกห้องฝักบัวและพื้นที่ใกล้ห้องอาบน้ำและสปา พื้นที่เปียกชื้นที่มีความเสี่ยงต่ำคือห้องใช้งานทั่วไปและห้องส้วมแบบแห้ง รวมไปถึงผนังใกล้อ่างล้างจานและอ่างอาบน้ำ (แม้จะมีข้อโต้แย้งในเรื่องนี้จากบรรดาช่างติดตั้งอยู่บ้างก็ตาม)   ปัจจุบัน เทคโนโลยีการผลิตแผ่นยิปซัมได้พัฒนาไปไกลมาก จนสามารถผลิตแผ่นยิปซัมรุ่นใหม่ที่ลบข้อจำกัดการใช้งานในพื้นที่เปียกชื้นสูง และสามารถเปลี่ยนความคิดที่มีต่อผลิตภัณฑ์แผ่นยิปซัมและระบบผนังยิปซัมเดิม ๆ ให้หมดไป แม้ผนังก่ออิฐฉาบปูนจะเป็นตัวเลือกมาตรฐานมาเป็นเวลานานสำหรับช่างก่อสร้าง แต่ด้วยเทคโนโลยีการผลิตวัสดุก่อสร้างสมัยใหม่ ทำให้ในวันนี้ ยิปรอคขอเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่สู่ผู้บริโภคในประเทศไทยที่จะพลิกโฉมการก่อสร้างระบบผนังยิปซัมภายในบ้านไปตลอดกาล ด้วยประสิทธิภาพการกันน้ำสำหรับพื้นที่เปียกอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน   และที่สำคัญ โซลูชั่นส์ระบบผนังยิปซัมต่อต้านความชื้นสูงของยิปรอคยังคงข้อดีของผนังยิปซัมแบบเดิมไว้อย่างครบถ้วน ทั้งการติดตั้งง่ายรวดเร็วและประหยัดงบประมาณ ซึ่งถือเป็นเป้าหมายหลักของยิปรอค ในฐานะผู้ผลิตวัสดุก่อสร้างชั้นนำมาตลอดระยะเวลาหลายทศวรรษที่ผ่านมา   ยิปรอคนำเสนอผลิตภัณฑ์แผ่นยิปซัมประสิทธิภาพสูงที่ครอบคลุมการใช้งานในพื้นที่เปียกชื้นหลายประเภทพร้อมระบบการติดตั้งที่สมบูรณ์แบบ ไม่ว่าจะเพื่อการใช้งานเฉพาะตัวหรือการใช้งานทั้งระบบ ก็สามารถเลือกใช้ได้ตามความต้องการ ด้วยคุณสมบัติทนความชื้น ติดตั้งง่าย ต่อต้านการเกิดเชื้อรา หน่วงการติดไฟ มีอายุการใช้งานยาวนานและง่ายต่อการทำความเข้าใจและติดตั้งหน้าไซต์งาน ทั้งหมดนี้ล้วนถูกออกแบบมาเพื่อการบรรลุเป้าหมายสูงสุด นั่นคือการสร้างสรรค์โซลูชั่นส์ก่อสร้างระบบผนังยิปซัมภายใต้แนวคิด Multi-Comfort เพื่อยกระดับความสะดวกสบาย สุขอนามัย และความสุขของผู้พักอาศัยภายในบ้าน ผ่านการมอบสิ่งแวดล้อมสรรค์สร้างที่ดีเยี่ยม     โซลูชั่นส์ระบบผนังยิปซัมทนชื้นสูงของยิปรอคมอบคุณสมบัติที่ทุกคนปรารถนา โดยสามารถลบข้อเสียของระบบผนังยิปซัมรูปแบบเดิมให้หมดไปได้ และมอบประสิทธิภาพสูงสุดแก่เจ้าของบ้าน พร้อมอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งกว่า ผนังยิปซัมรุ่นใหม่จากยิปรอคมอบการปกป้องที่ดีเยี่ยมด้วยคุณสมบัติต่อต้านการดูดซึมน้ำและป้องกันการซึมผ่านของความชื้น และต่อต้านการเจริญเติบโตของเชื้อราและเห็ดราได้เป็นอย่างดี   ยิปรอค กลาสรอค  เอช โอเชียน (Gyproc® Glasroc® H OCEAN) เป็นโซลูชั่นส์ระบบผนังยิปซัมจาก ยิปรอคที่เหมาะสำหรับการก่อสร้างผนังภายในบนพื้นที่เปียกชื้นสูงซึ่งสัมผัสกับน้ำในระดับปกติ มอบความแข็งแกร่งทนทาน โดยสามารถปูกระเบื้องทับได้เหมือนผนังทั่วไปหรือทาสีเพื่อใช้งานได้โดยไม่ต้องปูกระเบื้อง ด้วยองค์ประกอบของแผ่นยิปซัมซึ่งเป็นสารอนินทรีย์ประสิทธิภาพสูงที่สามารถทนความชื้นและเชื้อราได้เป็นอย่างดี จึงมอบสุขอนามัยที่ดีกว่าแผ่นยิปซัมแบบเดิมๆ  นอกจากนี้ ยังใช้เทคโนโลยีการเคลือบผิวแบบ Glassfiber Reinforced Gypsum (GRG) โดยใช้ชั้นไฟเบอร์กลาสเคลือบแทนการปิดผิวด้วยกระดาษ อีกทั้งวัสดุแกนกลางของแผ่นยิปซัมยังมีคุณสมบัติการดูดซึมน้ำ ผสานกับชั้นสีรองพื้นสีฟ้าที่ช่วยลดการซึมน้ำจากพื้นผิวผนังได้เป็นอย่างดี อีกทั้งพื้นผิวของแผ่นยิปซัมรุ่นนี้ยังมีคุณภาพสูง พร้อมสำหรับการปูกระเบื้องทับได้ทันที หรือทาสีได้อย่างเรียบเนียน   ยิปรอค กลาสรอค  เอช โอเชียน มอบพื้นผิวผนังที่เหมาะสำหรับการปูกระเบื้องเพื่อพื้นที่เปียกชื้นสูงที่สัมผัสกับน้ำหรือความชื้นบ่อยครั้ง อาทิ ห้องฝักบัว ห้องอาบน้ำ ห้องโถงสระว่ายน้ำที่อยู่ในสภาพแวดล้อมควบคุมที่มีการระบายอากาศ หรือใช้งานในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง     3 ผลิตภัณฑ์เพื่อการสร้างสรรค์ระบบผนังยิปซัมที่เต็มประสิทธิภาพ ได้แก่ ยิปรอค กลาสรอค เอช โอเชียน (Gyproc® Glasroc® H Ocean) แผ่นยิปซัมอัจฉริยะที่มีคุณสมบัติทนความชื้นสูงและเชื้อรา พร้อมมอบความแข็งแรง ทนทานด้วยความหนาถึง 12.5 มม. ยิปรอค ไฟเบอร์ เทป ไฮโดร (Gyproc®Fibre Tape HYDRO) เทปตาข่ายใยแก้วทนชื้นเพื่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงของรอยต่อของแผ่นยิปซัม ช่วยป้องกันการแตกร้าวและมอบคุณสมบัติในการทนความชื้นและต่อต้านการเติบโตของเชื้อรา เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่เปียกหรือสัมผัสน้ำและความชื้นตลอดเวลา  และ ยิปรอค ยิปฟิลล์ จอยท์ ไฮโดร (Gyproc® Gypfilltm JOINT HYDRO) ปูนฉาบรอยต่อที่มีคุณสมบัติทนชื้น ช่วยให้งานฉาบรอยต่อเรียบเนียน อีกทั้งใช้ตกแต่งพื้นผิวได้โดยตรง เหมาะสำหรับใช้ในพื้นที่เปียกชื้นสูงหรือสัมผัสน้ำและความชื้นตลอดเวลา กรุณาดูข้อมูลที่เว็บไซต์ http://www.gyproc.co.th/ หรือhttps://www.facebook.com/GyprocTH/  
ชินวะ เรียลเอสเตท ติดเครื่องผลิตระบบรูเนะสุในไทย  เล็งทำตลาดทั้งในและต่างประเทศหลังผ่านมาตรฐานจากบ.แม่

ชินวะ เรียลเอสเตท ติดเครื่องผลิตระบบรูเนะสุในไทย เล็งทำตลาดทั้งในและต่างประเทศหลังผ่านมาตรฐานจากบ.แม่

ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) ติดเครื่องผลิตระบบรูเนะสุในไทย ชี้ขั้นตอนสำคัญต้องส่งบริษัทแม่ตรวจสอบเกณฑ์มาตรฐาน จากนั้นเดินหน้ารุกทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ มร.โทโมยาสุ ยามาเบะ กรรมการผู้จัดการ และ นายวิชัย จุฬาโอฬารกุล กรรมการบริหาร บริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด เปิดเผยว่า ภายหลังการเข้ามาปักหมุดลงทุนในไทยประมาณสองปีที่ผ่านมา โดยพัฒนาคอนโดมิเนียมด้วยระบบรูเนะสุ ที่นำนวัตกรรมซิกม่าบีม (Sigma Beam) ลิขสิทธิ์เฉพาะของชินวะ กรุ๊ป-บริษัทแม่ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้เดินเครื่องผลิตนวัตกรรมซิกม่าบีม ในประเทศไทย ด้วยการติดตั้งเครื่องจักร 1 เครื่อง ซึ่งจะมีกำลังการผลิตได้เพียงพอต่อการทำตลาดในช่วงเริ่มต้น โดยขั้นตอนสำคัญเมื่อผลิตชิ้นส่วนซิกม่า บีมที่โรงงานในไทย จะต้องส่งไปทดสอบเกณฑ์มาตรฐานจากบริษัทแม่ที่ประเทศญี่ปุ่น หากได้เกณฑ์มาตรฐานแล้วจะนำมาใช้ติดตั้งในโครงการเร็น สุขุมวิท39 ซึ่งเป็นโครงการใหม่ของบริษัทที่เพิ่งเปิดตัวเมื่อเร็วๆนี้ นอกจากนั้นมีแนวทางการทำตลาดทั้งในและต่างประเทศ โดยเป้าหมายคือ โครงการคอนมิเนียมในเมือง ขนาด 20 ตร.ม.เศษ ทาวน์โฮมและบ้านเดี่ยว ที่มีพื้นที่ใช้ประโยชน์ขนาดต่ำกว่า 250 ตร.ม. ส่วนตลาดต่างประเทศ ขณะนี้ประเทศที่สนใจอยู่ระหว่างการเจรจา คือ ฮ่องกง และ สิงคโปร์     “ชินวะ กรุ๊ป บริษัทแม่ของชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) ที่มีสำนักงานใหญ่ที่โอซาก้า ประเทศญี่ปุ่น มีรากฐานเติบโตมาจากงานคอนสตรัคชั่น ขณะนี้มีประวัติศาสตร์การดำเนินงานมาถึง 128 ปีแล้ว ธุรกิจในเครือแตกไลน์หลายแขนง เรามีนโยบายการพัฒนาโครงการในไทยปีละ 1-2 โครงการก่อน เพราะต้องการใส่ใจในทุกรายละเอียดเพื่อให้งานออกมาอย่างมีคุณภาพ โดยแนวทางของชินวะ กรุ๊ป แตกต่างจากกลุ่มทุนญี่ปุ่นอื่นๆที่เข้ามาลงทุนกับดีเวลลอปเปอร์ไทยในลักษณะที่เน้นการลงเงินทุน แต่นโยบายจอยท์ เวนเจอร์ของชินวะฯ คือเรานำโนว์ฮาวเข้ามาใช้ในการก่อสร้างในไทยด้วย การเข้ามาตั้งโรงงานผลิตซิกม่า บีม ชิ้นส่วนสำคัญของระบบรูเนะสุนี้ เป็นเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้น ทั้งนี้เพื่อต้องการให้กลุ่มเป้าหมาย ทั้งชาวไทย ญี่ปุ่น และผู้อยู่อาศัยในโครงการได้มีคุณภาพชีวิตที่ดี ในแบบที่บริษัทแม่ Shinwa ที่ญี่ปุ่นได้ประสบความสำเร็จ และได้ครองใจคนญี่ปุ่นมาแล้ว กว่า 128 ปี” มร.ยามาเบะ กล่าว     ด้านนายวิชัย จุฬาโอฬารกุล กรรมการบริหาร บริษัท ชินวะ เรียลเอสเตท (ไทยแลนด์) จำกัด กล่าวว่า การทำตลาดระบบรูเนะสุของชินวะฯ จะเป็นการขายโซลูชั่น ไม่เฉพาะการขายชิ้นส่วนซิกม่าบีมเท่านั้น แต่จะรวมถึงขั้นตอนการให้คำปรึกษาแนะนำ ออกแบบ ควบคุมงานก่อสร้าง โดยการส่งวิศวกรผู้ชำนาญงานเข้าไปร่วมดูแลเพื่อให้ได้มาตรฐานของระบบ สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดขณะนี้มีเป้าหมายทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยมุ่งเน้นคอนโดมิเนียมในเมือง ที่มีขนาดพื้นที่ประมาณ 20 ตารางเมตรเศษ ซึ่งระบบรูเนะสุ นี้จะเข้ามาช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้ประโยชน์ให้มากขึ้น โดยการกลับคานเป็นพื้น-กลับพื้นเป็นคาน เพื่อใช้พื้นที่ความต่างด้านล่างที่มีความสูง 60 เซนติเมตรเพื่อใช้ประโยชน์ในการเก็บของ ปรับเปลี่ยนฟังก์ชั่น การบริหารจัดการ Death Space และสามารถทำให้ผู้อยู่อาศัยมีพื้นที่ใช้สอยเพิ่มขึ้นถึง 25-40 % นอกจากนั้นยังมีโครงการแนวราบ เช่น ทาวน์โฮม บ้านเดี่ยว ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการออกแบบเพื่อสร้างโมเดลตัวอย่าง คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในปีนี้ และยังรวมถึงคอมมูนิตี้ มอลล์ และ อาคารออฟฟิศ ต่างๆ ที่ต้องการพื้นที่ใช้สอยที่เพิ่มขึ้นเช่นกัน ส่วนการรุกตลาดต่างประเทศ ขณะนี้ประเทศที่สนใจระบบรูเนะสุและอยู่ระหว่างการเจรจา คือ ฮ่องกง และ สิงคโปร์   สำหรับชินวะ กรุ๊ป ได้เข้ามาจอยท์ เวนเจอร์กับกลุ่มทุนไทยเพื่อดำเนินงานคอนโดมิเนียมมาแล้ว 2 โครงการ คือ รูเนะสุ ทองหล่อ 5 คอนโดมิเนียมโลวไรส์ 8 ชั้น 1 อาคาร จำนวน 156 ยูนิต โดยเป็นระบบรูเนะสุ 2 ชั้น มูลค่าโครงการกว่า 1,200 ล้านบาท ปิดการขายแล้วขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จราวไตรมาส 2 ปี 62 สำหรับโครงการเร็น สุขุมวิท 39 (ซอยพร้อมมิตร) เป็นอาคารสูง 7 ชั้น 2 อาคาร จำนวนรวม 298 ยูนิต มูลค่าโครงการประมาณ 2,600 ล้านบาท โดยเป็นระบบรูเนะสุทุกยูนิต เพิ่งเปิดตัวโครงการไปเมื่อเร็วๆนี้ และจะเปิดขายอย่างเป็นทางการประมาณไตรมาส 3 ของปีนี้
บุญถาวรนำร่อง ‘Solar Roof’ พลังงานทดแทน  ช่วยธุรกิจลดต้นทุน คืนทุนใน 7 ปี

บุญถาวรนำร่อง ‘Solar Roof’ พลังงานทดแทน ช่วยธุรกิจลดต้นทุน คืนทุนใน 7 ปี

บริษัท บุญถาวรเซรามิค จำกัด ได้เล็งเห็นถึงความสำคัญของการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ลดการใช้เชื้อเพลิงอย่างก๊าซธรรมชาติในการผลิตพลังงานไฟฟ้า สืบเนื่องจากปัจจัยการขยายตัวเชิงเศรษฐกิจของไทยที่ขยายตัวจากเมืองหลวงอย่างกรุงเทพฯ กระจายตัวออกไปยังหัวเมืองใหญ่ในแต่ละจังหวัดและภูมิภาคต่างๆ ภายในประเทศฯ เป็นผลให้ความต้องการพลังงานของประเทศไทยนั้นปรับตัวเพิ่มขึ้น ซึ่งในช่วง 3 เดือนแรกของ   ปี 2561 ที่ผ่านมาประเทศไทยมีอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้าสูงถึง 44,598  กิกะวัตต์ คิดเป็น 0.9% เพิ่มขึ้นจากระยะเวลาเดียวกันของปีก่อน1 ถือเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทำให้ภาวะวิกฤตการณ์ขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า มีสภาวะรุนแรงยิ่งขึ้น สืบเนื่องมาจากก๊าซธรรมชาติในอ่าวไทยมีทีท่าว่าจะหมดลงในอีก 4 – 5 ปีข้างหน้า ซึ่งถือเป็นเชื้อเพลิงหลักในการใช้ผลิตไฟฟ้าของไทยถึง 70% ในการผลิตไฟฟ้า และหากก๊าซธรรมชาติหมดลงจะส่งผลตรงไปยังภาคเศรษฐกิจที่จะต้องทำการนำเข้าก๊าซธรรมชาติจากประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้อัตราค่าการผลิตไฟฟ้าและราคาค่าไฟจะปรับตัวสูงขึ้นและมีที่ท่าว่าจะยังคงทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการแก้ไขในระยะยาว จึงเป็นที่มาของ บุญถาวร ได้ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ อย่าง ‘โซลาร์รูฟ’ (Solar Roof) มาติดตั้งตามสาขาต่างๆ โดยมี บริษัท โซลาร์ตรอน จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ดูแลการติดตั้ง   การทำงานของ โซลาร์รูฟ (Solar Roof)  โซลาร์รูฟ (Solar Roof) ทำงานผ่านแผงโซลาร์เซลล์ที่ผลิตจากวัสดุสารกึ่งตัวนำที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับชิพคอมพิวเตอร์ในการเป็นตัวรับแสงอาทิตย์เข้ามาเปลี่ยนเป็นไฟฟ้ากระแสตรง ก่อนที่จะส่งไปยังเครื่องแปลงไฟ (Inverter) เพื่อเริ่มกระบวนการเปลี่ยนไฟฟ้ากระแสงตรง (DC Current) ไปเป็นไฟฟ้ากระแสสลับ (AC Current) ในการดึงพลังงานไฟฟ้าไปใช้ต่อภายในครัวเรือนหรืออุตสาหกรรม ซึ่ง โซลาร์รูฟ สามารถติดตั้งได้กับหลังคาทุกประเภท อีกทั้งยังสามารถช่วยลดค่าใช้จ่ายในการจ่ายค่าไฟ สำหรับผู้ประกอบการขนาดกลาง ตัวอย่างเช่น บุญถาวร สาขาเกษตร-นวมินทร์ ติดตั้งขนาด 837 กิโลวัตต์ สามารถลดค่าใช้จ่ายโดยเฉลี่ย 20 – 25 % คิดเป็น 400,000 - 450,000 บาทต่อเดือน เมื่อเปรียบเทียบกับการใช้ไฟฟ้าแบบปกติ หรือเมื่อเปรียบเทียบ หากนำพลังงานที่ได้จากระบบ Solar Rooftop นี้ ไปใช้กับครัวเรือนบ้านพักอาศัยขนาดกลางโดยทั่วไป  ที่ใช้ไฟฟ้าเฉลี่ยประมาณ 1,000 หน่วยต่อเดือน  สามารถใช้ได้ถึง 100 ครัวเรือน  คิดเป็นการประหยัดค่าไฟฟ้า 4,000 – 5,000 บาทต่อเดือนต่อครัวเรือน   โดยทาง บุญถาวร ได้ติดตั้ง โซลาร์รูฟ (Solar Roof) ทั้งสิ้นกว่า 11 สาขาทั่วประเทศ รวมขนาดประมาณ 7,226 กิโลวัตต์ สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายค่าไฟฟ้า มากกว่า 836,000 หน่วยต่อเดือน ประหยัดค่าใช้จ่าย ประมาณ 3,764,000 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีแผนติดตั้ง โซลาร์รูฟ (Solar Roof) สำหรับโครงการต่างๆของบุญถาวรที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ยังช่วยในการบริหารจัดการลดค่าใช้จ่าย ค่าความต้องการพลังไฟฟ้า (kVA: Demand Charge) จากการเป็นผู้ใช้ไฟฟ้าประเภท TOU Meter (Time of Use Rate หรือ อัตราค่าไฟฟ้าตามช่วงเวลาใช้) เป็นต้น ซึ่งจากการทดลองใช้งานดังกล่าวทำให้เห็นการทำงานของโซลาร์รูฟที่ช่วยในการประหยัดพลังงานและค่าใช้จ่ายในระยะยาวได้   ประโยชน์ของ โซลาร์รูฟ (Solar Roof) สำหรับผู้ประกอบการธุรกิจและอุตสาหกรรมแล้ว การติดตั้งโซลาร์รูฟ (Solar Roof) นั้นสามารถช่วยลดต้นทุนค่าไฟฟ้าได้ในระยะยาวเนื่องจากสามารถผลิตไฟฟ้าใช้งานเองได้ในเวลากลางวัน ด้วยการลงทุนเพียงครั้งเดียว มีอายุการใช้งานที่ยาวนานสูงกว่า 25 ปี ประกอบกับค่าบำรุงรักษาที่ย่อมเยา และระยะเวลาในการคืนทุนที่ชัดเจนภายใน 7 ปี ติดตามรายละเอียดต่างๆได้ที่บุญถาวรทุกสาขา หรือติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.boonthavorn.com เฟซบุ๊ค https://www.facebook.com/boonthavorn/ หรือไลน์ Official Account บุญถาวร  
เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ยกระดับบริการลูกค้าผ่าน “Major Development Contact Center”

เมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ยกระดับบริการลูกค้าผ่าน “Major Development Contact Center”

สร้างสรรค์ประสบการณ์ใหม่ให้ลูกค้าอย่างต่อเนื่อง สำหรับค่ายเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ นำโดยบอสใหญ่ คุณเพชรลดา พูลวรลักษณ์ กรรมการบริหาร ล่าสุดสั่งทีมงานลุยกลยุทธ์ Customer Centric ยกระดับการให้บริการลูกค้าเทียบเท่ามาตรฐานสากล เปิดตัว “Major Development Contact Center” ศูนย์กลางการให้บริการลูกค้าแบบครบวงจร รองรับบริการแบบ One Stop Service ผ่านหมายเลขโทรศัพท์ 02-116-1111 เบอร์เดียวตอบสนองทุกความต้องการให้ข้อมูลและให้คำปรึกษานำเสนอโซลูชั่นที่ดีที่สุด พร้อมแล้วที่จะดูแลและมอบที่สุดแห่งความประทับใจ ตั้งแต่วันนี้ ทุกวันเวลา 8.00-20.00 น. งานนี้บอสใหญ่แอบกระซิบว่าครึ่งปีหลังนี้จะมีบริการและสิทธิพิเศษใหม่ๆ มาให้ลูกค้าเมเจอร์ ดีเวลลอปเม้นท์ได้เซอร์ไพรส์กันอยู่เรื่อยๆ แน่นอน อดใจรออีกนิดนะคะ…

1 ... 64 65 66 ... 105